PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : 5 เหตุผลทำไมประเทศไทยถึงไม่เจริญ



ToshirO
8th March 2012, 17:46
http://upic.me/i/p7/thailands_flag.jpg (http://upic.me/show/13900444)


ผมดูๆไปแล้ว สรุปได้ง่ายๆ แต่ต้องยอมรับความจริงกันหน่อย

1.รัฐบาลโกงกินทุกรัฐบาลชัว ย้ำว่ารัฐบาลไม่ใช่นายกทุกคน ถ้ามีคนกินเราก็ต้องไหล นี้แหละเป็นเหตุผลว่า
ทำไมจึงควรเปลี่ยนไปเป็นประธานาธิปบดี

Edit - หลายคนไม่เป็นด้วยกับข้อนี้ ผมว่าระบอบอะไรไม่มีใครกำหนดได้ครับ อยู่ที่เราจะเลือกใช้อย่างไรเท่านั่นเอง
เราสามารถคิดระบอบใหม่ได้ ลองอ่านการกำเนิดระบอบต่างๆสิครับ มันเปลี่ยนแปลงได้ คิดขึ้นใหม่ได้นะครับ
เราก็เปลี่ยนเป็นประธานาธิปบดี(แล้วเราก็เปลี่ยนเป็นชื่ออื่น แต่ให้อำนาจคล้ายๆกับประธานาธิปบดี)แต่มีกษัตริย์เป็นประมุขก็ได้
แล้วผมพูดจริงๆ ต่อให้ไม่มีคนล้ม สุดท้ายก็ต้องล่มอยู่ดีแหละครับ ไม่มีอะไรอยู่ได้ตลอดไป เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือปลาร้ายังมีหนอน(ใครบอกไม่รู้)


2.คนไทยชอบค้าน ค้านมันดะเลย ดีไม่ดี ค้านอย่างเดียว คนก่อชนวนก็ติดคุกไปแล้วทั้ง 2 ฝ่าย เลิกค้านแล้วรอว่าดีไม่ดีค่อยค้านก็ได้
นี้ยังไม่ทันทำก็ค้าน เอาแค่รายงานในห้องเรียนยังค้านเลย

3.คนไทยชอบเน้นเอาพวก ไม่เอาความสามารถ คนเก่งถูกฝรั่งเอาไปหมด เจริญ เอาเงินยัดก็อยู่ได้

4.คนไทยส่วนใหญ่พูดเป็นอย่างเดียว แต่ทำไม่ได้ แล้วจะพูดทำไม!?

5.คนไทยเป็นประเภทโคตรงมงาย งมงายมันทุกอย่าง พึ่งสิ่งศักดิ์มากกว่าความสามารถ
เรื่องเทิดทูนในหลวงผมไม่เคยค้าน แต่ที่ผมรับไม่ได้คือไม่มีใครปฏิบัติตามพระองค์กันเลย เช่นเศรษฐกิจพอเพียง
สถานีโทรทัศน์ต่างๆโฆษณาทุกวัน แต่ทำกันมั้ยละ ปากบอกว่ารักพ่อ แต่กลับทำประเทศชาติเสื่อม
ยกตัวอย่างอีกเช่นกัน เนวินจัดสงการณ์ โดยเอานางแบบ AV มาเล่นน้ำโชว์ แทนที่จะขัดค้าน
ว่าไม่เหมาะสม แต่ดันสนับสนุน เคยคิดมั้ยว่าฝรั่งมองประเทศไทยยังไง แบบแบบนี้บอกว่ารักพ่อเหรอ!?

ถ้าแก้ไข 5 ข้อนี่ได้ รับรองว่าต้องดีขึ้นแบบทันตาเห็นเลย

ถ้าเห็นว่าไม่จริงแจ้งลบเลยก็ได้ครับ ผมมองแล้วว่าคนไทยส่วนใหญ่เป็นแบบนี้จริงๆ ถ้ายังรับความจริงไม่ได้ ก็คงเป็นประเทศโลกที่ 3 ตลอดไป:(
ถ้ามีความคิดดีๆ ก็แสดงความคิดเห็นกันได้ครับ

godji001
8th March 2012, 18:13
ผมแนะนำเรื่องที่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) เป็นผู้แต่ง ชื่อ เรื่องว่า โคลนติดล้อ

เป็นเรื่องที่อาจจะเก่าแล้ว แต่เรื่องราวนั้นไม่เก่าไปตามเวลาเลย ขอคัดลอกมาจาก

http://www.oknation.net/blog/nanahahe/2009/11/25/entry-1

และ http://reocities.com/Tokyo/shrine/6611/index.htm ครับ

ชึ่งมี 12 บท ให้อ่านกันนะครับ

ข้อบกพร่องที่มีทั้งหมด มี 12 ข้อนะครับคือ

ก้อนที่1. การเอาอย่างโดยไม่ตริตรอง

ก้อนที่ใหญ่สุดคือ “ลัทธิเอาอย่าง” ที่ทำเพื่อให้คนอื่น ประเทศอื่นยอมรับ โดยไม่พิจารณาดูว่า “การเอาอย่างใคร” เป็นเพียงการทำให้เขาเอ็นดูเรา เหมือนเอ็นดู “ลูกหมา” แต่ไม่ได้ให้ความนับถือเรา ซึ่งเราควรทำตนให้สูงเสมอเขาด้วยการริเริ่มทำอะไรของตนเองโดยเร็ว ไม่ต้องรอให้ประเทศทางยุโรปเริ่มก่อน ไม่ต้องไปทำตามประเทศเล็กๆ ไม่ต้องถ่วงความเจริญตัวเอง ด้วยการรอจนกว่าพวก “อาจารย์” ทั้งหลายจะเลิกฆ่าแกงกัน และไม่ต้องถึงกับเปลี่ยนแปลงเป็น “ริปับลิคเก๊” อย่างประเทศใกล้เคียง

(เดี๋ยวนี้ก็ยังมีคนนิยมระบอบตามแบบต่างประเทศอยู่ ไม่คิดจะรักษาระบอบปกครองแบบไทย ๆ ซึ่งเพียงแต่คอยปรับให้ทันยุคสมัย ก็เรียบร้อยแล้ว สงสัยต้องการจะยกตนเป็น “ใหญ่” เสียเอง ทำนอง “สมบัติ” ผลัดกันชม โดยลืมคำว่า “กตัญญู กตเวทิตา” เสียสิ้น)

ก้อนที่2. การทำตนให้ต่ำต้อย

“ตัวเป็นไทย ใจเป็นทาส” อย่าได้คิดเทียบคนร่วมชาติต่ำต้อยเช่นตัวเอง การงานใดที่ คนชาติเดียวกันริเริ่ม ทั้งที่เขามีการศึกษาระดับสูง มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญ คนพวกนี้ก็ไม่ยอมรับ เพราะไม่มีตราฝรั่งมารองรับ เป็นเพราะคนไทยมีนิสัย “ขี้เกียจ” เป็นทุนเดิม ไทยออกเงิน ให้จีนออกแรง ให้ฝรั่งคิดให้ จนทำเองไม่เป็นต้องอาศัยต่างชาติแถมยกย่องเขาให้อยู่สูงกว่าตน

คนที่ส่งไปเรียนต่างประเทศเพื่อแสวงหาความรู้สำหรับมาทำงานให้ได้อย่างที่ฝรั่งทำ กลับไปฝึกการหาความสุขสำราญ ทำตัวอวดดี ทำอะไรไม่เป็น

คนไทยต้องปรับความคิดให้ยอมรับความสามารถของคนไทยด้วยกัน เพื่อที่รัฐบาลจะได้ลดการจ้างฝรั่ง เพราะคนไทยย่อมนึกถึงประโยชน์บ้านเมืองยิ่งกว่าคนชาติอื่น แม้เรายังจะใช้ความชำนาญพิเศษของฝรั่งในด้านวิทยาศาสตร์

(เดี๋ยวนี้พ่อค้านักธุรกิจไทย หันไปใช้แรงงานเถื่อน จากพม่า ลาว เขมร เพราะความเห็นแก่ได้ที่จะประหยัดต้นทุนและเลี่ยงภาษี ค่าธรรมเนียมให้ราชการ แต่ก็ยังยกย่องฝรั่ง และคนต่างชาติ อยู่เหมือนเดิม ถึงขนาดหันไปร่วมมือ “เขมร” กลับมาทำร้ายประเทศตนเองเสียด้วย)


ก้อนที่3. การบูชาหนังสือจนเกินเหตุ

พวกอั้งยี่ พวกชอบก่อความยุ่งเหยิง มักใช้การพิมพ์หนังสือแจกสร้างข่าวลือ ในหมู่ประขาชน กว่ารัฐบาลจะรู้และแก้ข่าวก็ช้าเกินการ เพราะคน “เชื่อ” ข้อความตามหนังสือที่มักจะเขียนโดยคนที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล ยิ่งใครถูกออกจากราชการก็ไปทำการหนังสือพิมพ์

ดังนั้นการจะเชื่อข้อความใดๆ ควรดูฐานะชื่อเสียงของผู้แต่งให้ดี เพราะสมัยนี้ใครมีมือมีปากกาก็ “เขียน” ได้ทั้งนั้น ความรับผิดชอบไม่มี หากดูธรรมเนียมสื่อในต่างประเทศที่เขาแบ่งค่ายเป็นฝ่ายหนุนกับฝ่ายค้านรัฐบาล สื่อหนุนฝ่ายค้านย่อมระมัดระวังในการเขียนต่อต้านรัฐบาล คือเมื่อตำหนิรัฐบาลทำไม่ถูกก็ต้องรู้ว่าฝ่ายค้านสามารถทำการนั้นได้ดีกว่า ไม่ใช่เอาแต่ประนามแต่ฝ่ายที่ตัวสนับสนุนก็ทำไม่ได้

ดังนั้น เราจึงต้องใช้สติปัญญา ไม่ควรหลับตาเชื่อตามข้อความที่เขาเขียน โดยไม่พิจารณาความมุ่งหมายและความปรารถนาของผู้เขียนให้ดีเสียก่อน

(หลักการใช้ “สติปัญญา” ก็ยังคงใช้ได้ดีในยุคนี้ เพราะสื่อตอนนี้มีที่มาหลากหลายจริงๆ)


ก้อนที่4. ความนิยมเป็นเสมียน

เป้าหมายของการตั้งโรงเรียนก็เพื่อให้โอกาสในการศึกษา เด็กๆ กลับฝันจะจบมาทำงานเสมียนหรือเลขานุการ เพื่อหวังเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง เป็นหน้าเป็นตา ทั้งที่หลายคนฉลาดว่องไว น่าจะกลับไปช่วยครอบครัวทำการที่ได้ประโยชน์มากกว่าการเป็นเสมียน ทั้งที่ได้เงินเดือนนิดหน่อย กลับชอบใส่เสื้อผ้าโก้หรู ดูหนัง กินข้าวกุ๊กช๊อป การคิดว่าอยู่ในเมืองทำประโยชน์ให้บ้านเมืองกว่าการอยู่บ้านนอกนั้น “เหลวไหล” ประเทศไทยเป็นเมืองเกษตร พวกเขากินมากกว่าผลิต แล้วยังคิดว่าตัวเขาดีกว่าชาวนา ซึ่งพวกเราก็พลอยยอมให้เขาคิดอย่างนั้นด้วย ยังมีคนที่ตอยเปิดทางหางานให้คนที่อยากจะเป็นเสมียน ทำให้บรรดากระทรวงทบวงกรมมีเสมียนมากเกินต้องการ ต้องคอยถ่ายออก พวกที่ถูกออกนี่น่าสังเวช ปล่อยชีวิตไปเป็นเสมียนเสียนานจนทำอะไรอื่นไม่ได้ กลับไปทำนาก็ไม่ได้เพราะไม่สมเกียรติ มองชาวนาเป็นชนชั้นต่ำและสามัญ จะเป็นเจ้าของกิจการก็ไม่ได้เพราะไม่เคยสะสมทรัพย์ ดังนั้นพวกเสมียนตกงานจึงอยู่ในเมือง หางานเสมียนใหม่ไม่ได้ก็ต้องรอความตายอยู่เดียวดาย หรือถ้าหลงไปทำผิดกฎหมายเข้าก็ต้องจบลงที่ศาล ถ้าคนหนุ่ม ๆ ไม่คิดแต่จะทำงานเสมียน และ ถ้าสาธารณชนเห็นว่าชาวนา ชาวสวน พ่อค้า ทุกคนมีเกียรติสูงเสมอเสมียน ไม่ยกย่องเสมียนจนสูงเกินกว่าควร ก็จะเป็นประโยชน์มาก

(“เสมียน” ในสมัยนี้ก็คือ “ข้าราชการ” นั่นเอง)

ก้อนที่5. ความเห็นผิด

ความเห็นผิดที่ประหลาดที่สุดคือการทำเลวทรามต่ำช้าเสมอเดียรัจฉาน เช่น ชวนกันไปเมากลิ้งเหมือนสัตว์ที่เขาฆ่า เมื่อกล่าวเท็จก็ชมตัวเองว่าแหลมคม ปรารถนาสิ่งใดก็หยิบเอาไปเฉยๆ อ้างว่ามีอิสระ ไม่ต้องถือตามประเพณีที่ล้าสมัย ถ้าเกลียดแค้นกับใคร มิเอาปืนไปยิงเสีย อ้างว่าเพราะอเมริกาเขาทำกัน ความเห็นผิดนี้ประชาชนควรจะทำให้เสื่อมสูญไป การยึดเอาธรรมเนียมฝรั่งมาใช้ เช่น ต้อนรับแขกด้วยวิสกี้เพื่อรักษามิตรภาพ แม้ตัวเองจะไม่ดื่ม เพราะเห็นเขาทำกันอย่างนั้น ก็เป็นเรื่องตลก

ความเห็นผิดอีกเรื่องคือ ถ้าเป็นหมอความแล้ว ถึงจะฝ่าฝืนกฎหมาย กฎหมายก็จะคุ้มครองตน ดังนั้น ถ้าต้องการจะให้กฎหมายเป็นเครื่องคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สิน ก็ต้องไม่คบกับพวกที่ใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์เลวร้ายของตน

ความเห็นผิดอีกข้อ คือ การทำอะไรตามอำเภอใจ ไม่เลือกว่าผิดหรือให้โทษอย่างไร พวกนี้เป็นพวกน่ารังเกียจ มักใช้วาจาหยาบคายด่าว่าคน มีวุฒิอย่างนกแก้วนกขุนทอง จำคำปราชญ์มาพ่นแต่ไม่เข้าใจอะไรเลย เราคนไทยไม่ควรคบคนลามกพวกนี้ต่อไป

(อ่านแล้วคุ้นๆ กับการแก้กฎหมายเพื่อประโยชน์ตัวเอง และตีความกฎหมายเข้าข้างตนเอง ของใครหลายๆคน พวกนี้คบไม่ได้ พอๆกับพวกใช้ความมี “อิสระ” ผิดๆ นึกอยากจะด่า ดิสเครดิต เข้ารุมทำร้ายผู้นำ ขู่ฆ่าผู้นำรัฐบาล ก็ทำ เหมือนอั้งยี่แบบนี้ต้อง “ปราบให้ราบ”)


ก้อนที่6. ถือเกียรติยศไม่มีมูล

ความเห็นผิดที่ประหลาดที่สุดคือการทำเลวทรามต่ำช้าเสมอเดียรัจฉาน เช่น ชวนกันไปเมากลิ้งเหมือนสัตว์ที่เขาฆ่า เมื่อกล่าวเท็จก็ชมตัวเองว่าแหลมคม ปรารถนาสิ่งใดก็หยิบเอาไปเฉยๆ อ้างว่ามีอิสระ ไม่ต้องถือตามประเพณีที่ล้าสมัย ถ้าเกลียดแค้นกับใคร มิเอาปืนไปยิงเสีย อ้างว่าเพราะอเมริกาเขาทำกัน ความเห็นผิดนี้ประชาชนควรจะทำให้เสื่อมสูญไป การยึดเอาธรรมเนียมฝรั่งมาใช้ เช่น ต้อนรับแขกด้วยวิสกี้เพื่อรักษามิตรภาพ แม้ตัวเองจะไม่ดื่ม เพราะเห็นเขาทำกันอย่างนั้น ก็เป็นเรื่องตลก

ความเห็นผิดอีกเรื่องคือ ถ้าเป็นหมอความแล้ว ถึงจะฝ่าฝืนกฎหมาย กฎหมายก็จะคุ้มครองตน ดังนั้น ถ้าต้องการจะให้กฎหมายเป็นเครื่องคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สิน ก็ต้องไม่คบกับพวกที่ใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์เลวร้ายของตน

ความเห็นผิดอีกข้อ คือ การทำอะไรตามอำเภอใจ ไม่เลือกว่าผิดหรือให้โทษอย่างไร พวกนี้เป็นพวกน่ารังเกียจ มักใช้วาจาหยาบคายด่าว่าคน มีวุฒิอย่างนกแก้วนกขุนทอง จำคำปราชญ์มาพ่นแต่ไม่เข้าใจอะไรเลย เราคนไทยไม่ควรคบคนลามกพวกนี้ต่อไป

(อ่านแล้วคุ้นๆ กับการแก้กฎหมายเพื่อประโยชน์ตัวเอง และตีความกฎหมายเข้าข้างตนเอง ของใครหลายๆคน พวกนี้คบไม่ได้ พอๆกับพวกใช้ความมี “อิสระ” ผิดๆ นึกอยากจะด่า ดิสเครดิต เข้ารุมทำร้ายผู้นำ ขู่ฆ่าผู้นำรัฐบาล ก็ทำ เหมือนอั้งยี่แบบนี้ต้อง “ปราบให้ราบ”)

ก้อนที่7. ความจนไม่จริง

ยามบ้านเมืองสงบ คนก็แสวงหาความสนุกสำราญ มองอะไรคับแคบ เปรียบเทียบประเทศเรากับชาติอื่นที่เขาศิวิไลซ์ บ่นว่าคนไทยยากจน บ่นสารพัด แต่ไม่มีความเห็นว่าควรจะทำอย่างไร แค่ทิ้งท้ายให้รัฐบาลจัดการ ซึ่งคนไทยจนจริงไหม ก็เมื่อรถไฟหัวเมืองยังขนเงินค่าอากรบ่อนเบี้ยเข้ากรุงอยู่ไม่ขาด แสดงว่าคนไทยยังเล่นการพนันกัน ขอทานบางคนอยู่บ้านเช่า ลูกสาวมีเพชรมีทองใส่ ส่วนคนบ้านนอกมีที่ดินจะไถปลูก มีเสบียงอาหารบริบูรณ์ตลอดปี มีสัตว์ พาหนะ แม้จะไม่ค่อยมีเงินแตก็ไม่ค่อยจำเป็นต้องใช้ หากไม่นำไปซื้อของฟุ่มเฟือยหรือ “เล่นการพนัน“ คนที่ใช้เงินเกินตัว มักจะบอกว่า “จน” ไม่เคยตำหนิตนเอง แต่ชอบติรัฐบาล


ก้อนที่8. แต่งงานชั่วคราว


บรรดาประเทศไม่ว่าบ้านไหนเมืองไหน คงจะต้องมีหญิงชายที่ทำความตกลงซึ่งกันและกัน ซึ่งถ้าจะเรียกกันอย่างสุภาพก็เรียกได้ว่า "การแต่งงานโดยธรรมดาโลก" ซึ่งแปลว่าหญิงชายทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะอยู่กินด้วยกันในระหว่างเวลาอันไม่มีกำหนด และจะเลิกกันก็ด้วยความยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย การแต่งงานชนิดนี้เป็นของธรรมดาที่สุด เพราะอาศัยความพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายนั้นเป็นมูล และเป็นวิธีที่ใช้อยู่ในหมู่สุนัขและเดียรัจฉานทั้งปวงด้วย ถ้าจะพูดกันโดยนัยแห่งลัทธิการแต่งงานชนิดนี้ก็ดีอยู่บ้าง คือ ในการมาอยู่ด้วยกันก็ดี หรือในการเลิกกันก็ดี ย่อมอาศัยความยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่ายนั้นประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งก็คือความสะดวก แต่ถ้าจะว่ากันตามที่เป็นจริงแล้ว การแต่งงานชนิดนี้เป็นการสะดวกจริงหรือ? เปล่าเลย! เหมือนสิ่งทั้งหลายมันไม่ง่ายเท่าที่เห็นดอก ก็เพราะเหตุใด?

ข้อ ๑ ว่าถึงการยินยอมพร้อมใจกันในการอยู่ด้วยกัน แต่เดิมมาข้าพเจ้าไม่สงสัยเลยว่าการคงเป็นดังเช่นว่า แต่บัดนี้เป็นเช่นนั้นหรือ? ก็จำต้องตอบว่า หาได้เป็นเช่นนั้นเสมอไม่ เพราะในสมัยนี้มีหญิงสาวเป็นอันมาก ที่บิดามารดาขายเอาเงินใส่กระเป๋าและส่งตัวลูกสาวให้แก่ชายผู้ซื้อ โดยมิได้ไต่ถามความเห็นของหญิงนั้นเลย ความเห็นของหญิงนั้นไม่เป็นข้อสำคัญ เพราะว่าเมื่อได้อยู่กินกับชายแล้วก็จำเป็นต้องรักชายอยู่เอง นี้เป็นข้อแก้ตัวของฝ่ายบิดามารดาถ้าหากว่าจะคิดแก้ ส่วนหญิงนั้นเล่าเป็นอย่างไร? บางทีเขาก็รักสามีที่เขาอยู่กินด้วย แต่บางทีถ้าเขาไม่รักตามที่มีตัวอย่างอยู่เนืองๆ หญิงนั้นก็เท่ากับตกนรกทั้งเป็นทีเดียว แต่เขาจะร้องทุกข์ก็หามิได้และถึงจะร้องก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเขาได้ถูกมัดรัดไว้กับชายอย่างแน่นหนา ไม่น้อยกว่าที่ทำพิธีแต่งงานอย่างพิสดารที่สุด

ข้อ ๒ ว่าถึงการยินยอมพร้อมใจกันในเวลาหย่าเลิกจากกัน ในข้อนี้ฝ่ายชายก็เกือบจะเลือกทำได้ตามอำเภอใจทุกอย่าง คือเมื่อชายรู้สึกเบื่อหน่ายหญิงที่อยู่ด้วยขึ้นมาเวลาใด ก็ขับไล่ไปเสียให้พ้นได้ บางทีก็ยอมให้เอาสมบัติไป บางทีก็ไม่ให้โดยไม่ต้องไต่ถามความเห็นของหญิงเลย ถ้าชายเป็นคนที่มีใจกรุณาหน่อย ก็ไม่ถึงกับขับไล่ให้หญิงไปเสียจากบ้าน เป็นแต่เขาก็มีเมียใหม่ แล้วมอบห้องและเครื่องใช้เครื่องแต่งตัวเสื้อผ้าของหญิงที่เขาสิ้นรักนั้น เป็นสมบัติของแม่เมียคนใหม่ ส่วนเมียคนเก่านั้นถ้าเป็นหญิงที่รู้สึกนับถือตัวอยู่ก็ต้องเก็บข้าวของไปจากบ้าน ฝ่ายชายถ้ายังจำได้ก็ส่งหนังสือตลกตามไปให้ภายหลังฉบับหนึ่ง ซึ่งแสดงความเต็มใจที่จะหย่าเลิกกัน !

ข้อ ๓ ว่าถึงความสะดวกแห่งการแต่งงานตามธรรมชาติ ในข้อนี้ข้าพเจ้าบอกไม่ได้จริงๆว่าสะดวกสำหรับใคร เพราะการที่จะรู้ได้ว่าใครเป็นผัวเมียกันอย่างไรในเวลานี้นั้น ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าเป็นของง่ายเลย เหตุว่าจะหาประกาศหรือแจ้งความที่ไหนไม่ได้และจะหาพยานอย่างอื่นใดๆ ก็ไม่มีนอกจากพยานตาเห็น ซึ่งข้าพเจ้าไม่จำเป็นจะต้องกล่าวว่าค่อนข้างจะเป็นของหายากอยู่สักหน่อย ! เวลานี้มีคดีเรื่องมรดกตกค้างอยู่ในศาลเป็นอันมาก ซึ่งทำให้ศาลต้องเสียเวลาเกินกว่าที่ควร ด้วยเหตุว่าเกือบจะเหลือวิสัยที่จะพิสูจน์ได้ว่าผู้ขอร้องส่วนแบ่งนั้นจะเป็นภรรยาของผู้ตายหรือไม่ เพราะฉะนั้นการแต่งงานกันโดยธรรมดาโลก จึงไม่เป็นของง่ายสำหรับตุลาการศาลหลวงเลย และความยุ่งยากของกิจการแผนกนี้ ย่อมเป็นผลดีแก่พวกหมอกฎหมายทนายความเสียจริงๆ !

การแต่งงานตามที่กล่าวมานี้จะว่าง่ายสำหรับความเป็นไปโดยปรกติทุกวันก็ไม่ได้ ต่างว่าเราจะไปพบและแสดงอัธยาศัยไมตรีต่อหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเรารู้จักว่าเป็นโสด เราจะรู้ได้อย่างไรว่าหญิงนั้นไม่ได้ไปเป็นเมียของชายขี้หึงอะไรคนหนึ่ง ซึ่งอาจจะแสดงความไม่พอใจของเขาด้วยปืนเบรานิงก็ได้? หรือมิฉะนั้นอาจจะไปพบเพื่อนของเรา ซึ่งเรามิได้พบมา ๓ข๔ อาทิตย์ เราไปถามข่าวถึงแม่มลิภรรยาของเขา และเขาตอบเน้นคำว่า แม่สายหยุด สบายดี ดังนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ในเวลาอันสั้นเท่านั้นสหายของเราได้บันดาลความเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปในครอบครัวของเขาได้ถึงปานนั้น ?

ยังมีอยู่อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้ซ้ำยุ่งยากขึ้นอีก กล่าวคือ การที่พวกหนุ่มๆ บางคนชอบพูดถึงบรรดาหญิงที่เขาได้เคยเกี่ยวมา แม้แต่ชั่วครั้งหนึ่งคราวเดียว ว่าเมียดังนี้ ข้าพเจ้าช่างรู้สึกกระดากเสียจริงๆ ในการที่ต้องถามว่า เขากล่าวถึงเมียแต่ง หรือเมียน้อย หรือเมียลับของเขา และเมื่อเขาตอบว่า เขาพูดถึงหญิงนั้นๆ ออกชื่อผู้ซึ่งเลื่องลืออยู่ว่าเป็นหญิงแพศยา หรือบางทีก็ถึงกับเป็นหญิงโคมเขียวเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้ซ้ำร้ายหนักขึ้น ! ถ้าเรามิได้มีพิธีแต่งงานของเราเลย ข้าพเจ้าก็จะไม่สู้น้อยใจในการที่ใช้ "แต่งงานกันโดยธรรมดาโลก" ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นการยุ่งยากและลามกอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าเคยได้ยินข้อแก้ตัวในการที่ไม่แต่งงานตามพิธีไทยโบราณนั้นว่าเพราะเปลืองเงินมาก แต่ความจริงนั้นไม่จำเป็นต้องเปลืองเลย เพราะกิจที่จำเป็นมีอยู่แต่เพียงเชิญญาติหรือมิตรผู้ใหญ่สักคนสองคน ซึ่งเป็นที่นับถือแห่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวมารดน้ำพระพุทธมนต์ เมื่อรดแล้วก็เป็นอันเสร็จกิจ การวิวาหมงคลยังชั้นเจ้ายังง่ายไปกว่าที่กล่าวมานี้ คือกิจที่ฝ่ายหญิงและชายจะพึงทำนั้นมีอยู่แต่เพียงเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาททูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายดอกไม้ธูปเทียน และเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์พระราชทานแล้วก็นับว่าเป็นเสร็จพิธี ได้กระทำการวิวาหะถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ดังนี้จะว่าเปลืองที่ตรงไหน ?

อีกประการหนึ่ง ทั้งในกองทัพบกและในพระราชสำนักในเวลานี้มีกฎข้อบังคับในเรื่องการจดทะเบียนภรรยาแล้ว และข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ถ้าสาธารณชนแสดงความปรารถนาที่จะให้มีการจดทะเบียนภรรยาสำหรับใช้ทั่วไปแล้ว รัฐบาลก็คงจะรีบจัดการออกกฎหมายในเรื่องจดทะเบียนการแต่งงาน ซึ่งข้าพเจ้าได้ทราบว่ารัฐบาลกำลังดำริอยู่แล้ว

เพราะเหตุใดคนบางคนจึงช่างรังเกียจในการแสดงว่าตนมีภรรยาให้ปรากฏเสียจริงๆ ? เมื่อยังหาคำอธิบายในเรื่องนี้ที่ดีกว่าไม่ได้ ข้าพเจ้าก็ต้องยุติลงว่า เป็นเพราะเหตุที่คนนั้นๆ มีความประสงค์จะไม่ให้การแต่งงานของตนเป็นการแน่นอนไว้ก่อน คือถือว่าเป็นแต่การชั่วคราว ซึ่งจะเลิกเมื่อไรก็ให้เลิกได้โดยไม่ต้องยากเย็น การทำดังนี้ย่อมเป็นที่สะดวกแก่ฝ่ายชายมากกว่าฝ่ายหญิงด้วยเหตุผลที่เห็นได้โดยง่าย เพราะชายนั้นถึงแม้จะแต่งงานมาแล้วสักกี่ครั้งก็ไม่เป็นไร จะหาหญิงสำหรับแต่งงานได้ใหม่เสมอ แต่ส่วนหญิงถ้าแต่งงานเสียครั้งหนึ่งแล้วก็ยากที่จะหาสามีใหม่ได้ ถ้าและมีลูกด้วยแล้วก็ยิ่งจะลำบากมากขึ้น

การแต่งงานชั่วคราวนั้น บางทีอาจจะเป็นของสะดวกสำหรับชายและหญิงได้ แต่ส่วนลูกจะว่าอย่างไร ? เหตุใดหนอคนเราช่างไม่คิดถึงความเสียหายซึ่งทารกอันหาความผิดมิได้จะต้องแบกบาปรับความชั่วร้ายแห่งบิดามารดา ? ขอให้นึกถึงความอัปยศซึ่งเด็กจะต้องรับเพราะไม่สามารถจะอธิบายได้ว่า เหตุใดบิดามารดาซึ่งยังมีชีวิตอยู่จึงมิได้อยู่เป็นสามีภรรยากัน ! การเช่นนี้ย่อมมีอยู่ทั่วไปทุกประเทศเป็นธรรมดา แต่ถ้าเป็นการปรกติซึ่งเกิดขึ้นเนืองๆ ตามที่ดูเหมือนจะเป็นอยู่ในหมู่เรามีในกรุงเทพ ฯ เป็นอาทิฉะนี้แล้ว ก็ไม่เป็นเครื่องที่จะทำให้จรรยาแห่งชาติเราดีขึ้นเลย การที่จะส่งเสริมการ "แต่งงานโดยธรรมดาโลก" นั้น ก็เท่ากับส่งเสริมการผสมอย่างสัตว์ ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นของชั่วร้ายกว่าการมีเมียหลายคน ซึ่งคนไทยสมัยใหม่ย่อมคัดค้านต่อหน้าธารกำนัล แต่ซึ่งยังทำกันอยู่ในที่แฝง ! ที่จริงข้าพเจ้าจะใคร่ยืนยันว่า เพื่อความสะดวกแห่งการมีเมียหลายคนนี้เอง คนจำพวกที่ชอบ "แต่งงานโดยธรรมดาโลก" จึงคงได้รับความอุดหนุนของคนไทยสมัยใหม่ชั้นสูงๆ อยู่

ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะพูดกับท่านผู้มีสติปัญญาความคิดและซึ่งความเห็นมีน้ำหนัก ท่านเห็นว่าเป็นของควรแหละหรือ ที่เมืองไทยอันเป็นประเทศที่รุ่งเรืองแล้วในหมู่ประเทศทั้งหลาย จะยังคงมีหลักแห่งสกุลวงศ์ง่อนแง่นอยู่เช่นนี้ ถ้าเราจะทำให้กิจการภายในครอบครัวของเราแน่นหนากว่าการแต่งงานชั่วคราวไม่ได้แล้ว นามสกุลใหม่ของเราจะมีประโยชน์อะไรเล่า ? เมื่อไม่มีความมั่งคงตราบใด สมบัติและเกียรติคุณแห่งสกุลวงศ์ของเราก็ไม่ปราศจากอันตรายได้ตราบนั้น ลักษณะแห่งการแต่งงานกันโดยธรรมดาโลกนั้นย่อมขัดกับทางจรรยา ข้อนี้ย่อมปรากฏแก่คนทั้งปวง เพราะเหตุเป็นเครื่องบำรุงความชั่วร้ายหลายอย่าง มีการร่วมประเพณีปนเปและการทำชู้เป็นต้น ทั้งเปิดประตูให้แก่หญิงแพศยาได้เข้ามาในสมาคมแห่งหญิงผู้ดี และให้โอกาสแก่หญิงเถื่อนเหล่านี้มาล่อลวงชายหนุ่มๆ ที่จะเป็นคนดีให้******ขายตนไปมากแล้ว

ท่านจะไม่คิดถึงบุตรหญิงอละบุตรชายของท่านซึ่งจะเป็นผู้รับรักษาเกียรติคุณแห่งชาติไทยต่อไปบ้างหรือ ? ท่านทั้งหลายจะไม่ช่วยกันขัดขวางไม่ให้เขาฆ่าชาติของเขาเสียเองหรือ ? ท่านจะไม่ช่วยกันทำลายความประพฤติอันลามกไม่มีอายซึ่งมีอยู่ในหมู่เราโดยเปิดเผยหรือ ?

ขอจงสงสารผู้หญิงและเด็กสาวของเราบ้าง ขอจงช่วยให้เขาได้รับความยุติธรรมและเสมอภาค ขอจงช่วยให้เขาได้รับเกียรติยศอย่างที่เขาควรจะได้ในฐานะที่จะเป็นมารดาแห่งชาติเรา ขอจงช่วยให้เขาได้รู้สึกความภูมิใจในนามว่าภรรยา โดยใช้ศัพท์อันนี้ในทางที่ควรเถิด ! ถ้าท่านทั้งหลายได้ช่วยกันทำให้สำเร็จแล้ว ก็จะเป็นข้อที่เราทั้งหลายควรจะรู้สึกภาคภูมิใจได้อันหนึ่งโดยแท้



ก้อนที่9. ความไม่รับผิดชอบของบิดามารดา


ผลร้ายซึ่งได้เกิดโดยตรงจากการแต่งงานชั่วคราวตามที่กล่าวมาแล้วในบทก่อนนั้น คือ ความไม่รับผิดชอบของบิดามารดา ซึ่งแท้จริงต้องนับว่าเป็นผลธรรมดาแห่งประเพณีอันหละหลวมนั้นเอง

เมื่อชายกับหญิงตกลงกันอย่างง่าย ๆ แต่งงานกันโดยธรรมดาโลก ดังนี้ ก็ย่อมเห็นได้ว่ามิได้นึกฝันถึงการที่จะเป็นบิดามารดา ทั้งมิได้คำนึงถึงความรับผิดชอบซึ่งจะต้องมีมาในฐานะเป็นบิดามารดานั้นเลย ความปรารถนาของเขามีอยู่อย่างเดียวแต่จะกระทำการสมัครสังวาสซึ่งเป็นความรู้สึกของเดียรัจฉานโดยแท้ ปราศจากความมุ่งหมายและความคิดอันสูงซึ่งมีแก่มนุษย์ที่รุ่งเรือง ส่วนการที่เด็กซึ่งเกิดจากการร่วมสังวาสเช่นว่านั้นได้รับความเลี้ยงดูรักใคร่ของบิดามารดาก็เป็นธรรมดาของสัตว์ เพราะฉะนั้นจึงคงนับว่ามีลักษณะคล้ายสัตว์ชั้นต่ำกว่ามนุษย์อยู่มาก สัตว์ตัวผู้มักจะไม่เอาใจใส่เลี้ยงดูลูกเหมือนตัวเมีย ซึ่งถนอมรักษาลูกอยู่จนกว่าจะเติบโตพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ก็ถึงเวลาที่ลูกมันไปจากรังหรือที่อยู่ ส่วนตัวผู้นั้น ถ้าเป็นสัตว์จำพวกนก ความเอาเป็นธุระในลูกของมันบางทีก็จะไม่สิ้นไปก่อนตัวเมีย แต่ถ้าเป็นพวกสัตว์ที่กินนม ตัวผู้นั้นก็ไม่เอาเป็นธุระแก่ลูกเลย และโดยมากไม่รู้ว่าลูกเกิดเมื่อไรด้วยซ้ำ ถ้าเป็นจำพวกสัตว์ที่มีเมียมาก เวลาที่พ่อจะได้พบลูกครั้งแรกและครั้งที่สุดนั้น ก็คงจะเป็นเมื่อเวลาที่มันไล่ให้ลูกมันไปเสียจากหมู่ เพราะมีอายุพอที่จะแย่งเมียของพ่อได้แล้ว

ความเป็นไปคล้ายกับที่กล่าวมานี้ ย่อมเป็นอยู่แต่ครอบครัวที่แต่งงานกันโดยธรรมดาโลก พ่อแม่อยู่กินด้วยกันโดยความมุ่งหมายแต่ความสนุกสบายสำหรับตัว เมื่อเกิดบุตร ก็รักใคร่อยู่ชั่วคราวเพราะใครเลยจะอดเอ็นดูทารกที่น่ารักได้? แต่ในไม่ช้าพ่อก็รู้สึกเบื่อหน่ายเพราะได้ยินเสียงทารกที่ร้องไม่หยุดหย่อน เบื่อในการที่ต้องตื่นในเวลาค่ำคืน เบื่อเพราะกีดขวางในเวลาที่จะหยอกเอินหรือกอดจูบเมียเขา ถ้าหากจะมีทางหาแม่นม และบังคับให้เมียมอบลูกให้แก่แม่นมได้แล้วนั่นแหละ จึงจะได้รับความสำราญและได้เลยลืมลูก แต่ถ้าด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งเขาหาแม่นมไม่ได้ก็ดี หรือชักชวนให้เมียเลิกเลี้ยงบุตรเองไม่สำเร็จก็ดี เขาก็ไปเที่ยวหาเมียใหม่ให้มาอยู่ในบ้านบ้าง แต่โดยมากมักจะพากันไปอยู่เสียที่บ้านอื่น ซึ่งมักจะเป็นบ้านพ่อตาใหม่เสียแหละมาก แต่ถ้าหากเป็นคนที่มีเงิน เขาก็หาเช่าบ้านหรือเช่าห้องอยู่ตามลำพังของเขา การมีบ้านมาก แม้จะเปลืองทรัพย์สินปานใดพวกชายหนุ่มสมัยใหม่ในกรุงเทพฯ ก็ยังชอบประพฤติกันอยู่ โดยอ้างเหตุว่า ที่ทำเช่นนี้เขาเดินตามแผนฝรั่ง และเมื่อยกข้อแก้ตัวนี้ขึ้นได้แล้ว ชาวกรุงเทพฯสมัยใหม่ย่อมเห็นว่าเป็นข้อที่อาจจะทำให้ความชั่วร้ายกลายดีได้

ส่วนหญิงเล่า ถ้าหากเป็นมารดาที่ดี (สาธุที่ยังมีมารดาเช่นนี้อยู่อีกมาก!) ก็ต้องทำอย่างดีที่สุดที่จะทำได้ ถึงแม้ผัวซึ่งโดยธรรมดาของมนุษย์ควรจะมาช่วยเขาบำรุงลูก ไม่นำพา เขาก็อุตส่าห์เลี้ยงดูรักษาลูกไปโดยลำพัง เด็กคนใดที่มีมารดาดังว่านี้ ก็นับว่าเป็นเคราะห์ดีอย่างที่สุด เพราะเด็กนั้นได้มีโอกาสเจริญวัยในความพิทักษ์รักษาและความอบรมของมารดาที่รักบุตร ซึ่งจะทำให้เขาเป็นคนสุภาพสุจริต และต่อไปเป็นผัวที่ดี ผู้เป็นที่จะไม่ลืมหน้าที่ที่เขาจะต้องกระทำให้แก่หญิงผู้ได้ยอมมอบชีวิตให้อยู่ในความคุ้มครองของเขา แต่ถ้าหญิงผู้เป็นมารดานั้น ยอมให้ความรู้สึกอย่างสัตว์เป็นใหญ่ ก็ย่อมจะละทิ้งหน้าที่ซึ่งมารดาควรจะกระทำให้แก่บุตร เพื่อหาอุบายเหนี่ยวรั้งความรักของผัวซึ่งมีอยู่ที่ "เมียน้อย" นั้นกลับมา เด็กที่เกิดแต่มารดาเช่นนี้ นับว่าเป็นกรรมเสียตั้งแต่ออกแล้ว เพราะเมื่อจะหาความรักของบิดามารดาเป็นเครื่องอบรมรักษาไม่ได้แล้ว เด็กก็จะกลายเป็นเด็กป่า เว้นไว้แต่บิดามารดาของเขาจะกลับได้สติส่งให้เด็กไปอยู่เสียกับพวกญาติพื่น้องซึ่งจะได้ช่วยดูแล หรือมิฉะนั้นส่งไปโรงเรียนที่พอจะได้ฝึกหัดสั่งสอนแล้ว เด็กนั้นก็จะกลายเป็นคนที่เห็นตัวเป็นใหญ่ ทำอะไรตามอำเภอใจ บกพร่องในทางธรรมจริยาและความประพฤติ และถ้าเขาเลือกคบเพื่อนที่ชั่วช้าแล้ว ในไม่ช้าก็จะต้องถูกส่งไปดัดสันดานหรือเข้าคุก หรือถ้าเป็นเคราะห์ดีพอที่จะเอาตัวรอดจากที่เช่นนี้ได้ เขาก็ไม่เป็นที่เชิดชูแก่คณะที่เขาอาศัยอยู่เลย แม้แต่บิดามารดาของตนเองก็ตัด

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความไม่รับผิดชอบของบิดามารดานี้แหละ เป็นเหตุให้ความบกพร่องในทางจรรยามีอยู่ในกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่ ๆ ในสมัยนี้ เพราะฉะนั้นถ้าบิดามารดาจะรู้สึกความรับผิดชอบในส่วนบุตรโดยจริงจังแล้ว ก็จะเป็นประโยชน์ดีในอนาคตแห่งชาติเราเป็นอันมาก

แต่ถ้าเรายังยอมให้มีการแต่งงานกันโดยธรรมดาโลก และทิ้งความชั่วร้ายซึ่งเกิดจากความประพฤติเช่นนี้มีอยู่ตราบใด เราจะหวังให้ความรับผิดชอบของบิดามารดาในส่วนบุตรดีขึ้นไม่ได้ตราบนั้น เพราะฉะนั้นวิธีที่จะแก้ไขก็มีอยู่อย่างเดียวแต่จะต้องตัดรากเง่าแห่งความชั่วนี้เสีย ในชั้นต้นเราจะต้องทำให้ทั้งหญิงและชายเข้าใจในความรับผิดชอบของการแต่งงานเสียก่อน คือ เราต้องให้เขาเข้าใจว่าการแต่งงานเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาอย่างหนึ่ง และไม่ควรแต่งงานกันโดยปราศจากความไตร่ตรองถึงเหตุผลที่จะมีมาในเบื้องหน้าเลย ด้วยประการฉะนี้เราจึงจะสามารถทำให้คนรู้สึกได้ว่า ความรับผิดชอบของบิดาและมารดา ใช่จะมีเพียงแต่ทำให้เกิดบุตรเท่านั้นหามิได้ แท้จริงความรับผิดชอบย่อมมีอยู่ตราบเท่าวันตาย! เราจะต้องเพาะนิสัยของเด็กรุ่นใหม่ให้รู้สึกความสำคัญว่า ผู้เป็นบิดามารดาย่อมมีหน้าที่อุปถัมภ์บำรุงบุตรของตนให้เป็นประโยชน์แก่คณะและเป็นพลเมืองที่ซื่อตรงต่อชาติ บุตรชายของตนต้องเป็นผู้สามารถฉลองพระเดชพระคุณพระมหากษัตริย์ ทำคุณแก่บ้านเมืองของตนโดยอาการอันสมนามว่าคนไทย ส่วนบุตรหญิงนั้นเล่า ก็ควรจะเป็นอาภรณ์ที่เชิดชูแก่ชาติ โดยทำตนให้เป็นภรรยาที่ดีและมารดาที่รู้จักหน้าที่ของตน ผู้ใดไม่นำพาแก่บุตร ควรจะนับว่าบกพร่องในหน้าที่ของพลเมืองดี และการที่มีบุตรเป็นคนชั่ว ก็ควรจะทำให้รู้สึกว่าเป็นของที่น่าอัปยศอดสูแก่คนทั้งปวง !

ในเรื่องนี้ขออย่าได้พากันติโทษโรงเรียนเลย ขอให้ระลึกว่าโรงเรียนรัฐบาลทั้งหมดสอนแต่เวลากลางวันเท่านั้น และเด็กมีเวลาอยู่บ้านมากกว่าอยู่โรงเรียน เราไม่ควรจะยอมให้บิดามารดาปัดเสียซึ่งหน้าที่รับผิดชอบโดยพากันมาติโทษโรงเรียน ซึ่งมีแต่หน้าที่สอนวิชาเท่านั้น ส่วนความอบรมในความประพฤตินั้น ยังคงตกอยู่กับบิดามารดา

ข้าพเจ้าขอให้ท่านทั้งหลายคำนึงถึงปัญหาความไม่รับผิดชอบของบิดามารดานี้ให้จงหนัก อันความชั่วทั้งปวงจะถอนรากถากเง่าให้หมดไปในทันใดนั้น ย่อมไม่ได้อยู่เอง แต่เราก็จำเป็นจะต้องตั้งต้นวันหนึ่ง

ท่านทั้งหลาย ท่านอาจจะช่วยได้ทุกคน !

ท่านผู้เป็นบิดามารดาอยู่แล้วก็ควรจะสั่งสอนบุตรของท่านได้ด้วยโอวาท และความตั้งตนไว้ให้เห็นเป็นตัวอย่าง เพื่อให้เขาเข้าใจและรู้สึกในความรับผิดชอบของบิดามารดา อย่าให้เขาแต่งงานก่อนที่ถึงอายุอันสมควรจะรู้หน้าที่ และอย่าให้เขาแต่งงานอย่างที่เรียกว่าโดยธรรมดาโลก หรือยอมให้เขามีเมียลับเลยเป็นอันขาด

ขอท่านทั้งหลายจงแสดงความเกลียดชังในความประพฤติเลวทรามซึ่งมีมากขึ้นทุกวันในหมู่หนุ่มๆ สมัยใหม่ในกรุงเทพฯ ขออย่าได้ส่งเสริมความประพฤติอันหละหลวมในทางจรรยา ให้พวกหนุ่มของเราเข้าใจเสียบ้างเถิดว่า การมีบ้านลับและเมียลับย่อมเป็นของชั่ว และควรเราทั้งหลายจะอุดหนุนการแต่งงานซึ่งกระทำกันโดยเปิดเผยอย่างสุจริต จะเป็นโดยประเพณีโบราณหรือจดทะเบียนต่อหน้าเจ้าพนักงานก็ได้ ขอให้การแต่งงานเป็นไปเพื่อเกียรติยศ มิใช่เรื่องที่จะต้องปกปิดรักษาเป็นความลับเลย]


ก้อนที่10. การค้าหญิงสาว


ผลอันหนึ่งแห่งประเพณีอันชั่วร้ายซึ่งให้ชื่อว่าการแต่งงานกันโดยธรรมดาโลก กับความไม่รับผิดชอบแห่งบิดามารดา รวมสองประการนี้บันดาลให้มีการค้าขายขึ้นอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นที่น่าละอายอย่างยิ่ง คือ การค้าหญิงสาว ซึ่งข้าพเจ้าได้ทราบว่าแม้กฎหมายก็ไม่สามารถกำจัดได้

เราคนไทย ย่อมรู้สึกภาคภูมิในใจอยู่เสมอในการที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ได้ทรงประกาศพระราชบัญญัติเลิกทาสซึ่งถึงแม้ว่าทาสที่เลิกนั้น ยังไกลกับทาสที่เคยมีอยู่ในอเมริกา เพราะเหตุว่าทาสของเรานั้นเป็นแต่เพียงลูกหนี้ที่อยู่รับใช้เจ้าเงินจำเพาะเวลาที่ยังมีหนี้ และถ้าหนี้นั้นหมดวันใดลูกหนี้ก็เป็นอิสระแก่ตนไปจากบ้านเจ้าเงินได้ทันทีฉะนี้ก็ดี แต่ความเป็นทาสแม้อย่างเบาเช่นนี้ ก็ชอบแล้วที่จะถือว่าไม่สมควรจะให้มีอยู่ในหมู่คนไทย การเลิกนั้นจึงได้พากันซ้องสาธุการไม่แต่ในเมืองไทย ทั้งตลอดไปทุกหนแห่ง ว่าเป็นสิ่งประเสริฐซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำในรัชสมัยอันประเสริฐของพระองค์

แต่มีชาวเราน้อยคนที่ได้คิดถึงความชั่วร้ายซึ่งมีอยู่ยิ่งกว่าการมีทาส และซึ่งถ้ามีเสียงก็คงจะร้องตะโกนด้วยเสียงอันดัง แต่ความชั่วนี้หาได้มีเสียงร้องขึ้นได้ไม่ เพราะมีเหตุผลประกอบกันหลายอย่างซึ่งทำให้คนเคราะห์ร้ายร้องไม่ออก

บางทีจะมีผู้นึกเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นบ้า ในการที่ลากเอาสิ่งโสมมอันนี้มาสู่แสงสว่าง แต่เป็นธรรมดาของความชั่ว เราจำต้องพิจารณาดูโดยละเอียดเสียก่อนจึงจะล้างได้ ข้าพเจ้าจึงได้สู้ฝ่าฝืนกล่าวให้เป็นที่ขวางหูแห่งคนบางจำพวก เพราะเหตุต่างๆซึ่งข้าพเจ้าไม่อยากจะพรรณนา แต่เรื่องนี้ได้ฝังใจข้าพเจ้าอยู่นานแล้ว ซึ่งสหายของข้าพเจ้าหลายคนก็ย่อมทราบอยู่ดี และบางทีก็มีหัวเราะเยาะข้าพเจ้า แต่ตัวข้าพเจ้าเองไม่เห็นขันเลย ข้าพเจ้าจะกล่าวต่อไปอย่างสั้นที่สุดที่จะกล่าวได้

สมมุติว่าท่านต้องการจะมีเมียใหม่ ท่านจะเริ่มจัดการอย่างไร ? ถ้าท่านแก่ตัวมาแล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่มีอะไรจะมาสอนท่านอีก แต่ข้าพเจ้าจะขอให้ท่านอ่านอยู่ดี เพราะบางทีจะมีข้อที่ควรเก็บไปตรึกตรองได้ เริ่มต้นที่ท่านจะต้องจัดการในเรื่องนี้ก็คือ ตัวท่านเองจะต้องตกลงใจเสียก่อนว่าท่านจะต้องการให้หญิงที่จะหามานั้นเป็นเมียหลวง หรือเมียน้อย หรือเมียลับ ? ถ้าท่านจะต้องการให้เป็นเมียหลวง ท่านก็จะต้องเดินตามทางซึ่งเป็นประเพณีรู้กันอยู่โดยทั่วแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องกล่าวโดยพิสดารอีก การแต่งงานในเวลานี้คนหนุ่มๆสมัยใหม่ชั้นสูงๆ ของเรา ลงความเห็นว่าไม่เป็นของสนุกเลย และซึ่งถ้าจะทำให้ดีแล้วก็เป็นการเปลืองเงินมากด้วย แต่อาศัยเหตุที่ไม่มีเมียหลวงคนใดเขาจะยอมมาเป็นภรรยาด้วยวิธีอย่างอื่น การแต่งงานจึงได้คงกระทำกันอยู่

ข้อนี้ย่อมอธิบายเหตุที่คนชั้นหนุ่ม ๆ ของเราพอใจในการมีเมียลับมากกว่าเมียหลวง เพราะว่าในการมีเมียลับนั้นไม่ต้องเอะอะวุ่นวายอย่างไร การมีเมียน้อยก็เหมือนกัน เป็นแต่การเพิ่มจำนวนขึ้นในครอบครัว จึงกระทำกันแต่โดยเงียบ ๆ และบางทีก็โดยลับ ๆ ด้วย

ข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่ผิดที่จะกล่าวว่า การมีเมียน้อยเป็นประเพณีโบราณซึ่งคนไทยหนุ่ม ๆ สมัยใหม่ไม่ชอบเลย เพราะว่าเป็นประเพณีมีเมียหลายคน ซึ่งหนุ่ม ๆ ผู้ได้รับความศึกษามาแล้วอย่างฝรั่งร้องให้เลิก พวกหนุ่มเหล่านี้ได้ริแบบใหม่ คือ มีเมียลับ ซึ่งเขาเห็นว่าสมควรแก่คน "ศิวิไลซ์" สมัยใหม่ ซึ่งมีเมียออกหน้าแต่คนเดียวอย่างฝรั่ง

การมีเมียน้อยนั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่าเปลืองน้อยกว่าเมียลับ เพราะว่าการที่จะหามานั้นก็ไม่สู้จะเปลืองกี่มากน้อย ด้วยเหตุว่าหญิงนั้นโดยมากอยู่ในบ้านตนแล้ว ครั้นเมื่อได้เป็นเมีย หญิงก็คงอยู่กินในบ้านเดียวกับเมียหลวงนั้นเอง สำหรับเมียหลวงใช้สอยในกิจการทั่วไป ส่วนเมียน้อยก็ไม่ต้องรับความลำบากร้อนใจมากขึ้น และถ้ามีลูกด้วยแล้ว ก็กลับได้รับความอุปถัมภ์บำรุงมากขึ้นเสียอีก และถ้าเมียหลวงไม่มีลูก เมียน้อยก็นับว่าได้ถึงซึ่งความสุขเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนเมียลับนั้น เป็นเหตุให้ชายต้องใช้จ่ายเปลืองมาก! ในชั้นต้นก็ต้องไปเที่ยวหาหญิงแก่อะไรคน 1 ให้เป็น "เอเยนต์" ไปพูดจาล่อลวงหญิงที่ตนต้องการ ตามวิธีที่สื่อเหล่านี้ย่อมเข้าใจใช้เป็นอย่างดี และถ้าหญิงนั้นมีความเต็มใจด้วย แม่สื่อก็จัดการตกลงทีเดียว และถ้าถึงเนื้อถึงตัวได้เสียกันแล้วอย่างที่มักจะเป็นอยู่เนือง ๆ กิจที่พึงทำต่อไปก็นับว่าไม่เป็นของยากเย็น มีอยู่แต่เพียงเข้าไปหาบิดามารดาของหญิงขอให้เงินเสียสัก 400 บาท หรือถ้าบิดามารดาเป็นคนอนาถาจะให้น้อยกว่านั้นก็ได้ และข้อที่จะยกขึ้นพูดว่าลูกสาวได้เสียตัวเป็นเมียแล้วเช่นนี้ ก็ทำให้ราคาของหญิงนั้นน้อยลงได้มาก เพราะบิดามารดาของหญิงนั้นจำใจต้องรับเงินตามแต่จะได้ดีกว่าที่จะเสียลูกสาวไปโดยไม่ได้อะไรเลย! แต่ถ้าหญิงนั้นฉลาดไม่ยอมเสียตัว ก็จำเป็นจะต้องตรงไปหาบิดามารดาของเขาต่อรองกันอย่างดีที่สุดที่จะทำได้ บิดามารดาที่เป็นหม้ายมักจะตกลงง่ายที่สุด เพราะว่าเขาอยากให้ลูกสาวไปเสียจากบ้านอยู่แล้ว หญิงที่เป็นหม้ายบางคนถึงกับใช้ให้แม่สื่อไปเที่ยวพูดกับชายหนุ่ม ๆ ที่น่าจะยกลูกสาวให้ เพื่อชักนำให้มาเกี่ยวข้องกับลูกสาวด้วยซ้ำ อย่างไรก็ดีปัญหามีอยู่ที่ตรงจำนวนเงินเท่านั้น ถ้าให้มากพอแล้ว โดยมากก็เต็มใจจะให้ลูกสาว และบางรายถ้าลูกสาวไม่ยอมที่จะมีผัว ก็ถึงกับเฆี่ยนตีข่มใจด้วยซ้ำ

เมื่อจะตกลงได้หญิงมาสมประสงค์แล้ว กิจที่จะพึงทำต่อไปก็คือ เที่ยวหาเช่าบ้านหรือห้องสำหรับอยู่ และถ้าต่อรองตกลงกับบิดามารดาของหญิงเมื่อใด ก็พาไปอยู่ที่ซึ่งเตรียมไว้ นี้เป็นเสร็จพิธีแต่งงานที่หญิงอันน่าสงสารนี้จะพึงได้รับในชีวิตของเขา

เมียลับเช่นนี้ ในระหว่างที่สามียังรักอยู่ก็มีความสุขพอประมาณ เงินทองเพชรพลอยเครื่องแต่งตัวก็พอหา รถยนต์หรือรถม้าก็มีขี่เที่ยวเล่น สุดแล้วแต่กำลังของผัว แต่ครั้นความรักของผัวแปรปรวนไปอยู่กับหญิงอื่น การอย่างหนึ่งอย่างใดใน 3 อย่างนี้ก็จะเกิดมีแก่หญิงผู้เป็นเมียลับ คือ ถ้าชายเป็นคนมั่งมี เขาก็ให้หญิงอาศัยในห้องที่เช่าอยู่ต่อไปโดยลำพัง และให้เงินกินบ้าง แต่ถ้าหญิงนั้นพอใจจะกลับไปอยู่กับพ่อแม่ก็ไปได้ และก็ให้เงินกินบ้างพอสมควร หรือถ้าชายไม่สู้จะมั่งมีเขาก็จัดส่งหญิงนั้นกลับไปอยู่กับพ่อแม่ และถ้ามีเงินทองพอและจำได้ เขาก็ส่งเงินไปให้บ้างเป็นครั้งคราว แต่ถ้าชายเป็นคนที่ใจทมิฬหินชาติ เขาก็หาข้อแก้ตัวสำหรับเลิกกับหญิงแล้วไล่ให้ไปเสียจากที่อยู่

หญิงที่เคราะห์ร้ายเช่นนี้ ไม่มีหนทางที่จะแก้ไขป้องกันความดุร้ายทารุณเช่นนี้ได้ เพราะว่าชายมิได้ทำสิ่งใดที่เป็นการนอกเหนือกฎหมาย จะฟ้องในฐานล่อลวงร่วมประเวณีก็ไม่ได้ เพราะการที่พ่อแม่ตกลงยินยอมทำให้หญิงเป็นเมียของชายโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว และส่วนตัวเองก็ได้อยู่กินกับชายมาแล้วด้วยความพร้อมใจ ส่วนการที่เลิกหย่านั้นก็ไม่ผิดกฎหมาย ตกลงว่าหญิงนั้นมีกรรมเพราะว่า "กฎหมายผู้ชายทำ" นั้นไม่ได้เปิดโอกาสอย่างไรให้หญิงร้องทุกข์ได้ ถึงอย่างไรก็ดี หญิงนั้นก็ไม่สามารถที่จะร้องได้ ด้วยยังมีความอับอายเกินกว่าจะไปไขความที่ทำไว้ในที่ลับให้แจ้งขึ้นในศาลอันเป็นสาธารณสถานที่คนทั้งหลายไปมาได้

หญิงที่ถูกกระทำร้ายเพราะชายชั่วเช่นนี้ บางทีก็ต้องหันไปสู่อาชีวะอันเสื่อมศักดิ์ ซึ่งทำลายทั้งร่างกายและจิตใจของเขา หญิงประเภทนี้เมื่อออกจากชายคนหนึ่งแล้ว ก็ตกไปถึงมือชายคนอื่นซึ่งชั่วร้ายใจทมิฬไม่ผิดกันตกต่ำลงไปทุกที จนในที่สุดก็กลายเป็นหญิงโคมเขียว! สิ่งที่น่าเคืองที่สุดนั้นก็คือหญิงที่บริสุทธิ์ลูกสาวชาวบ้านนอกที่พอมีอันจะกิน แต่ค่อนข้างเขลาเบาปัญญาถูกล่อลวงเข้ามาในกรุงเทพฯ โดยความหวังตั้งใจว่าจะได้มาเป็นภรรยาขุนนางอะไรคน 1 แต่รู้สึกได้เมื่อภายหลังเสียแล้ว ว่าตนถูกล่อลวงเข้ามาให้ได้รับความลำบากยากเข็ญยิ่งกว่าทาส

การค้าหญิงสาวอย่างชั่วร้ายแสนสาหัสนี้ ได้กระทำกันอยู่ต่อหน้าเราทุกวัน แต่ดูเหมือนไม่มีใครจะได้นึกฝันว่าเป็นของน่าอัปยศชั่วร้ายปานใด ที่การค้าขายเช่นนี้มีอยู่ได้ ก็เพราะว่าเราบางคนนึกเสียว่าไม่ใช่กงการอะไรของเรานั้นประการ 1 และอีกประการ 1 ซึ่งซ้ำร้ายก็เพราะได้รับความอุปถัมภ์แห่งคนหลายคนที่อยู่ในตำแหน่งสูง ๆ การค้าขายเช่นนี้จึงกำไรอยู่!

แต่คนที่ชั่วที่สุดนั้นคือพวกหญิงที่หากินโดยเป็นแม่สื่อ ข้าพเจ้าได้ทราบเรื่องว่ามีอยู่คน 1 ซึ่งหากินอยู่ทางนี้โดยปรกติ และมักพอใจที่จะอวดรูปของบรรดาผู้อุปถัมภ์เขา และในหมู่รูปที่เขาอวดนี้มีรูปที่เรารู้จักหน้าดีอยู่หลายคน! หญิงเหล่านี้ได้แอบแฝงเข้าไปในบ้านผู้ดีได้โดยอุบายต่าง ๆ ข้าพเจ้าเองได้เคยประกาศว่า ถ้าพบหญิงโหดเช่นนี้ในบ้านของข้าพเจ้าเมื่อใด ข้าพเจ้าจะถือกฎหมายไว้ในมือเฆี่ยนเสียให้สาใจและจะยอมทนค่าเสียหายให้ภายหลัง ต่อนั้นมาข้าพเจ้าไม่เคยได้รับความรำคาญจากหญิงพวกนี้เลย ถ้าบรรดาเจ้าของบ้านจะประกาศอย่างข้าพเจ้าบ้างแล้วก็คงจะเห็นผลได้บ้าง แต่บางทีก็จะไม่สู้มากมายนัก เพราะหญิงแก่เหล่านี้คงจะหันไปหาพวกที่อยู่ห้องแถว ซึ่งเป็นสำนักของพวกที่เป็นเหยื่อของมันโดยปรกติอยู่แล้ว

ยังมีอยู่อีกทาง 1 แต่เป็นทางที่ยาก ก็คือสั่งสอนให้บรรดาบิดามารดารู้สึกความอัปยศเสียหายในการที่ขายลูกสาว แต่เมื่อความโลภแห่งมนุษย์ยังมีอยู่หนาแน่นเช่นนี้ตราบใด และเมื่อยังนิยมการมีเมียลับซึ่งบรรดาหนุ่ม ๆ มีความประสงค์ที่จะซื้ออยู่เช่นนี้ การที่จะคิดแก้ไขในเรื่องนี้ก็ยังไม่เป็นที่หวังได้อยู่ตราบนั้น

ก็ความชั่วที่เป็นอยู่อย่างนี้ จะไม่มีทางแก้ไขให้ดีขึ้นบ้างหรือ? จะให้เสียงของข้าพเจ้าเป็นเสียงเดียวที่รำพันอยู่ในป่าเปลี่ยวฉะนั้นหรือ?


ก้อนที่11. ความหยุมหยิม


โคลนก้อนร้ายที่สุดอีกก้อน 1 ก็คือ ความหยุมหยิมซึ่งเป็นผลโดยตรงแห่งการถือตนเป็นสำคัญ อันเกิดจากความสงบศึกและความศิวิไลซ์ ในเวลาสงครามคนเราทุกคนมีกิจอันพึงกระทำทั้งด้วยกายและด้วยใจมากเกินไปที่จะนึกถึงตน และที่จริงถึงแม้ว่าอยากจะนึกก็นึกไม่ได้ เพราะฉะนั้น ทุกประเทศที่สงบศึกมานาน พลเมืองแห่งประเทศนั้นจึ่งกลายเป็นคนถือตนว่าสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่น เห็นแต่ประโยชน์ของตน มีความคิดแคบ ทั้งนิสัยก็หยุมหยิมมากขึ้นทุกวัน

ในประเทศเราเองก็ดุจกัน ก่อนที่เราได้รับความ "ศิวิไลซ์" ถึงเพียงนี้ ข้าพเจ้าเชื่อว่าความสำราญใจในเวลาปรกติของเรา คงจะได้มีแก่เรามากกว่าเวลาบัดนี้เป็นแน่ เพราะว่าคงจะมิได้ยกตนให้สูงลอยถึงปานนี้ นิสัยใจคออันหยุมหยิมอย่างบัดนี้จึงมิได้มีแก่เรา ต่อเมื่อความ "ศิวิไลซ์" จากยุโรปมาถึงเราเข้าแล้ว สอนให้เรารู้สึกคุณแห่งความ "ศิวิไลซ์" ในทางที่ให้ความสุขสำราญส่วนตัว เมื่อนั้นเราจึ่งได้รู้สึกขึ้นมาว่าเราได้ละเลยประโยชน์ส่วนตัวของเราปานใด แต่นั้นมาเราก็มิได้เฉื่อยชา ประกอบกิจการทั้งปวงให้เจริญทันสมัย เพราะฉะนั้นในเวลาไม่ช้านัก เราทุก ๆ คนจึงได้ยกตนขึ้นไปลอยอยู่บนแท่นซึ่งเราได้ทำขึ้นไว้เองสำหรับตัวเรานั่ง เราได้ถึงแล้วซึ่งความ "ศิวิไลซ์" และด้วยเหตุนี้เราจึงได้กลายเป็นคนที่มีนิสัยหยุมหยิม

บุคคลที่มีนิสัยหยุมหยิมนั้น ความจริงเป็นคนที่น่าขัน แต่บางทีก็เป็นอันตรายได้ เพราะว่าเขามักจะเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย กิจการใด ๆ ที่มีขึ้น ถ้าเขามิได้มีส่วนหรือเป็นตัวสำคัญอยู่ในกิจการนั้น ๆ แล้ว เขาเป็นไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น และเพื่อกั้นกางมิให้กิจการนั้นดำเนินไป เขาจะยับยั้งที่จะใช้อุบายแม้จะเลวทรามปานใดนั้นก็หาไม่ และกิจการนี้ถึงแม้จะเป็นของสำคัญสำหรับชาติปานใด ก็ไม่ประหลาดอะไร ถ้าเขาไม่มีส่วนอยู่ด้วยและจะไม่ได้รับความสรรเสริญเฉพาะตัวเขาแล้ว คนหยุมหยิมที่ว่านี้เป็นต้องไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น! ทั้งนี้ใช่ว่าเขาจะทำการโดยเปิดเผยก็หามิได้ เพราะการที่ทำเช่นนั้นถ้าไปเสียท่วงทีในการตอบโต้กัน ก็เป็นเสียรัศมีส่วนตัว คนชนิดนี้จึงพอใจทำการแต่ในที่มืด หรือจะใช้คำเปรียบให้สมสมัย ก็จะใช้ได้ว่าคนชนิดนี้พอใจขุดอุโมงค์วางดินระเบิดมากกว่าการประจัญบานด้วยดาบปลายปืนหรือยิงต่อสู้ด้วยปืนใหญ่

กิจการอย่างใด ๆ มีบ้างหรือไม่ซึ่งเริ่มขึ้นในสมัยนี้ ที่มิได้มีผู้ "ขุดอุโมงค์ทำลาย" เช่นนั้น? การตั้งคณะเสือป่า ตามที่เราทั้งหลายย่อมรู้อยู่ด้วยกันแล้ว ก็อาจจะยกขึ้นได้เป็นตัวอย่าง แต่เรื่องนี้ขอยุติกันที เพราะข้าพเจ้าหวังใจว่าเป็นเรื่องเก่าแล้ว และจะไม่มีใครฟื้นขึ้นมาอีก ส่วนความดำริของกรรมการราชนาวีสมาคมนั้น ประสบสมัยที่เหมาะกว่าการตั้งเสือป่า ด้วยเหตุว่าได้เริ่มจัดขึ้นในเวลาซึ่งผู้ที่มีสติปัญญาทั้งหลายพากันรู้สึกยุทธภัยว่ามีอยู่เพียงใด แต่ถึงกระนั้นราชนาวีสมาคมจะได้รอดพ้นจากคนขุดอุโมงค์วางดินระเบิดที่มีอยู่ทั่วไปนั้นก็หามิได้ อุทาหรณ์ต่าง ๆ ยังมีที่จะยกมากล่าวได้เป็นอันมาก แต่จะยกขึ้นมาทำไม อ่านมันก็ไม่สนุกดอกไม่ใช่หรือ?

บัดนี้ข้าพเจ้าจะขอถามท่านทั้งหลาย ว่าในการที่บรรพบุรุษของเราเมื่อ 2000 ปีมาแล้ว ได้พร้อมใจกันผละตัวออกหากจากความกดขี่ของเจ้าแผ่นดินจีน มาตั้งคณะเป็นใหญ่ให้นามว่าชาติไทยขึ้นนั้น มีลักษณะอันหยุมหยิมอยู่ในการนั้นบ้างหรือไม่? ในการที่พระร่วงเมืองละโว้ได้ตกลงพระทัยจะไม่ส่งส่วยน้ำไปยังเจ้ากรุงขอมผู้เป็นใหญ่ก็ดี เมื่อสมเด็จพระเจ้ารามาธิบดีที่ 1พระเจ้าอู่ทอง ได้ย้ายมาตั้งราชธานีในกรุงศรีอยุธยา คือตั้งราชอาณาจักรไทยขึ้นได้ ในสมัยที่ขอมผู้เป็นศัตรูยังมีอำนาจอยู่นั้นก็ดี หรือในการที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชผู้ทรงเป็นมหาวีรบุรุษแห่งชาติเราได้ทรงกู้เมืองเป็นอิสระไม่ยอมอ่อนต่อพระเจ้ากรุงหงสาวดี และทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยแก่พระมหาอุปราชาแห่งหงสาวดีก็ดี หรือในการที่สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรงสถาปนาราชธานี ณ กรุงเทพมหานครนี้ก็ดี เหตุการณ์เหล่านี้ได้มีลักษณะอันหยุมหยิมบ้างหรือไม่? ข้าพเจ้าก็ไม่จำเป็นที่จะกล่าวว่าคำตอบปัญหานี้ล้วนเป็นคำปฏิเสธทั้งสิ้น!

แต่ถ้าท่านจะพลิกอ่านพงศาวดารของเราดู ท่านจะเห็นได้ว่าก่อนหน้าที่จะเกิดความพินาศ******แก่เราคราวใด ต้องมีสมัยเวลาที่คนเราเกิดมีความหยุมหยิมยุยงคิดร้ายซึ่งกันและกัน อันเป็นผลแห่งความปรารถนาหาประโยชน์และความเป็นใหญ่ส่วนตัวทั้งสิ้น

การเช่นนี้ จะเป็นอยู่เฉพาะชาติเราก็หามิได้ ย่อมเหมือนกันทั่วไปไม่ว่าในยุโรปหรืออาเซีย ชาติใดที่ได้มีความสงบศึกมานาน ชาตินั้นก็ย่อมหาความสำราญและประโยชน์ส่วนตัวทุกคน ความรักตัวมีมากขึ้น ความหยุมหยิมจึงเกิดมีตามมา และถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นจะมักคุยโตต่าง ๆเขาจะสามารถคิดกิจการให้ใหญ่โตเหมือนปากก็หามิได้ เมื่อกิจการทั้งปวงถูกมัดรัดแคบเข้ามาเพื่อประโยชน์อย่างเดียวคือ ประโยชน์ส่วนตัวเช่นนี้แล้ว ก็ถึงเวลาที่ชาติที่แข็งแรงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะก้าวเข้ามาล้างชาติที่มีแต่คนบัดซบสำคัญว่าความเห็นของตนเป็นใหญ่ ไม่สามารถจะคิดอะไรให้ไกลไปกว่าตนเองได้

ข้าพเจ้าหวังใจว่า ท่านทั้งหลายไม่มีความปรารถนาที่จะให้ชาติของท่านเลื่อนลอยไปในทางนั้นไม่ใช่หรือ? เวลายังมีอยู่พอที่เราทั้งหลายจะยั้งตัวของเราไว้ เพราะว่าเรายังหาได้ลอยไปไกลจนเกินนักไม่ แต่เราจะต้องช่วยกันจับพาย ๆ เรือของเราที่ลอยอยู่นั้นทวนน้ำขึ้นไปอย่างดีที่สุดที่จะทำได้ และเราจะต้องรีบร้อนด้วย

ข้าพเจ้าขอวิงวอนให้ท่านตั้งต้นในวันนี้ เพราะถ้ารอไปจนถึงวันหน้า เรือของเราอาจจะเข้าไปใกล้แก่งผาเกินกว่าที่เราจะแก้ไขได้ด้วยพาย

ท่านจะตั้งต้นอย่างไร?

ไม่ลำบากเลย คือ บรรดากิจการใดซึ่งมีผู้ดำริริเริ่มขึ้น จะเป็นรัฐบาลก็ดี หรือบุคคล หรือสมาคมใด ๆ ที่มีความคิดมุ่งต่อประโยชน์แห่งชาติ อย่างเช่นคณะเสือป่าและราชนาวีสมาคมฉะนี้ไซร้ ขอให้ท่านพิจารณาดูกิจการนั้น ๆ ด้วยความคิดอันกว้างขวางและรอบคอบ ขออย่าให้ท่านคิดถึงกิจการนั้น ๆ ว่าจะเป็นประโยชน์อย่างไรสำหรับตัวท่านเลย ขอให้คำนึงถึงแต่ประโยชน์สำหรับชาติ แล้วและพยายามที่จะเชื่อว่า ถ้ากิจการนั้นเป็นประโยชน์สำหรับชาติแล้ว ก็ย่อมจะเป็นประโยชน์สำหรับตัวท่านเหมือนกัน เพราะว่าท่านเป็นอะไร ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชาติหรือ? ถ้าชาตินั้นล่มจมท่านก็ต้องล่มจมด้วย เว้นไว้แต่ท่านจะเป็นคนขี้ขลาดที่เอาตัวรอดจากชาติของท่าน ดังกะลาสีที่ขลาดหนีจากเรือของตนฉะนั้น แต่ข้าพเจ้าหวังใจว่า ท่านคงจะไม่เป็นไปได้เช่นนั้นเป็นแน่แท้

ถ้าท่านฝึกฝนตนเอง ให้คิดไปแต่ในทางที่ข้าพเจ้าวิงวอนนี้แล้ว ท่านก็คงจะรู้สึกว่าความหยุมหยิมหมดไปจากนิสัยของท่าน ดุจบังตาที่หลุดจากตาท่านฉะนั้น และท่านจะแลเห็นการภายหน้าอันสง่างามอย่างที่ท่านมิได้เคยเห็นมาแต่ก่อน! เมื่อมีของที่พึงปรารถนาล่อหน้าท่านอยู่เช่นนี้แล้ว ท่านไม่รู้สึกหรือว่าควรจะพยายามปลดเปลื้องความหยุมหยิมที่มีอยู่ในนิสัย? ถ้าท่านยังมิได้พยายาม ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านทั้งหลายให้ลองพยายามดูสักทีเถิด



ก้อนที่12. หลักฐานไม่มั่นคง


ข้าพเจ้าได้ตั้งใจทิ้งเรื่องนี้ไว้จนที่สุด ด้วยเหตุว่าข้าพเจ้ารู้สึกอยู่ดีว่าเป็นเรื่องลำบากที่สุดที่จะกล่าวมิให้ขวางหุแก่คนทั่วไปได้ แต่ข้าพเจ้าพยายามอย่างดีที่สุดที่สติปัญญาอันน้อยของข้าพเจ้าจะทำได้ ถ้าและข้าพเจ้าได้กล่าวข้อความใด ๆ ให้ระคายเคืองแก่ท่านแม้แต่เล็กน้อยข้าพเจ้าขอให้ท่านให้อภัยแก่ข้าพเจ้าผู้มีความตั้งใจอันดีนั้นเถิด

ข้าพเจ้าย่อมทราบอยู่เต็มใจว่า ท่านทั้งหลายทุกคนที่มีความปรารถนาดีต่อชาติไทย ย่อมได้พยายามกระทำการเพื่อประโยชน์มากที่สุด แด่พระมหากษัตริย์และบ้านเมือง แต่ว่าผลที่เกิดนั้นไม่สู้จะดีดังคาดหมายทุกรายไป

ตามกระแสพระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ท่านจะเห็นได้ว่าพระองค์มีพระราชประสงค์จะให้บรรดาข้าทูลละอองธุลีพระบาททั้งปวง ประพฤติตนให้เป็นตัวอย่างอันดีงามทั้งในทางราชการและในกิจการส่วนตัว หรืออีกนัยหนึ่งพระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะให้ข้าทูลละอองธุลีพระบาทนั้นมีหลักฐานมั่นคงจริง ๆ ไม่ใช่ว่ามีแต่ตามผิว ลักษณะใดซึ่งมีพระราชประสงค์จะทอดพระเนตรเห็นในบรรดาข้าราชการ ลักษณะนั้นถ้ามีอยู่ในหมู่ประชาชนของพระองค์ทั่วไป ก็จะเป็นที่พอพระราชหฤทัยยิ่งนัก

อันบุคคลใด แม้จะดีเลิศปานใดในหน้าที่ราชการหรือในกิจการที่ประกอบเลี้ยงชีพก็ดี ถ้ายังเป็นที่บกพร่องในกิจการส่วนตัว ข้าพเจ้าเรียกว่าเป็นผู้ที่มีหลักฐานไม่มั่นคง คนชนิดนี้ถ้าจะว่าตามที่เห็นได้ในทางราชการหรือในกิจการที่เขาหากิน ก็ดูเป็นที่ควรจะเชื่อถือได้ แต่ความเชื่ออันนี้ย่อมจะเสื่อมไปในเมื่อเราได้มาทราบถึงความประพฤติส่วนตัวของเขาดุจถ้อยคำของนักเทศน์ที่แสดงความชั่วร้ายของการเมาสุรา ถ้าเราได้เห็นนักเทศน์ผู้นั้นไปเมามายกอดจูบเสาโคมอยู่กลางถนนแล้ว ก็จะหมดน้ำหนักลงทันที

ข้อนี้อุปมาฉันใด ในส่วนข้าราชการและคนที่ทำกิจการก็อุปมัยฉันนั้น ข้าราชการผู้มีหน้าที่รักษาพระราชทรัพย์ ถ้าเป็นคนสุรุ่ยสุร่ายเล่นเบี้ยชอบการพนัน ก็ย่อมไม่เป็นที่ไว้วางใจแห่งคนทั้งหลาย หรือผู้พิพากษาตุลาการผู้มีหน้าที่วางบทพระอัยการและพิจารณาพิพากษาคดีของประชาชน ถ้าเป็นคนที่ชอบสมาคมกับนักเลงก็ดี ชอบเล่นการพนันในบ้านตนเองก็ดี ย่อมจะเสียชื่อขาดความนับถือแห่งคนทั้งปวง หรือเจ้าของธนาคาร ถ้าต้องไปเที่ยวขอยืมเงินตามเพื่อฝูง ก็ย่อมจะเสียคุณสมบัติว่าเป็นคนชำนาญในการเงิน หรือส่วนผู้ที่ทำกิจการค้าขายนั้นถ้าเป็นคนที่มีนิสัยฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย คนทั้งหลายก็ย่อมไม่ไว้ใจให้เชื่อของๆ เขาไปเป็นจำนวนมาก

บุคคลประเภทต่าง ๆ ตามที่กล่าวมานี้ ล้วนเป็นตัวอย่างของการมีหลักฐานไม่มั่นคง ข้อแก้ตัวที่ว่าความประพฤติส่วนตัวไม่เกี่ยวแก่ผู้อื่นจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ ไม่เกี่ยวไปถึงหน้าที่ราชการหรือกิจการค้าขายฉะนี้ ฟังดูก็เพียงพอสำหรับผู้ที่ยกขึ้นแก้ตัวเอง แต่ไม่เพียงพอสำหรับคนที่เขามีธุระจะทำติดต่อด้วยเลย เพราะว่าเป็นธรรมดาอยู่เองที่คนเรา เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตน ตนย่อมมีความปรารถนาที่จะทำการติดต่อแต่กับคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้ทุกสถานเท่านั้น

หลักฐานไม่มั่นคงในบุคคล เมื่อมีอยู่โดยแพร่หลาย ย่อมเป็นเหตุให้ชาวชาติอื่น ๆ ไม่ไว้ใจในชาติแห่งบุคคลนั้น ๆ ท่านไม่เคยนึกบ้างเลยหรือว่าที่การติดต่อในระหว่างเมืองเรากับต่างประเทศ ยังมีข้อมัดตัวเราอยู่อย่างน่าอนาถใจนั้น เป็นผลแห่งการที่ชาวต่างประเทศเขายังไม่เชื่อถือในความมั่นคงของเรา การที่ต่างประเทศตั้งศาลกงสุลชำระคดีในระหว่างคนร่วมธงของเขาในเมืองเรานั้น จะแปลว่าอะไรได้บ้าง นอกจากความไม่ไว้ใจในเรา?

เพื่อแสดงให้ท่านเห็นว่า ฝรั่งผู้ที่เขามีความคิดอันกว้างขวาง มีความเห็นในเรื่องการตั้งศาลชำระความคนร่วมธงในดินแดนของประเทศอื่นเป็นอย่างไร ข้าพเจ้าจะขอนำถ้อยคำของ นาย เอช. เออร์เนสต์คาร์ล ที่ปรึกษากฎหมายในแผนกคลังข้างที่ของเจ้าแห่งไอยคุปต์คนก่อน ซึ่งเขากล่าวไว้ในเรื่อง "ประเทศราชใหม่ของอังกฤษ เรื่องอนาคตกาลแห่งไอยคุปต์ในกิจการที่ติดต่อกับนานาประเทศ" ซึ่งลงในวิลด์เซอร์แมคาซีนเดือนมีนาคม เขาได้กล่าวถึงสัญญาว่าด้วยการตั้งศาลต่างประเทศตามที่ใช้อยู่ในเมืองไอยคุปต์นั้น ดังนี้:-

"การที่ประเทศอันเป็นอิสระ ต้องถูกจำกัดการใช้อำนาจในดินแดนอาณาเขตตนเองนั้น ย่อมเป็นเครื่องขัดขวางแก่การปกครองและรัฎฐาภิบาลอันดี บรรดาคดีพิพาททั้งปวงในระหว่างชาวต่างประเทศต้องชำระในศาลกงสุลของเขา และบรรดาชาวต่างประเทศไม่ยอมที่จะขึ้นศาลไอยคุปต์ในคดีที่มีชาวเมืองเกี่ยวขอ้งด้วยเลย"

"เป็นการแทบเหลือวิสัยที่จะแสดงให้เข้าใจได้ว่าการที่เป็นเช่นนี้ทำให้ยุ่งยากปานใด ทั้งยังซ้ำร้ายที่ยังมีชาวต่างประเทศใช้วิธีพิเศษนอกเหนือไปจากทางศาลกงสุลของเขา คือ วิธีของร้องไปยังทูตเพื่อให้ช่วยเหลือในคดีของเขาอีกชั้นหนึ่ง"

"ในการกำจัดความประทุษร้ายทางอาญา ย่อมมีข้อลำบากยุ่งยากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุที่ต้องปฏิบัติตามคติกฎหมายข้อหนึ่ง ซึ่งบังคับว่าเคหสถานของชาวต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองไม่มีอำนาจจะค้นได้ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะจัดการจับกุมตัวชาวต่างประเทศ จึ่งจำเป็นต้องไปเชิญกงสุลมาด้วยเพื่อจะไม่ให้เป็นการผิดกฎหมาย จึ่งเกิดความบกพร่องเสียหายในความยุติธรรมด้วยเหตุนี้เหลือที่จะพรรณนาได้"

"การที่พวกผู้ร้ายซ่องสุมกันกระทำความฝ่าฝืนกฎหมายโดยคบคิดกันในระหว่างบุคคลหลาย ๆ ชาติ ไปทำในที่อันเป็นของชาวต่างประเทศอีกคนหนึ่งนั้น ไม่เป็นของแปลกประหลาดเลย เพราะก่อนที่เจ้าพนักงานจะจัดการจับกุมได้ จำเป็นต้องไปเชิญตั้งครึ่งจำนวนของบรรดากงสุลที่อยู่ในเมืองไคโร!"

ต่อไปอีกหน่อยหนึ่ง เขากล่าวว่า "แม้ว่าจะจับตัวผู้ร้ายได้ก็ยังไม่แน่อีกว่าจะต้องรับโทษทุกคราวไป เพราะบางทีความผิดที่กระทำนั้นแม้มีโทษตามกฎหมายไอยคุปต์ก็ดี ไม่เป็นผิดตามกฎหมายของประเทศผู้ที่กระทำก็ได้ เพราะฉะนั้นในที่สุดก็เป็นอันรอดพ้นไม่ต้องรับโทษ"

การที่เป็นอยู่เช่นนี้ย่อมรู้สึกทั่วกันว่า เป็นการติดขัดเหลือสติกำลังที่จะผ่อนผันกันต่อไปได้ จึ่งบรรดาประเทศที่มีประโยชน์ในไอยคุปต์กระทำความตกลงกันในปีค.ศ.1876 ตั้งศาล "ผสม" มีทั้งศาลล่างรับฟ้องและศาลอุทธรณ์ แต่ประมวลกฎหมายที่ทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับศาลนี้เป็นอย่างตึง จะดัดแปลงอนุโลมใช้ไม่ได้สะดวก จึงทำให้ประโยชน์ที่ได้รับนั้นไม่เท่าที่ควรจะได้ และอาศัยเหตุที่ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือที่จะดูแลจึ่งทำให้การของศาลนี้เดินช้ามาก แต่ศาลนี้ได้ตั้งขึ้นแทนศาลกงสุลต่าง ๆในแผนกความแพ่งเท่านั้น ส่วนคดีอาญาทั้งปวงยังคงเป็นไปตามเดิม

เพราะฉะนั้นจึ่งเห็นได้ว่า การตั้งศาลในอาณาเขตต่างประเทศนั้นเป็นของที่ไม่สะดวกด้วยกันทั้งสองฝ่าย เว้นเสียแต่จำพวกคนที่หาผลประโยชน์ในทางนี้ด้วยมีความมุ่งหมายส่วนตัว เพราะฉะนั้นเราจึ่งต้องยอมเชื่อว่า บรรดาประเทศซึ่งยังมีศาลกงสุลอยู่ในเมืองเราจะมีความเต็มใจเลิกถอนศาลในเมื่อเขาทั้งหลายรู้สึกไว้ใจในความมั่นคงของเราได้

ในฐานเป็นคนไทยที่มีความปรารถนาดีต่อชาติ ข้าพเจ้าเชื่อว่าบัดนี้ถึงเวลาที่เราสมควรที่จะได้รับความไว้วางใจของชาวต่างประเทศแล้ว เกียรติคุณของเราในนานาประเทศก็มีผู้เชื่อถือพออยู่แล้ว และถ้าได้เลิกถอนศาลกงสุลไปแล้ว ชาวต่างประเทศจะไม่มีเหตุที่ควรกลัวเลยว่าเราจะใช้อำนาจของเราในทางผิด

แต่การที่จะทำให้ชาวต่างประเทศเขาเห็นด้วยในข้อนี้อย่างไรนั่นแหละ ยังเป็นปัญหา และเป็นปัญหาสำคัญที่สุดอันหนึ่ง ซึ่งเนื่องด้วยประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของชาติเรา

ที่รัฐบาลจะรับรองอย่างเดียวนั้น ไม่มีประโยชน์เลย ตัวท่านและตัวข้าพเจ้าและเราทั้งหลายทุก ๆ คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ๆ แห่งชาติไทยต้องพร้อมใจช่วยกันในเรื่องนี้ และทางที่จะช่วยนั้น ก็คือแสดงให้เขาเห็นว่าเรามีหลักฐานมั่นคง ทั้งในแผนกกิจการที่เราทำต่อสาธารณชนและในกิจการส่วนตัว เราต้องไม่ประพฤติตัวเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก อย่าวางท่าเป็นคนสุจริตแต่ในขณะที่ออกไปจากประตูบ้าน เราต้องพยายามเป็นคนสุจริตซื่อตรงในกิจการทั้งภายนอกและภายใน สุจริตในไตรทวาร ทั้งกายวาจาใจ เราทั้งหลายจงมาชวนกันเลิกเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก และเลิกความเห็นผิดที่สำคัญว่าความกลับกลอกและความไม่ตรงไปตรงมาเป็นลักษณะของคนฉลาด ความฉลาดแม้ไม่มีความดีและความสุจริตเป็นรากเง่าอยู่แล้วก็อุปมาเหมือนหนึ่งตึกงาม ซึ่งก่อขึ้นบนพื้นทราย ซึ่งไม่ช้าก็ต้องหักโค่น แต่นี้ต่อไปความมีหลักฐานมั่นคงควรจะให้เป็นอนุสาสนีสำคัญที่สุดซึ่งสอนในโรงเรียนและในบ้านของเรา

กลอนหลังจากอ่านไปถึง โคลนก้อนที่ ๑๒ ครับ


สหายเอยจงเงยหน้า และเบิกตาพินิจดู

เผยม่านพะพานอยู่ กำบังเนตรบ่เห็นไกล

เปิดม่านแลมองเถิด จะเกิดความประโมทย์ใจ

เห็นแคว้นและแดนไทย ประเสริฐแสนดั่งแดนสรวง

หวังใดจะได้สม เสวยรมยะแดดวง

เพ็ญอิสสะโรปวง ประชาเปรมเกษมสานต์

ซื่อตรงและจงรัก ผดุงศักดิภูบาล

เพื่อทรงดำรงนาน อิศเรศร์ประเทศสยาม

ป.ล.ผมก็เรียนเรื่องนี้อยู่แต่ยังอ่านไม่จบเลย ; w;...

ArIeS
8th March 2012, 18:13
เยี่ยมครับ เรื่องจริงทั้งนั้น

Onion
8th March 2012, 18:41
ไม่มี ข้อพิเศษ อย่างเช่น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงการศึกษา เน้นเอามากไว้ก่อน ความรู้ไว้ที่หลัง อะไรประมาณนี้เหรอครับ :o

อยากเป็นที่ 1 ด้านเยอะแยะ แต่ด้อย ด้านคุณภาพ ประมาณนี้มีไหม :rose

neo_boss
8th March 2012, 18:46
ก็ถ้าประชาชนทุกคนทุกท่านทั้งหลาย มีคุณภาพประเทศชาติต้องก้าวไกลแน่นอนครับ

ปล.ไม่ได้ว่าผู้ใดเน้อ

BoRing
8th March 2012, 18:47
ผมชอบข้อ 5 น่ะ ข้อนี้ได้ข้ออื่นก็คงได้ด้วย

starzerobenz
8th March 2012, 18:49
เห็นด้วยอย่างมากครับ โดยเฉพาะข้อสุดท้าย ถ้ามีคนเริ่มก็ย่อมมีคนตามเสมอครับ

SixxTheRipper
8th March 2012, 18:53
ความเห็นแก่ตัว... นี่แหละ

hopmbnzatou
8th March 2012, 18:58
พูดไปก็เหมือนว่าตัวเองนั้นหล่ะครับ

ap10308280
8th March 2012, 19:03
ไม่ทำเหมือนญี่ปุ่นละ ถ้าทำรวยไปตั้งนานแล้ว

Crowszerro 3
8th March 2012, 19:05
คนไทยทุกคนไม่มีศักดิ๋ศรีความเป็นชายครับหรือไม่จิงลองคิด ดูต่อยกันมีเรื่องแทนที่จะ1-1 เล่นแต่พวกๆๆๆแล้วมันก็ไม่รุ้จักจบสิ้นสุดท้ายเอาปืนมายิงกันตาย พอคนโดนยิงถูกจับก็ทําเป็นปิดหน้าตาร้องไห้ อย่างนี้เป็นผมน่ะไปกระทือบหน้ามันไห้เละและเอานํ้าร้อนราดหน้า*****เลยจะได้รุ้ว่าตัวเองทําอะไรไว้บ้าง คนไทยไม่มีศักดิ์ศรีลูกผุ้ชาย ต่างประเทศเหมือนประเทศจีนเค้ามีเรื่องนัด1-1 พอรุ้ผลแพ้ชนะเค้าก็จับมือกันถึงจะแค้นขนาดไหนก็เหอะจับมือกันเสร็จก็จบๆกันไปไม่ยุ่งกันอีก ประเทศไทยมีศักดิ์ศรีพอมั้ย!!!!!!!มีอะไรดีบ้างเรปล่าง!!!!!!:rtfm

ผมนี่เอาตามความจิงมีเรื่องหรือต่อยกันนัด1-1 พอรุ้ผลแพ้ชนะก็จบ!!!!!ไม่ยุ่งกันอีกตอนม.3 ผมเคยต่อยกะเพื่อนๆ1-1 พอผมชนะผมก็จับมือกะมัน ลูกผุ้ชายเค้าต้องรุ้แพ้ชนะครับ ใครเคยดูเรื่อง ****กูเพื่อนกันจนวันตาย จะรุ้ดีว่าศักดิ์ศรีลูกผุ้ชายเป็นยังไง แบบในหนังล่ะ

sattawat1979
8th March 2012, 19:08
โกงกิน เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ เล่นพรรคพวก ทั้งหมดนี้หาได้ในการเมืองและระบบราชการไทย


ข้าราชการไทยทำงานได้กากมาก ล่าช้าและห่วยที่สุด ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงอยากเข้าราชการกันเพราะมันเช้าชามเย็นชามได้ไง

เข้าไปก็ทำตัวกากๆได้ ถ้าเป็นบริษัทผมโดนไล่ออกไปนานแล้ว ทำงานห่วยๆแบบนั้น = =

ขอบอกว่าเงินน้ำท่วม 5000 บาท ผมยังไม่ได้เลย ไม่รู้ทำงานมันทำงานกันยังไง ใช้หัวหรือใช้ตีนทำงาน ไอ้กากเอ๊ย = ='


เงินภาษีที่พวกผมจ่ายให้ไป ให้พวกมันทำตัวกากๆแล้วเกษียณออกไปได้บำเหน็จก้อนใหญ่ยังงั้นรึ?? ไอ้เสื้อสีกากีกากๆ

golfrest
8th March 2012, 19:21
ก็เห็นจริงตามทุกข้อครับ แต่ข้อ1ไม่อยากให้เปลี่ยนเป็นประธานาธิบดี

kingcesar
8th March 2012, 19:35
http://upic.me/i/p7/thailands_flag.jpg (http://upic.me/show/13900444)


ผมดูๆไปแล้ว สรุปได้ง่ายๆ แต่ต้องยอมรับความจริงกันหน่อย

1.รัฐบาลโกงกินทุกรัฐบาลชัว ย้ำว่ารัฐบาลไม่ใช่นายกทุกคน ถ้ามีคนกินเราก็ต้องไหล นี้แหละเป็นเหตุผลว่า
ทำไมจึงควรเปลี่ยนไปเป็นประธานาธิปบดี

2.คนไทยชอบค้าน ค้านมันดะเลย ดีไม่ดี ค้านอย่างเดียว คนก่อชนวนก็ติดคุกไปแล้วทั้ง 2 ฝ่าย เลิกค้านแล้วรอว่าดีไม่ดีค่อยค้านก็ได้
นี้ยังไม่ทันทำก็ค้าน เอาแค่รายงานในห้องเรียนยังค้านเลย

3.คนไทยชอบเน้นเอาพวก ไม่เอาความสามารถ คนเก่งถูกฝรั่งเอาไปหมด เจริญ เอาเงินยัดก็อยู่ได้

4.คนไทยส่วนใหญ่พูดเป็นอย่างเดียว แต่ทำไม่ได้ แล้วจะพูดทำไม!?

5.คนไทยเป็นประเภทโคตรงมงาย งมงายมันทุกอย่าง พึ่งสิ่งศักดิ์มากกว่าความสามารถ
เรื่องเทิดทูนในหลวงผมไม่เคยค้าน แต่ที่ผมรับไม่ได้คือไม่มีใครปฏิบัติตามพระองค์กันเลย เช่นเศรษฐกิจพอเพียง
สถานีโทรทัศน์ต่างๆโฆษณาทุกวัน แต่ทำกันมั้ยละ ปากบอกว่ารักพ่อ แต่กลับทำประเทศชาติเสื่อม
ยกตัวอย่างอีกเช่นกัน เนวินจัดสงการณ์ โดยเอานางแบบ AV มาเล่นน้ำโชว์ แทนที่จะขัดค้าน
ว่าไม่เหมาะสม แต่ดันสนับสนุน เคยคิดมั้ยว่าฝรั่งมองประเทศไทยยังไง แบบแบบนี้บอกว่ารักพ่อเหรอ!?

ถ้าแก้ไข 5 ข้อนี่ได้ รับรองว่าต้องดีขึ้นแบบทันตาเห็นเลย

ถ้าเห็นว่าไม่จริงแจ้งลบเลยก็ได้ครับ ผมมองแล้วว่าคนไทยส่วนใหญ่เป็นแบบนี้จริงๆ ถ้ายังรับความจริงไม่ได้ ก็คงเป็นประเทศโลกที่ 3 ตลอดไป:(

ครับ ข้อนี้ไม่เถียงครับ ใน 1 รัฐบาล ย่อมต้องมีผู้ใช้ตำแหน่งทางการเมืองโกงอย่างน้อย 1-2 คน ครับ

ผมจะค่อยๆพูดอธิบาย ไปทีละข้อๆ ตามที่คุณพูดมานะครับ

ข้อ 1 ถ้าผู้อยู่เบื้องล่าง ไม่ปฏิบัติตามผู้อยู่เบื้องบน ก็จะมีปัญหากันทีหลัง จึงต้องไหลตาม

อันนี้เราเลือกได้นะครับ ข้าราชการประจำไม่จำเป็นต้องไหลตามนักการเมืองเสมอไป

ถ้าเขากลั่นแกล้งเรา คุณก็หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ รวมตัวกันสิ เราต้องให้นักการเมืองกลัวเรา ไม่ใช่ให้เรากลัวนักการเมืองนะครับ เพราะนักการเมืองเขากินภาษีเรา

เขาต้องทำงานให้เราอย่างสุจริต สร้างประโยชน์ให้เรา ไม่ใช่มากดขี่เรา หรือข่มขู่เรา

ที่คือมุมมองที่สมควรจะสอดใส่เข้าไปในความคิดของประชาชนทุกๆคนนะครับ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในการดำเนินชีวิต

แล้วระบบประธานาธิบดีไม่ใช่ระบบที่เหมาะสมกับคนไทยนะครับ เพราะคนไทยเรารักในตัวของกษัตริย์มากนะครับ

เรื่องประธานาธิบดีนี้ ผมไม่เห็นด้วยนะครับ

ระบอบประธานาธิบดีเป็นระบอบที่ให้ประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศนะครับ

ข้อ 2 ที่คนไทยชอบค้านนั้น เพราะบางกลุ่มยังเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยม อยู่ครับ จริงอยู่นะครับ คนจุดชนวนติดคุกแล้วทั้ง 2 ฝ่าย

แต่ใช่ว่าจะติดคุกจริงๆนะครับ

ฝ่ายนึงได้ออกจากคุกมาเป็น ส.ส. ได้เป็น รัฐมนตรี ฯลฯ อีกฝ่ายนึงถึงจะไม่รอลงอาญา แต่ก็ยังไม่ได้เข้าคุกนะครับ

แล้วตอนนี้ศาลก็ปล่อยตัวชั่วคราวอยู่ (ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะสามารถประกันตัวได้)

แล้วที่คนเขาค้านนั่นเป็นเพราะเรื่องบางเรื่องมันไม่สมควรที่จะไปล้มเลิก หรือเปลี่ยนแปลงไงครับ

บางอย่างที่ดีอยู่แล้วคุณจะไปเปลี่ยนทำไมล่ะครับ จริงมั้ย? ให้มันดำรงอยู่ไปตามครรลองของมันดีกว่าจะดีมั้ย

ข้อ 3 คนไทยชอบเน้นพวก อันนี้ก็จริงนะครับ เรื่องระบบอุปถัมภ์ มันก็ผิดพลาดมาแต่โบราณ เจ้าขุนมูลนายมีตำแหน่งอะไร พอแก่ตัวก็ส่งให้ลูกหลาน

เป็นบ่อเกิดของการใช้เส้นสาย ในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่ๆ บางทีไม่ใช้เส้น แต่ก็ใช้เงินเป็นใบเบิกทาง

คราวนี้จะโทษใครล่ะครับ ถ้าเขาใช้เงินซื้อตำแหน่งได้??

ไม่ลองมองไปที่ผู้ที่ดำรงตำแหน่งระดับสูงก่อนล่ะครับ ว่าเขาทำไมต้องรับเงิน??

ไม่ใช่เพราะว่าโลกยุคโลภาภิวัตน์หรอกเหรอครับ ที่เป็นกลไกบังคับให้คนต้องเห็นแก่เงิน

ถ้าคนไม่เห็นแก่เงินปัญหาหลายๆอย่างก็จะบรรเทาลง จริงมั้ยครับ

ข้อ 4 เรื่องไรล่ะครับ ที่พูดอย่างเดียวแล้วทำไม่ได้ ? - -

คุณลองนึกดูสิ การจะดำเนินการทำอะไรสักอย่างของมนุษย์เรานี้เนี่ย มันย่อมต้องมีอุปสรรคมาขัดไม่มากก็น้อยจริงไหมล่ะครับ??

คนที่พูดเนี่ย เขาอาจจะประสบพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ ที่มาคอยขัดแข้งขัดขา หรือบางทีก็อาจจะขวางจนเขาไม่สามารถเดินต่อไปได้

รถที่ติดหล่มไงครับ ไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ กว่าจะเคลื่อนต่อไปได้ ก็ต้องรอคนมาช่วยเหลือ หรือไม่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นรถ เพื่อขับต่อไปให้ทันเวลาที่กำหนด อะไรแบบนี้

ข้อ 5 คุณบอกว่าคุณไม่ค้านเรื่องเทิดทูนในหลวง แต่ข้อ 1 ของคุณมีเนื้อหาเนื้อความที่ส่งเสริมในระบอบประธานาธิบดี

ซึ่งระบอบประธานาธิบดีเป็นระบอบที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ซึ่งจะเลือกตั้งประมุขทุกๆ 4 ปี

แต่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขนั้น ประมุขของประเทศจะมีสถานะเป็นประมุขตลอดพระชนม์ชีพ นะครับ

ส่วนเรื่อง เอานางแบบ AV มาเล่นน้ำโชว์ ที่นักวิชาการออกมาให้ความเห็นนั่นเขาไม่ได้สนับสนุนนะครับ

แต่เขามาพูดในเชิง "เหน็บแนม" ประชดประชัน ผู้ที่นำนางแบบ AV มาเล่นน้ำโชว์นะครับ

ถ้ามีเวลาว่างสักหน่อยก็ไปเปิดคลิปย้อนหลังดูใน Youtube ได้นะครับ

_______________________

แค่ความเห็นคิดต่าง และความเห็นทางวิชาการนะครับ

เป็นเสรีภาพทางความคิดนะครับ อย่าโกรธกันล่ะครับ

babymaster
8th March 2012, 19:43
คนไทยทุกคนไม่มีศักดิ๋ศรีความเป็นชายครับหรือไม่จิงลองคิด ดูต่อยกันมีเรื่องแทนที่จะ1-1 เล่นแต่พวกๆๆๆแล้วมันก็ไม่รุ้จักจบสิ้นสุดท้ายเอาปืนมายิงกันตาย พอคนโดนยิงถูกจับก็ทําเป็นปิดหน้าตาร้องไห้ อย่างนี้เป็นผมน่ะไปกระทือบหน้ามันไห้เละและเอานํ้าร้อนราดหน้า*****เลยจะได้รุ้ว่าตัวเองทําอะไรไว้บ้าง คนไทยไม่มีศักดิ์ศรีลูกผุ้ชาย ต่างประเทศเหมือนประเทศจีนเค้ามีเรื่องนัด1-1 พอรุ้ผลแพ้ชนะเค้าก็จับมือกันถึงจะแค้นขนาดไหนก็เหอะจับมือกันเสร็จก็จบๆกันไปไม่ยุ่งกันอีก ประเทศไทยมีศักดิ์ศรีพอมั้ย!!!!!!!มีอะไรดีบ้างเรปล่าง!!!!!!:rtfm

ผมนี่เอาตามความจิงมีเรื่องหรือต่อยกันนัด1-1 พอรุ้ผลแพ้ชนะก็จบ!!!!!ไม่ยุ่งกันอีกตอนม.3 ผมเคยต่อยกะเพื่อนๆ1-1 พอผมชนะผมก็จับมือกะมัน ลูกผุ้ชายเค้าต้องรุ้แพ้ชนะครับ ใครเคยดูเรื่อง ****กูเพื่อนกันจนวันตาย จะรุ้ดีว่าศักดิ์ศรีลูกผุ้ชายเป็นยังไง แบบในหนังล่ะ

อะไรกันครับ ก็ไร้ศักดิ์ศรีกันทั้งคู่แหละ จะเดี่ยวหรือจะรุมก็พอๆกัน มีมั้ยที่จะไม่ต่อยแข่งกันวิ่งก็ได้ทำไมต้องต่อยตี

zerokoza
8th March 2012, 19:53
ผมจะ ค้านข้อที่ 1 มาก เพราะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านเป็นกษัตริย์

้้เเล้ว ระบอบการปกครองของไทย คือ ระบอบประชาธิปไตยโดยมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ย้ำ ๆ เลยครับ คิดว่า มีประชานาธิปดี เเล้ว มันจะไม่โกงชาติ หรอคุณเอา อะไรมาเป็นหลักประกัน

เเล้ว คุณ ไม่พอใจ ภูมิใจหรอ ที่ มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่พอใจ ไป เกาหลีเหนือ ระบอบ เผด็จการ คลัาย ๆ พวก คอมมิวนิส ขัดคำสั่งผู้นำ ไม่ติดคุก ก็ตาย

ToshirO
8th March 2012, 20:23
ครับ ข้อนี้ไม่เถียงครับ ใน 1 รัฐบาล ย่อมต้องมีผู้ใช้ตำแหน่งทางการเมืองโกงอย่างน้อย 1-2 คน ครับ

ผมจะค่อยๆพูดอธิบาย ไปทีละข้อๆ ตามที่คุณพูดมานะครับ

ข้อ 1 ถ้าผู้อยู่เบื้องล่าง ไม่ปฏิบัติตามผู้อยู่เบื้องบน ก็จะมีปัญหากันทีหลัง จึงต้องไหลตาม

อันนี้เราเลือกได้นะครับ ข้าราชการประจำไม่จำเป็นต้องไหลตามนักการเมืองเสมอไป

ถ้าเขากลั่นแกล้งเรา คุณก็หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ รวมตัวกันสิ เราต้องให้นักการเมืองกลัวเรา ไม่ใช่ให้เรากลัวนักการเมืองนะครับ เพราะนักการเมืองเขากินภาษีเรา

เขาต้องทำงานให้เราอย่างสุจริต สร้างประโยชน์ให้เรา ไม่ใช่มากดขี่เรา หรือข่มขู่เรา

ที่คือมุมมองที่สมควรจะสอดใส่เข้าไปในความคิดของประชาชนทุกๆคนนะครับ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในการดำเนินชีวิต

แล้วระบบประธานาธิบดีไม่ใช่ระบบที่เหมาะสมกับคนไทยนะครับ เพราะคนไทยเรารักในตัวของกษัตริย์มากนะครับ

เรื่องประธานาธิบดีนี้ ผมไม่เห็นด้วยนะครับ

ระบอบประธานาธิบดีเป็นระบอบที่ให้ประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศนะครับ

ข้อ 2 ที่คนไทยชอบค้านนั้น เพราะบางกลุ่มยังเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยม อยู่ครับ จริงอยู่นะครับ คนจุดชนวนติดคุกแล้วทั้ง 2 ฝ่าย

แต่ใช่ว่าจะติดคุกจริงๆนะครับ

ฝ่ายนึงได้ออกจากคุกมาเป็น ส.ส. ได้เป็น รัฐมนตรี ฯลฯ อีกฝ่ายนึงถึงจะไม่รอลงอาญา แต่ก็ยังไม่ได้เข้าคุกนะครับ

แล้วตอนนี้ศาลก็ปล่อยตัวชั่วคราวอยู่ (ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะสามารถประกันตัวได้)

แล้วที่คนเขาค้านนั่นเป็นเพราะเรื่องบางเรื่องมันไม่สมควรที่จะไปล้มเลิก หรือเปลี่ยนแปลงไงครับ

บางอย่างที่ดีอยู่แล้วคุณจะไปเปลี่ยนทำไมล่ะครับ จริงมั้ย? ให้มันดำรงอยู่ไปตามครรลองของมันดีกว่าจะดีมั้ย

ข้อ 3 คนไทยชอบเน้นพวก อันนี้ก็จริงนะครับ เรื่องระบบอุปถัมภ์ มันก็ผิดพลาดมาแต่โบราณ เจ้าขุนมูลนายมีตำแหน่งอะไร พอแก่ตัวก็ส่งให้ลูกหลาน

เป็นบ่อเกิดของการใช้เส้นสาย ในการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่ๆ บางทีไม่ใช้เส้น แต่ก็ใช้เงินเป็นใบเบิกทาง

คราวนี้จะโทษใครล่ะครับ ถ้าเขาใช้เงินซื้อตำแหน่งได้??

ไม่ลองมองไปที่ผู้ที่ดำรงตำแหน่งระดับสูงก่อนล่ะครับ ว่าเขาทำไมต้องรับเงิน??

ไม่ใช่เพราะว่าโลกยุคโลภาภิวัตน์หรอกเหรอครับ ที่เป็นกลไกบังคับให้คนต้องเห็นแก่เงิน

ถ้าคนไม่เห็นแก่เงินปัญหาหลายๆอย่างก็จะบรรเทาลง จริงมั้ยครับ

ข้อ 4 เรื่องไรล่ะครับ ที่พูดอย่างเดียวแล้วทำไม่ได้ ? - -

คุณลองนึกดูสิ การจะดำเนินการทำอะไรสักอย่างของมนุษย์เรานี้เนี่ย มันย่อมต้องมีอุปสรรคมาขัดไม่มากก็น้อยจริงไหมล่ะครับ??

คนที่พูดเนี่ย เขาอาจจะประสบพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ ที่มาคอยขัดแข้งขัดขา หรือบางทีก็อาจจะขวางจนเขาไม่สามารถเดินต่อไปได้

รถที่ติดหล่มไงครับ ไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ กว่าจะเคลื่อนต่อไปได้ ก็ต้องรอคนมาช่วยเหลือ หรือไม่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นรถ เพื่อขับต่อไปให้ทันเวลาที่กำหนด อะไรแบบนี้

ข้อ 5 คุณบอกว่าคุณไม่ค้านเรื่องเทิดทูนในหลวง แต่ข้อ 1 ของคุณมีเนื้อหาเนื้อความที่ส่งเสริมในระบอบประธานาธิบดี

ซึ่งระบอบประธานาธิบดีเป็นระบอบที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ซึ่งจะเลือกตั้งประมุขทุกๆ 4 ปี

แต่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขนั้น ประมุขของประเทศจะมีสถานะเป็นประมุขตลอดพระชนม์ชีพ นะครับ

ส่วนเรื่อง เอานางแบบ AV มาเล่นน้ำโชว์ ที่นักวิชาการออกมาให้ความเห็นนั่นเขาไม่ได้สนับสนุนนะครับ

แต่เขามาพูดในเชิง "เหน็บแนม" ประชดประชัน ผู้ที่นำนางแบบ AV มาเล่นน้ำโชว์นะครับ

ถ้ามีเวลาว่างสักหน่อยก็ไปเปิดคลิปย้อนหลังดูใน Youtube ได้นะครับ

_______________________

แค่ความเห็นคิดต่าง และความเห็นทางวิชาการนะครับ

เป็นเสรีภาพทางความคิดนะครับ อย่าโกรธกันล่ะครับ

ข้อ1นี่พูดมันง่ายครับ ถ้าโดนลูกปืนจ่อปาก เป็นผม ผมก็ต้องยอมแหละ
ใช่สิครับ ติดแล้วออกมาแล้ว ติดมาปีกว่าๆ
ผมยังคิดว่าประมาณ 2 เดือนเลยตอนออกมาอะ แต่จริงๆก็นานนะ ปีนึงอะ
ข้อ 4 อยากจะบอกก็คือถ้าตัวเองืำไม่ได้ก็อย่าพูดเลยครับ เพราะมันก็อุปสสรคแน่นอนอยู่แล้ว
แล้วอุปสรรคที่ว่าก็คือพวกเราเนี๊ยแหละอุปสรรค

ProZA
8th March 2012, 20:28
คนไทยทุกคนไม่มีศักดิ๋ศรีความเป็นชายครับหรือไม่จิงลองคิด ดูต่อยกันมีเรื่องแทนที่จะ1-1 เล่นแต่พวกๆๆๆแล้วมันก็ไม่รุ้จักจบสิ้นสุดท้ายเอาปืนมายิงกันตาย พอคนโดนยิงถูกจับก็ทําเป็นปิดหน้าตาร้องไห้ อย่างนี้เป็นผมน่ะไปกระทือบหน้ามันไห้เละและเอานํ้าร้อนราดหน้า*****เลยจะได้รุ้ว่าตัวเองทําอะไรไว้บ้าง คนไทยไม่มีศักดิ์ศรีลูกผุ้ชาย ต่างประเทศเหมือนประเทศจีนเค้ามีเรื่องนัด1-1 พอรุ้ผลแพ้ชนะเค้าก็จับมือกันถึงจะแค้นขนาดไหนก็เหอะจับมือกันเสร็จก็จบๆกันไปไม่ยุ่งกันอีก ประเทศไทยมีศักดิ์ศรีพอมั้ย!!!!!!!มีอะไรดีบ้างเรปล่าง!!!!!!:rtfm

ผมนี่เอาตามความจิงมีเรื่องหรือต่อยกันนัด1-1 พอรุ้ผลแพ้ชนะก็จบ!!!!!ไม่ยุ่งกันอีกตอนม.3 ผมเคยต่อยกะเพื่อนๆ1-1 พอผมชนะผมก็จับมือกะมัน ลูกผุ้ชายเค้าต้องรุ้แพ้ชนะครับ ใครเคยดูเรื่อง ****กูเพื่อนกันจนวันตาย จะรุ้ดีว่าศักดิ์ศรีลูกผุ้ชายเป็นยังไง แบบในหนังล่ะ
อย่าเหมารวมเลย เหมือนจะดูหนังมากไป ความคิดนี้ใช้ในสงครามไม่ได้หรอก ใช้กับพวกเด็กทะเลาะกันพอ :o
นี้ก็คืออีกข้อเสียของคนไทยส่วนใหญ่ชอบเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ชอบเอาคนหมู่น้อยไปตัดสินคนหมู่มาก ชอบอวดรู้ในเรื่องที่รู้ไม่จริง
เราว่าที่ไม่เจริญส่วนใหญ่เลยมาจาก คนไทยชอบดูถูก+กัดกันเองแล้ว ขัดแย้งกันแทบทุกเรื่อง เลียพวกต่างชาติ (ส่วนหนึ่งไม่ใช่ทุกคน คนดีก็มีเยอะ แต่คนเลวเยอะกว่าแถมมีอำนาจมากกว่าในสังคม)

kingcesar
8th March 2012, 20:39
ข้อ 4 อยากจะบอกก็คือถ้าตัวเองืำไม่ได้ก็อย่าพูดเลยครับ เพราะมันก็อุปสสรคแน่นอนอยู่แล้ว
แล้วอุปสรรคที่ว่าก็คือพวกเราเนี๊ยแหละอุปสรรค

เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องใช้เวลานะครับ ไม่ใช่ทำแล้วปุ๊บปั๊บเสร็จ

ก็ต้องให้โอกาสเขาไปก่อน ไว้อยู่ครบวาระ ค่อยว่ากัน

ก็เหมือนผู้นำคนปัจจุบันนั่นแหละ เขาขอโอกาสทำงานก่อน แล้วค่อยวิจารณ์ทีหลัง

ก็ให้โอกาส ก็รอดูกันไป ครบ 4 ปีค่อยมาวิเคราะห์ วิจารณ์ครับ

ใจเย็นๆก่อน

ToshirO
8th March 2012, 20:40
เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องใช้เวลานะครับ ไม่ใช่ทำแล้วปุ๊บปั๊บเสร็จ

ก็ต้องให้โอกาสเขาไปก่อน ไว้อยู่ครบวาระ ค่อยว่ากัน

ก็เหมือนผู้นำคนปัจจุบันนั่นแหละ เขาขอโอกาสทำงานก่อน แล้วค่อยวิจารณ์ทีหลัง

ก็ให้โอกาส ก็รอดูกันไป ครบ 4 ปีค่อยมาวิเคราะห์ วิจารณ์ครับ

ใจเย็นๆก่อน

คุณหล่อสุดแล้วตั้งแต่เจอมาวันนี้เลยเนี๊ย เนี๊ยแหละที่อยากบอก

jurayi1992
8th March 2012, 20:42
ผมว่าข้อ 2 ตรงสุดละครับ เอะอะๆ ค้านมันอย่างเดียวเหอๆ

kingcesar
8th March 2012, 20:45
คุณหล่อสุดแล้วตั้งแต่เจอมาวันนี้เลยเนี๊ย เนี๊ยแหละที่อยากบอก

แสดงว่าวันอื่นผมพูดไม่เข้าหูคุณเลยงั้นสิ

ใช่มั้ย??? 55555

Zean_Neo
8th March 2012, 20:45
พวกเขาไม่ผิดหรอก " เงิน " เท่านั้นหละ :beee

ToshirO
8th March 2012, 20:46
แสดงว่าวันอื่นผมพูดไม่เข้าหูคุณเลยงั้นสิ

ใช่มั้ย??? 55555
หมายถึงตั้งแต่เจอคนในวันนี้มาครับ

kingcesar
8th March 2012, 20:50
หมายถึงตั้งแต่เจอคนในวันนี้มาครับ

ครับๆ ผมเข้าใจๆ

แค่แซวเล่นเฉยๆน่า 5555

Till The Death Of Me
8th March 2012, 20:54
...เพราะมีคนไทยอาศัยอยู่

shine15599
8th March 2012, 21:19
กระทู้นี้ผมว่าไม่เหมาะสมนะครับ ไม่ควรเอาการเมืองหรือสถาบันมายุ่งเกี่ยวกับบอร์ดโจกเกอร์เกม แอดมินหรือมดพิจารณาด้วยครับ

ToshirO
8th March 2012, 21:32
กระทู้นี้ผมว่าไม่เหมาะสมนะครับ ไม่ควรเอาการเมืองหรือสถาบันมายุ่งเกี่ยวกับบอร์ดโจกเกอร์เกม แอดมินหรือมดพิจารณาด้วยครับ
ผมบอกไว้ท้ายกระทู้แล้วว่า ถ้าไม่พอใจหรือไม่เหมาะสมก็แบนได้เลย ผมไม่ได้ว่าสักหน่อย

UkuleleAlone
8th March 2012, 21:39
กระทู้นี้กำลังแตกแยก ทำ Mod หรือ พี่Joker ไม่ให้ใบเตือนเรื่องกระทู้แตกแยกน๊ะไม่เข้าใจ...

kingcesar
8th March 2012, 21:41
ผมบอกไว้ท้ายกระทู้แล้วว่า ถ้าไม่พอใจหรือไม่เหมาะสมก็แบนได้เลย ผมไม่ได้ว่าสักหน่อย

จบอกว่าต้องการเปิดพื้นที่ เสรีภาพ ทุกตารางนิ้ว หรือเปล่าครับ 55


กระทู้นี้กำลังแตกแยก ทำ Mod หรือ พี่Joker ไม่ให้ใบเตือนเรื่องกระทู้แตกแยกน๊ะไม่เข้าใจ...

ยังไม่ถึงขั้นแตกแยกนะครับ แค่มีความเห็นที่ต่างกันเฉยๆ อุณหภูมิที่นี้ยังไม่แรงถึงขั้นจะแตกแยกครับ ผมเช็คสถานการณ์อยู่

ToshirO
8th March 2012, 21:49
จบอกว่าต้องการเปิดพื้นที่ เสรีภาพ ทุกตารางนิ้ว หรือเปล่าครับ 55



ยังไม่ถึงขั้นแตกแยกนะครับ แค่มีความเห็นที่ต่างกันเฉยๆ อุณหภูมิที่นี้ยังไม่แรงถึงขั้นจะแตกแยกครับ ผมเช็คสถานการณ์อยู่
ใช่แล้วแต่ละคนคิดเห็นไม่เหมือนกัน ก็แสดงความคิดเห็นได้ครับ ผมอาจจะพูดถูกแค่บางส่วน

และผมพูดจริงๆ บางครั้งเราก็ต้องยอมหักเพื่อสิ่งที่ดีกว่า จำได้ว่ามีคนเคยพูดนะ

TAMeAngeL
8th March 2012, 21:50
ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมากกับ ข้อ 1 ศึกษามาแล้วหรอครับ ถึงมาพูดแบบนี้

แต่ข้ออื่นเห็นด้วยทุกอย่างนะ

แล้วเราไม่ควรเอาเบื้องบนมาเกี่ยวไม่ว่ากรณีใดๆ การพูดแบบนี้ไม่ได้ดีสำหรับความคิดของคนทุกคนที่เข้ามาอ่านหรอก

เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริง แต่ฟ้านั้นมีเพียงท่าน เพราะคนเราคิดเรื่องเล็กแบบนี้สินะ ถึงได้เป็นแบบนี้

เมื่อถึงเวลา มันก็มาถึงเอง

samekubpom
8th March 2012, 21:55
ความรู้ครับกระทู้นี้ พี่เรป 2 เอาความรู้มาเพียบ อย่าปิดเลยครับ

ToshirO
8th March 2012, 21:57
ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมากกับ ข้อ 1 ศึกษามาแล้วหรอครับ ถึงมาพูดแบบนี้

แต่ข้ออื่นเห็นด้วยทุกอย่างนะ

แล้วเราไม่ควรเอาเบื้องบนมาเกี่ยวไม่ว่ากรณีใดๆ การพูดแบบนี้ไม่ได้ดีสำหรับความคิดของคนทุกคนที่เข้ามาอ่านหรอก

เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริง แต่ฟ้านั้นมีเพียงท่าน เพราะคนเราคิดเรื่องเล็กแบบนี้สินะ ถึงได้เป็นแบบนี้

เมื่อถึงเวลา มันก็มาถึงเอง
แต่ฟ้านั้นมีเพียงท่าน ท่านหมายถึงผมเหรอ หรือใคร ชี้แจงด้วยครับ
ผมว่าเปลี่ยนก็ดีอย่าง ไม่เปลี่ยนก็ดีอย่าง(ดีอย่างที่เป็นๆอยู่เนี๊ยแหละ ดีอย่างเดิมว่าง่ายๆ)

pote=36=west
8th March 2012, 21:58
พอเหอะครับ เดียวมันจะยาวยอมๆกันบ้าง

TAMeAngeL
8th March 2012, 21:58
ถ้าอ่านดีๆคงรู้ว่าหมายถึงใคร หรือนายลืมแล้ว??

ToshirO
8th March 2012, 22:01
ถ้าอ่านดีๆคงรู้ว่าหมายถึงใคร หรือนายลืมแล้ว??
ตอนนี้มีในหัวหลายคนเลยครับ ผมเดาไม่ถูกหรอก แต่ให้เดาอาจจะเป็นในหลวงก็ได้มั้ง ไม่แน่ใจนะ
เพราะวิธีการเขียนแบบนี้มันให้ความหมายเยอะ แถมตีความยากด้วยอะ