PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : [Guide] การเลือกซื้อกีตาร์อย่างคุ้มค่า



sentinel12
20th July 2011, 22:53
เนื่องจากเริ่มมีการตั้งกระทู้เกี่ยวกับการซื้อกีตาร์ขึ้นมาเยอะขึ้นอีกครั้ง

ผมจึงนำข้อมูลมารวบรวมไว้ให้ท่านที่สนใจจะเล่นกีตาร์ไฟฟ้า ทุกท่าน

ผมจะหาข้อมูลมาแนะนำให้ ตั้งแต่ กีตาร์ จนถึง Effect ครับ และหากผู้ใช้งานท่านไหนมีข้อมูลแนะนำก็ ขอให้นำมาแชร์กันด้วยนะครับ ^_^

สำหรับราคา Amp นั้น ผมจะมีแนะนำ ในช่วง 3,000-10,000 เท่านั้นนะครับ เนืองจากใช้เพียงซ้อมเท่านั้นไม่ต้องเอาหรูมากมาย

งบประมาณ 3000 - 5000 รุ่น ซ้อมบ้าน หรือ ห้องเล็กๆ



Marshall รุ่น MG 10
http://www.bngmusicthailand.com/images/1141177217/MARSHALL%20MG-10%20CD.jpg (http://www.youtube.com/watch?v=SyyPz_1_rFI)

แอมป์ตัวเล็กๆ เหมาะสำหรับห้องเล็กๆ เสียงคลีนโอเค เสียงแตกอ่อนๆ ก็กำลังดี แต่ไม่เหมาะสำหรับ Heavy เพราะ เสียงนั้นจะบวม

Fender รุ่น Mustang , Frontman

Mustang

http://ecx.images-amazon.com/images/I/61rGz6aU7EL._SL500_AA300_.jpg

เป็นแอมป์ตัวเล็กๆ ที่คุ้ม ราคามาก เพราะนอกจาก เสียงจะใส และฟังดูีดีแล้ว ยังมี Effect ในตัวอีกด้วย

Frontman
http://static.weloveshopping.com/shop/ctmusicshop/110301.jpg

10G ตัวนี้ เป็นแอมป์เล็ก เหมาะสำหรับ ซ้อมในห้องส่วนตัว หรือ สำหรับ คนที่อยู่หอ

http://static.weloveshopping.com/shop/ctmusicshop/110302.jpg

15G ตัวนี้สำหรับ ผู้ที่อยู่ในห้องส่วนตัว และต้องการ สะดวกในการปรับ เสียง เพราะมีการแยก Volume ออกจาก Gain ในภาคของเสียงแตก

http://static.weloveshopping.com/shop/ctmusicshop/110303.jpg

25R สำหรับตัวนี้ เหมาะสำหรับห้องที่ใหญ่ขึ้นมา และมีเสียงดังๆ สามารถนำไปใช้ เปิดหมวกได้ เล่นในที่ขนาดย่อมๆ ได้ และ มี Re-verb ในตัว

Kustom
รุ่น
KG112FX

http://static.weloveshopping.com/shop/ctmusicshop/110418.jpg

แอมป์ขนาดใหญ่แต่ ราคาถูก คุ้มค่าสมราคาทีเดียว

Vox Ampplug ใส่ถ่านพกพาง่าย ใส่หูฟัง แล้วเข้าสู่โลกส่วนตัว!! :heart

Classic Rock

http://www.voxshowroom.com/northcoast/images/products/vox_prods/Amplug%20Classic.jpg (http://www.youtube.com/watch?v=Z7eGoLn-sd4)
รุ่นนี้ปรับได้กว้างทีเดียว เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการเสียงแตก หนักๆ และหากลด Gain ลงจนเหลือ 1-2 แล้ว เพิ่ม Volume คุณจะได้เป็นเสียงคลีน ที่รุ่น Lead , Metal นั้นทำไม่ได้




งบประมาณ 6000 - 10,000 รุ่น เล่นซ็อมได้ และ พอออกงานได้


Marshall MG 30DFX

http://www.bngmusicthailand.com/images/1142662497/MARSHALL%20MG-30DFX.jpg

Vox VT40+

http://www.weloveshopping.com/shop/ctmusicshop/extra/5640074.jpg (http://www.youtube.com/watch?v=Efc1rqpZAkc&feature=related)

เป็น Amp Modulation ที่แจ่มโคตรๆ มี Effect ในตัว นับสิบตัว มี เสียงจำลอง amp ให้เลือก นับสิบตัว และเป็น Tube amp อีกด้วย!!!

Kustom

http://www.weloveshopping.com/shop/ctmusicshop/extra/4999587.jpg

แต่เสียดายไม่มีเสียงแตก เหมาะสำหรับคนที่ ชอบใช้ Effect มากกว่าแตกหน้าตู้

Line6

Spider IV 30

เป็น Modulation ที่มี Effect ในตัว แต่เสียงแตกนั้น โหดยิ่งนักเหมาะสำหรับ ชาวร้อค ชัดๆ!!

http://static.weloveshopping.com/shop/ctmusicshop/110506.jpg (http://www.youtube.com/watch?v=c_jVQ71iWLc&feature=player_embedded)




Guitar GRADE Price


ต่ำกว่า 12,000 รุ่นประหยัด

12,000-22,000 รุ่นมือใหม่ หรือผู้ที่เล่นพอเป็นแล้ว

22,000 - 45,000 รุ่นมืออาชีพ

45,000 - 130,000 รุ่นท้อป

130,000 ขึ้นไป รุ่นไฮเอนด์ รุ่นเอ็กครูซิฟ รุ่นพิเศษ ต่างๆ และ Custom made


สำหรับ กีตาร์นั้นผมจะแบ่งเกรด ไว้มากกว่าด้านบน ตามงบประมาณที่ มีคนขอคำแนะนำบ่อยๆ


เกรด พอเล่นได้ งบ 2000-5000


SQUIER by Fender รุ่นต่ำ (ตามงบ)

Junior by Clevan รุ่นปานกลาง

Baracuda

Suzuki

Spider

WestField




เกรด โอเค เล่นได้ 6000 - 10000



Squier by Fender รุ่น Top

Lavish

Clevan

Spear

Baracuda บางรุ่น

Epiphone รุ่น ต่ำ

Cort รุ่นต่ำ




เกรด เล่นได้ดีพอ ออกงานได้ 12,000 - 15,000




Squier รุ่น Top

Epiphone รุ่น กลาง

Cort รุ่นกลาง

Ibanez Series GIO

LTD





เกรด เล่นออกงาน ถึง ขั้นเล่นอาชีพ 20,000 - 30,000



Fender Japan

Gibson รุ่น Low

Schecter

Godin

Cort รุ่นสูง

Ibanez รุ่น กลาง (รุ่นทำขาย แต่ไม่ Presitage)

LTD รุ่น Top

LAG

Epiphone รุ่น Top

PRS Series SE

BC Rich รุ่น ต่ำ

Fender Highway 1 แนะนำโดยคุณ ingbabilon




รุ่น แบบ เล่น อาชีพ 40,000 - 100,000





Gibson รุ่น กลาง

Fender รุ่น American Standard , Deluxe

PRS CE

Ibanez Presitage, Premium บางรุ่น

Schecter รุ่น top (Bacchus) j custom

Framus

BC Rich

Music Man รุ่น ต่ำ

Rangka Guitar Custom made คนไทย อันนี้มีหลายคนทำแล้วพอใจกับงานที่ได้เลยนำมาแปะด้วย





ระดับ High end 100,000 ขึ้นไป



Gibson

Fender

PRS

Framus

Music man

BC Rich

และ พวก กีตาร์ Custom อื่นๆ



ชนิดของไม้


ชนิดของไม้ก็เป็นตัวแปรหนึ่งในเรื่องของเสียงที่ดีในกีตาร์ของเรา

สำหรับชนิดของไม้ที่นิยมใช้นั้นจะมี อยู่ดังนี้

1. Mahogany เสียงจะเน้น ไปที่ย่าน เบสซะส่วนมาก ทำให้เสียงที่ได้จะดูอ้วนๆ หนาๆ ฟังดู อบอุ่น
2. Alder เสียงจะเน้นย่านแหลม และกลาง เป็นส่วนใหญ่
3. Ash เสียงที่ได้จะสว่างใส เน้น ย่าน แหลม ส่วนมาก มีลายไม้ที่สวย
4. Basswood เสีัยงที่ได้จะเน้น ย่านกลาง และ แหลมเล็กน้อย
5. Koa เสียงจะเหมือนกับ Mahogany แต่จะได้เสียงที่ ดูสดใสกว่า
6. Maple เสียงที่ได้จะ สดใส ได้โทนแหลม มา แต่ จะเป็นไม้ที่หนัก จึงไม่นิยมทำ Body ทั้งตัว
ส่วนมากจะใช้เป้นวิธีการแปะ Top บนไม้อื่นๆ เพื่อให้ลวดลายสวยงาม และยังให้เสียงที่ อยู่ในโทน แหลมและสดใส ขึ้น

รูปทรง


กีตาร์นั้นมีรูปแบบหลายรูปทรงต่างกัน ซึ่ง ก็เป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้เสียงกีตาร์ของเรานั้น เปลี่ยนไปด้วย

โดยหลักๆ แล้ว กีตาร์ไฟฟ้าจะมี 3 ประเุภท คือ

1.ลำตัวตัน (Solid Body)

2.แบบกึ่งตัน (Semi Hollow)

3.แบบลำตัวกลวง (Hollow Body)

ซึ่งแน่นอน ทั้งสาม ประเภท ให้เสียงที่ต่างกัน แน่นอน!!




1.Guitar Solid Body เป็นกีตาร์ที่มีลักษณะ เป็น ไม้ตัน ทำให้ได้เสียงที่ เต็มเสียงกว่าอีกสองประเภท และเหมาะสำหรับการเล่น เสียงแตก หนักๆ มาก เพราะจะทำให้ไม่มีสัญญาณ หวีดหอนกลับมา

2.Guitar Semi Hollow เป็นกีตาร์ที่ มีลักษณะ เป็นไม้ตัน ตรงกลาง และีมี ลำตัว กลวง ที่สองข้าง หรือ ข้างเดียว แล้วแต่รุ่นของกีตาร์ จะมี Sound Hole (f Hole)เหมาะสำหรับ เล่นเสียง แตก อ่อนๆ แบบ ร้อคเก่าๆ หรือ modern Rock ที่ไม่ได้ใช้เสียงแตกก็หวือหวา เนื่องจาก ถ้ายิ่งเปิด Gain มากเท่าไหร่ เสียงหวีดหอนก็จะตามมา มากกว่าลำตัวตัน "แต่" มือกีตาร์บางคนทำให้มันเป็น สเน่ห์ เฉพาะตัวขึ้นมา โดย กีตาร์แบบนี้ นอกจาก Rock แบบ อ่อนๆ แล้วนั้น ยัง รวมไปถึงชาว Jazz และ Blue อีกจำนวนมาก

3.Guitar Hollow Body กีตาร์ชนิดนี้จะมี Soundbox ต่างจาก พวกลำตัวตัน แต่ถึงจะขึ้นชื่อว่า กีตาร์ ลำตัวกลวง แต่ก็ไม่ได้กลวง 100% ดั่งชื่อหรอก มันก็จะมี คานไม้เสริมความแข็งแรงในตัวมันเองเช่นกัน!! และ คานไม้เหล่านั้น ก็ยังช่วม สร้าง Sustain ให้ค้างนานยิ่งขึ้นอีก!!

นอกจากประเภทของกีตาร์แล้วนั้น รูปทรง ก็แยกออกมาอีกหลายประเภทใหญ่จนแทบจะเอามานำเสนอ ทั้งหมดไม่ได้

เราจึงนำทรง ที่ฮิตๆ และดังๆ นำมาโชว์กันดังนี้


Solid body


1.Les paul
http://cdn.inquisitr.com/wp-content/les-paul.jpg

ถ้าพูดถึง กีตาร์ที่ให้เสียงที่ หนา และอ้วน เหมาะสำหรับชาว ร้อค แล้วนั้น จะต้องมีคนพูดเอ่ยชื่อ Les paul ขึ้นมาอย่างแน่นอน!!
ด้วยเอกลักษณ์ เสียงที่หนาอ้วน จาก Body Mahogany ทั้งลำตัว และ คอ ผสมกับ ความทึบ และหนาของ Fingerboard Rosewood อีกทั้งยังมี
การปะหน้าด้วยไม้ maple Pickup แบบ Humbucker สองตัว จากทาง Gibson ช่างเป็นส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับกีตาร์ชาวร้อคตัวนี้
จนมีการนำมา Copy เรียนแบบกัน อย่างกว้างขวาง
และศิลปิน ชาวร้อค ที่คู่กับ Les paul ตัวนี้ นั้นถ้าใก้กล่าวก็คงจะขาดชายคนนี้ไปไม่ได้

http://www.musicreview.co.za/wp-content/uploads/2010/02/slash.jpg

"Slash" Saul Hudson อดีตมือกีตาร์ วง Gun n rose และ Velvet Revolver

แต่เนื่องจาก Body ที่เป็นไม้ตันทั้งตัวจาก Mahogany นั้น ทำให้ Guitar ทรงนี้นั้น "หนัก" อย่างมาก
ในภายหลัง Gibson ได้ มีการเจาะ Body กีตาร์ หรือเรียกว่า "Weight-relieved" แต่ผลรับคือ เสียงที่ แห้ง และไม่ได้ความหนา ตาม สไตล์ Les paul จึงต้องมีการ ปรับปรุงกันด้าน pcik up และ ราคา เสียเล็กน้อย


2.Stratocaster
http://images.wikia.com/squeakypedia/images/1/18/Strat.jpg
ถ้าพูดถึงกีตาร์ Double Cutaway ตัวแรกของโลก!!
คงไม่มีใครไม่รู้จัก Fender อย่างแน่นอน
เจ้า Stratocasterถูกคิดค้นโดย Leo Fender เพื่อแข่งกับ Gibson โดย Strat ได้กลายเป็นทรงยอดฮิต ในคนทุกเพศทุกวัย ด้วยทรงที่ดูทันสมัย และ เสียงที่หวาน ใส จาก Body Ash , Alder อีกทั้งจาก Pickup Single Coil อีกทั้งระบบ คันโยก ที่ดูทันสมัยที่สุดในสมัยนั้น

จึงเป็นส่วนผสมที่เหมาะสำหรับชาว Pop Rock อย่างมาก!! ทรง Strat ได้ถูกพัฒนาต่อยอด ในกีตาร์หลายๆ ยี่ห้อ เช่น ibanez S series ,Framus เป็นต้น

ด้วยเอกลักษณ์ของตัวมัน ศิลปิน นับร้อย ทั้ง บลู แจ้ส ร้อค และขาปั่นบางคนจึง ทุ่มทุกอย่างเอาไว้กับมัน
เช่น Eric Clapton กับ สำเนียงบลูส์ อันเป็นตำนาน
Jimmi Hendrix กับกีตาร์หัวกลับอันเลื่องชื่อ
John mayer กับสำเนียง ฟิวชั่น ที่น่าหลงไหล รวมไปถึง
ํYngwie malmsteen ขาปั่นเจ้าของตำนานอันน่าเหลือเชื่อ!!

แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดการคิดค้นของ Fender หรอก!! เพื่อความหลากหลาย Fender ได้เริ่มนำ Humbucking มาใส่บน กีตาร์ Stratocaster ที่ตัว Bridge ในหลายๆ รุ่นเพื่อดึงตลาด ชาวร้อคมาจาก ทาง Gibsonอีกด้วย!!



3.Broadcaster "Telecaster"
http://www.thaigoodview.com/files/u39898/fender_telecaster1.gif
เจ้ากีตาร์สำเนียงและเสียงแทวงแปลกๆ แบบ Country ลูกทุ่ง ที่เป็นเอกลักษณ์ จาก Pickup เฉพาะตัวของมัน จึงทำให้มือกีตาร์ Country หลายคน วางใจใช้มัน แต่ไม่ใ่ช่แค่นั้น ชาวร้อคหลายคนเล็งเห็นความเป็นเอกลักษณ์ของ Sound ของTelecaster แล้วจับมันมาใช้จนกลายเป็นตำนานหลายๆ คน แต่บางคนไม่ชื่อชอบใน ตัว Pickup ของมันนึก จึงพิเรนท์ "เจาะ" Body ของมัน เพื่อดัดแปลงมัน จนทำให้ Fender ได้รับการทำ Custom made จำนวนมาก เพื่อให้ได้ความพอใจของเหลาะ Endorser เหล่านั้นกลับมาตัวอย่างผู้ที่ใช้ Telecaster จนมีชื่อเสียง ก็มีอธิเช่น Jim Root แ่ห่ง Slipknot แม้กระทั่ง Taylor York จาก Paramore John5 จาก Rob Zombie (อดีต มือกีตาร์ของ Marilyn manson)


4.Les paul Double cut Solid Guitar ........ AKA : SG (Solid Guitar)
http://guitarsdeals.com/wp-content/uploads/2010/01/gibson-sg-standard.jpg
http://www.vintageandrareguitars.com/media/products/main_20670.jpg
กีตาร์ทรง ชาวร้อค ขนาดแท้ ด้วยเสียงแผดบาดหู กับบอดี้ที่บาง เบา จึงทำให้เจ้ากีตาร์ตัวนี้ ให้เสียงที่ ทะลวงใจชาวร้อคหลายคน

แต่รู้หรือไม่จริง ๆ แล้วมันคือ Les paul อย่าตกใจ คุณได้ยินถูกมันคือ Les paul !! ซึ่งพัฒนา โดย Gibson ซึ่งทำสัญญากับ Les paul อยู่ เขาได้นำเอาเจ้า SG ตัวนี้ ไปให้ Les paul ดู

แต่ Les paul เห็นแล้วก็เอ่ยปากบอกว่าไม่ชอบ และไม่ต้องการให้ เจ้าตัวนี้มีชื่อว่า Les paul ทาง Gibson เลยคิดว่า เจ้ากีตาร์นี่ มันคง แย่มากๆ เลยละมั้ง จึงตั้งชื่อ ง่ายๆ ว่า SG ซึ่งย่อมาจาก Solid Guitar

แล้วนำวางจำหน่าย lot แรก แต่กลับได้รับเสียงตอบรับ ดีจนน่าตกใจ!! จนต้องผลิตออกมาตั้งแต่นั้นมา คู่กับ Les paul พระเอกของ Gibson

ด้วยเอกลักษณ์ เสียงที่แผดแหลม + กับ 2 Humbucker จึงมีศิลปิน ที่เลือกใช้มันนับร้อยนับพัน เช่น Angus Young แห่ง AC/DC Daron malakian แห่ง System of a down Tony Iommi จาก Black Sabbath และใครจะไปคิดว่า Eric Clapton จะเคยใช้ SG เช่นกัน!

http://www.edroman.com/guitars/gibson/images/sg67.jpg
Eric Clapton & His Guitar :D

แต่ข้อเสียของเจ้า SG ที่ผู้เล่นนับร้อย ยื่นให้เป็นปัญหา โลกแตกก็คือ คอตก!

หรือก็คือ กีตาร์ของคุณ Body เบากว่า คอนั่นเอง จนคอกีตาร์นั้น หัวโหม่งทิ่มลงพื้นเวลา ที่คุณสภาพไม่ค่อยดี หรือไม่ได้จับกีตาร์เอาไว้

แต่ก็มีคน ไอเดียปิ้ง จับเอาเหล็กมาท่วงที่ปลาย กีตาร์ SG เพื่อรักษาสมดูลมันเอาไว้!! :)


5.PRS Double Cutaway
http://cdn.mos.musicradar.com/images/Product%20News/Guitar/sept10/prs-guitars/prs-mccarty-58-electric-460-100-460-70.jpg
เจ้ากีตาร์ตัวดี ที่นำเอาข้อดูของ Gibson และ Fender มารวมกันในตัวเดียว!!

โดยส่วนมาก PRS นั่นจะมี Bodyเป็น Mahogany Body ปะด้วย Maple top และมี 2 Humbucker เหมือน Gibson Les paul เดะๆ

อีกทั้ง รูปลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยว เหมือนเหยี่ยวบน ท้องฟ้า กับเสียงที่ดุดันเหมือนกงเล็บเหยี่ยวที่ พุ่งไปยังเป้าหมายดูเหมือนจะเป็นกีตาร์ที่ตอบสนองชาวร้อครุ่นใหม่ๆ ได้อย่างดี พร้อมทั้งคันโยกที่ปรับปรุงมาจากทาง Fender จนแก้อาการ สายเพี้ยนหลังการโยกได้และได้ความนิ่มของคืนตัวมาอีกด้วย

ศิลปินที่เลือกใช้มันได้แก่วง Story of the year , Bon jovi ,Linkin Park หรือ แม้กระทั่งมือกีตาร์อย่าง Dave Navarro ,Orianthi ,Paul Allender เป็นต้น!!

ที่กล่าวๆ มานั่นคือทรงกีตาร์ที่ได้รับความนิยมและรู้จักกันเป็นอย่างมาก แต่ยังไงซะ ก็ยังมีทรงอื่นๆ อีก เช่น Flying V ,Explorerและอื่นๆ อีกมากมายที่ยังไม่ได้นำเสนอ!!






การต่อคอ


สำหรับการต่อคอนั้น จะมี สามแบบคือ
1. Set- Neck คือการ ต่อคอเข้ากับ Body โดยอาศัย กาว ยึดติด ถาวร ทำให้ได้ Sustain (หางเสียง) ที่ดี

2. Bolt - On คือการต่อคอ โดย อาศัย น้อตยึด คอ และ body เข้าด้วยกัน ให้เสียงที่ชัดเจน แต่ sustain ไม่ดี ข้อดีคือ ถ้าคอ หัก สามารถ หาเปลี่ยนได้ง่ายกว่า Set neck

3.Neck thru Body คือ การต่อคอ ที่ทำให้ไม้ตรงคอนั้น ยาวไปถึง ท้ายของลำตัวกีตาร์ และ ใช้ไม้ สองชิน ประกบด้านข้าง จะได้ Sustain ที่ดีกว่า Set neck และนิ่งกว่า นอกจากนี้ ยังเล่น Fret ลึกๆ ได้ดี เพราะไม่มีรอยต่อ คอกับ body



Pickup!



Pick up นั้น ถือว่าเป็นหนึ่ง ตัวแปร ที่มีผลอย่างมากกับกีตาร์

โดยชนิดของ มันนั้น ถ้าแบ่ง ตามประเภท และนั้นแบ่งได้ 3 ประเภท หลักๆ ดังนี้

1.Humbucker ,Double coil เป็น Pick up ที่เหมาะสำหรับ ผู้ที่จะเล่น กีตาร์ แนว Rock - Heavy Metal เนื่องจาก คาแรคเตอร์ เสียงนั้น จะได้เสียงที่ อ้วน หนา แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถ เล่น แนว Blue และ Jazz ได้อย่างดี เพลง Pop ก็สามารถเล่นได้ (แต่เสียงนั้นจะดูอ้วนไปฟังดูไม่สบายหูแต่ก็แล้วแต่ผู้ใช้ด้วย)



ถ้าใส่เสียงแตกกับ Pick up ประเภทนี้จะได้เสียงที่ดุดัน ทีเดียว


และ Pickup Humbucking บางตัวก็ยังมี Option เสริมอีก คือ Coil tap หรือ ตัด เป็นsingle Coil โดยการทำงานของมันคือ ลดความแรงของ Pickup ลง จึงได้เสียงเป็น แบบ Single Coil พับได้บ่อย บนกีตาร์ ของ Cort

2.Single Coil เป็น pick up ยอดนิยม ของ Fender ได้เสียงที่ สว่าง ฟังดูสดใส Single Coil นั้นสามารถ เล่นได้กว้างมาก ตั้งแต่ Pop ยัน Rock ถ้าใส่ เสียงแตกแล้วนั้นจะได้เสียงที่ พุ่ง เหมาะสำหรับ Solo แต่ข้อเสียคือ เสียงจี่ ที่จะตามมา



3.Mini Hum สำหรับ Mini Hum นั้นจะแบ่งไได้อีกสอง แบบ ตามลักษณะคือ Coil และ Soap แต่เสียงที่ได้นั้นจะ ก่ำกึ่ง ระหว่าง Hum และ sin เหมาะสำหรับ ผู้ที่เล่น jazz หรือ pop Rock




minihum Coil


Soap Bar Mini hum
สำหรับ Pickup นั้นยังแยก เป็น Passive และ Active อีก

โดยลักษณะของ Passive คือ Pickup ที่ไม่ได้ผ่านการ Boots ด้วยถ่าน

แต่ Active นั้นจะถูก Boots ด้วยถ่าน ทำให้ได้เสียงที่แรงขึ้น เหมาะสำหรับ ชาว Metal โดยแท้จริง แต่ข้อเสียงของมันคือ เสียง คลีน ที่แข็งกระด้าง และพุ่งจนเกินไป



Pickup Humbucker Active ของ EMG


นอกจากนั้นเรายังสามารถ ต่อวงจร Boots เสียง เพื่อให้ได้เสียงคลีน ที่ฟังดูมีเนื้อมากขึ้นอีกด้วย พบได้ใน Scallop guitar by Music Selector และสามารถติดต่อข้อมูลการติดตั้ง วงจรได้ที่ Music-selector.com

ตำแหน่งของ Pickup เองนั้นก็มีผล ต่อเสียงด้วยเช่นกัน

ในตัวแหน่งตัวใกล้คอ (Neck) จะให้เสียงที่ฟังดูทึบๆ

ส่วนตัวใกล้ สะพานสาย (Bridge) จะให้เสียงที่แหลม

โดยหน้าที่ของ Pickup นั้น ขึ้นอยู่กับ ผู้ใช้ว่าจะใช้อย่างไร

ไม่มีการกำหนดตายตัวว่า Neck ของ Rhythm หรือ Bridge ต้อง Solo อยู่เดียว บางครั้ง
ก็สามารถใช้ทั้งสองตัวร่วมกันได้

Bridge & คันโยก



Bridge หรือ สะพานสาย มีส่วนช่วยในเรื่องของ Sustain กีตาร์

โดย Bridge นั้นโดยหลักๆ แล้ว จะมี 2 จำพวกใหญ่ๆ เลย Bridge แบบ มีคันโยก และ ไม่มี คันโยก

และยังแยกออกย่อยๆ มาได้อีก ดังนี้

1.จำพวกไม่มีคันโยก
1.1 Stop Tail



โดยตัว Stop Tail นั้นจะมีการใส่สาย อีก 2-3 แบบ คือ

1.Stop Tail แบบ Gibson


2.Stop Tail แบบ String Thru Body


3.Stop Tail แบบ PRS


1.2 Fix Bridge



สำหรับ Birdge สองประเภท บน จะให้ Sustain ทียาว และนิ่ง นอกจากนั้นยังไม่ทำให้สายเพี้ยง่ายด้วย

2.จำพวกมีคันโยก (Whammy Bar)แบ่งเป็น 3 แบบ คือ

1.ชุดคันโยก Vintage สามารถ โยกลงได้อย่างเดียว เพื่อเป็นการสั่นสาย จะมีอยู่บน กีตาร์ทรง Strat แทบทุกรุ่น



2.Bigsby เป็นชุดคันโยก ที่ติดอยู่ใน กีตาร์ รุ่นเก่าๆ Vintage บางรุ่นของ Gibson และใน Telecaster บางรุ่นของ Fender



3. Floydrose เป็นชุดคันโยก ล้อคสาย ที่นิยมใน มือกีตาร์ Hero และสาย Neo Classic ที่เน้นความ หวือหวาในลูก Solo ต่างๆ พบได้บ่อยบน กีตาร์ Ibanez Series S และ RG แทบทุกรุ่น




EFFECT Guitar



Effect นั้นคือ เสียงที่ถูกปรุงแต่งจากเสียงเดิม หรือเรียนแบบ เสียงต่างๆ ที่เกิดตามธรรมชาติของ กีตาร์ และแอมป์ โดยแบ่งเป็น Effect แบบ Stomp box (เอฟเฟค ก้อน)Multi effect (เอฟเฟคแผง)และ Rack (เอฟเฟคชั้น)
EFFECT กีตาร์นั้นจะแบ่งได้เป็นสองใหญ่ๆ ดังนี้

Distrorion effect (เสียงแตก)
Modulation Effect (แปลงรูปสัญญาณ)

และเราก็สามารถแยกย่อยออกมาได้ตามประเภทการใช้งานอีกหลายตัว
ทั้งนี้ผมจะแนะนำ Effect ที่คุ้มค่าต่อการลงทุนซื้อด้วยเช่นกัน (รวมถึงงบประมาณด้วย)


เอฟเฟค เสียงแตก สามารถ แบ่งได้ 5 ประเภทดังนี้

1. OverDrive จะเป็นเสียงแตก จาก Amp หลอดต่างๆ ซึ่งปัจจุบัน มีการทำ Effect เลียนแบบ เสียง แตก ชนิดนี้ ซึ่งจะให้ความอุ่น และ หนาของเสียง เหมาะจะเล่น ได้ตั้งแต่แนว Rock,Punk,Blue เป็นต้น

รุ่นแนะนำ

ข้อความซ่อน


1.Boss OD-3 3,000 บาท

2.8 Note Nightingale Overdrive 2,400 บาท

3.Ibanez Tube Screamer Ts9 5,100 บาท




2.Distrotion
เป็นเสียงแตก ที่เป็นการเร่งสัญญาณเพิ่มจาก Overdrive จนแตกพล่า เสียงที่ได้จะเป็นเสียงแตกแบบแห้งๆ ใช้ลูกเล่น อุดสาย (Palm Mute) ได้ชัดเจนขึ้น

ข้อความซ่อน

รุ่นแนะนำ

1.Eletro-Hamonix Big Muff 3,500บาท


2.Jim Dunlop MXR Distortion+ M104 4,100 บาท


3.SHARK Bangkok Effect 3,500 บาท


4.Boss DS-2 Turbo Distortion 2,300 บาท



3.High Gain , Metal
เสียงแตกแบบ Metal หรือก็คือ effect Distrotion ที่ถูกเพิ่มความแรง ขึ้นมาให้เล่นแนว Metal ได้

ข้อความซ่อน
รุ่นแนะนำ

1.Rocktron Third Angel Distortion Guitar Effects Pedal 6,000 บาท

http://cn1.kaboodle.com/hi/img/b/0/0...=1305340708000

2.Electro-Harmonix Metal Muff 3,800 บาท



3.Boss MT-2 Metal Zone 3,000 บาท



4.Boss ML-2 Metal Core 3,700 บาท



5.Boss MD-2 Mega Distortion 3,000 บาท



6. MXR M-116 Fullbore Metal Distortion 4,700 บาท





4.Crunch Effect

เสียงแตกแบบ Crunch นั้น จะคล้ายๆ กับ Overdrive แต่จะได้เนื้อเสียงที่หนา กว่า


ข้อความซ่อน
รุ่นแนะนำ

1.MI AUDIO Crunchbox 3,700 บาท





5.Fuzz
เป็นเสียงแตกชนิดนึง คล้ายๆ Overdrive แต่ หางเสียงจะยาวขึ้น เสียงจะแกว่ง และฟังดูอั้นๆ เหมาะสำหรับเล่นแนว Funk Rock และ Rock n roll
ข้อความซ่อน

รุ่นแนะนำ

1.Boss FZ-5 Fuzz 3,700 บาท



2.Jim Dunlop JH-F1 Jimi Hendrix Fuzz Face 5,800 บาท





Modulation Effect จะแบ่งออกเป็นอีก 4 - 5 ประเภท ดังนี้

1.Chorus
2.Phase
3.Flanger
4.Deley
5.Tremolo
6.Rotary
7.Tape Echo

และมีอีกหลายประเภท ที่อยู่ตาม Multi Effect สำหรับ Effect จำพวก Modulation นั้น จะ มีราคา ตั้งแต่ 3,000 - 10,000 บาท ตามลักษณะการใช้งาน

Foot Switch Effect

คือ Effect ที่อยู่ที่ บริเวณ เท้าของเรา โดยหลักๆ แล้วจะมี 3 อย่างคือ

1.Wah Wah
http://www.visionguitars.co.uk/sm_uploaded_files/product_images/423.1.jpg


Wah wah คือ Effect ที่มือกีตาร์จำนวนมาก ชอบใช้กัน เพื่อเพิ่ม รสชาติให้กับบทเพลงของพวกเขา โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ในช่วงของท่อน Solo ในหลายๆ เพลงก็มักจะใช้ Wah wah เพื่อสรา้งสำเนียงให้ฟังดูน่าพิศวง มากขึ้น

2.Volume Pedal
http://img20.imageshack.us/img20/8814/erniebally.jpg

Volume Pedal นั้น เป็น Effect ที่ใช้สำหรับควบคุม ความดังเบาของเสียง กีตาร์ โดยไม่จำเป็นต้องลด ที่ Amp หรือ ตัวกีตาร์ และมีมือกีตาร์หลายคนนำมันไปใช้ สร้าง ลูกเล่นต่างๆ เช่น เสียงไวโอลินเป็นต้น
3. Whammy
http://guitarvideochannel.com/blogs/wp-content/uploads/whammy-300x243.jpg

Whammy Effect คือ Effect ที่ใช้เพิ่ม หรือ ลด Octave (ค่าสูงต่ำของระดับเสียง )ของ กีตาร์ เราได้เหมือนเราเล่น คันโยกฟัง สามารถหาฟังตัวอย่างEffect นี้ได้ในท่อน Solo ของเพลง Killing in the name of ของวง Rage Against The Machine หรือ ใน ท่อน intro ยอมแล้ว ของ Tattoo Colour


ข้อมูลด้านบน นั้น เป็นเพียง ข้อมูลประกอบ

แต่สุดท้ายนั้น ก็ขึ้นกับคุณว่าคุณ ชอบเสียงแบบไหน ชอบ ทรงไหน

และต้องลองเสียงด้วยตนเองครับ

ปล.ถ้าใครมีกีตาร์ เอฟเฟค หรือ แอมป์ ที่ท่านคิดว่าดี คุ้มค่า ต่อราคา ให้มาแนะนำ และแชร์กับผู้อื่นด้วยนะครับ ด้วยนะครับ

ปล2. เดียวว่างๆ ผมจะมาจัดหน้า และ จัดบอร์ดให้ดูอ่านสบายขึ้นนะครับ

ขอขอบคุณภาพจาก Ctmusic shop , Amazon
คลิปจาก Youtube

sentinel12
24th July 2011, 21:47
ขออนุญาติ ขุด

killerteeza
25th July 2011, 09:10
เป็นประโบชน์กับผมมากครับ

sentinel12
21st October 2011, 11:29
ขุดอีกทีครับ เดียวเอารูปลงละ :D

SpaceRB
21st October 2011, 11:38
เยี่ยมค่ะ ขอบคุณมาก!!!!!

PraeOnline25
21st October 2011, 19:22
ผมมี Fender,Yamaha แต่อยากได้ Gibson

AT[m]-l3LADE
21st October 2011, 21:09
ว้าวๆๆๆ ได้รู้จักจริงๆก็วันนี้แหละ

exodus
22nd October 2011, 13:31
จะบอกแบบฟันธงมันก็ยาก มันมียี่ห้อปลีกย่อย-สินค้าเฉพาะทาง บางทียี่ห้อเดียวกันแยกไปหลายๆซีรี่ย์ก็มี
เสียงแบบ strat เสียงแบบ tele มันก็ต่างกันอีก ออกมาอีกซี่รี่ย์หนึ่งก็เป็นแบบหนึ่ง
จริงๆก็เป็นบทความที่ดีนะครับ แต่มันกว้างเกินไปนิดหนึ่ง ซึ่งปัจจัยสำคัญมันก็อยู่ที่ตัวผู้ซื้อนั่นแหละครับ
สิ่งที่สำคัญจริงๆคือการหาความรู้ประกอบของตัวคนซื้อเองนั่นแหละครับ ศึกษาให้ดีก่อนซื้อ
ลองเทส สัมผัสจริง พิจารณาองค์ประกอบ รวมถึงประเมินคุณสมบัติและราคากลาง น่าจะทำให้คุณหากีต้าร์ที่ใช่ได้ไม่ยาก

sentinel12
29th October 2011, 22:47
ขออนุญาติขุดครับ

sentinel12
6th November 2011, 23:55
ขอขุดอีกทีนึงครับ

sentinel12
12th December 2011, 15:40
ขออนุญาติ ขุด

SoNy009
12th December 2011, 15:52
ถามหน่อยครับ
ถ้าผมจะ เอา Schecter SGR Series + Biyang Metal-End King
เล่นเมทัลหนักๆเลย

คิดว่าไงครับโอเคไหม

sentinel12
12th December 2011, 16:01
ถามหน่อยครับ
ถ้าผมจะ เอา Schecter SGR Series + Biyang Metal-End King
เล่นเมทัลหนักๆเลย

คิดว่าไงครับโอเคไหม

สำหรับ SGR นี่ไม่เคยลองนะครับ แนะนำให้ไปลองดูก่อนนะครับ

ส่วน Metal end นี่แรงดุ พุ่งดีครับ Gain เหลือๆ เลย ผมเป็น ที่ เที่ยงตรงเสียงก็แตก ซ่า ละครับปรับได้กว้าง และง่ายอีกด้วย (แต่ต้องใช้เวลา)

Petchrio~
12th December 2011, 16:01
น้อยใจ ไม่มีใครแนะนำเบสเลย http://drama-addict.com/wp-includes/images/smilies/icon_sad.gif

ขอถามหน่อย ในนี้ใครเล่นเบสมั่ง ? 5555

tanonamnaj
12th December 2011, 16:22
ขอบคุณมากๆครับ พอดีกำลังจะซื้อกีตาร์ไฟฟ้าอยู่

goz_zilla001
12th December 2011, 20:00
ทั้งหมดนี้จะเพราะได้ด้วย ฝีมือ !! 555

sentinel12
12th December 2011, 20:54
ทั้งหมดนี้จะเพราะได้ด้วย ฝีมือ !! 555

ก็จริงครับ แต่ถ้าอุปกรณ์ มีคุณภาพ จะทำให้ ฝีมือดูดีขึ้น ลองฟังเสียง หมู Big ass เล่นกีตาร์ตัวนี้ แล้วฟังในเพลง ที่เขาอัดกับกีตาร์อีกตัวดูสิครับ


http://www.youtube.com/watch?v=efveTQH5fEI


เสียงของ Epiphone Studio ตัวแรก ที่พี่หมูเล่น เสียงมันจะจมๆ แบบว่า เบส หนาเวอร์



http://www.youtube.com/watch?v=n3tdS0Xrl7U

ในขณะที่ ในคลิป ตัวนี้ พี่หมู แกก็เป็นคนอัดเหมือนกัน แต่ ใช้กีตาร์คนละตัวกัน เสียงไม่ได้ฟังดูจมๆ (อันนี้ อาจเป็นเพราะ mixer และตู้แอมป์ตอนอัดต่างกันก็เป็นได้)


http://www.youtube.com/watch?v=8S-0MxOjVcs&feature=related

คลิปนี้เป็นตัวเดียวกับคลิปแรก แต่เปลี่ยนปิ้กอัพ เป็น EMG ทำให้เสียงมันพุ่ง แรงขึ้น

เห็นไหมครับ คนๆ เดียวกัน แต่แค่อุปกรณ์ ก็สามารถทำให้มันฟังดูดีขึ้นได้

ฉะนั้น กีตาร์มันก็ถือเป็นองค์ประกอบนึงที่สำคัญเหมือนกันนะครับ

patompom
12th December 2011, 22:24
เอ่อ ถามหน่อย schester omen exstream 6 + mt-2 + delay+ chorus พออกงานได้มั้ยครับ

sentinel12
12th December 2011, 22:31
เอ่อ ถามหน่อย schester omen exstream 6 + mt-2 + delay+ chorus พออกงานได้มั้ยครับ

สบายๆ เลยครับผม ปรับดีๆ หน่อยเล่นได้ตั้งแต่ ร้านหมูกระทะ ยัน เวที Underground เลย

sentinel12
15th May 2012, 23:31
ขออนุญาติขุดครับ

houkago-teatime
16th May 2012, 17:40
ดีเลยครับ กำลังจะซื้อ amp + effect พอดีเลย :)