PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : 6 ภัยพิบัติ (น่ากลัว) ที่มนุษย์สร้างขึ้นที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า



T : O : P 22
23rd February 2012, 13:46
นี่คือเรื่องราวของภัยพิบัติธรรมชาติล่าสุดที่มนุษย์สร้างขึ้น ที่เราได้แต่รอว่าเมื่อไหร่มันจะเกิดขึ้นในอนาคตเท่านั้น โดยที่เราไม่สามารถแก้ไขได้เลย ทำได้แต่ทำใจและเตรียมพร้อมรับมือเท่านั้น


6. เขื่อนคัมโบส โนวอสกำลังจะแตก


http://image.ohozaa.com/i/c88/JmSKQu.jpg




เขื่อนคัมโบส โนวอส (The Campos Novos Dam) เป็นเขื่อนในซันตากาตารีนา จังหวัดืทางใต้ของบราซิล ในปี 2006 เขื่อนดังกล่าวได้ถูกมองว่าเป็นเขื่อนประเภทหินถมคอนกรีตดาดหน้า (หรือย่อว่า CFRD) ที่สูงที่สุด กว่า 202 เมตร ความยาว 600 เมตร อย่างไรก็ตามเขื่อนประเภทดังกล่าวมักมีปัญหาการรั่วซึมของน้ำ เนื่องจากวัสดุที่รองรับแผ่นคอนกรีตดาดหน้าเขื่อนเกิดการทรุดตัวหรือยุบตัวจากแรงดันของน้ำ ทำให้เกิดการแตกและการแยกออกของรอยต่างๆ ของแผ่นคอนกรีตด้านหน้า ซึ่งเขื่อนคัมโบส โนวอสก็กำลังเกิดสภาพดังกล่าวขึ้นเมื่อมีการพบรอยแตกตั้งแต่ปี 2006 (เริ่มสร้างในปี 2001) ซึ่งรอยแตกดังกล่าวขยายใหญ่น่ากลัวมาก อย่างไรก็ตามทางผู้รับผิดชอบก็ได้ออกมายืนยันว่าไม่มีรายงานความเสียหายของโครงการสร้างเขื่อนนี้แต่อย่างใด

มันน่ากลัวอย่างไร? โครงการดังกล่าวภายนอกจะดูสวยหรูคือเป็นการก่อสร้างยักษ์ใหฯของบราซิล ใช้เงินทุนกว่า $ 671,000,000 ซึ่งเป็นการร่วมมือพัฒนาระหว่างอเมริกาและบราซิล หากแต่เบื้องหลังกับละเมิดสิทธิมนุษย์ชน เพราะการขับไล่ผู้อยู่อาศัยใกล้เขื่อน รวมไปถึงการจ่ายเงินชดเชยลาช้า การปราบปรามการประท้วงด้วยความรุนแรง ทำให้มีการสืบสวนเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษย์ชนในเวลาต่อมา จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่จำเป็นต้องรายงานว่าโครงการคบหน้ามากกว่าบกพร่อง ซึ่งหากเรื่องเขื่อนกำลังจะแตกขึ้นมาล่ะก็ความเสียหายจะอาจเกิดขึ้นจนไม่สามารถแก้ไขได้




5. อาวุธเคมีที่ทิ้งในทะเล


http://image.ohozaa.com/i/2f8/OOlLki.jpg




หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองระหว่างปี 1946 และปี 1972 หลายประเทศได้กำจัดอาวุธเคมีที่ใช้ในสงครามเหล่านี้ทิ้งลงพื้นทะเล ซึ่งอาวุธเคมีดังกล่าวประกอบด้วยมัสตาร์ส, ลิววิไซด์, ซาริน, และ ตะบูน ซึ่งสารพิษเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นสารหนูจะเป็นอันตรายทันทีเมื่อสัมผัสกับน้ำ ซึ่งสาเหตุที่ใช้วิธีทิ้งลงทะเลนั้นเนื่องมาจากการทำลายอาวุธเคมี ตามอนุสัญญาฯจะเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก แม้แต่ประเทศมหาอำนาจ คือ สหรัฐฯ และรัสเซีย เสียค่าใช้จ่ายในการทำลายอาวุธเคมีที่สะสมอยู่ ทั้งสองประเทศรวมกันประมาณ ๒๐ ล้านล้านยูโร โดยค่าใช้จ่ายที่สูงมากนั้นเนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการทำลายสารเคมีดังกล่าว มันน่ากลัวอย่างไร? จากรายงานในปี 2008 พบว่าอาวุธเคมีที่ถูกทิ้งในมหาสมุทรได้รับความสนใจน้อยเมื่อเทียบกับการกำจัดอาวุธเคมีบนบก นอกจากยังมีรายงานคนทั่วโลกกว่า 500 คนซึ่งเป้ฯชาวประมงได้รับอันตรายจากอาวุธเคมีที่ถูกทิ้งตั้งแต่ปี 1946 ซึ่งสารคดมีดังกล่าวไม่เสื่อมสลายไปเลยโดยสถานที่ที่ทิ้งอาวุธเคมีมากที่สุดไล่ตั้งแต่นอกชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นที่มีอาวุธเคมีเกยตื้นอยู่ใกล้ชายฝั่งเป็นจำนวนมากซึ่งมักมีรายงานชาวประมงป่วยเพราะสาเหตุดังกล่าวอยู่บ่อยๆ อีกสถานที่คือบริเวณชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นสถานที่ทิ้งอาวุธเคมีมากที่สุด




4. เมฆสีน้ำตาลของเอเชีย


http://image.ohozaa.com/i/4e8/Z9fcdq.jpg




เมฆสีน้ำตาลของเอเชียเป็นเมฆมลพิษที่หนาประมาณ 3 กิโลเมตร ใหญ่กว่ามหาสมุทรอินเดียปกคลุม ปกคลุมทั่วภูมิภาคเอเชียใต้ ตั้งแต่อินเดีย ปากีสถาน ประเทศศรีลังกา ไปจนถึงประเทศอัฟกานิสถาน โดยเมฆดังกล่าวเกิดจากกิจกรรมประชาชนกว่าสองพันล้านคนก่อเอาไว้ เช่น ไฟป่า ไอเสียจากรถยนต์ และโรงงานอุตสาหกรรม การเผาไม้หรือฟืน และมูลวัวตากแห้ง ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ใช้ในการหุงต้มในหลายส่วนของเอเชีย ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดก่อให้เกิดอนุภาคเล็กๆ เรียกว่าเอลซอร์ส ขึ้นไปชั้นบรรยากาศห่อหุ้มโลกและรวมตัวเป็นเมฆ
มันน่ากลัวยังไง? มันทำให้เกิดโลกร้อน ลดแสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่องมายังโลก และความร้อนดังกล่าวทำให้ธารน้ำแข็งหิมาลัยที่เป็นต้นน้ำสำคัญหลายสายของเอเชีย ไม่ว่า แม่น้ำคงคา แม่น้ำแยงซี แม่น้ำโขง ละลาย ซึ่งเชื่อว่าอาจไม่มีน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัยเหลืออยู่ในอีกราวๆ 30 ปีข้างหน้า และหากละลายแม่น้ำสำคัญเหล่านี้ก็จะหายไป นอกจากนี้ยังทำให้เกิดฝนกรดและการปนเปื้อนในมหาสมุทรส่งผลทำให้คนที่ได้รับฝนดังกล่าวเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและปอดและโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง และทำให้เกิดสภาวะอากาศแปรปรวนเกิดน้ำท่วมในประเทศบังคลาเทศ เนปาล และทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย นอกจากนี้ยังเกิดความแห้งแล้งในปากีสถาน




3. มุมไบและกรุงเทพกำลังจะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่


http://image.ohozaa.com/i/921/VpZlbn.jpeg



เมืองเป็นส่วนหนึ่งของความสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ เพราะเราสามารถจัดการอัดคนนับล้านเข้าไปในพื้นที่ไม่กี่ร้อยตารางไมล์ได้โดยไม่การเกิดการทะเลาะกัน โดยเมืองที่ดีจะต้องมีการบริการสาธารณะที่ดี มีน้ำไหล และขอให้นึกภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมืองเมืองที่มีประชากรหนาแน่นติดอันดับของโลกอย่างเมืองมุมไบและกรุงเทพฯ ระบบสาธารณะทั้งหมดไม่สามารถใช้ได้เลย อะไรจะเกิดขึ้น เริ่มจากมุมไบ เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่บนริมฝั่งทะเลอาหรับในประเทศอินเดีย ท่ามกลางชายฝั่งที่ทอดยาวกับภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยป่าเขตร้อนชื้นและป่าผลัดใบ มุมไบมีความสำคัญในฐานะเป็นเมืองท่า และเป็นศูนย์กลางทางการค้า การท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเมืองแห่งนี้น้ำท่วมบ่อยครั้ง โดนเฉพาะฤดูมรสุมแทบจะทุกปีโดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำของเมือง เนื่องจากระบบระบายน้ำไม่ดีเท่าที่ควรเพราะการขยายตัวของตัวเมืองทำให้มีการปลูกสร้างอาคารขวางทางเดินของน้ำ
ปัญหาของกรุงเทพก็ไม่แตกต่างกัน กรุงเทพฯ เป็นศูนย์รวมประชากรที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย แต่เมืองแห่งนี้ประสบน้ำท่วมบ่อยครั้งเมื่อมีปริมาณน้ำฝนและน้ำเหนือหลากลงมา อันเนื่องจากระบบระบายน้ำไม่ดีเท่าที่ควร พื้นที่กรุงเทพพื้นที่ลุ่มต่ำ และจากการสำรวจยังพบว่าพื้นที่เขตกรุงเทพฯ มีการทรุดตัวเพราะการนำน้ำใต้ดินมาใช้ประโยคจนทำให้พื้นที่เป็นแอ่งกระทะจนกลายเป็นอุปสรรค์ในการระบายน้ำ มันน่ากลัวยังไง? มีการคาดการณ์ไว้ว่าในอนาคตเมืองมุมไบและกรุงเทพอาจจมอยู่ใต้บาดาลในอนาคต หากไม่มีการแก้ไขปัญหาเอาไว้แต่เนิ่นๆ



2. ประเทศตูวาลูกำลังหายไปจากแผนที่โลก?


http://image.ohozaa.com/i/2da/diZnP1.jpg




คุณรู้จักประเทศตูวาลูหรือไม่? ประเทศตูวาลู เป็นเกาะเล็กๆ (8 เกาะ) ที่ตั้งอยู่ในตอนใต้ของมหสวมุทรแปซิฟิกอยู่กึ่งกลางระหว่างประเทศออสเตรเลียและฮาวาย เป็นประเทศอิสระและประชากรน้อยที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามตูวาลูยังประสบปัญหาภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง และในอนาคตเกาะเหล่านี้จะหายไปจากพื้นที่โลก อันเนื่องจากปัญหาถ้าระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น ลมกรรโชก พายุไซโคลนรุนแรง อุทกภัย และการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งเกิดมาจากผลกระทบสภาวะโลกร้อนในระดับรุนแรง ซึ่งคาดการณ์ว่าประเทศตูวาลูจะโดนน้ำทะเลกลืนหายในอีก 50 ปีข้างหน้า ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้เลย ทำได้แค่อพยพชาวตูวาลูเข้าในประเทศนิวซีแลนด์เท่านั้น
มันน่ากลัวยังไง? เกาะสวรรค์จากหายไปจากพื้นที่โลก ทั้งที่จากสถิตแล้วชาวเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ต้นตอโลกร้อน) น้อยที่สุดในโลก คิดเพียง 0.06 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด แต่พวกเขาก็รับผลกรรมของชาวโลกเต็มๆ และสิ่งที่พวกเขาได้รับคือคำพูดปลอบใจนานาๆ ประเทศ บอกว่าจะแก้ปัญหาโลกร้อนๆ (ทั้งๆ ที่มันเป็นไปไม่ได้เลย) ที่สวยหรูโดยไม่คิดจะช่วยเหลือพวกเขาแม้แต่น้อย....

คุณรู้จักประเทศตูวาลูหรือไม่? ประเทศตูวาลู เป็นเกาะเล็กๆ (8 เกาะ) ที่ตั้งอยู่ในตอนใต้ของมหสวมุทรแปซิฟิกอยู่กึ่งกลางระหว่างประเทศออสเตรเลียและฮาวาย เป็นประเทศอิสระและประชากรน้อยที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามตูวาลูยังประสบปัญหาภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง และในอนาคตเกาะเหล่านี้จะหายไปจากพื้นที่โลก อันเนื่องจากปัญหาถ้าระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น ลมกรรโชก พายุไซโคลนรุนแรง อุทกภัย และการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งเกิดมาจากผลกระทบสภาวะโลกร้อนในระดับรุนแรง ซึ่งคาดการณ์ว่าประเทศตูวาลูจะโดนน้ำทะเลกลืนหายในอีก 50 ปีข้างหน้า ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้เลย ทำได้แค่อพยพชาวตูวาลูเข้าในประเทศนิวซีแลนด์เท่านั้น
มันน่ากลัวยังไง? เกาะสวรรค์จากหายไปจากพื้นที่โลก ทั้งที่จากสถิตแล้วชาวเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ต้นตอโลกร้อน) น้อยที่สุดในโลก คิดเพียง 0.06 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด แต่พวกเขาก็รับผลกรรมของชาวโลกเต็มๆ และสิ่งที่พวกเขาได้รับคือคำพูดปลอบใจนานาๆ ประเทศ บอกว่าจะแก้ปัญหาโลกร้อนๆ (ทั้งๆ ที่มันเป็นไปไม่ได้เลย) ที่สวยหรูโดยไม่คิดจะช่วยเหลือพวกเขาแม้แต่น้อย....



1. โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนเบิลและคาชิวาซากิ คาริวะ


http://image.ohozaa.com/i/5c4/OXP2D4.jpg




เชอร์โนเบิลดูเหมือนจะเป็นข่าวเก่า แต่กระนั้นมันยังคงเป็นภัยพิบัติของมนุษย์ที่ยังน่ากลัวและน่าสยดสยองอย่างไม่เสื่อมคลาย ย้อนกลับไปในปี 1986 ที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลได้เกิดการระเบิดขึ้นผลการระเบิดทำให้เกิดขี้เถ้าปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ ปกคลุมทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต ยุโรปตะวันออก ยุโรปตะวันตก ยุโรปเหนือ ทางการยูเครน เบลารุส และรัสเซีย ต้องอพยพประชากรมากกว่า 336,000 คน ออกจากพื้นที่อย่างฉุกเฉิน เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตมากมาย หลังจากนั้นภายในรัศมีกว่า 150 กิโลเมตร กลายเป็นสถานที่รกร้างไม่มีคนอาศัยอยู่ทันทีเพราะว่ามีแต่กัมมันตภาพรังสี
เชอร์โนเบิลนั้นอาจเป็นอุบัติโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ระเบิดที่รุนแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ยาวนานหลายศตวรรษ อย่างไรก็ตามในไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งหนึ่งเกือบ(หรือกำลังจะเกิด)จะทำลายสถิตเชอร์เนเบิลได้สำเร็จ
ในปี 2009 รัฐบาลญี่ปุ่นได้สั่งปิดกิจการโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์คาชิวาซากิ คาริวะ จังหวัดฟูกุชิมา ซึ่งเป็นโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของญี่ปุ่น 6.8 ริกเตอร์ ซึ่งทำให้เกิดแนวแตกของเปลือกโลกพาดผ่านตำแหน่งที่ตั้งของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์นี้พอดี ซึ่งมันทำให้กัมมันตภาพรังสีรั่วสู่ภายนอก ซึ่งหลายฝ่ายไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นเพราะการออกแบบโรงไฟฟ้าดังกล่าวไม่ได้แก้ปัญหานี้อีกทั้งการคำนวนไม่รัดคุมเพราะโรงไฟฟ้าถูกออกแบบต้านทานแรงแผ่นดินไหวเพียง 6.5 ริกเตอร์เท่านั้น ส่งผลทำให้เกิดปัญหาตามมาในที่สุด
มันน่ากลัวยังไง? แม้ว่าหลายฝ่ายจะมาออกมาบอกว่าจะมีการแก้ปัญหาสำเร็จแล้วก็ตาม แต่กระนั้นก็ยังวางใจไม่ได้ และที่น่ากลัวที่สุดคือหลังจากเกิดเหตุดังกล่าวญี่ปุ่นได้ออกปากว่าจะใช้พลังงานทดแทน (ฯมันและก๊าซ) แต่ยังไม่ทิ้งโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ เพราะเขาจะสร้างแบบนับหนึ่งใหม่ ซึ่งเชื่อว่าอนาคตข้างหน้าอาจเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำรอยหากไม่มีการป้องกันรัดกุมที่ดีพอ และอาจเกิดเรื่องร้ายแรงยิ่งกว่าเชอร์โนเบิลก็เป็นได้




Credit : http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=486572&chapter=425

apitape
23rd February 2012, 21:01
สยองครับ เชอร์โนบิล มันเก่าแต่ยังน่ากลัวไม่เปลื่ยนเบย

spiderdark33
23rd February 2012, 21:08
-.-น่ากลัว