PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : อะไรเร็วที่สุดในเอกภพ..



Type-7442
1st January 2012, 22:48
ผมมีคำตอบ ซึ่งคำตอบผมถูกแน่นอน

ผมคิดว่าไม่มีใครทายถูกแน่ๆ ถ้าทายถูกก็เก่ง [ ไม่ใช่คำตอบซุยนะครับ มันเร็วที่สุด เร็วขนาดไม่มีสิ่งใดเร็วกว่าจริงๆ ]


รู้กันป่าวว่าอะไร :p








เฉลยนะครับ : จิตครับ

SinSu
1st January 2012, 22:50
ความคิด.......(หรือจิตนั้นเอง)

อะเพื่องงในความเป็นศาสนา

ไม่มีอะไรเร็วกว่าแสงในทาง วิทยาสาศตร์ (ความเร็ว = 3x10ยกกำลัง8)
ไม่มีอะไรเร็วว่าจิตในทาง ความเชื่อ (ความเร็ว = เสี้ยวของเสี้ยว...วินาที)
ไม่มีอะไรเร็วกว่าการสื่อถึงกันในอะตอม(โปรตอน) ไอสไตน์กล่าว (ความเร็ว = อนันต์)

เพิ่มอีกหน่อยละกัน


จิต ไม่ได้เร็วกว่าแสงครับ
แต่ จิต เป็นเพียงการประมวลทางความคิดในสมองเท่านั้นเอง
ฉะนั้น ก็เท่ากับอยู่กับที่ ไม่ได้มีระยะทางเลย อย่างเช่น เราคิดถึง กระจุกดาวลูกไก่ ซึ่งอยู่ห่างจากเรา 380 ปีแสง ไม่ใช่ว่าความคิดเราเดินทางไป 380 ปีแสงนะ แต่เราคิดถึงข้อมูลที่ถูกบรรจุไว้ในสมองแล้วต่างหาก และกระแสประสาทของคนเราก็มีความเร็วเพียงไม่กี่เมตรต่อวินาทีเองนะ จึงช้ากว่าแสงอยู่หลายขุม

ในทางศาสนาไงครับ จิตเกิดดับนับแสนล้านล้านล้านล้านล้าน ครั้งต่อวิ เมื่อ ฝึกจนถึงขั้นนิพพาน จิตจะเร็วกว่าแสงหลายขุมจนสามารถ ย้อนระลึกถึงชาติก่อนๆได้ มีตาทิพย์ หูทิพย์


จิตกับจินตนาการไม่เหมือนกัน นะครับ :):declare


จิตเร็วที่สุดครับ

= = ไม่มีรางวัลเลยหรอ 55 มาให้คำตอบแบบนิ่มๆเลยนะ:sweat

PKbiw
1st January 2012, 22:50
แสง? หรอ

คุณบอกหน่อยสิ ว่ามันเป็นแนวใน

เป็นแนวพวกเครื่องจักร หรือว่า รถ หรือบลาๆ

ผมว่าหน้าจะแสงแหละ เร็วสุดละ

ท่าไม่ใช่อีก ก็ เวลา

alexsamui2
1st January 2012, 22:51
แสง ?
.......

Type-7442
1st January 2012, 22:51
แสง? หรอ

คุณบอกหน่อยสิ ว่ามันเป็นแนวใน

เป็นแนวพวกเครื่องจักร หรือว่า รถ หรือบลาๆ

ผมว่าหน้าจะแสงแหละ เร็วสุดละ

ท่าไม่ใช่อีก ก็ เวลา

รวมทั้งหมดทุกสิ่งเลย
แสงยังช้าไป..

npdeoh2754
1st January 2012, 22:54
รูหนอน ? :)

yoshi3416
1st January 2012, 22:56
ประกายสีทองแห่งโคโนฮะ!!

meknoi035
1st January 2012, 22:59
ถ่ายคลิปแสง แล้วไปเปิดในDVD แล้วกดเร่งX32 555+

notty
1st January 2012, 22:59
ความคิด.......(หรือจิตนั้นเอง)

อะเพื่องงในความเป็นศาสนา

ไม่มีอะไรเร็วกว่าแสงในทาง วิทยาสาศตร์
ไม่มีอะไรเร็กว่าจิตในทาง ความเชื่อ
ไม่มีอะไรเร็วกว่ากันสื่อถึงกันในอะตอม ไอสไตน์กล่าว

จิต..ครับ เหมือนกัน

BlackCoke
1st January 2012, 23:00
โจ้กโซคุล ครับ

Siraphan
1st January 2012, 23:00
เทคโนโลยี
หรือ ความคิดของมนุษย์ ครับ

FreedomBlood
1st January 2012, 23:03
จิต ไม่ได้เร็วกว่าแสงครับ
แต่ จิต เป็นเพียงการประมวลทางความคิดในสมองเท่านั้นเอง
ฉะนั้น ก็เท่ากับอยู่กับที่ ไม่ได้มีระยะทางเลย อย่างเช่น เราคิดถึง กระจุกดาวลูกไก่ ซึ่งอยู่ห่างจากเรา 380 ปีแสง ไม่ใช่ว่าความคิดเราเดินทางไป 380 ปีแสงนะ แต่เราคิดถึงข้อมูลที่ถูกบรรจุไว้ในสมองแล้วต่างหาก และกระแสประสาทของคนเราก็มีความเร็วเพียงไม่กี่เมตรต่อวินาทีเองนะ จึงช้ากว่าแสงอยู่หลายขุม

peetdekza
1st January 2012, 23:04
ยูเซียน โบลท์
http://www.atom.rmutphysics.com/charud/oldnews/217/S6898325-0.jpg

notty
1st January 2012, 23:06
จิต ไม่ได้เร็วกว่าแสงครับ
แต่ จิต เป็นเพียงการประมวลทางความคิดในสมองเท่านั้นเอง
ฉะนั้น ก็เท่ากับอยู่กับที่ ไม่ได้มีระยะทางเลย อย่างเช่น เราคิดถึง กระจุกดาวลูกไก่ ซึ่งอยู่ห่างจากเรา 380 ปีแสง ไม่ใช่ว่าความคิดเราเดินทางไป 380 ปีแสงนะ แต่เราคิดถึงข้อมูลที่ถูกบรรจุไว้ในสมองแล้วต่างหาก และกระแสประสาทของคนเราก็มีความเร็วเพียงไม่กี่เมตรต่อวินาทีเองนะ จึงช้ากว่าแสงอยู่หลายขุม

จิตกับจินตนาการไม่เหมือนกัน นะครับ :)

eatrabyo
1st January 2012, 23:07
ความคิด.......(หรือจิตนั้นเอง)

อะเพื่องงในความเป็นศาสนา

ไม่มีอะไรเร็วกว่าแสงในทาง วิทยาสาศตร์ (ความเร็ว = 3x10ยกกำลัง8)
ไม่มีอะไรเร็วว่าจิตในทาง ความเชื่อ (ความเร็ว = เสี้ยวของเสี้ยว...วินาที)
ไม่มีอะไรเร็วกว่าการสื่อถึงกันในอะตอม(โปรตอน) ไอสไตน์กล่าว (ความเร็ว = อนันต์)

Edit เพิ่มอีกหน่อยละกัน



ในทางศาสนาไงครับ จิตเกิดดับนับแสนล้านล้านล้านล้านล้าน ครั้งต่อวิ เมื่อ ฝึกจนถึงขั้นนิพพาน จิตจะเร็วกว่าแสงหลายขุมจนสามารถ ย้อนระลึกถึงชาติก่อนๆได้ มีตาทิพย์ หูทิพย์

ผมก็ว่าความคิดหรือจิตนั่นเอง

ba5nanas
1st January 2012, 23:07
Darkness หรือ ความมืด

spore galactic
1st January 2012, 23:12
เวลาครับ เร็วสุด

saman14
1st January 2012, 23:13
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

แสง

Type-7442
1st January 2012, 23:13
จิตเร็วที่สุดครับ

Powerexell
1st January 2012, 23:13
จัสติน ไวเวอร์ครับ

Type-7442
1st January 2012, 23:20
ความคิด.......(หรือจิตนั้นเอง)

อะเพื่องงในความเป็นศาสนา

ไม่มีอะไรเร็วกว่าแสงในทาง วิทยาสาศตร์ (ความเร็ว = 3x10ยกกำลัง8)
ไม่มีอะไรเร็วว่าจิตในทาง ความเชื่อ (ความเร็ว = เสี้ยวของเสี้ยว...วินาที)
ไม่มีอะไรเร็วกว่าการสื่อถึงกันในอะตอม(โปรตอน) ไอสไตน์กล่าว (ความเร็ว = อนันต์)

เพิ่มอีกหน่อยละกัน



ในทางศาสนาไงครับ จิตเกิดดับนับแสนล้านล้านล้านล้านล้าน ครั้งต่อวิ เมื่อ ฝึกจนถึงขั้นนิพพาน จิตจะเร็วกว่าแสงหลายขุมจนสามารถ ย้อนระลึกถึงชาติก่อนๆได้ มีตาทิพย์ หูทิพย์

:declare



= = ไม่มีรางวัลเลยหรอ 55 มาให้คำตอบแบบนิ่มๆเลยนะ:sweat

คุณเก่งมากครับ แล้วดีแล้วล่ะครับ ที่ไม่คิดแย้งผมว่ามีสิ่งอื่นเร็วกว่าจิต เพราะคุณโต้มา คุณไม่ชนะแน่ๆครับ
เพราะบุคคลที่พูดว่า
" สิ่งอื่นสิ่งใด เร็วกว่าจิต ไม่มี " คือพระพุทธเจ้าครับ

// ขอบคุณครับ

SinSu
1st January 2012, 23:28
คุณเก่งมากครับ แล้วดีแล้วล่ะครับ ที่ไม่คิดแย้งผมว่ามีสิ่งอื่นเร็วกว่าจิต เพราะคุณโต้มา คุณไม่ชนะแน่ๆครับ
เพราะบุคคลที่พูดว่า
" สิ่งอื่นสิ่งใด เร็วกว่าจิต ไม่มี " คือพระพุทธเจ้าครับ

// ขอบคุณครับ

มันคือความเชื่อครับ ศาสนา ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้จริงๆว่า จิตเร็วจริงไหม มันเป็นนามธรรม

อย่าง ชาวคริสอาจ ว่าจิตเร็วกว่าแสงหรอ ไร้สาระอะ
อย่าง ไอสไตน์ศึกษาพุทธ ยังบอกว่า โปรตอนเร็วจนอนันต์ คือเหมือนสมมุต รองเท้าคู่นึง ข้างนึงว่างทีสุดขอบจักรวาร แล้วอีกข้างว่างตรงข้าม เมื่อข้างนึงขยับ อีกข้างนึงจะขยับต่างแบบ ไม่มีdelayเลย

ปล. พระพุทธเจ้า ก็มีคนเชื่อคนไม่เชื่อ ใช่ว่าพระพุทธจะยิ่งใหญ่ที่สุด (ถึงจะอยู่ในหลักความจริงที่สุดในบรรดาทุกศาสนา)
คริส เชื่อว่า พระเจ้าของเขาสร้างโลกสร้างทุกอย่าง
อิสลาม เชื่อว่า พระเจ้าของเขาก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน

งี่ใครถูกละครับ ผมถึงบอกว่า มันอยู่ในหลักความเชื่อล้วนๆ

อาจไม่ชัด พระพุทธเจ้า ทรงบอก ใช่ว่าคนอื่นจะต้องเชื่อเหมือนกัน

SRMB
1st January 2012, 23:36
ความรักไง.....มาไม่นานก็ไปซะละ

FreedomBlood
1st January 2012, 23:55
คุยกันไปก็ไมได้ข้อสรุปหรอกครับถ้ามีเรื่องศาสนากะวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวด้วยแล้ว เพราะแต่ล่ะคนก็จะยึดหลักที่ตัวเองเชื่อ ผมนั้นยึดวิทยาศาสตร์ครับ

Nelliel Tu Odelschwanck
2nd January 2012, 00:00
ก้าวพริบตา:p

Anti-cola
2nd January 2012, 00:05
ซงโงกุนบินรอบโลก1นาที

bossjibjib
2nd January 2012, 00:14
แสงเร็วมาก เกือบตามผมทันอะ 5555

biloon
2nd January 2012, 00:14
Neutrino :D

das5244
2nd January 2012, 00:21
คอมเม้นผมครับ มันเดินทางด้วยความเร็ว 9999999999999999999999999999999999999999999999999999999 มัค ต่อ 000000000000000000.1 วินาที

บ้าไปแล้ว

bigspy77
2nd January 2012, 00:23
ผมเร็ว กว่า เพราะผมคือ ปีศาจ

SinSu
2nd January 2012, 00:24
คอมเม้นผมครับ มันเดินทางด้วยความเร็ว 9999999999999999999999999999999999999999999999999999999 มัค ต่อ 000000000000000000.1 วินาที

บ้าไปแล้ว

ไม่อยกจะขัด แต่เขียนเป็น0.1 ก็ได้นะไม่ต่างกัน

Dark_Area
2nd January 2012, 00:44
ไม่อยกจะขัด แต่เขียนเป็น0.1 ก็ได้นะไม่ต่างกัน

ฮา !! 5555555555555

:ask แล้วพระพุทธเจ้ามีความเร็วเท่าไหร่

FreedomBlood
2nd January 2012, 00:55
คอมเม้นผมครับ มันเดินทางด้วยความเร็ว 9999999999999999999999999999999999999999999999999999999 มัค ต่อ 000000000000000000.1 วินาที

บ้าไปแล้ว
http://www.stopkid.com/z-yut-icon/r17.gif
เพิ่ม0หน้าจุททศนิยมไปก็เท่าเดิมครับ0.1

Z€l2oN€
2nd January 2012, 02:20
ซอยถี่คับ ไวสุด รึใครจะเถียง ซอยไปเรื่อยๆ สวรรค์ชัว

BlackNeko
2nd January 2012, 09:24
= = แล้วแข่งกันเรื่องอะไรอะครับ การเคลื่อนที่ การเกิดดับ การ แว๊บๆ อะไรอะ ตามที่พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มา แสงเคลื่อนที่เร็วสุดไม่ใช่เหรอ -.-ถ้าวัดการเคลื่อนที่อะ

Icescorpio
2nd January 2012, 10:26
ความเร็วเน๊ตที่เกาหลีไต้ครับเร็วสุด ฮ่ะๆๆๆๆ

สรุปจะเถียงกันทำไมให้มนุษย์เดินทางด้วยความเร็วเท่าแสงก่อนค่อยมาเถียงกับว่า จิต หรือ แสง จะเร็วกว่า

HelloGhost
2nd January 2012, 10:39
ในเรื่อง Bleach!
ก้าวพริบตา ของยมทูต
Sonido ของอารันคาร์
เท้าเหิร ของควินซี่

ถูกเปล่า

หรือคนละประเด็น

DukeInth
2nd January 2012, 10:57
จัสติน ไวเวอร์ครับ

ใช่ครับ ไวเวอร์ 30 วิ :rofl

Type-7442
2nd January 2012, 11:23
จิต ไม่ได้เร็วกว่าแสงครับ
แต่ จิต เป็นเพียงการประมวลทางความคิดในสมองเท่านั้นเอง
ฉะนั้น ก็เท่ากับอยู่กับที่ ไม่ได้มีระยะทางเลย อย่างเช่น เราคิดถึง กระจุกดาวลูกไก่ ซึ่งอยู่ห่างจากเรา 380 ปีแสง ไม่ใช่ว่าความคิดเราเดินทางไป 380 ปีแสงนะ แต่เราคิดถึงข้อมูลที่ถูกบรรจุไว้ในสมองแล้วต่างหาก และกระแสประสาทของคนเราก็มีความเร็วเพียงไม่กี่เมตรต่อวินาทีเองนะ จึงช้ากว่าแสงอยู่หลายขุม

จิตสามารถไปหยั่งรู้อนาคต จิตสามารถระลึกอดีตได้ แต่แสงมีความเร็วก็เท่านั้น
ที่นายบอกว่า จิตเป็นเพียงการประมวลผลของสมอง แล้ว วิญญาณคืออะไรครับ ? ทำไมจึงมีภาพถ่ายติดวิญญาณ ; มันคือกลุ่มแก๊สหรอครับ ?
ทำไม ผู้ที่เข้าฌาน จึงสามารถมีอภิญญา 6 ได้ ; เรื่อง หูทิพย์ ตาทิพย์ เจโตปริตญาณ อาวักสขญาณ วิทยาศาสตร์อธิบายได้มั้ยล่ะครับ ?
จิตเป็นธรรมชาติครับ ที่นายบอกว่าเป็นระบบทำงานในสมองอยู่นั่นไม่ใช่ครับ ระบบทำงานในสมองประมวลผล มันก็แค่ สฬายตนะ หรือ การทำงานของ อายตนะ 12 เท่านั้นเองครับ
มันยังอยู่ในครรลองที่มีตัวตน ยังเป็น ระบบสมมุติ แต่จิตอยู่เหนือกว่านั้นครับ เหนือการมีัตัวตน เป็น สุญญตา

Type-7442
2nd January 2012, 11:35
มันคือความเชื่อครับ ศาสนา ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้จริงๆว่า จิตเร็วจริงไหม มันเป็นนามธรรม

อย่าง ชาวคริสอาจ ว่าจิตเร็วกว่าแสงหรอ ไร้สาระอะ
อย่าง ไอสไตน์ศึกษาพุทธ ยังบอกว่า โปรตอนเร็วจนอนันต์ คือเหมือนสมมุต รองเท้าคู่นึง ข้างนึงว่างทีสุดขอบจักรวาร แล้วอีกข้างว่างตรงข้าม เมื่อข้างนึงขยับ อีกข้างนึงจะขยับต่างแบบ ไม่มีdelayเลย

ปล. พระพุทธเจ้า ก็มีคนเชื่อคนไม่เชื่อ ใช่ว่าพระพุทธจะยิ่งใหญ่ที่สุด (ถึงจะอยู่ในหลักความจริงที่สุดในบรรดาทุกศาสนา)
คริส เชื่อว่า พระเจ้าของเขาสร้างโลกสร้างทุกอย่าง
อิสลาม เชื่อว่า พระเจ้าของเขาก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน

งี่ใครถูกละครับ ผมถึงบอกว่า มันอยู่ในหลักความเชื่อล้วนๆ

อาจไม่ชัด พระพุทธเจ้า ทรงบอก ใช่ว่าคนอื่นจะต้องเชื่อเหมือนกัน


ไม่ใช่หลักความเชื่อหรอกครับ พุทธศาสนา เป็นศาสนาแห่งข้อเท็จจริง ไม่ใช่การงมงายโดยไร้เหตุผล
ที่ว่าเป็นเพราะ ความเชื่อหรือทางศาสนา คงไม่ใช่
รองเท้าที่ว่า มันก็เป็นแค่ทฤษฏีไม่ใช่หรอครับ ? วิทยาศาสตร์ชั้นสูงส่วนใหญ่ก็เป็นทฤษฏีทั้งนั้น แม้กลศาสตร์ควอนตัม ศาสตร์ที่ว่ามีอิทธิพลมากมาย ก็ยังเป็นแค่ทฤษฏีไม่ใช่หรอครับ
แต่พุทศาสนานี่ของจริง พิสูจน์ได้จริง เพียงแต่เป็นปัจจัตตังเท่านั้น
ที่บอกว่า " พระพุทธเจ้า ทรงบอก ใช่ว่าคนอื่นจะต้องเชื่อเหมือนกัน " ไม่เชื่อก็ได้ครับ ไม่ผิด สักวันหนึ่งถ้านายมีกุศลพอให้เข้าถึงและสนใจในพุทธศาสนา ความคิดนายจะเปลี่ยนเองครับ


จิตเป็นได้ทุกสิ่ง จิตต่ำอย่างที่เราๆมีอยู่เพราะปกคลุมด้วยอวิชชาอย่างหนาแน่นจนที่เราไม่รู้นั้นก็ ระดับหนึ่ง
จิตที่บริสุทธิ์ขึ้นมาหน่อย จากฌานก็ระดับหนึ่ง
จิตที่สะอาดไปบางส่วนแล้วไม่มีทางกลับมาขุ่นสกปรกได้เหมือนเดิม ก็จิตของพระอริยบุุคล ก็ระดับหนึ่ง
จิตที่เป็นภาวะหลุดพ้น สัญญาเวทิตยนิโรธ ก็ระดับหนึ่ง มันเหนือการมีตัวตน ไม่สามารถใช้คำพูดอธิบายได้

จิตเป็นได้ตั้งแต่ นามธรรม ยัน ว่างเปล่า
ที่นายอ่านอยู่ นึกคิดอยู่ โลภ โกรธ หลง ดีใจ ต่างๆนาๆ ก็จิตนี่แหละครับ มีวิญญาณเป็นตัวรู้ รูป เวทยา สัญญา สังขาร ; สายปฏิจสมุปบาทเกิดขึ้นครบถ้วน จนเราไม่รู้ตัว

จะว่ามันเปรียบกันไม่ได้โดยตรง ก็ไม่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันก็เปรียบเทียบความเร็วได้อยู่เช่นกัน


วิทยาศาสตร์ ยังห่างไกล พุทธศาสนา มากมายครับ

Im:GREAN
2nd January 2012, 11:44
สาย ตา หรอ :sweat :sweat

Type-7442
2nd January 2012, 11:46
มันเป็นเรื่องปรัชญาครับ ไม่มีหลักอะไรมาตอบให้มันแน่นอนไปเหมือนกันทุกคนหรอก

ถ้าเราศึกษาปรัชญาของใครสักคน แล้วเชื่อหลักนั้น มันก็คือคำตอบและทัศนคติสำหรับเรา แต่สำหรับคนอื่นอาจจะไม่ใช่

สำหรับผม
จิตอาจจะเร็วที่สุดคือในสิ่งที่เป็นจินตภาพ
แต่แสงอาจจะเร็วที่สุดในสิ่งที่เป็นกายภาพ

ผมจะไม่อธิบายเพื่อเปลี่ยนความคิดของคุณ เพียงบอกได้แต่ว่า พุทธศาสนาไม่ใช่ปรัชญา หากคิดว่าพุทธศาสนาเป็นปรัชญา ก็นับว่าเป็นคนต่างชาติสำหรับศาสนาพุทธ


ผมเสียใจกับคุณด้วยนะครับ แต่ผมช่วยอะไรไม่ได้..

Type-7442
2nd January 2012, 12:09
ปรัชญาของศาสดาอันก่อเกิดเป็นศาสนาอันยิ่งใหญ่

คำว่าปรัชญาคือแนวคิดครับ แสดงว่าการที่เราเรียนพระพุทธศาสนา ก็คือการเรียนปรัชญาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเรียนเพื่อเราจะศึกษา เราเรียนเพราะเราเลื่อมใส

ผมจะบอกไว้นะครับ การที่คุณว่าผมว่าผมมองพระพุทธศาสนาในแง่ปรัชญา แล้วว่าผมเป็นคนนอกศาสนามันก็ไม่ถูกนะครับ

การที่ผมมองในแง่ปรัชญาคือผมมองแค่ชั่วขณะ มอง ณ ตอนนี้ให้เป็นกลาง

การเชื่อสิ่งใดให้มีเหตุผลไม่ฟุ้งซ่านไม่มองความคิดอื่นเป็นศัตรูก็เป็นหลักหนึ่งในพระพุทธศาสนานะครับ ใจเย็นๆ

ขอบคุณครับ :yes

N'Silence
2nd January 2012, 12:25
จิตมีความเร็วเท่ากับ 985*76ยกกำลัง13
จิตไม่ใช่การเคลื่อนที่แต่เป็นกายในหรือเรียกอีกอย่างว่าวิญญาน
ทำไมผีถึง หายตัวไปนู้นไปนี้ได้ก็เพราะมันเดินทาง 985*76ยกกำลัง13 ต่อวินาทีไงละครับ
เพราะฉนั้นแค่เพียงตัวเลขก็รู้ได้แล้วว่าแสงรึจิตอะไรเร็วกว่า

คำตอบคือ อาเบะครับ


(555ผมมั่วหมดเลย ใครเชื่อกด like ที)

Deathbringer
2nd January 2012, 12:32
การซอย... ยิกยิก

SinSu
2nd January 2012, 12:33
ไม่มีใครเปลี่ยนความคิดคนอื่นได้หรอกครับ นอกจากเขาจะเปลี่ยนความคิดตัวเองก่อน

meeboomza
2nd January 2012, 12:38
ลอกข้อสอบครับ (ต้องเร็ว !!!!) :yes

rjv9k9kp
2nd January 2012, 12:39
พวกคลั่งศาสนาทะเลาะกัน:sweat

SinSu
2nd January 2012, 12:46
พวกคลั่งศาสนาทะเลาะกัน:sweat

ดูพูดจา :bye

millomew
2nd January 2012, 12:58
กระทู้นี้เร็วที่สุดครับ << เชื่อผมเถอะ !!!

ปล.เพราะตั้งแต่อ่านมา มันไม่ใช่เรื่องจิต อย่างเดียวซะแล้วล่ะ

poowangdee
2nd January 2012, 12:58
ใจเย็นฮะ เรื่องพวกนี้หาข้อสรุปได้ยาก
คนที่เชื่อ เขาก็เชื่อ คนที่ไม่เชื่อ เขาก็โต้แย้ง
สิ่งที่มีจริง เขาไม่อยากยอมรับ ก็หาว่าเป็นเรื่องไร้สาระ
สิ่งที่เขาเชื่อ แม้ไม่มีจริง เขาก็เอามาตีประกาศ****ทั่วประเทศได้

net0419010
2nd January 2012, 14:21
เฉลยนะครับ : จิตครับ

ถึงว่าเวลาฟังเรื่องผี ผีมันเเว็บไปเเว็บมาไวมาก เพราะจิตนี่เอง!!

Blazing-Heart
2nd January 2012, 14:28
โจ้กโซคุล ครับ
โอ้ววบูชาๆ

scapegoat_7
2nd January 2012, 14:36
ผมไม่รู้เรื่อง ปรัชญา อะไรเลยเมื่อได้เข้า กระมู้นี้ก็ได้รับความรู้บ้างเเล้ว ขอบคุณทุกท่านที่แลกเปลี่ยนความเห็นกัน


คอมเม้นของผมเดินทางเร็วที่สุด ด้วยความเร็ว 299,792,458 m:sec

I'M ReDDeVil
2nd January 2012, 15:06
มันอยู่ที่ว่าจะเชื่อแบบไหน
สำหรับผมในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ หามีสิ่งใดที่จะเร็วเยี่ยง แสง ไม่



แสงเป็นอนุภาค มีรูปธรรม แต่จิตไม่ได้เป็นอนุภาค เป็นนามธรรม

jirayu31363
2nd January 2012, 16:14
ข่าวลือครับ วันนี้รู้คนเดียวอีกวันรู้ทั้งโรงเรียน 555+

babymaster
2nd January 2012, 16:17
แรงดึงดูดของหลุมดำเร็วที่สุด

หนุ่มหน้าหวาน
2nd January 2012, 16:18
แล้วจิตหลอนเร็วมะ

wanjaiteeruk
2nd January 2012, 16:25
การสั่งการของสมองสู่ร่างกายละมั้ง เช่นสมองสั่งให้ขยับนิ้วชี้ แปปเดียวนิ้วชี้ขยับและ เร็วที่สุด ฟันธง!!

tff007
2nd January 2012, 17:06
armsupergame ความคิดนายดูเปนผู้ใหญ่จริงแฮะ +555

pommagebtang
2nd January 2012, 18:30
ในเรื่อง Bleach!
ก้าวพริบตา ของยมทูต
Sonido ของอารันคาร์
เท้าเหิร ของควินซี่

ถูกเปล่า

หรือคนละประเด็นนายลืม soru จากวันพีซ

hight007
2nd January 2012, 18:46
ไม่มีสิ่งใดเป็นที่สุดจริงๆหรอกครับ เพราะทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง(เช้าหรือบ่าย ผมไม่รู้ :p) ถ้าคุณเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆ ผมว่าไม่ควรมานั่งเถียงกันให้เสียเวลาหรอก อิอิ

prompot1013
2nd January 2012, 21:15
จริงผมคิดว่าเป็น มะเชื่อเทสเขตร้อนนะครับ

NECs
2nd January 2012, 21:16
ผมไม่อยากจะเถียงหรอกครับแต่ขอแก้ต่างแทนกระทู้แรกๆนิสนึงครับ
ถ้าคุณบอกว่าจิตไม่ใช่จินตนาการงั้นเท่ากับว่ามันสามารถรับรู้ได้จากสัมผัสทั้ง 5 ????หรือเราต้องมีสัมผัสพิเศษ
สมมุติคุณบอกว่าจะไปดาวลูกไก่ด้วยณาญ.....แว๊บจิตคุณหลุดไปดาวลูกไก่ คุณสามารถเก็บเหินบนดาวลูกไก่มาได้ไม๊
//ถ้าทำได้ทำ
//ถ้าไม่ได้เพราะอะไร.....ขอคำตอบครับ...ไม่เอาแบบว่าผู้มีณาญไม่ทำเรื่องเพ้อเจ้อพรรนั้นไม่เอานะครับ

zalnw445
2nd January 2012, 21:22
จัสติน ไวเวอร์ครับ


555+ 30 วิ. :rofl

SinSu
2nd January 2012, 21:36
ผมไม่อยากจะเถียงหรอกครับแต่ขอแก้ต่างแทนกระทู้แรกๆนิสนึงครับ
ถ้าคุณบอกว่าจิตไม่ใช่จินตนาการงั้นเท่ากับว่ามันสามารถรับรู้ได้จากสัมผัสทั้ง 5 ????หรือเราต้องมีสัมผัสพิเศษ
สมมุติคุณบอกว่าจะไปดาวลูกไก่ด้วยณาญ.....แว๊บจิตคุณหลุดไปดาวลูกไก่ คุณสามารถเก็บเหินบนดาวลูกไก่มาได้ไม๊
//ถ้าทำได้ทำ
//ถ้าไม่ได้เพราะอะไร.....ขอคำตอบครับ...ไม่เอาแบบว่าผู้มีณาญไม่ทำเรื่องเพ้อเจ้อพรรนั้นไม่เอานะครับ

ผมไม่รู้นะว่าทำได้ไหม ไอ้เรื่องแบบนี่มันพิสูจน์ไม่ได้หรอก

แล้วถ้ามีคนที่สามารถทำได้หรือ นืพพานแล้ว จะนิพพานต้องหลุดพ้นความโลภอื่นๆทั้งหมด
นั้นคือ คนที่นิพพานแล้วเขาไม่ได้มานั่งทำเรื่องแบบนี่จริงๆครับ (คนที่นิพพานแล้วตั้งแต่พระพุทธเจ้าเกิดจนปัจจุบัน ก็มีบอกแค่ในหนังสือเรื่องเล่าเท่านั้นเอง)

จริงๆเห็นตั้งข้อยกเว้นแล้วแต่คำตอบมันน่าจะเป็นแแบบนั้นนะครับ

thanakom03
2nd January 2012, 21:37
จิต คงหมายถึง ผี วิญญาน จะให้ผมสันนิฐาน คือว่า ในเอกภพ มีพลังงาน บ้างอย่าง ทีเป็น จิต แล้ว มาเกิดเป็น สิ่งมีชีวิต โดยมันมีกล ไกลที่ซับซ้อน มันอยู่รอบๆตัวเรา ร่างกายเราก็เหมือน เสื่อผ้าเรา แล้ว จิตก็สวมใส่เสื้อผ้านั้น
. จิตที่ว่า ความคิด มันคนละเรื่อง นะผมว่า.
แล้วจิตมันไม่มีความรู้สึก ไม่มีความอยากอะไรเลย มันเป็นเพียงความว่างป่าวพอมาอยู่ในร่างกาย ก็จะมี ความรู้สึกต่างๆ นิสัยได้มากจาก พันธุกรรม จากพ่อแม่ ก็คือ มันว่างป่าว นั้นเองจิต

Type-7442
2nd January 2012, 21:43
ผมไม่อยากจะเถียงหรอกครับแต่ขอแก้ต่างแทนกระทู้แรกๆนิสนึงครับ
ถ้าคุณบอกว่าจิตไม่ใช่จินตนาการงั้นเท่ากับว่ามันสามารถรับรู้ได้จากสัมผัสทั้ง 5 ????หรือเราต้องมีสัมผัสพิเศษ
สมมุติคุณบอกว่าจะไปดาวลูกไก่ด้วยณาญ.....แว๊บจิตคุณหลุดไปดาวลูกไก่ คุณสามารถเก็บเหินบนดาวลูกไก่มาได้ไม๊
//ถ้าทำได้ทำ
//ถ้าไม่ได้เพราะอะไร.....ขอคำตอบครับ...ไม่เอาแบบว่าผู้มีณาญไม่ทำเรื่องเพ้อเจ้อพรรนั้นไม่เอานะครับ

อืมมม ไปได้นะ แต่สงสัยแบบนั้นของขั้น อรูปฌานเชียวล่ะ ตัวผมก็ไม่รู้ ปฐมฌานผมยังได้บ้างไม่ได้บ้างเลย สิ่งพวกนี้เป็นปัจจัตตัง
ผมทราบว่าทำได้ แต่ไม่ทราบว่าสภาวะรู้แบบไหน ผมเดาว่า คงเป็น วิญญาณไปนั่นแหละ คงเป็นกายละเอียด เพราะมันเหนือกว่าพวก อภิญญา 6 ไปอีก
ถ้าไปนี่ คงไปแต่ตัวจิตและผู้รู้ ไปเห็นว่าเ็ป็นอย่างไรอะไรแบบนี้อยู่ตรงไหน แต่รูปหยาบเราคงไม่ได้ไปด้วย

Type-7442
2nd January 2012, 21:46
จิต คงหมายถึง ผี วิญญาน จะให้ผมสันนิฐาน คือว่า ในเอกภพ มีพลังงาน บ้างอย่าง ทีเป็น จิต แล้ว มาเกิดเป็น สิ่งมีชีวิต โดยมันมีกล ไกลที่ซับซ้อน มันอยู่รอบๆตัวเรา ร่างกายเราก็เหมือน เสื่อผ้าเรา แล้ว จิตก็สวมใส่เสื้อผ้านั้น
. จิตที่ว่า ความคิด มันคนละเรื่อง นะผมว่า.

ความคิดคือ สัญญา สังขาร เวทนา ที่มี วิญญาณเข้าไปรู้อารมณ์ครับ เปรียบเหมือน สัญญา เวทนา สังขารเหมือนแผง IC คอมพ์ แล้วมี ไฟฟ้าเข้าไปเป็นตัวให้มันทำงานได้อะคับ
ส่วนจิตนี่ผมไม่ชัวร์นะ เพราะตัวผมเองก็สับสนจิตกับวิญญาณเหมือนกันว่างแตกต่างกันยังไง - - :sweat

SinSu
2nd January 2012, 21:47
ผมยอมแพ้ = = ผมไม่รู้ลึกเรื่องศาสนาขนาดนั้น :bye

NECs
2nd January 2012, 21:55
ผมไม่รู้นะว่าทำได้ไหม ไอ้เรื่องแบบนี่มันพิสูจน์ไม่ได้หรอก

แล้วถ้ามีคนที่สามารถทำได้หรือ นืพพานแล้ว จะนิพพานต้องหลุดพ้นความโลภอื่นๆทั้งหมด
นั้นคือ คนที่นิพพานแล้วเขาไม่ได้มานั่งทำเรื่องแบบนี่จริงๆครับ (คนที่นิพพานแล้วตั้งแต่พระพุทธเจ้าเกิดจนปัจจุบัน ก็มีบอกแค่ในหนังสือเรื่องเล่าเท่านั้นเอง)

จริงๆเห็นตั้งข้อยกเว้นแล้วแต่คำตอบมันน่าจะเป็นแแบบนั้นนะครับ

สรุปผลก็ออกมาตามผมคาดไม่เป็นไรครับผมปลงได้แล้ว
แต่ความคิดผมคิดว่ามันน่าจะเป็นกุศโลบายครับ ทั้งเรื่องจิตหรือเรื่องนรกสววค์ถ้าเค้าบอกว่าดายแล้วดับไม่มีอะไรเกิดคนชั่วคงเริงล่าครับส่วนเรื่องจิตการฝึกจิตน่าจะเป็นการจัดระบบความคิดให้เป็นระเบียบครับไตร่ตรองความคิดทีละเรื่องจนเกิดปัญญาหาทางออกบางสิ่งบางอย่างก็เป็นกุศโลบายเพื่องยกตัวเองให้สูงกว่าสาวกเพื่อง่ายต่อการปกครองครับบางครั้งการที่ต้องมุสาเพื่อรักษาระดับของตัวเองให้สูงกว่าสาวก ด้วยการใช้หลักความเชื่อเดิมที่มีอยู่แล้ว+คำพูดของผู้อยู่สูงกว่าก็ทำให้คล้อยตามได้ง่าย ดัวจะสังเกตุได้จาก นิทานชาดกหรือเรื่องเล่าต่างๆล้วนอิงกับความเชื่อทางศาสนาเดิมนั่นคือพราหม-ฮินดู
ปล.อย่าโกรธผมนะคับแย้งผมเอาละกันถ้ามันไม่จริง


อืมมม ไปได้นะ แต่สงสัยแบบนั้นของขั้น อรูปฌานเชียวล่ะ ตัวผมก็ไม่รู้ ปฐมฌานผมยังได้บ้างไม่ได้บ้างเลย สิ่งพวกนี้เป็นปัจจัตตัง
ผมทราบว่าทำได้ แต่ไม่ทราบว่าสภาวะรู้แบบไหน ผมเดาว่า คงเป็น วิญญาณไปนั่นแหละ คงเป็นกายละเอียด เพราะมันเหนือกว่าพวก อภิญญา 6 ไปอีก
ถ้าไปนี่ คงไปแต่ตัวจิตและผู้รู้ ไปเห็นว่าเ็ป็นอย่างไรอะไรแบบนี้อยู่ตรงไหน แต่รูปหยาบเราคงไม่ได้ไปด้วย

เหมือนพวกถอดจิตไปใช่ไม๊ครับดังนั้นเราสามารถท่องจักวาลได้ในวินาทีเดียวใช่ไม็ครับ คลุมเคลือกับคำว่าจิตนาการเกินไปแล้วครับ
แถมให้อีกนิดร่างกายเราก็สั่งงานด้วยคลื่นไฟฟ้านะครับ

yedgudi
2nd January 2012, 21:59
การขยายตัวของจักรวาลครับ เร็วกว่าความเร็วแสงมากมาย

Type-7442
2nd January 2012, 22:13
สรุปผลก็ออกมาตามผมคาดไม่เป็นไรครับผมปลงได้แล้ว
แต่ความคิดผมคิดว่ามันน่าจะเป็นกุศโลบายครับ ทั้งเรื่องจิตหรือเรื่องนรกสววค์ถ้าเค้าบอกว่าดายแล้วดับไม่มีอะไรเกิดคนชั่วคงเริงล่าครับส่วนเรื่องจิตการฝึกจิตน่าจะเป็นการจัดระบบความคิดให้เป็นระเบียบครับไตร่ตรองความคิดทีละเรื่องจนเกิดปัญญาหาทางออกบางสิ่งบางอย่างก็เป็นกุศโลบายเพื่องยกตัวเองให้สูงกว่าสาวกเพื่อง่ายต่อการปกครองครับบางครั้งการที่ต้องมุสาเพื่อรักษาระดับของตัวเองให้สูงกว่าสาวก ด้วยการใช้หลักความเชื่อเดิมที่มีอยู่แล้ว+คำพูดของผู้อยู่สูงกว่าก็ทำให้คล้อยตามได้ง่าย ดัวจะสังเกตุได้จาก นิทานชาดกหรือเรื่องเล่าต่างๆล้วนอิงกับความเชื่อทางศาสนาเดิมนั่นคือพราหม-ฮินดู
ปล.อย่าโกรธผมนะคับแย้งผมเอาละกันถ้ามันไม่จริง

ไม่โกรธหรอกครับ :o
ผมไม่แย้งหรอกครับ ก็แล้วแต่นะ.. แต่ศาสนาพุทธไม่ใช่ความเชื่อ ไม่ใช่งมงาย ไม่ใช่ง่ายเพื่อการปกครอง ไม่ใช่ง่ายเพื่อความเป็นระเบียบ
แต่เป็น หาหนทางที่จะให้ทุกข์สิ้นไปอย่างดับไม่เหลือ ซึ่งมันพิสูจน์ได้จริง

NECs
2nd January 2012, 22:36
ไม่โกรธหรอกครับ :o
ผมไม่แย้งหรอกครับ ก็แล้วแต่นะ.. แต่ศาสนาพุทธไม่ใช่ความเชื่อ ไม่ใช่งมงาย ไม่ใช่ง่ายเพื่อการปกครอง ไม่ใช่ง่ายเพื่อความเป็นระเบียบ
แต่เป็น หาหนทางที่จะให้ทุกข์สิ้นไปอย่างดับไม่เหลือ ซึ่งมันพิสูจน์ได้จริง
ขอบคุณครับที่ไม่โกรธผมไม่ได้มีเจตนาจะตั้งแง่กับใครหรือศาสนาใดเพียงแต่ว่าผมชอที่จะดูความคิดของคนในศาสนานั้นๆโดยการยิงคำถามแรงๆบ้างบางคนถึงกับไม่ชอบผมไม่เป็นไรผมเองไม่ได้นับถือศาสนาไหนอย่างจริงจังในเอกสารราชการบางอยู่อาจมีลงพุทธบ้างแต่เขาบังคับให้ลง^^ผมเพียงแค่ต้องการรู้ก่อนว่าสิ่งที่เราจะเชื่อนั้นคืออะไรตอบคำถามในใจของผมได้หมดไม๊ก่อนที่ผมจะเข้าเป็นสาวก ซึ่งข้างบนผมเห็นคำว่า "ซึ่งมันพิสูจน์ได้จริง" หมายถึงอะไรครับปรินิพพานหรอคับแล้วพิสูจน์อย่างไรครับ
ปล.ช่วงนี้กำลังซอฟตัวเองลงกับคำถามแรงๆ^^555ตั้งกะตั้งกะทู้เรื่องสังคมไทยไปคราวที่แล้ว

Type-7442
2nd January 2012, 22:52
ขอบคุณครับที่ไม่โกรธผมไม่ได้มีเจตนาจะตั้งแง่กับใครหรือศาสนาใดเพียงแต่ว่าผมชอที่จะดูความคิดของคนในศาสนานั้นๆโดยการยิงคำถามแรงๆบ้างบางคนถึงกับไม่ชอบผมไม่เป็นไรผมเองไม่ได้นับถือศาสนาไหนอย่างจริงจังในเอกสารราชการบางอยู่อาจมีลงพุทธบ้างแต่เขาบังคับให้ลง^^ผมเพียงแค่ต้องการรู้ก่อนว่าสิ่งที่เราจะเชื่อนั้นคืออะไรตอบคำถามในใจของผมได้หมดไม๊ก่อนที่ผมจะเข้าเป็นสาวก ซึ่งข้างบนผมเห็นคำว่า "ซึ่งมันพิสูจน์ได้จริง" หมายถึงอะไรครับปรินิพพานหรอคับแล้วพิสูจน์อย่างไรครับ
ปล.ช่วงนี้กำลังซอฟตัวเองลงกับคำถามแรงๆ^^555ตั้งกะตั้งกะทู้เรื่องสังคมไทยไปคราวที่แล้ว


แรงๆมาเลยครับ อย่างน้อยพวกเราก็คุยกันเรื่องที่มีประโยชน์และไม่ไร้สาระ แม้ผู้อื่นเข้ามาอ่านก็จะได้ความรู้ด้วยครับ
ส่วนที่ถามว่า พิสูจน์ได้จริง อย่างพื้นๆ ก็ การนั่งสมถะไปถึงภาวนา ทำให้เรารู้สึกสบาย ลดความเครียด มีสติ ทำให้คิดอะไรได้ง่ายขึ้น สามารถทำเองแล้วได้ผลกับตัวเองได้จริงครับ

หรือไม่ก็เช่นเวลานายโกรธ นายลองพิจาณาดู ความโกรธนี่เีที่ยงไหม ? มันไม่เที่ยงนิ มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นธรรมชาติ
ที่ว่าไม่เที่ยงคืออะไร ? ความโกรธนั่นอาศัยปัจจัยมาจาก ร่างกาย , อารมณ์ , ความจำ , การรับรู้ทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย และ ใจ
ร่างกายก็ไม่เที่ยง พังได้ เน่าได้ เป็นโรคได้ สลายได้ ; ความคิดก็ไม่เที่ยง วันๆหนึ่งเราก็เปลี่ยนความคิดหลายร้อยครั้ง
ในเืมื่อความโกรธ มีปัจจัยเป็นสิ่งไม่เที่ยง แล้วความโกรธจะเป็นสิ่งที่เที่ยงมาแต่ไหน ?

เมื่อมันไม่เที่ยง ก็ไม่ควรไปยึดติด [ ความโกรธนี่ไม่ดีเลย ก็รู้ๆกันอยู่ ] กล่าวคือ
เวลานายโกรธใคร โมโหใคร นายลองพูดกับตัวเองในใจและรู้อารมณ์ปัจจุบันว่า
โกรธ นี่โกรธ โกรธแล้วไม่สบายใจนะ มันแค้น มันโมโห รู้มันไป ว่าโกรธๆๆๆๆ
สักพักมันก็จะหายไปเอง หรือไม่ก็ มาดูลมหายใจ เข้าออกช้าๆอย่างใจเย็น รับรอง ไม่เกิน 2 นาที นายลืมความโกรธนั่นไปละ


นี่ก็ตัวอย่างง่ายๆครับ ใช้ได้ตั้งแต่ เรื่อง โลกีย ไปยัน โลกุตระได้เลย :yes

NECs
2nd January 2012, 23:30
ส่วนที่ถามว่า พิสูจน์ได้จริง อย่างพื้นๆ ก็ การนั่งสมถะไปถึงภาวนา ทำให้เรารู้สึกสบาย ลดความเครียด มีสติ ทำให้คิดอะไรได้ง่ายขึ้น สามารถทำเองแล้วได้ผลกับตัวเองได้จริงครับ
อันนี้ผมไม่เถียงครับมันคือการจัดระบบความคิดอย่างนึงครับมันคือการคิดไตร่ตรองเรื่องใดๆด้วยเหตุ-ผลโดยขจัดปัจจัยภายนอกออกเช่นความร้อนลุ่มของใจ(เขาเรียกกันแบบนี้ป่าวไม่รู้)ก็จะได้คำตอบที่เที่ยงตรงและแก้ปัญหาได้มากที่สุด

เรื่องการปฏิบัติและผลที่ได้ผมไม่ค่อยจะสงสัยเท่าไหร่ผมสงสันแต่เรื่องที่พระพุทธเจ้าบอกว่ามันเป็นสิ่งที่รู้ไปก็เท่านั้นก่อประโยชน์ไม่ได้(ทางศาสนาเรียกไรไม่รู้จำไม่ได้^^)
เช่นหัวข้อของกระทู้นี้ อย่างณาญ หรือ ปาฏิหารแห่งการเกิดของศาสดา ทำไม???ศาสดาต้องเกิดในวรรณกษัติย์....จริงหรือผู้มีบุญญาธิกาสูงเกิดมาแล้วเดินได้ 7 ก้าวพร้อมมีดอกบัวลองหรือเปป้ฯการยกเพื่อให้ง่ายต่อการปกครอง ที่ผมอยากรู้ไม่ใช่เพราะอะไรเพราะศาสนาพุทธมีรากเหง้าจากศาสนาพราหม-ฮินดู(หรืออาจจะเรียกว่าความเชื่อก็ได้)ดังนั้นการแพร่ออกไปของศาสนาก็จะมีความเชื่อทางพราหมเป็นฐานดังจะเห็นได้จากพุทธประวัติดังนั้นประเทศไทยนหนึ่งในประเทศผู้รับศาสนาพุทธเข้ามาจึงมีความเชื่อทางพราหมอยู่ดังจะเห็นได้จากพิธีต่างๆดังนั้นผู้ที่ศึกษาศาสนาอย่างไม่ถ่องแถ้หรือผู้ที่ได้ชื่อว่านับถือพุทธส่วนใหญ่จึงมีความเชื่อในพื้นฐานของพราหมที่ติดมากับพุทธและปฏิบัติในทางพราหมด้านเทวนิยมมากกว่าเพราะง่ายกว่าการขอย่อมง่ายกว่าการกระทำเพื่อให้ได้มา....ดังนั้นหากเรายังแยกความเชื่อทางพราหมจากพุทธไม่ได้จะทำให้คนที่เรียกตัวเองว่าชาวพุทธทำตัวแบบพราหมมากขึ้น.....หลักจริงๆของศาสนาพุทธเข้าใจง่ายแต่ทำยากครับหลักง่ายๆเลยคือคือดีกับชั่วแต่ปัจจุบันอะไรคือดีหรือชัวยังไม่รู้เลยครับ....ศาสนาพุทธหลักการจริงๆเราไม่จำเป็นต้องสวดมนต์ซักบทก็หลุดพ้นได้ไม่ต้องแม้แต่สละเสื้อผ้าและอาพรต่างๆเราไม่ต้องรักษาศีลเพียงเราแค่ตริตรองและปลงทุกอย่างได้ อย่างเช่น ชีวิตเราซักวันก็ต้องตาย ร่างกายก็ต้องเน่าสลายเงินทองที่มีก็ต้องหมดหลัการง่ายๆคืออย่าไปซีเรียสกับของนอกกายทุกอย่างมันก็แค่นั้นมีเกิดมีดับมีมีมีจากพร้อมที่จะตายในทุกวินาทีของชีวิตนี่คือดับทุกข์ที่พระพุทธเจ้าคิดได้ ผมเข้าใจถูกไมีครับ
//ถ้าผมเข้าใจถูกถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราต้องบูรณะปรับปรุงแก้ไขและต่อเติมศาสนาคำสอนใหม่เพื่อปรับปรุง พระพุทธเจ้าบอกว่าทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงคือไม่เป็นอนิจจัง(น่าจะใช่)แต่ศาสนาของท่านเองกลับถูกสาวกทำให้มันเป็นอนิจจังคือเปลี่ยนแปลงไม่ได้จับต้องไม่ได้ทำให้ไม่เกิดการขับเคลื่อนไปตามยุคสมัยซักวันคงถูกลืมเลือนดังที่จะเห็นจากเด็กรุ่นใหม่เริ่มนับถือเทคโนโลยีกันมากขึ้นมนุษย์คือผู้สร้างโลกไม่ใช่พระเจ้าสวรรคนรกไม่มีจริง

Type-7442
2nd January 2012, 23:48
อันนี้ผมไม่เถียงครับมันคือการจัดระบบความคิดอย่างนึงครับมันคือการคิดไตร่ตรองเรื่องใดๆด้วยเหตุ-ผลโดยขจัดปัจจัยภายนอกออกเช่นความร้อนลุ่มของใจ(เขาเรียกกันแบบนี้ป่าวไม่รู้)ก็จะได้คำตอบที่เที่ยงตรงและแก้ปัญหาได้มากที่สุด

เรื่องการปฏิบัติและผลที่ได้ผมไม่ค่อยจะสงสัยเท่าไหร่ผมสงสันแต่เรื่องที่พระพุทธเจ้าบอกว่ามันเป็นสิ่งที่รู้ไปก็เท่านั้นก่อประโยชน์ไม่ได้(ทางศาสนาเรียกไรไม่รู้จำไม่ได้^^)
เช่นหัวข้อของกระทู้นี้ อย่างณาญ หรือ ปาฏิหารแห่งการเกิดของศาสดา ทำไม???ศาสดาต้องเกิดในวรรณกษัติย์....จริงหรือผู้มีบุญญาธิกาสูงเกิดมาแล้วเดินได้ 7 ก้าวพร้อมมีดอกบัวลองหรือเปป้ฯการยกเพื่อให้ง่ายต่อการปกครอง ที่ผมอยากรู้ไม่ใช่เพราะอะไรเพราะศาสนาพุทธมีรากเหง้าจากศาสนาพราหม-ฮินดู(หรืออาจจะเรียกว่าความเชื่อก็ได้)ดังนั้นการแพร่ออกไปของศาสนาก็จะมีความเชื่อทางพราหมเป็นฐานดังจะเห็นได้จากพุทธประวัติดังนั้นประเทศไทยนหนึ่งในประเทศผู้รับศาสนาพุทธเข้ามาจึงมีความเชื่อทางพราหมอยู่ดังจะเห็นได้จากพิธีต่างๆดังนั้นผู้ที่ศึกษาศาสนาอย่างไม่ถ่องแถ้หรือผู้ที่ได้ชื่อว่านับถือพุทธส่วนใหญ่จึงมีความเชื่อในพื้นฐานของพราหมที่ติดมากับพุทธและปฏิบัติในทางพราหมด้านเทวนิยมมากกว่าเพราะง่ายกว่าการขอย่อมง่ายกว่าการกระทำเพื่อให้ได้มา....ดังนั้นหากเรายังแยกความเชื่อทางพราหมจากพุทธไม่ได้จะทำให้คนที่เรียกตัวเองว่าชาวพุทธทำตัวแบบพราหมมากขึ้น.....หลักจริงๆของศาสนาพุทธเข้าใจง่ายแต่ทำยากครับหลักง่ายๆเลยคือคือดีกับชั่วแต่ปัจจุบันอะไรคือดีหรือชัวยังไม่รู้เลยครับ....ศาสนาพุทธหลักการจริงๆเราไม่จำเป็นต้องสวดมนต์ซักบทก็หลุดพ้นได้ไม่ต้องแม้แต่สละเสื้อผ้าและอาพรต่างๆเราไม่ต้องรักษาศีลเพียงเราแค่ตริตรองและปลงทุกอย่างได้ อย่างเช่น ชีวิตเราซักวันก็ต้องตาย ร่างกายก็ต้องเน่าสลายเงินทองที่มีก็ต้องหมดหลัการง่ายๆคืออย่าไปซีเรียสกับของนอกกายทุกอย่างมันก็แค่นั้นมีเกิดมีดับมีมีมีจากพร้อมที่จะตายในทุกวินาทีของชีวิตนี่คือดับทุกข์ที่พระพุทธเจ้าคิดได้ ผมเข้าใจถูกไมีครับ
//ถ้าผมเข้าใจถูกถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราต้องบูรณะปรับปรุงแก้ไขและต่อเติมศาสนาคำสอนใหม่เพื่อปรับปรุง พระพุทธเจ้าบอกว่าทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงคือไม่เป็นอนิจจัง(น่าจะใช่)แต่ศาสนาของท่านเองกลับถูกสาวกทำให้มันเป็นอนิจจังคือเปลี่ยนแปลงไม่ได้จับต้องไม่ได้ทำให้ไม่เกิดการขับเคลื่อนไปตามยุคสมัยซักวันคงถูกลืมเลือนดังที่จะเห็นจากเด็กรุ่นใหม่เริ่มนับถือเทคโนโลยีกันมากขึ้นมนุษย์คือผู้สร้างโลกไม่ใช่พระเจ้าสวรรคนรกไม่มีจริง

ศาสนาพุทธไม่ได้มีรากกำเนิดมาจาก พราหมณ์ ฮินดู
ทำไมศาสดาต้องเกิดจาก วรรณะ กษัตริย์ : เนื่องจาก บารมีและกุศลครับ ( พระพุทธเจ้าของเราปัจจุบันนี่ไม่ใช่ พระพุทธเจ้าองค์แรกนะครับ )
อนิจจัง แปลว่า ไม่เที่ยง ผมงงคำพูดนายนะ - - ทุกสิ่งอนิจจัง ไม่มีใครหรือสิ่งใดหรือทำให้อะไรหรือสิ่งใด นิจจังได้ครับ
แม้ศาสนาพุทธก็อนิจจัง สักวัน ก็ต้องเลือนหายไป เพราะมันเป็นอนิจจัง


ที่ถามว่า " หลักจริงๆของศาสนาพุทธเข้าใจง่ายแต่ทำยากครับหลักง่ายๆเลยคือคือดีกับชั่วแต่ปัจจุบันอะไรคือดีหรือชัวยังไม่รู้เลยครับ....ศาสนาพุทธหลักการจริงๆเราไม่จำเป็นต้องสวดมรซักบทก็หลุดพ้นได้เพียงแต่เราต้องสละแม้เพียงเสื้อผ้าและอาพรต่างๆเราไม่ต้องรักษาศีลเพียงเราตรองและปลงทุกอย่างได้ อย่างเช่น ชีวิตเราซักวันก็ต้องตาย ร่างกายก็ต้องเน่าสลายเงินทองที่มีก็ต้องหมดหลัการง่ายๆคืออย่าไปซีเรียสกับของนอกกายทุกอย่างมันก็แค่นั้นกีเกิดมีดับมีมีมีจากพร้อมที่จะตายในทุกวินาทีของชีวิตนี่คือดับทุกข์ที่พระพุทธเจ้าคิดได้ ผมเข้าใจถูกไมีครับ "

เข้าใจผิดครับ : เรื่องสวดมนต์ไม่เคยมีในศาสนาพุทธครับ ไม่ปราฏกในพุทธวจนแต่อย่างใด
สาวกมาแต่งเติมกันเอง ขอไม่กล่าวพูดถึง..
การรักษาศีล คือขั้นแรก ศีลคือสิ่งที่ต่อสู้กับกิเลสในจิตใจ หากไร้ศีล ย่อมเป็นทาสกิเลส ย่อมเป็นทาสตัณหา
เราต้องฝึกคนด้วยศีลก่อน จึงมาฝึกด้วยเรื่องที่สูงกว่า ศีลคือพื้นฐาน
คุณไม่สามารถไตร่ตรองได้ อย่างที่เข้าใจ
เพราะปัญญาที่ว่าเป็น ภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแทงตลอดครับ ต้องอาศัย สมถะ และ วิปัสสนา
หากไม่มี ภาวนามยปัญญา แม้จะเข้าใจ ก็เข้าใจอย่างผิวๆ ไม่เข้าใจแก่น
สมมุตินายบอกว่า ทุกสิ่ง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีตัวตน ร่างกายเป็น อสุภ แต่ลึกๆแล้วนายปล่อยวางได้ไหม ? ก็ไม่ได้ เพราะการเข้าใจไม่ได้เข้าใจด้วย ภาวนามยปัญญา

NECs
3rd January 2012, 00:21
ก่อนอื่นผมขอโทษที่ใช้คำผิดทำให้งง "พระพุทธเจ้าบอกว่าทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงคือไม่เป็นอนิจจัง(น่าจะใช่)แต่ศาสนาของท่านเองกลับถูกสาวกทำให้มันเป็นอนิจจังคือเปลี่ยนแปลงไม่ได้จับต้องไม่ได้ทำให้ไม่เกิดการขับเคลื่อนไปตามยุคสมัยซักวันคงถูกลืมเลือ" ประโยคนี้ผมหมายความว่า ตอนนี้พวกคุณกำลังจะทำให้ศาสนาถูกแตะไม่ได้ แก้ไขไม่ได้ครับซึ่งจริงๆแล้วมันควรจะแก้ไขได้อยู่เพื่อขับเคลื่อนไปพร้อมโลก

ส่วน "ศาสนาพุทธไม่ได้มีรากกำเนิดมาจาก พราหมณ์ ฮินดู" ครับคือมีครับครับเพราะชาวอินเดียสมัยพุทธกาลนับถือศาสนาพราหมณ์ ฮินดู และศาสดาของศาสนาพุทธเองก็เกิดในศาสนานั้นด้วยถูกสอนเกี่ยวกันศาสนานั้นมาตั้งแต่เด็ก พระพุทธเจ้าก็คนครับย่อมนำความเชื่อของศาสนาเดิมของตนเข้ามีส่วนไม่มากก็น้อยประกอบกับสาวกที่เดิมเคยนับถือศาสนาพราหมณ์ ฮินดูอยู่แล้วจึงต้ออิงจากหลักเดิมบ้างเพื่อให้ง่ายต่อการสอน(ผมหมายถึงเรื่องเล่าหรือชาดกนะครับไม่ใช่เเก่นธรรม)

ข้อนี้:" เรื่องสวดมนต์ไม่เคยมีในศาสนาพุทธครับ ไม่ปราฏกในพุทธวจนแต่อย่างใด
สาวกมาแต่งเติมกันเอง ขอไม่กล่าวพูดถึง.." ผมพูดถูกนะครับว่าการสวดมนต์ไม่จำเป็นต่อทางอันหลุดพ้นดังจะเห็นได้จากที่คุณบอกไว้

"การรักษาศีล คือขั้นแรก ศีลคือสิ่งที่ต่อสู้กับกิเลสในจิตใจ หากไร้ศีล ย่อมเป็นทาสกิเลส ย่อมเป็นทาสตัณหา
เราต้องฝึกคนด้วยศีลก่อน จึงมาฝึกด้วยเรื่องที่สูงกว่า ศีลคือพื้นฐาน
คุณไม่สามารถไตร่ตรองได้ อย่างที่เข้าใจ
เพราะปัญญาที่ว่าเป็น ภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแทงตลอดครับ ต้องอาศัย สมถะ และ วิปัสสนา
หากไม่มี ภาวนามยปัญญา แม้จะเข้าใจ ก็เข้าใจอย่างผิวๆ ไม่เข้าใจแก่น
สมมุตินายบอกว่า ทุกสิ่ง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีตัวตน ร่างกายเป็น อสุภ แต่ลึกๆแล้วนายปล่อยวางได้ไหม ? ก็ไม่ได้ เพราะการเข้าใจไม่ได้เข้าใจด้วย ภาวนามยปัญญา"
ประโยคนี้คุณหมายถึงว่าผมสามารถที่จะเข้าใจว่าชีวิตมีเกิดมีดับเวียนวนเป็น Loop ได้แต่ไม่สามารถทำได้หรือปฏิบัติได้ถ้าผมไม่เข้าใจศีลเพื่อเป็นขั้นแรกเสียก่อนใช่ไม๊ครับแล้วต่อไปยังขั้น ภาวนามยปัญญา ใช่ไม๊ครับ สมมุติผมหาเงินได้ปีละหลายล้านบาทผม pay หมดตลอดไม่เคยเก็บไว้ไม่อยากได้ในมันใช้มันเพื่อซื้อความสุขของผมไม่ว่าจะเป็นสุราหรือนารีหรืออื่นๆชั่วชีวิตผมมีความสุขที่สุดเมื่อผมใกล้ตายผมบอกว่าถึงเวลลาแล้วผมใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่สุดมีความสุขที่สุดผมขอตายอย่างมีความสุขผมพร้องจะไปในทุกๆวินาที
กับอีกอย่างหนึ่งผมประติบัติตามครรลองของศีลไม่ยุ่งสุรา การพนัน ผู้หญิง หาเงินได้เก็บไว้ให้ลุกทำตัวดีและพร้อมจะตายแต่วินาทีก่อนตายกลับเเวบขึ้มาได้ว่าอยากรสสุรามากนั่นคือ
ง่ายๆคนๆนึงใช้ชีวิตอย่างสายพิณที่หย่อน พอใกล้ตายกลับสละได้ทุกอย่าง
อีกคนนึงใช้ชีวิตธรรดาดังสายพิณที่ไม่ตึงไม่หย่องเมื่อตายกลับนึกอยากจะหย่อนตัวเองลงเมื่อสายไป

ถามว่าใครจะหลุดพ้นครับ

pophot555
3rd January 2012, 00:34
ความมืดมั้ง เพราะจักรวาลมีแต่ความมืด เว้นแต่ว่ามีรังสีมากั้นมัน(นั่นคือแสงมั้ง)

ปล คิดเองมั่วๆอย่าคิดมมากแค่คาใจ
(แต่แสงไวเกือบที่สุดมั้ง)

notty
3rd January 2012, 01:57
ผมไม่อยากจะเถียงหรอกครับแต่ขอแก้ต่างแทนกระทู้แรกๆนิสนึงครับ
ถ้าคุณบอกว่าจิตไม่ใช่จินตนาการงั้นเท่ากับว่ามันสามารถรับรู้ได้จากสัมผัสทั้ง 5 ????หรือเราต้องมีสัมผัสพิเศษ
สมมุติคุณบอกว่าจะไปดาวลูกไก่ด้วยณาญ.....แว๊บจิตคุณหลุดไปดาวลูกไก่ คุณสามารถเก็บเหินบนดาวลูกไก่มาได้ไม๊
//ถ้าทำได้ทำ
//ถ้าไม่ได้เพราะอะไร.....ขอคำตอบครับ...ไม่เอาแบบว่าผู้มีณาญไม่ทำเรื่องเพ้อเจ้อพรรนั้นไม่เอานะครับ

แต่แสงก็เก็บดาวลูกไก่ไม่ได้เหมือนกันน่ะ แม้แต่ความคิดก็เก็บไม่ได้(ถึงเก็บได้ก็เป็นการ หลอกตัวเองเพราะว่าคิดเอา)จิตไม่ใช่กายหยาบ เก็บมาไม่ได้หรอก :)
ป.ล. ความคิดเห็นส่วนตัวแบบ ขำๆ ถ้าอยากได้หินจากดาวลูกไก่ล่ะก็ เดินไปเก็บหน้าบ้านก็ได้ครับ เพราะไ่ม่รู้ว่าหินดาวลูกไก่ที่ตกจากฟ้าอาจเป็นก้อนเดียวกันกับ หิน(ดาวลูกไก่)ที่อยู่หน้าบ้านก็ได้ครับ คิ คิ :pleasantry

ringthecat
3rd January 2012, 10:25
To :Type-7442 .New-Born, Always surprise on power possess. Keep Going and you will understand what I mean

SinSu
3rd January 2012, 10:54
แต่แสงก็เก็บดาวลูกไก่ไม่ได้เหมือนกันน่ะ แม้แต่ความคิดก็เก็บไม่ได้(ถึงเก็บได้ก็เป็นการ หลอกตัวเองเพราะว่าคิดเอา)จิตไม่ใช่กายหยาบ เก็บมาไม่ได้หรอก :)
ป.ล. ความคิดเห็นส่วนตัวแบบ ขำๆ ถ้าอยากได้หินจากดาวลูกไก่ล่ะก็ เดินไปเก็บหน้าบ้านก็ได้ครับ เพราะไ่ม่รู้ว่าหินดาวลูกไก่ที่ตกจากฟ้าอาจเป็นก้อนเดียวกันกับ หิน(ดาวลูกไก่)ที่อยู่หน้าบ้านก็ได้ครับ คิ คิ :pleasantry


อ่านคอมเม็นต์บนๆไม่ไหว พอมาถึงอันนี่ฮาเลยครับ :pardon

nawatc
3rd January 2012, 11:01
อาเบะ เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

Type-7442
3rd January 2012, 11:04
ก่อนอื่นผมขอโทษที่ใช้คำผิดทำให้งง "พระพุทธเจ้าบอกว่าทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงคือไม่เป็นอนิจจัง(น่าจะใช่)แต่ศาสนาของท่านเองกลับถูกสาวกทำให้มันเป็นอนิจจังคือเปลี่ยนแปลงไม่ได้จับต้องไม่ได้ทำให้ไม่เกิดการขับเคลื่อนไปตามยุคสมัยซักวันคงถูกลืมเลือ" ประโยคนี้ผมหมายความว่า ตอนนี้พวกคุณกำลังจะทำให้ศาสนาถูกแตะไม่ได้ แก้ไขไม่ได้ครับซึ่งจริงๆแล้วมันควรจะแก้ไขได้อยู่เพื่อขับเคลื่อนไปพร้อมโลก

ส่วน "ศาสนาพุทธไม่ได้มีรากกำเนิดมาจาก พราหมณ์ ฮินดู" ครับคือมีครับครับเพราะชาวอินเดียสมัยพุทธกาลนับถือศาสนาพราหมณ์ ฮินดู และศาสดาของศาสนาพุทธเองก็เกิดในศาสนานั้นด้วยถูกสอนเกี่ยวกันศาสนานั้นมาตั้งแต่เด็ก พระพุทธเจ้าก็คนครับย่อมนำความเชื่อของศาสนาเดิมของตนเข้ามีส่วนไม่มากก็น้อยประกอบกับสาวกที่เดิมเคยนับถือศาสนาพราหมณ์ ฮินดูอยู่แล้วจึงต้ออิงจากหลักเดิมบ้างเพื่อให้ง่ายต่อการสอน(ผมหมายถึงเรื่องเล่าหรือชาดกนะครับไม่ใช่เเก่นธรรม)

ข้อนี้:" เรื่องสวดมนต์ไม่เคยมีในศาสนาพุทธครับ ไม่ปราฏกในพุทธวจนแต่อย่างใด
สาวกมาแต่งเติมกันเอง ขอไม่กล่าวพูดถึง.." ผมพูดถูกนะครับว่าการสวดมนต์ไม่จำเป็นต่อทางอันหลุดพ้นดังจะเห็นได้จากที่คุณบอกไว้

"การรักษาศีล คือขั้นแรก ศีลคือสิ่งที่ต่อสู้กับกิเลสในจิตใจ หากไร้ศีล ย่อมเป็นทาสกิเลส ย่อมเป็นทาสตัณหา
เราต้องฝึกคนด้วยศีลก่อน จึงมาฝึกด้วยเรื่องที่สูงกว่า ศีลคือพื้นฐาน
คุณไม่สามารถไตร่ตรองได้ อย่างที่เข้าใจ
เพราะปัญญาที่ว่าเป็น ภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแทงตลอดครับ ต้องอาศัย สมถะ และ วิปัสสนา
หากไม่มี ภาวนามยปัญญา แม้จะเข้าใจ ก็เข้าใจอย่างผิวๆ ไม่เข้าใจแก่น
สมมุตินายบอกว่า ทุกสิ่ง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีตัวตน ร่างกายเป็น อสุภ แต่ลึกๆแล้วนายปล่อยวางได้ไหม ? ก็ไม่ได้ เพราะการเข้าใจไม่ได้เข้าใจด้วย ภาวนามยปัญญา"
ประโยคนี้คุณหมายถึงว่าผมสามารถที่จะเข้าใจว่าชีวิตมีเกิดมีดับเวียนวนเป็น Loop ได้แต่ไม่สามารถทำได้หรือปฏิบัติได้ถ้าผมไม่เข้าใจศีลเพื่อเป็นขั้นแรกเสียก่อนใช่ไม๊ครับแล้วต่อไปยังขั้น ภาวนามยปัญญา ใช่ไม๊ครับ สมมุติผมหาเงินได้ปีละหลายล้านบาทผม pay หมดตลอดไม่เคยเก็บไว้ไม่อยากได้ในมันใช้มันเพื่อซื้อความสุขของผมไม่ว่าจะเป็นสุราหรือนารีหรืออื่นๆชั่วชีวิตผมมีความสุขที่สุดเมื่อผมใกล้ตายผมบอกว่าถึงเวลลาแล้วผมใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่สุดมีความสุขที่สุดผมขอตายอย่างมีความสุขผมพร้องจะไปในทุกๆวินาที
กับอีกอย่างหนึ่งผมประติบัติตามครรลองของศีลไม่ยุ่งสุรา การพนัน ผู้หญิง หาเงินได้เก็บไว้ให้ลุกทำตัวดีและพร้อมจะตายแต่วินาทีก่อนตายกลับเเวบขึ้มาได้ว่าอยากรสสุรามากนั่นคือ
ง่ายๆคนๆนึงใช้ชีวิตอย่างสายพิณที่หย่อน พอใกล้ตายกลับสละได้ทุกอย่าง
อีกคนนึงใช้ชีวิตธรรดาดังสายพิณที่ไม่ตึงไม่หย่องเมื่อตายกลับนึกอยากจะหย่อนตัวเองลงเมื่อสายไป

ถามว่าใครจะหลุดพ้นครับ

ผมว่าที่นายบอกว่า " สมมุติผมหาเงินได้ปีละหลายล้านบาทผม pay หมดตลอดไม่เคยเก็บไว้
ไม่อยากได้ในมันใช้มันเพื่อซื้อความสุขของผมไม่ว่าจะเป็นสุราหรือนารีหรืออื่นๆชั่วชีวิตผมมีความสุขที่สุด
เมื่อผมใกล้ตายผมบอกว่าถึงเวลลาแล้วผมใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่สุดมีความสุขที่สุดผมขอตายอย่างมีความสุขผมพร้องจะไปในทุกๆวินาที "

: เกรงว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น ชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน เราจะตายเมื่อไรก็ได้ ไม่แน่นอน พรุ่งนี้เราอาจจะตายก็ได้ เราจะตายวันไหนก็ไม่รู้
ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าความตายเป็นเรื่องไกลตัว เมื่อความตายเกิดขึ้นกับคนใกล้ชิดหรือกำลังจะเกิดตนเอง ก็รับไม่ได้ สร้างความทุกข์ให้มากมาย
ในกรณีของนาย นายจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กล่าวให้ถูกด้วยความไม่้ประมาทคือ นายใกล้ตายทุกวินาที


ส่วนที่ถามว่าใครจะหลุดพ้น คำตอบคือ ไม่มี ;

เพราะว่าชายในกรณีแรกนั้น ชุ่มไปด้วยกามและตัณหาในชาติหน้าเขาอาจะไม่ีมีโอกาศได้เกิดเป็นมนุษย์อีก
ดังนั้นชายในกรณีที่ 1 ต้องอาจใช้เวลาอีกหลายกัปกว่าจะมีการหลุดพ้น
เพราะว่าชายในกรณีสองนั้น มีเพียงศีล แต่ไม่มี สมาธิ และ ปัญญา เขาย่อมมีสิทธิเกิดใน เปรตวิสัย แม้ความคิดของเขาก่อนตายอาจนำเขาไปสู่ นรกหรือเดรัจฉานวิสัยก็ตาม
แต่กุศลจากการรักษาศีลนั้นเขาย่อมมีโอกาศที่จะเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งมากกว่า ชายในกรณีแรก เนื่องจากศีลเป็นธรรมฝ่ายขาว

กล่าวคือไม่มีใครหลุดพ้นทั้ง 2 กรณี แต่ชายในกรณีที่ 2 มีโอกาศในการหลุดพ้นมากกว่าชายในกรณีที่ 1

- ส่วนที่กล่าวประมาณว่า นายไม่รักษาศีลแล้วมีปัญญาได้ ไม่ใช่เช่นนั้น เราก็กล่าวผิดไปนิดนึงด้วย คือ นายสามารถมีปัญญาได้
แต่ว่าหากไม่รักษาศีล จะไม่มีสิ่งใดคุมกิเลสไว้ แน่นอน การเกิดปัญหาในการภาวนาย่อมเกิดขึ้นมากกว่าผู้สมบูรณ์ด้วยศีล -


ปล อนิจจัง แปลว่า ไม่เที่ยง ไม่ถาวร , นิจจัง แปลว่า เที่ยง คงทน ถาวร

// ขอบคุณครับ

Spermz
3rd January 2012, 11:04
ผมว่า ควาก เร็วที่สุดครับ

เพราะมีควาก เลย มี โปรตรอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนครับ

ส่วนเวลานั้นผมคิดว่าไม่ใช่ครับ

เพราะมีความเร็ว เพราะมีระยะทาง จึงมีเวลาเกิดขึ้น เพราะฉนั้นถ้าไม่มีการเคลื่อนที่ก็จะไม่มีเวลาครับ

เพราะเวลาเราก็ต้องมีจุดอ้างอิงเพื่อที่จะเริ่มนับเวลาครับ

flukezuzayo
3rd January 2012, 15:45
ขอบคุณสำหรับหลายความเห็น หลายความรู้ครับ

NECs
3rd January 2012, 16:14
ผมว่าที่นายบอกว่า " สมมุติผมหาเงินได้ปีละหลายล้านบาทผม pay หมดตลอดไม่เคยเก็บไว้
ไม่อยากได้ในมันใช้มันเพื่อซื้อความสุขของผมไม่ว่าจะเป็นสุราหรือนารีหรืออื่นๆชั่วชีวิตผมมีความสุขที่สุด
เมื่อผมใกล้ตายผมบอกว่าถึงเวลลาแล้วผมใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่สุดมีความสุขที่สุดผมขอตายอย่างมีความสุขผมพร้องจะไปในทุกๆวินาที "

: เกรงว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น ชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน เราจะตายเมื่อไรก็ได้ ไม่แน่นอน พรุ่งนี้เราอาจจะตายก็ได้ เราจะตายวันไหนก็ไม่รู้
ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าความตายเป็นเรื่องไกลตัว เมื่อความตายเกิดขึ้นกับคนใกล้ชิดหรือกำลังจะเกิดตนเอง ก็รับไม่ได้ สร้างความทุกข์ให้มากมาย
ในกรณีของนาย นายจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กล่าวให้ถูกด้วยความไม่้ประมาทคือ นายใกล้ตายทุกวินาที


ส่วนที่ถามว่าใครจะหลุดพ้น คำตอบคือ ไม่มี ;

เพราะว่าชายในกรณีแรกนั้น ชุ่มไปด้วยกามและตัณหาในชาติหน้าเขาอาจะไม่ีมีโอกาศได้เกิดเป็นมนุษย์อีก
ดังนั้นชายในกรณีที่ 1 ต้องอาจใช้เวลาอีกหลายกัปกว่าจะมีการหลุดพ้น
เพราะว่าชายในกรณีสองนั้น มีเพียงศีล แต่ไม่มี สมาธิ และ ปัญญา เขาย่อมมีสิทธิเกิดใน เปรตวิสัย แม้ความคิดของเขาก่อนตายอาจนำเขาไปสู่ นรกหรือเดรัจฉานวิสัยก็ตาม
แต่กุศลจากการรักษาศีลนั้นเขาย่อมมีโอกาศที่จะเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งมากกว่า ชายในกรณีแรก เนื่องจากศีลเป็นธรรมฝ่ายขาว

กล่าวคือไม่มีใครหลุดพ้นทั้ง 2 กรณี แต่ชายในกรณีที่ 2 มีโอกาศในการหลุดพ้นมากกว่าชายในกรณีที่ 1

- ส่วนที่กล่าวประมาณว่า นายไม่รักษาศีลแล้วมีปัญญาได้ ไม่ใช่เช่นนั้น เราก็กล่าวผิดไปนิดนึงด้วย คือ นายสามารถมีปัญญาได้
แต่ว่าหากไม่รักษาศีล จะไม่มีสิ่งใดคุมกิเลสไว้ แน่นอน การเกิดปัญหาในการภาวนาย่อมเกิดขึ้นมากกว่าผู้สมบูรณ์ด้วยศีล -


ปล อนิจจัง แปลว่า ไม่เที่ยง ไม่ถาวร , นิจจัง แปลว่า เที่ยง คงทน ถาวร

// ขอบคุณครับ

โอเคครับผมหายสงสัยเรื่องนั้นแล้ว แต่เรื่องที่ผมบอกเกี่ยวกับพื้นฐานของศาสนาที่มีรากฐานทางพรามหมอยู่นายยอมรับว่ามันจริงรึป่าวครับ
//แล้วถ้ามันจริงเราควรจะแยกมันออกไปรึป่าวครับ
เรื่องบทสวดมนต์บางบทที่เป็นเรื่องของการพรรณาถึงพระผู้มีพระภาคเรา***ยกเลิกไม๊เพราะมันไม่ก่อให้เกิดการหลุดพ้นบางบทที่เป็นคำสอนภาษาบาลีควรเเปลเป็นไทยไม๊
//เคยฟังเรื่องตลกที่ยายไปฟังเทศมาแล้วกลับบ้านมาหลานถามว่า
หลาน:พระเทศเป็นไงมั่งยาย
ยาย:วันนี้พระท่านเทศดีมากเลย
หลาน:แล้วพระเทศว่าอะไรมั่งหละยาย
ยาย:ยายไมี่รู้หลอกฟังไม่รู้เรื่อง
หลาน:แล้วยายไม่รู้แล้วยายว่าพระเทศดีได้ไงหละ
ยาย:แค่ได้ฟังก็มีความสุขแล้ว
ผมว่าเหตุการณ์นี้เหมือนเราฟังดนตรีฝรั่งหรือเกาหลีหละฟังทำนองมันอย่างเดียวทำนองเพราะคือเพราะ....ที่ควรแปลไม่ใช่เฉพาะภาษาบาลีรวมถึงภาษาไทยโบราณที่ดูแล้วขลังด้วยเพื่อให้สาสนานั้นหมุนตามโลกไม่ใช่ย่ำอยู่กะที่
ศาสนาเราควรแก้ไขไห้ตามโลกได้ไม่ใช่ยึดว่ามันศักดิ์สิทแล้วย่ำอยู่กับที่เพราะศาสนาพุทธเกิดขึ้นในโลกที่มีสีขาวและสีดำ....แต่โลกปัจจุบันมันมีแค่สีเทาๆเท่านั้นเราชี้ขาวชี้ดำไม่ได้หรอกครับ
//อย่าบอกนะว่าศาสนาเราสมบุรณ์ที่สุดแล้วมีความสมบูรณ์แบบในตัวของมันเองขนาดกฏหมายที่ใช้กับโลกสีเทายังมีช่องโหว่เลยนับภาษาอะไรกับกฏที่ชี้ขาวและดำของศาสนา

Type-7442
3rd January 2012, 18:37
โอเคครับผมหายสงสัยเรื่องนั้นแล้ว แต่เรื่องที่ผมบอกเกี่ยวกับพื้นฐานของศาสนาที่มีรากฐานทางพรามหมอยู่นายยอมรับว่ามันจริงรึป่าวครับ
//แล้วถ้ามันจริงเราควรจะแยกมันออกไปรึป่าวครับ
เรื่องบทสวดมนต์บางบทที่เป็นเรื่องของการพรรณาถึงพระผู้มีพระภาคเรา***ยกเลิกไม๊เพราะมันไม่ก่อให้เกิดการหลุดพ้นบางบทที่เป็นคำสอนภาษาบาลีควรเเปลเป็นไทยไม๊
//เคยฟังเรื่องตลกที่ยายไปฟังเทศมาแล้วกลับบ้านมาหลานถามว่า
หลาน:พระเทศเป็นไงมั่งยาย
ยาย:วันนี้พระท่านเทศดีมากเลย
หลาน:แล้วพระเทศว่าอะไรมั่งหละยาย
ยาย:ยายไมี่รู้หลอกฟังไม่รู้เรื่อง
หลาน:แล้วยายไม่รู้แล้วยายว่าพระเทศดีได้ไงหละ
ยาย:แค่ได้ฟังก็มีความสุขแล้ว
ผมว่าเหตุการณ์นี้เหมือนเราฟังดนตรีฝรั่งหรือเกาหลีหละฟังทำนองมันอย่างเดียวทำนองเพราะคือเพราะ....ที่ควรแปลไม่ใช่เฉพาะภาษาบาลีรวมถึงภาษาไทยโบราณที่ดูแล้วขลังด้วยเพื่อให้สาสนานั้นหมุนตามโลกไม่ใช่ย่ำอยู่กะที่
ศาสนาเราควรแก้ไขไห้ตามโลกได้ไม่ใช่ยึดว่ามันศักดิ์สิทแล้วย่ำอยู่กับที่เพราะศาสนาพุทธเกิดขึ้นในโลกที่มีสีขาวและสีดำ....แต่โลกปัจจุบันมันมีแค่สีเทาๆเท่านั้นเราชี้ขาวชี้ดำไม่ได้หรอกครับ
//อย่าบอกนะว่าศาสนาเราสมบุรณ์ที่สุดแล้วมีความสมบูรณ์แบบในตัวของมันเองขนาดกฏหมายที่ใช้กับโลกสีเทายังมีช่องโหว่เลยนับภาษาอะไรกับกฏที่ชี้ขาวและดำของศาสนา


ศาสนาพุทธก็ศาสนาพุทธ ฮินดูก็ฮินดู อิสลามก็อิสลาม ธรรมวินัย และ พระวินัย ของศาสนาพุทธไม่มีมูลเหตุมาจาก ศาสาฮินดู และ อิสลามครับ
จะเห็นได้ว่าฮินดูยังนับถือเทพเจ้าซึ่งก็ผิดหลักของพุทธอย่างชัดเจน , แม้อิสลามยังห้ามกินหมูทีี่มีเหตุผลที่ดูค่อนข้างงมงาย [ ผมจำได้ว่าอะไรสักอย่างเกี่ยวกับพระเจ้าของเขานี่แหละ ]
แต่พุทธศาสนาไม่มีพระเจ้า ธรรมคือพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคือธรรม ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา

เรื่องการสวดมนต์ตัวต้นตำรับจริงๆ ไม่ใส่สวดมนต์ที่สาวกคิดขึ้นมาเอง จะเรียกว่าเป็นการ สาธยายธรรมที่จำไม่ได้เป็นตัวหลักธรรมเช่น ปฏิจสมปุบาท อริยมรรค ประมาณนี้
ไม่มีแบบการสวดมนต์ขอพรพูดถึงพระพุทธเจ้า หรือ ขอโน่นขอนี้ หรือ รักษาป้องกันภัยอะไร สิ่งพวกนี้ไม่ใช่ศาสนาพุทธอย่างแท้จริง
ผมจริงไม่กล่าว คือเข้าใจกันวา ผมไม่สนใจเรื่องการสวดมนต์เลย อย่างดีก็ท่องหัวข้อธรรมที่ยังจำไม่ได้ให้เข้าใจ สั่งสมสุตตะต่อไป [ สุตตะแปลว่าความรู้จากการอ่าน,จำ ในเกี่ยวกับธรรมนั้นๆ ]
ในเคสยายนั้น อธิบายสั้นๆได้ว่า ยายยังมีสีลัพตปรามาส มีความงมงาย ไม่ได้ปฏิบัติตนตามพุทธประสงค์แท้จริงเลย


เราเห็นหลายทีแล้ว นายจะบอกประมาณว่า ศาสนาย้ำอยู่กับที่ ศาสนาหมุนตามโลกอะไรสักอย่าง สาวกทำให้เป็นนิจจังอะไรเนี่ย, จากนี้นายอ่านแล้วพยายามทำความเข้าใจดีๆนะ
: คำว่าสาวกทำให้ศาสนาจับต้องไม่ได้หมายความว่าอย่างไร ? สาวกก็ไม่ได้ทำอะไรนิ เราทำสิ่งที่ตถาคตสรรเสิญไว้อย่างที่สุด เช่น อานาปานสติก็พอแล้ว ไม่ต้องสนผู้อื่น
ศาสนาพุทธสมบูรณ์แบบในตัวของมันเองอยู่แล้ว สาวกต่างหากที่วครแก้ไขตนเอง ศาสนาพุทธไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ แต่พุทธศาสนาเป็นเช่นนั้นเองของมัน คือ ตถาตา
ธรรมในพุทธศาสนามีหลายอย่าง
เช่น ธรรมฝ่ายดำ เช่น อกุศลต่างๆ , ธรรมฝ่ายขาว เช่น กุศลจิต , และธรรมไม่ดำไม่ขาว เช่น อุเบกขา

เช่นกัน.. ศาสนาพุทธไม่มีช่องโหว่ สาวกเองที่มีช่องโหว่

Spermz
3rd January 2012, 19:48
โอเคครับผมหายสงสัยเรื่องนั้นแล้ว แต่เรื่องที่ผมบอกเกี่ยวกับพื้นฐานของศาสนาที่มีรากฐานทางพรามหมอยู่นายยอมรับว่ามันจริงรึป่าวครับ
//แล้วถ้ามันจริงเราควรจะแยกมันออกไปรึป่าวครับ
เรื่องบทสวดมนต์บางบทที่เป็นเรื่องของการพรรณาถึงพระผู้มีพระภาคเรา***ยกเลิกไม๊เพราะมันไม่ก่อให้เกิดการหลุดพ้นบางบทที่เป็นคำสอนภาษาบาลีควรเเปลเป็นไทยไม๊
//เคยฟังเรื่องตลกที่ยายไปฟังเทศมาแล้วกลับบ้านมาหลานถามว่า
หลาน:พระเทศเป็นไงมั่งยาย
ยาย:วันนี้พระท่านเทศดีมากเลย
หลาน:แล้วพระเทศว่าอะไรมั่งหละยาย
ยาย:ยายไมี่รู้หลอกฟังไม่รู้เรื่อง
หลาน:แล้วยายไม่รู้แล้วยายว่าพระเทศดีได้ไงหละ
ยาย:แค่ได้ฟังก็มีความสุขแล้ว
ผมว่าเหตุการณ์นี้เหมือนเราฟังดนตรีฝรั่งหรือเกาหลีหละฟังทำนองมันอย่างเดียวทำนองเพราะคือเพราะ....ที่ควรแปลไม่ใช่เฉพาะภาษาบาลีรวมถึงภาษาไทยโบราณที่ดูแล้วขลังด้วยเพื่อให้สาสนานั้นหมุนตามโลกไม่ใช่ย่ำอยู่กะที่
ศาสนาเราควรแก้ไขไห้ตามโลกได้ไม่ใช่ยึดว่ามันศักดิ์สิทแล้วย่ำอยู่กับที่เพราะศาสนาพุทธเกิดขึ้นในโลกที่มีสีขาวและสีดำ....แต่โลกปัจจุบันมันมีแค่สีเทาๆเท่านั้นเราชี้ขาวชี้ดำไม่ได้หรอกครับ
//อย่าบอกนะว่าศาสนาเราสมบุรณ์ที่สุดแล้วมีความสมบูรณ์แบบในตัวของมันเองขนาดกฏหมายที่ใช้กับโลกสีเทายังมีช่องโหว่เลยนับภาษาอะไรกับกฏที่ชี้ขาวและดำของศาสนา

ศาสนาก้าวตามโลกเสมอครับ

แต่สาวก บางคน ทำให้มันเสื่อมและดูเหมือนย่ำอยู่กับที่
ศีลต้องประยุกต์ใช้ครับ อ่านตรงๆใช้แบบโต้งๆ เราจะคิดว่าศีลเป็นข้อห้าม ไม่ใช่ครับ ศีลคือ ข้อละเว้นจากการกระทำนั้นๆ ครับ
ศาสนามีเกิด ย่อมมีดับ มีเสื่อม และไม่จีรังยั่งยืนครับ
ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่สมบูรณ์แบบและแม่นยำครับ

ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมบางอย่างของพุทธถึง ไปปนกับ พราหม กันแน่

DkTaP82
3rd January 2012, 20:07
ตกลงอะไรเร็วอะ.. แล้วศาสนามาเถียงกันได้ไงหว่า.. 555+ รอฟังอยู่ หรือว่่าอ่านๆดูเห็นบอกว่่าเป็นจิต..(เสื่อม)

ปะๆ ไปเข้าสู่นิพานกันเถอะ เว้นจากการเกิดแก่เจ็บตาย.. 555 ส่วนตัวนะไม่รู้เราจะหลุดพ้นกันไปทำไม เพราะได้ขึ้นต้นว่าชีวิตเมื่อไหร่ นั้นแหละสิ่งที่พิเศษสุดแล้วจร้า! จะทุกหรือสุขนั้นก็คือรสชาติของชีวิต

หากเข้าใจแบบนี้แล้ว โลกนี้ไม่ใช่แค่ ดำ เทา ขาวนะ มันจะเป็นสีชมพู 55

Type-7442
3rd January 2012, 20:16
ตกลงอะไรเร็วอะ.. แล้วศาสนามาเถียงกันได้ไงหว่า.. 555+ รอฟังอยู่ หรือว่่าอ่านๆดูเห็นบอกว่่าเป็นจิต..(เสื่อม)

ปะๆ ไปเข้าสู่นิพานกันเถอะ เว้นจากการเกิดแก่เจ็บตาย.. 555 ส่วนตัวนะไม่รู้เราจะหลุดพ้นกันไปทำไม เพราะได้ขึ้นต้นว่าชีวิตเมื่อไหร่ นั้นแหละสิ่งที่พิเศษสุดแล้วจร้า! จะทุกหรือสุขนั้นก็คือรสชาติของชีวิต

หากเข้าใจแบบนี้แล้ว โลกนี้ไม่ใช่แค่ ดำ เทา ขาวนะ มันจะเป็นสีชมพู 55

คิดผิดลองคิดใหม่ได้นะครับ
จริงๆจะพูดว่า พุทธศาสนามีมาเพื่อยับยั้งการเกิดก็ไม่ผิดครับ เพราะเมื่อเกิดย่อมมีทุกข์, แน่นอน.. การเกิดคือทุกข์ครับ
พระพุทธเจ้าจึงชี้ทางที่จะทำให้หลุดพ้นการเกิดการตาย จบสิ้นไป..

หากเข้าใจแบบนี้แล้ว โลกนี้ไม่ใช่สิ่งที่น่าริ่นรมย์เลย เมื่อเห็นอยู่โดยถูกต้อง ย่อมเกิดความเบื่อหน่าย

thanakom03
3rd January 2012, 21:17
หลายคนอาจมีหลายแง่ความคิด ที่ต่างกัน
ในสังคม เราไหว้พระ นับถือ ท่านแต่น้อย คนที่จะเอาคำสอนมาปฎิบัติ

SpikeBringer
3rd January 2012, 21:24
อืม.... untouchable จริงๆ..

NECs
3rd January 2012, 22:22
ศาสนาพุทธก็ศาสนาพุทธ ฮินดูก็ฮินดู อิสลามก็อิสลาม ธรรมวินัย และ พระวินัย ของศาสนาพุทธไม่มีมูลเหตุมาจาก ศาสาฮินดู และ อิสลามครับ
จะเห็นได้ว่าฮินดูยังนับถือเทพเจ้าซึ่งก็ผิดหลักของพุทธอย่างชัดเจน , แม้อิสลามยังห้ามกินหมูทีี่มีเหตุผลที่ดูค่อนข้างงมงาย [ ผมจำได้ว่าอะไรสักอย่างเกี่ยวกับพระเจ้าของเขานี่แหละ ]
แต่พุทธศาสนาไม่มีพระเจ้า ธรรมคือพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคือธรรม ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา

เรื่องการสวดมนต์ตัวต้นตำรับจริงๆ ไม่ใส่สวดมนต์ที่สาวกคิดขึ้นมาเอง จะเรียกว่าเป็นการ สาธยายธรรมที่จำไม่ได้เป็นตัวหลักธรรมเช่น ปฏิจสมปุบาท อริยมรรค ประมาณนี้
ไม่มีแบบการสวดมนต์ขอพรพูดถึงพระพุทธเจ้า หรือ ขอโน่นขอนี้ หรือ รักษาป้องกันภัยอะไร สิ่งพวกนี้ไม่ใช่ศาสนาพุทธอย่างแท้จริง
ผมจริงไม่กล่าว คือเข้าใจกันวา ผมไม่สนใจเรื่องการสวดมนต์เลย อย่างดีก็ท่องหัวข้อธรรมที่ยังจำไม่ได้ให้เข้าใจ สั่งสมสุตตะต่อไป [ สุตตะแปลว่าความรู้จากการอ่าน,จำ ในเกี่ยวกับธรรมนั้นๆ ]
ในเคสยายนั้น อธิบายสั้นๆได้ว่า ยายยังมีสีลัพตปรามาส มีความงมงาย ไม่ได้ปฏิบัติตนตามพุทธประสงค์แท้จริงเลย


เราเห็นหลายทีแล้ว นายจะบอกประมาณว่า ศาสนาย้ำอยู่กับที่ ศาสนาหมุนตามโลกอะไรสักอย่าง สาวกทำให้เป็นนิจจังอะไรเนี่ย, จากนี้นายอ่านแล้วพยายามทำความเข้าใจดีๆนะ
: คำว่าสาวกทำให้ศาสนาจับต้องไม่ได้หมายความว่าอย่างไร ? สาวกก็ไม่ได้ทำอะไรนิ เราทำสิ่งที่ตถาคตสรรเสิญไว้อย่างที่สุด เช่น อานาปานสติก็พอแล้ว ไม่ต้องสนผู้อื่น
ศาสนาพุทธสมบูรณ์แบบในตัวของมันเองอยู่แล้ว สาวกต่างหากที่วครแก้ไขตนเอง ศาสนาพุทธไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ แต่พุทธศาสนาเป็นเช่นนั้นเองของมัน คือ ตถาตา
ธรรมในพุทธศาสนามีหลายอย่าง
เช่น ธรรมฝ่ายดำ เช่น อกุศลต่างๆ , ธรรมฝ่ายขาว เช่น กุศลจิต , และธรรมไม่ดำไม่ขาว เช่น อุเบกขา

เช่นกัน.. ศาสนาพุทธไม่มีช่องโหว่ สาวกเองที่มีช่องโหว่

โอเคถ้านายคิดอย่างนั้น เราเลิกเถียงกับนายแล้วเพราะนายไม่ได้ต่างจากคนอื่นเท่าไหร่สิ่งที่นายกระทำอยู่นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าไม่ปล่อยวางเราไม่รู้ว่านายจะยึดสิ่งที่เรียกว่าศาสนา พุทธประวัติ ในสิ่งที่มันเป็นอยู่ตอนนี้โดยไม่สนใจในหลักความจริงเลยว่าจริงๆแล้วมันเป็นเช่นไร นายพูดว่าศาสนาของนายสมบูรณ์ที่สุด นายพูดว่าศาสนาของนายไม่มีช่องโหว่.....นายคิดอย่างนั้นจริงๆหรือนายกลัวที่จะรับไม่ได้หากมันเป็นความจริง...นายไม่ต้องตอบเราหรอกเรารู้ว่านายคงไม่เปลี่ยนความคิดและยังยืนยันว่ามันไม่มีช่องโหว่....และโยนความผิดไปให้พุทธสาวก....ถ้าไม่ได้ย่ำอยู้กับที่ทำไมถึงเข้าถึงเยาว์ชนและคนรุ่นใหม่ไม่ได้ทั้งๆที่เคยทำได้....คงจะบอกว่าเพราะคนรุ่นใหม่สมัยนี้ไม่สนใจในศาสนา:shutupหรือเพราะว่ามันไม่น่าสนใจเหมือนกับเมียที่ผัวแอบไปมีชู้แล้วก็ด่าผัวว่าเลวอย่างงู้นอย่างงี้โดยที่ไม่ยอกมองดูตัวเองเลยว่าหลังจากแต่งงานแล้วปล่อยเนื้อปล่อยตัวกลายเป็นอีเพิ้งขี้บ่นขี้หงุดหงิดเข้าใจยากเลยหันไปหาสาวสวยหมวยเซ็กกระชากใจเร้าอารมณ์ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา......
ส่วนเรื่องรากฐานทางศาสนานั้นผมคงทำให้นายเปลี่ยนความคิดไม่ได้ผมขออธิบายครั้งสุดท้ายอยากให้นายลองเปิดใจดูสักครั้ง ชาดกที่พระพุทธเจ้าเคยเล่าอย่างเรื่องดังๆก็เรื่องพระเวทสันดรชาดก เนื้อเรื่องนายคงรู้ดี จากเนื้อเรื่องจะเห็นได้ว่า ตัวละครในเรื่องจะมีการเเบ่งชั้นวรรณะอย่างชัดเจนอันเป็นความเชื่อของพราหม-ฮินดู พุทธเองก็ไม่มีการแบ่งชนชั้นผมไม่ได้พูดว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าคัดลอกหลักคำสอนหลักปฏิบัติทางพราหมมาปรับปรุงแต่ผมบอกว่าศาสนานี้เกิดขึ้นในดินแดนที่เคยมีความเชื่อทางพราหมอยู่ย่อมจะได้รับอิทธิพลมาไม่มากก็น้อย เหมือนกับศาสนาคริสเกิดขึ้นในดินแดนของอิสรามก็จะมีความคล้ายคลึงกัน ถ้านายยังจิตนาการไม่ออก ลองนึกสภาพผมเป็นคนไทยพ่อ-แม่เป็นคนไทย แต่ผมไปเกิดและโตที่อังกฤษผมก็จะได้รับอิทธิพลหลายๆอย่างมาจากคนอังกฤษแม้ว่าพ่อแม่จะเลี้ยงผมแบบคนไทยมากแค่ไหนก็ตาม....พอจะเข้าใจสิ่งที่ผมพยายามสื่อบ้างรึป่าวครับหวังว่าคงไม่ได้เข้าใจผมผิดอีกนะครับ

//ผมพยายามยกตัวอย่างให้ง่ายๆช่วยกรุณาตีความหมายให้ถูกต้องด้วยครับแล้กก็ถ้ากระทบกระเทือนใครมากไปก็ขออภัยมาณะที่นี้ด้วยครับ
ปล.เรื่องยายผมไม่ได้ถามว่ายายทำถูกหรือผิดหรือได้อะไรเพราะมันเป็นแค่เรื่องตลกขำๆแต่ที่ผมยกมาคือว่าถ้าเราฟังเทศภาษาบาลีเนี่ยมันไม่ต่างกับฟังเพลงภาษาบาลีหรอกรู้แค่จังหวะเหมือนบทสวดศพนั่นหละถามเด็กๆว่าพระสอนว่าอะไรเขาก็ไม่รู้กันหรอกผู้ใหญ่บางคนก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำครับ


คิดผิดลองคิดใหม่ได้นะครับ
จริงๆจะพูดว่า พุทธศาสนามีมาเพื่อยับยั้งการเกิดก็ไม่ผิดครับ เพราะเมื่อเกิดย่อมมีทุกข์, แน่นอน.. การเกิดคือทุกข์ครับ
พระพุทธเจ้าจึงชี้ทางที่จะทำให้หลุดพ้นการเกิดการตาย จบสิ้นไป..

หากเข้าใจแบบนี้แล้ว โลกนี้ไม่ใช่สิ่งที่น่าริ่นรมย์เลย เมื่อเห็นอยู่โดยถูกต้อง ย่อมเกิดความเบื่อหน่าย
เขาคิดถูกนะผมว่าชีวิตที่มีสุขมีทุกนั่นหละถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ ถ้าชีวิตมีแต่สุขไม่มีทุกข์ก็เหมือนเล่นเกมแล้วใช้สูตรนั่นหละจะสนุกอะไรถ้ามีแต่ทุกข์ไม่มีสุขก็เหมือนเกมที่ยากมหายากไม่นานก็เบื่อ
"จริงๆจะพูดว่า พุทธศาสนามีมาเพื่อยับยั้งการเกิดก็ไม่ผิดครับ"
ยับย้งการเกิดไม่เกิดแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน ถ้าทุกข์ชีวิตหลุดพ้นโลกจะเหลืออะไร มันจึงขัดกับโลกที่ว่าทุกชีวิตในเผ่าพันธ์(ยกเว้นมนุษย์ผู้ที่ถือตัวว่าอยู่เหนือสัตว์)ล้วยเกิดมาเพื่อดำรงเผ่าพันต่อและอยู่้รอดจากการคัดสรรค์จากธรรมชาติ ถ้ามนุษย์ผู้ที่ถือตัวว่าอยู่เหนือสัตว์ ทำแบบนี้หละก็จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่แพ้ในการคัดสรรค์
"พราะเมื่อเกิดย่อมมีทุกข์, แน่นอน"
แน่นอนมีทุกข์ย่อมมีสุข 555
//อย่าว่าค้าน้า^^อันสุดท้ายนี่ล้อเล่นนะครับเห็นว่าเครียดๆขอความกรุณาแย้งทุกความคิดที่ไม่ครองกับคุณนะครับถ้าความคิดไหนไม่ถูกแย้งแปลว่าตรงกับคุณรวมถึง 2 เรื่องแรกด้วยนะครับ

<_lucifer_>
3rd January 2012, 22:25
หลุมดำครับเพราะมันเทพขนาดดูดแสงได้ซะเกลี้ยง....... :eek:

blackop
3rd January 2012, 22:29
เดอะแฟลช มั่วมาก-.-

Spermz
3rd January 2012, 22:34
โอเคถ้านายคิดอย่างนั้น เราเลิกเถียงกับนายแล้วเพราะนายไม่ได้ต่างจากคนอื่นเท่าไหร่สิ่งที่นายกระทำอยู่นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าไม่ปล่อยวางเราไม่รู้ว่านายจะยึดสิ่งที่เรียกว่าศาสนา พุทธประวัติ ในสิ่งที่มันเป็นอยู่ตอนนี้โดยไม่สนใจในหลักความจริงเลยว่าจริงๆแล้วมันเป็นเช่นไร นายพูดว่าศาสนาของนายสมบูรณ์ที่สุด นายพูดว่าศาสนาของนายไม่มีช่องโหว่.....นายคิดอย่างนั้นจริงๆหรือนายกลัวที่จะรับไม่ได้หากมันเป็นความจริง...นายไม่ต้องตอบเราหรอกเรารู้ว่านายคงไม่เปลี่ยนความคิดและยังยืนยันว่ามันไม่มีช่องโหว่....และโยนความผิดไปให้พุทธสาวก....ถ้าไม่ได้ย่ำอยู้กับที่ทำไมถึงเข้าถึงเยาว์ชนและคนรุ่นใหม่ไม่ได้ทั้งๆที่เคยทำได้....คงจะบอกว่าเพราะคนรุ่นใหม่สมัยนี้ไม่สนใจในศาสนา:shutupหรือเพราะว่ามันไม่น่าสนใจเหมือนกับเมียที่ผัวแอบไปมีชู้แล้วก็ด่าผัวว่าเลวอย่างงู้นอย่างงี้โดยที่ไม่ยอกมองดูตัวเองเลยว่าหลังจากแต่งงานแล้วปล่อยเนื้อปล่อยตัวกลายเป็นอีเพิ้งขี้บ่นขี้หงุดหงิดเข้าใจยากเลยหันไปหาสาวสวยหมวยเซ็กกระชากใจเร้าอารมณ์ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา......
ส่วนเรื่องรากฐานทางศาสนานั้นผมคงทำให้นายเปลี่ยนความคิดไม่ได้ผมขออธิบายครั้งสุดท้ายอยากให้นายลองเปิดใจดูสักครั้ง ชาดกที่พระพุทธเจ้าเคยเล่าอย่างเรื่องดังๆก็เรื่องพระเวทสันดรชาดก เนื้อเรื่องนายคงรู้ดี จากเนื้อเรื่องจะเห็นได้ว่า ตัวละครในเรื่องจะมีการเเบ่งชั้นวรรณะอย่างชัดเจนอันเป็นความเชื่อของพราหม-ฮินดู พุทธเองก็ไม่มีการแบ่งชนชั้นผมไม่ได้พูดว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าคัดลอกหลักคำสอนหลักปฏิบัติทางพราหมมาปรับปรุงแต่ผมบอกว่าศาสนานี้เกิดขึ้นในดินแดนที่เคยมีความเชื่อทางพราหมอยู่ย่อมจะได้รับอิทธิพลมาไม่มากก็น้อย เหมือนกับศาสนาคริสเกิดขึ้นในดินแดนของอิสรามก็จะมีความคล้ายคลึงกัน ถ้านายยังจิตนาการไม่ออก ลองนึกสภาพผมเป็นคนไทยพ่อ-แม่เป็นคนไทย แต่ผมไปเกิดและโตที่อังกฤษผมก็จะได้รับอิทธิพลหลายๆอย่างมาจากคนอังกฤษแม้ว่าพ่อแม่จะเลี้ยงผมแบบคนไทยมากแค่ไหนก็ตาม....พอจะเข้าใจสิ่งที่ผมพยายามสื่อบ้างรึป่าวครับหวังว่าคงไม่ได้เข้าใจผมผิดอีกนะครับ

//ผมพยายามยกตัวอย่างให้ง่ายๆช่วยกรุณาตีความหมายให้ถูกต้องด้วยครับแล้กก็ถ้ากระทบกระเทือนใครมากไปก็ขออภัยมาณะที่นี้ด้วยครับ
ปล.เรื่องยายผมไม่ได้ถามว่ายายทำถูกหรือผิดหรือได้อะไรเพราะมันเป็นแค่เรื่องตลกขำๆแต่ที่ผมยกมาคือว่าถ้าเราฟังเทศภาษาบาลีเนี่ยมันไม่ต่างกับฟังเพลงภาษาบาลีหรอกรู้แค่จังหวะเหมือนบทสวดศพนั่นหละถามเด็กๆว่าพระสอนว่าอะไรเขาก็ไม่รู้กันหรอกผู้ใหญ่บางคนก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำครับ

เหมือนที่พระเกษมพูดเลยนะนั่น :sweat

jackpot12
3rd January 2012, 22:39
ขอเชิญคุณริว จิตสัมผัสครับ !

plantzatv2
3rd January 2012, 22:49
อาเบะวิ่งไล่ตาม :scare

NECs
3rd January 2012, 22:49
เหมือนที่พระเกษมพูดเลยนะนั่น :sweat
พระเกษมใครครับ

Spermz
3rd January 2012, 23:16
พระเกษมใครครับ

พระเกษมที่เคยเป็นข่าวไงครับ

NECs
4th January 2012, 09:33
ผมลองหาในอากู๋ดูมี 2 ท่านอ่าครับท่านที่เป็นข่าวนี่ใช่ท่านที่เตะเก้าอียกขาวางบนโต๊ะป่าวครับ

GrimReaper
4th January 2012, 19:58
รูหนอนครับ

Type-7442
4th January 2012, 20:55
โอเคถ้านายคิดอย่างนั้น เราเลิกเถียงกับนายแล้วเพราะนายไม่ได้ต่างจากคนอื่นเท่าไหร่สิ่งที่นายกระทำอยู่นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าไม่ปล่อยวางเราไม่รู้ว่านายจะยึดสิ่งที่เรียกว่าศาสนา พุทธประวัติ ในสิ่งที่มันเป็นอยู่ตอนนี้โดยไม่สนใจในหลักความจริงเลยว่าจริงๆแล้วมันเป็นเช่นไร นายพูดว่าศาสนาของนายสมบูรณ์ที่สุด นายพูดว่าศาสนาของนายไม่มีช่องโหว่.....นายคิดอย่างนั้นจริงๆหรือนายกลัวที่จะรับไม่ได้หากมันเป็นความจริง...นายไม่ต้องตอบเราหรอกเรารู้ว่านายคงไม่เปลี่ยนความคิดและยังยืนยันว่ามันไม่มีช่องโหว่....และโยนความผิดไปให้พุทธสาวก....ถ้าไม่ได้ย่ำอยู้กับที่ทำไมถึงเข้าถึงเยาว์ชนและคนรุ่นใหม่ไม่ได้ทั้งๆที่เคยทำได้....คงจะบอกว่าเพราะคนรุ่นใหม่สมัยนี้ไม่สนใจในศาสนา:shutupหรือเพราะว่ามันไม่น่าสนใจเหมือนกับเมียที่ผัวแอบไปมีชู้แล้วก็ด่าผัวว่าเลวอย่างงู้นอย่างงี้โดยที่ไม่ยอกมองดูตัวเองเลยว่าหลังจากแต่งงานแล้วปล่อยเนื้อปล่อยตัวกลายเป็นอีเพิ้งขี้บ่นขี้หงุดหงิดเข้าใจยากเลยหันไปหาสาวสวยหมวยเซ็กกระชากใจเร้าอารมณ์ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา......
ส่วนเรื่องรากฐานทางศาสนานั้นผมคงทำให้นายเปลี่ยนความคิดไม่ได้ผมขออธิบายครั้งสุดท้ายอยากให้นายลองเปิดใจดูสักครั้ง ชาดกที่พระพุทธเจ้าเคยเล่าอย่างเรื่องดังๆก็เรื่องพระเวทสันดรชาดก เนื้อเรื่องนายคงรู้ดี จากเนื้อเรื่องจะเห็นได้ว่า ตัวละครในเรื่องจะมีการเเบ่งชั้นวรรณะอย่างชัดเจนอันเป็นความเชื่อของพราหม-ฮินดู พุทธเองก็ไม่มีการแบ่งชนชั้นผมไม่ได้พูดว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าคัดลอกหลักคำสอนหลักปฏิบัติทางพราหมมาปรับปรุงแต่ผมบอกว่าศาสนานี้เกิดขึ้นในดินแดนที่เคยมีความเชื่อทางพราหมอยู่ย่อมจะได้รับอิทธิพลมาไม่มากก็น้อย เหมือนกับศาสนาคริสเกิดขึ้นในดินแดนของอิสรามก็จะมีความคล้ายคลึงกัน ถ้านายยังจิตนาการไม่ออก ลองนึกสภาพผมเป็นคนไทยพ่อ-แม่เป็นคนไทย แต่ผมไปเกิดและโตที่อังกฤษผมก็จะได้รับอิทธิพลหลายๆอย่างมาจากคนอังกฤษแม้ว่าพ่อแม่จะเลี้ยงผมแบบคนไทยมากแค่ไหนก็ตาม....พอจะเข้าใจสิ่งที่ผมพยายามสื่อบ้างรึป่าวครับหวังว่าคงไม่ได้เข้าใจผมผิดอีกนะครับ

//ผมพยายามยกตัวอย่างให้ง่ายๆช่วยกรุณาตีความหมายให้ถูกต้องด้วยครับแล้กก็ถ้ากระทบกระเทือนใครมากไปก็ขออภัยมาณะที่นี้ด้วยครับ
ปล.เรื่องยายผมไม่ได้ถามว่ายายทำถูกหรือผิดหรือได้อะไรเพราะมันเป็นแค่เรื่องตลกขำๆแต่ที่ผมยกมาคือว่าถ้าเราฟังเทศภาษาบาลีเนี่ยมันไม่ต่างกับฟังเพลงภาษาบาลีหรอกรู้แค่จังหวะเหมือนบทสวดศพนั่นหละถามเด็กๆว่าพระสอนว่าอะไรเขาก็ไม่รู้กันหรอกผู้ใหญ่บางคนก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำครับ


เขาคิดถูกนะผมว่าชีวิตที่มีสุขมีทุกนั่นหละถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ ถ้าชีวิตมีแต่สุขไม่มีทุกข์ก็เหมือนเล่นเกมแล้วใช้สูตรนั่นหละจะสนุกอะไรถ้ามีแต่ทุกข์ไม่มีสุขก็เหมือนเกมที่ยากมหายากไม่นานก็เบื่อ
"จริงๆจะพูดว่า พุทธศาสนามีมาเพื่อยับยั้งการเกิดก็ไม่ผิดครับ"
ยับย้งการเกิดไม่เกิดแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน ถ้าทุกข์ชีวิตหลุดพ้นโลกจะเหลืออะไร มันจึงขัดกับโลกที่ว่าทุกชีวิตในเผ่าพันธ์(ยกเว้นมนุษย์ผู้ที่ถือตัวว่าอยู่เหนือสัตว์)ล้วยเกิดมาเพื่อดำรงเผ่าพันต่อและอยู่้รอดจากการคัดสรรค์จากธรรมชาติ ถ้ามนุษย์ผู้ที่ถือตัวว่าอยู่เหนือสัตว์ ทำแบบนี้หละก็จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่แพ้ในการคัดสรรค์
"พราะเมื่อเกิดย่อมมีทุกข์, แน่นอน"
แน่นอนมีทุกข์ย่อมมีสุข 555
//อย่าว่าค้าน้า^^อันสุดท้ายนี่ล้อเล่นนะครับเห็นว่าเครียดๆขอความกรุณาแย้งทุกความคิดที่ไม่ครองกับคุณนะครับถ้าความคิดไหนไม่ถูกแย้งแปลว่าตรงกับคุณรวมถึง 2 เรื่องแรกด้วยนะครับ



โอเคถ้านายคิดอย่างนั้น เราเลิกเถียงกับนายแล้วเพราะนายไม่ได้ต่างจากคนอื่นเท่าไหร่สิ่งที่นายกระทำอยู่นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าไม่ปล่อยวางเราไม่รู้ว่านายจะยึดสิ่งที่เรียกว่าศาสนา พุทธประวัติ ในสิ่งที่มันเป็นอยู่ตอนนี้โดยไม่สนใจในหลักความจริงเลยว่าจริงๆแล้วมันเป็นเช่นไร นายพูดว่าศาสนาของนายสมบูรณ์ที่สุด นายพูดว่าศาสนาของนายไม่มีช่องโหว่.....นายคิดอย่างนั้นจริงๆหรือนายกลัวที่จะรับไม่ได้หากมันเป็นความจริง...นายไม่ต้องตอบเราหรอกเรารู้ว่านายคงไม่เปลี่ยนความคิดและยังยืนยันว่ามันไม่มีช่องโหว่....และโยนความผิดไปให้พุทธสาวก....ถ้าไม่ได้ย่ำอยู้กับที่ทำไมถึงเข้าถึงเยาว์ชนและคนรุ่นใหม่ไม่ได้ทั้งๆที่เคยทำได้....คงจะบอกว่าเพราะคนรุ่นใหม่สมัยนี้ไม่สนใจในศาสนาหรือเพราะว่ามันไม่น่าสนใจเหมือนกับเมียที่ผัวแอบไปมีชู้แล้วก็ด่าผัวว่าเลวอย่างงู้นอย่างงี้โดยที่ไม่ยอกมองดูตัวเองเลยว่าหลังจากแต่งงานแล้วปล่อยเนื้อปล่อยตัวกลายเป็นอีเพิ้งขี้บ่นขี้หงุดหงิดเข้าใจยากเลยหันไปหาสาวสวยหมวยเซ็กกระชากใจเร้าอารมณ์ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา......
ส่วนเรื่องรากฐานทางศาสนานั้นผมคงทำให้นายเปลี่ยนความคิดไม่ได้ผมขออธิบายครั้งสุดท้ายอยากให้นายลองเปิดใจดูสักครั้ง ชาดกที่พระพุทธเจ้าเคยเล่าอย่างเรื่องดังๆก็เรื่องพระเวทสันดรชาดก เนื้อเรื่องนายคงรู้ดี จากเนื้อเรื่องจะเห็นได้ว่า ตัวละครในเรื่องจะมีการเเบ่งชั้นวรรณะอย่างชัดเจนอันเป็นความเชื่อของพราหม-ฮินดู พุทธเองก็ไม่มีการแบ่งชนชั้นผมไม่ได้พูดว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าคัดลอกหลักคำสอนหลักปฏิบัติทางพราหมมาปรับปรุงแต่ผมบอกว่าศาสนานี้เกิดขึ้นในดินแดนที่เคยมีความเชื่อทางพราหมอยู่ย่อมจะได้รับอิทธิพลมาไม่มากก็น้อย เหมือนกับศาสนาคริสเกิดขึ้นในดินแดนของอิสรามก็จะมีความคล้ายคลึงกัน ถ้านายยังจิตนาการไม่ออก ลองนึกสภาพผมเป็นคนไทยพ่อ-แม่เป็นคนไทย แต่ผมไปเกิดและโตที่อังกฤษผมก็จะได้รับอิทธิพลหลายๆอย่างมาจากคนอังกฤษแม้ว่าพ่อแม่จะเลี้ยงผมแบบคนไทยมากแค่ไหนก็ตาม....พอจะเข้าใจสิ่งที่ผมพยายามสื่อบ้างรึป่าวครับหวังว่าคงไม่ได้เข้าใจผมผิดอีกนะครับ


ผมว่าเราไม่ได้เถียงกันนะครับ แต่เราอธิบายโดยใ้ช้เหตุผลเข้าแลกมากกว่า, นายจะคิดอย่างไรกับเราก็ได้ มันเป็น สิทธิ์ของนาย
; พุทธศาสนาไม่สมบูรณ์ตรงไหนบ้างขอชี้แจงมาเป็นข้อๆเลยนะครับ ที่เพราะว่าเยางชนและคนรุ่นใหม่เกิดมาในยุคที่ วัตถุเจริญรุ่งเรืองมากมายไงครับ จึงเป็นกิเลสให้ห่างจากธรรมะยิ่งไปอีก
อย่างไรก็ตาม มนุษย์เรามีหลายแบบแล้วแต่กุศลที่ทำมา..

ส่วนเรื่องพุทธประวัติผมไม่ได้ใส่ใจและแทบไม่เคยคิดจะสนใจด้วยซ้ำถ้าหากนายไม่ชงคำถามขึ้นมาก่อน คือ ข้อจบเรื่องพุทธประวัติว่าด้วยศาสนาอื่นว่า อย่างไรก็ได้
เพราะ พุทธประวัติไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์อย่างแท้จริง ผมจะสนใจแต่ พุทธวจน , พระวินัย , พระธรรม , และการปฏิบัติธรรม เท่านั้น




เขาคิดถูกนะผมว่าชีวิตที่มีสุขมีทุกนั่นหละถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ ถ้าชีวิตมีแต่สุขไม่มีทุกข์ก็เหมือนเล่นเกมแล้วใช้สูตรนั่นหละจะสนุกอะไรถ้ามีแต่ทุกข์ไม่มีสุขก็เหมือนเกมที่ยากมหายากไม่นานก็เบื่อ
"จริงๆจะพูดว่า พุทธศาสนามีมาเพื่อยับยั้งการเกิดก็ไม่ผิดครับ"
ยับย้งการเกิดไม่เกิดแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน ถ้าทุกข์ชีวิตหลุดพ้นโลกจะเหลืออะไร มันจึงขัดกับโลกที่ว่าทุกชีวิตในเผ่าพันธ์(ยกเว้นมนุษย์ผู้ที่ถือตัวว่าอยู่เหนือสัตว์)ล้วยเกิดมาเพื่อดำรงเผ่าพันต่อและอยู่้รอดจากการคัดสรรค์จากธรรมชาติ ถ้ามนุษย์ผู้ที่ถือตัวว่าอยู่เหนือสัตว์ ทำแบบนี้หละก็จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่แพ้ในการคัดสรรค์
"พราะเมื่อเกิดย่อมมีทุกข์, แน่นอน"
แน่นอนมีทุกข์ย่อมมีสุข 555
//อย่าว่าค้าน้า^^อันสุดท้ายนี่ล้อเล่นนะครับเห็นว่าเครียดๆขอความกรุณาแย้งทุกความคิดที่ไม่ครองกับคุณนะครับถ้าความคิดไหนไม่ถูกแย้งแปลว่าตรงกับคุณรวมถึง 2 เรื่องแรกด้วยนะครับ



เรื่องนี้ผมขอไม่อธิบายมากแล้วกันครับ สุดแล้วแต่ปัญญาของแต่ละบุุคคล และ มุมมอง บางทีสักวันคุณอาจจะได้รู้และเข้าใจ ว่าการเกิดเป็นต้นตอเห็นความทุกข์, อภิฌชาและโทมนัส..

jip0001900
4th January 2012, 21:02
ไอสไตน์พบพระพุธทเจ้าเห็น

semakutay
4th January 2012, 21:08
คำตอบทีแท้จริงคือ แม่ชีครับไม่เชื่อโปรดเข้าไปเสพ

http://drama-addict.com/2010/06/26/%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%94/

Spermz
4th January 2012, 21:41
โอเคถ้านายคิดอย่างนั้น เราเลิกเถียงกับนายแล้วเพราะนายไม่ได้ต่างจากคนอื่นเท่าไหร่สิ่งที่นายกระทำอยู่นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าไม่ปล่อยวางเราไม่รู้ว่านายจะยึดสิ่งที่เรียกว่าศาสนา พุทธประวัติ ในสิ่งที่มันเป็นอยู่ตอนนี้โดยไม่สนใจในหลักความจริงเลยว่าจริงๆแล้วมันเป็นเช่นไร นายพูดว่าศาสนาของนายสมบูรณ์ที่สุด นายพูดว่าศาสนาของนายไม่มีช่องโหว่.....นายคิดอย่างนั้นจริงๆหรือนายกลัวที่จะรับไม่ได้หากมันเป็นความจริง...นายไม่ต้องตอบเราหรอกเรารู้ว่านายคงไม่เปลี่ยนความคิดและยังยืนยันว่ามันไม่มีช่องโหว่....และโยนความผิดไปให้พุทธสาวก....ถ้าไม่ได้ย่ำอยู้กับที่ทำไมถึงเข้าถึงเยาว์ชนและคนรุ่นใหม่ไม่ได้ทั้งๆที่เคยทำได้....คงจะบอกว่าเพราะคนรุ่นใหม่สมัยนี้ไม่สนใจในศาสนาหรือเพราะว่ามันไม่น่าสนใจเหมือนกับเมียที่ผัวแอบไปมีชู้แล้วก็ด่าผัวว่าเลวอย่างงู้นอย่างงี้โดยที่ไม่ยอกมองดูตัวเองเลยว่าหลังจากแต่งงานแล้วปล่อยเนื้อปล่อยตัวกลายเป็นอีเพิ้งขี้บ่นขี้หงุดหงิดเข้าใจยากเลยหันไปหาสาวสวยหมวยเซ็กกระชากใจเร้าอารมณ์ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา......
ส่วนเรื่องรากฐานทางศาสนานั้นผมคงทำให้นายเปลี่ยนความคิดไม่ได้ผมขออธิบายครั้งสุดท้ายอยากให้นายลองเปิดใจดูสักครั้ง ชาดกที่พระพุทธเจ้าเคยเล่าอย่างเรื่องดังๆก็เรื่องพระเวทสันดรชาดก เนื้อเรื่องนายคงรู้ดี จากเนื้อเรื่องจะเห็นได้ว่า ตัวละครในเรื่องจะมีการเเบ่งชั้นวรรณะอย่างชัดเจนอันเป็นความเชื่อของพราหม-ฮินดู พุทธเองก็ไม่มีการแบ่งชนชั้นผมไม่ได้พูดว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าคัดลอกหลักคำสอนหลักปฏิบัติทางพราหมมาปรับปรุงแต่ผมบอกว่าศาสนานี้เกิดขึ้นในดินแดนที่เคยมีความเชื่อทางพราหมอยู่ย่อมจะได้รับอิทธิพลมาไม่มากก็น้อย เหมือนกับศาสนาคริสเกิดขึ้นในดินแดนของอิสรามก็จะมีความคล้ายคลึงกัน ถ้านายยังจิตนาการไม่ออก ลองนึกสภาพผมเป็นคนไทยพ่อ-แม่เป็นคนไทย แต่ผมไปเกิดและโตที่อังกฤษผมก็จะได้รับอิทธิพลหลายๆอย่างมาจากคนอังกฤษแม้ว่าพ่อแม่จะเลี้ยงผมแบบคนไทยมากแค่ไหนก็ตาม....พอจะเข้าใจสิ่งที่ผมพยายามสื่อบ้างรึป่าวครับหวังว่าคงไม่ได้เข้าใจผมผิดอีกนะครับ


ผมว่าเราไม่ได้เถียงกันนะครับ แต่เราอธิบายโดยใ้ช้เหตุผลเข้าแลกมากกว่า, นายจะคิดอย่างไรกับเราก็ได้ มันเป็น สิทธิ์ของนาย
; พุทธศาสนาไม่สมบูรณ์ตรงไหนบ้างขอชี้แจงมาเป็นข้อๆเลยนะครับ ที่เพราะว่าเยางชนและคนรุ่นใหม่เกิดมาในยุคที่ วัตถุเจริญรุ่งเรืองมากมายไงครับ จึงเป็นกิเลสให้ห่างจากธรรมะยิ่งไปอีก
อย่างไรก็ตาม มนุษย์เรามีหลายแบบแล้วแต่กุศลที่ทำมา..

ส่วนเรื่องพุทธประวัติผมไม่ได้ใส่ใจและแทบไม่เคยคิดจะสนใจด้วยซ้ำถ้าหากนายไม่ชงคำถามขึ้นมาก่อน คือ ข้อจบเรื่องพุทธประวัติว่าด้วยศาสนาอื่นว่า อย่างไรก็ได้
เพราะ พุทธประวัติไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์อย่างแท้จริง ผมจะสนใจแต่ พุทธวจน , พระวินัย , พระธรรม , และการปฏิบัติธรรม เท่านั้น




เขาคิดถูกนะผมว่าชีวิตที่มีสุขมีทุกนั่นหละถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ ถ้าชีวิตมีแต่สุขไม่มีทุกข์ก็เหมือนเล่นเกมแล้วใช้สูตรนั่นหละจะสนุกอะไรถ้ามีแต่ทุกข์ไม่มีสุขก็เหมือนเกมที่ยากมหายากไม่นานก็เบื่อ
"จริงๆจะพูดว่า พุทธศาสนามีมาเพื่อยับยั้งการเกิดก็ไม่ผิดครับ"
ยับย้งการเกิดไม่เกิดแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน ถ้าทุกข์ชีวิตหลุดพ้นโลกจะเหลืออะไร มันจึงขัดกับโลกที่ว่าทุกชีวิตในเผ่าพันธ์(ยกเว้นมนุษย์ผู้ที่ถือตัวว่าอยู่เหนือสัตว์)ล้วยเกิดมาเพื่อดำรงเผ่าพันต่อและอยู่้รอดจากการคัดสรรค์จากธรรมชาติ ถ้ามนุษย์ผู้ที่ถือตัวว่าอยู่เหนือสัตว์ ทำแบบนี้หละก็จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่แพ้ในการคัดสรรค์
"พราะเมื่อเกิดย่อมมีทุกข์, แน่นอน"
แน่นอนมีทุกข์ย่อมมีสุข 555
//อย่าว่าค้าน้า^^อันสุดท้ายนี่ล้อเล่นนะครับเห็นว่าเครียดๆขอความกรุณาแย้งทุกความคิดที่ไม่ครองกับคุณนะครับถ้าความคิดไหนไม่ถูกแย้งแปลว่าตรงกับคุณรวมถึง 2 เรื่องแรกด้วยนะครับ



เรื่องนี้ผมขอไม่อธิบายมากแล้วกันครับ สุดแล้วแต่ปัญญาของแต่ละบุุคคล และ มุมมอง บางทีสักวันคุณอาจจะได้รู้และเข้าใจ ว่าการเกิดเป็นต้นตอเห็นความทุกข์, อภิฌชาและโทมนัส..


ผมดูก็เป็นแค่การถกกันทางศาสนาและความคิดเห็นที่แตกตางกันนิครับ

ผมว่า มันเป็นเรื่องดีออก :cool:

satangodza
4th January 2012, 21:57
I7 1000 หัวเร็วสุดครับ

UkuleleAlone
4th January 2012, 21:57
เต่า!!.....

NECs
5th January 2012, 11:44
โอเคถ้านายคิดอย่างนั้น เราเลิกเถียงกับนายแล้วเพราะนายไม่ได้ต่างจากคนอื่นเท่าไหร่สิ่งที่นายกระทำอยู่นั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าไม่ปล่อยวางเราไม่รู้ว่านายจะยึดสิ่งที่เรียกว่าศาสนา พุทธประวัติ ในสิ่งที่มันเป็นอยู่ตอนนี้โดยไม่สนใจในหลักความจริงเลยว่าจริงๆแล้วมันเป็นเช่นไร นายพูดว่าศาสนาของนายสมบูรณ์ที่สุด นายพูดว่าศาสนาของนายไม่มีช่องโหว่.....นายคิดอย่างนั้นจริงๆหรือนายกลัวที่จะรับไม่ได้หากมันเป็นความจริง...นายไม่ต้องตอบเราหรอกเรารู้ว่านายคงไม่เปลี่ยนความคิดและยังยืนยันว่ามันไม่มีช่องโหว่....และโยนความผิดไปให้พุทธสาวก....ถ้าไม่ได้ย่ำอยู้กับที่ทำไมถึงเข้าถึงเยาว์ชนและคนรุ่นใหม่ไม่ได้ทั้งๆที่เคยทำได้....คงจะบอกว่าเพราะคนรุ่นใหม่สมัยนี้ไม่สนใจในศาสนาหรือเพราะว่ามันไม่น่าสนใจเหมือนกับเมียที่ผัวแอบไปมีชู้แล้วก็ด่าผัวว่าเลวอย่างงู้นอย่างงี้โดยที่ไม่ยอกมองดูตัวเองเลยว่าหลังจากแต่งงานแล้วปล่อยเนื้อปล่อยตัวกลายเป็นอีเพิ้งขี้บ่นขี้หงุดหงิดเข้าใจยากเลยหันไปหาสาวสวยหมวยเซ็กกระชากใจเร้าอารมณ์ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา......
ส่วนเรื่องรากฐานทางศาสนานั้นผมคงทำให้นายเปลี่ยนความคิดไม่ได้ผมขออธิบายครั้งสุดท้ายอยากให้นายลองเปิดใจดูสักครั้ง ชาดกที่พระพุทธเจ้าเคยเล่าอย่างเรื่องดังๆก็เรื่องพระเวทสันดรชาดก เนื้อเรื่องนายคงรู้ดี จากเนื้อเรื่องจะเห็นได้ว่า ตัวละครในเรื่องจะมีการเเบ่งชั้นวรรณะอย่างชัดเจนอันเป็นความเชื่อของพราหม-ฮินดู พุทธเองก็ไม่มีการแบ่งชนชั้นผมไม่ได้พูดว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าคัดลอกหลักคำสอนหลักปฏิบัติทางพราหมมาปรับปรุงแต่ผมบอกว่าศาสนานี้เกิดขึ้นในดินแดนที่เคยมีความเชื่อทางพราหมอยู่ย่อมจะได้รับอิทธิพลมาไม่มากก็น้อย เหมือนกับศาสนาคริสเกิดขึ้นในดินแดนของอิสรามก็จะมีความคล้ายคลึงกัน ถ้านายยังจิตนาการไม่ออก ลองนึกสภาพผมเป็นคนไทยพ่อ-แม่เป็นคนไทย แต่ผมไปเกิดและโตที่อังกฤษผมก็จะได้รับอิทธิพลหลายๆอย่างมาจากคนอังกฤษแม้ว่าพ่อแม่จะเลี้ยงผมแบบคนไทยมากแค่ไหนก็ตาม....พอจะเข้าใจสิ่งที่ผมพยายามสื่อบ้างรึป่าวครับหวังว่าคงไม่ได้เข้าใจผมผิดอีกนะครับ


ผมว่าเราไม่ได้เถียงกันนะครับ แต่เราอธิบายโดยใ้ช้เหตุผลเข้าแลกมากกว่า, นายจะคิดอย่างไรกับเราก็ได้ มันเป็น สิทธิ์ของนาย
; พุทธศาสนาไม่สมบูรณ์ตรงไหนบ้างขอชี้แจงมาเป็นข้อๆเลยนะครับ ที่เพราะว่าเยางชนและคนรุ่นใหม่เกิดมาในยุคที่ วัตถุเจริญรุ่งเรืองมากมายไงครับ จึงเป็นกิเลสให้ห่างจากธรรมะยิ่งไปอีก
อย่างไรก็ตาม มนุษย์เรามีหลายแบบแล้วแต่กุศลที่ทำมา..

ส่วนเรื่องพุทธประวัติผมไม่ได้ใส่ใจและแทบไม่เคยคิดจะสนใจด้วยซ้ำถ้าหากนายไม่ชงคำถามขึ้นมาก่อน คือ ข้อจบเรื่องพุทธประวัติว่าด้วยศาสนาอื่นว่า อย่างไรก็ได้
เพราะ พุทธประวัติไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์อย่างแท้จริง ผมจะสนใจแต่ พุทธวจน , พระวินัย , พระธรรม , และการปฏิบัติธรรม เท่านั้น




เขาคิดถูกนะผมว่าชีวิตที่มีสุขมีทุกนั่นหละถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ ถ้าชีวิตมีแต่สุขไม่มีทุกข์ก็เหมือนเล่นเกมแล้วใช้สูตรนั่นหละจะสนุกอะไรถ้ามีแต่ทุกข์ไม่มีสุขก็เหมือนเกมที่ยากมหายากไม่นานก็เบื่อ
"จริงๆจะพูดว่า พุทธศาสนามีมาเพื่อยับยั้งการเกิดก็ไม่ผิดครับ"
ยับย้งการเกิดไม่เกิดแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน ถ้าทุกข์ชีวิตหลุดพ้นโลกจะเหลืออะไร มันจึงขัดกับโลกที่ว่าทุกชีวิตในเผ่าพันธ์(ยกเว้นมนุษย์ผู้ที่ถือตัวว่าอยู่เหนือสัตว์)ล้วยเกิดมาเพื่อดำรงเผ่าพันต่อและอยู่้รอดจากการคัดสรรค์จากธรรมชาติ ถ้ามนุษย์ผู้ที่ถือตัวว่าอยู่เหนือสัตว์ ทำแบบนี้หละก็จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่แพ้ในการคัดสรรค์
"พราะเมื่อเกิดย่อมมีทุกข์, แน่นอน"
แน่นอนมีทุกข์ย่อมมีสุข 555
//อย่าว่าค้าน้า^^อันสุดท้ายนี่ล้อเล่นนะครับเห็นว่าเครียดๆขอความกรุณาแย้งทุกความคิดที่ไม่ครองกับคุณนะครับถ้าความคิดไหนไม่ถูกแย้งแปลว่าตรงกับคุณรวมถึง 2 เรื่องแรกด้วยนะครับ



เรื่องนี้ผมขอไม่อธิบายมากแล้วกันครับ สุดแล้วแต่ปัญญาของแต่ละบุุคคล และ มุมมอง บางทีสักวันคุณอาจจะได้รู้และเข้าใจ ว่าการเกิดเป็นต้นตอเห็นความทุกข์, อภิฌชาและโทมนัส..
5555ผมชอบนายอะที่มองว่าเราต่างมีเหตุผมของเราและเราพยายามเอาเหตุผลมาถกกันเพื่อหาข้อสรุปถึงแม่ว่าเราจะยืนอยู่คละฝั่งเรื่องนั้นช่างมันเถอะ

เอาเป็นว่าช่องโหว่ของพุทะศาสนาผมชี้ช่องใหญ่ให้เลยครับภาพรวมๆเลยความจริงนายเองก็เห็นอยู่แล้วเพียงแต่นายมองข้ามมันเอง

"ที่เพราะว่าเยางชนและคนรุ่นใหม่เกิดมาในยุคที่ วัตถุเจริญรุ่งเรืองมากมายไงครับ จึงเป็นกิเลสให้ห่างจากธรรมะยิ่งไปอีก"
นี่หละคือปัญหาครับเพราะว่าธรรมมันไม่หอมหวานเหมือกิเลสไงมันเป็นยาขมที่คนจะกินต่อเมื่อมีปัญหาเท่านั้น เอาหละยาขม2555ปีจะสู้อะไรกับกิเลสอันหอมหวานที่พัฒนาตัวอยู่ตลอดเวลาขอฝากให้คิดไว้แค่นี้ครับ
ถ้าถามว่าทำไงให้ธรรมดูหอมหวานขึ้นในขั้นแรก เราลองเปรียบให้ดูง่ายๆก่อนว่า กิเลสเหมือนไอโฟน 4 ธรรมเหมือนโทรศัพท์แบบหมุนหน้าปัด ทำไม????ผมถึงเปรียบเเบบนี้ ไอโฟน 4 ใครเห็นก็อยากได้ให้ฟรีใครก็เอาเหมือกิเลสที่ทุกๆคนสามมารถเข้าไปหามันได้ง่ายๆไม่มีการแอนตี้ใดๆ
ธรรมเหมือนโทรศัพท์คุณปู่ให้มาฟรีๆยังไม่รู้เลยใช้ไงจริงไม๊
ขั้นที่ 2 เราต้องเปลี่ยนให้โทรศัพท์คุณปู่มาใช้งานง่ายเหมือไอโฟน ทำไงเปลี่ยนสิ่งที่เป็นนามธรรมให้ดูเป็นรูปธรรมมากขึ้น มาถึงส่วนนี้ทุกคนอาจบอกว่ายากเพราะศาสนาส่วนใหญ่เต็มไปด้วยนามธรรมไม่ยากครับ อย่างเรื่องการนั่งสมาธิ(ตัดเรื่องอิทธิริทปาฏิหาร หาวเป็นไฟพ่นน้ำเห็งขยายร่างไปก่อน)ในพระพุทธศาสนาอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไรครับ มันคือการกำหนดจิตให้นิ่งเมื่อจิตเกิดสมาธิแล้วใจจะสบายเมื่อใจสบายจะทำการงานใดๆก็ราบลื่นดังปรารถนาเมื่อเยาว์ฟังแล้วที่อยู่ในหัวของเขาคือ จิต???สมาธิ???ใจ???(ผู้ใหญ่บางคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ)แต่ถ้าเราบอกว่าการนั่งสมาธิคือการที่ทำให้เราได้หยุดพักแล้วคิดหรือไตร่ตรองสิ่งใดๆหนึ่งๆโดยการตัดเรื่องวุ่นวายอื่นซึ่งไม่เกี่ยวข้องออกไปเมื่อผลลัพออกมาจึงเป็นผลรับที่นำไปแก้ปัญหาได้ใกล้เคียงที่สุดหรือพูดง่ายภาษาชาวบ้านก็คือการขบคิดโดยตั้งเหตุและผลแย้งกันภายในตัวเอง ฟังดูเป็นรูปธรรมขึ้นไม๊ครับ
ขั้นต่อไปคือวิธีการใช้ครับ ในขณะที่ไอโฟนนำไปใช้ที่ไหนก็ได้ที่มีสัญญาณ(ในประเทศไทย)แต่โทรศัพท์รุ่นคุณปู่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายหรือถอดสายได้นั่นเป็นข้อจำกัด
ถ้าถามว่ากิเลสอันจะนำไปสู่ความชั่ว(ในทางศาสนาถ้าในความคิดผมไม่มีอะไรชั่วหรือดี)มันมาได้หลายทางความชั่วทำได้ทุกอย่างเอะอะก็ชั่วเอะอะก็ดีแต่ความดีทำมากๆก็ชั่วได้(รึป่าว)อันนี้ขอข้ามไปแล้วกันมันไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่ถ้าอธิบายมันยาว
เอาหละเข้าเรื่องเดิมครับ ตัวอย่างการนั่งสมาธิเหมือนเดิม ผมเคยไปเข้าค่ายสมัยเด็กหรือตอนเรียนพุทธศาสนาก็ตามคนที่สอนนั่งสมาธิจะบอกให้นั่งตัวตรงยืดหลังให้สุดกำหนดลมหายใจฯลฯเราลองเปลี่ยนแค่หลับตาพอเพราะพอเรามองไม่เห็นก็จะไม่เกิดความคิดเรื่อเปื่อนจะนั่งขี้ จะนอน จะนั่งเล่นแค่หลับตาแล้วคิดถึงสิ่งๆหนึ่งที่ทำให้เราไม่สบายใจอย่างเช่น......การที่ผมมีความคิดแตกต่างกับคุณในครั้งนี้ผมเองก็จำเป็นจะต้องหาเหตุผลและข้อโต้แย้งคุณเมื่อผมคิดไม่ออกความคิดตีกันใหหัวจำเป็นจะต้องเรียบเรียงความคิดใหม่ ก็จะหลับตาลงหรือก้มหน้ามองพื้นแล้วนั่งคิดใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างนี้เป็นต้น(ตัวอย่างนะครับแล้วก็อันนี้เป็นแค่เบื้องต้นสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันไม่ใช่สำหรับไว้สร้างอิทิริทปาฏิหารเหาะได้แบบsupperman)แค่ 3 หลักการง่ายๆครับ

ส่วนเรื่องทำแล้วได้พลังพิเศษมองอนาคตอดีดปัจจุบันชาติหน้าชาติที่แล้ว เหาะได้ ถอดรูปได้อะไรแบบนึ้ผมไม่พูดถึงนะครับแล้วอยากจะให้มันอยู่นอกจากหลักปฏิบัติอย่างชัดเจน
//ถ้านายอยากได้รายละเอียดปลีกย่อยชนิดเป็นข้อแล้วผมจะรวบรวมข้อมูลมาให้เพื่อให้เกิดความถูกต้องที่สุด(ขอแค่นายบอกอีกทีว่าต้องการ)

DkTaP82
11th January 2012, 14:09
5555ผมชอบนายอะที่มองว่าเราต่างมีเหตุผมของเราและเราพยายามเอาเหตุผลมาถกกันเพื่อหาข้อสรุปถึงแม่ว่าเราจะยืนอยู่คละฝั่งเรื่องนั้นช่างมันเถอะ

เอาเป็นว่าช่องโหว่ของพุทะศาสนาผมชี้ช่องใหญ่ให้เลยครับภาพรวมๆเลยความจริงนายเองก็เห็นอยู่แล้วเพียงแต่นายมองข้ามมันเอง

"ที่เพราะว่าเยางชนและคนรุ่นใหม่เกิดมาในยุคที่ วัตถุเจริญรุ่งเรืองมากมายไงครับ จึงเป็นกิเลสให้ห่างจากธรรมะยิ่งไปอีก"
นี่หละคือปัญหาครับเพราะว่าธรรมมันไม่หอมหวานเหมือกิเลสไงมันเป็นยาขมที่คนจะกินต่อเมื่อมีปัญหาเท่านั้น เอาหละยาขม2555ปีจะสู้อะไรกับกิเลสอันหอมหวานที่พัฒนาตัวอยู่ตลอดเวลาขอฝากให้คิดไว้แค่นี้ครับ
ถ้าถามว่าทำไงให้ธรรมดูหอมหวานขึ้นในขั้นแรก เราลองเปรียบให้ดูง่ายๆก่อนว่า กิเลสเหมือนไอโฟน 4 ธรรมเหมือนโทรศัพท์แบบหมุนหน้าปัด ทำไม????ผมถึงเปรียบเเบบนี้ ไอโฟน 4 ใครเห็นก็อยากได้ให้ฟรีใครก็เอาเหมือกิเลสที่ทุกๆคนสามมารถเข้าไปหามันได้ง่ายๆไม่มีการแอนตี้ใดๆ
ธรรมเหมือนโทรศัพท์คุณปู่ให้มาฟรีๆยังไม่รู้เลยใช้ไงจริงไม๊
ขั้นที่ 2 เราต้องเปลี่ยนให้โทรศัพท์คุณปู่มาใช้งานง่ายเหมือไอโฟน ทำไงเปลี่ยนสิ่งที่เป็นนามธรรมให้ดูเป็นรูปธรรมมากขึ้น มาถึงส่วนนี้ทุกคนอาจบอกว่ายากเพราะศาสนาส่วนใหญ่เต็มไปด้วยนามธรรมไม่ยากครับ อย่างเรื่องการนั่งสมาธิ(ตัดเรื่องอิทธิริทปาฏิหาร หาวเป็นไฟพ่นน้ำเห็งขยายร่างไปก่อน)ในพระพุทธศาสนาอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไรครับ มันคือการกำหนดจิตให้นิ่งเมื่อจิตเกิดสมาธิแล้วใจจะสบายเมื่อใจสบายจะทำการงานใดๆก็ราบลื่นดังปรารถนาเมื่อเยาว์ฟังแล้วที่อยู่ในหัวของเขาคือ จิต???สมาธิ???ใจ???(ผู้ใหญ่บางคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ)แต่ถ้าเราบอกว่าการนั่งสมาธิคือการที่ทำให้เราได้หยุดพักแล้วคิดหรือไตร่ตรองสิ่งใดๆหนึ่งๆโดยการตัดเรื่องวุ่นวายอื่นซึ่งไม่เกี่ยวข้องออกไปเมื่อผลลัพออกมาจึงเป็นผลรับที่นำไปแก้ปัญหาได้ใกล้เคียงที่สุดหรือพูดง่ายภาษาชาวบ้านก็คือการขบคิดโดยตั้งเหตุและผลแย้งกันภายในตัวเอง ฟังดูเป็นรูปธรรมขึ้นไม๊ครับ
ขั้นต่อไปคือวิธีการใช้ครับ ในขณะที่ไอโฟนนำไปใช้ที่ไหนก็ได้ที่มีสัญญาณ(ในประเทศไทย)แต่โทรศัพท์รุ่นคุณปู่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายหรือถอดสายได้นั่นเป็นข้อจำกัด
ถ้าถามว่ากิเลสอันจะนำไปสู่ความชั่ว(ในทางศาสนาถ้าในความคิดผมไม่มีอะไรชั่วหรือดี)มันมาได้หลายทางความชั่วทำได้ทุกอย่างเอะอะก็ชั่วเอะอะก็ดีแต่ความดีทำมากๆก็ชั่วได้(รึป่าว)อันนี้ขอข้ามไปแล้วกันมันไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่ถ้าอธิบายมันยาว
เอาหละเข้าเรื่องเดิมครับ ตัวอย่างการนั่งสมาธิเหมือนเดิม ผมเคยไปเข้าค่ายสมัยเด็กหรือตอนเรียนพุทธศาสนาก็ตามคนที่สอนนั่งสมาธิจะบอกให้นั่งตัวตรงยืดหลังให้สุดกำหนดลมหายใจฯลฯเราลองเปลี่ยนแค่หลับตาพอเพราะพอเรามองไม่เห็นก็จะไม่เกิดความคิดเรื่อเปื่อนจะนั่งขี้ จะนอน จะนั่งเล่นแค่หลับตาแล้วคิดถึงสิ่งๆหนึ่งที่ทำให้เราไม่สบายใจอย่างเช่น......การที่ผมมีความคิดแตกต่างกับคุณในครั้งนี้ผมเองก็จำเป็นจะต้องหาเหตุผลและข้อโต้แย้งคุณเมื่อผมคิดไม่ออกความคิดตีกันใหหัวจำเป็นจะต้องเรียบเรียงความคิดใหม่ ก็จะหลับตาลงหรือก้มหน้ามองพื้นแล้วนั่งคิดใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างนี้เป็นต้น(ตัวอย่างนะครับแล้วก็อันนี้เป็นแค่เบื้องต้นสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันไม่ใช่สำหรับไว้สร้างอิทิริทปาฏิหารเหาะได้แบบsupperman)แค่ 3 หลักการง่ายๆครับ

ส่วนเรื่องทำแล้วได้พลังพิเศษมองอนาคตอดีดปัจจุบันชาติหน้าชาติที่แล้ว เหาะได้ ถอดรูปได้อะไรแบบนึ้ผมไม่พูดถึงนะครับแล้วอยากจะให้มันอยู่นอกจากหลักปฏิบัติอย่างชัดเจน
//ถ้านายอยากได้รายละเอียดปลีกย่อยชนิดเป็นข้อแล้วผมจะรวบรวมข้อมูลมาให้เพื่อให้เกิดความถูกต้องที่สุด(ขอแค่นายบอกอีกทีว่าต้องการ)

แก้วใบนี้มีน้ำอยู่เต็มถ้วย ก็เหมือนท่าน.. ที่เปรียมไปด้วยความคิดและมุมมองของตัวเอง หากจะเพิ่มวุฒิปัญญาก็ต้องเทน้ำในถ้วยออกก่อน...(รับฟังแล้วไตรตรองด้วยจิตใจ ผลดีนำปัฎิบัติเริ่มที่ตนก่อน)

jirayu977sk
11th January 2012, 18:58
ถ้าไม่มีแสง ก็ไม่มีเวลาครับผม
ณ ตำแหน่งใดที่แสงเข้าไปถึงได้น้อย จุดๆนั้นเวลาจะช้ากว่า
เหมือนที่เอาแฝดแยกกันอยู่ คนนึงอยู่นอกโลก อีกคนอยู่ในโลกไงครับ

96hp
12th January 2012, 19:39
พลังคลื่นเต่ารึ เปล่าครับ ผมก็ไม่แน่ใจ