PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : +++ ทะเลสาบแสนอันตราย ของโลก !!!



Remize
23rd July 2011, 09:59
10...ทะเลสาบเยลโลว์สโตน(Yellowstone Lake,) สหรัฐอเมริกา
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-1.jpg
ทะเลสาบเยลโลว์สโตน(Yellowstone Lake ) คือ พื้นที่ส่วนที่เป็นน้ำที่ใหญ่ที่สุด ในเขตอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน(Yellowstone National Park,) ที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยาน96% อยู่ในรัฐ ไวโอมิ่ง Wyoming ของอเมริกา.

แผนที่ ทะเลสาบเยลโลว์สโตน ในเขตอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone National Park,)
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-2.jpg
ทะเลสาบเยลโลว์สโตนYellowstone Lake ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล 7,732 ฟิต (2,376 ม.) มีเนื้อที่ทะเลสาบทั้งหมด 136 ตารางไมล์(352 km²) มีชายฝั่งยาว 110ไมล์ (177 ก.ม) ค่าเฉลี่ยความลึกอยู่ที่139ฟิต( 42 ม.) ทะเลสาบเยโลว์สโตน เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ที่ตั้งอยู่เหนือความสูงระดับ 7000ฟุต(2,133 m)
ในฤดูหนาวผิวหน้าทะเลสาบจะถูกน้ำแข็งปกคลุมหนาเกือบ 1 เมตร ยกเว้นบริเวณน้ำตื้นที่มีน้ำพุร้อนอยู่ข้างล่าง
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-3.jpg
อะไรคือความอันตราย และน่าสะพรึงกลัวของทะเลสาบเยโลว์สโตน?

ในปี 2003 นักวิทยาศาสตร์ ได้ตรวจพบว่า ที่ก้นทะเลสาบทะเลสาบเยโลว์สโตน เป็นภูเขาไฟรูปโดมขนาดใหญ่ ถ้าเกิดระเบิดขึ้นมา จะอันตรายมากสามารถคร่าชีวิตนุษย์ได้ เพราะเป็นเขตพื้นที่ภูเขาไฟที่มีกำลังอยู่ ซึ่งอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นแหล่งน้ำพุร้อนมากมาย มีการค้นพบโดมภูเขาไฟสูง 100ฟุต ที่พื้นทะเลสาบบริเวณอ่าวแมรี่( Mary's Bay ) :ซึ่งโดมภูเขาไฟนี้เกิดขึ้นจากน้ำถูกความร้อนใต้พื้นดินของทะเลสาบ ดันแล้วเกิดการขยายตัวทำให้พื้นดินด้านใต้ทะเลสาบก่อตัวเป็นรูปโดมรอวันระเบิดครั้งใหญ่ ซึ่งโดมภูเขาไฟใต้ทะเลสาบนี้ จะต่างกับน้ำพุร้อนเพราะน้ำพุร้อนจะมีช่องทางเหมือนวาวล์ ปิดเปิด. relief valve. ให้ระบายความร้อนออกได้ แต่โดมภูเขาไฟไม่มีจึงมีอันตรายอย่างยิ่ง ถ้าโดมภูเขาไฟใต้ทะเลสาบระเบิดจะเป็นระเบิดประเภท ที่เรียกวาระเบิดความร้อน 'hydrothermal explosionsซึ่งมีแรงดันมหาศาล

(ในภาพ)เป็นบ่อน้ำร้อนชื่อThe Grand Prismatic Spring ในเขตอุทยานแห่งชาติเยลโล์สโตนเช่นกัน เป็นบ่อน้ำร้อนที่ใหญ่เป้นอันดับ3 ของโลก รองจากบ่อน้ำร้อนอันดับ1และ2ในประเทศนิวซีแลนด์
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-8.jpg
และจากการค้นคว้าของนักวิทยาศาสตร์พบว่า ย้อนไปในอดีตอย่างน้อย 25000ปี ที่แล้ว ภูเขาไฟ ในแถบทะเลสาบเยลโลว์สโตน เคยมีการระเบิดมาแล้ว 25 ครั้ง การระเบิดครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้น ปริมาณน้ำเดือดมหาศาลราว 100,000แกลลอนแตกกระจาย กลายเป็นคลื่นยักษ์ หินและโคลนจากภูเขาไฟคลอบคลุมพื้นที่ 10 ตารางไมล์ เกิดแผ่นดินไหวตามมา แต่ถ้ามีการระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง ความรุนแรงขนาดไหนก็เลยยังเป็นที่วิตกกังวลกันอยู่

(จากภาพ)สีสดใสในฤดูใบไม้ผลิของ ขอบบ่อน้ำร้อนThe Grand Prismatic Spring ที่มีผลมาจากเม็ดสีของแบคทีเรียที่เจริญเติบโตรอบขอบของบ่อน้ำที่อุดมด้วยแร่ แบคทีเรียผลิตสีตั้งแต่สีเขียวเป็นสีแดง; ปริมาณสีสันของแบคทีเรีย ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของน้ำ ในช่วงฤดูร้อน, มีแนวโน้มที่จะเป็นสีส้มและสีแดง ในขณะที่ในช่วงฤดูหนาวที่มักจะมีสีเขียวเข้ม
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-10.jpg


9 . ทะเลสาบออร์ชชู รัฐแคลิฟอร์เนีย อเมริกา Horseshoe Lake, California, USA
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-11.jpg
ทะเลสาบออร์ชชู Horseshoe Lake ในเขตภูเขาไฟรูปโดม แมมมอธ Mammoth Mountain แคลิฟอร์เนีย
ได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรเงียบ เป็นทะเลสาบที่สวยงามและแฝงไปด้วยอันตราย บริเวณด้านเหนือสุดของทะเลสาบ จะสังเกตเห็นได้จากต้นไม้จำนวนหนึ่งได้ตายไป(ตามภาพด้านล่างในวงกลมสีแดง) จากการที่มีปริมาณก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon dioxide มากกว่าปกติถึง 95 เท่าในดิน
ซึ่งทดลองได้โดย การขุดหลุมลงไปในทรายริมทะเลสาบ แล้วถือยื่นคบไฟลงไป เปลวไฟจะดับทันที เพราะไม่มีออกซิเจนเพียงพอนั่นเอง และผลกระทบเหล่านี้สามารถเป็นอันตรายกับมนุษย์ได้ โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ใกล้ๆทะเลสาบเมื่อเวลาเกิดลมพัดเอาก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ฟุ้งกระจายออกมา เมื่อปี 2006 มีผู้เสียชีวิต 3คน จากการหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 เข้าไป เพราะเข้าไปพักในถ้ำใกล้ทะเลสาบ
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-14.jpg
จากแผนที่ประกอบด้านล่าง
จะเห็นว่า ทะเลสาบฮอร์ชชู (Horseshoe Lake) ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาแมมมอธ (Mammoth Mountain )ซึ่งเป็นภูเขาไฟลาวารูปโดม เคยระเบิดครั้งสุดท้ายเมื่อ 57000ปีที่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความอันตรายจากแก๊สพิษที่หลงเหลืออยู่ นั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เชื่อกันว่า ดินริมทะเลสาบฮอร์ชชู มีแก๊สพิษตกค้างมาจากภูเขาไฟในอดีตนั่นเอง
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-16.jpg
ปัจจุบันได้มีการขึ้นป้ายเตือนภัย ริมทะเลสาบฮอร์ชชู (Horseshoe Lake)
-ห้ามขุดดินริมทะเลสาบเนื่องจากมีก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์( CO2) สะสมอยู่จำนวนมากมี ผลต่อการหายใจ
-ห้ามมาปิคนิคนั่งพักผ่อนริมทะเล
-ห้ามเด็กหรือสัตว์เลี้ยงเข้ามาในเขตพื้นที่ริมทะเล
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-19.jpg
ดูป้ายชัดๆ เตือนให้ระวังอันตราย จาก ก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-20.jpg



8…ทะเลสาบโมโน แคลิฟอร์เนีย อเมริกา Lake Mono, California, USA
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-21.jpg
ที่ตั้งทะเลสาบโมโน(Lake Mono) แคลิฟอร์เนีย อเมริกา
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-22.jpg
ทะเลสาบโมโน(Lake Mono) เป็นทะเลสาบภายใน ย้อนกลับไปเมื่อปี 1940 ทะเลสาบโมโนเคยเป็นทะเลสาบที่น้ำสะอาด และสวยจนน่าตะลึง แต่เมื่อทางเมือง ลอสแอนเจลิส ได้ถ่ายเอาน้ำจากแควสาขาของทะเลสาบมาใช้ ทำให้ระดับน้ำในทะเลสาบลดลง

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-23.jpg
จากที่เคยได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปอเมริกาเหนือ ก่อตัวขึ้นอย่างน้อยเมื่อ 760,000 ปีที่แล้วแต่ปัจจุบัน กลายเป็น ทะเลสาบเกลือ( saline lake) และมีคลอไรด์ chlorides, คาบอร์เนต carbonates และซัลเฟต sulfates ปนเปื้อนในน้ำ

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-24.jpg
ทะเลสาบโมโน Mono Lake ยังมีความเกี่ยวข้องกับ การผลิตของระบบนิเวศในอดีต เคยเป็นแหล่งที่คนพื้นเมืองอินเดียแดงเผ่าKutzadika'มาหาตัวอ่อน ของแมลงวันอัลคาไลน์(alkaline flies) ที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบ เพื่อกินเป็นอาหาร

เเมลงวันอัลคาไลน์เป็นแมลงวันขนาดเล็ก มักพบตามชายฝั่งทะเล หรือแหล่งน้ำขนาดเล็กภายในแผ่นดิน เช่นหนองบึง มีกระจายอยู่ทั่วโลก 1500ชนิด
http://bss.sfsu.edu/holzman/courses/fall01%20projects/alkalifly.htm
(ตัวอ่อนของแมลงวันอัลคาไลน์)
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-25.jpg
ทะเลสาบน้ำแห้งโมโนกลายป็นทะเลสาบที่มีความผิดปกติของระบบนิเวศเนื่องจากมีการนำน้ำไปใช้จนแห้ง แต่มีสัตวืน้ำเป็นกุ้งชนิดหนึ่งที่เรียกว่า brine shrimp ทีสามารถอาศัยอยู่ในทะเลสาบนี้และกลายเป็นอาหารของนกที่อพยพมาหากิน

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-26.jpg
กุ้งชนิดหนึ่งที่เรียกว่า brine shrimp ที่สามารถอาศัยอยู่ในทะเลสาบโมโน

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-27.jpg
คณะกรรมการเมืองลอสแอนเจลิส (A county board) ได้ออกเป็นคำสั่งให้มีการแก้ไขปัญหาเพื่อให้ระดับน้ำในทะเลสาบโมโนสูงเหมือนเดิม แต่ก็คาดว่าต้องใช้เวลาราว 20 ปี ในการปรับปรุงให้น้ำมีคุณภาพเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อไม่นานมานี้ทางองค์การนาซ่า NASA ได้ประกาศว่าพบสิ่งมีชีวิตจากทะเลสาบมีสารหนูปะปน( arsenic) ในดีเอ็นเอ
และนี่ก็เป็นอีกตัวอย่างแสดงให้เห็นเมื่อใดที่มนุษย์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธรรมชาติจนเกินความพอดี ย่อมส่งผลกระทบที่ร้ายแรงเกิดขึ้น
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-28.jpg



7.....ทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟ เม้าท์ เรนเนียร์( Mount Rainier Crater Lake),รัฐวอชิงตันWashington, สหรัฐอเมริกา
ภูเขาไฟเมาท์เรนเนีย ร์เป็นภูเขาไฟรูปกรวย ความสูง ถึงยอด 14,411 feet (4,392 m) ที่มีทะเลสาบอยู่บนยอดสูงสุดของภูเขา มีหิมะและน้ำแข็งปกคลุมอยู่เกือบตลอดเวลา
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-30.jpg
ทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟเม้าท์เรนเนียร์ (Mount Rainier)เป็นทะเลสาบขนาดเล็กลึก 16ฟุต ยาว130ฟุต กว้าง 30ฟุต, ตั้งอยูในเขตอุทยานแห่งชาติเม้าท์เรนเนียร์(Mount Rainier National Park) รัฐวอชิงตัน อเมริกา
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-31.jpg
มีทางเดียวที่สามารถไปถึง ทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟเม้าท์เรนเนียร์ ได้คือทางถ้ำใต้ดิน แต่เป็นทะเลสาบมฤตยูที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายได้ อยู่ห่างจากเมืองซีแอตเติล Seattle แค่ 70ไมล์ แก๊สจากภูเขาไฟสามารถคุกคามถึงได้ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ Sulfur dioxide จากภูเขาไฟเมื่อรวมตัวกับน้ำกลายเป็นกรดกำมะถัน (sulfuric acid.) และกรดกำมะถันจะกัดกินเข้าไปในหินของภูเขาไฟ โดยปกติหินภูเขาไฟโดยทั่วไปในโลกจะเป็นหินแข็ง แต่ หินของภเขาไฟ เมาท์ เรนเนียร์จะเป็นหินที่แตกง่ายบีบแตกได้ด้วยมือ
ถ้าหินเหล่านี้ยุบหรือพังทลายลงมาจะมีโคลนเหลว หินและน้ำแข็งตกลงมายังพื้นที่ด้านล่าง และแน่นอนน้ำในทะเลสาบจำนวนหลายตันด้านบนจะถล่มลงลงมาด้วย เมืองซีแอตเติลอาจจะจมอยู่ใต้หินและโคลนจากภูเขาไฟ

ภาพเมืองซีแอตเติลSeattle จะเห็นภูเขาไฟเม้าท์เรนเนียร์ อยู่ด้านหลัง
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-32.jpg
ซึ่งเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นในอดีต เมื่อ 500ปีที่แล้ว ที่ภูเขาไฟเมาท์ เรนเนียร์ หินก้อนหนึ่งน้ำหนัก 25 ตัน ที่ตกลงมากลิ้งไปไกลถึง 30ไมล์ และทั้งหินดินโคลนลงไปถมหุบเขาข้างล่าง และถ้าเกิดขึ้นอีกครั้งก็เป็นไปได้ที่ผู้คนที่อาศัยอยุ่ในเมืองซีแอตเติลด้านล่างจะถูกฝัง อยู่ในโคลนและหินจากภูเขาไฟ ทะเลสาบปากปล่องบนภูเขาไฟเมาท์เรนเนียร์ จึงถือว่าเป็นหนึ่งในทะลสาบปากปล่องภูเขาไฟที่อันตรายที่สุดในโลก
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-33.jpg
ความรู้เสริมครับ (อาจไม่เกี่ยวกับกระทู้เท่าไหร่)
ภาพเครื่องบินโบอิ้งลำแรกที่เก่าแก่ที่สุดรุ่น Boeing Model 40 ปี 1928 ,และเป็นรุ่นแรกที่ผลิตขึ้นเพื่อการค้าในปี 1928 หลังจากได้นำมาซ่อมแซมใหม่ แล้วมีการนำขึ้นบินเคียงข้างกับเครื่องบินโบอิ้งรุ่นปัจจุบันปี 2010 เหนือภูเขาไฟ เม้าท์เรนเนียร์
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-34.jpg
ภาพถ่ายทางอากาศ เห็นทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟเม้าท์เรนเนียร์ ที่มีน้ำแข็งปกคลุมอยู่เกือบตลอดเวลา
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-35.jpg


6...ทะเลสาบคิวู ประเทศรวันดา Lake Kivu, Rwanda

.อยู่บนชายแดนระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และ รวันดา
ทะเลสาบครอบคลุมพื้นที่ผิวทั้งหมด 2,700 กม. 2 (1,040 ตารางไมล์) และตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,460 เมตร (4,790 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล 58% ของน้ำของทะเลสาบอยู่ภายในเขตประเทศรวันดา และเป็นทะเลสาบ ทีตั้งอยู่บนรอยแยกของหุบเขาที่กำลังดึงตัวออกจากกันอย่างช้าๆ และอาจทำให้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟในบริเวณนั้น: ความลึกสูงสุดของทะเลสาบ 480 เมตร (1,575 ฟุตลึก เป็นอันดับที่สิบแปดในโลก เป็นทะเลสาบที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงตระหง่าน
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-36.jpg
แผนที่ทะเลสาบคิวู Lake Kivu จะเห็นว่าส่วนหนึ่งอยู่ในประเทศรวันดา และอีกส่วนอยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก(DEMOCRATIC REPUBLIC OF THE CONGO )
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-37.jpg
แผนผังที่ตั้งของทะเลสาบคิวูLake Kivu แสดงให้เห็นว่าถูกล้อมรอบด้วยพื้นที่สูงและภูเขา
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-38.jpg
ทะเลสาบคิวู เป็นทะเลสาบอีกแห่งที่สวยงามน่าหลงใหล แต่แฝงไว้ด้วยอันตราย ศ.จ ซินดี้ อีบินเจอร์(Cindy Ebinger )ผุ้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์โลก แห่งมหาวิทยาลัย โรเชสเตอร์ อเมริกา(earth sciences at the University of Rochester in the US)กล่าวว่า ทะเลสาบคิวูเป็นหนึ่งในทะลเสาบที่อันตรายที่สุดในโลก (one of the most dangerous lakes in the world) และเป็นทะเลสาบอันดับที่ 2 กำลังมีการระเบิดในรูปแบบเดียวกับทะเลสาบ นีโอส (Lake Nyos )ประเทศแคมารูน ที่น้ำในทะเลสาบมีการพลิกคว่ำ (lake overturns'.)

***ทะเลสาบคิวูยามดวงอาทิตย์กำลังจะโผล่ยามเช้าตรู่
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-39.jpg
ทะเลสาบคิวู มีเนื้อที่ 2000ตารางก.มและอยุ่ใกล้มากกับภูเขาไฟที่ยังมีกำลังอยู่ ซึ่งก๊าชที่ทำให้เกิดการระเบิดคือ ส่วนผสมกันระหว่างก๊าซมีเธน และคาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ใต้ทะเลสาบ
นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งข้อสมมุติฐานไว้ว่า การทำปฎิกริยาต่อกันระหว่างน้ำที่อยู่ด้านล่างทะเลสาบซึ่งมีความเข้มข้นสูงกับภูเขาไฟ ทำให้เกิดก๊าชมีกำลัง ส่งผลให้น้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้น ก๊าชมีเทนและกีาชคาบอนไดออกไซด์ จะพุ่งจากด้านก้นทะเลสาบขึ้นสู่ด้านบนลอยกลิ้งปิดผิวพื้นน้ำในทะเลสาบ และถ้าทะเลสาบคิวูเกิดการระเบิดจะเกิดภัยพิบัติมากกว่าที่ทะเลสาบ Nyos ในประเทศแคมารูน เนื่องจากทะเลสาบคิวูมีขนาดใหญ่กว่าเกือบ 2,000 เท่า และความเสี่ยงนี้ถ้าเกิดขึ้นจะส่งผลทำให้ชาวบ้าน 2 ล้านคนที่ทำอาชีพประมง อาศัยอยู่รอบๆทะเลสาบหายใจไม่ออก

***(จากภาพ)เมืองโกมาGoma ของประเทศ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกที่ตั้งอยู่บนฝั่งทะเลสาบคิวู และอยู่ห่างจาำกปากปล่องภูเขาไฟไนอิราคองโค (Nyiragongo Volcano) ลงมาทางใต้เพียง 13-18 ก.มเท่านั้นเอง
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-40.jpg
ถึงแม้ตอนนี้จะมีการทำท่อเพื่อดูดก๊าชมีเทน(methane)ออกจากทะเลสาบเพื่อไปผลิตกระแสไฟฟ้า:แต่ ก็ยังถือว่าไม่ปลอดภัย ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดการระเบิดครั้งใหญ่เมื่อไหร่เท่านั้นเอง


ซึ่งจาการสำรวจพบว่าใต้ทะเลสาบคิวูมีปริมาณก๊าชมีเทน(methane)อยู่จำนวนถึง
65ล้านล้าน ลูกบาศก์เมตร (65 billion metres of methane) , เทียบได้กับจำนวนน้ำมัน 50ล้านตัน สามารถนำมาเป็นพลังงานสำรองใช้ในประเทศรวันดาได้ถึง 400 ปี

จากภาพเป็นเรือท้องแบนทีมีท่อดูดก๊าชมีเทนจากทะเลสาบคิวู เพื่อนำไปผลิตเป็นกระเเสไฟฟ้าในประเทศรวันดา
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-42.jpg
แผนผังการดูดก๊าชมีเทน จากทะเลสาบคิวูมาใช้เป้นพลังงาน จะเห้นว่าพื้นที่สีแดงก้นทะเลสาบแสดงให้เห้นจำนวนก๊าชมีเทนและคารืบอนไดออกไซด์จำนวน มหาศาล ซึ่งถ้าก๊าชเหล่านั้นมีการระเบิดแบบน้ำในทะเลสาบมีการพลิกคว่ำ (lake overturns'.)พุ่งขึ้นมาจากด้านล่างพร้อมกัน ..ถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-43.jpg



5....ทะเลสาบ มอนอูน ประเทศแคมารูน Lake Monoun, Cameroon


เป็นทะเลสาบ 1ใน3 ของทวีปอัฟริกาที่มีการระเบิดของก๊าช จากใต้ทะเล เป็นทะเลสาบ ที่ตั้งอยู่ในเขตภูเขาไฟโอคู Oku

เมื่อ 15 สิงหาคม 1984, ทะเลสาบได้เกิดการระเบิด มีผู้เสียชีวิต 37คน 12คนที่เสียชีวิตอยู่ในรถบรรทุก แต่คนที่นั่งอยุ่ด้านบน2คนรอดชีวิต เนื่องจากก๊าชคารืบอนไดออกไซด์หนักกว่าอากาศ เลยลอยขึ้นไปไม่ถึง ซึ่งเป็นการระเบิดในรูปแบบ limnic eruption, :ซึ่งการระเบิดแบบนี้เรียกว่า เป็นทะเลสาบคว่ำ เป็นระเบิดชนิดที่หาได้ยากจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นมาจากด้านล่างของทะเลสาบ โดยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO 2 ) ที่สะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการหายใจไม่ออก

ในตอนแรกสาเหตุของการเสียชีวิตเป็นความลึกลับและถูกสงสัยว่าเกิดจากการก่อการร้าย แต่การสอบสวนเพิ่มเติมและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคล้ายกับการเสียชีวิตของชาวบ้านที่ทะเลสาบนีโอส Nyos ที่ตั้งอยุ่ห่างจาก ทะเลสาบมอนอูน Lake Monoun, ออกไป แค่ 60ไมล์ เลยนำไปสู่คำอธิบายที่ได้รับการยอมรับในขณะนี้

แผนที่ทะเลสาบมอนอูน ประเทศแคมารูน
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-45.jpg
จากภาพ
อาราลเดอร์ ซิเกอดเซ่น( Haraldur Sigurdssondy )กับทะเลสาบมอนอูน(Lake Monoun )

อาราลเดอร์ ซิเกอดเซ่น เป็นผู้เขียนทฤษฎี การพลิกคว่ำของทะเลสาบ( the theory on lake overturning )ซึ่งเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นน้อยมาก จากการที่ก๊าช คาร์บอนไดออกไซด์ carbon dioxide (CO2) ระเบิดขึ้นมาจากน้ำลึกใต้ทะเลสาบแล้วลอยกระจายไปทั่วทำให้มนุษย์และสัตว์หายใจไม่ออก
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-47.jpg



4...ทะเลสาบน้ำเดือด เกาะโดมินิกา . Boiling Lake, Dominica

เป็นทะเลสาบน้ำเดือดที่ตั้งอยู่ในเขตมรดกโลก อุทยานแห่งชาติ มอร์น ทรอยส์ พิตตอนส์ ประเทศโดมินิกา(Morne Trois Pitons National Park - Dominica's World Heritage site). เป็นทะเลสาบน้ำเดือดแบบfumarole (พื้นที่เปลือกโลกที่แตกออกเนื่องจากอยู่ใกล้เขตภูเขาไฟ) และสาเหตุที่น้ำเดือดอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากพื้นด้านล่างมีหินลาวาที่หลอมละลายแล้วปล่อยความร้อนขึ้นมา
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-48.jpg
แผนที่เกาะโดมินิกา ตั้งอยู่ในเขตทะเลคาริบเบียน และทะเลสาบน้ำเดือดBoiling Lake
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-49.jpg
ทะเลสาบน้ำเดือดBoiling Lake ,มีขนาดพื้นที่ กว้าง 60เมตร ทะเลสาบน้ำเดือดในโดมินิกาเต็มไปด้วยฟองอากาศน้ำร้อน ที่ขอบทะเลสาบมีอุณหภูมิระหว่าง 82 -91.5 องศาเซลเซียส แต่ตรงกลางทะเลสาบไม่สามารถคาดเดาได้เนื่องจากมีน้ำเดือดอยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณไปยืนอยู่ที่ขอบทะเลสาบคนเดียวแล้วลื่นตกลงไป เสียชีวิตอย่างแน่นอน
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-50.jpg
เมื่อวันที่ 6 ก.ค 2007 จอร์จ คูรูนิสGeorge Kourounis ผู้ถ่ายทำรายการสารคดีผจยภัย adventure-film maker เป็นบุคคลแรกที่ได้ไต่เชือกข้ามทะเลสาบน้ำเดือด
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-51.jpg
ทะเลสาบน้ำเดือดในประเทศโดมินิกา(Dominica's Boiling Lake )ถือว่าเป็นทะเลสาบน้ำร้อนที่ใหญ่เป็นนอันดับสองของโลกรองจาก Frying Pan Lake, ที่หุบเขาไวมังกู Waimangu Valley .ใกล้กับเมืองโรโตรัวประเทศนิวซีแลนด์Rotorua, New Zealand

ในภาพจอร์จ คูรูนิสGeorge Kourounis ผู้ที่สามารถข้ามทะเลสาบน้ำเดือดได้คนแรกกับไข่ต้ม
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-53.jpg



3.....ทะเลสาบรักชาสทาล ธิเบต ประเทศจีน Lake Rakshastal, Tibet


ไม่มีพืชหรือปลาสามารถอยู่รอดในทะเลสาบ Rakshastal และชาวบ้านคิดว่าทะเลสาบเป็นพิษ ทะเลสาบ Rakshastal,มีพื้นที่ทั้งมด 70 ตารางก.ม ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง 4,752m (15,590 ft).บริเวณรอบๆเป็นภุเขาหิน ไม่มีทุ่งหญ้าใดๆอยู่ใกล้

.ตั้งอยู่ใกล้กับเขาไกรลาส( Mount Kailash:)ซึ่งเป็นภูเขา ที่เคารพสักการะของศาสนาพุทธ ฮินดูและศาสนาเชน เชื่อว่าเป็นที่อยู่ของพระศิวะ( Lord Shiva )
ทะเลสาบรักชาสทาลเป็นทะเลสาบน้ำเค็ม ถือเป็นทะเลสาบน้องสาวของทะเลสาบ มานาซาโรวาร์ Lake Manasarovar ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน

ตามตำนานชาวธิเบต เชื่อว่าทะเลสาบ Rakshastal เป็นบ้านของ กษัตริย์ยักษ์แห่งกรุงลังกา ที่มี10เศียร (ทศกัณฐ์) 10-headed demon king,

ทะเลสาบ Manasarovar มีรูปร่างเหมือนดวงอาทิตย์เป็นสัญลักษณ์ของแสงสว่างแห่งชีวิต
ขณะที่ทะเลสาบ Rakshastal รูปร่างเหมือนพระจันทร์เสี้ยวที่แสดงถึงความมืดแน่นอนมันได้นำความมืดไปยังสิ่งที่พยายามที่จะอยู่ในนั้น -- ความมืดสุดท้ายของการเสียชีวิต

จากแผนที่ทะเลสาบ Rakshastalอยู่ทางด้านซ้ายมือ
ทะเลสาบ Manasarovar อยุ่ทางด้านขวามือ
ด้านบนเป็นเขาไกรลาส ( Mount Kailash:)
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-55.jpg
ที่ตั้งทะเลสาบRakshastal ทะเลสาบ Manasarovar เขาไกรลาส( Mount Kailash:)
จะอยุ่ใกล้ๆกัน
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-57.jpg
น้ำในทะเลสาบรักชาสทาล Rakshastalเป็นน้ำเค็มไม่มีพืชและสัตว์น้ำอาศัยอยู่เลย(ไม่ทราบเพราะอะไร ขออภัยหาข้อมุลไม่เจอจริงๆ)
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-58.jpg
ทะเลสาบRakshas Tal บางครั้งสามารถเชื่อมต่อทะเลสาบManasarovarไ้ด้เมื่อมีน้ำหลากผ่านช่องทางที่เรียก Ganga Chu แต่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากเนื่องจากความเเห้งแล้ง
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-59.jpg
ที่เห็นอยู่ไม่ไกลคือภูเขาไกรลาส ซึ่งหลายศาสนาเชื่อว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ส่วนอาคารที่อยู่บนเนินใกล้ๆคือวัดChiu Gompaเป็นวัดโบราณทางพุทธศาสนา ที่สร้างขึ้นติดกับหน้าผาของเนินเขา
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-61.jpg



2..ทะเลสาบคาราไชย .Lake Karachay หรือบางครั้งสะกด Karachai เป็นทะเลสาบขนาดเล็กในเขตภาคใต้ของภูเขาอูราลทางภาคตะวันตกของรัสเซีย
ถึงจะเป็นทะเลสาบที่สวยอย่างน่าตกตะลึง แต่เป็นทะเลสาบที่เต็มไปด้วยมลพิษมากที่สุดในโลก สาเหตุเนื่องมาจากมีการนำกากนิวเคลียร์มาทิ้งลงในทะเลสาบ
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-62.jpg
ปี 1948 สหภาพโซเวียตได้สร้างโรงงานนิวเคลียร์ มายัคMayak .ในเขตไซบีเรีย
และช่วงระหว่างปี 1948-1951 ได้นำกากขยะนิวเคลียร์จาก โรงงานนิวเคลียร์มายัค(Mayak Production Association) ทิ้งลงไปในแม่น้ำทีชา( the river Techa) และขยายพื้นที่การทิ้งกากนิวเคลียร์ไปจนถึงมหาสมุทรอาร์คติก the Arctic ocean. หลังจากมีการตรวจสอบพบรังสีจากกากนิวเคลียร์ในน้ำของมหาสมุทรอาร์ติค เลยหยุด

ในปี1951สหภาพโซเวียต เปลี่ยน มาใช้ทะเลสาบคาราเช (Lake Karachay)เป็นสถานที่ทิ้งกากนิวเคลียร์แทนจนกระทั่งปี1953 เมื่อสร้างโรงเก็บกากไฟฟ้านิวเคลียร์เสร็จจึงได้หยุดการทิ้งกากนิวเคลียร์ลงในบริเณน้ำลึกของทะเลสาบ แต่ก็ยังเอากากนิวเคลียร์มาทิ้งอย่างต่อเนื่องในพื้นบริเวณเขตน้ำตื้นของทะเลสาบทะเลสาบคาราเช Lake Karachay

วันนี้น้ำในทะเลสาบคาราเชยังมีรังสีมากพอในการที่จะฆ่ามนุษย์ตายภายในหนึ่งชั่วโมงและในปี 1968 เมื่อเกิดสภาวะภัยแล้ง ฝุ่นและรังสีจากกากนิวเคลีย์บริเวณทะเลสาบและชายฝั่งปลิวกระจายมีผลกระทบต่อคนครึ่งล้านและอีก 7,000คน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รอบๆทะเลสาบต้องอพยพออกไป
จนกระทั่งในปี 1978ได้มีการสร้างคอนกรีตขนาดใหญ่ 10000แท่งล้อมรอบบริเวณบางส่วนที่กากนิวเคลียร์ที่ตกตะกอนยกตัวสูงขึ้น ในทะเลสาบ
เราอาจคิดว่าในทะเลสาบที่เป็นสถานที่เงียบสงบและน่ารักมีปลาอาศัยอยู่ แต่เมื่อเอาสิ่งที่เป็นสารพิษทิ้งลงไป รอเวลาเพียงแต่ผลกระทบเหล่านั้นจะย้อนกลับมาฆ่ามนุษย์ณ วันใดวันหนึ่ง...

ภาพถ่ายทางอากาศ จะเห็นแนวคอนกรีต ที่นำมาล้อมรอบบางส่วนของทะเลสาบเพื่อป้องกันการรั่วไหลของรังสีจากกากนิวเคลียร์
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-64.jpg



อันดับ 1.....
ที่จริงถ้าพูดถึงความอันตรายน่าจะเป็นอย่าง ค.ห.80 บอกสมควรจะเป็นทะเลสาบนีโอส(Lake Nyos )ที่ประเทศแคมารูน ตามที่ผมได้เกริ่นไว้ในหัวกระทู้......แต่เนื่องมีคนได้ตั้งเป็นกระู้ทู้ไปแล้ว และผมไม่ได้เน้นจัดลำดับตามความอันตรายเท่าไหร่นัก..เพราะตรงนี้บางทะเลสาบเหตุการ์ณยังไม่เกิดผลเสียหายร้ายแรงมาก.เป็นการคาดหมายในอนาคตของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเเละนักวิทยาศาตร์ที่มีความรู้ด้านนั้น
ดังนั้นอันดับ 1..ต่อไปนี้ นับเป็นอันดับหนึ่งตามลำดับตัวเลขเท่านั้น.(ค.ห.ส่วนตัว......ของเจ้าของกระทู้นะครับ)

1..ทะเลสาบมาราไคโบ (Lake Maracaibo) ทะเลสาบแห่งสายฟ้าฟาด ประเทศ เวเนซูเอล่า
ทะลเสาบ ที่เกิดฟ้าแลบ ฟ้าผ่า มากที่สุดในโลก
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-88.jpg
ความน่ากลัวของสายฟ้าผ่า ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ น่าจะมีผลกับทางด้านจิตใจมากกว่าทำให้เสียชีวิต แต่แน่นอนถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ อย่างแถบทะเลสาบ ทะเลสาบมาราไคโบ ถ้าไม่ใช่คนในท้องถิ่นจริงๆ อาจเกิดอาการขวัญผวาได้

ปรากฎการณ์นี้มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า "ฟ้าผ่าคาตาตัมโบ"( Venezuela's Catatumbo Lightning phenomenon )เพราะ เกิดขึ้นที่ บริเวณปากแม่น้ำคาตาตัมโบ Catatumbo รอยต่อกับทะเลสาบมาราไคโบ Lake Maracaibo ประเทศเวเนซูเอลา ในทวีปอเมริกาใต้
โดยพื้นที่บริเวณนี้ จะมีพายุฟ้าแลบฟ้าผ่าปีละ 140 - 160 วันต่อปี, วันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละชั่วโมงจะมีฟ้าผ่ามากกว่า 280 ครั้ง ทำให้บริเวณ ทะเลสาบ Maracaibo ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งพายุฟ้าผ่าไม่มีวันจบสิ้น
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-89.jpg
แผนที่ทะเลสาบมาราไคโบ (Lake Maracaibo) และปากแม่น้ำคาตาตัมโบ( Catatumbo)
ที่เกิดฟ้าผ่ามากที่สุดในโลก
จะมีพายุฟ้าแลบฟ้าผ่าปีละ 140 - 160 วันต่อปี, วันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละชั่วโมงจะมีฟ้าผ่ามากกว่า 280 ครั้ง การเกิดฟ้าแลบฟ้าผ่าทั้งปีทำให้บริเวณนี้เป็นแหล่งกำเนิด โอโซน(ozone )ในธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก( the largest natural producer of atmospheric ozone in the world.)
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-90.jpg
แสงที่เกิดจากสายฟ้าสามารถมองเห็นได้จากระยะ 400 กิโลเมตร ทำให้นักเดินเรือสมัยโบราณเรียกเดินแดนแห่งนี้ว่า ประภาคาร มาราไคโบ (Lighthouse of Maracaibo)

ในปี 1595 กองเรืออังกฤษนำทัพโดย เซอร์ ฟรานซิส เดร็ก (Sir Francis Drake) ต้องยุติแผนลอบเข้าโจมตึเมืองมาราไคโบ Maracaibo เนื่องจากแสงจากสายฟ้าที่เกิดตลอดเวลาทำให้กองทัพสเปนเห็นกองเรืออังกฤษตั้งแต่ระยะไกล จริงๆแล้วมีปรากฎการณ์คล้ายๆ กันเกิดขึ้นในหลายประเทศเช่น โคลัมเบียColombia, อินโดนีเซียIndonesia และ อูกานดา Uganda แต่จะเกิดในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ต่อเนื่องยาวนานแบบที่เกิดขึ้นบริเวณ ทะเลสาบคาราไคโบแห่งนี้
(ดูภาพทะเลสาบ มาราไคโบตอนฟ้าเปิดบ้าง)
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-91.jpg
ปรากฏการณ์"ฟ้าผ่าคาตาตัมโบ ประเทศเวเนซูเอล่า "( Venezuela's Catatumbo Lightning phenomenon )นี้สามารถอธิบายได้

เป็นปรากฏการณ์ที่สร้างขึ้นโดยสภาพแวดล้อมที่ไม่ซ้ำกันที่อยู่รอบทะเลสาบมาราไกโบ Lake Maracaibo. เวเนซุเอลา เกิดขึ้นจากน้ำใน
แม่น้ำ Catatumbo ไหลผ่านโคลนตมในที่ลุ่มจำนวนมหาศาล ซึ่งพวกตมโคลนเหล่านั้นประกอบขึ้นด้วยสารอินทรีย์ ที่กำลังสลายตัว ก่อให้เกิดกาซมีเทนลอยตัวเป็นละออง รวมตัวเป็นก้อนเมฆ ก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นกาซที่มีน้ำหนักเบากว่าอากาศ เมื่อลอยตัวขึ้นสูงและเจอกับการเสียดสีจากลมร้อนที่พัดมาจากทะเลแคริเีบียน( caribbean sea) และลม ที่พัดมาจากแถบเทือกเขาแอนดิส( Andes Mountains )ภายในทวีปอเมริกาใต้ จนเกิดความร้อน เกิดการสะสมของประจุไฟฟ้าจำนวนมาก ทำให้อากาศขยายตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อสะสมไว้มากก็ก็ต้องปลดปล่อยประจุไฟฟ้าระหว่างก้อนเมฆ กับพื้นโลกเลยเกิดเป็นฟ้าผ่า(Ground Flash)
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10823771/X10823771-94.jpg


credit : คุณ jayaus www.pantip.com

และ
http://www.environmentalgraffiti.com/meteorology/news-worlds-longest-continuous-storm
http://www.suite101.com/content/the-worlds-largest-lightning-storm-a148124
http://volcanoes.usgs.gov/yvo/new.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Yellowstone_Lake
http://volcanoes.usgs.gov/lvo/activity/monitoring/co2.php
http://www.trazzler.com/trips/horseshoe-lake-in-ca
http://www.monolake.org/about/story
http://www.yosemitegold.com/yosemite/mono.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Mount_Rainier
http://climbing.about.com/od/usstatehighpoints/a/MtRainierFacts.htm
http://www.fastcompany.com/1683733/rwanda-exploding-lake-kiva
http://en.wikipedia.org/wiki/Lake_Kivu
http://en.wikipedia.org/wiki/Limnic_eruption
http://en.wikipedia.org/wiki/Lake_Monoun
http://en.wikipedia.org/wiki/Boiling_Lake
http://en.wikipedia.org/wiki/Lake_Rakshastal

http://roomatthetop.wordpress.com/2007/09/20/most-polluted-places-on-earth/
http://www.orwelltoday.com/kivupower.shtml
http://www.xanrice.com/blog/?p=109
: http://channel.nationalgeographic.com/series/nature-untamed/4671/Photos#tab-Photos/2#ixzz1SLwIDgfe
http://www.kirps.com/cgi-bin/web.pl?blog_record=31
http://en.wikipedia.org/wiki/Lake_Karachay

Neko.Kraamzii
23rd July 2011, 10:13
สวยนะ แต่แฝงอันตรายจิงๆ

FRAGILE
23rd July 2011, 11:02
สวยสวยทั้งนั้นเลยอ่ะ

acer321
23rd July 2011, 11:07
ถึงสวยแต่มันก็ดูลึกลับ

cancerzz
23rd July 2011, 11:25
สุดยอดกระทู้แ่ห่งสาระเลยนะเนี่ย จขกท. ขยันจริงๆ

Frame~[F]
23rd July 2011, 12:54
ผมชอบอันดับ 1 มาก
มันน่าหาอะไรมาทดลองนะเนี่ย

jkk
23rd July 2011, 13:09
ใจนึงก็กลัว อีกใจก็อยากไป

regention
23rd July 2011, 13:40
เป็นทะเลที่ดูสวยงามมาก แต่มีความน่ากลัวอยู่จริงๆ :mad3

[::BlueFox::]
23rd July 2011, 14:15
ชอบเรื่องแบบนี้จัง สงสัยต้องไปเป็นนักภูมิศาสตร์ ซะล่ะ

jinzo
23rd July 2011, 14:28
หึหึหึ นั่นมันที่ดินที่ผมซื้อไว้นี่ครับ ไครกันนะไปแอบถ่ายมา หึหึหึ:sharky

~Scrubb~
23rd July 2011, 14:46
' หลาย ๆ อันดับที่อันตรายก็เพราะ " มนุษย์ " ไม่ใช่หรอครับ ?

Blizt
23rd July 2011, 15:06
ในความอันตรายมันก็สวยงามนะผมว่า

warrapat007
23rd July 2011, 15:10
ขอบคุณครับ

Am~MasterZ
23rd July 2011, 15:35
ชอบมากเลยครับกระทู้ แบบนี้ สาระมากมาย

hamaki
23rd July 2011, 15:50
เห็นอันดับ2แล้วผมเสียดายจริงๆ - -*

bnnightmal2e
23rd July 2011, 15:56
อยากไปอันดับ1อะครับ สวยจังเลย

ballba
23rd July 2011, 15:59
มันสวยเพราะไม่มีคนไปเล่นไง เลยดูสะอาดสวย งี้หละดีละ อนุรักษ์ไว้ - -

pickykiki
23rd July 2011, 16:28
ขอบคุณมากครับ สำหรับ ความรู้ อยากจะกด thank ให้ซัก 10 ครั้ง

NaZi_BF3
23rd July 2011, 16:33
อยากลงไปว่ายจัง อุ่นดี 555

thanapatbenz
23rd July 2011, 16:53
ขอบคุณมากครับ สาระทั้งนั้นเลย

boonyakokrn
23rd July 2011, 17:00
น่ากลัวจริง ๆ
ปล.ชื่นชมในความขยันของ จขกท.ครับ ^^

blackmetal
23rd July 2011, 17:35
ความรู้ทั้งนั้นขอบคุณครับ

InTrOz
23rd July 2011, 17:54
อันแรกนึกว่าชื่อป่าในเรื่อง โยกี้ แบร์ = ='

bonusz
23rd July 2011, 18:04
อันดับ 10.ในเรื่อง2012อ่ะครับ

Fairy
23rd July 2011, 18:46
อันดับ 2 ไม่น่าเชื่อว่ามันอันตรายเพราะสวยมาก
อันดับ 1 น่าตื่นเต้นดีนะ

tff007
23rd July 2011, 18:51
ผมชอบบอดนี้ตรงที่แฝงไปด้วยสาระนี้แหละ แล้วหามาอีกนะครับ

09603931
23rd July 2011, 19:00
อันที่2 สวยมากแต่ไม่น่าจะเป็นที่ๆมีสารพิษเลย
ไม่งั้นป่านนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปแล้ว

Legend
23rd July 2011, 19:19
แต่ล่ะที่ น่าสยดสยอง

Jegan
23rd July 2011, 23:44
เป็นความรู้ที่แปลกดีครับ......