kingcesar
11th February 2012, 07:49
สวัสดีตอนเช้าๆครับ ตื่นเช้าๆมาอัพเดทข่าวเด่นในยามรุ่งอรุณกันดีกว่า
http://images.cheezburger.com/imagestore/2011/8/24/02e56fe0-0bb6-479c-9821-be26fe77efa4.jpeg
http://www.matichon.co.th/online/2012/02/13288440881328844116l.jpg
สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอ ได้เผยแพร่แฟ้มคดีที่เกี่ยวข้องกับสตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอและผู้ก่อตั้งแอปเปิล
ที่แสดงภาพของชายผู้เป็นนักคิดค้นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ๆให้แก่โลก แต่กลับถูกตั้งข้อสงสัยถึงความซื่อสัตย์และศีลธรรม
โดยในเอกสารที่เผยแพร่วานนี้ มีการจัดทำขึ้นโดยการสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องกับจ็อบส์ ระหว่างที่เขากำลังได้รับการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เมื่อปี 1991 เอกสารยังเผยว่า จ็อบส์ ยังเคยตกเป็นเหยื่อของการขู่วางระเบิดเมื่อปี 1985
รวมทั้งกล่าวถึงประเด็นที่ผู้ก่อตั้งแอปเปิลการเปลี่ยนไปนับถือศาสนาพุทธ และการยอมรับว่าตนเองเคยใช้ยาเสพติด
ทั้งนี้เอกสารลับดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ภายใต้กฎหมายด้านเสรีภาพของข้อมูล ผ่านเว็บไซต์ของเอฟบีไอ
โดยหนึ่งในข้อสรุปที่กล่าวถึงความเป็นมาของเขากล่าวว่า ผู้ที่ตั้งข้อสงสัยต่อความซื่อสัตย์ของจ็อบส์ระบุว่า
นายจ็อบส์จะบิดเบือนความจริงและสภาพที่เป็นจริงเพื่อบรรลุความสำเร็จของตน โดยผู้ให้สัมภาษณ์รายหนึ่งกล่าวว่า ความมีอำนาจอันมหาศาลของเขา
ส่งผลให้เขาสูญเสียความซื่อสัตย์และความซื่อตรง ที่นำไปสู่การบิดเบือนความจริง
เจ้าหน้าที่เอฟบีไอระบุในข้อความหนึ่งของบทสรุปการสัมภาษณ์ว่า
จ็อบส์แสดงอาการหมางเมินต่อผู้คนจำนวนมากที่บริษัทแอปเปิล อิงค์ สืบเนื่องมาจากความทะเยอทะยานของเขา
ขณะที่สาเหตุที่อดีตหุ้นส่วนทางธุรกิจของเขาคนหนึ่งที่เคยกล่าวโทษจ็อบส์เนื่องมาจากเขาไม่ได้รับหุ้นที่ก่อให้เกิดผลกำไรงามที่ควรจะเป็นของเขา
ทั้งที่เขาเคยคิดว่าจ็อบส์เป็นคนซื่อสัตย์และไว้วางใจได้ ซึ่งนั่นทำให้ความมีศึลธรรมของเขาถูกตั้งข้อสงสัย
นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า จ็อบส์เคยทดลองใช้ใช้สารเสพติดประเภทแอลเอสดี (Lysergic acid diethylamide)
ซึ่งเป็นสารเสพติดที่ออกฤทธิ์หลอนประสาทอย่างรุนแรง แต่ไม่มีอาการเสพติดทางร่างกาย ในช่วงยุค 1970
ขณะที่บุคคลอื่นกล่าวต่อเจ้าหน้าที่เอฟบีไอว่า จ็อบส์เป็นคนที่ทำงานด้วยยาก
จึงไม่แปลกใจที่หนังสืออัตชีวประวัติของเขาที่วางจำหน่ายเมื่อปีก่อนจึงระบุถึงการระเบิดทางรมณ์ของจ็อบส์อยู่บ่อยครั้ง
อย่างไรก็ดีความเห็นในทางลบตั้งกล่าวก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการที่จ็อบส์ได้รับการแต่งตั้งจากทำเนียบขาวให้เป็นที่ปรึกษาประธานาธิบดีบุชด้านนโยบายการส่งออก
ซึ่งจ็อบส์ไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ
ทั้งนี้ รายชื่อของผู้ที่ให้ข้อมูลแก่เอฟบีไอไม่ได้รับการเปิดเผยยกเว้นแต่จ็อบส์เพียงคนเดียว
ขอบคุณสำนักข่าวมติชน
ก็เป็นธรรมดาสำหรับคนที่กำลังโดดเด่นบนเส้นทาง เซเลป
เพื่อรักษาฐานของตัวเองสินะครับ - -
http://images.cheezburger.com/imagestore/2011/8/24/02e56fe0-0bb6-479c-9821-be26fe77efa4.jpeg
http://www.matichon.co.th/online/2012/02/13288440881328844116l.jpg
สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอ ได้เผยแพร่แฟ้มคดีที่เกี่ยวข้องกับสตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอและผู้ก่อตั้งแอปเปิล
ที่แสดงภาพของชายผู้เป็นนักคิดค้นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ๆให้แก่โลก แต่กลับถูกตั้งข้อสงสัยถึงความซื่อสัตย์และศีลธรรม
โดยในเอกสารที่เผยแพร่วานนี้ มีการจัดทำขึ้นโดยการสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องกับจ็อบส์ ระหว่างที่เขากำลังได้รับการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เมื่อปี 1991 เอกสารยังเผยว่า จ็อบส์ ยังเคยตกเป็นเหยื่อของการขู่วางระเบิดเมื่อปี 1985
รวมทั้งกล่าวถึงประเด็นที่ผู้ก่อตั้งแอปเปิลการเปลี่ยนไปนับถือศาสนาพุทธ และการยอมรับว่าตนเองเคยใช้ยาเสพติด
ทั้งนี้เอกสารลับดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ภายใต้กฎหมายด้านเสรีภาพของข้อมูล ผ่านเว็บไซต์ของเอฟบีไอ
โดยหนึ่งในข้อสรุปที่กล่าวถึงความเป็นมาของเขากล่าวว่า ผู้ที่ตั้งข้อสงสัยต่อความซื่อสัตย์ของจ็อบส์ระบุว่า
นายจ็อบส์จะบิดเบือนความจริงและสภาพที่เป็นจริงเพื่อบรรลุความสำเร็จของตน โดยผู้ให้สัมภาษณ์รายหนึ่งกล่าวว่า ความมีอำนาจอันมหาศาลของเขา
ส่งผลให้เขาสูญเสียความซื่อสัตย์และความซื่อตรง ที่นำไปสู่การบิดเบือนความจริง
เจ้าหน้าที่เอฟบีไอระบุในข้อความหนึ่งของบทสรุปการสัมภาษณ์ว่า
จ็อบส์แสดงอาการหมางเมินต่อผู้คนจำนวนมากที่บริษัทแอปเปิล อิงค์ สืบเนื่องมาจากความทะเยอทะยานของเขา
ขณะที่สาเหตุที่อดีตหุ้นส่วนทางธุรกิจของเขาคนหนึ่งที่เคยกล่าวโทษจ็อบส์เนื่องมาจากเขาไม่ได้รับหุ้นที่ก่อให้เกิดผลกำไรงามที่ควรจะเป็นของเขา
ทั้งที่เขาเคยคิดว่าจ็อบส์เป็นคนซื่อสัตย์และไว้วางใจได้ ซึ่งนั่นทำให้ความมีศึลธรรมของเขาถูกตั้งข้อสงสัย
นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า จ็อบส์เคยทดลองใช้ใช้สารเสพติดประเภทแอลเอสดี (Lysergic acid diethylamide)
ซึ่งเป็นสารเสพติดที่ออกฤทธิ์หลอนประสาทอย่างรุนแรง แต่ไม่มีอาการเสพติดทางร่างกาย ในช่วงยุค 1970
ขณะที่บุคคลอื่นกล่าวต่อเจ้าหน้าที่เอฟบีไอว่า จ็อบส์เป็นคนที่ทำงานด้วยยาก
จึงไม่แปลกใจที่หนังสืออัตชีวประวัติของเขาที่วางจำหน่ายเมื่อปีก่อนจึงระบุถึงการระเบิดทางรมณ์ของจ็อบส์อยู่บ่อยครั้ง
อย่างไรก็ดีความเห็นในทางลบตั้งกล่าวก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการที่จ็อบส์ได้รับการแต่งตั้งจากทำเนียบขาวให้เป็นที่ปรึกษาประธานาธิบดีบุชด้านนโยบายการส่งออก
ซึ่งจ็อบส์ไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ
ทั้งนี้ รายชื่อของผู้ที่ให้ข้อมูลแก่เอฟบีไอไม่ได้รับการเปิดเผยยกเว้นแต่จ็อบส์เพียงคนเดียว
ขอบคุณสำนักข่าวมติชน
ก็เป็นธรรมดาสำหรับคนที่กำลังโดดเด่นบนเส้นทาง เซเลป
เพื่อรักษาฐานของตัวเองสินะครับ - -