PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : ตำนานแห่งสงครามครูเสด สงครามแห่งศาสนา



pone123
17th March 2012, 10:18
http://www.arts65.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_ans6740_97599759.jpg

ประวัติศาสตร์การสู้รบอันยาวนาน ด้วยสาเหตุทางศาสนา ที่นำมาเล่าสู่กันฟังในครั้งนี้ ก็คือ สงครามครูเสด (THE CRUSADES) อันยิ่งใหญ่และยาวนาน

ดินแดนปาเลสไตน์ อันเป็นถิ่นกำเนิดของ พระเยซูไครสท์นั้นถือ กันว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งคริสต์ศาสนิกชน พากันไปจาริกแสวงบุญ ตั้งแต่ต้นคริสตกาล โดยชนชาติซาราเซ็น ที่ปกครองปาเลสไตน์อยู่นั้นก็ยินดีต้อนรับ เพราะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจจาก นักแสวงบุญเหล่านั้น หากทว่าตั้งแต่ ค.ศ. 1076 เป็นต้นมา พวกเติร์กมุสลิมได้เข้ามาเป็นใหญ่เหนือดินแดน ศักดิ์สิทธิ์นี้ และได้ปล้นฆ่านักจาริกแสวงบุญ อย่าง*****มโหดรวมทั้งทำลายโบสถ์ ของชาวคริสต์เกือบหมดสิ้น

http://www.arts65.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_ans9856_27382738.jpg
Peter the Hermit : นักบุญปีเตอร์

ในช่วงนี้มีพระคริสเตียนรูปหนึ่งนามว่า ปีเตอร์ เป็นชาวฝรั่งเศส ซึ่งชอบใช้ ชีวิตสันโดษ ได้จาริกไปยังนครเยรูซาเลม โดยที่นุ่งห่มด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ ปอนๆ และพำนักอาศัยอยู่ใน ถ้ำตามภูเขา ทำให้ผู้คนมีความชื่นชมศรัทธาและขนานนามให้ว่า ปีเตอร์มหาฤาษี (Peter the Hermit)

เมื่อสาธุคุณปีเตอร์ ได้เห็นชนมุสลิม กระทำทารุณกรรมต่อชาวคริสต์ จึงคิดอ่านที่จะแก้ไข ด้วยการทำศึก ชิงเอาดินแดนแห่งพระไครสท์คืนมา ท่านจึงเดินทางกลับยุโรป และทูลถึงแผนการนี้แด่ท่าน สังฆนายกเออร์บันที่ 2 (Urban II) ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนและ ให้ดำเนินการได้

เมื่อประชาชนชาวยุโรป ได้รับรู้ถึงความ โหดร้ายทารุณที่เกิดขึ้นกับ นักจาริกแสวงบุญจากการ ป่าวร้องของนักบุญปีเตอร์ ต่างก็โกรธแค้นและหลั่งไหลกันมาฝรั่งเศสจากทั่วยุโรป เพื่อสมัครไปรบแย่งชิง นครเยรูซาเลมคืนมา โดยสังฆนายกเออร์บันได้กำหนดให้ทุกคนที่ไปรบ ติดเครื่องหมายกางเขนไว้ที่ตัว กองทัพนี้จึงได้ชื่อว่า ครูเสด (Crusade) คือมาจากคำว่า (Cross) ที่หมายถึงไม้กางเขนนั่นเอง

http://www.arts65.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_ans9857_56695669.jpg http://www.arts65.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_ans9858_377377.jpg
สังฆนายกเออร์บันที่ 2 (Urban II) สังฆนายกเออร์บันที่ 2 นำทัพครูเสดในช่วงแรก

ไม่มีใครคิดว่าสงครามครั้งนี้จะยืดเยื้อยาวนานเกือบ 200 ปี!

โดยสงครามครูเสดครั้งแรกเกิดขึ้นในช่วง ค.ศ. 1096-1099 ชาวยุโรปที่กระหายจะไปรบ ได้รวมพลกันมากถึง 250,000 คน แต่ทว่าส่วนใหญ่เป็นชนชั้นต่ำ มีทั้งผู้หญิงและเด็กตามไปด้วย อาวุธก็ตามแต่จะหาได้ จึงเป็นเพียงกองกำลังมหึมาที่ปราศจาก อานุภาพ ภายใต้การนำของปีเตอร์มหาฤาษี ขาดทั้งวินัยและเสบียง ต้องหากินด้วยการปล้น ในระหว่างทางล้มตายไปก็มาก จึงถูกพวกเติร์กโจมตีแตกพ่ายอย่างง่ายดาย

http://www.arts65.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_ans6741_29842984.jpg

ต่อมาใน ค.ศ. 1096 จึงได้มีการรวบรวม อาสาสมัครขึ้นใหม่ 600,000 คน และมีนักรบที่แท้จริงกว่าในหนแรก ประกอบด้วยอัศวินและ ทหารภายใต้การควบคุมของ เจ้าผู้ครองนครต่างๆในยุโรป จัดเป็นทหารชั้นดีมีอุปกรณ์ เพียบพร้อม ทั้งเสื้อเกราะ หมวกเหล็ก โล่ และอาวุธต่างๆ ครบครันเป็นทหารม้าสวมเกราะถึง 100,000 คน

อย่างไรก็ดี เนื่องจากมีนายหลายคนและ ปราศจาก แม่ทัพใหญ่ผู้มีอำนาจบัญชาการ สูงสุด จึงไม่มีความเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกันดั่งที่กองทัพพึงมี จึงจัดเป็นจุดอ่อนของทัพนี้

ในช่วงแรกทัพครูเสดมีชัยตีได้เมืองต่างๆ ตามทาง จนกระทั่งได้ อันติอ๊อก (Antioch) เมืองหลวงของซีเรีย แต่ก็สูญเสียกำลังพลไปมาก เหลือม้าศึกเพียงแค่ 2,000 ตัวเท่านั้น ครั้นแล้วจึงมุ่งตรงไปยังนครเยรูซาเลม ซึ่งขณะนั้นตกอยู่ในการครอบครองของอียิปต์ ทัพครูเสดตีเยรูซาเลมได้ในเดือนกรกฎาคมปี 1099 จับมุสลิมและยิวฆ่าเสียราว 70,000 คน จากนั้นพวกครูเสดจึงตั้ง กอดเฟรย์แห่ง บุยอินยอง ผู้นำทัพเบลเยียม ขึ้นเป็นกษัตริย์ ปกครองเยรูซาเลม ส่วนเหล่านักรบครูเสดก็แยกย้ายกันเดินทางกลับภูมิลำเนาของตน

หลังจากสงบมาได้หลายสิบปี ก็ได้มีพวกเติร์กใหม่ซึ่งเข้มแข็ง ยกกำลังเข้ามารุกรานคุกคาม ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้อีก ชาวคริสต์ในเยรูซาเลมจึงขอความพิทักษ์ภัยไปยังยุโรป และก็สามารถระดมกำลังพลได้ถึง 300,000 คน แต่ก็อีกนั่นแหละ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกไร้ฝีมือทัพครูเสดภายใต้ การนำของกษัตริย์ คอนราดที่ 3 แห่ง เยอรมัน กับ พระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส ที่ยกไปในช่วงปี ค.ศ. 1148 จึงถูกทัพมุสลิมตีแตกพ่ายไปตั้งแต่ยังไม่ทันถึงนครเยรูซาเลม

http://www.arts65.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_ans9859_79907990.jpg
สมรภูมแห่งเมืองอันติอ๊อก (Antioch)

http://www.arts65.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_ans9860_61786178.jpg
พระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์

สงครามครูเสดครั้งต่อมา จัดเป็นการศึกที่ยิ่งใหญ่และมีตำนานต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยทางฝ่ายคริสเตียน มีนายทัพชั้นดีหลายคน อาทิ พระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ (Richard the lion hearted) แห่งอังกฤษ กษัตริย์ ฟิลลิป ออกัสตัส แห่งฝรั่งเศส พระเจ้า เฟร เดอริก บาร์บารอสซา แห่งเยอรมัน

ทางฝ่ายมุสลิมก็มีขุนทัพ ซาลาดิน (Sarla din) ผู้ เกรียงไกรของเติร์ก ซึ่งสามารถรวบรวมรัฐทั้งหลายของชนเผ่า ซาราเซนให้เป็นอาณาจักรเดียวกันได้สำเร็จ และสุดท้ายก็ตีได้นครเยรูซาเลม ในปี ค.ศ. 1187 อันเป็นสาเหตุให้ฝ่ายคริสต์ต้องยกขบวนครูเสดมาแย่งคืนนั่นเอง

ทัพครูเสดจากอังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมัน มารวมพลกันที่เมืองเอเคอร์ติดชายแดนซีเรีย ในปี ค.ศ. 1189 หลังจากสู้รบกับทัพที่สุลต่านซาลาดินส่งมาอยู่นานถึง 23 เดือน ก็ตีได้เมือง เอเคอร์ในที่สุด และจับชาวมุสลิมกระทำทารุณ อย่าง*****มโหด แล้วสังหารทิ้งถึง 25,000 คน ด้วยแค้นที่ รบต้านทานทรหดทำให้ต้องสูญเสียทหารคริสเตียนไปมากมาย

แม้ริชาร์ดใจสิงห์ จะทรงพลังเข้มแข็ง แต่ไม่สู้ลงรอยกับ ผู้นำของชาติอื่นๆ ทำให้เกิดความขัดแย้งกันตลอดเวลา ตรงกันข้ามกษัตริย์ริชาร์ดกลับมีความสัมพันธ์ฉันสหายกับ สุลต่านซาลาดิน ซึ่งเป็นคู่ปรับตัวฉกาจ ทั้งสองต่างยอมรับนับถือในฝีมือของกันและกัน รวมทั้งได้ มีการเจรจาออมชอมพักรบกันเป็นครั้งคราว โดยที่ทั้งสอง ต่างก็รักษาสัจจะวาจาอย่างเคร่งครัด

http://www.arts65.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_ans6744_54545454.jpg

http://www.arts65.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_ans6746_50075007.jpg

สิ่งที่น่าสนใจประการหนึ่ง ก็คือ ความแตกต่างระหว่าง นักรบฝ่ายคริสเตียนกับนักรบมุสลิม โดยนักรบจากยุโรปมักมีร่างกายใหญ่โตบึกบึน แต่งกายออกศึกในชุดหุ้มเกราะอันหนักอึ้ง แม้กระทั่งม้าศึกก็มีเกราะหุ้มกำบัง อาวุธที่ใช้ก็เป็น ดาบและโล่ที่มีน้ำหนัก ส่วนทางฝ่ายมุสลิมจะมีรูปร่างเล็กกว่า สวมเสื้อหนังและใช้ดาบซาระเซนรูปโค้งดั่งเคียวและ คมกริบ นักรบมุสลิมจะรบอย่างคล่องแคล่วปราดเปรียว ในขณะที่นักรบครูเสดอุ้ยอ้ายเทอะทะ แต่มีอาวุธที่หนักหน่วงกว่า และมีอุปกรณ์ป้องกันตนเหนือกว่า

มีข้อดีและข้อด้อยที่ไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกันมากนัก จึงเป็นการรบที่น่าดูอย่างยิ่ง

ท้ายที่สุดในปี ค.ศ. 1192 สหายศึกทั้งสองคือริชาร์ดใจสิงห์ กับซาลาดิน ก็กินกันไม่ลง และได้ทำสัญญาสงบศึกต่อกัน แต่ หลังจากสัญญาสิ้นสุดลงก็ได้มีสงครามครูเสดเล็กๆ น้อยๆเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง

http://www.arts65.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_ans6743_102102.jpg

สงครามครูเสดครั้งสุดท้าย เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1229 โดยการนำทัพของ พระเจ้าเฟรเดอริกที่ 2 แห่งเยอรมัน ซึ่งในระหว่างนั้นเหล่ามุสลิมกำลังเกิดความขัดแย้งระส่ำระสาย กองทัพคริสเตียนจึงได้ชัยชนะ และยึดเอาเมืองต่างๆ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไว้ได้ รวมทั้งเยรูซาเลม หลังจากปกครองอยู่ 10 ปี พวกอียิปต์ก็กลับเข้ามาตีเมืองเยรูซาเลมคืนในปี ค.ศ. 1244 และขับ ไล่นักรบครูเสดออกไปทีละเมืองจนหมดใน เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1291

และเป็นการยุติสงครามครูเสดอันยาวนานถึง 1,200 ปี โดยสิ้นเชิง

องราวของครูเสดได้เกิดเป็นตำนาน มากมาย อาทิ เรื่องของอัศวิน เทมพลา (The Knights Templar) ซึ่งเป็นนักรบผู้กล้าหาญ แต่หลังจากเสร็จสิ้นสงครามก็ถูกกล่าวหา ว่าปล้น หรือยักยอกสมบัติที่ยึดครองจากข้าศึก หรือตำนานความสัมพันธ์อันซับซ้อน ระหว่างริชาร์ด ใจสิงห์กับสุลต่านซาลาดินดัง มีอยู่ในนิยายเรื่อง THE TALISMAN ของ เซอร์ วอลเตอร์ สก็อตต์ หรือแม้กระทั่งเรื่องของขุนศึกครูเสดใจเพชร ในภาพยนตร์ THE KINGDOM OF HEAVEN ที่โด่งดัง

http://www.arts65.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_ans6742_82798279.jpg

http://www.arts65.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_ans6745_80818081.jpg

ที่มา http://artsmen.net/content/show.php?Category=warboard&No=5519

Kyonman
17th March 2012, 11:02
เดี่ยว altair มาจัดการเอง พร้อมตามหา แอปเปิ้ล ที่หายไป

HelloGhost
17th March 2012, 11:07
kingdom of heaven ชื่อหนังเกียวกับ สงครามครูเสดสำหรับคนขี้เกียจหาเอานะ

bionicle99
18th March 2012, 20:55
ผมซื้อหนังสือมาอ่านแล้วครับ อิอิ

maxonline17
18th March 2012, 21:26
ที่เศร้าที่สุดก็คงเป็นเด็กที่ชวนเหล่าเด็กๆด้วยกันไปรบ แล้วถูกจับไปขายเป็นทาสอ่ะครับ ลองไปหาอ่านดู

แต่สุดท้าย ยุโรปก็ส้เอเชียไม่ได้อยู่ดี :o

duchyzaza
18th March 2012, 21:29
ผมชอบ ประวัติศาสตร์ เเนวนี้นะสนุกเพลิน ได้ความรู้ด้วย ดีครับ สงคราม ครูเสด ฟังตั้งเเต่ เด็กๆ ปัจจุบัน ครู ประวัติศาสตร์ก็ยังมาเล่นให้ฟังอยู่ดี - -

maxonline17
18th March 2012, 21:32
ครูประวัติศาสตร์ผมนี่ :sweat เข้ามาทีไรชอบสอนแต่สังคมตลอด แถมเวลาสอนสงครามนี่ แทนที่จะมันส์ กลับกลายเป็นง่วงนอนซะได้ :sweat

มาหาอ่านเองสนุกกว่าเยอะครับ