PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : หลอนมรณะ



nongtee852
20th July 2011, 18:38
เมื่อเด็กชายเดินออกไปจากห้อง หมอจึงเอ่ยกับแม่ของเด็กว่า “มันเป็นไปตามช่วงอายุของเด็ก” หมอพยายามอธิบายให้แม่เด็กเข้าใจ เหตุที่ทำไมลูกของหล่อนถึงต้องกลัวความมืด หมอขยายความต่อไปว่า “คืออย่างนี้นะครับ เด็กช่วงอายุหกขวบจะมีสามอย่างที่เด็กกลัว หนึ่งสัตว์ที่เขาไม่เคยเห็น สองจิตนาการของเด็กเอง และสามคือความมืด แต่คุณไม่ต้องกังวลสิ่งเหล่านี้จะหายไปเมื่อเด็กอายุสิบขวบ” “แล้วจะมีผลเสียอะไรกับเขาหรือเปล่าคะคุณหมอ” หล่อนเป็นห่วงลูกที่กลัวความมืดอย่างไม่มีเหตุผล บางครั้งเด็กน้อยถึงกับร้องไห้อย่างหวาดผวาหากวันใดฝนตกฟ้าร้องจนไฟดับอย่าง กะทันหัน “ผมทดสอบไอคิวและอีคิวของเด็กแล้ว อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหา” หมออธิบาย และแนะนำอะไรบางอย่างกับหล่อนจนเข้าใจ หลังจากลาหมอแล้ว หลอนจึงขับรถออกจากโรงพยาบาล ตั้งใจจะพาลูกไปที่สวนสัตว์ตามคำแนะนำของหมอ เพื่อให้เด็กน้อยเห็นสัตว์ต่างๆอย่างใกล้ชิดและพยามยามอธิบายให้เด็กเข้าใจ ว่าสัตว์ต่างๆไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เด็กคิด หลังจากนั้นหล่อนก็พาลูกไปซื้อตุ๊กตาที่ห้างสรรพสินค้า หมอแนะนำหล่อนว่า ตุ๊กตาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเด็ก ดังนั้นในห้องของลูกหล่อนจึงมีตุ๊กตารูปร่างต่างๆเต็มไปหมด เมื่อถึงบ้านหล่อนจึงรู้ว่าสามีได้ไปเข้าเวรที่ค่ายทหารเรียบร้อยแล้ว ค่ำนั้นฝนตกลงมาอย่าง

หนักและโปรยปรายเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพร้อมกับ เสียงฟ้าร้องดังอยู่ไม่ขาดระยะ เด็กน้อยนั่งดูทีวีในห้องนอนของตนเอง ปะตูเปิดอ้าออก เด็กน้อยเห็นแม่เดินถือแก้วน้ำเข้ามา จึงรู้ว่าถึงเวลานอนแล้ว แต่ก็ต่อรองกับแม่ไปว่า “แม่ฮะหนูยังไม่ง่วง ให้หนูดูต่ออีกหน่อยได้ไหมฮะ” “ถึงเวลาที่ลูกต้องนอนแล้วนะคนดี” “นั่งคุยกับหนูก่อนนะฮะแม่” “แม่จะคุยกับลูกตอนเช้าก่อนลูกไปโรงเรียน” “แม่นอนกับหนูซักคืนนะฮะ หนูกลัวเสียงฟ้า” “ลูกโตแล้วนะคนดี ลูกต้องนอนคนเดียวในห้องของตัวเอง” “แม้แต่คืนที่มีฝนตกฟ้าร้องหรือฮะ” “ใช่แล้วจ้ะ” หล่อนวางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะข้างเตียง พอให้เด็กน้อยเอื้อมมือถึง หากเขารู้สึกตัวขึ้นกลางดึกแล้วกระหายน้ำซึ่งเด็กทั่วไปมักเป็นอย่างนี้เสมอ ขณะเดียวกันหล่อนมองดูเด็กน้อยหยิบไฟฉายที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเลื่อนนิ้วเปิด สวิทซ์ หลอนเห็นสีหน้าของเด็กน้อยดีขึ้นเมื่อไฟฉายติดสว่าง แล้วเขาก็เลื่อนนิ้วปิดวางเคียงกับแก้วน้ำ หลอนดึงผ้าห่มขึ้นคลุมถึงระดับหน้าอกของเด็กน้อยเมื่อเห็นเขานอนเรียบร้อย จากนั้นเดินไปปิดทีวีที่ปลายเตียงแล้วเอื้อมมือกดปิดสวิทซ์ไฟ เด็กน้อยมองดูมารดาที่กำลังเดินออกจากห้องจึงเรียกขึ้น “แม่ฮะ” หล่อนหันหลัง มองเด็กน้อยชี้นิ้วลงไปที่ใต้เตียง “อ๋อแม่ลืมไป” หล่อนว่า แล้วเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง ก้มลงมองที่ใต้เตียงซึ่งมีตุ๊กตาเต็มไปหมด หลอนเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเด็กน้อย “เพื่อนของหนูนอนอยู่ แล้วก็หลับกันหมดแล้ว ทีนี้หนูก็หลับตาได้แล้วนะคนดี” “ฮะแม่” เด็กน้อยชำเลืองมองมารดาที่เดินออกไปจากห้อง แล้วปะตูก็งับลงเหลืออ้าไว้ราวหนึ่งคืบ แสงสว่าง จากหลอดไฟด้านนอกห้องส่องเข้ามาตามช่องนั้น พอให้เด็กน้อยรู้สึกอุ่นใจ อย่างน้อยในห้องก็ไม่ได้มืดสนิทจนเกินไป เด็กน้อยนอนฟังเสียงฟ้าร้องที่ครางเบาๆบนฟากฟ้า มันจะดังขึ้นทุกครั้งหลังจากฟ้าแลบผ่านไปสักพัก เสียงฟ้าร้องคงเดินทางมาจากดินแดนที่อยู่ห่างไกลออกไป เหมือนกับนิทานที่ครูเล่าให้ฟัง แต่แม่เคยเล่าให้เขาฟังว่าฟ้าร้องเพราะนางฟ้าที่ชื่อเมขลากำลังจะเล่นละคร ให้เด็กๆดู แล้วแม่ก็บอกว่าเมขลาเป็นนางฟ้าใจดีชอบส่องแสงไฟแอบดูเด็กที่กำลังนอนหลับบน เตียงของตนเอง แม่มักจะหาเรื่องเพื่อให้เขานอนในห้องได้เสมอ หากคืนนี้ฝนไม่ตกฟ้าไม่ร้องเขาคงจะได้ยินเสียงทีวีเปิดอยู่ที่ห้องข้างล่าง แม่จะทำงานต่อไปจนดึกหลังจากที่ให้เขานอนก่อนสองทุ่ม เด็กน้อยคิดไปเรื่อยเปื่อย สายตายังคงทอดจับที่แสงสว่างซึ่งลอดช่องปะตูเข้ามา เหมือนกับจะเข้าสู่การหลับใหลไปพร้อมกับแสงสว่างนั้น แล้วหนังตาของเด็กน้อยก็ค่อยๆปิดลง ขณะที่กำลังเคลิ้มหลับอยู่นั้น เด็กน้อยรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในห้อง พร้อมกันนั้นมีเสียงดังเหมือนของหล่นลงพื้นที่มุมหนึ่งด้านปลายเตียง เด็กน้อยลืมตาแล้วลุกนั่งบนเตียงทันที เขาเห็นปะตูปิดตัวเองลงช้าๆ แล้วในห้องก็มืดสนิท “แม่ฮะ แม่อยู่นั่นใช่ไหมฮะ” เด็กน้อยร้องไปที่ปะตู แทนเสียงตอบคือเสียงครูดคราดดังมาจากบานหน้าต่างซึ่งปิดสนิท เหมือนมีคนอยู่ด้านนอกแล้วกำลังงัดแงะหน้าต่างเข้ามาด้านใน พลันนั้นเรื่องสยองขวัญก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเด็กน้อย เขาเคยได้ยินเด็กตัวโตๆที่โรงเรียนเล่าว่า เวลาฟ้าร้องจะมีผีอสูรเที่ยวจับเด็กที่อยู่คนเดียวไปฆ่าเสีย เพราะผีอสูรโกรธแค้นที่นางฟ้าเมฆลารักเด็กมากกว่าตนเอง เด็กน้อยไม่เคยเห็นผีอสูรแต่ก็นึกกลัวทุกครั้งที่ฝนตกฟ้าร้องอย่างเช่นคืน นี้ เด็กน้อยอยากวิ่งออกปะตูไปหาแม่ซึ่งคงกำลังดูทีวีอยู่ข้างล่าง ทันใดนั้นช่วงสั้นๆของฟ้าแลบ เด็กน้อยเหมือนเห็นอะไรบางอย่างขวางอยู่ที่ปะตู มันเหมือนแมงมุมตัวใหญ่เท่ากับตัวของเขาเอง และทุกครั้งที่ฟ้าแลบมันจะขยับตัวเข้ามาใกล้เขาทุกครา แล้วฟ้าก็ร้องลั่นขึ้นอย่างแรง เด็กน้อยร้องเสียงหลงเรียกแม่ พร้อมกับฉกมือคว้าไฟฉายที่โต๊ะข้างเตียง มันกระแทกแก้วน้ำจนร่วงแตกที่พื้น เด็กน้อยยกผ้าห่มคลุมโปร่ง แล้วใช้นิ้วเลื่อนเปิดสวิทซ์ไฟฉาย พยายามขดตัวเองอยู่ภายใต้ผ้าห่ม เด็กน้อยภาวนาให้แม่ได้ยินเสียงแก้วแตกเมื่อครู่นี้ แต่เสียงฟ้าลั่นคงดังกลบเสียงแก้วน้ำไปแล้ว เด็กน้อยนึกปลอบใจตนเองว่าน้ำอาจไหลลอดลงตามช่องพื้นไม้กระดาน แล้วหยดลงไปถูกแม่ที่ด้านล่างซึ่งเป็นห้องนอนของแม่ ทว่าหากแม่อยู่หน้าจอทีวีซึ่งตั้งอยู่ที่ห้องโถงด้านนอกคงไม่เห็นหยดน้ำและ คงไม่รู้ว่าขณะนี้มีสัตว์ประหลาดกำลังจ้องทำร้ายเขาอยู่ เพียงแต่ไฟฉายดับลงมันก็จะขย้ำเขาทันที เขาเคยบอกแม่หลายครั้งแล้วว่า มีสัตว์ประหลาดซ่อนตัวอยู่ในความมืด และคอยจะทำร้ายเขาทุกครั้งที่อยู่คนเดียวในความมืด แม่หาว่าเขาเพ้อเจ้อเป็นโรคกลัวความมืดจึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล เขาเล่าเรื่องทุกอย่างให้หมอฟังเหมือนกับเล่าให้แม่ฟัง แต่หมอก็เพียงจับปากกาจดอะไรไม่รู้ลงในกระดาษ แม่พาเขาไปหาหมอทุกครั้งก็เป็นอย่างนี้ทุกที เด็กน้อยอยากให้หมอกับแม่มาเห็นตอนนี้ จะได้เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง เด็กน้อยต้องรักษาแสงสว่างจากไฟฉายติดอยู่ให้ได้นานที่สุด เพราะเขาคนเดียวที่รู้ดีว่าสัตว์ประหลาดจะจู่โจมทันทีหากไม่มีแสงไฟ เด็กน้อยร้องเรียกแม่อยู่เป็นระยะ แต่เสียงคงเล็ดลอดออกจากห้องไปไม่ได้ อีกทั้งเม็ดฝนกระทบหลังคาคงดังกลบเสียงของเด็กน้อยหมดสิ้น แล้วสิ่งที่เด็กน้อยกลัวมากที่สุดก็เกิดขึ้น แสงไฟฉายค่อยๆหรี่แล้วดับสนิท เด็กน้อยพยายามกระแทกกระบอกไฟฉายกับฝ่ามือ มันเหมือนจะติดสว่างอีกครั้งแต่ก็วูบดับลงไปอีก แล้วไฟฉายก็ไม่ติดอีกเลยแม้เด็กน้อยจะกระแทกจนเจ็บร้าวที่ฝ่ามือ พลันนั้นเด็กน้อยรู้สึกเหมือนมีใครกำลังดึงผ้าห่มออกช้าๆ เด็กน้อยหลับตาตัวแข็งทื่อ คิดไปว่าอีกไม่นานเขาคงต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่ตามหลอกหลอนเขาทุก ครั้งที่อยู่ในความมืด แล้วผ้าห่มที่คลุมโปร่งอยู่ก็เผยออกจนหมด เด็กน้อยรู้สึกมีบางอย่างอยู่ต้องหน้าห่างเขาไม่ถึงคืบ จึงค่อยๆลืมตาขึ้น ก่อนจะกรีดเสียงร้องออกมาสุดชีวิต ช่วงสติสุดท้ายของเด็กน้อยรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ถูกกระชากลงจากเตียงกระทบ พื้นห้องอย่างแรง สัตว์ประหลาดดึงร่างของเขาเข้าไปใต้เตียงแล้วภายในห้องก็เงียบสนิท และดูเหมือนฝนจะขาดเม็ดทันทีที่เหตุการณ์เลวร้ายผ่านพ้นไป ตอนเช้าพ่อของเด็กน้อยกลับมาจากค่ายทหาร เป็นเวลาเดียวกันกับแม่กำลังเคาะ ปะตูปลุกเด็กน้อยให้เตรียมตัวไปโรงเรียน หล่อนจำได้ว่าเมื่อคืนปะตูไม่ได้ปิดล็อด หล่อนยืนอยู่ตรงนั้นและเคาะปะตูตั้งนานแต่ไม่มีทีท่าว่าจะได้ยินเสียงตอบจาก ลูกชาย เมื่อเห็นผิดปกติจึงเรียกสามี แล้วทั้งสองตกลงกระแทกปะตูเข้าไป เมื่อปะตูอ้าออก ทั้งสองเห็นเศษสิ่งของกระจัดกระจายทั่วห้อง บนเตียงมีไฟฉายวางอยู่ แต่ไม่เห็นเด็กน้อยนอนบนนั้น

เครดิต คุณสุชาติ


http://upic.me/i/33/thank.jpgกดขอบคุณกันซักนิดจะได้มีกำลังใจให้ผมเอาสิ่งดีๆมาแบ่งปัญต่อไปครับ

pommagebtang
20th July 2011, 19:00
แต่งขึ้นหรือเรื่องจริงเนี่ย

B_Kikujiro
20th July 2011, 19:06
น่าจะให้ mod ตั้งกระทู้เรื่องผีไปเลย เรื่องหลอนเยอะจริงๆวันนี้ :sweat

nongtee852
20th July 2011, 19:13
ผมมาอ่านยังกลัวเลย - -ไม่น่าเอามาลงเลยกลัวเองเลย

noztalgixs
20th July 2011, 19:15
จริงๆ น่าจะเอาไปลงบอร์ด Poem มากกว่านะ -.-

duchyzaza
20th July 2011, 19:17
เห้ยทำไม วันนี้มันมีเเต่เรื่องหลอนๆเนี่ย - -

PLAT
20th July 2011, 19:23
น่าจะให้ mod ตั้งกระทู้เรื่องผีไปเลย เรื่องหลอนเยอะจริงๆวันนี้

เห็นด้วยเลยครับ 555

golfzaar
20th July 2011, 19:29
มีต่อมั้ยคับ สนุกดี มันเป็นปริศนาอะ อยาดรู้ว่าต่อไปเป็นไง

rolonoa
20th July 2011, 19:36
ทำไม่ไม่ทำเป็นหนังไปเลยเนี้ย

BoRing
20th July 2011, 19:38
มีตอนต่อไปมั้ยหนอเนี่ย
ยังกับหนังสักเรืองแน่ะ