PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : อินเทอร์เน็ตทำให้เราโง่ลง จริงหรือไม่?



srika23
23rd March 2012, 10:45
ในช่วงที่ผ่านมา ท่านผู้อ่านรู้สึกว่าสมาธิในการอ่านหนังสือ หรือสมาธิในการทำงานของท่านสั้นลงบ้างไหม??

การนั่งทำงานนานๆ กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยไม่ถูกรบกวน หรือความสามารถในการคิดเชิงลึก หรือคิดสร้างสรรค์ของเราลดน้อยลง เมื่อเรานั่งอ่านหนังสือหรือบทความนานๆ เราจะไม่สามารถนั่งอ่านนิ่งๆ ได้นานเหมือนอดีต อ่านไปได้เพียงแค่ไม่กี่หน้า เราก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปดูมือถือว่ามีอีเมลมาบ้างไหม หรือเหลือบไปดูหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อเช็คเมล หรืออ่าน Twitter หรืออ่าน Facebook หรือแม้กระทั่งไม่สามารถทนนั่งอ่านจนจบ จะต้องหาเรื่องลุกไปทำอย่างอื่นหรือพลิกไปเพื่ออ่านแบบเร็วๆ


ถ้าท่านมีลักษณะข้างต้น ก็ขอต้อนรับสู่ยุคอินเทอร์เน็ตอย่างแท้จริงครับ ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตนั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน ในขณะเดียวกันหลายๆ คนก็ถือว่าอินเทอร์เน็ตเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่เปลี่ยนแปลงโลกพอๆ กับเทคโนโลยีด้านการพิมพ์ อย่างไรก็ดีทุกอย่างต้องมีสองด้าน ดังนั้นเมื่ออินเทอร์เน็ตมีข้อดีมากมายแล้ว ข้อเสียก็มีเช่นเดียวกันครับ และข้อเสียประการหนึ่งที่อาจจะส่งผลกระทบกับเราโดยที่เราไม่รู้ตัวก็คือผลกระทบของอินเทอร์เน็ตที่มีต่อการทำงานของสมอง และเริ่มมีคนตั้งข้อสงสัยแล้วว่าอินเทอร์เน็ตทำให้เราโง่ลงจริงหรือไม่?


ในหนังสือชื่อ The Shallows เขียนโดย Nicholas Carr ระบุไว้อย่างน่ากลัวเลยครับว่าอินเทอร์เน็ตทำให้โครงสร้างของเซลล์ประสาทในสมองเราเปลี่ยนไป โดย Carr ยกตัวอย่างว่าโครงสร้างของเซลล์ประสาทในสมองของคนที่อ่านหนังสือออกและผู้ที่อ่านหนังสือไม่ออกนั้นต่างกัน ดังนั้นถ้าเทคโนโลยีในการพิมพ์ทำให้โครงสร้างเซลล์ประสาทของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป เทคโนโลยีดิจิทัลจะส่งผลให้โครงสร้างเซลล์ประสาทของเราเปลี่ยนไปด้วยหรือไม่?? ข้อเสนอของ Carr นั้นก่อให้เกิดข้อถกเถียงมากมาย มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ไม่ว่าโครงสร้างเซลล์ประสาทของเราเปลี่ยนไปเพราะอินเทอร์เน็ตหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือวิธีการในการคิด สมาธิ และความคิดสร้างสรรค์ของเราเปลี่ยนไปเพราะอินเทอร์เน็ตแน่ๆ


เราต้องยอมรับความจริงว่าอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่รบกวนสมาธิเราในการทำงานและทำให้สมาธิของเราแตกเป็นส่วนย่อยๆ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว ความสามารถในการจดจำ ในการคิด และการสร้างสรรค์นั้นขึ้นอยู่กับสมาธิของเรา ในขณะที่เราทำงานอย่างมีสมาธินั้น ทำให้เราสามารถคิดได้อย่างลึกซึ้งและสร้างสรรค์ แต่ในการใช้อินเทอร์เน็ตนั้น เราจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาระหว่างหน้าต่างๆ ตลอดเวลา อีกทั้งถ้าเราเปิดเน็ตไปพร้อมกับการทำงานไปด้วย เราก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปเช็คเมล เช็คข่าว หรือ เช็คเครือข่ายสังคมออนไลน์ของเราอยู่ตลอดเวลา ทำให้การทำงานของสมองเราต้องกระโดดไปกระโดดมาระหว่างสิ่งต่างๆ ตลอดเวลาอย่างรวดเร็ว และส่งผลให้การคิดของเรานั้นเป็นแบบอัตโนมัติมากกว่าคิดแบบลึก


ปัจจุบันผู้ปกครองจำนวนมากสนับสนุนให้เด็กๆ เล่นเกมคอมพิวเตอร์หรือใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อในการพัฒนาเด็ก ซึ่งก็มีข้อดีนะครับ แต่ข้อเสียก็คือกลายเป็นการฝึกให้สมองของเด็กสมัยใหม่คิดได้เร็ว แต่คิดได้ตื้น การให้ลูกนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา ไม่ได้ทำให้เด็กมีพัฒนาการของสมองที่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ พอมาวัยโตขึ้นก็เช่นเดียวกันครับ ปัจจุบันเราจะพบนิสิต นักศึกษาจำนวนมากที่เปิดโน้ตบุ๊คไปพร้อมๆ กับการเรียนหนังสือในห้องเรียน โดยส่วนใหญ่นั้นมักจะเปิดเพื่อจดบันทึก หรือเพื่อคุยกับคนอื่นผ่านทางเครือข่ายออนไลน์ หรือการเปิดเพื่อคอยหาข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียน แต่ผลการวิจัยที่มหาวิทยาลัย Cornell ซึ่งมีการแบ่งนักศึกษาเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกให้ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อค้นหาข้อมูลในเน็ตได้ในระหว่างเรียน กับ อีกกลุ่มที่ให้นั่งฟังการบรรยายเดียวกันแต่ไม่ให้เปิดคอมพิวเตอร์ หลังจากฟังการบรรยายจบก็มีการทดสอบทันทีว่านักศึกษาสามารถจดจำและเข้าใจเนื้อหาที่บรรยายได้มากน้อยเพียงใด พบว่านักศึกษาที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์นั้นมีผลการทดสอบออกมาแย่กว่าพวกที่ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์อย่างมากมายทุกคนเลยครับ ไม่ว่าพวกที่ใช้คอมพิวเตอร์นั้นจะใช้เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนหรือไม่


มีงานวิจัยอีกชิ้นครับที่พบว่าผู้ที่อ่านข้อมูลทางเน็ต โดยเฉพาะเนื้อหาที่มี Hyperlink ไปยังหน้าอื่นเยอะๆ (เหมือนกับใน Wiki) จะมีความเข้าใจในเนื้อหาที่อ่านน้อยกว่าผู้ที่อ่านตำราแบบเดิม แสดงว่าการอ่านข้อมูลในเน็ตที่สามารถเชื่อมจากหน้าหนึ่งไปอีกหน้าหนึ่งได้อย่างง่ายดายนั้นกลับทำให้ผู้อ่านขาดสมาธิและมัวแต่คอยกระโดดจากหน้าหนึ่งไปยังหน้าอื่นๆ ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอีกชิ้นที่มหาวิทยาลัย Stanford ที่ชี้ให้เห็นว่าพวกที่ทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกันหรือที่เรียกว่า Multitasker นั้นมีผลการทำงานในงานแต่ละชิ้นต่ำกว่าพวกที่ทำงานทีละอย่าง แถมเมื่อเราปิดคอมพิวเตอร์ไปเรียบร้อยแล้ว พฤติกรรมหรือนิสัยที่จะถูกดึงดูดด้วยสิ่งต่างๆ ได้อย่างง่ายดายก็จะติดตัวเราไปด้วย สุดท้ายแล้วเราก็จะเป็นคนที่มีสมาธิสั้น ไม่สามารถทำงานต่างๆ ได้ลึกเช่นในอดีต


อินเทอร์เน็ตมีข้อดีหลายประการ แต่ข้อเสียก็มีนะครับ ดังนั้นผมว่าเราควรจะเรียนรู้และคอยป้องกันตนเองจากข้อเสียเหล่านี้ ถ้าท่านผู้อ่านเริ่มพบว่าตนเองอ่านหนังสือหรือทำงานด้วยสมาธิที่ลดน้อยลง และจะต้องคอยเช็คข้อมูลต่างๆ ผ่านทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดเวลา ก็อาจจะต้องคอยปิดการติดต่อจากโลกภายนอกบ้างนะครับ บางครั้งการที่ไม่ได้ไปตอบความเห็นของเพื่อนใน Facebook หรือ การตอบอีเมลอย่างรวดเร็ว หรือไปอ่านข่าวล่าสุดใน Twitter คงไม่ได้ทำให้โลกแตกลงได้ แต่ถ้างานที่เราทำไม่เสร็จ หรือออกมาไม่ดี เนื่องจากสมาธิเราถูกดึงดูดด้วยสิ่งต่างๆ ตลอดเวลา อาจจะทำให้เรามีปัญหาในการทำงานได้นะครับ ท่านผู้อ่านอาจจะต้องเลือกนะครับว่าจะเอาอะไร อย่าลืมว่าเรามีสิทธิที่จะเลือกใช้เทคโนโลยีนะครับ ไม่ใช่เทคโนโลยีมาเป็นเจ้าชีวิตเรา

ขอขอบคุณเว็บ ที่นำบทความดีๆมาให้อ่านครับ http://www.bangkokbiznews.com:clap

GuPeKsAdz
23rd March 2012, 10:57
ถ้าคนใช้อินเตอร์เน็ตเป็น ก็จะเป็นความรู้ครับ

บางคนเอาไว้โหลดหนังโหลดเกมนี้ก็อีกอย่างนึงครับ

บางคนแบ่งเวลาไม่เป็นครับ ส่วนมากเด็กประถมกับมัธยมต้น เล่นเ้กมทั้งวัน วันสอบก็ยังเล่นอยู่นั่นแหละ ถึงเวลาสอบก็ลอกๆๆๆ พอโตขึ้นเข้าสู่ชีวิตจริง จะรู้สึกแล้วอยากหวนคิดว่า ตอนเด็กทำไมไม่ตั้งใจเรียน

redfoottttt
23rd March 2012, 11:01
ไม่จริง 1000000000000000%

ตั้งแต่มี Internet ผมเก่งกว่าเดิมมีความรู้มากกว่าเพื่อนๆเยอะ แต่ที่เด็กโง่กันก็เพราะว่าระบบการสอนมันกากครับ

Matizano
23rd March 2012, 11:03
เหมือนว่าความรู้ประมาณ 80 % ในหัวผม ผมจะได้จากอินเทอร์เน็ตทั้งนั้นเลยแหะ อยากรู้ไรก็เน็ต และข้อมูลเยอะกว่าหนังสือด้วย ไหนจะที่แลกเปลี่ยนความคิดกันอีก นั่งอ่านไปเถอะ และสามารถเปลี่ยนจากทฤษฏีมาปฏิบัติจริงได้อีก

NooFirsTFB
23rd March 2012, 11:22
ถ้าใช้ดี ก็จะดีตามสื่อนั้นๆแหละ ถ้่าสื่อไม่ดี คนอ่านคนฟังก็เป็นไปตามสื่อ ^^

zabaha12
23rd March 2012, 11:41
แล้วแต่คนจะใช้มากกว่า ผมว่า

new13th
23rd March 2012, 12:13
ครูเขาชอบพูดกับเพื่อนผมที่เรียนไม่เก่งว่า "เอ็งไม่ผิดหรอกมันผิดที่ระบบการศึกษา"
แต่จริงๆมันก็ผิดนั่นแหละ ถ้ามันไม่ตั้งใจเรียนอ่ะ

DUST
23rd March 2012, 12:17
มันก็มีส่วน นะครับ

Zidane
23rd March 2012, 12:18
มีส่วนดีส่วนเสีย กันไป แต่ต้องแยกแยะและพิจารณา ให้ถี่ถ้วน หลายๆครั้ง ที่มี อะไร หลอกๆ ให้ความคิดเราสับสน

pophot555
23rd March 2012, 12:44
ไม่ใช่เป็นเพราะอินเตอร์ ผมว่าเป็นเพราะคนที่ใช้มากกว่า

lanlanla
23rd March 2012, 13:27
อย่าโทษเน็ต ต้องโทษตัวเองว่าใช้ไม่เป็นนะ
โทษเน็ตมันไม่ถูกหรอก ถ้าคนใช้มันรู้จักใช้จริงๆ
เน็ตเนี่ยเป็นแหล่งความรู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนะครับ

Buffalo
23rd March 2012, 14:14
ผมว่าจริงส่วนหนึ่งครับ
เพราะผมว่าคำว่าโง่ในที่นี้หมายถึง การตัดสินใจ ไหวพริบ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตนเองที่มีน้อยลงเพราะมีตัวช่วยในอินเทอร์เน็ตเยอะ
ส่วนความรู้แบบพาสซีพหรือความรู้จากเรื่องราวต่างๆ ที่ได้จากอินเทอร์เน็ตก็อีกเรื่องหนึ่ง