PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : Legend of Knight - ตำนานอัศวินผู้พิทักษ์



GIGABom
8th March 2012, 10:28
GIGABom กลับมาแล้ว พะยะค่ะ!!

Legend of Knight - ตำนานอัศวินผู้พิทักษ์ !!!



แสงอาทิตย์อบอุ่นสาดส่องลงมาจากท้องฟ้า
ลมจากเบื้องบนพัดลงมาคลายความร้อนรุ่ม
ความอุดมสมบูรณ์ที่มนุษย์อยู่ร่วมกับสัตว์และเหล่าพฤกษา
ณ เกาะเล็กๆที่ไม่มีบ้านหรืออาคารซักหลัง
เกาะเล็กๆที่ถูกคุ้มครองด้วยเทพแห่งพฤกษา ดรายแอดส์
บนเกาะนี้ความสุขจะคงอยู่ตลอดไป เกาะแคปเบรตัน



http://images.temppic.com/12-03-2012/images_vertis/1331532552_0.55488100.jpg (http://www.temppic.com/img.php?12-03-2012:1331532552_0.55488100.jpg)


ปฐมบท





ณ เกาะแคปเบรตัน เกาะสวรรค์ที่มีต้นไม้หลากชนิดและสัตว์หลากเผ่าพันธุ์ เป็นเกาะที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก






ในบ้านต้นไม้เล็กๆ แห่งหนึ่งใจกลางเมืองแคปเบรตัน



และลึกเข้าไปที่ห้องนอนรวม ที่มีเด็กอายุ 1 - 15 ปี นอนหลับกันอยู่

"อิริค อิริค ตื่นได้แล้ว เค้าลุกไปกันหมดแล้วนะ" เด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มผมสีดำหน้าม้า ใส่แว่นใบหน้าละอ่อนรูปไข่ มองเผินๆแล้วเหมือนเด็กผู้หญิง ยืนเขย่าเพื่อนที่ชื่ออิริคอยู่ข้างๆเตียง

"ฮ้าววว..อื้มม..แง่มๆ. เจสันหรออ... ฉันขออีก 5 นาทีน้าา" เด็กหนุ่มนัยต์ตาสีฟ้าคมกริบผมสีทองยุ่งเหยิงบวกกับใบหน้าคมกริบที่ดูแล้วบาดตาบาดใจสาวๆไม่ใช่น้อยขอต่อรองเวลาออกไป

"แล้วแต่นายล้ะกัน ชั้นไปก่อนล่ะ รีบหน่อยนะ" เจสันหนุ่มน้อยผมสีดำวิ่งออกไปจากห้องนอนรวม เวลาผ่านไปไม่นาน อิริคหรี่ตาขึ้นเพื่อตรวจสอบว่าไม่มีใครอยู่ในห้องนี้แล้ว เขาเปิดผ้าห่มออกพบ สัตว์ปีกคล้ายๆค้างคาวแต่ดันมีเกล็ดสีน้ำเงินอ่อนๆ แทนที่จะเป็นขนสีดำปุกปุย

"อรุณสวัสดิ์ กูปี้" อิริคยื่นมือไปหยิบค้างคาวตัวน้อยที่มีชื่อว่ากูปี้ขึ้นมาข้างหน้าอย่างเอ็นดู

"กูปี้ กูปี้!!" มันร้องตอบรับเสียงหวาน อิริควางค้างคาวน้อยไว้บนหัวแล้ว ลุกขึ้นเก็บเตียงนอน

สวัสดีครับผม อิริค สควอท อายุ 15 ปี ผมอาศัยอยู่ที่สถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาตั้งแต่ยังจำความได้ พ่อแม่ไม่รู้อยู่ไหน แต่เห็นป้าเมอร์รินที่เป็นเจ้าของที่นี่บอกว่า พ่อแม่นำผมมาฝากไว้ก่อนเกิดสงครามที่เมืองใหญ่นอกเกาะนี้แล้วไม่กลับมาอีกเลย

"อิริค เอาภูตเข้ามานอนด้วยอีกแล้ว บอกแล้วในว่าให้เอาไว้นอกห้องนอน!" เสียงหญิงแก่อ้วนท้วมผมสีน้ำตาลแดงมักจะมีใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลา แต่ตอนนี้ไม่ใช่ป้าเมอร์รินเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับใบหน้าแสนโหด*****ม

"โถ่ป้าเมอร์ริน ป้าก็รู้เจ้ากูปี้พูดก็ไม่ได้ บินก็ไม่เป็น แถมถูกรังแกจากภูตตัวอื่นอีก ไม่สงสารมันหรอป้า" ผมพูดด้วยท่าทางน่าสงสาร น้ำตาคลอเบ้า

"แล้วเธอรู้ได้ไงว่ามันโดนรังแก พูดมันก็พูดไม่ได้ บาดแผลก็ไม่มี"

"เซนส์ไงป้า ผมรู้สึกได้ว่ามันจะบอกอะไรผม"

"ไร้สาระ รีบไปที่ห้องอาหารเดี๋ยวนี้ เพื่อนๆรออยู่" ป้าเมอร์แวนพูดแล้วปิดประตูออกไปเสียงดัง ปัง!

ผมรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ววิ่งไปที่ห้องอาหาร
เรื่องภูตที่ป้าแกพูดถึงหน่ะ มันคือลักษณะพิเศษ ของคนที่กำเนิดที่เกาะนี้โดยแท้จริง และพ่อแม่ต้องกำเนิดจากเกาะนี้ทั้งคู่ด้วย สรุปคือ ต้องเป็นเชื้อสายที่อยู่บนเกาะนี้มาแต่โบราณเท่านั้นถึงจะมีได้ แต่ปัจจุบันประชากรในเกาะก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสัตว์ภูตเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับที่นี่ สัตว์ภูตนั้นจะกำเนิดขึ้นมาพร้อมๆกับเรา ภูตของแต่ละคนจะเป็นสัตว์ที่มีอยู่ทั่วไป เช่น เสือสิงกระทิงแรด มันจะเติบโตไปพร้อมๆกับเรา และตายไปพร้อมๆกับเรา เมื่อเรากับสัตว์ภูตผ่านการทดสอบ มันสามารถเพิ่มขีดจำกัดความแข็งแกร่งในทุกๆด้านได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธอคิดว่ามีสัตว์ภูตคู่กายมันดีงั้นเร๊อะ แต่ผมว่าไม่ ภูตกับเจ้าของจะมีหัวใจดวงเดียวกัน นั่นคือ ภูตตายเราก็ตาย เราตายภูตก็ตาย ซึ่งนั่นแหละปัญหาใหญ่ของผม เจ้ากูปี้มันจะกระโดดตกจากหัวของผมตายเมื่อไรก็ไม่มีใครรู้ มันเป็นสัตว์ภูตที่อ่อนแอที่สุดในเกาะเลยก็ว่าได้

เมื่อผมวิ่งมาถึงห้องอาหารที่ เด็กๆหลายสิบ ใบหน้าละอ่อนนั่งรอ ตาละห้อย ท่าทางหิวมาก

"เฮ้! อิริค ฉันคิดว่านายมาช้าเกินไปนะ พวกเราหิวมากแล้วหล่ะ" ต้นเสียงมาจาก แมกซ์ คู่ปรับตลอดกาลของเขา

"โทษทีนะทุกคน ติดปัญหานิดหน่อย” ผมโค้งขอโทษทุกคนที่และทุกตัวกำลังนั่งมองผมเป็นตาเดียว

"ปัญหาบ้าบออะไร พวกเราหิวจะตายอยู่แล้ว ลีลาอยู่ได้ โฮ๊ะ" เสียงวิจารณ์มาจาก หมูตัวเล็กสีดำนัยต์ตาสีแดงมันคือ สัตว์ภูตของแม็กซ์คู่ปรับตลอดกาลของผมเอง

"บอกแล้วไงว่าขอโทษ จะเอาอะไรอีกวะ" ผมอารมณ์ขึ้นเพราะสายตาของไอ้หมูบ้านั่นมองด้วยความเหยียดหยาม

"โอ๊ะโอ คุณหนูค้างคาวปีกหัก ของขึ้นแล้วว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า" เสียงมาจากแม็กซ์ เด็กหนุ่มตัวอ้วน พุงปิ้น ผมทรงบ๊อบสีส้ม หน้าตาของมันมองดูแล้วกวนบาทาไม่ใช่น้อย

"จะเอากับฉันแน่ใช่ไหม ?!" ผมตะโกนแล้วกำลังกระโจนเข้าไปหาเด็กอ้วนบ้านั่น แต่ทว่า

"อิริค ! มาช้าแล้วยังทำตัวมีปัญหาอีก" ต้นเสียงมาจากโคมุส สัตว์ภูตของเมอร์ริน มันคือจิงโจ้ตัวเมียแสนจะโหดร้าย มันจับคอเสื้อผมขึ้นจนตัวผมลอย แล้วกระโดดเหย๋งๆ ไปส่งผมที่ที่นั่งหลังห้อง

"เอาล่ะ มาครบทุกคนแล้ว ขอบคุณพระเจ้าแล้วเชิญรับประทานอาหารได้" โคมุสเอ่ย ทุกคนก้มหน้าก้มตากินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย

"ฝากไว้ก่อนเหอะ ไอ้หมูตอนนั่นมันต้องเจอดีซักวัน" ผมพูดเบาๆกับตัวเองแล้วกำหมัดแน่น

"จะเอาอะไรไปสู้ล่ะ กูปี้ค้างคาวที่บินไม่ได้ หรือ ร่างเล็กๆกับหมัดเล็กๆ ของนายล่ะ?" เจสันเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียวของผมพูดได้แทงใจดำมาก

"ใช่สิ๊ ภูตฉันมันไม่เหมือนภูตของแก สง่างาม สิงโตตัวน้อยสุดเท่!" ผมพูดประชดไป ที่ผมพูดถึงมันคือ บู๊ท สิงโตน้อยน่ารักสัตว์ภูตของเจสัน

"อย่าไปคิดมากสิ่ มันมีอะไรบางอย่างให้ความรู้สึกกับชั้นว่า กูปี้แข็งแกร่ง" บู๊ทเงยหน้าขึ้นมาจากจานอาหาร แล้วพูดขึ้น

"ให้มันจริง" ผมตอบสั้นๆ แล้วจิ้มเนื้อหมูทั้งก้อนใส่ปาก ตอนนี้บรรยากาศในห้องอาหารจอแจเหมือนตลาดนัดเริ่มขึ้นหลังจากที่ทุกคนกำลังกินไม่เม้าท์ไปกันอย่างเมามันส์ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

"แป๊ะแป๊ะๆ ทุกคนๆ เงียบๆกันหน่อย มีข่าวใหญ่จะมาบอก" ป้าเมอร์รินเอาช้อนเคาะกับถาดอาหารเพื่อให้ทุกคนเงียบ

เสียงจอแจในห้องอาหารได้สงบลง ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาฟังคำพูดของป้าเมอร์ริน ........................





บทที่ 1 ออซ!! พิธีบรรลุนิติภาวะ





ในห้องอาหารของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง ที่มีเด็กอายุ 1-15 ปี และเหล่าสัตว์ภูต นั่งรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย



“อีก หนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า จะมีการทำพิธีออซของเด็กๆอายุ 15 ปีขึ้นไป มันคือพิธีบรรลุนิติภาวะเพื่อที่จะแสดงตนกับเทพแห่งพฤกษา ดรายแอดส์ ว่า ตนเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ถ้าพวกเจ้าสามารถผ่านมันไปได้ ทุกคนจะยอมรับพวกเจ้าเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว แต่พิธีนี้ส่งตัวแทนไปได้ครัวเรือนละ 4 คนเท่านั้น” ป้าเมอร์รินพูดแล้วฉีกยิ้มกวาดสายตาไปรอบๆห้อง

“เอาล่ะ ไหนขอดูใบหน้าผู้กล้าทั้ง 4 หน่อยซิ๊??” โคมุส จิงโจ้ตัวยักษ์ใหญ่ แต่ท่าทางใจดียืนอยู่ข้างๆ ป้าเมอร์รินเอ่ยขึ้น

ซวยแล้วๆ ผมอายุ 15 นี่หว่า จะทำไงดี ผมยังไม่พร้อม ผมยังไม่พร้อม กูปี้ก็ด้วย ไม่เอานะ ผมกระวนกระวายใจแทบบ้า เด็กๆในห้องต่างหันซ้ายทีขวาที เพื่อจะมองดูว่า ใครบ้างนะที่จะต้องเข้าพิธีในปีนี้ ? เสียงฮือฮาได้ดังคนเนื่องจากคนที่ลุกขึ้นมาคนแรกนั้นคือ บัสโน ซาริอุส หญิงสาวผู้สง่างามที่สุดในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ ใบหน้าและดวงตาของเธอคมกริบ แววตาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส หญิงสาวผมหยิกสีดำนัยต์ตาสีเงิน ผู้สืบทอดคนสุดท้ายของตระกูล ซาริอุส ตระกูลที่สูญสลายไปพร้อมกับสงคราม คิดไปคิดมาก็ไม่ต่างจากผมเท่าไร

“บัสโน เธอกล้าหาญมาก แล้วคนอื่นล่ะ?? กลัวหรอ?? ไม่อายหญิงสาวคนนี้บ้างเลยรึ?” ป้าเมอร์แวนกล่าวแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ ทันใดนั้น ผู้กล้าคนต่อไปก็ลุกขึ้นมา เอ๋!?

“เฮ้ เจสัน คิดอะไรของแกน่ะ? อยากตายตั้งแต่อายุ 15 รึยังไง? เจ้าบ้า” ผมช็อคสุดขีดเมื่อผู้กล้าที่ลุกขึ้นคนที่สองคือคนข้างๆผม เพื่อนรักผมเองเจสัน

“อิริค มันเป็นวิธีเดียวที่ทำให้ภูตของพวกเราแข็งแกร่งขึ้น ฉันไม่ยอมโดนข่มเหงอีกต่อไปแล้ว อีกอย่างนายดูนั่นสิ่นายจะยอมแพ้ไอ้หมูบ้านั่นหรอ?" เจสันพูดเบาๆกำหมัดแน่นแล้วชี้ไปทาง แมกซ์ เด็กอ้วกหน้าตากวนบาทาที่กำลังยืนอยู่
แมกซ์หรอ !! ไม่ได้การล่ะ ถ้าเจ้านั่นรอดกลับมาเราต้องโดนข่มเหงหนักขึ้นไปอีก ภูตก็สู้ไม่ได้ คนก็สู้ไม่ไหว โธ่เว้ยย! ผมนั่งครุ่นคิดอยู่ในใจ

“อิริค รีบลุกเร็วสิ นายก็คิดแบบฉันใช่ไหมล่ะ? เดี๋ยวจะโดนคนอื่นแย่งเอา เร็ว!!!!”เจสันกระตุกไหล่ของผมพยายามจะดึงขึ้น แต่ตอนนี้ผมนั่ง เหงื่อตกมือเย็น ชาไปหมดแล้ว เพราะอะไรหน่ะหรอ? ไอ้พิธีบ้าบออะไรนี่ ในทุกปีมีคนลงเกิน 30 คน แต่เด็กๆใจกล้าที่รอดกลับมาได้นั่น มีไม่ถึง 10 คนซักปีเดียว

“เจสัน ความจริงเราไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นะ ผู้ใหญ่ทุกคนเค้าก็ไม่ได้ผ่าน พิธีนี้กันหมดซักหน่อย มีแต่พวกนักรบ นักสู้มันอาจจะไม่จำเป็นก็ได้” ผมพยายามทำให้เจสันใจเย็นลงแล้วค่อยๆคิดไตร่ตรอง

“แล้วนายจะยอมแพ้ไอ้หมูนั่นหรอ? นายคิดดูสิถ้ามันชนะกลับมาพวกเราจะเป็นอย่างไง เราต้องสู้อิริค ลุกขึ้นมา!”เจสันพูดกำหมัดแน่นไม่ปล่อย ผมนึกภาพที่ แม็กซ์ รอดกลับมาจากพิธีแล้วภูตมันเติบโตมีพลังกายเต็มเปี่ยม ผมเห็นภาพผมกับเจสัน กำลังโค้งคำนับแก่ความพ่ายแพ้นับร้อยรอบไม่รู้จบ ทั้งๆที่ตอนนี้ยังสู้ได้ แต่ถ้ามันเข้าไปแล้วกลับมาได้ แค่คำพูดก็แพ้ขาดแล้ว ผมตัวเย็นเหงื่อท่วมตัว หายใจถี่ด้วยความกลัว

แต่สุดท้ายแล้ว! ผมก็รวบรวมความกล้า แล้วลุกพรวดขึ้นมาจากที่นั่งอันต้อยต่ำ ก้ามสู่บัลลังค์อันทรงเกียรติยศ อ่าห์ ความรู้สึกนี้มันสุดยอดด

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ๆ คุณหนูค้างคาว นายคิดจะทำอะไรหน่ะ??”แมกซ์พูดไปหัวเราะไปอย่างสะใจ เสียงของเด็กๆในห้องฮือฮาขึ้นแต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่คำชมหรอก คงเป็นคำดูถูกเหยียดหยามตามเคย

“อิริค เธอเป็นเด็กที่กล้าหาญ ป้ารู้ แต่ป้าคิดว่าเอ่อ.. งานนี้มันคงดูยากหน่อยสำหรับเธอ ป้าคิดว่าเธอน่าจะ-”

“ไม่! ผมตัดสินใจแล้วป้า ผมต้องกลับออกมาให้ได้”ผมพูดตัดบทป้าเมอร์แวนที่กำลังพูดดูถูกผมทำให้ผมอยากเข้าร่วมเข้าไปใหญ่

“แต่! อิริค!!”

“อิริค สู้ๆนะจ้ะ” ป้าเมอร์รินโดนโคมุส สัตว์ภูตของตัวเองพูดตัดบทอีกครั้ง ตอนนี้สายตาของ เด็กๆ และสัตว์ตัวเล็กๆทุกตัวจ้องผมเป็นตาเดียวแล้ว ตามด้วยคำวิจารณ์ต่างๆ

“ผมรู้ครับ ว่าผมกับกูปี้ อาจจะเป็นคู่หูที่อ่อนแอที่สุดในเกาะเลยก็ว่าได้ ทุกคนคิดว่าผมอ่อนแอ เป็นคนขี้ขลาด แต่ตอนนี้เลือดของนักสู้ในตัวผมมันพุ่งพล่านขึ้นมาแล้วผมจะไม่ยอมแพ้อีกต่อไป ต่อไปนี้ผมจะลุกขึ้นสู้ เพื่ออนาคต เพราะผมไม่สามารถอยู่ที่บ้านรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของป้าเมอร์แวนไปได้ตลอดจนแก่ตายหรอกนะ ไม่ปีนี้ก็ปีหน้า ที่ต้องออกไปต่อสู้บนวิถีชีวิตของตนเอง ผมทำงานก็ไม่ได้ ต่อสู้ก็ไม่เป็น แถมสัตว์ภูตยังอยู่ในตกสภาพแบบนี้อีก ณ เวลานี้ผมขอเลือกวิถีชีวิตเข้าสู่ทางเดินแห่งนักสู้ ผมได้เลือกมาแล้ว ผมขอสาบานว่า จะรอดกลับมาและจะกลายเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ !!”
ผมพูดปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดของผมออกมา เด็กๆในห้องนั่งฟังตาใสปิ๊ง! พวกเค้าคงกำลังนั่งคิดตามความฝันอันยิ่งใหญ่ของผม ใช่! มันคือความรู้สึกที่แท้จริงของผม อยากพูดมานานแล้ว อยากให้ทุกคนรู้มานานแล้ว ความฝันของผมหน่ะ

“ฮ่าๆ ฮ่าๆ แกนี่บ้าจริงๆ สินะ ดูสภาพตัวเองซะก่อนพูดอะไรออกมา นี่พูดจากใจเลยนะเพื่อน เป็นห่วงนายหว่ะกลัวนายจะไปตายคาป่าต้องห้าม” แมกซ์พูดปนเสียงหัวเราะ มันเป็นคำเหยียดหยามที่เจ็บมากๆ

“หึ แมกซ์ นายรู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว เอางี้ถ้าฉันรอดออกมาหลังจาก หมดเวลาของพิธีแล้ว นายฆ่าฉันทิ้งได้เลย” ผมหลุดปากพูดออกไปเพราะความโกรธ มันดูถูกผม

“วี๊ดวิ้วว หู้วววว” นี่เป็นเสียงของเหล่าเด็กๆ ที่นั่งฟังโต้วาทีของผมกับแมกซ์ อย่างใจจดใจจ่อ

“เฮ้ นี่นายพูดอะไรลงไปหน่ะ รู้รึเปล่า?”
เสียงกระซิบจากคนข้างๆผม เจสัน

“รู้สิ ฉันทนมันไม่ไหวแล้ว มันต้องลองกันซักตั้ง” ผมกระซิบตอบด้วยแววตาที่กระหายในสงคราม กำหมัดแน่น ทั้งๆที่ตอนนี้ กลัวจนตัวเย็นฉี่จะราดอยู่แล้ว

“ฮ่าๆ ได้สิ่ ได้ ได้อยู่แล้ว จากใจหว่ะเพื่อน ฉันอยากฆ่าไอ้ค้างคาวที่ไม่เอาไหนของนายจนใจจะขาดอยู่แล้ว” แมกซ์ฉีกยิ้มชั่วร้าย แล้วตอบผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“นั่นก็ใช่ ถ้านายรอดออกมาได้น่ะนะ” ผมตอบโต้ไปอย่างสะใจ

“เอาหล่ะๆ ทุกคน หยุดๆ พอได้แล้ว อิริค แมกซ์ พวกเธอจะพนันอะไรกันก็แล้วแต่ป้าไม่มีสิทธยุ่งแต่มันเสียเวลากันมามากแล้วนะ หัดอยู่สงบๆ อย่างคุณหนู บัสโนซะบ้างสิ่” ป้าเมอร์รินกล่าวแล้วเด็กๆทุกคนมองไปที่บัสโนที่กำลังยืนปล่อยจิตสังหารขั้นสุดยอดออกมา ดูเหมือนเธอโกรธพวกเราอยู่

“เลยเวลากันมาเยอะแล้วนะคะหมดธุระแล้วนี่ ปล่อยๆไปซักทีเถอะ จะไปเตรียมตัวเข้าพิธีแล้ว” เสียงสุดเย็นชาจาก บัสโน ที่กำลังพูดอยู่ เสียงเรียบๆช่างเหน็บหนาวไปถึงขั้วหัวใจ อ่าห์

“จ้าๆ เอาหล่ะเอาหล่ะ เด็กๆที่กินเสร็จแล้วก็เชิญออกไปวิ่งเล่นกันตามสบายเลยนะ” หลังจากที่ป้าเมอร์แวนพูดจบเด็กๆก็เฮแล้วลุกขึ้นวิ่ง ออกไปจากห้อง เหลือเพียงไม่กี่คน ที่ไปช้ากว่าพวก
พวกเรา เป็นรุ่นพี่ที่คอยเก็บจานใบไม้และเศษอาหารที่เหลือ จากการกินที่เรียบร้อย ตรงไหน ของเด็กๆในสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ ระหว่างที่ผมกับเจสันกำลังเดินเก็บจาน บทสนทาของพวกเราก็เริ่มขึ้น

“บัสโน นี่เตรียมตัวล่วงหน้าตั้ง หนึ่งอาทิตย์เลยหรอ สุดยอดไปเลยนะ” เจสันพูดแล้วยิ้มหลับตาพริ้มแบบมีความสุขมากเลยทีเดียว

“แล้วพวกเราจะเอาไงกันดีหล่ะ? แผนการฝึกอะไรก็ไม่มี ขนาดไอ้แมกซ์มันยังมีอาจารย์คอยแนะนำเลย” ผมพูดทำท่าปวดหัว

“ฉันพอรู้จักอยู่นะ รุ่นพี่ที่ผ่านออกมาได้เป็นคนแรกใน 10 ปีที่แล้ว” บู๊ท สิงโตน้อยสัตว์ภูตของเจสัน ที่นั่งเงียบมานาน ได้เสนอขึ้น

“รุ่นพี่ที่ว่าเป็น สัตว์ภูตเหมือนกันหรอ?บู๊ท” ผมถามด้วยความสงสัย

“ครับ รุ่นพี่ไฮดร้า น่ะผมเคยเล่นกับเค้าเมื่อก่อน แต่บ้านต้นไม้ของเขาน่าจะอยู่ที่เดิมนะ” บู๊ท ตอบแล้วกระโดดขึ้นหัวเจสัน

“งั้นเราลองไปดูกันดีกว่า ไงบู๊ท นำทางไปซิ” เจสันพูดแล้วเก็บจานใบไม้ใบสุดท้ายใส่ อ่างไม้

“ไปกันเล๊ยย” “กูปี้!!!”




บทที่ 2 ป่าต้องห้าม.




1 อาทิตย์ ต่อมาหลังจากนั้น




ณ หน้าบ้านต้นไม้ของสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้ากลางเมืองกรีน



"ฮัดช่าา อื้มม พร้อมแล้วหล่ะ" เด็กหนุ่มผมหน้าม้าสีดำ เจสัน เอ่ยขึ้น ตอนนี้เจสันสะพายเป้สีส้มใบใหญ่เกินตัวไว้ข้างหลัง พร้อมข้าวของเครื่องใช้มามายก่ายกอง แล้วออกมายืนบิดขี้เกียจอยู่หน้าบ้าน

"เจสัน นายจะย้ายบ้านหรอ หรือยังไง? เข้าไปในป่าต้องห้ามแค่วันเดียว" ผมพูดขณะที่กำลังเดินออกมาตัวเปล่าไม่ได้พกแค่ดาบไม้ที่ทำขึ้นมาเอง เพราะเข้าไปแค่วันเดียวเดี๋ยวก็ออกมาแล้ว แต่ไม่รู้จะได้ออกในสภาพไหน

"เฮ้อิริค อรุณสวัสดิ์ นายกำลังเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ?? ปีนี้นายกคนใหม่ของเราประกาศว่า จะมีการทำพิธีที่ป่าต้องห้ามยาวนานถึง 3 วัน 2 คืน เลยนะ" เจสันพูด ทำให้ผมช็อคไปพักนึง

จะบ้ารึเปล่า?? แค่วันเดียวเด็กๆก็กลับมาไม่ครบ 32 กันแล้ว อะไรกันนี่ตั้ง 3 วัน 2 คืน โฮกกกก ยิ่งปีนี้พิธีจัดที่ป่าต้องห้ามด้วย ใช่แล้ว ป่าต้องห้าม ในเกาะนี้จะมีอยู่ 4 โซนใหญ่ๆ คือ เมืองกรีน ท่าเรือ น้ำตกศักดิ์สิทธิ์ และ ป่าต้องห้าม ปกติพิธีนี้จะจัดขึ้นในป่าศักดิ์สิทธิ์เพราะจะมีเทพแห่งพฤกษา ดรายแอดส์ สิงสถิตอยู่ที่นั่น แต่ทำไมนะ?ป่าต้องห้ามนั่นมันอันตรายสุดสุดเลยไม่ใช่หรอ??หรือมีการเคลียพื้นที่แล้ว โฮกกกกก

ผมรวบรวมสติแล้วกลับสู่บทสนทนาอีกครั้ง "นายจะบ้าหรอ ป่าต้องห้ามเลยนะ ป่าต้องห้าม 3 วัน 3 คืนด้วย เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ยอธบายฉันที"

"ก็เห็นเค้าบอกกันว่า ปีนี้เป็นปีที่เทพดรายแอดส์ต้องเข้าไปจำศีลที่ป่าต้องห้าม 1 ปีเต็มๆ ทำให้พวกเราซึ่งมีจุดหมายของพิธีที่เทพดรายแอดส์ ต้องแห่ตามกันไปที่นู่นไงหล่ะ แล้วที่ให้เวลา 3 วัน 2 คืนเนี่ย นายก็น่าจะรู้ป่าต้องห้ามมันกว้างกว่าน้ำตกศักดิ์สิทธิ์เป็น 10 เท่า ถึงต้องใช้เวลามากไง แต่เห็นมีข่าวลือว่า ทางเทศบาลเข้าไปเคลียพื้นที่บ้างแล้วนะ" เจสันกล่าวแล้วเดินไปนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่หน้า บ้านต้นไม้

"ข่าวลือว่าเคลียพื้นที่แล้วหรอ เฮ้อ งั้นก็ขอให้เป็นความจริงแล้วกัน" ผมพูดแล้วทำท่าสวดภาวนาอ้อนวอนต่อพระเจ้า ผมเดินตรงไปนั่งข้างๆกับเจสัน เห้ออ เมืองนี้มองกี่ทีก็ไม่เคยเบื่อ มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้สีเขียวชะอุ่ม บ้านอยู่ในต้นไม้ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ผู้คนไม่มากมายจนแออัด ผู้คนที่นี่ดูเป็นมิตรกัน แต่สำหรับผมมันไม่ใช่ ผู้คนที่นี่ดูถูกผมทั้งๆที่ผมรักทุกคนรักเมืองนี้

"เฮ้ยพวกนายสองคนมัวทำอะไรกัน นี่มันใกล้จะถึงเวลาแล้วนะจะถอนตัวหรอ ฮ่าๆ" คำพูดสุนัขๆ ออกมาจากปากของแมกซ์ที่ยืนอยู่หน้าประตู เขาเดินออกมาด้วยท่าท่าองอาจพร้อมกับ หมูตัวสีดำ และสัมภาระเล็กน้อยถึงปานกลาง

"เออ น่า อย่ามายุ่งมันเรื่องของฉัน ตั้งใจทำตัวเองให้ดีเถอะ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ แล้วปัดมือไล่

"ฉันเตือนด้วยความหวังดีก่อนจะไม่ได้เจอกันอีกนะเนี่ย ฮ่าๆ เอาเถอะเจอกันหน้าพิธี" แมกซ์พูดแล้วหยิบลูกตุ้มที่วางไว้หน้าประตูออกมา สงสัยมันจะเอาไปใช้เป็นอาวุธ ต่างกับดาบไม้ของผมโดยสิ้นเชิง แล้วแมกซ์ก็เดินหน้าตรงไปที่ป่าต้องห้าม

"ฉันต้องไปจัดของก่อนล่ะ นายนำไปก่อนเลยนะเจสัน ว่าแต่ บู๊ทล่ะ สิงโตของนายอยู่ไหน?" ผมถามแล้วมองไปรอบๆตัวเจสัน ไม่มีสัตว์ภูตคู่กายเขาอยู่

"สัมภาระของนายน่ะ ฉันจัดไว้ให้แล้ว นี่ไง แล้วก็นี่ นี่" เขาชี้ไปที่ของทั้งหมดที่อยู่บนตัวเขา

"แล้วของนายหล่ะ?"

"บู๊ท เอาไปให้ที่หน้าพิธีตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ชั้นรู้ว่านายต้อง ซื้อบื้อแบบนี้ เลยจัดไว้ให้ก่อนไง ว่าแต่นายเถอะ กูปี้ไปไหนแล้วหล่ะ?" เจสันกล่าวแล้วมองไปรอบๆ

"กูปี้ ก็นี่ไง บนหัวฉัน เอ๊ะ ไม่มี หายไปไหนแล้ว?" ผมพูดแล้วเอามือแตะๆ หัวตัวเองแต่พบว่าเจ้ากูปี้ที่ผมวางไว้บนหัวเมื่อเช้า หายไปแล้ว

"มันไปบินเล่นล้ะมั้ง" เจสันกล่าว

"บ้ารึไงมันบินได้ที่ไหน มันต้องไปตกอยู่ที่ไหนซักที่แน่ ใครจะมาเหยียบตายเมื่อไรยังไม่รู้เลยโถ่" ผมพูดแล้วเข่าทรุดลงหน้าประตูบ้านต้นไม้

"เอาน่า คิดในแง่ดีสิ่ มันอาจจะเพิ่งบินได้ เลยลองบินเล่นไปทั่ว" เจสันหนุ่มน่าหวานพูดปลอบใจผม

"ถ้าบินได้จริง ฉันให้ปาดคอฉันเลย โถ่ ไม่มีทางง" น้ำตาของผมเริ่มคลอเบ้า มันจะไหลลงมันเมื่อไรก็ไม่รู้ ความรู้สึกตอนนี้มันโหวงเหวงไปหมด

"ผู้ชายอ่อนแอ กระจอก จริงๆ" เสียงสุดไพเราะและเย็นเฉียบดังมาจากข้างในบ้าน บัสโน เปิดประตูออกมา เธอถือดาบคู่ผมหยิกยาวสลวยบวกกับแววตาที่มุ่งมั่น และดาบคู่ในมือแสดงถึงการเป็นนักรบที่แท้จริง สุดยอด

"แต่ว่า ถ้าผมไม่มีสัตว์ภูต ก็เหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรง ไม่มีชีวิตจิตใจ ฮือๆ" น้ำตาผมมันไหลออกมาพร้อมคำพูดสุดซึ้ง

"แล้วปัจจุบันฉันก็ไม่เห็นว่านายจะมีเรี่ยวแรงอะไร อ่อนแอ ปวกเปียก" คำพูดที่แสนจะแทงใจดำ ของบัสโน มันทำให้ผมเจ็บ ฮืออ

"สงสัยนายจะต้องโดนปาดคอแล้วหล่ะ อิริคเอ๋ย ฮ่าๆ" เสียงมาจากเจสัน ทำให้ผมรีบเช็ดน้ำตาแล้วมองขึ้นไปบนร่างของบัสโน มีสัตว์ปีก ตัวสีน้ำเงินทะเลอ่อนๆ กระพือปีกพับๆ อยู่ข้างๆสาวมาดเข้ม บัสโน

"กูปี้!!" มันร้องออกมาเหมือนจะดีใจที่เจอเจ้าของ

"เจ้ากูปี้ ไปไหนมาฮืออ ไม่สิ่ นายบินได้แล้วนี่นา โฮกกกกก" ผมบ่อน้ำตาแตก เพราะซึ้งที่เห็นเจ้าสัตว์ภูตไม่เอาไหน กระพืบปีกพับๆ อยู่ตรงหน้า

"ทีนี้จะให้ใครเชือดคอดีหล่ะ ฉันหรือ คุณบัสโน" เจสันพูดล้อเลียน ทำให้ผมหน้าแดง

"ไม่เอาน่าเพื่อน เราก็เป็นเพื่อนกันมา ตั้ง 3 ปีแล้ว นายไม่น่าฆ่าฉันได้ลงคอ" ผมพูดแล้วยิ้มแหยๆด้วยความเขินอาย

"แต่ฉันฆ่าลงนะ ปาดคอ รึอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ" เสียงเย็นยะเยือก กับคำพูดน่ากลัวๆ มาจากบัสโน มันทำให้ผมขนลุกดูจากแววตาของเค้า เหมือนจะฆ่าผมจริงๆ ซะงั้นหละ

"เอาหล่ะๆ เรารีบไปกันดีกว่า เดี๋ยวจะไม่ทันการเอา แล้วก็นู่น โบกมือลาเด็กๆ กับป้าเมอร์รินกันหน่อย ฮ่าๆ " เจสันพูดแล้วชี้ไปที่หน้าบ้าน มีเด็กๆ สิบกว่าคนแล้วก็ป้าเมอร์รินยืนโบกมือแล้วตะโกนว่า โชคดีน๊าาอยู่

"บ๊ายบายครับทุกคน แล้วเจอกัน" เจสันพูดออกไปแล้วเราสามคนก็โบกมือลา เด็กๆและป้าเมอร์ริน แล้วเดินทางตรงไปที่ ป่า ต้อง ห้าม !!

ตอนนี้เราอยู่ที่จุดเชื่อมทางระหว่าง ป่าต้องห้ามกับเมืองกรีน พวกเรา 3 คน กับอีก 1 ตัว เดินตรงไปเรื่อยๆเหมือนคนไร้จุดหมายเพราะไม่รู้ว่า แคมป์จุดเริ่มต้นอยู่ตรงไหน ประมาณว่ามันคือการทดสอบแรก แต่ถ้าถามว่าแล้วอาทิตย์ที่แล้วฝึกการอาจารย์ไฮดร้ามาไม่ได้อะไรบ้างเลยหรอ คำตอบคือ ได้แต่ความบัดซบ พอผมกับพวกถ่อไปถึงหน้าบ้านต้นไม้ของไฮดร้าก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีคุยได้ทุกเรื่องยกเว้น เรื่องพิธีออซ ถามอะไรเค้าก็ตอบแต่ว่า มันเป็นกฏของพิธี ผู้อยู่รอดห้ามปริปากเรื่องนี้ ผมถามไปว่าแล้วอาจารย์ของแม็กซ์ล่ะ เขาก็ตอบมาแค่ว่า ก็แค่พวกผิดศิลธรรมคนนึง อาจารย์แบบนั้นลูกศิษย์ไม่มีวันได้ดีหรอก อะไรประมาณนี้ สุดท้ายหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาก็คว้าน้ำเหลวไปเต็มๆ ฮ่าๆ กลับมาปัจจุบันดีกว่า กูปี้เหนื่อยแล้วมันลงมานอนบนหัวผมผมรู้สึกว่าตัวมันหนักขึ้น แต่ผมก็รู้สึกดีเพราะได้เห็นการพัฒนาการครั้งแรกตั้งแต่มันเกิดมา

"นั่นไงเจอแล้ว แคมป์ปิ้ง บู๊ทอยู่ตรงนั้น!" เจสันตะโกนแล้ววิ่งเข้าไปหาบู๊ท

"ว่าไง เจสัน กว่าจะมาถึงนะ" เสียงหล่อๆ น่ารักๆ ของบู๊ทพูดออกมา

ผมกับบัสโนแยกกันไปตามเต็นท์ต่างๆ ที่มีกำหนดไว้บนพื้น สถานที่ตรงนี้รู้สึกเหมือนจะยังเข้ามาไม่ถึงป่าต้องห้าม เป็นที่พักสำหรับผู้คนที่จะมาทำพิธี ห้ามผู้อื่นเข้า ข้างหน้าเป็นป่าทึบมีแต่ต้นไม่ต้นใหญ่ๆ ดูแล้วขนลุก ต่างจากที่เดินผ่านมาโดยสิ้นเชิง ผู้คนที่มาเข้าร่วมพิธีนี่ก็ มีเด็ก 15-20 อยู่ประมาณ 20 คน และผู้ใหญ่ประมาณ 20 คน ปีนี้ดูเยอะเป็นพิเศษ สำหรับพิธีนี้ไม่ได้จำกัดอายุ แค่ใครที่ไม่เคยมาก็เข้ามาลองกันได้ ฮ่าๆ

"เอ้าๆ ทุกคนเงียบเสียงกันหน่อย เก็บสัมภาระใส่เต็นท์เอาอาวุธไว้กับตัวแล้วออกมายืนข้างหน้าผม ผมจะอธิบายรายละเอียดทุกอย่างเอง" เสียงจากชายร่างใหญ่ผิวสีดำกล้ามเป็นมัดๆ นั่นคือนายก ฟลอล์ นายกของเมืองกรีนนั่นเอง เขาเพิ่งได้ทำหน้าที่ปีนี้ปีแรก ทุกคนรับทราบและรีบเก็บของตัวเองใส่ในเต็นท์ แล้วเดินไปข้างหน้าตรงจุดนัดพบ

"เฮ้อิริค ฉันมีอะไรสนุกๆ ให้คอยลุ้นแล้ว" เสียงกระซิบๆ จากเต็นท์ข้างๆของผม เจสันนั่นเอง

"ว่าไง ? มันมีอะไรให้สนุกอยู่ด้วยหรอ ตอนนี้ฉันกลัวมือสั่นไปหมดแล้วต่อไปจะเจออะไรไม่รู้" ผมพูดเสียงสั่นแล้วเดินออกมานอกเต็นท์หลังจากเก็บของเสร็จ

"สัตว์ ภูตของบัสโนไงหล่ะฮ่าๆ ตั้งแต่เกิดมานายเคยเห็นรึยัง??" เจสันพูดด้วยท่าทางดีใจจนเต็นท์สั่นๆ ใช่จริงด้วย สัตว์ภูตของบัสโน เกิดมายังไม่เคยเห็นแล้วก็ไม่มีใครกล้าถามด้วย เธออยู่คนเดียวมาตลอด

"จริงด้วยแฮะ ก่อนที่จะเข้าพิธีต้องทำการตรวจสอบสัตว์ภูตก่อนนี่นา ต้องเป็นคนบนเกาะนี้โดยแท้ ถึงจะเข้าร่วมพิธีได้" ผมพูดแล้วแววตาก็เป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมกับเจสันเดินไปที่กลุ่มคนที่นั่งอยู่ที่จุดนัดพบแล้วหาวิธีเข้าใกล้บัสโนมากที่สุดเพราะจะได้ชมเต็มๆตา

"นายว่า มังกร หรือ เสือน้อยกันนะ ฮ่าๆ" ผมถามเจสันเล่นๆ

"จะบ้าหรอ ตระกูลมังกร สลายสิ้นไปในสงครามตั้งนานแล้ว เอ๊ะแต่ตระกูลของบัสโนก็สิ้นไปในสงครามเหมือนกัน อาจจะเป็นไปได้ก้ได้" เจสันเถียงกับตัวเอง

ตอนนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า แล้วหน้าตาแต่ละคนก็ดูมีความมั่นใจเปี่ยมล้น แบบว่า ตายก็ตายสิวะจะกลัวอะไร ทุกคนต่างเล่าคุยโวประสบการณ์อันโหด*****มของตัวเอง ผมมองไปรอบๆหนึ่งในคนขี้โม้นั้นคือ แมกซ์หมูตอน ที่กำลังทำท่าแอ็คชั่นเหมือนอยู่ในสงคราม น่าทุกเรศสิ้นดีผมเห็นวันๆ นั่งแทะขนมปังอยู่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน ซักพักท่านนายก ฟลอล์ก็เดินออกมาข้างหน้าทุกคน

"วันนี้ผมจะมาอธิบายรายละเอียดทุกอย่างให้ฟังนะครับ อย่างแรกเลยคือ ในปีนี้เป็นปีที่พิเศษคือ ท่านเทพดรายแอดส์ เข้ามาจำศีลอยู่ที่นี่ แล้วทุกคนก็ต้องเข้าไปตามหาท่านเทพแล้วทำภารกิจที่ท่านมอบหมายสำเร็จ การเข้าไปนั้นไม่ยากหรอกครับที่ยากคือการออกมาต่างหาก ต่อไปก็ ที่มีข่าวลือว่าส่งคนไปเคลียพื้นที่แล้วนั่น เป็นเรื่องจริงนะครับ" ท่านนายกพูดแล้วยิ้มกว้าง มันทำให้ผมสบายใจขึ้นมา 10 เท่า แล้วท่านนายกก็อธิบายต่อ
"แต่ว่าในตอนนี้ คนที่เราส่งเข้าไปยังไม่กลับออกมาเลยครับนี่ก็ 3 วันแล้ว ใครพบเจอศพพวกเขาระหว่างทางก็ฝาก ฝังกลบทำพิธีให้หน่อยแล้วกันนะครับ" โฮกกกกกกกก นี่มันอะไรกัน ไม่นะ ตาย ตาย ตาย
"แล้วอย่างสุดท้ายคือ สัมภาระที่ทุกคนนำมา ห้ามนำเข้าไปในป่าศักดิ์สิทธิ์ สามารถนำไปได้เพียงอาวุธและสัตว์ภูตเท่านั้น" ท่านนายกพูดจบ เสียงวิจารณ์จากเหล่าผู้คนที่มาเข้าร่วมพิธีดังขึ้น

"ผมขอถอนตัวครับ" เสียงจากชายคนหนึ่งดังขึ้น

"เกรงว่าจะไม่ได้แล้วหล่ะครับ เพราะตอนนี้ก็ใกล้มืดแล้ว อีกอย่างการถอนตัวระหว่างการแข่งขันมันเป็นการดูหมิ่นพิธีศักดิ์สิทธิ์นะครับ" นายกพูดขึ้นแล้วดีดนิ้วหนึ่งที เต็นท์สัมภาระของพวกเราก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งยกออกไปอยากรวดเร็ว ตอนนี้พื้นที่ตรงนี้ว่างเปล่ามีแค่ผู้คนกับอาวุธและสัตว์ภูตเท่านั้น

"ก่อนอื่นก็ ขอเช็คก่อนนะครับ ว่าทุกท่านมีสัตว์ภูตกันรึเปล่าเอ่ย?" นายกพูดขึ้นแล้วเดินมาที่กลุ่มคน

ทันใดนั้น ชายคนที่ขอถอนตัวคนเดิมก็ร้องเสียงดังแล้ววิ่งออกไปจากกลุ่มคน แล้วตะโกนว่า จะกลับบ้านน ไม่เอาแล้วว เมื่อนายกเห็นเช่นนั้นก่อนฉีกยิ้มแล้วเรียกสัตว์ภูตของของออกมา มันคืองูยักษ์ นัยตาสีดำ มองดูแล้วน่าขยะแขยง

"จัดการให้ทีนะ" นายกพูดกับสัตว์ภูตตัวเอง "รับทราบ" เสียงตอบรับจากงูยักษ์ดังขึ้นจากนั้น งูยักษ์ก็เลื้อยตามรอยเท้าของชายคนนั้นออกไป เมื่อพ้นสายตาก็ได้ยินเสียง

"อ๊ากกกก ฉันจะกลับบ้าน อ๊ากกกกกกกกกกกกกก" เสียงดังลั่นมาจากป่าฝั่งนู่น ท่านนายกฉีกยิ้มอีกครั้งแล้วหันกลับมาที่กลุ่มคนที่จะเข้าร่วมพิธี

"เอาหล่ะ ทุกคนโปรดแสดงสัตว์ภูตของตัวเองออกมาครับ ถ้ายังไม่อยากเป็นแบบชายคนนั้น" หลังจากนายกฟลอล์พูดจบ งูยักษ์ก็กลับมาพร้อมกับศพของชายคนนั้นในปากของงูยักษ์

"โทษทีนะฉันทำหัวหล่นนะ" งูยักษ์พูดออกมา ทุกคนมองไปที่ศพที่ถูกปล่อยลง ศพเละตุ้มเป๊ะ รอยถูกรัดและรอยกัดเป็นแผลเหวอะเต็นตัว ที่สำคัญ ศรีษะของเขาหายไปแล้วเหลือแต่ลำคอที่มีของเหลวสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาอย่างไม่มีหยุดหย่อน

"รีบๆ เอาสัตว์ภูตมาไว้ข้างหน้าตัวเองเร็ว อย่าเสียเวลา" งูยักษ์ทำเสียงดุพูดขึ้น สีหน้าทุกคนตอนนี้ดูเปลี่ยนไปโดนสิ้นเชิง บางคนก็น้ำตาคลอเบ้า บางคนก็ตัวสั่น แต่บางคนก็อยู่ในสภาพเฉยๆ แต่ผม ฉี่ราดกางเกงไปแล้ว

ผมรีบเอากูปี้บนหัวออกมาวางข้างหน้า แล้วทุกคนก็ทำเหมือนกัน ตอนนี้สัตว์ภูตทุกคนอยู่ข้างหน้าตัวเองแล้ว ยกเว้น บัสโนที่ผมกับเจสันจ้องสังเกตุมานาน ยังไม่มีท่าทีที่จะหยิบสัตว์ภูตออกมาเลย

ท่านนายกฟลอล์ เดินตรวจไปเรื่อยๆ แล้วมาหยุดตรงหน้าบัสโน เขาทำสีหน้างง งวย

"นี่เธอ คงไม่คิดจะวิ่งหนีไปแบบคนเมื่อกี้สินะ รีบเอาสัตว์ภูตออกมาเซ่ !!!" นายกตะคอกน้ำลายกระเด็นใส่หน้าบัสโน แต่ใบหน้าของเธอกลับนิ่งเฉยเหมือนคนไร้ความรู้สึก

"เอาออกมาแล้ว อย่าทำตาถั่ว" บัสโนพูดออกมาแบบนี้ แล้วแบมือออก นายกก็จ้องเข้าไปที่มือเธอ ทุกคนก็พยายามมอง ผมก็ด้วยผมเห็นนะในมือของเธอ เอ่อ มันคือ

"มด!?" นายกพูดออกมา

"มดงั้นหรอ"

"เฮ้ มดจริงๆด้วย"

"มดสินะ" หลายๆคนก็เห็นแบบผม ผมช็อคเหมือนโดนหลอกมาตลอด คือว่านึกว่าเธอซ่อนสัตว์ภูตตัวเองไว้เป็นความลับ เพื่อสาเหตุอะไรบางอย่าง แต่นี่มัน มด!!!!!

"แค่มดเองหรอ เออ เออ คนกระจอกแบบนี้ก็มีหน้าโง่มาเข้าร่วมด้วยแฮะ ไม่กลัวตายกันเล๊ย" นายกพูดดูถูก แต่ผมว่ามันก็น่าดูถูกจริงๆ แค่มดตัวเดียว นายกเดินไปหาคนต่อไป บทสนทนาของผมกับเจสันก็เริ่มขึ้น

"นายคิดว่าไง อิริค" เจสันกล่าวทำท่าครุ่นคิด

"มด กระจอก มั้ง" ผมตอบอย่างไม่แยแส

"ฉันว่าไม่ใช่อย่างนั้นนะ" เจสันพูด ฉีกยิ้มแล้วชี้ไปทางนายก

"อะไรวะ อยู่ๆก็ล้มไป เห้ยเป็นอะไรรึเปล่า?" นายกฟลอล์ นั่งลงมองดูสภาพคนตรงหน้า ผมว่าทุกคนก็เห็นเหมือนผม สภาพศพคือ มดนับแสนตัวกำลังรุมกัดชายตัวโตกล้ามเป็นมัด เขากำลังดิ้นไปดิ้นมาอย่างทุลนทุลาย แต่สุดท้ายร่างกายก็หยุดเคลื่อนไหวเขาเสียชีวิตแล้ว ด้วยพิษร้ายจากมดตัวเล็กๆ

"มดตัวเดียวน่ะกระจอกก็จริงนะ" เสียงเรียบๆจากบัสโนดังออกมา "แต่ขอโทษ ฉันมีนับไม่ถ้วน".....












ComingSoon

Stormwind
8th March 2012, 11:35
น่าสนใจครับ ส่วนตัวแล้วผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบธรรมชาตินะ ผมอยากรู้ว่าจะบรรยายออกมายังไง จะรอดูครับ

สู้ๆครับผม

By Stormwind

GIGABom
8th March 2012, 21:01
ผมแก้เนื้อเรื่องไปหลายจุดเหมือนกัน ยังไงก็ลองอ่านใหม่อีกทีดูนะครับ :D

GIGABom
9th March 2012, 19:14
บทที่ 1 มาแล้วครับ นั่งแต่งตั้งนานแต่ทำไมออกมาสั้นอย่างนี้นะ ฮ่าๆ สู้ต่อไป *0* ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และติชมครับ

nakiann123
9th March 2012, 19:25
ผม ก็นั่งปูเสื่อ อีกเรื่อง 555+5 ปูไว้หลายเรื่องล่ะ รอเก็บอ่านนะครับผม

GIGABom
9th March 2012, 20:43
ผม ก็นั่งปูเสื่อ อีกเรื่อง 555+5 ปูไว้หลายเรื่องล่ะ รอเก็บอ่านนะครับผม

ผมเห็นปูเสื่อไว้ทุกเรื่องอ่ะ 55555 ผมเห็นเพราะว่า ผมก็ไปปูเหมือนกัน -0-

nakiann123
9th March 2012, 21:17
ผมเห็นปูเสื่อไว้ทุกเรื่องอ่ะ 55555 ผมเห็นเพราะว่า ผมก็ไปปูเหมือนกัน -0-

555 ครับผม พอดี ผมรอยาวๆ แล้วอ่านรวดเดียว 555

GIGABom
9th March 2012, 21:25
555 ครับผม พอดี ผมรอยาวๆ แล้วอ่านรวดเดียว 555

ครับผม เช่นกัน 55555 ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ

ปล. ขอแจ้งให้ทุกคนทราบ ตอนนี้ทางเราได้เปลี่ยนชื่อเรื่อง จาก เกาะแห่งเทพ - Greenland เป็น Legend of Knight - ตำนานอัศวินผู้พิทักษ์ กำลังรออนุมัติอยู่ :D

GIGABom
11th March 2012, 22:44
มาแล้วครับสำหรับ บทที่ 2 ป่าต้องห้าม . ติชมด้วยจะดีมาก มีแต่คนอ่าน[น้อย]ไม่มีคอมเม้น เศร้า T^T

Stormwind
12th March 2012, 00:56
มดตัวน้อยตัวนิด มดตัวน้อยตัวนิด มด มีฤทธิ์น่าดูอู้ฮู

ตินิดหน่อยครับ ว่า นายก ไม่น่าจะพูดจาเกรียนๆแบบนั้นนะ

By Stormwind

sahasin1
12th March 2012, 01:04
น่าจะเอาไปลงเว็ป เด็กดีด้วยนะครับเนี่ยะ

GIGABom
12th March 2012, 09:06
มดตัวน้อยตัวนิด มดตัวน้อยตัวนิด มด มีฤทธิ์น่าดูอู้ฮู

ตินิดหน่อยครับ ว่า นายก ไม่น่าจะพูดจาเกรียนๆแบบนั้นนะ

By Stormwind

มันมีเหตุผลอยู่ครับ เดี๋ยวจะมีบอกในบทต่อๆไป 555555 -0-

GIGABom
12th March 2012, 09:07
น่าจะเอาไปลงเว็ป เด็กดีด้วยนะครับเนี่ยะ

ยังใช้ไม่ค่อยเป็นเลยครับ 555+ อาจจะเอาไปลงตอนจบแล้ว หุหุ -..-

nakiann123
13th March 2012, 20:09
555 ผมก็นึกว่าเรื่องใหม่ซะอีก ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มอ่านเลยยังไม่รู้ว่าเกี่ยวกับอะไร วอนท่านช่วยเกริ่นๆ ให้ดูหน่อย 555 ~

แต่ผมจะมาอ่านแน่นอนครับ ฮ่าๆ

GIGABom
13th March 2012, 21:31
555 ผมก็นึกว่าเรื่องใหม่ซะอีก ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มอ่านเลยยังไม่รู้ว่าเกี่ยวกับอะไร วอนท่านช่วยเกริ่นๆ ให้ดูหน่อย 555 ~

แต่ผมจะมาอ่านแน่นอนครับ ฮ่าๆ

เรื่องเดิมครับ 555 เพราะชื่อกรีนแลนด์มันดูโหลๆ ซ้ำๆ กับเกาะจริงบนโลกเดี๋ยวคนอ่านจะเข้าใจผิดกัน

5day-ago
17th March 2012, 22:55
ปล่อยให้เด็กรุ่นใหม่ๆได้โชว์บ้าง แปะไว้ก่อนเดี๋ยวมาอ่านครับ

GIGABom
19th March 2012, 23:28
ผมกลับมาแล้วครับ หลังจากหลงเข้าไปในวังวนแห่งการแคชเกมส์ห่วยๆ ของผม

ผมขอโทษ ผมจะไม่ทิ้งนิยายอีกต่อไป TTT^TT I love it