PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : King Of The Earth อหังการ์ราชันปฐพี



taone1414
29th March 2012, 00:28
สวัสดีครับ

ผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ คือว่า ผมชื่อเล่นว่า ซัน นะครับ

นิยายเรื่องนี้ผมแต่งร่วมกับเพื่อนนะครับ(ไม่กี่คนหรอก)โดยแบ่งหน้าที่กันออกไปครับซึ่งผมขอไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วกันนะครับ

เอาเป็นว่านี่เป็นเรื่องที่ 2 สำหรับผมแล้ว ส่วนเรื่องแรกก็ดองอยู่นะครับ

จริงๆตอนแรกผมกะว่าจะไม่ลงบอร์ดนี้แล้วแต่เนื่องจากเห็นว่าอยากให้พวกท่านลองอ่านดูก็เลยมาลองลงดูดีกว่า

คือจริงๆแล้วผมลงไว้สองที่นะแต่ก็ไม่ต้องไปสนใจมันหรอกนะครับ - -''

สุดท้ายนี้แล้วหวังอยากให้ทุกท่านติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยนะครับ

ขอบคุณล่วงหน้าครับผม

กระทู้สาขาสองครับ (DEK-D.Com) (http://writer.dek-d.com/taone1414/writer/view.php?id=790619)

รูปตัวละคร

ปฐพี

http://image.dek-d.com/25/2958485/111540169

วาตะ

http://image.dek-d.com/25/2958485/111540170
__________________________________________________________________________


เรื่องย่อ

ปฐพีออกเดินทางร่วมกับสหายหลงทางเพื่อทำลายความต้องการของชนเผ่าแสงโดยคิดที่จะยึดครองชนเผ่าทุกๆชนเผ่า

โดยการปลุกปีศาจในตำนานและนั่นคือการเปลี่ยนชะตาชีวิตของเขาไปตลอดกาล

__________________________________________________________________________

บทนำ : เด็กชายเผ่าสีดำ

ในโลกนี้มีการแบ่งแยกชนเผ่าตามธาตุ ซึ่งแต่ละธาตุจะได้เปรียบและเสียเปรียบกันไป มีตำนานบทหนึ่งเล่าขานสืบต่อกันมาว่า

วันหนึ่งปีศาจร้ายแห่งความชั่วได้ปรากฏตัวขึ้น มันสามารถใช้พลังได้ทุกๆธาตุ ทำให้ทุกๆเผ่าต้องสั่นคลอน

จึงมีการรวมตัวกันของหัวหน้าเผ่าแต่ละเผ่า เพื่อมารวมตัวกันปิดผนึก แต่หัวหน้าเผ่าดินกลับรีบเร่งเกินไป ทำให้ถูกโจมตี

ในเวลานั้น หัวหน้าเผ่าสายฟ้า ที่เขาคิดว่าอ่อนแอ ก็ช่วยตนเอาไว้ หลังจากปิดผนึกเสร็จ หัวหน้าเผ่าดินจึงชวนหัวหน้าเผ่าสายฟ้าเข้าเยี่ยมชมเมืองเป็นการเลี้ยงฉลองและตอบแทนบุญคุณ

และในตอนนั้นเอง หัวหน้าเผ่าสายฟ้าได้เกิดรักกับธิดาของหัวหน้าเผ่าดิน

ทั้งคู่มีบุตร 1 คน ซึ่งนั่นก็คือชนเผ่าสีดำ หลังจากมีคนทราบข่าวก็นำไปบอกหัวหน้าเผ่าดิน ทำให้หัวหน้าเผ่าจับทั้งสองมาประหารชีวิต

แต่เด็กคนนั้นก็ได้หายสาบสูญไป นี่คือเรื่องราวของราชัน ที่เหนือราชัน ตำนานของ

อหังการ์ราชันปฐพี

เด็กชายคนนั้นถูกเพื่อนของหัวหน้าเผ่าสายฟ้านำไปเลี้ยง โดยนำไปกบดานที่เมืองเผ่าดิน และปลอมแปลงเอกสารเพื่อให้เด็กชายเข้าเรียน

ในโรงเรียนเวทมนต์การควบคุมธาตุดิน แต่เรื่องราวมันเริ่มต้นเมื่อวันหนึ่ง ชายคนนั้นได้เดินทางไปโรงเรียนตามปกติ

แต่ระหว่างทาง เขาพบหญิงสาวผมสีชมพู สลบอยู่ จึงช่วยเอาไว้ โดยไม่รู้เลยว่า เธอจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของเขาไปตลอดกาล

__________________________________________________________________________


บทที่ 1 : ความจริง

แกร็ก

เสียงลูกปิดประตูดังขึ้น มีชายคนหนึ่งเดินมาที่หน้าประตูพร้อมกับยิ้มทักทายการกลับมา

"ปฐพีกลับมาแล้วหรอ"

ชายคนหนึ่งยืนพูดอยู่หน้าประตู ปฐพีที่กำลังเดินเข้ามาก็ตอบกลับ

"ครับ,คุณอา"

ปฐพีเดินเข้ามาพร้อมกับร่างของผู้หญิงที่สลบอยู่ที่หลังของเขา

"คือผมเจอเธอระหว่างทางหนะครับ เลยช่วยมา"

คุณอา ไม่รอช้าก็รีบพาเธอไป ปฐมพยาบาล และปล่อยให้เธอนอนพัก

_____________________________________________

หญิงสาวผมสีชมพูลืมตาขึ้นในที่ ที่ เธอไม่คุ้นเคย สภาพรอบข้างเหมือนห้องทั่วไปของเด็กผู้ชาย

"ตื่นแล้วหรอครับ"

เสียงเข้มๆของชายหนุ่มดังขึ้น เธอหันไปมองด้วยความงัวเงีย

"แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย"

เธอถามกลับไป พร้อมกับดื่มน้ำที่วางบนโต๊ะข้างๆ

"คุณคงจะเหนื่อยมากเลยสินะครับเดินข้ามทะเลทรายจากเมืองเผ่าไฟมาเผ่าดินแบบนี้"

ปฐพี พูดพร้อมกับยื่นน้ำอีกแก้วให้หญิงสาวไม่รอช้าก็รีบดื่มโดยเร็ว เพราะเธอเสียน้ำอย่างมากในการข้ามทะเลทราย

เมืองแต่ละเผ่านั้นจะมีการแบ่งเขตส่วนกลางไว้ เพื่อความสมดุลของทั้งสองฝ่าย

เช่น หญิงสาวที่เดินทางมาเมืองเผ่าดินโดยต้องผ่านทะเลทรายเพราะมันไม่มีทั้งไฟและดินทำให้ชนเผ่าทั้งสองสู้รบกันได้ลำบาก

จึงเป็นสาเหตูเหตุที่บางเขตส่วนกลางจะจำเป็นมากในการแบ่งแยกชนเผ่า

แกร๊ก

เสียงลูกบิดประตูดังขึ้น ชายในชุดทั่วไปของชนเผ่าธาตุดินเดินเข้ามา

"โอ้ ฟื้นตัวไวนะเนี่ย" ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆปฐพี

"ไหนบอกมาหน่อยสิว่า เธอเดินทางข้ามชนเผ่ามาทำไม" คุณอาทำน่าเคร่งเครียดเพื่อรอคำตอบ

หญิงสาวคิดว่าคนพวกนี้มีบุญคุณจึงบอกเรื่องราวที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

"ฉันชื่อเพลิงพรายค่ะ ออกเดินทางมาจากเผ่าเพื่อรวบรวมผู้สร้างและผู้ควบคุมไปต่อสู้กับเผ่าแสงค่ะ" เมื่อพูดจบ

คุณอาของปฐพี ถึงกับอึ้งไป จึงกล่าวบอกกับนางไปว่า

" เธอจะไปสู้กับเผ่าแสงทำไมกัน เธอก้รู้นี่นาถ้าทำแบบนั้นมันเป็นการรุกรานพันธะนะ" เพลิงพรายสวนกลับ

"ก็ใช่ค่ะ ฉันรู้ แต่ว่าพวกมันเกินจะให้อภัยจริงๆ" พูดจบเพลิงพรายก็กำมือแน่นโดยความแค้น

"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ" ปฐพีถาม เพลิงพรายพยักหน้าก่อนจะเล่าต่อ

"เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อ 18 ปีก่อน มีปีศาจยักษ์ที่ถูกปิดผนึกที่ชื่อว่า"

"ดราโค่"

"ดราโค่" เพลิงพรายและคุณอาของปฐพีพูดขึ้นพร้อมกัน สายตาทั้งสองจับจ้องไปที่ใบหน้าของคุณอา

"เอ่อ อาได้ยินมาหนะ" คุณอาแก้ตัวก่อนจะให้เพลิงพรายเล่าต่อ

"ตอนนี้ ทุกๆเผ่านั้นมีความเสมอภาคกัน ซึ่งดูเหมือนจะสงบดี แต่ว่าจริงๆแล้วเผ่าแสงนั้นต้องการเป็นใหญ่และเป็นผู้ควบคุมทั้งโลก

เขาจึงมีแผนที่จะปลุก ดราโค่ขึ้นมาเพื่อที่จะให้จัดการกับศัตรูของตน แต่ว่า" เพลิงพรายหยุดเล่าพร้อมกับทำหน้าเศร้า

"การปลุกดราโค่ เกิดจากพลังของหัวหน้าเผ่า ซึ่งเท่ากับพลังของคนเกือบร้อยคนในแต่ละเผ่า ดังนั้นมันจึงไล่ต้อนทุกคนในแต่ละเผ่า

พ่อและแม่ของฉันก็ถูกมันเอาตัวไปแล้ว ฉันจึงออกเดินทางมาช่วย" เพลิงพรายเล่าจบก็ดื่มน้ำอีกครั้ง

"แล้ว คนอื่นๆของเผ่าเธอไม่คิดจะไปช่วยเธอเลยหรอ" ปฐพีถามพร้อมกับทำหน้าสงสัย

คุณอาได้ยินก็เกิดความสงสัยเหมือนกับปฐพีเช่นกัน

"คิดสิ พวกเขาออกเดินทางมาก่อนฉันอีก แต่ผ่านไปนานแล้ว พวกเขาก็ยังไม่กลับมาเลย"

คุณอาได้ยินดังนั้นจึงพาปฐพีไปคุยข้างนอก

"ปฐพี ตามอามานี่หน่อยสิ" เมื่อปฐพีเดินออกไป คุณอาก็เล่าความจริงเรื่องพ่อแม่ของเขาให้ฟัง และปีศาจดราโค่

เมื่อเขาได้ฟังก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะทำใจได้ เพราะมันเป็นนิสัยของเผ่าดิน เผ่าแต่ละเผ่านั้นจะมีลักษณะนิสัยต่างกันไป

"คุณอาครับ ผมอยากจะออกเดินทางกับเพลิงพรายครับ" ปฐพีพูดพร้อมกับต้องเขม็งมาทางคุณอา

"เห้ย ปฐพี เธอไม่ไหวหรอก ขนาดควบคุมธาตุดิน เธอยังทำได้ไม่คล่องเลย แล้วจะไหวจริงๆหรอ"

คุณอาทำหน้าเคร่งเครียดและพยายามห้ามไว้

แต่ปฐพีก็ยังคงมีความมุ่งมันจะไป

"คุณอาครับ ผมไม่อยากให้เพลิงพรายเสียพ่อแม่ไปแบบผมนะครับ อย่างน้อย ผมก็เป็นผู้ควบคุมก็ได้อยู่ด้านหลังของกลุ่มอยู่แล้ว

ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับคุณอา อีกอย่างเผ่าแสงนั้นพยายามจะปลุกดราโค่ปีศาจที่พ่อผมอุทิศใจเพื่อปิดผนึก ถ้ามันปลุกได้ที่พ่อผมทำไปก็เสียเปล่าสิครับ"

ปฐพีพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งกว่าเก่า ทำให้คุณอารู้ทันทีว่าเขาคงไม่สามารถห้ามได้ จึงเดินไปหน้าบ้าน ก่อนจะกลับมาพร้อมกับลูกนกตัวหนึ่ง

"เอาเจ้า สายฟ้าไปด้วยแล้วกัน ถ้าแบบนั้น" คุณอาพูดพร้อมกับยื่นลูกนกให้ มันมองปฐพีด้วยความ สงสัย ก่อนจะบินไปเกาะที่บ่าของปฐพี

"ทำไมต้องเอาไปด้วยหละครับ" ปฐพีทำหน้าไม่พอใจ

"ก็เป็นข้อแลกเปลี่ยน อายอมให้ปฐพีเดินทางแต่มีข้อแม้ว่าต้องเอาเจ้าสายฟ้าไปด้วย"

คุณอาตอบพร้อมกับเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เพลิงพรายนอนอยู่ ข้างในนั้นเพลิงพรายก็ยังนั่งอยู่บนเตียงนอนแบบเดิม

"เพลิงพราย อาจะฝากปฐพีให้ไปด้วย จะลำบากรึเปล่า" คุณอาถาม เพลิงพราย ยิ้มออกมา

"ไม่ลำบากหรอกค่ะ เป้าหมายของหนูคือเดินทางรวบรวมคนให้ครบทุกธาตุค่ะ

ดังนั้นถ้าได้ผู้ควบคุมธาตุดินมาก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ แล้วไม่ทราบว่ามีผู้สร้างดินจะมาด้วยไหมค่ะ" เพลิงพรายถามพลางลุกขึ้นจากเตียง

"ไม่จำเป็นหรอก สำหรับเผ่าดินแค่ปฐพีคนเดียวก็พอแล้ว เพราะแม่ของเขาเป็นผู้สร้างธาตุดินหนะ บางทีเขาอาจจะสร้างธาตุดินและควบคุมพร้อมๆกันได้ด้วยนะ" คุณอายิ้มก่อนจะพาทั้งคู่เดินไปที่ประตูเมือง

เมื่อประตูเมืองเปิดสิ่งที่พบคือ อากาศ ที่ตรงนั้นไม่มีทั้งน้ำและพื้นดิน มีแต่เพียงอากาศ

"เอาหละ หลังจากขึ้นเครื่องร่อนไปแล้วมันจะพาไปที่เมือง น้ำแข็งนะ" ก่อนจะไปเช่าเครื่องร่อนมาให้ทั้งคู่

เครื่องร่อนคือ เครื่องที่คล้ายๆกับบอลลูน เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องใช้แก๊สกับไฟ เท่านั้น

"เอาหละ ทั้งคู่โชคดีนะ ดูแลตัวเองด้วยนะ ปฐพี" คุณอาบอกลาด้วยความเศร้า

"ไม่ต้องห่วงครับคุณอา ผมจะกลับมาแน่นอน" ปฐพีพูด

ก่อนจะดันเครื่องร่อนออกไป และปีนขึ้นไปบนเครื่องร่อน

ปฐพี มองกลับมาที่เมืองที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่อีกครั้ง ก็ยังพบคุณอายืนโบกมือให้

เขาเองก็โบกมือกลับ และภาพของคุณอาค่อยๆหายไปจนลับขอบฟ้า ปฐพี เห็นเพลิงพราย ยืนเงียบ จึงคิดจะเข้าไปคุยด้วย แต่ไม่ทันได้ทำ

ก็เกิดลมแรงจนพัดปฐพี ลอยออกไปจากเครื่องร่อน "เฮ้ยยยย" ปฐพี แหวกว่ายกลางอากาศ ก่อนที่จะคว้ามือคู่หนึ่งได้ เพลิงพรายนั่นเอง

เธอรีบดึงปฐพีกลับเข้ามาในเครื่องร่อนแม้แต่สายฟ้าที่เกาะอยู่ที่บ่าของเขาก็ยังแทบจะปลิวไปกับสายลมเช่นกัน

ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ พร้อมกับพายุลมแรงจนเครื่องร่อนของพวกเขาปลิวจน ถุงที่สูบลมรั่วออกมา ทำให้บอลลูนตีลังกา กลับไปกลับมา

จนทั้งสองเริ่มเกิดอาการมึนงงและพงกเขาถูกดูดเข้าไปในพายุลูกยักษ์นั่น

"จะเป็นอะไรกันไหมนะทั้งสองคน" คุณอาพูดพร้อมกับมองดูท้องฟ้าสีดำ

*เผ่าสีดำ : คือบุตรซึ่งเกิดระหว่างธาตุที่ขัดแย้งกัน โดยมีความสามารถในการควบคุมธาตุได้ทุกธาตุ

ในโลกนี้มีการแบ่งความสามารถเป็น 3 อย่าง ที่จำแนกมากออกไปกว้างกว่านี้อีกหลายอย่างรวมทั้งนิสัยของเผ่าก็ด้วยเช่นกัน

__________________________________________________________________________

บทที่ 2 : วายุเพลิงพระกาฬ

จิ๊บๆ จิ๊บๆ

เสียงนกในป่าร้องขณะบินไปหาอาหารให้ลูกของมัน


เพลิงพรายลืมตาขึ้นในป่าแห่งหนึ่ง ร่างของเธอนอนทับร่างของปฐพีอยู่โดยที่ปฐพีก็ยังหมดสติอยู่ เธอลุกขึ้นและพยายามปลุกเขาแต่นั่นไม่เป็นผลซึ่งเขาก็ยังคงหลับอยู่เหมือนเดิม

"เอ่อ เขาสลบไปใช่ไหมนั่นหนะ" มีเสียงจากชายคนหนึ่งดังขึ้น

เพลิงพรายหันกลับหลังไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับสร้างไฟขึ้นในมือเธอเพื่อป้องกันตัวเอง ชายคนนั้นใส่ชุดจอมยุทธบางๆและมีผ้าผูกคอสีขาวพันไว้ด้วย

"เห้ยๆ ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรนะเว้ย" ชายคนนั้นชูมือขึ้นฟ้าเหมือนกับยอมจำนนท์

"แล้วนายมาทำอะไร" เพลิงพรายถามก่อนจะลุกขึ้นและเลิกสนใจปฐพีที่สลบอยู่

"คือ ฉันเห็นเครื่องร่อนบินมาตกหนะ เลยมาดู นี่อุส่ามาช่วยไม่ขอบคุณสักคำแถมยังจะฆ่ากันอีกแร้งน้ำใจชะมัดยาก" ชายหนุ่มบ่นก่อนจะนำมือลงตามปกติ

เพลิงพรายเกิดอาการโมโหเพราะรู้สึกเหมือนโดนดูถูกบวกด้วยตัวเองเป็นชนเผ่าไฟทำให้โมโหง่ายแต่ไม่ทันจะได้ด่าสวนกลับไป ชายคนนั้นก็พูดขึ้นมา

"ชายคนนั้น สลบอยู่ใช่ไหมหละนั่น ไม่รีบช่วยหรอ" ชายลึกลับชี้ไปที่ปฐพีที่นอนสลบอยู่ที่พื้น ก่อนจะแนะนำว่า

"ไปพักที่หมู่บ้านฉันสิ ยังไงก็ไม่มีคนเข้ามาบ่อยๆอยู่แล้ว อีกอย่าง ดิน กับ ไฟ ก็เสริมธาตุของฉันอยู่แล้วนี่นา"

อย่างที่ชายข้างต้นกล่าวไว้ว่าธาตุเสริมกัน นั่นคือการเสริมพลังกันซึ่งกันและกันด้วยธาตุต่างๆ

เช่นน้ำกับสายฟ้าเป็นธาตุที่เสริมสร้างซึ่งกันและกันถ้านำมารวมกันก็จะสามารถใช้เป็นท่าประสานได้ในการโจมตีระยะใกล้

ตอนนี้มีผู้ที่สามารถทำแบบนั้นได้มีเพียงหัวหน้าเผ่าน้ำและสหายของเธออีกคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ควบคุมสายฟ้า

วาตะแบกปฐพีขึ้นบนหลังก่อนจะนำทางเพลิงพรายมาที่หมู่บ้านของตน

"คุณย่าครับ คุณย่า"ชายหนุ่มที่แบกปฐพีอยู่ก็ตะโกนออกไป

"อ้าว วาตะกลับมาแล้วหรอ แล้วนั่นพาใครมาด้วยหละเนี่ย บาดเจ็บอยู่ใช่รึเปล่า" ยายแก่ที่นั่งถักผ้าไหมอยู่หน้าบ้านของตนรีบลุกขึ้นมาดูอาการของปฐพี

ชายที่คาดว่าจะชื่อวาตะวางปฐพีลงที่พื้น ยายแก่ที่พึ่งเดินมาถึงก็รีบตรวจอาการของเขาโดยการสำรวจภายนอก

"รีบพาไปพักข้างในบ้านเร็ว" ยายแก่พูดขึ้นก่อนจะให้วาตะแบกปฐพีเข้าไปที่บ้าน เพลิงพรายยืนดูอยู่ห่างก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนกับนึกอะไรบางอย่างออก

"สายฟ้า" เพลิงพรายพึมพัมกับตนเองเบาๆก่อนจะเริ่มกังวลถ้าปฐพีรู้ว่าตนไม่ได้พาสายฟ้ากลับมาด้วยคงจะโกรธ

เธอเริ่มทำท่าลนลานจนออกนอกหน้า วาตะเห็นดังนั้นจึงเดินไปหาและเริ่มแนะนำตัว

"สวัสดีฉันชื่อวาตะเป็นผู้สร้างธาตุลมของที่นี่" เพลิงพรายสะดุ้งอีกครั้งในรอบของวัน

"ธาตุลม หรือว่า" เพลิงพรายทำท่าเหมือนจะเดาออก "ใช่แล้ว ที่นี่เกาะแห่งนภาไงหละ" วาตะพูดขึ้นพร้อมกับผายมือออกรอบๆตัวแสดงว่าถึงความยิ่งใหญ่

"ดูยิ่งใหญ่กว่าที่ได้ยินมาจริงๆนะเนี่ย" เพลิงพรายเริ่มเดินไปข้างๆเพื่อดูสภาพเมือง เมืองแห่งนี้ถูกรายล้อมไปด้วยป่าชื้นและมีหมู่บ้านแค่ใจกลางของป่าเท่านั้น

พื้นของที่นี่ไม่ใช่ดินแต่กลับเป็นเมฆทำให้คาดว่าเมืองนี้คงลอยอยู่เหนือฟ้าโดยพวกเธอและปฐพีขึ้นมาได้โดยพายุพัดขึ้นมานั่นเอง

ตู้ม !

เสียงระเบิดดังขึ้นในป่าข้างหน้าหมู่บ้าน เกิดแผ่นดินไหวเบาๆบนเมฆทำให้เพลิงพรายแทบจะล้มลงไปที่พื้น

"เอาอีกแล้วหรอ" วาตะพึมพัมก่อนจะจ้องไปที่ทางเข้าหน้าหมู่บ้าน มีเซ็นทอร์เกือบ 5 ตัวเดินเข้ามาในหมู่บ้าน

"ว่าไงไอ้ตัวน้อย รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอะไร" ทอร์ตัวหนึ่งที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าเริ่มพูดกับวาตะ

"อาหารเราหมดแล้ว แกพึ่งเอาไปเมื่อวานไม่ใช่รึไง" วาตะตะคอกเสียงใส่พวกเซ็นทอร์ทั้งหลาย

"ฮ่าๆๆ" เซ็นทอร์ตัวอื่นๆต่างหัวเราะกับคำพูดของเขา

"เห้ย ไอ้หนู พวกข้าหิวแล้วจะทำไม ยังไงพวกแกมันก็อ่อนแอที่สุดไม่ใช่รึไง ฮ่าๆๆ" หัวหน้าเซ็นทอร์พูดขึ้นก่อนจะหัวเราะตามลูกน้องของตน

"กรอด !" วาตะกัดฟันจนเกิดเสียงและกำหมัดแน่น

"มีปัญหารึไงไอ้หนู อยากตายมากหรอ" เซ็นทอร์หยิบธนูที่เกี่ยวอยู่กับเอวของตนขึ้นมาและเริ่มเล็งมาที่วาตะ

"ถ้า แกไม่หลบหละก็ฉันจะปล่อยหมู่บ้านนี้ไปอีก3เดือก็ได้นะ ฮ่าๆ" เซ็นทอร์ยื่นข้อเสนอให้ก่อนจะปล่อยมือที่จับลูกธนู

ลูกธนูพุ่งไปด้วยความเร็วเจาะทะลวงผ่านอากาศ และเริ่มเข้ามาใกล้กับวาตะ เขาหลับตาด้วยความกลัว

แกร๊บ !

วาตะลืมตาขึ้น เขาเห็นเพลิงพรายยื่นมือออกมาบังหน้าเขา ในมือของเธอมีลูกธนูที่หักครึ่งจากการบีบ

"เธอ" วาตะจ้องมองด้วยสายตาเหมือนกับไม่เชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้น

"ฉันชื่อเพลิงพรายนะลืมบอก" เพลิงพรายปล่อยลูกธนูที่อยู่ในมือลงไปที่พื้นก่อนจะสลายหายไปเพราะเพลิงพรายได้สร้างธษตุไฟขึ้นในมือของเธอด้วย

"เห้ยพวกแก สนุกมากไหมเอาชีวิตของคนอื่นมาเดิมพันเนี่ย" เพลิงพรายฉุนขาด เดินเข้าไปใกล้กับเซ็นทอร์ตัวหน้าขึ้นเรื่อยๆ

"แล้วจะทำไมหละ ก็พวกมันอ่อนแอเอ..."

ตุ๊บ !!

ไม่ทันที่หัวหน้าของมันจะได้พูดจบ หมัดของเพลิงพรายก็อัดเข้าไปที่หน้าของมันเต็มๆ ร่างของเซ็นทอร์กระเด็นล้มลงไป

"หัวหน้า" ลูกน้องเซ็นทอร์ทั้งหลายตะโกนด้วยความตกใจ

"แก" เซ็นทอร์หัวหน้าลุกขึ้นจ้องมองหน้าของเพลิงพรายที่สลบนิ่ง ด้านวาตะถึงกับตะลึงเพราะพึ่งมีคนกล้าหาเรื่องกลับเซ็นทอร์พวกนี้

"พวกเรายิง" หัวหน้าของพวกมันตะโกนออกมาด้วยความแค้นเซ็นทอร์ลูกน้องเมื่อได้ยินคำสั่งก็เริ่มหยิบธนูของตนออกมาและเริ่มยิงออกมาเรื่อยๆ

เพลิงพรายพยายามหลบแต่เมื่อหลบลูกหนึ่งเธอก็จะโดนลูกธนูอีกลูกที่พุ่งมาใกล้ๆกัน

ธนูทยอยยิงมาเรื่อยๆโดยไม่ลดละความพยายาม เพลิงพรายเริ่มมีบาดแผลตามตัว

โดยเธอให้ความสนใจแต่ลูกธนูจนลืมสนใจหัวหน้าของพวกมัน หัวหน้าเซ็นทอร์หยิบธนูขึ้นมาและเล็งไปที่ท้าวของเพลิงพราย

"ใช้เท้าเก่งนักใช้ไหม" ก่อนจะปล่อยมือ ลูกธนูปักเข้าที่ขาของเธอจนทะลุปักเข้าไปในก้อนเมฆ

"โอ้ย" เพลิงพรายอุทานออกมาด้วยความเจ็บโดยเธอลืมไปเลยว่าลูกธนูข้างหน้าเธอนั้นกำลังพุ่งเข้า

ลูกธนูพวกนั้นเข้าใกล้กับเธอเรื่อยๆ จนห่างกันเพียงไม่กี่ ฟุต

"เพลิงพราย" วาตะตะโดนด้วยความตกใจก่อนจะพยายามสร้างธาตุลมของตนขึ้นในมือโดยหวังว่าจะช่วยอะไรได้ถึงแม้มันจะไม่เป็นอย่างที่เขาคิดก็ตาม

ช่วงเวลาหยุดนิ่ง ลูกธนูตอนนี้ห่างจากเพลิงพรายเพียงแค่ ไม่กี่ นิ้ว

เธอกำลังถูกแขวนอยู่ในเส้นด้าย

โดยโอกาสรอดนั้นมีเพียงน้อยนิด

วูบ

ลมอ่อนๆที่แฝงด้วยความเย็นพุ่งขึ้นมาจากเท้าของเธอก่อนจะพุ่งแรงขึ้นจนเป็นเหมือนกำแพงพายุ ลูกธนูหลายๆดอกที่ถูกยิงมากลับถุกลมพัดลอยขึ้นไปบนอากาศ

ก่อนจะตกลงมากลายเป็นฝนธนูปักลงใส่พวกเซ็นทอร์แทน บางตัวก็โดนจุดตาย บางตัวก็แค่เฉี่ยวๆ บางตัวก็บาดเจ็บสาหัส

เพลิงพรายและวาตะมองด้วยความไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง

"ขอโทษทีนะที่มาช้า" เสียงเข้มๆแบบเดิมที่เธอไม่ค่อยคุ้นเคยแต่เธอก็เคยได้ยินดังขึ้น เพลิงพรายหันไปมองเจ้าของเสียง

"ปฐพี" เพลิงพรายพูดกับตัวเองเบาๆพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย

ปฐพีที่พึ่งฟื้นก็มาช่วยพวกเธอได้ทันเวลาพอดี ในมือข้างซ้ายของเขานั้นมีลมที่ถูกสร้างโดยวาตะลอยรอบๆอยู่บนฝ่ามือ

"นั่นมัน นายควบคุมธาตุลมได้ด้วยหรอ" วาตะตะโกนลั่น ในเวลานั้น ชายแก่ที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำก็รีบออกมาดูด้วยความตกใจ

ผู้คนจากชนเผ่าลมก็ค่อยๆทยอยกลับมาจากการล่าสัตว์ ทุกๆสายตาจ้องมองมาเพียงปฐพีคนเดียว

“เห้ยแก” หัวหน้าเซ็นทอร์ลุกขึ้นก่อนจะยิงธนูใส่ปฐพี เพลิงพรายรีบสร้างธาตุไฟขึ้นในมือ ปฐพีเห็นจึงใช้เท้าบิดตัวหันหน้าไปทางลูกธนูก่อนจะใช้มือขวา

เหวี่ยงผ่านธาตุไฟที่อยู่ในมือของเพลิงพราย ไฟที่พริวไสวตามลมค่อยๆเคลื่อนที่ตามมือของเขา

ปฐพียื่นมือไปทางลูกธนู ลูกธนูไม้ถูกไฟของเพลิงพรายเผาจนแหลกสลายไป หัวหน้าเซ็นทอร์กระโดดถอยหลังเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าตาเคร่งเครียด

“แกบังคับฉันเองนะ”ก่อนจะอ้าปากกว้างและอมลมเข้าไปไว้ในแก้มก่อนจะพ่นออกมากลายเป็นกระแสลมที่รุนแรงและรวดเร็ว

"ไอ้หนูหลบเร็ว นั่นมันวิชาปักษา" ปฐพีหันไปมองยายแก่ด้วยความงุนงง ก่อนที่กระแสลมนั้นพุ่งกระทบตัวของเขา

ปฐพีถูกผลักกลับหลังไปเกือบ 1 ฟุต กระแสลืมเล็กๆที่ตามมาตัดผ่านเสื้อผ้าและเนื้อของเขาบางส่วน ปฐพีกระอักเลือดออกมาเล็กน้อย

เพราะแรงลมบางส่วนกระทบปอดของเขาจนบีบตัวเข้าไปข้างในเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆคลายกับที่เดิมยายแก่เห็นท่าไม่ดีจึงตะโกนไปอีกครั้ง

"ไอ้หนูใช้ท่าประสานระหว่างไฟกับลมเร็ว" ปฐพีได้ยินก็งุนงงโดยที่มือทั้งสองของเขาก็ยังมีลมกับไฟลูกเล็กๆลอยอยู่บนฝ่ามือ

ปฐพีพยักหน้ากลับไปถึงแม้จะไม่เข้าใจแต่เขาก็พอจะเดาๆได้

เขากระแทกมือลงไปข้างๆลำตัวทั้งสองข้าง ธาตุที่อยู่ในมือของเขาเริ่มใหญ่ขึ้น จนลมในมือกลายเป็นพายุ ไฟในมือกลายเป็นลูกไฟยักษ์

"ใช้ท่าประสานธาตุระหว่างไฟกับลมเร็วๆสิ วายุเพลิงพระกาฬ" สิ้นเสียงของยายแก่ เขาก็ประกบมือและนำธาตุในมือทั้งสองบีบเข้าด้วยกัน

มือของเขาเรืองเสียงออก ปฐพีรู้สึกถึงสัมผัสที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน "นี่หนะหรอการประสานธาตุ" ปฐพีพูดกับตัวเองเบาๆ

"ปล่อยไปเลยไอ้หนู พลังนั่นปล่อยไป" ยายแก่ตะโกนกลับมาเป็นครั้งสุดท้าย ปฐพีดันพลังที่อยู่ในมือของเขาพุ่งไปด้านหน้า ก่อนจะแบมืออก

ลมก็ถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามือของเขาเป็นพายุลูกยักษ์ที่รายล้อมไปด้วยไฟ หรือเรียกได้อีกอย่างคือ พายุเพลิง

"เห้ย นี่มันเรื่องจริงหรอเนี่ย" หัวหน้าเซ็นทอร์ตะโกนออกมาก่อนจะถูกพายุเพลิงดูดเข้าไปพร้อมกับลูกน้องก่อนจะหายไปด้วยความร้อนของไฟในใจกลางพายุ

ปฐพีรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายก่อนจะเบ่งพลังในมือให้แรงขึ้นกว่าเดิมก่อนจะตะโกนออกมาว่า

"วายุ เพลิงพระกาฬ"

*ในโลกนี้มีการแบ่งความสามารถเป็น 3 อย่าง

ผู้ควบคุม สามารถควบคุมธาตุเพื่อเคลื่อนที่มันได้

ผู้สร้าง สามารถสร้างธาตุเพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆได้

ผู้คนธรรมดา ไม่มีความสามารถใดแต่ก็มีพลังด้านพละกำลังสูงกว่าผู้ควบคุมและผู้สร้าง

__________________________________________________________________________

บทที่ 3 : รุ่งอรุณในเมืองใหม่

"อ๊ากก" เสียงกรีดร้องของเซ็นทอร์ที่ถูกพายุเพลิงแผดเผาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะค่อยๆกลายเป็นผุยผงไป

สิ้นเสียงกรีดร้องพายุลูกไฟก็ค่อยๆลดลงไปพายุไฟก้อนเล็กๆและสลายหายไปเช่นเดียวกัน

ปฐพีล้มลงนอนแผ่กับพื้นด้วยความเหนื่อยล้าที่ใช้การเบ่งพลังและการใช้ท่าประสานโดยขณะที่แผลที่ถูกท่าสังหารปักษาก็ยังคงมีเลือดไหลอยู่เล็กน้อย เพลิงพรายและวาตะรีบเดินไปดูอาการ

"ใช่จริงๆด้วย" ตาแก่เดินเข้ามาใกล้ปฐพี เพลิงพรายเกิดความงุนงงจึงถามไป

"ใช่อะไรหรอคะ" วาตะที่เห็นก็ตอบแท

"คือว่าพวกเราเผ่าลมส่วนมากแล้วจะเชื่อตำนานของท่านสายลม ท่านได้บอกพวกเราผ่านทางการทำนายว่าจะเกิดนักรบที่ปลดปล่อยพวกเราทั้งหมดให้เป็นอิสระและให้ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม"

เพลิงพรายพยักหน้าตามหลังจากฟังเหตุผล

"แล้วจะบอกว่าปฐพีหรอคะคือนักรบคนนั้น" เพลิงพรายชี้ไปที่ชายที่นอนอยู่ข้างหน้าเธอ

"ใช่ ตำนานกล่าวไว้ว่า เมื่อเผ่าลมถึงกาลสิ้นสุดพวกเราจะมีอัศวินแห่งเผ่าสีดำมาช่วยโดยบุตรชายคนนั้นจะเกิดมาพร้อมพลังพิเศษ" เพลิงพรายสะดุ้งอีกครั้ง ซึ่งรวมวันนี้ก็ 3 ครั้งได้แล้ว

"หรือว่า.."เพลิงพรายพูดด้วยเสียงสั่นๆ "นายคือ.. เผ่าสีดำหรอ.." เพลิงพรายถามปฐพีกำลังลุกขึ้นนั่ง

"อืมใช่ ฉันเป็นเผ่าสีดำพ่อของฉันเป็นผู้สร้างธาตุสายฟ้าส่วนแม่ก็สร้างธาตุดิน" ปฐพีอธิบายให้เพลิงพรายฟังก่อนจะได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้น

จิ๊บๆ จิ๊บๆ ปฐพีหันไปมองบนฟ้าก็พบกับเจ้าสายฟ้าที่กำลังบินมาหาตน และมันก็บินมาเกาะที่บ่าของเขาเหมือนเดิม

"สายฟ้า ยังว่าหายไปไหน"เพลิงพรายทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น สายฟ้าที่เห็นก็บินไปเกาะบ่าของเพลิงพรายเช่นกันก่อนจะจิกเข้าที่แก้ม

"โอ้ย โอ้ย เจ็บนะสายฟ้า ขอโทษ ขอโทษ" เพลิงพรายรีบปัดปากของสายฟ้าออกพร้อมกับพยายามทำให้สายฟ้าใจเย็นลง

"เอ่อ คุณยายคะ คือว่า" เพลิงพรายเริ่มค่อยๆอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับเผ่าแสงไป หลังจากที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมด

"ได้สิ ถ้าอยากได้ผู้สร้างธาตุก็เอาวาตะไปเลย" ยายแก่ชี้ไปที่วาตะวาตะที่ยืนฟังก็ตกใจ

"คุณยายครับแต่ว่า" ยายแก่ทำสีหน้าเคร่งเครียดมองมาที่วาตะ

"นี่วาตะ สัญญากับพ่อของเธอไว้แล้วไม่ใช่รึไงว่าถ้าเจอนักรบแล้วเธอจะร่วมเดินทางกู้เผ่าด้วย" วาตะสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้า

"เอ่อ ถ้าไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะคะ" เพลิงพรายพยายามทำให้สถาการณ์ดีขึ้น

"แล้วขาดผมไปใครจะดูแลคุณยายหละ" วาตะทำหน้ากังวล

"เดี๋ยวนะครับ ผมติดใจคำว่ากู้เผ่าครับมันคืออะไรหรอครับ" ปฐพีที่นั่งดูก็พูดขึ้น

"ก็เมื่อหลายเดือนที่แล้วก่อนที่พ่อฉันจะจากไปพวกเผ่าแสงมันมาต้อนคนไปเกือบ 100 คนเหมือนกับที่พวกนายเล่านั่นหละ คนเก่งๆก็ถูกพวก3เจ้าอัศวินจัดการและลากตัวไปแล้ว"วาตะพูดอย่างเศร้า

"งั้นก็รีบไปช่วยกันสิ"ปฐพีลุกขึ้นและจีบหลังคือเสื้อของวาตะก่อนจะค่อยๆลากเขาไป

"คุณยายคะขอตัววาตะไปกอบกู้เผ่าก่อนนะคะ" คุณยายพยักหน้ากลับให้เพลิงพราย แต่ระหว่างที่เพลิงพรายกำลังเดินอยู่ยายแก่ก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก

"เห้ย เดี๋ยวๆ ปล่อยฉันนะ" วาตะพยายามดิ้น ปฐพีที่เดินมาถึงขอบของเกาะก็ปล่อยวาตะ วาตะเดินมาข้างหน้าของเขาก่อนจะบ่นออกมาเล็กน้อย

"เห้ย นี่มันเริ่มจะมืดแล้วนะเดินทางตอนกลางคืนมันอันตรายนะเว้ย"

"อืม" ปฐพีตอบอย่างเย็นชาก่อนจะรอให้เพลิงพรายและสายฟ้าที่เดินและบินตามหลังมาทัน

"เพลิงพรายมานี่หน่อยสิ มาวัดความสูงกับวาตะหน่อย" ปฐพีพูดอย่างหน้านิ่งๆ เพลิงพรายเริ่มงุนงงกับปฐพีแต่ก็ทำตามแต่โดยดีเพราะเธอรู้ว่าปฐพีคงต้องการอะไรบางอย่าง

"อืม เท่ากันดี" สิ้นเสียงของปฐพี เขาก็เอามือกอดทั้งสองคนแล้วดันตัวเองให้ตกลงไปใต้เกาะเมฆา

"เว้ยยย" "อ๊ายยย" เสียงตะโกนของวาตะและเสียงกรีดของเพลิงพรายดังลั่นไปทั่วเกาะ ส่วนตัวของสายฟ้าก็บินพุ่งตามลงไปเช่นกันอีกด้านที่เมืองเมฆา

"หึหึ วาตะหวังว่าเจ้าคงจะเจอเรื่องสนุกๆนะ" ยายแก่ยิ้มให้ส่งท้ายก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านตนไป

"นี่สินะเมืองหิมาวดี" ปฐพีพูดขึ้นในขณะที่เสื้อผ้าของเขานั้นเปียกโฉก ข้างหน้าเมืองนั้นเป็นคล้ายๆกับปราสาทพื้นที่พวกเขายืนอยู่ก็เป็นน้ำแข็งคล้ายๆกับเผ่าลมที่เป็นเมฆตามเผ่าของตนโดยเมื่อพวกเขามาถึงก็พระอาทิตย์ใกล้จะขึ้นพอดี

"นี่แกทำอะไรของแกฟะ" วาตะที่อยู่ในน้ำก็บ่นพลางปีนขึ้นไปบนน้ำแข็งที่ปฐพียืนอยู่เช่นกันและที่หลังของเขาก็คือเพลิงพรายที่สลบอยู่

"เห้ย ปฐพี เพลิงพรายเกิดอาการต่อต้านแล้วนะ" วาตะพูดก่อนจะวางเธอลงที่พื้นข้างๆปฐพี

อาการต่อต้านคือเมื่อชนเผ่าของธาตุใดธาตุหนึ่งเจอกับธาตุที่ชนะตนเช่น เพลิงพรายที่เป็นธาตุไฟเมื่อโดนน้ำก็จะเกิดอาการต่อต้านเพราะเผ่าน้ำนั้นชนะเผ่าไฟของตนเมื่อโดนมากๆเช่นทั้งตัว

อาการของการต่อต้านคือจะสลบไปจนกว่าธาตุนั้นจะหายไปเช่นถ้าเกิดว่าเสื้อผ้าของเพลิงพรายแห้งก็จะฟื้นขึ้นมาเอง

"นั่นสินะ ฉันเผลอลืมไป" ปฐพีค่อยๆย่อตัวลงไปและอุ้มเพลิงพรายเหมือนกับเจ้าหญิงที่หลับในอ้อมแขนของเจ้าชาย

"เข้าไปสิรออะไรหละ" วาตะที่หลังจากบิดเสื้อผ้าก็รีบเดินนำหน้าปฐพีไปด้วยอาการหัวเสีย

สายฟ้าที่พึ่งบินมาทันก็บินมาเกาะที่บ่าของวาตะ ทั้งคู่เดินมาจนถึงหน้าประตูเมือง ประตูเมืองเผ่าน้ำแข็งนั้นก็เป็นน้ำแข็งเช่นกันโดยถูกแกะสลักไว้อย่างสวยงามด้วยลวดลายเป็นคล้ายๆก้อนผลึก

"ดีนะเนี่ยที่โชคดีมาเจอเมืองน้ำแข็งไม่งั้นจมน้ำตายกันแน่" วาตะบ่นอุบอิบก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ประตูจนแนบชิด

“ฉันว่าไม่โชคดีนะ เพราะเพลิงพรายบอกว่าหาธาตุน้ำแข็งก่อนเพราะธาตุน้ำแข็งนั้นชนะธาตุแสง แต่เครื่องร่อนของพวกเราดันไปตกที่เกาะเมฆาก็เลยได้แกมาก่อนนี่ไง”

ปฐพีพูดพลางเดินตามหลังไปในอ้อมอกของเขาก็ยังคงเป็นเพลิงพรายที่สลบอยู่เหมือนเดิม เมื่อวาตะเอื้อมมือไปที่ประตูเมือง ประตูกลับเปิดโดยอัตโนมัติ

ประตูค่อยๆเปิดอ้าออกไปจนสุด แต่ไม่ทันที่ทั้งสองจะได้เข้าไปก็มีทหารมารุมล้อมที่ข้างในประตู

"นี่พวกเธอคิดจะมาถล่มเมืองโดยมาแค่สามคนเนี่ยนะ" ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น

"เห้ยผมเปล่านะครับคือผมต้องการจะเข้าไปหาหัวหน้าเผ่าหนะครับ" ทหารเมื่อได้ยินก็ขยับเข้าไปใกล้พวกเขามากขึ้น ปฐพีถอยหลังออกไปอีกหลายก้าวให้ห่างที่สุด

เพราะตอนนี้มือของเขาทั้งสองข้างไม่ว่างที่จะควบคุมธาตุได้ไม่เหมือนกับพวกทหารที่ไม่ได้ถืออาวุธอะไรเลย ปฐพีเดาได้เลยว่าพวกเขาต้องมีทั้งผู้สร้างและผู้ควบคุมแน่นอน

"เห้ย แกจะโอหังมากไปแล้วนะ แกคิดว่าพอมีฝีมือจะฆ่าหัวหน้าเผ่าของเราได้หรอ แน่จริงผ่านเราไปให้ได้ก่อนสิเว้ย" ทหารตะโกนออกมา เสียง เฮ ดังขึ้นจากกองทหารกองนั้น

ทหารที่สวมชุดเกาะและแต่งตัวเหมือนอัศวินกระทืบเท้าลงพื้นก่อนจะเป็นแรงดันเกือบทำให้วปฐพีกระเด็นแต่สำหรับวาตะแล้วนั่นเป็นแค่ลมเบาๆที่ไม่มีผลกระทบกับตัวเขาเลยแม้แต่น้อย

"เคล็ดวิชาโจมตีน้ำแข็ง" ทหารทั้งกองพูดพร้อมกับก่อนที่ทหารด้านหลังที่แต่งตัวเหมือนจอมยุทธก็สร้างธาตุน้ำแข็งขึ้นมา

ในมือของพวกเขานั้นเป็นก้อนผลึกเล็กๆ ก่อนที่ทหารแถวหน้าจะใช้มือลากมันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

ก้อนน้ำแข็งนั้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนเงาของมันนั้นกลืนกินทั้งวาตะและปฐพี ปฐพีเริ่มทำสีหน้าเคร่งเครียดมากกว่าเดิมเพราะตอนนี้มือของเขาไม่ว่างพอ

และเขาก็ไม่รู้ว่าจะสามารถควบคุมธาตุน้ำแข็งที่ก้อนใหญ่ขนาดนั้นได้รึเปล่าเช่นกัน

"สลาย" สิ้นเสียงของทหารทั้งกอง น้ำแข็งผลึกใหญ่ก็แตกออกมาเป็นเสี่ยงเล็กๆ และพุ่งตกลงมาใส่ทั้งสอง

"หยุดนะ" เสียงอันแข็งทื่อของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างในเมือง

"องค์หญิง พวกเรารีบสลายน้ำแข็งเร็ว" น้ำแข็งอันแหลมคมที่พุ่งลงมากลับกลายเป็นน้ำที่ตกลงมาโดยเมื่อรวมทั้งหมดที่ตกลงมาแล้วแทบจะเป็นฝนได้เลยทีเดียว ทหารทั้งหมดนั่งขุกเข่าก้มหัวให้หญิงสาวคนนั้น

เธอเดินผ่านกลางของกองทหารพวกนั้น เธอแต่งชุดผ้าไหมสีน้ำเงินที่มีลวดลายสวยงามและมีผ้าพันคือสีน้ำเงินและลายเช่นเดียวกัน

"องค์หญิงตัวจริงหรอเนี่ย" วาตะพึมพัมเบาๆ

"ขอโทษนะคะที่ทหารของฉันทำรุนแรง คุณจะมาพบท่านพ่อใช่ไหมค่ะ" เด็กสาวพูดด้วยเสียงอ่อนโยนและทำใบหน้ายิ้มแย้มแม้มันจะค่อนข้างแข็งทื่ออยู่บ้างก็ตามทีเถอะ

"แขกของท่านหรอครับเจ้าหญิง.." ทหารพูดด้วยเสียงสั่นๆ เพราะรู้ดีว่าตนได้ทำสิ่งที่ไม่ควรแล้ว

"อย่าให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกหละ" เธอตอบกลับทหารเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะผายมือเข้าไปในเมือง

"เชิญเข้ามาในเมืองเลยคะ ยินดีต้อนรับสู่เมืองหิมาวดีนะ ส่วนฉันชื่อหิมาลัยคะเป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่าน้ำแข็งเองค่ะ"

หิมาลัยพูดพลางพาทั้งคู่เดินเข้าไปในเมืองโดยไม่สนใจเพลิงพรายที่หลับอยู่ในอ้อมแขนของปฐพีแม้แต่น้อย โดยเธอคิดว่าคงจะเหนื่อย แต่จริงๆแล้วหารู้ไม่ว่าเธอเกิดอาการต่อต้าน

โดยถ้าคิดตามความจริงแล้วทหารพวกนั้นทำถูกต้องแล้วที่โจมตีพวกปฐพี เพราะถ้าดูจากภายนอกเขาก็รู้ได้เลยว่าเพลิงพรายนั้นเป็นเผ่าไฟ

เนื่องจากตัวเปียกโฉกไปด้วยน้ำและยังสลบอีกและไม่มีทางที่จะเกิดอาการเหนื่อยได้เพราะตั้งแต่เมืองเผ่าดินถึงที่นี่ก็มีแต่น้ำเท่านั้น

ถึงแม้พวกเขาจะแปลกใจก็ตามที่พวกเขามาได้โดยที่ไม่ใช้เครื่องร่อน โดยไม่รู้เลยว่าทั้งคู่โดดลงมาจากเกาะเมฆา

ด้านของปฐพีและวาตะ ก็กำลังเดินตามหิมาลัยเข้าในเมือง ในเมืองนั้นดูครึกครื้นกว่าที่วาตะคิดไว้เยอะเพราะว่าพวกเขาเป็นแขกซึ่งกว่าจะเข้าไปได้ก็ต้องผ่ากองทหารเข้าไป

แต่ในเมืองนี้มีทั้งพ่อค้าและนักท่องเที่ยวจากเผ่าอื่นๆมากมาย

ทำให้เขาเริ่มเกิดอาการโกรธเล็กน้อยที่เผ่านี้แบ่งแยกเป็นสองมาตราฐานโดยที่ไม่รู้ความจริงเลย

"ว่าแต่" หิมาลัยเริ่มเป็นคนเปิดบทสนทนา วาตะมองมาที่ปฐพี ปฐพีทำท่าขมิบปากเข้าไปข้างในหมายความว่าให้เงียบเอาไว้ พยายามอธิบายข้อมูลให้น้อยที่สุด

"คือว่า ต้องการซื้ออะไรก่อนจะเข้าไปที่บ้านฉันไหมคะ" หิมาลัยหันมาถามด้วยสีหน้าเรียบๆ

เพราะมันเป็นพื้นฐานของคนธาตุน้ำแข็งที่จะแสดงอารมณ์ออกยากแต่ก็สามารถใช้หลอกศัตรูได้ในบางครั้ง

“เอ่อ ไม่เป็นไร” วาตะตอบด้วยความเกรงใจแฝงความกลัว

ทั้งคู่เดินไปจนถึงข้างในสุดเมือง ข้างหลังของเมืองหิมาวดีนั้นเป็นภูเขาสูงที่ปิดบังแสงอาทิตย์เอาไว้

และมีคฤหาสน์หลังหนึ่งตั้งตระง่านอยู่โดยถูกสร้างขึ้นจากน้ำแข็ง วาตะถึงกับตะลึง และชี้ไปที่ คฤหาสน์นั้น และถามหิมาลัย

"อย่าบอกนะว่านั่นบ้านเธอ" วาตะกลืนน้ำลายก้อนใหญ่

"ใช่คะ บ้านฉันเอง" หิมาลัยพูดพลางเดินไปจนถึงหน้าคฤหาสน์ วาตะมองปฐพีที่สีหน้านิ่งเรียบ

โดยไม่ตกใจใดๆทั้งสิ้นเพราะว่าเผ่าดินนั้นก็ใช้ดินในการสร้างบ้านเหมือนกันสำหรับบ้านบางหลังที่มีผู้ควบคุมเพราะบ้านนั้นจะเปลี่ยนรูปร่างอย่างไรก็ได้

วาตะมองขึ้นไปดูที่คฤหาสน์ที่สูงขึ้นไปอีกประมาณ 2 เมตร ด้านหน้าของพวกเขานั้นมีบันไดที่ยาวเหยียดจนถึงประตูทางเข้า ทั้งสองเดินขึ้นไปเรื่อยๆ

โดยที่เพลิงพรายนั้นก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่น ส่วนสายฟ้าก็ยิงเกาะที่บ่าของวาตะโดยทำท่าเหมือนไม่รุ้ว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งสิ้น

ประตูค่อยๆเปิดอ้าออกมาช้าๆจนสุดบาน วาตะและปฐพีถึงกับตะลึงเหมือนกับมีสิ่งบางอย่างที่ไม่ควรจะมีได้อยู่ในนั้น

"นี่บ้านของเธอจริงๆหรอเนี่ย"

*เผ่าลมนั้นเป็นเผ่าที่ชอบพูดชอบคุยนินทากับผู้อื่นและชอบความรื่นเริงโดยประโยชน์ของชนเผ่าธาตุลมนั้นก็คือการพูดนั่นเอง

เพราะการพูดอาจจะทำให้อีกฝ่ายอ่อนไหวได้ก็เหมือนกับสายลมที่พัดจนต้นไม้บางต้นถึงกับต้องหันไปตามกระแสลม

__________________________________________________________________________

บทที่ 4 : วาตะหิมาลัย

"นี่มันสุดยอดมาก" วาตะ เดินเข้าไปในก่อนใครและเริ่มชื่นชมความงาม

ปฐพีที่อุ้มเพลิงพรายอยู่ก็เดินตามเข้าไป วาตะเริ่มเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆจนเจอกับประตูบานใหญ่ๆบานหนึ่งด้านบนของบานประตูนั้นมีสัญลักษณ์รูป

มือที่มีน้ำแข็งรายล้อมจับมือกับอีกมือหนึ่งที่มีเมฆหมอกปกคลุม

"มีพันธมิตรด้วยหรอ"วาตะพึมพัมเบาๆ

พันธมิตรก็คือการที่เผ่าหนึ่งเผ่าร่วมมือกันกับอีกหนึ่งเผ่าเมื่อมีสงครามก็จะออกช่วยรับ

โดยที่ทั้งสองเมืองนี้จะรับผลประโยชน์ซึ่งกันและกันรวมถึงการปกครองเองด้วยเช่นกัน

วาตะค่อยๆดันประตูไปช้าๆ ปฐพีเริ่มเร่งฝีเท้าเดินตามไปอย่างรวดเร็วรวมทั้งหิมาลัย เมื่อประตูเปิดออก

ข้างในนั้นเป็นห้องเล็กๆ มีทหารยืนชิดกำแพง และด้านในสุดนั้นก็มีแท่นเก้าอี้แห่งราชาที่มีเพียงแค่ราชาของเมืองเท่านั้นที่นั่งได้

"อ้าว ว่าไงลูกพาเพื่อนมาเล่นที่บ้านหรอ" เสียงทักทายจากชายแก่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้นดังขึ้น

"ค่ะพ่อ คนพวกนี้เขาบอกว่าเป็นแขกของพ่อค่ะ" หิมาลัยเดินเข้าไปหาพ่อของเธออย่างรวดเร็ว

ปฐพีและวาตะก็ค่อยๆเดินตามไป เมื่อพระราชาเห็นปฐพีที่อุ้มเพลิงพรายอยู่ก็ตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว

"ทหารจับชายคนนั้นไว้" ทหารที่ยืนแข็งทื่อหยิบดาบออกมาและวิ่งกรูมาล้อมปฐพีและวาตะไว้

สายฟ้าที่เกาะอยู่บนไหล่ของวาตะก็บินไปเกาะบนไหล่ของเพลิงพรายแทน

"เห้ยๆ หน้าฉันก็ออกจะเป็นมิตรนะ" วาตะเดินถอยหลังไป 2 ถึง 3 ก้าว

"คุณพ่อค่ะ ทำอะไรหนะ" หิมาลัยงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

"กล้ามากนะที่พาเผ่าไฟเข้ามาในเมืองหิมาวะดีแบบนี้ สัญญาสันติจบลงแล้ว"

พระราชาตะโกนเสียงดังทำให้หิมาลัยที่ยืนอยู่ข้างก็ยังต้องตกใจที่เห็นพ่อตัวเองเป็นแบบนี้

"ใจเย็นสิท่านพวกผมไม่ได้มาทำมิดีมิร้ายนะครับ" วาตะรีบแก้ตัว แต่ทหารก็ยังคงขยับเข้าใกล้เรื่อยๆ

จนทั้งสองเดินถอยหลังไปจนเกือบถึงประตูทางออก

โดยที่ประตูนั้นก็เปิดอ้าเหมือนรอให้พวกเขาออกไป

"วาตะ พูดไปพวกนั้นก็ไม่ฟังแล้ว" ปฐพีที่เดินถอยหลังตามกันบอก วาตะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียดแทน

"ปฐพีฉันอุ้มเพิงพรายเอง" วาตะพูดก่อนจะสร้างธาตุลมในมือ ปฐพีวางเพลิงพรายที่ยังไม่ได้สติลงที่พื้นก่อนจะดึงธาตุลมมาไว้ในมือของตน

และผลกรรมก็ไปตกที่วาตะคนเดียวอีกรอบที่อุ้มเพลิงพรายไว้

"ทหาร พวกมันเริ่มต่อต้านแล้วฆ่าได้เลย" ราชาลุกจากเก้าอี้และเดินตามหลังไปช้าๆ "เดี๋ยวสิค่ะคุณพ่อใจเย็นกันก็ได้" หิมาลัยรีบพูดช่วยทั้งสองคนนั้น

"โจมตี" เสียงตะโกนออกจากปากหัวหน้าใหญ่ซึ่งเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ทำงานในระบบแบบป้อนคำสั่ง

ทหารที่ล้อมเขาอยู่พุ่งโจมตีมาพร้อมกันราวดังมีดที่กระหนั่มแทงเข้ามา

ปฐพีก้มตัวลงและดันธาตุลมอัดลงที่พื้นทำให้เกิดแรงลมกระจายรอบตัวเขาเกิดเป็นกำแพงลมล้อมรอบ ดาบที่พุ่งมาก็เด้งลอยขึ้นไปบนฟ้าราวกับเวทย์มนต์

"วาตะวิ่งเร็ว" ปฐพีตะโกนก่อนจะวิ่งออกไปที่บันได วาตะก็ไม่รอช้าอุ้มเพลิงพรายขึ้นมาและวิ่งตามลงไป

เมื่อกำแพงลมหายไป ทหารก็วิ่งตาลงบันไดไปเช่นกัน ปฐพีและวาตะ วิ่งฝ่าวงล้อมของพ่อค้าและผู้ซื้อของมากมายก่อนจะวิ่งไปที่ประตูทางออกโดย

แต่ยังไม่ทันถึงก็มีทหารวิ่งมาดักหน้าพวกเขาและล้อมตัวพวกเขาไว้อีกครั้ง แต่ที่แปลกจากครั้งก่อนคือครั้งนี้มีทหารรวมเกือบราว 50 คนเลยทีเดียว

ทำให้พวกเขาหมดทางหนีอีกครั้งวาตะวางเพลิงพรายไว้ที่พื้นก่อนจะลุกขึ้นมาและสร้างธาตุลมไว้ในมืออีกครั้งเช่นกัน

"เดี๋ยว" เสียงแข็งของผู้หญิงดังขึ้น

"หิมาลัยหรอ" วาตะมองหาต้นเสียง หิมาลัยวิ่งตามหลังพ่อของตนมา

"หลบไปเดี๋ยวนี้นะ หิมาลัย เดี๋ยวคนพวกนี้ก็ฆ่าลูกหรอก" พระราชาพูดเสียงแข็ง

"พ่อค่ะ งั้นหนูขอฆ่าพวกเขาเองเถอะค่ะ" หิมาลัยทำหน้าเครียดก่อนจะเร่งความเร็วนำพ่อของเธอและฝ่าวงล้อมทหารเข้าไปใกล้ทั้งสองคน

"เดี๋ยวสิ ลูก" พระราชาที่ตามหลังมาก็ดูเหมือนจะห้ามไม่ทันแล้ว วาตะกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเช่นเธอเพราะถ้าต้องสู้กับผู้หญิงคนนี้คงต้องคิดผิดแน่ๆ

หิมาลัยยื่นหน้าเข้าไปใกล้หูของวาตะก่อนจะกระซิบเบาๆ

"เธอไม่ได้มาทำลายเผ่าของพวกเราใช่ไหม" วาตะที่ได้ยินก็ถึงกับตกใจที่มีคนมาไว้ใจตนเองแบบนี้ ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นคงฆ่าเขาไปแล้ว

"ใช่" วาตะตอบกลับไปเบาๆ หิมาลัยยิ้มออกมาเล็กน้อย

"นายนี่เชื่อใจได้จริงๆด้วย" หิมาลัยทิ้งคำสุดท้ายไว้ให้ ก่อนจะก้มเอามือไปแตะพื้นน้ำแข็ง

เมื่อนิ้วของเธอสัมผัสโดนมัน น้ำแข็งบริเวณนั้นก็พุ่งขึ้นไปพร้อมกับปฐพี,วาตะและเพลิงพราย

เช่นกันเมื่อมันพุ่งขึ้นไปจนถึงจุดหนึ่งที่สูงกว่าบนยอดหลังคาตึกอื่นๆ

ก็มีน้ำแข็งต่อยอดออกมาจากเสานั้นเป็นทางสไลเดอร์ลงไป ทั้ง 3 ไถลลงไปตามน้ำแข็งและข้ามไปอีกฝากหนึ่งของเมือง

ปฐพีพยายามหาที่เกาะเอาไว้เพื่อที่จะช่วยหิมาลัยมาด้วยแต่ก็ดูเหมือนไม่ทันแล้ว

"หิมาลัย" วาตะตะโกนลั่นสุดเสียง ก่อนจะมีเสียงตอบกลับมา

"โชคดีนะ"

เมื่อทั้งสามมาตกอีกฝากหนึ่งของเมือง ปฐพีก็รีบอุ้มเพลิงพรายและรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

ส่วนสายฟ้าก็สะบัดตัวให้ลุกขึ้นและบินไปเกาะบนไหล่ของเพลิงพรายเช่นดิม

"เร็ววาตะ รีบหนีได้แล้ว" วาตะที่ล้มนอนลงอยู่ก็ลุกขึ้นเช่นกัน ก่อนจะเดินไปอีกทางหนึ่ง

"จะไปไหนวาตะ ทางออกมันอยู่ทางนี้นะ" ปฐพีเรียกวาตะที่เดินไปโดยไม่สนใจใคร

"ฉันจะไปช่วยหิมาลัย" วาตะพูดเสียงแข็งก่อนจะเดินไปอย่างไม่สนใจใคร

"ก็ได้แล้วแต่นายแล้วกัน อยากจะปล่อยให้หิมาลัยตายเปล่าก็ตามใจ" ปฐพีตะโกนออกมาครั้งสุดท้ายก่อนที่เงาของวาตะจะหายไป

พ่อค้าและลูกค้ามากมายต่างมุงดูปฐพีด้วยความแปลกใจ

"เพลิงพราย" เสียงชายหนุ่มดังขึ้น เขาเดินฝ่าวงล้อมเข้ามาใกล้ปฐพี

เขามองดูชายที่เดินมาด้วยความงุนงงที่รู้จักกับเพลิงพรายและความงุนงงส่วนหนึ่งก็เกิดจากการแต่งตัวของเขา

ที่มีผ้าขาดๆสีดำคลุมตัวเขาไว้และมีผ้าโผกหัวที่เหลือแต่ดวงตาเท่านั้นเหมือนต้องการปิดบังอะไรบางอย่าง

"เห้ย แกเป็นใครหนะ" ชายแปลกหน้าพูดขึ้นเป็นปฎิกิริยาทำให้ปฐพีกำหมัดแน่น พร้อมกับจ้องตาอันคมกริบ

"แล้วแกหละเป็นใคร" ปฐพีถามย้อน

"ฉันเป็นแฟนของเพลิงพราย แล้วแกมาทำอะไรแฟนฉัน" ปฐพีได้ฟังก็ถึงกับตกใจที่คนอย่างเพลิงพรายก็มีแฟนด้วย

แต่เขาก็ไม่รอช้า อุ้มเพลิงพรายและเดินไปใกล้ชายคนนั้น

"เอ้า นี่ฝากเพลิงพรายกับนกนี่ด้วยนะด้วยนะด้วยนะ" ก่อนจะยื่นตัวเพลิงพรายมีสายฟ้าเกาะอยู่บนไหล่ให้ชายแปลกหน้า และวิ่งฝ่าวงล้อมออกไป

"เห้ย แล้วแกหละจะไปไหน" เสียงเบาๆลอดออกมาจากวงล้อม ปฐพียิ้มก่อนจะตอบกลับไปเสียงดังว่า

"ไปช่วยเพื่อนฉันหนะสิ"

"นี่ลูกทำอะไรหนะ รู้ไหมไปช่วยคนเลวแบบนั้นป่านนี้พ่อค้าคงโดนฆ่าไปเยอะแล้วมั้ง" ราชาขมวดคิ้ว

"พวกเขาไม่ได้ป่าเถื่อนนะค่ะท่านพ่อ มันเกี่ยวกันด้วยหรอว่าเป็นคนเผ่าอื่นหนะ" หิมาลัยที่โดนทหารรายล้อมก็เถียงกลับ

"ไอ้คนเผ่าอื่นๆหนะมันเชื่อใจไม่ได้หรอกลูก มีเพียงแค่เผ่าพวกเรานั่นแหละเป็นผืนดินแผ่นสุดท้ายให้ลูกอยู่แล้ว

แต่ตอนนี้ลูกไม่มีที่อยู่แล้ว ลูกเป็นกบฏแล้ว" ราชาชี้นิ้วสั่งทหารโจมตีลูกสาวของตน

"หนูยอมเป็นอยู่แล้วเพื่อช่วยคนที่ถูกต้องค่ะ" หิมาลัยตอบเสียงแข็ง

"พ่อขอโทษด้วยนะ หิมาลัย" ราชาทิ้งท้ายคำขอโทษไว้ด้วยคราบน้ำตาก่อนจะสั่งโจมตี

"โจมตี" ทหารเริ่มง้างดาบสูงขึ้น

"ถ้าไม่มีที่ให้อยู่หละก็ มาอยู่กับฉันก็ได้นะ" เสียง เสียง หนึ่งดังขึ้นทำให้ทหารหยุดชะงัก

"เธอกลับมาทำไม" หิมาลัยหันไปมองต้นเสียงวาตะที่กำลังวิ่งเข้าไปใกล้ก็ตอบกลับไป

"ก็มาช่วยเธอหนะสิ ถามมาได้" วาตะกระโดดขึ้นเหยียบไหล่ของทหารก่อนจะกระโดดลอยตัวข้ามไปลงที่กลางวงล้อมพอดี

"มาตายพร้อมกันได้เลยนะ ทหารโจมตี" พระราชาไม่รอทั้งสองสั่งเสียก็สั่งทหารให้โจมตี

ทหารทั้ง 8 ทิศฟาดฟันดาบไปหาทั้งสอง วาตะกระโดดลอยขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะพุ่งตัวลงมาถีบทหารข้างหน้าตนให้ล้มลง

หิมาลัยสร้างธาตุน้ำแข็งขึนให้มีรูปร่างก่อนจะทำเป็นโล่ป้องกันดาบที่พุ่งเข้ามาและสะบัดดาบให้หลุดออกจากมือทหารไปก่อนจะกระโดดเตะทหารให้ล้มไปตามๆกัน

เมื่อเธอลงมาถึงพื้นก็พลาดถ้าถูกทหารวิ่งมาจับแขนและล๊อคตัวไว้ หิมาลัยพยายามสร้างธาตุต้านทำให้มือของทหารแข็ง

แต่มันก็ไม่ได้ผลเพราะทหารก็เป็นธาตุน้ำแข็งเช่นกัน วาตะรีบหันหลังกลับก่อนจะง้างหมัดต่อยแต่ก็ไม่ทันจะได้ปล่อยไปทหารก็เข้ามาล๊อคตัววาตะเช่นเดียวกัน

"ปล่อยฉันนะ" วาตะพยายามดิ้นและพยายามสร้างธาตุต้านเช่นกันแต่ก็ไม่ได้ผลเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ลดละเช่นเดียวกับหิมาลัยที่ยังคงสร้างธาตุใส่แขนของทหาร

"ตัดหัวมันทหาร" พระราชาสั่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังกลับและเดินกลับบ้านของตนไปอย่างช้าๆพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก เหมือนกับรู้จุดจบ

ทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาข้องหน้าวาตะก่อนจะยกดาบขึ้น ตรงกับหัวของเขา ช่วงนั้น ธาตุลมของวาตะและธาตุน้ำแข็งของหิมาลัยก็แผ่วเบาลง

"ธาตุอ่อนลง" หิมาลัยพูดด้วยความงุนงง

"มาแล้วหรอ ให้รอตั้งนาน" วาตะยิ้มออกมา

"แกยิ้มอะไรว่ะ" ทหารที่ล๊อคตัวเขาถาม

"หันไปดูสิ" วาตะตอบก่อนที่ทหารทั้งกองทัพหันหลังกับมองพร้อมกับพระราชาที่เดินไปได้สักครู่และหิมาลัยเช่นกัน

มีชายคนหนึ่งยืนอยู่บนหลังคาเขาถือธาตุ ลมและน้ำแข็งไว้ในมือของตนเอง

"ควบคุมได้ทั้งธาตุ ลมและน้ำแข็งหรอ" พระราชาที่ยืนดูอยู่ห่างก็ตกตะลึงเหมือนกัน

"วาตะหิมาลัย ขอโทษที่มาช้านะ" ปฐพีตะโกนเสียงดัง ก่อนจะยกมือทั้งสองขึ้นฟ้าและน้ำธาตุทั้งมารวมกัน

ระหว่างมือของปฐพีเกิดแสง ก่อนที่เขาจะค่อยๆขยายมืออกทำให้ แสงที่อยู่ระหว่างมือของเขาเป็นก้อนกลมๆเล็กๆค่อยๆใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆ

จนกลายเป็นก้อนกลมๆมีแสงสีน้ำเงินและเขียวส่องไปมาจนเงาของมันกลืนกินเมืองหิมาวดีทั้งเมือง

"ไม่น่าเชื่อ" หิมาลัยตาค้างพร้อมกับพึมพัมอยู่คนเดียว ก่อนที่ก้อนวงกลมจะแตกออกแล้วกลาอยเป็นพายุหิมะยักษ์ ที่มีน้ำแข็งรายล้อมอีกชั้นหนึ่ง

ปฐพีเมื่อพอใจในขนาดของพายุก็กระโดดพุ่งตัวไปบนฟ้าจนอยู่ใต้ทหารทั้งกองทัพและเหวี่ยงมือพุ่งลงไปที่พื้นทำให้พายุหิมะยักษ์พุ่งไปลงที่ใจกลางวง

ทหารทั้งกองทัพถูกดูดเข้าไปในพายุหิมะยกเว้นวาตะ และหิมาลัยที่อยู่ในใจกลางพายุ ก่อนที่พายุหิมะยักษ์จะลอยขึ้นไปจนสุดท้องฟ้า

และแตกตัวออกมาเป็นสายฝนหิมะเล็กๆ ทหารที่ถูกดูดขึ้นไปก็ตกลงมาใส่หิมะทำให้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

ปฐพีที่ตกลงมาจากท้องฟ้าก็ตกลงใส่หิมะเช่นกันก่อนจะฝุบตัวลงไปนอนแผ่อีกตามเคย

"พึ่งจะเคยเห็นหิมะเป็นครั้งแรกนะเนี่ย ฮิฮิ" ปฐพีพึมพัมกับตัวเองและหัวเราะเบาๆก่อนที่จะสลบลงไปอีกเช่นเคย

"วาตะนั่นเพื่อนเธอแน่หรอ"

*เผ่าน้ำแข็งนั้นเป็นเผ่าที่เยือกเย็นและสงบนิ่งทำให้ไม่อ่อนไหวต่อสิ่งใดๆและจะเป็นประโยชน์ตอนต่อสู้

เพื่อที่จะไม่หลงกลศัตรูง่ายๆด้วยการที่ธาตุน้ำแข็งสามารถจับโกหกได้ง่ายมากๆเพราะพื้นฐานคือการช่างสังเกต

บทที่ 5 : เพลิงพระพาย

แสงแดดยามบ่ายสาดส่องผ่านเมืองหิมาวดีอย่างงดงามเป็นภาพที่จะหาดูไม่ได้จากที่ที่ใดอีกแล้ว

เพลิงพรายลืมตาขึ้นในห้องห้องหนึ่งซึ่งเมื่อมองดูรอบๆก็เหมือนกับห้องของเด็กผู้หญิงทั่วๆไป แต่ไม่ทันที่เพลิงพรายจะได้ลุกก็มีใบหน้าที่ค่อยๆใกล้เข้ามา

"เพลิงพรายจ๋า มาจุ๊บหน่อย"ชายคนนั้นพูดอย่างแผ่วเบา

เพลิงพรายบิดตัวหลบก่อนจะเหวี่ยงมือเข้าไปที่ใบหน้าของชายคนนั้น เพี๊ยะ ความรุนแรงของผ่ามือที่กระทบกับใบหน้าทำให้เกิดเสียง

ชายคนนั้นกระเด็นทะลุประตูห้องลอยไปจนกระแทกกับผนังด้านนอก

"หนอย..แก..วาโย"เพลิงพรายพูดเสียงดุ วาโยที่โดนตบกระเด็นก็ค่อยๆลุกขึ้นมาพร้อมกับ

หน้าตาที่ปูดขึ้นจนบังใบหน้าเกือบทั้งหน้า

"ไม่คิดถึงกันหรอจ๊ะ ที่รัก" เพลิงพรายกระโดดลุกจากเตียงด้วยความฉุนก่อนจะเตะก้านคอของวาโย

ทำให้ตัวเขากระเด็นไปกระแทกกับหน้าต่างก่อนจะพุ่งลอยออกจากคฤหาสน์

เพลิงพรายยังมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะหลังจากที่เธอตกลงมาจากเกาะนภาเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย

ก่อนจะเดินออกมาจากห้องและเริ่มเดินสำรวจ ภายในมีทหารยืนเฝ้ามากมายตามทางเดินจนเธอเดินมาถึงห้องโถงใหญ่

และได้ยินเสียงพูดคุยกันดังขึ้นจากประตูบานใหญ่ เธอเปิดประตูและเดินเข้าไป

"อ๋อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง ฮ่า" พระราชาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หัวเราะออกมาดัง เมื่อได้ฟังความจริงทั้งหมดจากปากของปฐพี

ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รวมทั้งวาตะและหิมาลัยด้วย ด้านหน้ามีโต๊ะและอาหารวางเรียงราย

"อ้าวสวัสดีแม่สาวเจ้าแห่งไฟ" พระราชาตะโกนทักทายเพลิงพรายด้วยความชม เพลิงพรายขมวดคิ้วและ

กำหมัดแน่นในใจเพียงแต่หวังให้ตนเองไม่เผลอลงมือ พระราชาลุกจากเก้าอี้ก่อนจะวิ่งไปกระโดดพุ่งเข้าหาเพลิงพราย

"ขอกอดทีสิจ๊ะ" เพี๊ยะ ความรุนแรงของผ่ามือที่กระทบกับใบหน้าทำให้เกิดเสียงอีกครั้ง

ตู้ม พระราชาพุ่งกระทบกับกำแพงและลอยออกไปจากคฤหาสน์เช่นเดียวกัน

"..." ภายในเวลานั้นห้องกับตกอยู่ในความเงียบงัน

"โทษทีนะพอดีพ่อฉันเมาหนะ" หิมาลัยพูดขณะกำลังเคี้ยวอาหาร

"ว่าแต่เธอเป็นใครหละเนี่ย" เพลิงพรายทำหน้าสงสัย "ฉันชื่อหิมาลัยเป็นธิดาของเจ้าเมืองหิมาวดีแห่งนี้เอง"เมื่อพูดจบเพลิงพรายก็ยิ้มดีใจ

"นี่เรามาถึงนี่แล้วหรอไวจังเลย" สายฟ้าที่เกาะอยู่บนไหล่ของปฐพีก็บินไปเกาะบนไหล่ของเพลิงพรายแทน

ก่อนจะจิกเข้าให้ที่แก้ม จังหวะนั้นเพลิงพรายก็พึ่งนึกขึ้นได้ถ้าเป็นลูกแล้วคนที่เธอตบไปก็

"ใช่ ถูกแล้วเธอตบกษัตริย์ปลิวไปแล้วไง" ปฐพีตอบหน้าเงียบ เพลิงพรายได้แต่ยืนนิ่งค้างทำหน้าซีด

"ว่าไงสาวๆ" วาตะที่เข้าห้องน้ำเสร็จเดินมาก่อนจะเอามือแตะไหล่ของเพลิงพรายอีกข้าง

และเริ่มการทักทายตามปกติโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเพลิงพรายคิดว่าเขาคือวาโย

"ว่าไง.." ไม่ทันจะได้พูดจบ เพี๊ยะ ความรุนแรงของผ่ามือที่กระทบกับใบหน้าทำให้เกิดเสียงเป็นครั้งที่3ร่างของวาตะปลิวไปกระแทกกับปฐพี

"แค่กๆ เธอจะบ้าหรอ ตบฉันทำไมเนี่ย" วาตะที่ล้มก็รีบลุกขึ้นเดินไปชี้หน้าด่าอย่างเมามัน

"เป็นอะไรของเธอเมนส์ไม่มารึไง" เพี๊ยะ ร่างของวาตะลอยละลิ่วไปอีกครั้งหนึ่งจนตกลงที่พื้น เพลิงพรายที่โมโหเกินจะโมโหก็พูดขึ้น

"นายมีปัญหารึไง" เพลิงพลายก็สวนกลับทันที

"ใช่แล้วทำไมหละ" ทั้งคู่ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา จนสายฟ้าที่เกาะอยู่ที่ไหล่รำคาญและบินไปเกาะที่ไหล่ของปฐพีเหมือนเดิม

"ขอโทษด้วยนะสองคนนี้ก็แบบนี้แหละ" ปฐพีพูดให้หิมาลัยฟัง

"นั่นสินะคะ ยังไงฉันก็ชอบอยู่เงียบๆมากกว่า" หิมาลัยพูดก่อนจะวางช้อนซ้อมลง โดยที่ข้างหลังของทั้งสองก็คือศึกระหว่างชายธาตุลมและหญิงธาตุไฟ

"เอาหละๆ"พระราชาที่ค่อยๆเดินขึ้นมาจากบันไดก็พูดขึ้น

"คือว่าพวกเธอมาหาคนที่สร้างธาตุน้ำแข็งสินะ เรามีทหารให้เลือกมากมายเชิญตามสบายเลยถูกใจคนไหนก็เอาไปเป็นพวกได้เลยนะ"

พระราชาพูดก่อนจะเดินเข้าไปในห้องและนั่งลงที่เดิมของตน เพลิงพรายที่กำลังทะเลาะกับวาตะก็เดินไปนั่งข้างๆปฐพีรวมทั้งวาตะด้วย

ทั้งคู่นั่งใกล้กันโดยมีปฐพีเป็นแนวกั้นส่วนหิมาลัยนั้นนั่งตรงข้ามเก้าอี้ของปฐพี

"หนูจะไปเองคะพ่อ"หิมาลัยขอเสนอตัวเอง พระราชาจ้องมาทางลูกสาว "แหม จะให้ลูกสายสุดที่รักของพ่อไปเจออันตรายได้ไงหละจ๊ะ จุ๊บๆ"

พระราชาเดินเข้าไปใกล้หิมาลัยทำหน้าตาอ้อนวอน หิมาลัยเอามือบังหน้าพ่อของตนไว้ "พ่อคะหนูไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ" หิมาลัยพูด

ก่อนจะหยิบม้วนกระดาษออกมาและเอานิ้วพ่อของตนจุ่มลงในซอสและนำมาแปะเข้าที่กระดาษของตน

"เรียบร้อย เดี๋ยวฉันจะไปกับพวกนายด้วย"หิมาลัยพูดอย่างหน้านิ่งๆ ก่อนจะเก็บม้วนกระดาษเข้าไป

"เอาเป็นว่าถ้ากินเสร็จแล้วจะไปไหนก็ตามสบายเลยแล้วกันเดี๋ยวค่อยกลับมาเจอกันตอนเวลา 6โมงเย็นแล้วกัน" พูดจบหิมาลัยก็ลุกแล้วเดินออกไป

ส่วนพระราชาก็นอนสลบกองอยู่ที่พื้นโดนที่ทหารยามก็ยังยืนดูอย่างเฉยเมยปฐพีจ้องไปที่เพลิงพรายก่อนจะถามคำถาม

"เธอไม่หิวหรอเพลิงพราย" เพลิงพรายมองหน้าของปฐพีอย่างแปลกใจ

"ฉันไม่หิวขอบคุณ" เมื่อพูดจบเพลิงพรายก็ลุกแล้วเดินออกไป

"เดี๋ยวนะ นี่ใครเป็นคนพาเพื่อนฉันให้มาเฝ้าฉันเนี่ย" เพลิงพรายหันกลับไปมองทั้งสองคนที่นั่งอยู่

"ฉันเองแหละ" ปฐพีตอบอย่างเรียบๆ

"นายนี่เอง ปฐพี!!"

เพี๊ยะ

"ไม่น่าเชื่อขนาดฉันยังไม่เว้นเลย"ปฐพีที่ตาข้างหนึ่งเขียวก็พูดขึ้นขณะยืนอยู่ข้างๆระเบียงในของชั้น 3 กับหิมาลัย

"คิก คิก เพื่อนของคุณนี่ตลกดีนะคะ"หิมาลัยหัวเราะเบาๆข้างปฐพี "คนพวกนี้มีเยอะจะตายไป ไม่เคยเห็นหรอ" หิมาลัยพยักหน้าตอบกลับ

"ตอนเป็นเด็กท่านพ่อไม่ให้ฉันออกไปไหนหนะคะ ส่วนมากจะให้เล่นอยู่ในคฤหาสน์" ปฐพีที่ยังคงมองพระอาทิตย์ค่อยๆคล้อยต่ำลงไปก็พูดขึ้น

"เหมือนถูกขังเลยหละสิ เดี๋ยวยังไงเธอจะเจอกับพวกนี้จนเบื่อเลยหละ ฮ่าๆ" ปฐพีหัวเราะขึ้นเบาๆ


"ท่านพ่อคะ" หิมาลัยเดินไปข้างๆพ่อของตนที่นั่งอยู่ในห้องทำงาน

"ท่านพ่อแน่ใจหรอคะว่าพวกนั้นจะไม่หลอกท่านพ่อหนะ" หิมาลัยทำหน้ากังวลก่อนจะถามพ่อของเธอ

"แน่สิอย่างน้อยมันก็อธิบายสำหรับคนที่ควบคุมธาตุได้ทั้งสองธาตุหละจริงไหม อีกอย่าง.." พระราชาหยุดพูดก่อนจะทำหน้ากังวลอีกเช่นกัน

หิมาลัยที่จับสังเกตได้ก็ถามกลับไป

"มีเรื่องอะไรหรอคะพ่อ" หิมาลัยที่อยากจะรู้เหตุผลก็ถามขึ้น

"พ่อจะบอกก็ได้แต่ลูกห้ามบอกปฐพีนะ" หิมาลัยพยักหน้าตอบกลับ

"ไอ้ชลาหัวหน้าเผ่าแสงหนะมันเป็นคนสั่งฆ่าทั้งสองคนเองแหละ" หิมาลัยเมื่อได้ยินก็ถึงกับตาค้าง ก่อนจะค่อยๆเดินออกจากห้องไป

"อย่าลืมหละอย่าให้ปฐพีรู้เด็ดขาด" หิมาลัยที่เดินออกไปห้องไปก็พยักหน้ากลับเบาๆก่อนจะเดินหายไปอีกครั้ง

เมื่อตะวันคล้อยลงจนลับขอบฟ้าไป ก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะมารวมตัวกันซึ่งปกติถือเป็นเรื่องแปลกสำหรับปฐพีที่พระอาทิตย์ตกลงเร็วแม้กระทั่งเวลา 6 โมงเย็น แต่สำหรับคนที่เมืองนี้

ถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะโดยส่วนตัวคนเมืองนี้ก็ไม่ชอบแสงอาทิตย์สักเท่าไร เมื่อพระอาทิตย์ตกลงไป บ้านหลายๆหลังก็ค่อยๆเปิดไฟโดยใช้ตะเกียงจุดไปเรื่อยๆ

จนเมื่อปฐพีหันกลับไปมองอีกครั้งก็เหมือนกับเมืองที่มีแสงออร่าล้อมลอบเพราะแสงของตะเกียงที่กระทบกระน้ำแข็งทำให้ทำให้น้ำแข็งนั้นมีแสงส่องผ่านใสๆซึ่งก็คงจะหาชมไม่ได้อีกแล้วเช่นเดียวกับพระอาทิตย์ตก


"เอาหละตอนนี้เราอยู่ในห้องใต้ดินซึ่งเป็นสถานที่ใช้ศึกสำหรับทหารของพวกเราเองโดยที่ห้องนี้เป็นห้องน้ำแข็.ที่ปล่อยไอเย็นออกมาน้อยมากทำให้สามารถถนอมพลังงานและระบายความร้อนได้ดีเอาเป็นว่ามาเริ่มฝึกกันเลย"

พระราชาและอีก 4 คนที่เหลือตอนนี้อยู่ในห้องน้ำแข็งกว้างๆห้องหนึ่งซึ่งกินพื้นที่ในภูเขาที่คฤหาสน์ตั้งอยู่เกือบ 1 ใน 5 เลยทีเดียว เมื่อพระราชาพูดจบก็เริ่มอธิบายรายละเอียด

"เอาหละ พวกเรารู้แล้วว่าปฐพีนั้นเป็นเผ่าสีดำหรือถ้าจะเรียกให้ถูกเรียกว่า ตัวอย่างสีดำ โดยชื่อนี้ฉันตั้งให้เองจงภูมิใจสะ" ปฐพีที่ทำหน้าซื่อๆก็คิดในใจ 'จะภูมิใจดีไหมเนี่ย'

ตัวอย่างสีดำ มีความหมายว่าตัวอย่างสีดำอย่างตรงตัวซึ่งก็คงมีความหมายโดยรวมว่าตัวอย่างของผู้ที่เกิดในชนเผ่าสีดำเป็นคนแรก

"เอาหละวันนี้ฉันจะมาสอนทริคในการควบคุมธาตุให้ถึงฉันจะไม่รู้หรอกนะว่ามันจะใช้คู่กับพลังพิเศษของเธอได้หรือเปล่าแต่รู้ไว้ไม่เสียหาย" พระราชากระดิกนิ้วเรียกปฐพีเดินก้าวเข้าไปใกล้ๆตน

"คงจะเคยเห็นกันแล้วสำหรับการโจมตีของเผ่าน้ำแข็งโดยมีทั้งหมด 2 รูปแบบต่อการโจมตีหนึ่งท่าซึ่งก็คือ .."

วาตะเหมือนจะรู้ก็เลยตอบ

"เหมือนกับการที่ทหารควบคมธาตุน้ำแข็งขึ้นไปแล้วสลายให้แตกออกมาเป็นกระสุนน้ำแข็งหนะหรอ" พระราชายิ้มแป้นออกมา

"ถูกต้อง เอาหละปฐพี" ก่อนจะจ้องไปที่ปฐพีอีกครั้ง

"ตอนนี้เธอใช้ได้กี่ท่าแล้วหละ" ปฐพีนับนิ้วสักพักใหญ่เกือบ5นาทีก่อนจะตอบกลับไป

"2 ครับ" พระราชาพยักหน้า

"แล้วทำไมรนับนานจังแค่ 2 เอง" ปฐพีเงยหน้าขึ้นมองพระราชาก่อนจะตอบว่า

"พอนับเสร็จผมก็คิดเลขเล่นครับ"

"เอาเป็นว่าเอาท่าระหว่างเพลิงพรายกับวาตะแล้วกันเพราะว่าท่าของวาตะกับหิมาลัยฉันเห็นไปแล้ว"

เมื่อพระราชาพูดจบทั้งคู่ก็หันมามองกันด้วยสายตาเคียดแค้น ก่อนจะสร้างธาตุขึ้นในมือ

ปฐพีดึงธาตุทั้งสองมาอย่างรวดเร็วก่อนจะประกบมือจนเกิดแสงและกลายเป็นพายุเพลิง

"นี่หละถือมันไว้นะปฐพี แล้วลองดูดีๆเธอเห็นธาตุอะไรเสริมธาตุอะไร" พระราชาถามปฐพีไป

ปฐพีมองอยู่พักใหญ่เกือบ 10 นาทีก่อนจะตอบกลับไป

"ไฟเสริมลมครับ" พระราชาเกิดอาการงุนงงที่ทำไมถึงคิดนานจึงถามกลับไปอีกครั้ง

"ทำไมเธอคิดนานจัง" ปฐพีเงยหน้ามองขณะที่มือยังถือวายุเพลิงพระกาฬอยู่ก็ตอบกลับไป

"ผมมองมันเล่นครับมันสวยดี" เพลิงพรายที่ยืนดูอยู่ห่างๆก็เกิดอาการโมโหสำหรับความงี่เง่าของปฐพี

ส่วนวาตะได้แต่นอนขำกลิ้งกับความซื่อตรงของธาตุดิน

"เอาหละที่พวกเธอเห็นก็คือธาตุไฟเสริมธาตุลมใช่ไหม คราวนี้ปฐพี เธอต้องก้าวข้ามขั้นแรกไปขั้นที่งสอง

คือทำให้ธาตุลมหนะเสริมธาตุไฟแทน เป็น เพลิงพระพายไงหละ"

*เผ่าไฟนั้นเป็นเผ่าที่จ้าวอารมณ์ซึ่งอารมณ์ของตนนั้นจะถูกแสดงออกมาผ่านทางใบหน้าหรือการกระทำโดยที่เผ่าไฟเองจะไม่สามารถห้ามปฏิกิริยานี้

ไว้ได้โดยประโยชน์ของชนเผ่าไฟนั้นก็คือพละกำลังนั่นเองเพราะเมื่อตนโกรธก็จะยิ่งลุกโชนและร้อนแรงขึ้นเป็นเปลวเพลิงที่ยิ่งใหญ่

บทที่ 6 : การขอความช่วยเหลือของเผ่าแห่งความมืด

"ท่าในตำนานของเผ่าไฟในนีเทอร์แลนด์ วายุเพลิงพระพาย" เพลิงพรายพูดขึ้นด้วยความตกตะลึง

"ถูกต้อง ตำราคัมภีร์แห่งความทรงจำที่สาบสูญ" ทุกคนสะดุ้งเมื่อได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตำนานที่สาบสูญ

วาตะเองก็เคยได้ยินตำนานนี้มาจากพ่อของเขาเช่นกัน แต่มีเพียงคนเดียวที่ยังโยนธาตุเล่นไปเล่นมา

คือปฐพีคนเดียวที่ไม่ได้จะรู้เรื่องอะไรกับคนอื่นเขาเลยเพราะตัวเองอยู่เผ่าดินจึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตำนานนี้

พระราชามองปฐพีด้วยความเศร้าใจ เพลิงพรายพูดปลอบใจว่า

"ต้องเข้าใจนะคะว่าเขาเป็นเด็กไม่โต"ปฐพีที่พึ่งจะโยนเปลวไฟสีแดงปนเขียวขึ้นไปบนฟ้าก็หันมาถามทั้งสอง

"ใครไม่โตหรอ"

"เห้ยปฐพีวายุเพลิงพระกาฬจะตกแล้ว"วาตะตะโกนให้ปฐพีตื่นตัวแต่ก็ดูจะไม่ทันเสียแล้ว

เมื่อลูกบอลธาตุตกถึงพื้นปฐพีก็สลบไปอีกครั้งพร้อมกับแรงระเบิดอันมหาศาล

ด้านนอกตัวเมืองหิมาวดี

"นี่มันไม่ยุติธรรมเลยว่าไหม ทำไมเธอถึงทำกับฉันแบบนี้" วาโยที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปสู่คฤหาสน์ก็ได้แต่บ่นรําพึงรําพัน

ให้กับสายฟ้าที่เกาะอยู่บ่นหัวของตนฟังไปเรื่อยๆ

"ทำไมกัน ฉันถึงโชคร้ายอย่างนี้" เมื่อวาโยเดินมาถึงหน้าประตู ความโชคร้ายก็เริ่มโจมตีเขาทันที

ตู้ม !!

พายุเพลิงพุ่งออกมาจากประตูคฤหาสน์หลังใหญ่ ซากปรักหักพังบางส่วนของตึกที่ถล่มค่อยๆหล่นลงมาใกล้กับวาโยเข้าไปทุกที

"ย๊ากกกกกก" เสียงนี้แผดลั่นกระจายไปทั่วทุกสารทิศ


"ดีนะเนี่ยที่น้ำแข็งมันหนาไม่งั้นถล่มมาหมดแล้ว" เพลิงพรายได้แต่บ่นอย่างหัวเสียกับความไม่รอบคอบของปฐพี

โดยที่เจ้าตัวก็สลบแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ด้านหิมาลัยและพระราชาก็สร้างเกาะน้ำแข็งขึ้นมาทัน

"ท่านครับเรามีจดหมาย" เสียงที่ไม่ได้รับเชิญดังขึ้นจากประตูที่ห่างไกล พระราชารีบวิ่งไปดูเมื่อเปิดซองอ่านดูเขาก็เจอปัญหาใหญ่ตามมา

"เด็กๆ เรามีปัญหาแล้ว"

"อะไรนะเผ่าความมืดขอความช่วยเหลือหรอ"เพลิงพรายถามขึ้นขณะที่กำลังเดินไปกับคนอื่นข้างๆเธอ

"ใช่ ดูเหมือนเผ่าแสงมันจะเริ่มเก็บธาตุความมืดต่อจากธาตุลม แล้วเราก็ต้องไปช่วยเพราะยังไงฉันก็เป็นพันธมิตรกับเผ่ามืดอยู่แล้ว"

"แล้ว... ทำไม.. ฉันต้องมาแบกไอ้งี่เง่านี้ด้วยเนี่ย" วาตะที่กำลังอุ้มปฐพีเดินตามหลังขบวนทหารของเผ่าน้ำแข็งก็บ่นขึ้น

หิมาลัยแอบหัวเราะอยู่ด้านหลังเบาๆ


ที่ขบวนทหารเดินออกจากเมืองและมีเป้าหมายจะมุ่งหน้าผ่านป่าแห่งความตาย

เพราะเป็นทางผ่านทางลัดโดยที่ไม่ต้องข้ามการแบ่งเขตส่วนกลาง ป่าที่มีตำนานว่าใครที่เข้าไปแล้วจะไม่สามารถออกมาได้

มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะสามารถออกมาได้และได้เล่าเรื่องต่างๆนาๆมากมายไม่ซ้ำกัน ทำให้ตำนานของป่านี้ก็ยังเป็นเรื่องลึกลับต่อไป


แสงแดดที่ทอแสงฉายเข้าที่ตาปฐพีทำให้เขาเริ่มรู้สึกตัว เขาลืมตาขึ้นก็พบตัวเองนอนพิงต้นไม้อยู่ส่วนด้านหน้าเขาก็เป็นป่าที่รกทึบ

"นี่ฉัน วาร์ป ได้ด้วยหรอเนี่ย เจ๋งชะมัด" ปฐพีที่กำลังตื่นตากับจินตนาการที่ตัวเองคิดก็โดนขัดจังหวะด้วยวาตะ

"วาร์ป บ้านแกสิ นี่ฉันแบกแกมาเนี่ย"

"นายเมารึเปล่าเนี่ย" เพลิงพรายถามแบบประชดประชันแต่ปฐพีก็ตอบแบบซื่อๆว่า

"ไม่"

"นี่ เพลิงพราย วาตะ ปฐพี มาได้แล้ว" หิมาลัยเดินออกจากป่าลึกเพื่อตามทั้ง 3

"ลุกได้แล้วขี้เซา" วาตะดึงปฐพีให้ลุกขึ้นแล้ว

ทั้งสามก็ออกเดินทางเข้าไปในป่าลึก บรรยากาศภายในป่านั้นมืดสนิท

มีเพียงแสงเล็กๆน้อยๆลอดเข้ามา ทางเดินเป็นโคลนตลอดทาง ทำให้ต้องพึ่งแผนที่ในการเดินทางซึ่งตอนนี้ได้ตกอยู่ในมือของหิมาลัยแล้ว


"นี่เธอแน่ใจหรอหิมาลัยว่าถูกทาง" ปฐพีถามด้วยความสงสัย

"นี่เราเดินมาครึ่งทางแล้วนะแล้วมันก็เหมือนในแผนที่ด้วย" เพลิงพรายตอบแทนหิมาลัย

"ตอนเด็กๆ ฉันมักจะออกไปเดินเล่นในเมืองกับท่านพ่อบ่อยๆโดยส่วนมากฉันจะชอบดูแผนที่คะ

ดังนั้นไว้ใจฉันได้"หิมาลัยที่หันกลับไปตอบโดยไม่ทันได้ระวังด้านหน้าของตน จนเดินไปกระแทกกับต้นไม้ต้นใหญ่อย่างจัง

และเท้าเจ้ากรรมดันกระแทกกับก้อนหินในโคลนทำให้หิมาลัยล้มลงแต่วาตะก็เข้ามาคว้าตัวไว้ทัน ส่วนแผนที่ก็ตกลงไปในโคลน

ปฐพีรีบดึงขึ้นมาแต่ก็เปียกน้ำโคลนทำใก้กระดาษนั้นเปียกและเปื้อนสีดำจนไม่สามารถอ่านได้

"งานเข้า" ปฐพีพูดเบาๆ


ตึก ตึก ตึก

เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งที่ดังไม่ใกล้ไม่ไกลกำลังเดินเข้ามาใกล้ทั้ง 4 คน

"ถ้าจะประสานธาตุให้เรียกชื่อแทนนะคะจะได้ไวกว่า"หิมาลัยบอกปฐพีเพื่อที่จะเตรียมพร้อมสำหรับจัดการกับคนที่เดินเข้ามา

แสงสว่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงฝีเท้าอันเชื่องช้า ปรากฏร่างชายคนหนึ่งใส่ชุดอัศวินสีขาวครบทุกส่วนยกเว้นเพียงแต่ส่วนหัวเท่านั้น

"สวัสดี องค์หญิงหิมาลัย" เสียงเดิมที่หิมาลัยคุ้นเคยดังขึ้น "เรย์"

"หิมาลัยนั่นใครหนะ" วาตะถาม

"เรย์ หนึ่งในจ้าวอัศวินทั้ง 3 เป็นจ้าวแห่งความเร็ว" หิมาลัยพูดขึ้นในหน้าที่นิ่งเฉยเช่นปกติ

"ข้าน้อยรู้สึกเป็นเกียรติมากเลยครับองค์หญิงที่องค์หญิงรู้เกียรติศักดิ์ของข้าน้อยด้วย" เรย์ก้มคำนับ

"มาทำอะไร เรย์" หิมาลัยถามแบบตรงประเด็น

"ข้าน้อยคงต้องขอทูลให้ทราบว่าขอน้อยตั้งใจขอความกรุณาจากองค์หญิง"ก่อนจะเงียบไปซักพักแล้วพูดต่อว่า

"ข้าน้อยจะขอความกรุณายืมชาวเมือง 100 คนมาเพื่อช่วยข้าน้อยทำนุบำรุงเมืองเผ่าแสงของเราขึ้นมาใหม่"

หิมาลัยรู้ทันเล่ห์กลของเรย์ที่ช่ำชองในการหลอกล่อศัตรูแต่มันใช้ไม่ได้ผลกับหิมาลัยที่เป็นธาตุน้ำแข็งซึ่งเยือกเย็นและสงบนิ่ง

และมีแผนการในการโต้ตอบกลับเพื่อให้ยอมสารภาพ

"ทำไมไม่ไปขอท่านพ่อหละ"แต่ปัญหามีแค่เรย์นั้นไม่ได้โง่เช่นกัน

"เพราะข้าน้อยหาท่านพ่อของท่านไม่เจอเลย"

"ก็ได้ท่านหญิง ข้ายอมแพ้ท่านแล้ว ถ้าท่านขัดขืนข้าเยอะแบบนี้แสดงว่าท่านก็คงรู้แล้ว จากหญิงแห่งชนเผ่าไฟ"ก่อนที่จะจ้องมองไปยังเพลิงพราย

"และข้าก็ขอคาดเดาว่าสิ่งที่เกิดกับเผ่าไฟก็ดันเกิดขึ้นโดยบังเอิญกับเผ่าลมด้วยเช่นกัน

และก็รวมทั้งการได้รับรู้ที่มาจากอาของเจ้า เข้าเผ่าดิน" ปฐพีขมวดคิ้วเข้มเพราะมีไม่กี่คนนักที่รู้จักอาของเขา

"แล้วตอนนี้เผ่าความมืดก็กำลังโดนเผ่าแสงของพวกข้าจัดการแล้วด้วย โดยที่พวกท่านมาช้าไปนิดเดียวเอง มาช้าไปแค่เสี้ยววินาที"

"พวกเราป้องกันไว้" พระราชาตะโกนสั่งทหารของเขาให้ป้องกันเมืองของเผ่าแห่งความมืดที่พังไปเกือบครึ่งแล้ว

"และแล้วความบังเอิญก็เกิดขึ้นเมื่อปกป้องเมืองแห่งความมืดไม่ได้ก็ไม่สามารถปกป้องลูกของตนได้"

พูดจบปฐพีและวาตะก็เดินมาบังหิมาลัยเอาไว้ สายตาอันคมกริบของทั้งสองทิ่มแทงมาที่เรย์แต่เขาได้สนใจไม่

"และความบังเอิญอีกอย่างเมื่อออกตามหาลูกก็พบศพของเธอและเพื่อนของเธอนอนท่ามกลางกองเลือด"

พูดจบเรย์ก็เอามือปลดชุดเกราะของตนออกเพื่อให้สบายตัว

"เริ่มแล้วระวังด้วย" หิมาลัยเตือน ทั้ง 3 คน

"แหม ท่านหญิงยังจำได้อยู่หรอครับเนี่ย"

"แสดงว่าท่านคงจำได้ใช่ไหมครับเรื่องที่ข้าเนี่ยชอบใช้มีดเป็นพิเศษ"ก่อนจะล้วงมีดออกจากเอวของตนและขว้างมาใส่ทางพวกเธอ

วาตะวิ่งเข้าไปหาเรย์ก่อนจะก้มตัวหลบมีดด้วยความรวดเร็วก่อนจะสร้างธาตุลมไว้

ปฐพีรีบดึงธาตุลมจากมือของวาตะมาและปัดมีดของเรย์กระเด็นออกไปด้านข้าง

ก่อนจะวิ่งตามไป วาตะง้างหมัดพยายามจะต่อยเรย์ โดยที่เรย์ก็ยังยืนเฉยๆ

"วาตะ ถอยออกมา" หิมาลัยรีบเตือนวาตะแต่ก็ดูจะไม่ทันสะแล้ว เรย์ยิ้มออกมาเบาๆก่อนจะพูดขึ้นว่า

"แสงส่องนภา"เมื่อหมัดที่พุ่งมาด้วยความเร็วและแรงเข้าใกล้เรย์ หมัดนั้นก็ทะลุผ่านหน้าของเขาไป ส่วนตัวของเขาก็กลายเป็นแสงและหายไป

ก่อนจะมีร่างของเรย์ปรากฏทางด้านซ้ายของวาตะ และมีมีดพุ่งมาปักเขากับไหล่ของวาตะกระเด็นออกไป

ปฐพีที่วิ่งตามไปก็จีบทิศทางของมีดก่อนจะเบรคตัวแล้วเลี้ยวซ้ายแล้ววิ่งไปก่อนจะดึงธาตุดินออกมาจากพื้นและควบคุมให้มันล้อมรอบหมัดของตน

เพื่อเพิ่มความแข็งเกร่งและพุ่งหมัดเขาไปที่หน้าของเรย์ แต่ก็เป็นเช่นเดิมเมื่อหมัดนั้นได้ทะลุเรย์ออกไปอีกครั้ง

"บ้าน่า" ปฐพีตกตะลึงกับสิ่งที่พบเจอ

"ไม่ได้บ้าหรอก นั่นมันเคล็ดวิชาการประยุกต์ใช้ธาตุขั้นที่สองและเทคนิคการหน่วงธาตุและใช้เทนนิคเคลื่อนย้ายธาตุไปไว้ที่ขาไง"

เรย์อธิบายให้ฟังก่อนจะมีร่างของเขาโผล่มาข้างๆปฐพีอีกคนและใส่เข่าเข้ากับหน้าปฐพี ส่วนร่างเก่านั้นก็กลายเป็นแสงไปเช่นเดิม


"วาตะ เพลิงพราย" ปฐพีพูดส่งสัญญาณให้ทั้งคู่สร้างธาตุอีกครั้ง วาตะกระชากมีดที่ปักไหล่ตนออกและปาทิ้งไปก่อนจะสร้างธาตุ

เพลิงพรายที่ยืนอยู่ก็สร้างธาตุเช่นกัน ปฐพีรีบดึงธาตุทั้งสองมาและประสานธาตุเป็นวายุเพลิงพระกาฬ ก่อนจะทุบลงพื้น

ทำให้ตัวของเขานั้นอยู่กลางวงพายุเพลิง แรงลมและไฟทำให้ต้นไม้บางต้นปลิวหลุดออกจากพื้นหรือบางต้นก็หักโค่นลงมาเลย

ร่างของเรย์ที่ถูกพายุพัดก็กลายเป็นแสงอีกครั้งก่อนจะโผล่มาบนหัวของปฐพี

และเตะเขากระเด็นไปโดนพายุตัวเองพัดลอยไปบนอากาศก่อนจะตกลงด้วยความรุนแรง ผลัก!

"ทีนี้เห็นรึยังหละ องค์หญิงความแตกต่างระหว่างพลัง ทีนี้จะยอมแต่โดยดีไหมครับ"

*เผ่าแสงนั้นเป็นเผ่าที่เฉลวฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมาซึ่งส่วนมากการเรียนการสอนนั้น

มักเกิดจากเผ่าแสงเป็นผู้กำหนดซึ่งประโยชน์ในการต่อสู้คือการประยุกต์ธาตุเพราะพื้นฐานคือการใช้สมอง

__________________________________________________________________________

Talk Zone


http://image.ohozaa.com/i/5d1/rWXvn.jpg (http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=5342)

http://image.ohozaa.com/i/a64/0N7PQh.jpg
Taone1414 ตะวัน
http://image.ohozaa.com/i/73e/UHJf3L.jpg
Design by : Rex
Copyright


ส่วนตัวผมว่า โอเคครับ แต่เรื่องของเผ่าต่างๆ ผมว่าน่าจะมีชื่อเป็นของเผ่านั้นๆด้วย

By Stormwind

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ส่วนตัวผมว่าก็ดีนะครับเพราะเรียกชื่อเผ่าดิน เผ่าแสง ห้วนๆ มันแปลกๆ

:cool:


โอ้วว น่าสนใจ ไว้ว่างๆจะมาอ่านนะครับ ^^

โอ้ขอบคุณครับที่ช่วยอ่านนะครับ :yes


เย่ เย่ ปูเสื่อ ~ขอเชิญคุณ GIGABom นั่งด่วน ซื้อโค๊กมาด้วย ผมหิว

ฮ่าๆๆ ขอนั่งด้วยคนแล้วกัน

ปูเสือ รอ เอาใครกำลังรอ มานังล้อมวง กินส้มตำไ่ก่ย่าง + พิษซ่ารวมมิตร และัโค็ก 1 ขวดแป็ปซี่อีก 1 ขวด และก็
ใครสนใจน้ำ กระทะทองแดงก็มาได้เลยครับ ^ - ^

โอ้ ปูหลายเสื่อจังนะครับ ฮ่าๆ


เครื่องร่อนเขียนแบบนี้นะัขอรับ =.= ล่อนในที่นี่น่าจะแปลว่าเปลือย เปล่า เครื่องล่อน = เครื่องถอดเสื้อผ้า (หื่นซะ)
โครงเรื่องทำมาได้ดีนะครับ น่าติดตาม แต่ว่าอยากให้ลองเพิ่มบทบรรยายแล้วก็ พรรณาอีกหน่อยอะครับ รู้สึกว่ามันขาดๆไป

ลองๆปรับปรุงนะครับ สู้ๆ

โอ้ ขอบคุณมากครับที่ให้คำแนะนำเดี๋ยวผมขอแก้สักครู่นะครับ


กำลังรอเรื่องนี้ แต่ขอไม่นั่งด้วยแล้วกัน นอนตักของพี่ Stormwind [Male] แล้วดูอิ่มอกอิ่มใจกว่ากันเยอะ

By Stormwind [Female]

หวานกันจังนะครับ อิอิ


โอ้ อัพเร็วกว่าผมเยอะเลยท่านศิษย์พี่ !!

ฮ่าๆ ผมแต่งตั้งนานแล้วหละครับพึ่งจะเอามาลง

:o


น่าจะวาดภาพประกอบซักรูปสองรูปนะ

ผมวาดรูปไม่เก่งหนะครับต้องขออภัยด้วย


น่าจะแทนตัวละครว่าอย่างอื่นบ้างนอกจากชื่ออ่ะครับแบบ เอาลักษณะเด่นมาอธิบาย เช่นจากเพลิงพรายก็เป็นสาวผมชมพู สาวน้อย อะไรประมาณนี้

ขอบคุณครับผมแล้วจะนำไปปรับปรุง


ขุดจึ๊กนึง ไอดีใหม่ยังไม่ได้มาเยี่ยมกระทู้นี้เลย -..-

จะมาปูเสื่ออีกแล้วหรอท่าน

:o

ลงตอนที่ 5 ไว้แล้วนะครับ ส่วนตอนที่ 6 คงต้องรอก่อนนะครับ ยังไงก็อ่านให้สนุกนะครับผม

:p

nakiann123
29th March 2012, 01:03
เย่ เย่ ปูเสื่อ ~

ขอเชิญคุณ GIGABom นั่งด่วน ซื้อโค๊กมาด้วย ผมหิว

Stormwind
29th March 2012, 02:02
ส่วนตัวผมว่า โอเคครับ แต่เรื่องของเผ่าต่างๆ ผมว่าน่าจะมีชื่อเป็นของเผ่านั้นๆด้วย

By Stormwind

taone1414
29th March 2012, 10:05
ขอบคุณทุกคนมากที่เป็นกำลังและแล้วให้คำติชมผมจะเอาไปพัฒนาครับ และคงจะแก้ไขในตอนต่อๆไป

แล้วก็ตอนนี้ผมอัพเดท ตอนที่ 3 ลงไว้ให้ด้วยแล้วนะครับ

ส่วนใครที่จะอ่านตอน 4 คาดว่าคงจะลงได้ประมาณวันที่ 29 ไม่ก็ 30 หนะครับ หรือบางทีก็อาจจะเลื่อนไปเดือนหน้าแทน

* 1/4/2555 ครับ ตอนนี้เช็คเสร็จแล้วได้แต่รอรับไฟล์ครับผม (เพื่อนยังไม่ส่งมาหนะครับ)

(ถ้าถามทำไมถึงช้าเพราะว่าตอนนึงมันก็ปาไป เกือบ 7-8 หน้า A4 แล้วครับกว่าจะเช็คเสร็จก็นาน(ผมให้เพื่อนเช็คนะครับ ผมไม่ได้เช็ค))

เอาเป็นว่าจะออกช้าหน่อยละกันนะครับ

ขอคอมเม้นท์นี้ต่อบทที่ 7 เลยนะครับเพราะว่ามันไม่พอ :pล

บทที่ 7 : ปักษาหิมาลัย

"แค่กๆ" เลือดส่วนหนึ่งไหลทะลักออกจากปากของปฐพีด้วยแรงเตะของเรย์ทำให้เขาจุกแล้วมิหนําซ้ํายังโดนแรงลมจากวายุเพลิงพระกาฬอีก

ทำให้เขาต้องคำนวณฝีมือของเรย์สะใหม่เสียแล้ววาตะได้เพียงแต่กัดฟัน กรอด ! เนื่องจากตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้เลย

เรย์ปรายตามามองปฐพีด้วยสายตาสมเพช เวทนา

"ผมให้เวลาตอบคำถามอีก 3 วินาที ไม่งั้นเพื่อนของเจ้าหญิงจะเจ็บหนักขึ้นอีกนะขอรับ"

ปฐพีใช้จังหวะนี้รีบกลิ้งอออกจากตัวเรย์และดีดตัวขึ้นยืน

"หนึ่ง" เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงคำเตือนของการนับถอยหลังก็เริ่มขึ้นแล้ว

"วาตะหิมาลัย" ปฐพีและวาตุวิ่งเข้าหาเรย์อย่างไม่รอช้า ส่วนวาตะหิมาลัยก็ไม่รอช้ารีบสร้างธาตุอัตโนมัติ

"สอง"ปฐพีดึงธาตุมาและรวมเป็นท่า วาตะหิมาลัยก่อนจะหยุดการวิ่งและใชท้าวขวาของตนจิกลง

กับพื้นก่อนจะบิดตัวเพิ่มความแรงของหมัดและง้างธาตุยัดใส่หน้าของเรย์

วาตะที่ห่างจากเรย์ประมาณ 2 เมตร ก็ถีบตัวกระโดดลอยขึ้นฟ้าไปเพื่อรอหลังจากที่เรย์หายตัวไปจะได้โจมตีอย่างท่วงทัน

"สาม" ปฐพีสวนหมัดเข้าที่หน้าเรย์ด้วยแรงแทบทั้งหมดที่มี แต่ก็เป็นไปตามคาด

ร่างของเรย์ก็หายไปอีกจนได้ แต่คราวนี้ไม่ได้ปรากฏที่ปฐพีและวาตะแต่กลับไปปรากฏข้างหลังของเพลิงพราย

ปฐพีดึงพายุกลับเข้ามาในมือก่อนจะสลายธาตุไปเพราะเขามีโอกาสอีกครั้งเดียวเพราะ

ถ้าไม่งั้นเขาคงไม่มีแรงพอจะสู้ต่อแน่เนื่องจากได้ปล่อยวาตุเพลิงพระกาฬไปแล้ว

เรย์ที่อยู่หลังเพลิงพรายในสภาพลอยอยู่บนอากาศก่อนจะหมุนและเตะเข้าที่คอของเพลิงพราย

แต่เพลิงพรายก็ก้มหลับทันก่อนจะสร้างไฟในมือและสวนกลับเข้าที่คอของเรย์ แต่เรย์ก็หงายหน้าลบหมัดไปอย่างได้อย่างหวุดหวิด

วาตะก็ดีดตัวกลางอากาศพุ่งลงไปหาเรย์โดยอัตโนมัติ ก่อนจะต่อยเข้าไปที่ใบหน้าอันเรียวงาม

แต่ก็เป็นเช่นเดิมวาตะพุ่งกระแทกกับต้นไม้อย่างจังส่วนร่างของเรย์ก็หายไปอีกแล้ว

"บ้าเอ้ย" วาตะสบถออกมาเล็กน้อย

สักพักร่างของเรย์ก็ปรากฏขึ้นข้างหลังปฐพีอีกครั้ง

"วาตะ" ปฐพีพูดก่อนจะเหลียวหลังก่อนจะใช้มือขวาดึงธาตุดินและธาตุลมจากมือวาตะขึ้นมา

ก่อนจะรวมธาตุเข้าด้วยกันแต่ปรากฏว่าอยู่ดีๆธาตุในมือของเขาก็เกิดแสงสีเขียว

สลับกับน้ำตาลก่อนจะระเบิดออกมา ทำให้ร่างของปฐพีกระเด็นไปทางเพลิงพราย

เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาที่หัวของวาตะ เพลิงพรายก็ก้มไปดูอาการของปฐพีที่ไม่เป็นอะไรมาก

ส่วนด้านหิมาลัยยังคงทำหน้านิ่งไม่ได้สะทกสะท้านกับสิ่งใด ด้านหนังของทั้ง 4 มีควันคลุ้งลอยขึ้น

ก่อนจะมีเงาดำๆเดินออกมา ปรากฏว่าเรย์นั้นก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย

"วาตะ เธอใช้ท่าปักษาได้รึเปล่า"

อยู่ๆหิมาลัยก็ถามขึ้น

"ฉันไม่แน่ใจเหมือนกัน ไม่เคยลองเลยด้วย" วาตะตอบเสียงเคร่งเครียด

"ดี งั้นฝึกใช้ให้ได้หละ" หิมาลัยสร้างธาตุน้ำแข็งขึ้นในมือเป็นรูปแท่งน้ำแข็งแหลม ก่อนจะขว้างมันออกไปทางเรย์

"ดูให้ดีๆหละ" เรย์ยิ้มก่อนจะเอียงตัวเล็กน้อย และร่างของเขาก็หายไปอีกครั้ง วาตะและเพลิงพรายตาค้างไปตามๆกัน

พวกเขาลืมสังเกตสิ่งนี้ได้ยังไงกัน เพลิงพรายกำหมัดแน่นก่อนจะหันหลังและต่อยออกไปข้างหน้าอย่างสุดแรง

แต่ร่างของเรย์กับปรากฏตรงข้างๆเพลิงพราย ปฐพีกลิ้งตัวกลับหลังไปใต้ขาเพลิงพรายพอดีก่อนจะเสยหมัดขึ้นในคางเรย์แต่เรย์ก็ทำท่าถอยหลังเล็กน้อยก่อนจะหายตัวไปอีกครั้ง

"เข้าใจแล้ว" ปฐพีที่พึ่งจะปล่อยหมัดออกไปก็ชะงักและหันกลับมายิ้มให้กลับ หิมาลัย

"วาตะสร้างสิท่าปักษาหนะ" เสียงของหิมาลัยก้องกังวานไปในหัวของเขา


"อึ้ย ย่ะ !!" ชายร่างกำยำง้างหมัดออกไปสุดแขนที่เขาจะเหวี่ยงได้ ด้านหน้าเขานั้นเป็นป่ารกทึบที่กว้างใหญ่บนเกาะนภา

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะปล่อยหมัดที่ง้างไว้ออกไป

ฟิ้ว !! ตู้ม !!

กระแสลมพุ่งออกจากฝ่ามือของเขาเป็นคล้ายกับเส้นใยเล็กๆที่ออกมาจากฝ่ามือ เส้นใยพวกนั้น

พุ่งไปทางป่าไม้ก่อนจะทะลุผ่านเปลือกลำต้น ไปอย่างง่ายดายส่วนในลำต้นนั้นคงไม่ต้องพูดถึง

ต้นไม้ในป่าแห่งนั้นลมลงระเนระนาดประมาณเกือบ 20 ต้น

"เท่านี้ก็หน้าจะพอกับการสร้างที่เก็บสัตว์นภาแล้วนะ" เขาพูดก่อนจะเช็ดเหงื่อของตน

"พ่อครับๆ สอนผมใช้ท่าปักษาหน่อยสิครับพ่อ" เด็กน้อยผมสีขาวตัวอ้วนๆน่ารักกระตุกเสื้อของพ่อตนและพูดขึ้น

"ไม่ได้หรอกวาตะลูกหนะยังเล็กไป ไว้เมื่อไหร่ลูกโตแล้วพ่อจะสอนแล้วกัน ท่านี้หนะ"พ่อของวาตะพูดยิ้มๆ

มาให้กับเด็กน้อยที่นั่งทำหน้าเบื่อโลก

"สัญญานะพ่อ อย่าโกหกหละ" วาตะปั้นหน้าโมโหก่อนจะทำแก้มป่อง

"แน่นอนสิลูกพ่อสัญญา"


"วาตะ เร็วสิ วาตะ"เสียงพวกนี้ต่างก้องกันวานไปทั่วหัวสมองของเขาอย่างไม่ลดละ

ด้านหน้าของเขาคือภาพที่เพลิงพรายและปฐพีก็ได้ต่อสู้กับเรย์อย่างสุดตัว ข้างๆเขามีหิมาลัยที่พยายามปลุกเขาจากนิทรา

"วาตะ" หิมาลัยพยายามสั่นตัวของเขาแต่ก็ไม่เป็นผลให้วาตะขยับเลยแม้แต่น้อย

เพลิงพรายโดดเรย์ต่อยเข้าที่หน้าอย่างจังก่อนจะกระเด็นออกไป 2 เมตรไปทางวาตะ เขาก้มมองเพลิงพรายที่สภาพยับเยิน

เรย์หายไปก่อนจะหยุดยืนอยู่หน้าปฐพีก่อนจะต่อยเข้าที่หน้าของเขา ปฐพีฝืนใจต่อยสวนกลับแต่เรย์ก็หลบได้ตามปกติ

ร่างของปฐพีนั้นสะบักสะบอมไปด้วยเศษดินและรอยเลือดกับรอยฟกช้ำ เรย์ต่อยเข้าที่ท้องของปฐพีอีกครั้งหนึ่ง

จนเขาต้องเอามือเกาะไหล่เรย์เลยทีเดียว

วาตะกำหมัดแน่น ก่อนจะมีแสงสีเขียวๆเกิดขึ้นในมือของเขา

"วาตะ" หิมาลัยโมโหจนต้องทุบเข้าที่บ่าของวาตะ แต่พอที่ยังไม่ได้เตะต้องตัว วาตะก็วิ่งพุ่งออกไปหาปฐพี

ปฐพียิ้มก่อนจะพูดว่า

"ไอ้งั่งเอ้ย" วาตะวิ่งมาก่อนจะคลายมือที่กำหมัดออกมาเป็นแสงสีเขียวสาดส่องไปทั่วทุกสารทิศ

และกลายเป็นลมสีขาวอันบริสุทธิ์ ปฐพีใช้มือที่เกาะไหล่เรย์ดึงปักษาออกมาก่อนจะใช้มือขวาต่อยเข้าที่ท้องของเรย์แต่เรย์ก็หายไปอีกที

"วาตะดีดตัวฉันขึ้นไปข้างบนเร็ว" ปฐพีตะโกนสั่งก่อนจะวิ่งเข้าไปหาวาตะ วาตะเอามือมาวางทับกันและก้มย่อลง

ปฐพีเอาเท้าเหยียบมือของเขาก่อนจะกระโดดจังหวะเดียวกับวาตะที่ดังตัวปฐพีขึ้นพอดี ร่างของเขาพุ่งลอยอยู่กลางอากาศ

ปฐพีพุ่งเลยออกมาจนเลยแม้กระทั่งยอดต้นไม้ก่อนจะดิ่งตัวพุ่งลง

"หิมาลัย" ปฐพีพูดให้หิมาลัยรู้ตัวก่อนที่เธอจะวิงไปทางวาตะ ก่อนจะทำเหมือนปฐพีโดยการดีดตัวลอยขึ้นเช่นกัน

และแปะมือเข้าที่มือขวาของปฐพีกลางอากาศตอนนี้ตัวเขาอยู่ห่างจากพื้นประมาณ 25 เมตร

ก่อนจะรวมธาตุเข้าด้วยกัน เกิดเป็นแสงสีขาวสลับกับแสงสีน้ำเงินอันสวยงามกลายเป็นก้อนกลมๆลอยออกมา

ปฐพีมองแสงอย่างเคลิบเคลื้มก่อนจะใช้สมาธิหยุดจ้องกับพื้น เขาเห็นแสงสีขาวๆเคลื่อนไปเคลื่อนมาบริเวณกลางวง

"แกเคลื่อนที่ไวยังไง ฉันก็ต่อยแกโดยเว้ย" ปฐพีพูดออกมาก่อนจะปล่อยพลังทั้งหมดที่มีใส่เข้าไปกลางวง

"อย่างกับแกจะยิ่งฉันโดนหละเว้ย" เรย์ตะโกนกลับมาโดยไม่มีต้นเสียง

ปฐพียิ้มก่อนจะพูดว่า "ปักษาหิมาลัย" และปล่อยพลังทั้งหมดพุ่งออกไปกลับลูกบอลกลมก่อนที่มันแตกออก

เสียงของทุกสิ่งเงียบนิ่งไปสักพักก่อนจะมีกระแสลมหมุนพุ่งออกมาจากลูกแก้วทำให้ต้นไม้หลายต้นบริเวณนั้นลมพังกว่า 30 ต้น

เรย์ที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ก็หลบลมพวกนั้นได้หมด

"แล้วยังไงก็ไม่เห็นเท่าไรนี่หว่า"

"ใครว่าหมดแค่นั้นหละ" ปฐพีและเรย์เชือดเฉือนอารมณ์กัน

ก่อนที่ลูกแก้วจะปล่อยเส้นใยพุ่งออกมารอบทิศทาง เส้นใยลมพวกนั้นต่างพุ่งออกไปก่อนจะเริ่มแข็งตัวกลายเป็นเส้นใยน้ำแข็ง

เส้นใยหลายๆเส้นพุ่งปักเข้าไปทางเรย์อย่างรวดเร็ว เขาพยายามก้มตัวหลบหรือเคลื่อนที่หลบแล้วก็ตาม

แต่ก็ไม่สามารถหลบได้ทั้งหมด เส้นใยบางอันตัดผ่านเนื้อของเขาไปอย่างง่ายได้ราวกับปองกล้วยเข้าปาก

เลือดและชุดเกราะของเรย์เริ่มกระจายออก แต่เส้นใยพวกนั้นก็ไม่หยุดโจมตีแต่ยังรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

จนร่างของเรย์เต็มไปด้วยเลือดและชุดเกราะที่แตกหักและเขาอยู่ในสภาพบาดเจ็บขึ้นรุงแรง

เมื่อทุกอย่างจบลง ปฐพีพุ่งตัวลงไปทาเรย์ก่อนจะใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มีด้วยสายตาอันริบรี่ของตนเหวี่ยงหมัดออกไป

เรย์ต่างก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายเช่นกันพูดขึ้นว่า

"แสงส่องนภา"ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไป ปฐพีสลบกลางอากาศก่อนจะกลิ้งไถลไปกลับพื้น

ปฐพีลืมตาขึ้นมาก็เห็นหน้าของเพลิงพรายจ้องมองเขาอยู่ซึ่งตอนนี้เขานอนอยู่บนตักของเธอ

เพลิงพรายหันลงมาจ้องตาปฐพีหน้าของเธอก็เริ่มมีสีแดงขึ้นเล็กน้อย ปฐพียิ้มออกมาเพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้

"ไอ้บ้าปฐพี" เพลิงพรายโมโหก็ทุบลงที่ตัวปฐพี

"โอ้ย ฉันเจ็บนะเพลิงพรายทำอะไรของเธอเนี่ย" ปฐพีรีบเอามือกัน

ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นมองด้านหน้าของตน เมื่อนั้นตาของเขาก็เบิกโพลง

"บ้าน่า นี่มันบ้าชัดๆ"ปฐพีพูดราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น เพลิงพรายทำหน้าเศร้าก่อนจะตอบกลับไปว่า

"นี่หละความจริงปฐพี"

*เผ่ามืดนั้นเป็นเผ่าที่เงียบสงบ รักสันติภาพชอบความมีมารยาทไม่ชอบทำตัวเด่นดังเช่นเผ่าแสงซึ่งประโยชน์ในการต่อสู้คือ

การทำให้คู่ต่อสู้หลังคารมณ์อันเงียบสลบของตนและเรียกคะแนนความหน้ากลัวจะเงาดำ

บทที่ 8 : การหายไปของชนเผ่าแห่งความมืด

จุดที่ห่าง 100 เมตรจากการปะทะกันระหว่างปฐพีและเรย์

เรย์สะบักสะบอมไปทั่วร่างกายพลังภายในเทพจะไม่เหลือและต้องเกาะต้นไม้เดินเลยทีเดียว

หลังจากที่เขาใช้แสงส่องนภาซึ่งทำให้เขาเคลื่อนที่ออกจากจุดโจมตีได้ ระหว่างที่เรย์กำลังเดินก็มีเงาเงาหนึ่งมาหยุดตรงหน้าของเขา

"สภาพดูไม่ได้เลยนะเรย์"เสียงหญิงสาวใสพูดขึ้น เรย์เงยหน้าขึ้นมองอย่างโกรธแค้น

"เรด !!"หญิงตรงหน้าเขาได้แต่ยิ้มอย่างเยาะเย้ย

"ว่าไงพ่อหนุ่มหล่อ ประมาทดีนักเจอบทหนักเข้าให้ถึงกับสภาพดูไม่ได้เลยหรอเนี่ย"เรดพูดถากถางให้เรย์เจ็บใจเล่นๆ

"อย่างกับเธอจะทำได้ดีกว่าหละ"เรย์ยิ้มแล้วตอบออกไป เรดฉีกยิ้มที่มุมปากก่อนจะหยิบกระบอกปืนออกที่เหน็บอยู่ข้างกางเกงตนออกมา

ปืนนั้นมีลวดลายเป็นรูปเส้นคล้ายๆแสงของเปลวไฟจนไปถึงปลายกระบอกปืน

"บ้าน่า"เรย์ทำหน้าตกใจ

"ใช่ มันน่าจะบ้าใช่ไหมหละ"


ปฐพีฝืนแรงตัวเองลุกยืนขึ้นก่อนจะไม่เชื่อในสายตาตัวเอง

"นี่เรามาช้าไปหรอเนี่ย"ด้านหน้าของเขาเป็นซากของการระเบิดขนาดใหญ่ซึ่งก่อให้เกิดหลุมมหึมาราวกับว่าเมืองเผ่าความมืดนั้นถูกกลืนกินไปซะหมด

ปฐพีหันหลังกลับไปมองเพลิงพรายก็พบว่าด้านหลังของเพลิงพรายนั้นเป็นต้นไม้ที่ถูกตัดล้มลงเป็นรัศมีวงกลม

"นั่นฉันทำหรอ"ปฐพีชี้มองอย่างไม่เชื่อสายตา

"อืม" เพลิงพรายตอบเบาๆ ปฐพีหันมองรอบๆตัวอีกครั้งเพราะไม่เห็บวาตะและหิมาลัยอยู่ในสายตา

"แล้ววาตะกับหิมาลัยหละ"ชายหนุ่มทำหน้าฉงน

"นั่นไง"เพลิงพรายชี้ เมื่อปฐพีหันมองตามก็เห็นวาตะนั่งอยู่ที่โคนต้นไม้อีกฝั่งโดยมีหิมาลัยกำลังเอามือจับทำไหล่ของเขาปฐพีเกิดความสงสัยจึงเดินไปดู

"เดี๋ยวฉันมานะเพลิงพราย"

"โอ้ย ! เบาๆสิหิมาลัย"วาตะร้องตะโกนออกมา

"นายนั่นหละอยู่นิ่งๆ" หิมาลัยบีบแขนเขาแรงกว่าเดิม ก่อนจะสร้างธาตุน้ำแข็งให้เกาะรอบๆแผลของวาตะที่โดนมีดของเรย์ปักเข้าที่หัวไหล่

ปฐพีที่พึ่งเดินเข้ามาก็นั่งลงข้างๆ

"มาฉันช่วย"พูดจบปฐพีก็ดึงธาตุออกจากมือหิมาลัยและค่อยๆควบคุมให้มันเคลื่อนที่ช้าและชโลมรอบๆแผล

"ดีมากปฐพี ดีกว่าหิมาลัยเยอะ" วาตะถอนหายใจก่อนจะหันไปบ่นหิมาลัย หิมาลัยง้างมือไปฟาดหลังวาตะเบาๆก่อนจะเดินจาก


"หิมาลัย"พระราชาที่ยืนอยู่ไม่ห่างเรียกเธอก่อนจะทำท่าให้เธอเข้ามาหา หิมาลัยเดินเข้าไปหาพระราชา

"มีอะไรหรอค่ะท่านพ่อ" พระราชาชี้นิ้วไปยังชายหนุ่มคนหนึ่งที่นอนสลบอยู่ใต้คานไม้

สภาพตัวเขาสะบักสะบอมไปด้วยแผลไหม้และรอยช้ำจากการทับของซากตึก

"ตามปฐพีมาให้พ่อหน่อย" หิมาลัยพยักหน้าเพราะเข้าใจว่าพ่อของเธอต้องการจะทำอะไร

"ปฐพีมานี่หน่อย" ปฐพีที่ยังทำแผลให้วาตะไม่เสร็จก็เดินเข้าไปหา

"เพลิงพรายทำแผลให้วาตะแทนฉันด้วยนะ" เพลิงพรายกระโดดลุกขึ้นก่อนจะรีบวิ่งไปหาวาตะอย่างรวดเร็ว

พร้อมทำแววตาอันโหดร้าย วาตะหน้าซีดเป็นไก่ต้มก่อนจะมีเสียงโหยหวนตามหลังปฐพีมาไม่ไกล

"มีอะไรหรอครับพระราชา" ปฐพีถามตรงประเด็น พระราชาชี้ไปที่ชายหนุ่มซึ่งตอนนี้ถูกลากออกมาแล้ว ผมของเขาเป็นสีดำซึ่งพอจะเดาได้ว่าเขานั้นเป็นเผ่าแห่งความมืด

"ใช้ลมปราณกระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจให้เขาหน่อยได้ไหม" พระราชาถามปฐพี

ปฐพีพยักหน้าก่อนจะก้มลงไปดูอาการ

"ผมเคยเรียนการกระตุ้นลมปราณอยู่ 2 - 3 ครั้ง ซึ่งปกติที่เรียกก็เรียนแค่การใช้ลมปราณและการถ่ายทอด ไม่แน่ใจนะครับว่าจะช่วยได้หรือเปล่าแต่จะพยายามให้เต็มที่"

ปฐพีร่ายยาวก่อนจะหลับตาและประสานมือเข้าด้วยกันและค่อยๆยกขึ้นช้าๆ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นและดึงธาตุดินขึ้นมาก้อนใหญ่

เขาหมุนตัวหนึ่งครั้งก่อนจะก้มลงโดยยื่นเท้าออกไปข้างหน้าแล้วใช้สะโพกนั่งทับเท้าขวาและใช้มือขวายกขึ้นสูงและลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

ซึ่งตอนนี้ดินก้อนใหญ่กลับกลายเป็นผงเล็กๆคล้ายฝุ่น หิมาลัยและพระราชาเริ่มถอยออกห่างจากตัวเขาไม่มากนัก

ชนเผ่าน้ำแข็งที่ยังเหลือจากการปะทะก็รีบเดินมาดูกับความน่าตะลึงของการใช้ลมปราณของเผ่าดินแม้แต่เพลิงพรายที่กำลังสนุกกับการแกล้งวาตะก็ยังสนใจส่วนวาตะเองก็ไม่รอช้ารีบกุมแผลตนก่อนจะวิ่งไปดูเช่นกัน

"เจ๋งมาก ปฐพี สู้ๆ เย้ๆ" ปฐพีขมวดคิ้วก่อนจะบิดเท้าหมุนตัวไปหาวาตะและใช้มือซ้ายยกดินขึ้นและยิงกระสุนศิลาไปทางวาตะ

"อุ๊ก" วาตะกระเด็นลอยออกไปชนกับต้นไม้ที่ห่างจากจุดที่เขายืนอยู่ 5 เมตร ก่อนจะมีเสียงตะโกนกับมาว่า

"ผิดเวลาเฟ้ย" ปฐพีบ่นก่อนจะบิดเท้ากลับมาผ่อนคลายเช่นเดิม ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบแยกขาออกจากกันและถ่างออกเล็กน้อยก่อนจะเอามือทั้งสองข้างแนบตัวราวกับชาร์จพลังซึ่งตอนนี้เศษดินพวกนั้นก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

ปฐพียกมือขึ้นฟ้าโดยที่ธาตุเหล่านั้นก็ตามขึ้นไปก่อนที่เขาจะก้มตัวลงแล้วกดมือเข้าไปที่หน้าอกของชายหนุ่ม

ธาตุดินที่ลอยบนฟ้าพุ่งลงและกระแทกตัวชายหนุ่มเบาๆก่อนจะไหลออกไปรอบๆข้างของเขา

ปฐพีรีบถ่ายถอดพลังลมปราณลงสู่พื้นดินพลังลมปราณของเขากระจายออกไปรอบตัวที่ชายหนุ่มนอนอยู่

ดินที่ได้รับพลังลมปราณค่อยๆเคลื่อนตัวไหลไปทั่วร่างกายของชายหนุ่มผมดำก่อนจะซึมเข้าไปในร่างกาย

ปฐพีค่อยๆลุกขึ้นและยกมือขึ้น ธาตุที่มีพลังลมปราณก็ถ่ายทอดไปยังตัวชายหนุ่มก่อนจะซึมออกทางผิวหนัง

ปฐพีลมตาขึ้นก่อนจะคลายตัวให้สบาย

"เสร็จแล้วครับ ทีนี้ก็มารอดูอาการว่าจะดีขึ้นไหม"ปฐพีพูดก่อนจะนั่งลงพิงกับไม้แถวนั้นและถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะปกติเวลาเขาเรียนนั้น

เขาเรียนแค่การดูดพลังลมปราณจากผืนดินและการใช้และการถ่ายทอดเท่านั้น เขาไม่เคยกระตุ้นหัวใจโดยการถ่ายทอดพลังลมปราณมาก่อน

ซึ่งเผ่าเดินนั้นถือเป็นเผ่าที่ยึดถือและรักธรรมชาติมากที่สุดเพราะดินนั้นเอื้อประโยชน์ให้ทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ น้ำ ลำธารซึ่งถ้าปราศจากดิน

สิ่งเหล่านี้ก็ไม่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ ลมปราณนั้นมีทั้งหมด 6 สายวิชาด้วยกัน

วิชาแรกการดูดลมปราณจากผืนดินซึ่งจะช่วยให้ใช้พลังจากโลกและเมื่อฝึกจนเชี่ยวชาญก็สามารถควบคุมพลังลมปราณและเสริมสร้างให้ร่างกายฟื้นฟูได้อย่างดีเยี่ยม

วิชาที่สองการใช้ลมปราณ การใช้ลมปราณคือการใช้ลมปราณที่ไม่ว่าจะเกิดจากแหล่งใดก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการต่างๆได้

เช่นเมื่อใช้รวมกับการเคลื่อนย้ายธาตุก็อาจจะเคลื่อนย้ายลมปราณไปไว้ที่หมัดและเพิ่มความรุนแรงของหมัดหรือของธาตุได้

วิชาที่สามการถ่ายทอดลมปราณ การถ่ายทอดนั้นก็คล้ายๆกับข้อแรกเพียงแต่จะไม่ได้เสริมสร้างร่างกายเราอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังเสริมสร้างร่างกายผู้อื่นได้ด้วยซึ่งต้องคล่องแคล่ว

ในการดูดลมปราณก่อนถึงจะทำขั้นนี้ได้ซึ่ง 3 ขึ้นตอนนี้คือขั้นตอนหลักของพลังลมปราณเผ่าดินเบื้องต้นแต่วิชาอีก 3 วิชานั้นก็ต้องเชี่ยวชาญทั้งสามสายก่อน

วิชาที่สี่ การถ่ายถอดลมปราณเข้าสู่ธาตุ ซึ่งท่านี้จะคล้ายๆกับท่าที่ สอง เพียงแต่จะได้เรียนรู้อะไรที่มากกว่าเช่นการทำให้ดินสลายตัวและรวมกันใหม่อีกครั้ง

หรือการทำให้ก้อนหินยักษ์แตกเป็นเศษเล็กๆและปล่อยออกไปก็ได้ซึ่งทั้งหมดต้องใช้พลังลมปราณทั้งนั้น

วิชาที่ห้า การถ่ายถอดลมปราณเข้าสู่สิ่งมีชีวิตซึ่งท่านี้จะเน้นการรักษาโดยการใช้ลมปราณในการเร่งการฟื้นฟูของร่ายกายซึ่งได้ทุกสิ่ง

ที่มีชีวิตเช่น คน สัตว์ หรือแม้แต่ต้นไม้ก็สามารถถ่ายทอดลมปราณให้ได้

วิชาที่หก การเค้นลมปราณจากภายใน วิชานี้จะเป็นวิชาที่เรียกลมปราณจากร่างตนเองซึ่งจะดึงพลังตนเองออกมาอย่างมาก

ทำให้ร่างกายของตนนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นชั่วขณะโดยผู้ที่สามารถใช้วิชานี้ได้นั้นมีเพียงไม่มีกี่ในชนเผ่าดินทั่วทั้งประเทศ

ซึ่งปฐพีนั้นได้เรียกขั้นพื้นฐานคือ 3 วิชาแรกนั่นเอง

ค่ำคืนของวันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทหารเผ่าน้ำแข็งรีบกางเต้นท์และเริ่มทำอาหารและจัดดตั้งที่พัก

ทั้ง 4 คนนั้นรีบกินแล้วก็รีบนอนเพื่อพักฟื้นร่างกายตนเองจากการต่อสู้

จนเช้าวันใหม่ก็ได้เริ่มขึ้น ทั้ง 4 ตื่นพร้อมกันเวลา 6 โมงกว่าๆซึ่งมีเพียงปฐพีคนเดียวที่ไม่ยอมตื่นทำให้วาตะต้องรับเคราะห์กรรมแบกเขาไปอีกรอบ

"เอาหละพร้อมกันแล้วนะ" เพลิงพรายกระชับสายกระเป๋าสะพายให้แน่นขึ้น

หิมาลัยรีบลุกออกจากที่พักอย่างไม่รอช้าก่อนจะหยิบอะไรสักอย่างติดมือมาด้วย วาตะนั้นก็เริ่มแบกปฐพีขึ้นหลังและก็บ่นอีกตามเคย

ทั้งสี่บอกลาทุกคนก่อนจะเริ่มเดินทางต่อไปโดยมีจุดหมายปลายทางต่อไปคือ

นครเมืองวารี

*หลักการถ่ายถอดลมปราณนั้นถือเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าดินซึ่งจะมีในสายเลือดของชนเผ่าดินเท่านั้นแต่ว่าใช้ลมปราณนั้นไม่ใช่ว่าคนอื่นจะทำด้วยไม่ได้

แต่ต้องใช้ความพยายามในการเอาชนะใจตนเองและรวมเป็นหนึ่งกับธรรมชาติที่สวยงามนั้นให้ได้

บทที่ 9 : ทักษะการหน่วงธาตุ


ตึก ตึก ตึก

เสียงเดินเสียงของชายคนหนึ่งหยุดกระทันหันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองกลุ่มผู้เดินทางที่ผ่านมา

กลุ่มปฐพีเดินทางจนมาถึงเขตส่วนกลางระหว่างเมืองเผ่าความมืดและเมืองเผ่าน้ำเหงื่อเม็คใหญ่ผุดขึ้นบนหิมาลัยอย่างรวดเร็ว

"แหม แบบนี้มันโหดเกินไปรึเปล่าเนี่ย"

ด้านหน้าพวกเขานั้นมีหลุมลึกขนาดประมาณ 10 เมตรได้และใต้นั้นก็ยังเป็นเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ติดต่อกันยาว

จนถึงทางเข้าเมืองวารีเลยทีเดียว ทำให้ประตูของเมืองวารีนั้นต้องทำจากโครงสร้างเหล็กทั้งหมด

ในป่าแห่งหนึ่ง

ชายผมสีแดงออกส้มๆคนหนึ่งนอนหลับอยู่กลางป่าอย่างสบายอารมณ์โดยเขาไม่รู้สึกตัวมาได้เกือบ 1 วันแล้ว

นกสีเหลืองทองที่คุ้นเคยก็บินมาจิกเข้าที่แก้มของชายคนนั้นติดต่อกันอย่างรวดเร็ว

วาโยตื่นด้วยสายตาพร่ามัว ก่อนจะรู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่งก็พบว่าตัวเองอยู่ในป่าแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยความืดมิด

"ฉันอยู่ไหนหละเนี่ย"

หิมาลัยที่ยืนดูทะเลเพลิงก็เกิดอาการขาอ่อนทันที วาตะที่อยู่ใกล้ที่สุดรีบเข้าไปประคองไว้

เพราะหิมาลัยกำลังเกิดอาการต่อต้านอย่างรุนแรงเพราะตามหลักธาตุที่เป็นโครงสร้างของทุกสิ่งแล้วธาตุน้ำแข็งนั้นแพ้ธาตุไฟอย่างหาที่สุดมิได้

"หิมาลัยสร้างน้ำแข็งเร็ว" ปฐพีพูดก่อนจะจับมือหิมาลัย หิมาลัยก็สร้างน้ำแข็งตามปฐพีสั่ง ก่อนที่ปฐพีจะใช้น้ำแข็งนั้นคลุมร่างหิมาลัยเอาไว้ ก่อนจะหันไปพูดกับเพลิงพรายว่า

"เพลิงพรายก้มลงไปดูให้หน่อยว่ามีเสาค้ำอะไรไหม หรือเป็นหลุมใหญ่เลย" ปฐพีสั่งเพราะคิดว่าน่าจะมีเศษดินที่สูงขึ้นกว่าปกติสักเล็กน้อย เขาจะได้ควบคุมและดึงมันขึ้นมา

เพลิงพรายก้มหัวลงไปอย่างไม่เกรงกลัวทะเลเพลิงแม้แต่น้อยก่อนจะลุกขึ้นมา

"ไม่มีเลยปฐพี" ปฐพีทำหน้าเครียดเพราะก็ไม่รู้ตัวเองจะผ่านไปได้ยังไง

"สวัสดีนักเดินทางมือใหม่" เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นในป่าอันมืดดำข้างทาง ทั้ง 3 หันไปมองอย่างไม่ต้องสั่งยกเว้นหิมาลัยคนเดียวที่ตอนนี้นอนหลับไปแล้ว

"คุณเป็นใครครับ" วาตะถาม

"ฮ่า ฮ่า" ชายคนนั้นหัวเราะออกมา

สภาพของเขานั้นใช้ผ้าคลุมดำปกปิดหน้าคล้ายๆกับวาโยในตอนแรกยกเว้นเพียงตาเสื้อผ้าเขานั้นก็ขาดๆฉีกๆบางส่วน

จนไม่น่าจะเรียกว่าเป็นเสื้อผ้าได้เลยด้วยซ้ำเพราะชำรุดอย่างหนัก

"เธออยากจะข้ามขุมเปลวไฟนี้ไปหละสินะ"ชายคนนั้นเดินออกมาจากป่าและนั่งลงพิงต้นไม้ข้างๆวาตะ

"รู้หรอครับว่าเราจะข้ามไปได้ยังไง"ปฐพีถามหน้าซื่อ "รู้สิ ฉันเคยช่วยคนแถวนี้อยู่บ่อยครั้งแล้วหละ" ชายคนนั้นพูดก่อนจะหลับตาลงแล้วผ่อนคลายตัวก่อนจะรำรึกความหลัง

"เพียงแต่มีส่วนน้อยมากที่จะรอดไปถึงนั่นหนะนะ"ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วปรายตามองคนในกลุ่มปฐพี

"ดูเหมือนพวกเธอก็จะไปไม่รอดนะ"เพลิงพรายทำหน้าเครียดเพราะไม่ชอบให้ใครมาดูถูกก่อนจะถามไปด้วยเสียงห้าว

"รู้ได้ไง" ชายคนนั้นจ้องมองเพลิงพรายอยู่นานก่อนจะหัวเราะออกมา

"ก็กลุ่มเธอไม่มีผู้ควบคุมน้ำแข็งหนะสิ แล้วจะไปรอดได้ยังไงหละ เพราะดูแต่ละคน คนหนึ่งก็เผ่าลม

อีกคนก็เผ่าน้ำแข็งแล้วยังมีคนเดียวอีกซึ่งตอนนี้ก็เกิดอาการต่อต้านไปแล้ว"ชายพูดจบก็หันไปมองทางด้านวาตะก่อนจะหันไปทางปฐพีและเพลิงพราย

"แล้วก็ยังมีธาตุดิน กับ ธาตุไฟแล้วจะไปรอดได้ยังไง" ปฐพีเดินไปใกล้ชายคนนั้นมากขึ้นก่อนจะก้มลงถาม

"ทำไมเผ่าน้ำแข็งต้องมีสองคนหละครับ" ชายคนนั้นตอบเสียงเรียบ

"ก็มันต้องมีคนสร้างธาตุน้ำแข็งแล้วก็คนควบคุมคนควบคุมก็ใช้ธาตุน้ำแข็งสร้างพื้นเป็นทางยาวแล้วก็เดินข้ามไปไง"

"แล้วน้ำแข็งไม่ละลายรึไงครับ"ปฐพีถามไปอีกครั้ง ชายคนนั้นก็ตอบเสียงเรียบเหมือนเดิม

"ก็ต้องใช้การหน่วงธาตุไง"ปฐพีไม่ลดละถามต่อไปอีก

"แล้วหน่วงธาตุทำยังไงครับ" ชายคนนั้นเริ่มทำหน้าเครียดก่อนจะตอบไปว่า

"ก็ให้ผู้สร้างธาตุนั้นสร้างธาตุค้างไว้บนมืออย่างคงที่ไงหละ"ปฐพีก็ถามไปอีกรอบ

"แล้วผู้ควบคุมต้อ.."

"โอเคชั้นโชว์ให้นายดูดีกว่า" ชายคนนั้นพูดก่อนจะลุกขึ้นและมองไปทางเพลิงพราย

"นี่เจ้าหนูเผ่าไฟ เธอผู้ควบคุมหรือผู้สร้าง"

"ฉันผู้สร้าง" ชายคนนั้นเริ่มมองหาตัวช่วย

"ฉันคงสาธิตไม่ได้เพราะไม่มีผู้ควบคุมธาตุไฟนี่นะ" ชายลึกลับพูดก่อนกำลังจะนั่งลง

"เดี๋ยวๆ ผมควบคุมได้ครับ" ปฐพียกมือขึ้นสูงแสดงความสามารถ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงหัวเราะ

"ฮ่าๆ เผ่าดินเนี่ยนะควบคุมธาตุไฟได้" ชายคนนั้นหัวเราะจนน้ำตาเล็ด เพลิงพรายสร้างธาตุขึ้นในมือก่อนที่ปฐพีจะดึงธาตุมาแล้วหมุนตัวขว้างเฉี่ยวหัวชายลึกลับไปประมาณ 5 เซนติเมตร

เสียงหัวเราะเงียบหายไปทันทีก่อนจะเป็นเสียงตกตะลึงแทน

"โอ้ เป็นเรื่องจริงหรอเนี่ย ฮ่าๆ ชนเผ่าสีดำ ยังโชคดีนะเนี่ยที่เป็นเผ่าดินหนะ" ปฐพีรีบถามกลับโดยเร็วไว

"ทำไมหรอครับ" ชายคนนั้นลุกขึ้นก่อนจะเล่าให้ฟัง

"ก็เผ่าเสียงเขาประกาศตามล่าชนเผ่าสีดำแล้วไง ตอนนี้มีข่าวลือว่ามาจากชนเผ่าดิน แบบนี้ถ้าเรื่องนี้ถึงหูพระราชาเผ่าแสงนะ

ฉันว่าเผ่าดินนายได้ตัดพันธมิตรแน่นอน ตามด้วยสงครามที่จะเกิดขึ้นในภายหลังไงหละ"

ชายคนนั้นพูดจบก็บิดตัว ยืดเส้นยืดสาย ปฐพีทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างสวนกลับก็โดนชายคนนั้นห้ามไว้

"เดี๋ยวๆ ช่างเรื่องนี้เถอะเอาเป็นว่าฉันจะโชว์ให้ดูแล้วกันว่าหน่วงมันเป็นยังไง" พูดจบชายคนนั้นก็สร้างธาตุไฟขึ้นในมือ ทุกคนตกตะลึงโดยเฉพราะเพลิงพรายที่ตาค้างไปเลย

"นี่คุณอยู่เผ่าไฟแล้วทำไมเดินทางมาไกลแบบนี้เนี่ย" เพลิงพรายถามอย่างรวดเร็ว

"ฉันไม่อยากบอกประวัติฉันให้ใครรู้นะเพื่อทางที่ดีของพวกเธออย่ารู้ดีกว่า"ก่อนจะหันไปมองปฐพี

"เอาหละ ถึงตานายแล้วไอ้หนูเผ่าสีดำ ดึงธาตุจากมือชั้นไป" ปฐพีได้ฟังก็ไม่รอช้าใช้มือซ้ายของเขาดึงธาตุออกจากมือชายลึกลับ

เปลวเพลิงเคลื่อนไหวออกจากมือชายคนนั้นก่อนจะพุ่งไปลอยตัวอยู่บนฝ่ามือปฐพีแทน

เมื่อปฐพีมองไฟที่ตนดึงมาแล้วก็หันกลับไปมองชายคนนั้นใหม่อีกครั้งแต่ปรากฏว่าไฟในมือของชายคนนั้นยังลอยอยู่ที่มืออีกก้อน

"เอ้า ไอ้หนูดึงไปอีกข้างสิ" ชายชุดดำพูดจบปฐพีก็ใช้มือขวาดึงออกไป

ก่อนจะสังเกตก็พบว่าลูกนั้นจำนวนหนึ่งนั้นพุ่งออกมาจากเปลวไฟก้อนใหญ่และพุ่งมาทางเขา ส่วนเปลวไฟที่อยู่ในมือชายลึกลับก็กลับมาโชติช่วง

หลังจากทุกคนมองเสร็จชายคนนั้นก็สลายธาตุลงก่อนจะอธิบายว่า

"การหน่วงธาตุคือการทำสร้างธาตุออกมาอย่างสม่ำเสมอในปริมาณหนึ่งโดยสร้างให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้" ก่อนจะหายเฮือกใหญ่แล้วพูดต่อ

"อย่างตัวอย่างเมื่อกี้ฉันสร้างธาตุด้วยอัตราคงที่พอนายดึงธาตุฉันออกไปส่วนหนึ่งธาตุที่ฉันสร้างไว้คงที่ก็เพิ่มขึ้นมาทดแทนไฟที่เสียไปยังไงหละ หรือง่ายๆก็คือคงที่ธาตุไว้ให้นานที่สุดยังไงหละ"

"อ๋อ" เสียงประหลาดดังขึ้นพร้อมกัน 3 คนโดยไม่ได้นัดหมาย

ตอนนี้น้ำแข็งที่คลุมตัวหิมาลัยเริ่มละลายลงเธอตื่นขึ้นและเหมือนเธอจะได้ยืนเรื่องการหน่วงธาตุด้วย

"สรุปแล้วเป็นหน้าที่ฉันใช่ไหมค่ะ" หิมาลัยลุกขึ้นก่อนจะถามหน้านิ่ง

"ใช่ เธอต้องหน่วงธาตุแล้วให้ไอ้หนูเผ่าดินมันสร้างทางเดินไงหละ แต่คงไปไม่ถึงอยู่ดีแหละเพราะดูทางสิยาวมากต่อให้ผู้สร้างมีกัน 3 - 4 คนยังข้ามไปไม่ได้เลย" ชายคนนั้นพูดก่อนจะทำท่าจะเดินเข้าป่าไป

"เดี๋ยวๆสิลุง ถ้าผมสร้างแผ่นน้ำแข็งแล้วใช่ธาตุลมยกให้มันลอยขึ้นหละ" วาตะที่นั่งอยู่เงียบๆถามขึ้น ชายคนนั้นหันกลับมาก่อนจะทำท่าคิดสักพัก

"อืม ฉลาดนี่ มาตามฉันมาฉันจะพาไปฝึกการหน่วง เร็ว เร็วๆ" ชายคนนั้นรีบเร่งก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในป่า คนอื่นๆไม่รอช้าก็รีบวิ่งตามไปเช่นกัน

ในป่าแห่งเดิม

ชายผมสีแดงออกส้มๆคนหนึ่งนอนหลับพิงต้นไม้อย่างมีความสุข ด้านหน้าเขามีเพียงเปลวไฟที่สร้างจากไม้แถวๆนั้นมากองรวมกัน

ก่อนจะใช้การสร้างธาตุไฟของเขามาจุดไฟมันขึ้นมาทำให้เขาได้รับความอบอุ่นและค่ำคืนอันเงียบสงบอย่างหาที่ไหนไม่ได้

สายฟ้าที่ยังไม่หลับยังคงเกาะกิ่งไม้ที่อยู่บยต้นไม้ต้นที่วาโยพิงอยู่อย่างมีความสุข แต่ความสุขนั้นไม่แลกมาเพียงแค่เปลวเพลิงและค่ำคืนเท่านั้นแต่ยังแลกด้วยความน่าสะพรึงกลัวอีกด้วย

เงาดำเงาหนึ่งพุ่งผ่านป่าเหนือหัวของสายฟ้าอย่างรวดเร็วจนที่ตัวสายฟ้าเองก็ยังมองไม่ทัน

สายฟ้าชูปากจิ๊บๆของมันขึ้นฟ้าแล้วเริ่มมองสังเกตและคิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะก้มมองวาโยเช่นเดิมเพื่อคอยหาสัตว์ที่จะมารบกวนเขา

สักพัก ก็มีเงาแบบเดิมบินผ่านเหนือหัวสายฟ้าไปอย่างรวดเร็วอีกครั้งแต่ต่างกันที่ว่าครั้งนี้เหมือนมีตัวอะไรบินผ่านเยอะกว่าเดิมสายฟ้าได้แต่คิดในใจว่า

'นั่นมันอะไรกันนะ'

*การหน่วงธาตุนั้นคือการทำให้ธาตุเสถียรที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยเทคนิคนั้นคือการสร้างธาตุขึ้นเช่นสร้างธาตุขึ้นมา 10 อัตรา จากนั้นปล่อยพลังไปเพื่อสร้างธาตุอย่างต่อเนื่องโดยเมื่อครบ 10 อัตราแล้ว

อัตราตัวที่ 1 ก็จะวนเข้าไปในร่างกายเพื่อฟื้นพลังและอัตราที่ 2 ก็จะไปแทนที่อัตราที่ 1 ส่วน 3 ก็จะไปแทนที่อัตราที่ 2 จนไปถึงอัตราที่ 11 แทนที่อัตราที่ 10 ซึ่งเมื่อนับอัตรารวมกันนั้นก็จะเท่ากับ 10 อัตราเท่าเดิม

บทที่ 10 : กบยักษ์อันน่าพิศวง

ชายลึกลับพากลุ่มปฐพีเดินลึกเข้าไปในป่าใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้กับทะเลเพลิงเพียงแต่มีกำแพงดินขึ้นกั้นเอาไว้นั่นเอง

ในป่านั้นบางส่วนนั้นก็รกทึบ บางส่วนนั้นก็โปร่ง กลุ่มของปฐพีเดินป่าตามชายลึกลับไปซึ่งตอนนี้นั้นไปได้ไกลมากจนเห็นแต่แผ่นหลังเลยทีเดียว

"เฮ้อ" วาตะบ่นก่อนจะนั่งลงที่พื้น ปฐพีหันกลับมามองอย่างเศร้าใจเพราะรู้เลยว่าเขาหมายถึงอะไร

"เอาน่า วาตะอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว" ปฐพีพูดปลอบใจ เขาหันกลับไปสะบัดมือเหมือนกับว่าให้เดินนำก่อนเลย

"เร็ว ลุก" ปฐพียื่นมืออกไปหาวาตะ เขาทำปากเบ้ก่อนจะคว้ามือและดันตัวขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ

"เอาหละไปกันได้..." ปฐพีเหลียวหลังกลับไปมองทางที่หิมาลัยกับเพลิงพรายเดินตามชายคนนั้นไปก็พบแต่ความว่างเปล่า

"เวรแล้วไง"


"จะดีหรอหิมาลัยที่พวกเราทิ้งพวกปฐพีไว้ที่นั่นหนะ" เพลิงพรายถามเผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น

"น่าจะไม่เป็นไรหรอกนะค่ะ" หิมาลัยตอบก่อนจะเดินตามเพลิงพรายไป ชายลึกลับหันกลับมายิ้มให้ก่อนจะพูดว่า

"ไม่ต้องคิดมากป่าที่นี่หนะมันเป็นป่ารูปทรงกลมไม่ว่าเดินไปทางไหนก็คงมี 2 ด้านระหว่างเดินออกนอกป่ากับเดินเข้าป่านั่นหละ"

พูดจบเขาก็เดินต่อเข้าสู่ส่วนป่ารกทึบอีกครั้ง

ป่ารอบๆข้างนั้นเป็นป่าต้นสูง ชายลึกลับพากลุ่มพวกเขาเดินติดกำแพงดินไว้เพราะว่ายังไงก็ตามมันก็วนรอบเป็นวงกลมอยู่ดี

เพลิงพรายเริ่มสังเกตรอบๆก็พบว่าตามต้นไม้นั้นเป็นแหล่งพึ่งพิงอาศัยซึ่งกันและกันระหว่างสัตว์เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ก็เดินตามกันมาเป็นฝูงของมัน

เพลิงพรายรีบเคลื่อนที่อย่างว่องไวตามชายลึกลับพร้อมกับมองสัตว์พวกนั้นอยู่ห่างจนเธอเดินเข้าใกล้บ่อน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง

สัตว์เหล่านั้นก็ต่างลงไปกินน้ำอย่างสบายใจตามๆกัน แต่ว่าเมื่อเวลาแห่งความสุขก็หมดลง

"กราดด !!" เสียงตะโกนของสัตว์ชนิดหนึ่งดังขึ้น ชายลึกลับหันไปมองตามเสียงซึ่งเป็นตรงบ่อน้ำพอดี

สัตว์เหล่านั้นเริ่มถอยห่าง ผืนน้ำเริ่มสั่นสะเทือนเล็กน้อย

"จะเป็นตัวอะไรนะครั้งนี้" ชายลึกลับพูดขึ้น เพลิงพรายทำตาโตหันมอง

"ใช่นี่หละบทเรียนของพวกเธอ" เขาชี้ไปทางบ่อน้ำ บ่อนั้นที่กำลังสั่นสะเทือนไปมาอย่างรุนแรง

"พูดแบบนี้แสดงว่ามันโผล่ไม่ซ้ำตัวกันหรอค่ะ" หิมาลัยถามขึ้น

"ใช่ มันโผล่ไม่ซ้ำกันเลยหละ" ชายคนนั้นยิ้มก่อนจะมองสิ่งกำลังจะเกิดขึ้นต่อไป

ตู้ม !!

เสียงคลื่นน้ำตีตัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะมีก้อนเนื้ออะไรสักอย่างผุดขึ้นมาจากบ่อน้ำนั้นอย่างรุนแรง

ขนาดบ่อน้ำนั้นประมาณ 700 ตารางเมตรได้ ซึ่งตัวของอะไรสักอย่างนั้นก็กินพื้นที่ไปเกือบครึ่งแล้ว

"ยะฮิ๊ว !!" เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น ปฐพีขึ้นขี่หลังเจ้าก่อนเนื้อนั่นก่อนจะตะโกนออกมา

"ปฐพี" เสียงของหิมาลัยกับเพลิงพรายดังแทบจะพร้อมกัน วาตะที่เกาะหลังปฐพีอยู่ก็โผล่หน้ามามองทางนั้นแล้วตอบกลับเบาๆว่า

"หวัดดี"


5 นาทีก่อน

"ไม่งี่เง่าวาตะเอ้ย" ปฐพีสะบถก่อนจะเดินหน้าต่อ

"อย่าบ่นหน่าปฐพียังไงเดี๋ยวก็เจอกันอยู่แล้วหละ" วาตะทำหน้าเบื่อโลกก่อนจะบ่นปฐพี

"แกคิดว่าวาสนาลิขิตให้แกหาเจอหรอ แบบนี้แกกับหิมาลัยก็แฟนกันแล้วมั้ง" ปฐพีทำหน้าเซ็งๆก่อนจะเดินต่อ

"งั้นเพลิงพรายก็ของแกสินะ" วาตะสวนกลับเล่นๆ ทั้งสองเดินเล่นกันจนเจอกับบ่อน้ำบ่อหนึ่งตรงหน้า

"โอ้พระเจ้า ขอบคุณท้องฟ้าที่มอบสิ่งนี้ให้ข้า" วาตะรีบวิ่งกระโดดลงน้ำอย่างรวดเร็วดัง ตู้มใหญ่

"เห้ย วาตะ อย่าเพิ่ง" ปฐพีรีบเตือนเขาแต่ดูเหมือนจะช้าไปเสียแล้ว วาตะผุดขึ้นจากนั้นก่อนจะพ่นน้ำใส่ปฐพี

"ว่าไง" ปฐพีส่ายหัวไปมากับความไม่คิดของวาตะที่เผื่อจะมีอะไรอยู่ใต้นั้น


สักพักผิวน้ำเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

"เห้ยๆ เอาแล้วไง" ปฐพีพูดขึ้นก่อนจะจ้องไปทางวาตะที่ทำหน้าเอ๋อแบบไม่รู้เรื่องทั้งสิ้น

ก่อนจะมีตัวอะไรบางอย่างพุ่งจากผืนน้ำขึ้นไปซึ่งวาตะดันอยู่บนตำแหน่งหัวของมันพอดี

"ว๊ากก ปฐพีช่วยด้วย" วาตะลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ

"วาตะสร้างธาตุลมเร็ว" ปฐพีตะโกนก่อนจะหันหลังมองดูสภาพบริเวณนั้นก็พบว่ามีต้นไม้ต้นนึงนั้นอยู่ติด

กับบ่อน้ำพอดีและสูงยาวขึ้นไปเกือบ 30 เมตรซึ่งน่าจะพอดีกับความยาวของตัวประหลาดพอดี

วาตะสร้างธาตุลมขึ้นในมืออย่างรวดเร็วเกิดเป็นแสงสีเขียว ปฐพีรีบวิ่งไปทางต้นไม้นั้นก่อนจะกระโดด

แล้วใช้เท้าขวาเหยียบต้นไม้และดันตัวใช้เท้าซ้ายเหยียบต้นไม้ตามอีกครั้งก่อนจะบิดตัว

และใช้เท้ายันต้นไม้พุ่งไปทางวาตะก่อนจะดูดธาตุลมของเขามาทำการย่อตัวลงกลางอากาศก่อน

จะแปะมือของตนเองไว้ที่รองเท้าหนังของเขาและยันตัวตรงเหมือนเดิม

ธาตุลมที่ติดอยู๋ที่รองเท้าก็เกิดเป็นลมดันส่งปฐพีพุ่งไปทางวาตะ ปฐพีรีบยื่นไปจับมือของวาตะไว้ก่อนจะพยายามดันตัวขึ้นไปแต่ไม่ทันได้ทำ

เจ้าตัวประหลาดก็มุดน้ำกลับลงไปเหมือนเดิมอย่างรวดเร็วทำให้เขาและวาตะลอยอยู๋กลางอากาศสักพักก่อนจะพุ่งตกลงไปตาม

เมื่อตกลงถึงผืนน้ำเขาก็ทะลุลงลึกไปก่อนจะค่อยๆว่ายลอยตัวขึ้นมาแต่ดูเหมือนเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นก็ดันตัวพุ่งขึ้นอีกครั้ง

เขาถูกมันดันจนพุ่งเหนือผืนน้ำลอยละล่องขึ้นท้องฟ้า

"ยะฮิ๊ว !!" ปฐพีตกลงมาอย่างรวดเร็วก่อนจะใช้ธาตุลมที่เหลือเพียงเล็กน้อยบนเท้าเขาปล่อยลมออกมาทำให้ตัวเขาตกช้าลง

วาตะนอนแผ่อยู่บนร่างของสัตว์ประหลาดตัวนั้น

"ปฐพี" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากฝั่ง ปฐพีหันไปมองก็พบเพลิงพราย หิมาลัยและชายลึกลับ

วาตะที่เกาะหลังปฐพีอยู่ก็โผล่หน้ามามองทางนั้นแล้วตอบกลับเบาๆว่า

"หวัดดี" วาตะทำหน้าจืดเพราะรู้ว่าตัวเองได้ทำผิดอย่างมหันต์และรุนแรงที่สุดในรอบ 18 ปีที่เขาเคยทำผิดมาทำให้เขานั้นใจแทบสลาย

"กราดด !!"

เจ้าสัตว์ประหลาดตะโกนดังขึ้นอีกครั้งทำให้ต้นไม้ที่รับแรงลมจากปากมันนั้นแทบจะโค่นล้มลงเลยทีเดียว

แรงสั่นสะเทือนทำให้ปฐพีกลิ้งตกลงไปในน้ำอีกครั้งหนึ่ง

ปฐพีพลิกตัวกลับหลังไปมองภาพที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆก่อนจะใช้มือซ้ายสะบัดไปทางขวา

น้ำเหล่านั้นก็ปลิวกระเด็นออกไปอย่างแรงและผู้ที่รับผลกรรมนี้ก็คือเจ้าตัวประหลาดนั่นเอง

น้ำพวกนั้นพุ่งมากระทบกับตัวมันอย่างแรงแต่มันก็ไม่ได้เจ็บอะไรก่อนจะหันกลับมามองปฐพีที่ตอนนี้ตกลงไปเหยียบเท้าที่พื้นดินพอดี

"ปฐพีอย่าทำให้มันโกรธสิ" วาตะทำสีหน้ากลัวๆก่อนจะบ่นขึ้น

หิมาลัยรีบสร้างน้ำแข็งขึ้นมาก่อนจะหลอมเป็นแท่งยาวๆและขว้างพุ่งออกไปทางเจ้าประหลาดแต่ก็กระเทกตัวมันเด้งตกลงไปในผืนน้ำเช่นเดิม

มันค่อยๆเงยหน้าขึ้นจากนั้นและจ้องมองทุกคนโดยไม่รู้เลยว่าวาตะนั้นขี่หลังมันอยู่

"เอาหละมาฝึกการหน่วงกัน"ชายคนนั้นพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้าหาปฐพีและหิมาลัย

"พวกเธอต้องใช้กระแสพลังสร้างธาตุขึ้นมาอย่างต่อเนื่องส่วนพลังที่ใช้แล้วให้ดึงกลับเข้าตัวแล้วนำมาใช้ใหม่เข้าใจไหม"

ชายคนนั้นพูดให้เพลิงพรายและหิมาลัยฟังก่อนที่ทั้งสองจะพยักหน้ารับเขาหันกลับไปทางตัวประหลาดก่อนจะตะโกนว่า

"เห้ยแกหนะต้องใช้กระแสพลังสร้างธาตุขึ้นมาอย่างต่อเนื่องส่วนพลังที่ใช้แล้วให้ดึงกลับเข้าตัวแล้วนำมาใช้ใหม่เข้าใจไหมเว้ย !!"

เขาบอกการฝึกการหน่วงให้วาตะแต่แค่คนละแบบเท่านั้น วาตะพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

เพลิงพรายและหิมาลัยรีบสร้างธาตุอย่างไม่รีรอรวมทั้งวาตะที่แม้จะอยู๋บนหลังของสัตว์ประหลาดก็ตาม

ปฐพีเดินขึ้นบังหน้าเพลิงพรายและหิมาลัย

"รู้นะไอ้หนูต้องทำอะไร" ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้และแตะบ่าของปฐพี

"รู้สิลุง กบหนะผมเจอบ่อยแล้ว"

*ป่าในบทนี้มีชื่อว่าป่าเทอร์ล่าถูกตั้งโดยชนเผ่าแห่งความมืดซึ่งได้ตั้งตำนานของเทพที่ชื่อว่า

เทอร์นีบิส ซึ่งคือเทพแห่งความมือของชนเผ่ามืดที่ด้านเกรสแลนด์ที่ได้อพยพขึ้นมาบนฟีเทอร์แลนด์ในบางส่วนนั่นเองซึ่ง

เทอร์ล่า นั่นคือนางสนมรับใช้เทพ เทอร์นิบิสที่คิดจะหักหลังเขาซึ่งภายหลังได้ถูกเนรเทศให้หนีไปพร้อมกับรอวันที่จะกลับมาล้างแค้น

และชนเผ่าแห่งความมืดจึงได้นาชื่อของเธอมาตั้งเป็นชื่อของป่านี้เพราะเป็นแหล่งรวมความชั่วร้ายที่เป็นทั้งป่ารกทึบ

และมีสัตว์ประหลาดมาอาศัยอยู่บ่อยๆเป็นต้น

บทที่ 11 : พลังแห่งการหน่วง

"นี่ เมื่อไหร่นายจะช่วยฉันสักทีหละปฐพี" วาตะพูดเสียงสั่นๆ ปฐพีส่ายหน้าไปมาก่อนจะวิ่งออกไปทางเจ้ากบยักษ์

และใช้ทั้งสองมืดดูดธาตุไฟออกมา แต่ปรากฏว่ากลับได้มาแค่มือซ้ายมือเดียว เขาเหลียวไปมองเพลิงพรายเล็กน้อย

ก็พบว่าเธอนั้นไม่สามารถสร้างธาตุทดแทนได้ทัน ปฐพีหันหน้ากับไม่ยังเจ้ากบยักษ์เช่นเดิมก่อนจะควบคุมให้มันครอบมือเขาเป็นหมัดเพลิง

และคว้างหมัดใส่หน้าของเจ้ากบเต็มๆ เจ้ากบทำหน้านิ่งเฉยก่อนจะโดนหมัดของปฐพีใส่เข้าไป

ธาตุไฟที่ล้อมหมัดของปฐพีหายไปกลายเป็นควันที่โดนน้ำบนเจ้ากบหลอมหายไปนั่นเอง มันเหลือกตาหันไม่มองปฐพีช้าๆและระหว่างที่ตัวเขากำลังจะตกนั้น

มันก็ยกแขนซ้ายมันขึ้นมาและฟาดปฐพีพุ่งลงอย่างจัง เขาใช้มือขวาดึงธาตุดินขึ้นมาและนำมันมาห่อหุ้มตัวอย่างรวดเร็ว

ตู้ม เกราะดินของเขาแตกสลายอย่างง่ายดายแต่ก็ยังถ่วงเวลาให้เขาหลบมือของเจ้ากบนั่นไปได้ก่อนจะตกลงไปในน้ำ

เพลิงพรายเห็นท่าไม่ดีจึงจะวิ่งไปช่วยแต่ถูกชายคนนั้นห้ามไว้ "เธอหนะแค่หน่วงธาตุให้ได้ก็พอแล้ว"

เพลิงพรายหันกลับมามองและพยักหน้าตอบเพราะตอนนี้พวกเธอคือความหวังของเขา

ปฐพีชูมือพุ่งขึ้นเหนือน้ำและดึงธาตุลมจากวาตะออกมา ธาตุลมนั้นพุ่งออกจากมือวาตะไป

ก่อนจะหายลงไปในน้ำลึก สักพักหนึ่งร่างของปฐพีก็ลอยพุ่งออกมาจากน้ำ

โดยเขาใช้ลมส่วนหนึ่งอัดไว้ที่เท้าก่อนจะดึงธาตุลมและน้ำออกมาด้วย

"ถึงฆาตแล้วเจ้ากบ" ปฐพีอัดธาตุลมและน้ำเข้าด้วยกันก่อนที่มันจะผสานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วๆกลายเป็นแสงสีเขียวสลับฟ้าอย่างรวดเร็ว

แสงนั้นสาดส่องไปทั่วทั้งผืนป่าทำให้เจ้ากบต้องใช้มือขวาของมันปิดตาด้วยเลยทีเดียว เขารีบเบ่งพลังปล่อยธาตุผสมนั้นออกไปแต่มันกลับยังคงอยู่ในมือของเขาอยู่ดี

แสงสว่างนั้นเริ่มจะกลายเป็นสีดำก่อนจะระเบิดออกมาเหมือนกับตอนที่เขาใช้ธาตุดินออกมาผสมกันตอนสู้กับเรย์

ปฐพีถูกแรงระเบิดพุ่งกระเด็นไปทางเพลิงพรายและหิมาลัยอีกครั้ง "บ้าน่า เป็นอีกแล้วหรอ" ปฐพีรีบลุกขึ้นและปัดดินตามตัวออก

"ข้อจำกัดของอินเตอร์เซ็คใช่ไหมหละ" ชายคนนั้นพูดขึ้น "หา อินเตอร์เซ็คอะไรหรอ" ปฐพีหันกลับไปถามชายลึกลับ

เขากลับตอบด้วยภาษากายด้วยการส่ายหน้ากลับ ปฐพีก็ไม่สนใจก่อนจะดึงธาตุน้ำแข็งของหิมาลัยออกมาแต่คราวนี้เขากลับดึงได้ทั้งสองมือ

เมื่อหันกลับไปก็พบว่าในมือของหิมาลัยนั้นมีธาตุน้ำแข็งลอยอยู่เหมือนเดิม

"หน่วงได้แล้วหรอ เรียนรู้ไวนะเนี่ย" ชายหนุ่มหันไปชมหญิงสาวเล็กน้อย

ปฐพีก็ยังวิ่งไปต่อก่อนจะกระโดดขึ้นสูงและคว้างธาตุในมือซ้ายของเขาออกไปลงในน้ำนั้น

"แกแข็งแน่ไอ้กบเอ้ย"ปฐพีพูดขึ้น "ดีมากปฐพี จัดการมัน" วาตะได้แต่เชียร์อยู่ห่างๆบนหลังเจ้ากบ

เมื่อน้ำแข็งกระทบกับน้ำนั้นมันก็เริ่มจะกระจายตัวไปอย่างรวดเร็วและเริ่มเป็นน้ำแข็งไล่ตั่งแต่ผืนน้ำลามไปถึงเจ้ากบจนครอบคุมหมด

เมื่อน้ำแข็งมาถึงวาตะเขาก็สร้างกระแสลมอุ่นละลายตรงส่วนที่เขานั่งอยู่ ปฐพีที่ตกลงมาถึงพื้นพอดีก็หันไปพูดว่า

"ชนะแล้ว" ปฐพียิ้มออกมา "แน่ใจหรอ" ชายลึกลับยิ้มตอบ

เปรี๊ยๆ น้ำแข็งค่อยๆแตกและเริ่มร้าวกระจายออกไปรอบๆตัวของเจ้ากบ "เฮ้ยๆ" วาตะรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตู้ม น้ำแข็งที่เกาะรอบๆตัวของมันแตกกระจายพุ่งออกเป็นแท่งน้ำแข็งกระจายเหมือนดาวกระจาย

"ทุกคนก้มเร็ว" ปฐพีพูดก่อนจะดึงธาตุดินขึ้นมาและสร้างเป็นกำลังแพงกันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แท่งน้ำแข็งพุ่งกระทบกับเกราะดินของเขาอย่างรุนแรง

จนตัวเขานั้นต้องล่าถอยไปเกือบ 5 ฟุต ปฐพีสล่ยธาตุดินลงก่อนจะมองดูเจ้ากบที่ตอนนี้กลับเป็นเหมือนเดิมแล้วซึ่งน้ำแข็งนั้นทำอะไรมันไม่ได้จริงๆ

"กราดดด" เจ้ากบตะโกนออกมาอย่างรุนแรงจนต้นไม้ด้านปฐพีนั้นหักโค่นจนเหลือเพียงไม่กี่ต้น

"เอาแล้วไง มันโกรธอีกแล้วปฐพี" วาตะตะโกนดังขึ้นอย่างรวดเร็ว "เออ รู้แล้วๆ" ปฐพีตะโกนกลับอย่างรวดเร็วและกำลังคิดกลวิธีในการปราบเจ้ากบอยู่

"เพลิงพรายฉันจะดึงธาตุแล้วนะ" ปฐพีพูดเรียกสติเพลิงพราย เธอพยักหน้าตอบรับ เขารีบดึงธาตุออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ปรากฏว่าก็ดึงได้แค่อันเดียวอยู่ดี

"พยายามเข้าเพลิงพราย" ปฐพีวิ่งเข้าไปหาเจ้ากบนั่นอย่างรวดเร็ว มันเห็นปฐพีวิ่งเข้ามาก็รีบยกมือซ้ายทุบลงไปที่ปฐพีอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหมุนตัวตามทุบเขาไปเรื่อยๆ

ปฐพีกลิ้งตัวหลบหมัดแรกได้เขาก็รีบดึงธาตุออกวาตะออกมาอีก 1 หน่วยเช่นกันก่อนจะแปะเข้าที่เท้าของตนเองและดีดตัวพุ่งหลบหมัดที่สองอย่างรวดเร็ว

เขาพุงตัวมาจนถึงหลังของเจ้ากบก่อนจะดีดตัวลอยขึ้นฟ้าและผสมธาตุเป็นวายุเพลิงพระกาฬอย่างรวดเร็วหลังจากผสมธาตุเสร็จ

เขาก็รีบหันหน้าไปดึงธาตุน้ำแข็งของหิมาลัยมาอีกครั้งและขว้างลงใส่ผืนน้ำอีกรอบ

"นี่ปฐพี มันไม่ได้ผลแล้วแกจะขว้างลงไปทำไม" วาตะบ่นอย่างสุดเสียงเพราะตอนนี้ตัวของเขามุนตามเจ้ากบที่กำลังหมุนตัวไปหาปฐพีจนทำให้เขามึนหัว

ทำให้เขาอยากให้ปฐพีจัดการเจ้านี่อย่างรวดเร็ว

"รอดูสิเฟ้ย" ปฐพีพูดจบน้ำบริเวณนั้นก็เป็นน้ำแข็งพอดีเขาม้วนตัวหนึ่งรอบก่อนจะลงถึงพื้นอย่างนิ่มนวลและทุบธาตุผสมลงไปก่อนจะดีดตัวถอยหลังไปทางฝั่ง

เกิดเป็นพายุเพลิงพุ่งขึ้นอัดหน้าเจ้ากบอย่างรุนแรงทำให้มันนั้นหงายหน้าไปเลย มันรู้ว่าพายุเพลิงนี้ไม่ดับลงง่ายๆแน่มันจึงสุดลมเข้าไปสุดแรงเกิด

ทำให้วายุเพลิงพระกาฬนั้นค่อยๆถูกดูดตามเข้าไปในปากของเจ้ากบทันทีก่อนจะมีควันพุ่งออกจากจมูกของมัน

"ซวยแล้วไง ทุกคนวิ่งๆ" ปฐพีรีบเตือนก่อนจะดีดตัวด้วยธาตุลมของวาตะพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เจ้ากบพ่นพายุออกมาจากปาก

แต่ต่างจากวายุเพลิงพระกาฬเพียงแค่ว่าตอนนี้มันได้กลายเป็น วายุวารีไปสะแล้ว น้ำนั้นพุ่งออกจากพายุอยากรุนแรงเมื่อมันกระทบกับต้นไม้ก็ถึงกับหักโค่นเลยทีเดียว

เพลิงพรายรีบก้มตัวหลบอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่พ้นโดนอัดเข้าที่ตัวอย่างจัง แม้ความรุนแรงของมันจะไม่มากพอจะฆ่าคนได้แต่มันก็ทำให้เพลิงพรายเกิดอาการต่อต้านทันที

ปฐพีหันกลับไปมองก็พบว่าเพลิงพรายนั้นกำลังแย่ก็รีบดีดตัวพุ่งผ่านกระสุนน้ำเข้าไปรับตัวเพลิงพรายก่อนจะดีดตัวพุ่งลอยออกไปบนท้องฟ้า

ร่างของเธอนั้นอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นมีเพียงสติเล็กน้อยเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่

เพลิงพรายยื่นมือออกไปหาปฐพีก่อนจะสร้างธาตุไฟที่มีพลังอันน้อยนิดออกมา

"บ้าเอ้ย" ปฐพีสบถออกมาก่อนจะดึงธาตุไฟในมือของเพลิงพรายออกมา "รอสักพักนะ" ปฐพีพุ่งตัวลงที่พื้นก่อนจะว่างเพลิงพรายลงพิงบนต้นไม้

"ไอ้กบเวรเอ้ย" ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาเจ้ากบนั่นอย่างจริงจังและใช้แรงลมครั้งสุดท้ายที่มีกระโดดลอยพุ่งขึ้นฟ้าไปและโยนธาตุไฟขึ้นบนฟ้า

"วาตะหิมาลัย" ปฐพีตะโกนอย่างรวดเร็ว หิมาลัยรีบวิ่งออกไปใกล้ๆกับเจ้ากบก่อนจะสร้างธาตุทันที เจ้ากบเมื่อเห็นหิมาลัยก็รีบฟาดมือลงเข้าใส่ตัวหิมาลัยเต็มๆ

จนตัวเธอกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ ชายลึกลับที่ดูอยู่ห่างๆก็รีบวิ่งเข้ามาดูอาการ ปฐพีดึงธาตุน้ำแข็งออกมาทันก่อนจะดึงธาตุธาตุลมจากมือวาตะด้วยเช่นกัน

เจ้ากบรีบเงยหน้ามองปฐพีอย่างรวดเร็วแรงหมุนทำให้วาตะปลิวกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้อีกฝั่งหนึ่ง

ปฐพีรีบผสมธาตุเป็นวาตะหิมาลัยก่อนจะใช้อีกมือหนึ่งรับธาตุไฟที่ตกลงมาและรีบพุ่งตัวลงไปหาเจ้ากบยัก มันอ้ามากรอการตกลงมาของปฐพี

ปฐพียิ้มก่อนจะพุ่งลงท้องของเจ้ากบไป มันทำท่ากลืนก่อนจะหันไปมองคนที่เหลือรอด เพลิงพรายและหิมาลัยที่ยังอึ้งจนพูดไม่ออกก็ได้แต่ตกตะลึง

สักพักเจ้ากบเริ่มมีอารกสั่นเครือมันสั่นไปทั้งตัวก่อนที่ลมหายใจมันจะเริ่มออกมาเป็นไอน้ำแข็ง หิมาลัยยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าปฐพียังไม่ตาย

เจ้าอบอ้าปากออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปฐพีที่พุ่งเลยออกมา วาตะที่กระเด็นออกไปรีบลุกขึ้นก่อนจะสร้างธาตุลมไว้ในมือแล้วขว้างให้กับปฐพีอย่างรู้การงาน

"ดีมากไอ้ตัวไร้ประโยชน์" ภายในของเจ้ากบนั้นถูกปฐพีแช่แข็งด้วยวาตะหิมาลัยแล้วลมพายุก็บังคับให้มันอ้าปากแล้วยกเขาลอยขึ้นมา 2 หน่วย

เขาขว้างธาตุไฟของเพลิงพรายพุ่งชนกับธาตุลมทั้งสองก้อนเกิดการผสมธาตุกันกลางอากาศปฐพีหมุนตัวให้หัวตรงกับเจ้ากบพอดีก่อนจะใช้มือขวาคว้าวายุเพลิงพระกาฬเอาไว้

แล้วบิดตัวเพิ่มความแรงก่อนจะขว้างเข้าปากของเจ้ากบอย่างรุนแรง เกิดเป็นพายุไฟในปากของเจ้ากบจนตัวมันดิ้นรนไปด้วยความร้อนก่อนจะดำน้ำหายไป

ปฐพีที่สติเหลือเพียงนิดเดียวก็ตกลงมาอย่างรวดเร็ว ชายลึกลับกดเท้าลงที่พื้นจนเกิดลอยลึกลงถึง 1 ฟุตก่อนจะกระโดดพุ่งลอยตัวไปรับปฐพีที่กำลังตกลงมา

ก่อนจะวางเขาไว้ข้างๆเพลิงพราย "เด็กพวกนี้เรียนรู้ไวกันจังนะ"

*การหน่วงธาตุนั้นนอกจากจะช่วยในการนำมาช่วยโดยใช้ได้เรื่อยๆขึ้นอยู่กับพลังของผู้สร้างธาตุแล้ว

ยังเสริมความแรงเข้าไปได้ด้วยดังเช่นตอนที่ปฐพีขว้างลูกไฟเข้าใส่ธาตุลมทั้งสองก้อนซึ่งธาตุลมทั้งสองก้อนนั้น

ก็จะช่วยเสริมสร้างธาตุให้แรงเพิ่มขึ้นไปอีกเป็นต้น

บทที่ 12 : มรสุมเมืองวารี

"อา" แสงสอดผ่านม่านตาสีดำปนน้ำตาลของปฐพีเข้ามา เขามองเห็นเป็นแสงระยิบระยับราวกับประกายแห่งทองฟ้าอันงดงาม

ปฐพีรีบตั้งสติก่อนจะดันตัวลุกนั่งอย่างรวดเร็ว

"อย่าบอกนะว่า" ปฐพีพูดเสียงที่สั่นเครือไปด้วยความตกใจก่อนจะหันไปมองดูรอบๆตน

"ฉันวาร์ปได้อีกแล้วเนี่ย" วาตะที่นั่งอยู่ข้างหลังถอนหายใจ

ปฐพีรีบหันมองรอบๆก็พบทุกคนอยู่รอบๆเขาพร้อมกับข้างหน้าก็คือทะเลเพลิง เขาหันไปมองเพลิงพรายที่สลบอยู่ก่อนจะถามขึ้นว่า

"แล้วคุณลง แปลกหน้าหายไปไหนแล้วหละ" วาตะชี้นิ้วเข้าไปในป่า ปฐพีพยักหน้าตามก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดสุดเสียงแล้วตะโกนว่า

"ขอบคุณนะลุง" เสียงลากยาวผ่านป่าลึกเข้าไปอย่างรวดเร็วจนแรงลมนั้นถึงหูชายคนหนึ่ง เขายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าป่าต่อไป

"นี่ หิมาลัย ปฐพีไปกินอะไรมารึเปล่าเนี่ย เจ้านั่นดูแปลกๆนะ" วาตะหันไปคุยกับหิมาลัยที่มีเพลิงพรายนอนพิงขาเธออยู่

"ไม่ทราบค่ะ" ปฐพีหันไปมองข้างหลังก่อนจะพูดขึ้นว่า

"ฉันพร้อมแล้ว ได้เวลาข้ามทะเลเพลิงกันละ" วาตะพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นและดึงเพลิงพรายหอบขึ้นหลังของตน หิมาลัยลุกขึ้นก่อนจะปัดฝุ่นที่ผ้าไหมของเธออย่างรวดเร็ว

"เอาหละพร้อมนะ" ปฐพีพูดเตือนหิมาลัยอีกครั้ง เธอไม่ได้ตอบอะไรได้แค่พยักหน้าก่อนจะสร้างธาตุน้ำแข็งขึ้นในมือเป็นผลึกสีน้ำเงินใสโปร่งแสงขึ้นมา

ปฐพีดึงออกมาแต่ด้วยทักษะการหน่วงทำให้เหมือนเขาดึงออกมาแค่ละอองผงเท่านั้นเอง ปฐพีก้มลงก่อนจะนำมือไปแตะที่พื้น ผลึกเงินก็ค่อยๆหลุดออกจากมือเขาลงไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว

เขารีบยกมือซ้ายดูดธาตุอย่างต่อเนื่อง ผลึกน้ำแข็งค่อยๆซึมออกจากดินและงอกออกเป็นทางน้ำแข็งเล็กๆก่อนจะค่อยๆลากยาวไปเรื่อยๆ ปฐพีลุกขึ้นช้าๆก่อนจะค่อยๆนำเท้าเหยียบไปที่ทางน้ำแข็งเบาๆ

"โอเคตามมาช้าๆนะ" ปฐพีพูดก่อนจะเดินนำหน้าซึ่งหิมาลัยนั้นก็เดินตามหลังมาติดๆต่อด้วยวาตะที่แบกเพลิงพรายอยู่

เขาพยายามเดินชิดหิมาลัยที่สุดเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นก็คงมีคนเดียวที่พอจะช่วยเขาได้ ต่างกับปฐพีที่เดินนำหน้าอย่างไม่เกรงกลัว

ปฐพีเดินอย่างต่อเนื่องจนมาเกือบถึงประตูทางเข้าเมืองวารีเขาก็พบว่าการดูดธาตุของเขานั้นขาดหายไปบางช่วง

ชายหนุ่มหันกลับไปมองข้างหลังก็พบว่าหิมาลัยนั้นมีสภาพเหงื่อออกและคล้ายกับจะหน้ามืดเพราะแม้ว่าเธอจะสร้างน้ำแข็งได้อย่างต่อเนื่องแต่เปลวไฟก็ยังทำให้เธอเกิดอาการต่อต้านอยู่ดี

ปฐพีเห็นท่าไม่ดีจึงดึงน้ำแข็งออกมาหมดมือของหิมาลัยและทุบลงที่พื้นอย่างรุนแรงทำให้น้ำแข็งเหล่านั้นกลายค่อยๆพุ่งลงไปเป็นเสาตั้งขึ้นมาค้ำกับแผ่นน้ำแข็งที่พวกเขายืนอยู่

"วาตะแบกหิมาลัยไป ฉันจะอุ้มเพลิงพรายเอง แล้วนายก็สร้างธาตุลมไว้ด้วยหละ" พูดจบ วาตะก็ยื่นเพลิงพรายให้ปฐพีเขาแลกเปลี่ยนตัวกันอย่างรวดเร็ว

"วาตะเห็นทางน้ำแข็งตรงปลายสุดไหม" ปฐพีชี้ไปทางประตูเมืองวารีวาตะก็เขียนพื้นน้ำแข็งนั้นไม่สามารถยาวไปจนถึงทางเข้าได้

"นายวิ่่งแล้วกระโดดข้ามไปแล้วกัน ก่อนที่มันจะละลาย" พูดจบปฐพีใช้มือซ้ายดึงธาตุลมของวาตะออกมาก่อนจะปล่อยลงสู่เท้าของตนและดีดตัวพุ่งลอยกลับไปทางเดิม

วาตะไม่รอท่ารีบหันกลับหลังและวิ่งไปสุดปลายทางก่อนจะดีดตัวลอยข้ามไปอย่างรวดเร็ว เท้าของเขาสัมผัสกับพื้นเหล็กอย่างนิ่มนวลก่อนที่เขาจะวางหิมาลัยลงข้างทางและหันกลับไปมองคนที่เขาควรไว้ใจ

ด้านปฐพีก็รีบดีดเท้าผ่านแผ่นน้ำแข็งอย่างรวดเร็วแต่ด้วยไฟไหม้อยู่ใต้เท้าของเขานั้นก็ทำให้พื้นน้ำแข็งละลายบางส่วน ทำให้ปฐพีก้าวพลาด

เขาพยายามเหวี่ยงมือทรงตัวซึ่งทำให้เขานั้นไม่ล้มแต่พื้นน้ำแข็งที่เขายืนบางส่วนนั้นกำลังค่อยๆแตกรวมทั้งค่อยๆเอนข้างลงอีกด้วยเพราะว่าเสาน้ำแข็งที่ค้ำนั้นมีอยู่เพียงเสาเดียว

และแผ่นน้ำแข็งก็วางอยู่บนเสานั้นเช่นนกันทำให้การสมดุลน้ำหนักนั้นไม่เท่ากัน

เขารีบเร่งความเร็วให้มากขึ้นจนถึงอีกฝั่งเขาก็ใช้เท้าขวากดลงที่พื้นและบิดตัวให้หมุนหันหน้ากลับไปทางเดิมก่อนจะใช้มือขวาดึงธาตุดินออกมา

ซึ่งตอนนี้เบื้องหน้าเขาก็เหมือนกับทางราดชันขึ้นภูเขา ราว 45 องศา

เพราะน้ำหนักที่มากกว่าทำให้อีกฝั่งหนึ่งยกขึ้นและค่อยๆไหลลงในเปลวเพลิง นำแข็งค่อยๆละลายออกไปเรื่อยๆทำให้แผ่นกระดานลดลงๆเรื่อยๆ

ปฐพีกระชับข้อศอกให้รัดเพลิงพรายให้แน่นขึ้นก่อนจะวิ่งตรงไปข้างหน้าแล้วดีดตัวกระโดดพรุ่งลอยไป

ก่อนที่เท่าของเขาจะแตะเข้าไปที่ทางน้ำแข็งก่อนจะกดเท้าลงและดีดตัวลอยเป็นแนวเฉียงตามทางน้ำแข็งทำให้พื้นที่เขาเหยียบนัน้แตกและเลื่อนลงไป

ปฐพีเมื่อเห็นว่าแรงดีดตัวหมดเขาก็เอาท้าวขวาแล้วกดลงเหยียบพุ่งตัวไปอีกครั้ง ทำให้น้ำแข็งยิ่งแตกเร็วขึ้นไปอีกจนปลายสุดของแผ่นน้ำแข็งนั้นอยู่ห่างเขาไม่ถึง 2 เมตรด้วยซ้ำ

เขาหมุนตัวหันไปทางซ้ายและใช้ท้าวขวาเบรคความเร็วตัวเองไว้และใช้มือขวาปล่อยธาตุดินที่ควบคุมออกมาตกลงไปกระแทกกับน้ำแข็งหน้า

เขาทำให้สมดุลนั้นเปลี่ยนข้างกลับหมุนมาทางประตูเมืองวารีแทนทำให้ตัวปฐพีนั้นค่อยๆเลื่อนลง เขาใช้เวลานั้นวิ่งผ่านเศษน้ำแข็งที่ค่อยๆแตกระแหงออกไปก่อนจะเหยียบแผ่นดินอันเล็กน้อยและดีดตัวลอยครั้งสุดท้าย

ปฐพีรีบหมุนตัวกลับและยกเพลิงพรายขึ้นก่อนจะหันหลังตัวเองให้ตรงกับพื้นเมื่อเขาตกลงมากระแทกกับพื้นทำให้หลังของเขาขูดแทนที่จะโดนตัวเพลิงพรายแทน

วาตะรีบวิ่งไปรับตัวปฐพีก่อนจะดูสภาพของเขาที่แย่และเพลียมากๆ

"อยากจะบอกว่า ... ฉันจะไม่ทำแบบนี้เป็นครั้งที่สองแน่" ปฐพีหันไปมองหน้าวาตะและตอบราวกับคนตาย

เบื่องหลังของกลุ่มชายหนุ่มและหญิงสาว ยังมีชายคนหนึ่งยืนอยู่บนแท่นหินที่กั้นระหว่างทะเลเพลิงและป่าเทอร์ล่า เขายิ้มออกมาและน้อยก่อนจะพูดขึ้นเบาๆว่า
"โตไวจังนะ เพลิงพราย"
ครืดๆ เสียงลากเท้าของปฐพีกับพื้น เขาถูกวาตะแบกอย่างไม่เต็มใจอีกครั้ง รวมทั้งสายตาทั้งเมืองที่จับจ้องมาทางพวกเขา

"นี่ๆ หิมาลัย ทำไมคนพวกนั้นถึงอยู่แต่ในร่มกันหละ" เพลิงพรายถามก่อนจะหันไปมองรอบๆก็พบว่าชนชาวเผ่าน้ำนั้นไม่มีใครเดินออกจากแดดเลยแม้แต่คนเดียวโดยที่รอบๆตัวเขานั้นก็มีแดดส่องแสงตลอดเวลา

"อ๋อ มันเป็นปกติค่ะ ชนเผ่าน้ำนั้นพวกเขาชอบอยู่ในร่มเงาง่ะแต่ไม่ใช่ว่าเขาอยู่กลางแดดไม่ได้นะค่ะ เพียงแต่เขาชอบใช้ชีวิตแบบนี้มากกว่าค่ะ ยังไงสะเผ่าน้ำก็ปรับตัวได้ตลอดเวลาอยู่แล้วค่ะ"

เพลิงพรายทำหน้างงก่อนจะหันไปมองหิมาลัย แต่ก็พยักหน้ากลับและไม่ได้ถามอะไรต่อ ระหว่างที่พวกเขาเดินอยู่เสียง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

"เร่เข้ามา เร่เข้ามา ก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆ เร่เข้ามา ลดราคาครึ่งหนึ่งวันนี้วันเกิดลูกอั้วเอง เร่เข้ามา" ชายคนหนึ่งยืนพูดอยู่บนลังไม้ก่อนที่จะมีผู้คนต่างวิ่งเข้าร้านอย่างรวดเร็ว

ตาของปฐพีเกิดเป็นประกาย

"ก๋วยเตี๋ยว"เขาพูดด้วยเสียงกระหืดกระหาย ก่อนจะยกวาตะขึ้นบ่นและวิ่งเข้าร้านไปอย่างรวดเร็ว

"ช่วยยยฉันนนนด้วยยยย"เสียงโหยหวนขอวาตะดังขึ้นส่งท้าย เพลิงพรายถอนหายใจก่อนจะเดิมตามไป

"ฉันว่าคนมันไม่เยอะหรอกนะแต่มันโครตเยอะเลยเนี่ย" ปฐพีพูดขึ้นเมื่อเขาเบียดเสียดเข้าร้านมาได้แต่ก็พบว่าที่นั่งเต็มโดยที่วาตะนั้นก็ยังคงอยู่บนไหล่ของเขา

"แกปล่อยฉันลงก่อนเถอะ"วาตะพูดก่อนจะดิ้น ปฐพีเริ่มสำรวจซ้ายขวาก็พบว่าชายคนหนึ่งกำลังจะลุกจากโต๊ะของเขา

"ไอ้บ้านั่นโต๊ะตั้งใหญ่นั่งคนเดียวได้ไงเนี่ย สงสัยคนรังเกียจไม่มีคนนั่งข้างเลย" ปฐพีทำหน้าเบ้ปากก่อนจะตาเป็นประกายอีกครั้งเมื่อชายคนนั้นลุกขึ้น ปฐพีก็คว้างวาตะพุ่งลอยออกไปทางชายคนนั้น

"ไปจองที่วาตะ"

"ว๊ากกก" วาตะพุ่งลอยไปอย่างรวดเร็ว

"เห้ย พระราชาระวัง" ชายที่ลุกขึ้นหันไปมองทางเสียงเตือนแต่ดูท่าว่าจะไม่ทันเสียแล้ว

ตู้ม ร่างของชายคนนั้นถูกกระแทกลอยออกไปชนกับเจ้าของร้านอีกรอบหนึ่ง

"ดีมากวาตะ ขอสั่งก๋วยเตี๋ยว" ปฐพีรีบวิ่งไปนั่งก่อนจะเอามือทุบโต๊ะอย่างรุนแรง

"เสียงโวยวายอะไรกันเนี่ย" หญิงสาวคนหนึ่งใส่ชุดยาวสีฟ้าโดยที่เสื้อนั้นติดกับกระโปรงยาวถึงเข่าของเธอลายจุดสีดำและมีเสื้อกั๊กสีน้ำเงินทับอีกชั้น

"พ่อ พระราชา" หญิงสาวพูดก่อนจะทำหน้าตกใจ

"นทีช่วยพ่อด้วย" นทีรีบวิ่งไปดึงพ่อของเธอและพระราชาแต่ทั้งพระราชาและพ่อของเธอนั้นก็รูปร่งอ้วนท้วมทั้งคู่ทำให้พวกเธอต้องใช้เวลานานหน่อย

ส่วนวาตะก็ได้แต่นอนราวกับตายที่หัวติดอยู่กับกำแพง

"ปฐพี วาตะ อยู่ในกันเนี่ย" เสียงเพลิงพรายดังจากกลุ่มผู้คน

"ในร้านนี่" ปฐพีโบกมือ เพลิงพรายและหิมาลัยแหวกผูคนก่อนจะเดินเข้าไปก็พบว่าในร้านไม่มีคนอื่นเลยเพราะทุกคนถอยหลังออกมาหน้าร้านหมด

สักพักเสียงพูดคุยก็ดังขึ้น

"ใครกันหนะกล้าทำร้ายพระราชา"

"ใช่ๆ กล้าดียังไง"

"หรือว่ามาลอบฆ่ากันแน่" เสียงพูดคุยเสียงดังยิ่งขึ้น

"ซวยแล้วไงปฐพี หิมาลัยพอมีทางช่วยไหม" เพลิงพรายหันไปถามหิมาลัย เธอมองกลับมาหน้านิ่งๆก่อนจะตอบว่า

"ไม่มีค่ะ พอดีเผ่าน้ำเป็นพันธมิตรกับเผ่าสายฟ้าค่ะ เสียใจด้วย"

"โอเคงั้นงานนี้เราก็มีปัญหาสะแล้วหละ"

*เผ่าน้ำเป็นเผ่าที่สามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์และสามารถพริ้วไหวได้เหมือนสายลม แข็งเกร่งดังเปลวไฟ ได้ดังใจดังเช่นสายฟ้า และอีกมากมายคล้ายธาตุต่างๆ

เพียงแต่การค้นพบของยุคปัจจุบันทำให้ไม่สามารถทำให้สมมติฐานนี้เป็นจริงได้ประโยชน์ในการต่อสู้คือการแปรผันและผสมผสานกับทุกธาตุได้อย่างลงตัวกับทุกธาตุ(ยกเว้นธาตุลม)

บทที่ 13 : อาสัญผู้กตัญญู

"อูย" วาตะฟื้นขึ้นมาก่อนจะดึงหัวให้หลุดออกจากร่องเมื่อถอยออกมาเขาก็เจอกับนทีที่กำลังช่วยพ่อของเธอลุกอยู่

เธอจับจ้องด้วยสายตาอาฆาตก่อนจะหมุนตัวและเตะสูงใส่วาตะ เขาเอนหังหลบก่อนจะถอยไป 2 - 3 ก้าว ทั้งร้านจับจ้องวาตะกับนทีเป็นสายตาเดียวกัน ปฐพีที่นั่งดูอยู่ก็เชียร์วาตะเป็นยกใหญ่

"ลุยเลยวาตะ ลุยเลย" วาตะหันกลับไปมองจ้องเขม็ง

"ไอ้ปฐพีเอ้ย สร้างปัญหาแล้วไม่แก้เองมาทำให้ฉันเดือดร้อนอีก"ก่อนจะหันกลับไปก็พบนทีกำลังพุ่งเข้ามาประชิดร่างของตนก่อนจะย่อตัวลงต่อยเข้าที่ท้องน้อย

วาตะยกแขนขึ้นมาตั้งรับก่อนจะกระเด็นไปทางเพลิงพรายและหิมาลัยที่กำลังยืนดูอยู่อย่างจดจ่อ

"วาตะอ่อนมาก แพ้ผู้หญิง ฮ่า ฮ่า"ปฐพีดูอยู่ก็หัวเราะออกมาเบาๆ นทีเห็นปฐพีก็จ้องกลับ ทำให้ปฐพีรู้แล้วว่าเธอไม่ได้เป็นมิตรอย่างแน่นอน

นทีหมุนตัวก่อนจะเตะเข้าไปที่ระดับหัวของปฐพี เขาก้มหลบทำให้เท้าของนทีนั้นไปเตะโดนเข้ากับแก้วน้ำบนโต๊ะทำให้น้ำตกลงมาใส่พื้น

ปฐพีกดเท้าดีดตัวพุ่งผ่านตัวนทีไปอยู่ชิดกับกำแพงตรงกันข้าม นทีย่อตัวลงก่อนจะใช้เท้าขวาเลื่อนมาข้างหน้าแล้วใช้มือขวาแตะที่น้ำที่นองอยู่ที่พื้น ก่อนจะลอยขึ้นตามมือของนที

"ผู้ควบคุมน้ำหรอ" หิมาลัยพูดขึ้นเบาๆ นทีไม่รอช้ากำมือที่ควบคุมน้ำทันทีทำให้น้ำนั้นถูกอัดกลายเป็นก้อนเล็กๆแต่เต็มไปด้วยอนุภาคน้ำก่อนจะยิงพุ่งใส่ปฐพี

ปฐพีย่อตัวหลับอย่างเฉียดฉิว ลูกบอลน้ำกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจังทำให้น้ำกระเด็นโดนหลังปฐพีเช่นกันทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดอันมหาศาลได้เลยทีเดียว และเมื่อเขาหันกลับไปดูก็พบว่ากำแพงนั้นเกิดเป็นรูกว้างไม่แพ้กัน

ปฐพีกำลังคิดวิธีที่จะสวนกลับอยู่ก็มีบางอย่างมาขัดจังหวะ

"ทหารจับกบฏไว้" ทหารที่อยู่ข้างนอกร้านก็วิ่งกรูผ่านฝูงชนเข้ามา

"ทหาร!!" ปฐพีตะโกนเสียงดังก่อนจะกระโดดเข้ารูที่โดนกระสุนน้ำของนทีทำลายไปและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

"หยุดนะ"นทีวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว ทหารส่วนหนึ่งก็วิ่งมาช่วยพระราชาแล้วตรวจดูร่างกาย ส่วนหนึ่งวิ่งตามปฐพีออกไป

เมื่อทหารกำลังจะพาพระราชาไปที่ศูนย์รักษาเมื่ออกจากประตูร้านเขาก็เหลือบมองเห็นชุดกระโปรงภายใต้ผ้าคุมเป็นสีแดง

"ชนเผ่าไฟ !" เพลิงพรายตาลุกโพรงมองดูรอบๆตัวก็พบว่าทหารได้มาลุมล้อมเธอไว้แล้ว หิมาลัยไม่ได้ทำสีหน้าตกใจอะไรส่วนวาตะก็ยังนอนสลบอยู่กับพื้นอีกตามเคยทำให้พวกเขาทั้ง 3 ไม่สามารถต่อสู้ได้ไปโดยปริยาย

"อย่าตามฉันมานะเฟ้ย" ปฐพีที่กำลังวิ่งผ่านถนนที่มีตึกบังเป็นกำแพงทางยาว

"นายทำร้ายพ่อฉันกับพระราชาฉันก็ต้องจับนายสิเจ้าบ้า"นทีวิ่งตามอย่างไม่ลดละ

"เห้อ" ปฐพีถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเห็นแผงขายของอยู่หน้าถนนเข้าใช้เท้าซ้ายกดลงที่พื้นและดีดตัวกระโดดลอยข้ามแผงขายอย่างคล่องแคล่ว

นทีไม่ยอมแพ้กระโดดตามเช่นกันตัวเธอลอยข้ามแผงขายของได้อย่างง่ายดายก่อนจะตกลงมาที่พื้นและวิ่งตามอย่างรวดเร็ว

ทางด้านทหารที่วิ่งตามมาก็รีบวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกและมองลงมาก็เห็นปฐพีและนทีกำลังวิ่งไล่กันอยู่ภายในถนน

"พลโจมตีระยะไกลตั้งเป้า"หัวหน้ากองสั่งทหารที่วิ่งตามก็ค้านขึ้น

"แต่ในนั้นมีคนของเราอยู่นะครับ ถ้าโจมตีไปก็มีโอกาสโดนสูงมากเลยนะครับ”ทหารนายหนึ่งค้าน

"ก็กดลูกบอลน้ำไม่ต้องแรงสิเอาแค่พอให้เจ็บจนเคลื่อนไม่ได้ก็พอ และเราจะได้จับมันมาประหารส่วนคนของเราก็ให้เข้ารับรักษาตัวก็ได้"

ทหารนายอื่นๆก็เห็นด้วยกับข้อตกลงก่อนจะตั้งกองรบโดยให้ผู้ควบคุมอยู่ด้านหน้าและผู้สร้างอยู่ด้านหลังและเริ่มสร้างกระสุนน้ำขึ้นมาใส่ในมือ

"ล๊อคเป้าหมายได้แล้วครับ" ทหารพูดขึ้น

"จัดการเลย" ทหารปล่อยกระสุนน้ำไม่รอช้าและเริ่มสร้างใหม่ก่อนจะปล่อยใส่ไปเรื่อยๆ

นทีที่กำลังวิ่งตามปฐพีก็เห็นอะไรสะท้อนกับพระอาทิตย์ที่ใกล้ลับขอบฟ้าทำให้เกิดแสงสว่างจ้ากระทบเข้ากับม่านตาของเธอ เธอหันไปมองก็พบกับกระสุนน้ำกำลังพุ่งตรงมาทางเธอ

ซึ่งเธอไม่ทันตั้งตัว ปฐพีที่วิ่งอยู่ก็หลบกระสุนน้ำได้อย่างง่ายดายเพราะทหารบางครั้งก็ไม่สามารถกะระยะระหว่างวิ่งได้ทำให้มีโอกาสน้อยมากที่จะโดนตัวเขา

"อ่อนๆเลย"

"โอ้ย !" เสียงของนทีดังขึ้น ปฐพีไม่สนใจวิ่งต่อแต่แค่หันหลังกลับมาดูก็พบว่าเธอกระแทกกับกระสุนน้ำเข้าที่ไหล่ซ้ายทำให้ตัวเธอกระเด็นไปทางขวาซึ่งพุ่งเข้าใกล้ปฐพีมากขึ้น

แต่กระสุนน้ำอื่นๆก็กำลังพุ่งเข้ามาจะกระแทกหน้าของนทีอีกเช่นกัน "ยัยโง่เอ้ย" ปฐพีบ่นเล็กน้อยก่อนจะจิกเท้าขวาและตวัดเท้าซ้ายถอยหลังไปหันไปหน้าไปทางนทีทำให้เกิดลมที่ขาเล็กน้อย

ปฐพีดึงขึ้นมาก่อนจะปล่อยใส่กระแสเท้าและดีดตัวพุ่งไปทางนทีอย่างรวดเร็ว เมื่อพุ่งมาถึงปฐพีง้างหมัดต่อยเข้าตรงๆกับกระสุนน้ำ ทำให้กระสุนน้ำแตกกระจายรวมทั้งมือของปฐพีที่มีแรงกระทบกลับด้วยทำให้ข้อมือเขาบิดเล็กน้อย

ปฐพีรีบดึงน้ำที่แตกออกมาจากกระสุนน้ำและสร้างเป็นกำแพงน้ำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นทีเห็นก็ตกตะลึง

"เจ้าบ้าทำอะไร เดี๋ยวก็ตายหรอก" ปฐพีแปลกใจเล็ดกน้อยก่อนจะตอบกลับว่า

"เธอไม่แปลกใจหรอที่ฉันควบคุมน้ำได้"

หัวหน้าทหารฝั่งบนมองเห็นปฐพีสร้างกำแพงน้ำขึ้นมาก็สั่งใหม่

"กดกระสุนเอาให้รุนแรงที่สุดพอจะทะลุกำแพงน้ำของมันได้" ทหารบางนายค้านกลับ

"แต่เขาช่วยคนของเรานะครับ" หัวหน้าจ้องเขม็ง

"ไม่ว่ายังไงมันก็คือกบฏยิงมัน" ทหารนายอื่นๆก็ต้องจำใจทำตาม ก่อนจะยิงกระสุนน้ำลูกใหญ่ขึ้นกว่าเดิมออกไป

"ระวังข้างหน้า"นทีเตือน ปฐพีที่หันไปคุยกับนทีจนลืมดูข้างหน้าเมื่อหันไปกห็พบกับกระสุนน้ำลูกใหญ่กระแทกเข้ากับกำแพงน้ำของเขา

กระสุนน้ำส่วนหนึ่งแตกกระจายออกรอบทิศทำลายกำแพงน้ำของเขา ส่วนที่เหลือก็กระแทกเข้ากับหน้าท้องของปฐพีอย่างรุนแรง

"เอื้อก" ตัวปฐพีกระเด็นถอยหลังยาวจนกระแทกเข้ากับตึก แรงกระทแกทำให้ปูนร้าวเลยทีเดียว เขากัดฟันลุกยืนขึ้น นทีรีบวิ่งไปช่วยอีกแรง แสงสว่างเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆเหลือเพียงแต่ไฟจากคบเพลิงเท่านั้น

"ยิงอีก" หัวหน้ากองสั่งอย่างเด็ดขาด ทหารทุกนายเอะอะโวยวาย

"ท่านครับเขาหมดสภาพแล้ว" หัวหน้าทำหน้าแข็งกร้าวก่อนจะมองลูกน้องของตน

“ฉันทำเองก็ได้" พูดจบก็สร้างกระสุนน้ำขึ้นมา

"เดี๋ยวสิครับ" เสียงลึกลับดังขึ้น หัวหน้าทหารหันกลับไปมองก็พบชายชุดดำผมของเขาปลิวตามแรงลมอันแผ่วเบา

"แก รึว่าก็พวกกบฏด้วย" หัวหน้าทหารเปลี่ยนทิศกระสุนมาเป็นทางชายหนุ่มลึกลับแทน

"อ๋อ เปล่าครับ ผมแค่มาตอบแทนพระคุณคน" เข้ายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะสะบัดผ้าคลุมออกปกปิดร่างกาย

หัวหน้าทหารไม่รอช้ารีบยิงกระสุนใส่อย่างรวดเร็วแต่เมื่อกระสุนกระทบเข้ากับผ้าคลุมนั้นกลับทะลุออกไปราวกับว่าเขานั้นหายตัวได้

"ต่อสู้ใช้ไหวพริบหน่อยสิครับ" ร่างของชายหนุ่มกลับมาโผล่ข้างหลังของหัวหน้าทหารสะเอง เขาเตะเข้าที่เอวซ้ายส่วนที่ไม่มีเกราะ

เพราะเป็นข้อต่อถ้าใส่จะทำให้เคลื่อนที่ได้ลำบากก่อนรีบกดเท้าลงและเตะเข้าที่เอวขวาอีกรอบทำให้หัวหน้ากองกระเด็นตกลงจากตึกกระแทกตกลงมาด้านหน้าของปฐพีและนทีทันที

"หัวหน้า"ลูกน้องทหารไม่รอช้ารีบสร้างกระสุนแล้วตอบโต้กลับอย่างรวดเร็ว แต่กระสุนน้ำที่ยิ่งผ่านมากลับทะลุตัวของชายหนุ่มไปทำให้เกิดเป็นควันราวกับตัวเขานั้นไม่มีตัวตน

"แหม เล่นรุมแบบนี้ผมจะเอาจริงแล้วนะครับ" ภายหลังเสียงร้องโหยหวนของเหล่าทหารก็ดังขึ้น


"หนอย แก" ปฐพีที่ทรงตัวแล้วก็กุมท้องและเดินเข้าไปใกล้กับหัวหน้าทหารที่บาดเจ็บพอๆกัน หัวหน้าทหารรีบถอยกรูอย่างรวดเร็วเพราะเนื่องจากเป็นเพียงผู้ควบคุมที่เมื่อไม่มีผู้สร้างและธาตุที่ตนใช้ได้ก็ไม่สามารถอะไรได้เลย

วูบ! เงาดำสยายปีกโผล่มาข้างหลังของหัวหน้าทหารอีกด้าน "จะหนีไปไหนครับ" ปฐพีเหลือบมองชายหนุ่ม

"เห้ย นายชนเผ่าความมืดนี่นา" ปฐพีชี้นิ้วไปทางชายหนุ่มคนนั้น

เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ

"ผมอาสัญ ผู้ที่คุณช่วยชีวิตไงครับ"

*การโจมตีด้วยธาตุที่ชนเผ่านั้นมีก็ถือเป็นการโมตีปกติเช่นกันตัวอย่างเช่นทหารยิงกระสุนน้ำใส่นที

แต่ทั้งๆที่นทีเป็นชนเผ่าน้ำก็ต้องรับผมจากกระสุนน้ำเช่นกันเนื่องจากร่างกายของคนเรานั้นไม่สามารถดูดซึมธาตุเข้าสู่ร่างกายตัวเองได้ เป็นต้น

บทที่ 14:พิรุณอาสัญ

"อ๋อ นายนั่นเอง" ปฐพีทำท่าเหมือนนึกออก

"ที่ฉันเจอตอน.." ผัวะ นทีต่อยเข้าที่ใบหน้าของปฐพีอย่างสุดแรง

"อ๊ากกก" ปฐพีร้องอย่างโหยหวนก่อนจะตกลงหน้ากระแทกพื้นอย่างแรงนทีหันกลับมามองหน้าอาสัญที่ยังงุนงงกับเหตุการณ์ก่อนจะบอกไปว่า

"พอดีเขาทำร้ายพ่อฉันหนะ" อาสัญพยักหน้าหงึกๆเหมือนพอจะรู้นิสัยของปฐพีอยู่บ้าง

"อูย" ปฐพีลืมตาก่อนจะลุกขึ้นนั่งและแคะขี้ตา เขาตื่นมาอยู่ในที่แห่งหนึ่งที่คุ้นเคย แสงแดดส่องผ่านรูที่ฝาผนัง สอดเข้ามา

"เห้ย นี่มันร้ายก๋วยเตี๋ยวหนิ" ปฐพีตกใจรีบกระโดดลุกขึ้นมาแล้วมองดูรอบๆก็ไม่พบใคร ตึก ตึก นทีเดินเข้ามาด้านหลังของเขาก่อนจะวางก๋วยเตี๋ยวบนโต๊ะที่นั่ง

"เอา กินสะสิ" ปฐพีหันหลังไปมองก่อนจะถอยกรูไปชิดขอบกำแพง

"นี่ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว นายอาสัญอะไรนั่นเล่าให้ฉันฟัง"ปฐพีเมื่อได้ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้แล้วก็ลงมือกินก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อย

"เออ นี่แล้วอาสัญอยู่ไหนหรอ" หลังจากปฐพีกินเสร็จก็ถามไปหน้านื่ง

"เขาไปดูราดราวหาเพื่อนของนายในเมืองหนะ" ปฐพีกินอิ่มก็ลุกขึ้นและเริ่มบิดขี้เกียจไปมา

"นายเป็นเผ่าสีดำจริงๆหนะหรอ"นทีถามอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเอง ปฐพีหันไปพยักหน้างึกงึก

ก่อนจะใช้มือขวายกน้ำลอยขึ้นมาจากชามก๋วยเตี๋ยวส่วนหนึ่งและโชว์หมุนธาตุรอบๆตัวของตนมั่วๆซึ่งดูไม่ค่อยเป็นท่าเท่าไร

นทีส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นและตั้งท่าโดยการถอยเท้าขวาไปด้านหลังและยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาและสูงขึ้นๆเรื่อย น้ำในชามก๋วยเตี๋ยวก็ลอยขึ้นช้าๆ

"เธอเป็นผู้ควบคุมหรอ" ปฐพีถาม นทีไม่ได้ตอบก่อนจะพยายามหมุนธาตุรอบตัวแต่เมื่อเริ่มขยับมือรอบเอวน้ำที่ควบคุมอยู่กลับตกลงพื้นจนแตกกระจายเป็นวงกว้าง

"ฉันเป็นผู้สร้างหนะ แต่ว่าฉันแค่อยากเป็นผู้ควบคุม" นทีทำหน้าเศร้า ปฐพีงุนงง

"ทำไมหละ ผู้สร้างก็ดีแล้วหนิ ว่าแต่ทำไมเธอควบคุมน้ำได้หละเนี่ย" นทีเงยหน้าตอบกลับไป

"ฉันหนะไม่เก่งเรื่องสร้างธาตุ เวลาเรียนตามโรงเรียนฉันเลยได้ที่สุดท้ายตลอดเลยไงตอนนี้ฉันก็ต้องไปเรียนการสร้างธาตุใหม่อีกรอบตามโรงเรียน

ฉันเลยเบื่อแต่แล้ววันหนึ่งพ่อก็เอาหนังสือเล่มหนึ่งมาให้เป็นการฝึกทำท่าทางและใช้การควบคุมพลังจากกายภายใน น่าจะเป็นของชนเผ่าดินมั้ง พ่อบอกว่าได้มาจากผู้หญิงคนหนึ่ง" ปฐพีสะดุ้ง ก่อนจะรีบถามนที

"หนังสือลมปราณ"ปฐพีพูดขึ้นเบาๆ

"หนังสืออยู่ไหน นที ฉันขอดูหน่อย" ปฐพีรบเร้าเพราะคิดว่าไม่แน่นี่อาจจะเป็นเบาะแสของแม่ตนก็เป็นได้

นทีลุกขึ้นก่อนจะเดินขึ้นชั้นบนของร้านไปก่อนจะนำหนังสือเล่นสีน้ำตาลลงมาด้วย เป็นหนังสือด้วยกระดาษเยื่อไม้เก่าๆและยื่นให้ปฐพี

เขาเปิดดูแล้วก็พบว่าหน้าปกมันเขียนว่า'คัมภีร์ศิลาอาฆาต' เมื่อเขาเปิดดูก็พบเป็นหมึกสีดำวาดเป็นรูปต่างๆซึ่งจากการสังเกตของปฐพีแล้วส่วนมากเป็นการใช้พลังลมปราณกับดิน

เขาเปิดอ่านอย่างตั้งใจ รูปแรกเริ่มเรียงตั้งแต่การยกธาตุและข้ามไปยังการดูดลมปราณจากผืนดินซึ่งในกรณีของนทีก็คงจะใช้พลังจากแผ่นน้ำแทนก็เป็นได้และก็ข้ามมาในการกดอัดดินให้เป็นก้อนและยิงออกไป

ปฐพีพยักหน้าตามเหมือนเข้าใจ เขาหลับตาสักพักก่อนจะยื่นหนังสือคืนให้นที นี่ก็คงเป็นเหตุผลว่าทำไมนทีถึงสามารถยิงกระสุนน้ำได้แม้ไม่ได้เป็นผู้ควบคุม

"ขอบคุณมาก" ปฐพีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้เจอกับเบาะแสที่เขาต้องการแต่อย่างน้อยเขาก็พอจะรู้วิธีการยิงกระสุนดินแล้วบ้างจากหนังสือเล่มนั้นแต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากอะไร

สักพักห้องก็เริ่มสั่นเล็กน้อยเงาที่อยู่ในห้องเคลื่อนที่มารวมตัวกัน ณ จุดหนึ่งหน้าปฐพีและนทีมันค่อยๆก่อต่อรวมกันเป็นก้อนคล้ายรูปร่างคน เมื่อเงาสลายไปก็พบว่าเป็นเงาของอาสัญนั่นเอง

"สวัสดีครับคุณปฐพีคุณนที ผมรู้แล้วครับว่าเพื่อนคุณอยู่ที่ไหนแต่ก็คงต้องรีบหน่อยนะครับ" อาสัญทำสีหน้าเคร่งเครียด

หน้าลานกว้างของเมืองเผ่าวารี เป็นลานกว้างวงกลมและมีตึกล้อมรอบเป็นวงกลมอีกครั้งหนึ่ง ที่นี่เป็นลานกว้างที่ใหญ่พอสมควรในลานกว้างนั้นมีหัวหน้าทหารที่มีเรื่องบาดหมางกับปฐพี

เมื่อครั้งก่อนยืนอยู่บนแท่นไม้ที่มีหลังคาคลุมซึ่งมีทหารล้อมรอบแท่นไม้นั้นและมีคันโยกและร่องไม้ข้างใต้ซึ่งมีเพลิงพราย วาตะ และหิมาลัยอยู่และนั่นเป็นการประหารชีวิตแบบแขวนคอนั่นเอง

"นายยังไม่ฆ่าทหารอีกหรออาสัญ"ปฐพีถามขณะที่ทั้ง3คนอยู่บนหลังคาตึกแห่งหนึ่งซึ่งระยะประมาณ 10 เมตรจากลานประหารได้

"นทีหนะสิครับห้ามผมไว้"อาสัญตอบนิ่งๆ นทีที่อยู่ข้างหลังก็โขกหัวทั้งสองอย่างแรง

"นายจะฆ่าคนกันเลยรึไง" ปฐพีกุมหัวก่อนจะหันไปตอบหน้าเครียด

"ถ้าเราไม่ฆ่ามันมันก็จะฆ่าเราแบบนี้ไง" ปฐพีชี้ไปที่ลานประหาร นทีได้ฟังก็นั่งลงและนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ปฐพีหันกลับไปมองที่ลานประหารต่อ

"ผมรู้แล้วครับว่าจะเอายังไง"อาสัญเสนอความคิดก่อนจะหันไปพูดกับนที

"ผมว่าเราลงไปแล้วแฝงตัวกับผู้คนดีไหมครับ แล้วพอใกล้จะเริ่มการประหารเราก็ค่อยฝ่าทหารพุ่งขึ้นไปขัดขวางเป็นไงครับความคิดผม"อาสัญรีบพูดอย่างเป็นรูปเป็นร่างนทีพยักหน้าตอบกลับ

"ถ้ามันได้อย่างนั้นก็ดีหนะสิ ว่าไงหละปฐพี" นทีหันไปมองที่ปฐพีก็พบว่าไม่เหลือใครแล้ว อาสัญพยายามมองไปทางลานประหารก็พบว่าปฐพีกำลังไต่สายไฟเล็กๆไปอยู่

"ปฐพีกลับมานี่" ปฐพีที่ได้ยินเสียงแต่ไม่แน่ชัดว่าไดยินว่าอะไรจึงหันตัวกลับไปมอง

"อะไรหรอนที" นทีที่รอฟังก็ไม่ได้ยินเสียงของปฐพีและเธอก็ไม่กล้าตะโกนเช่นกันทำให้ต้องทำสัญลักษณ์มือแทนเธอกวักมือเรียกปฐพี แต่ในสายตาของเขาแล้วกลับคิดว่าให้ดำเนินการแผนของตนต่อ

"ได้เลยนที ขอบคุณมากที่เห็นด้วยกับแผนของฉัน" พูดจบปฐพีก็ไต่เชือกต่อไป ด้านนทีที่ได้แต่หัวเสีย

"ไอ้เจ้าบ้าปฐพีมันทำอะไรของมัน" ก่อนจะปีนขึ้นเหยียบสายไฟ แต่ด้วยน้ำหนักของปฐพีและนทีรวมกันทำให้สายไฟเส้นเล็กๆที่รับน้ำหนักของทั้งคู่ขาดลงฝั่งทางด้านของนที

"ว้าย" นทีตกใจใช้มือคว้าปลายเชือกฝั่งเธอทำให้เธอโหนไปตามแรงเชือกก่อนจะปล่อยมือและลอยตกลงมากระแทกเข้าไปในลานประหาร ปฐพีที่อยู่เกือบกลางสายของเส้นทำให้ตกลงมาข้างหน้าของล้านประหารเท่านั้น

อาสัญได้แต่ทำใจก่อนจะพูดขึ้นเบาๆว่า

"ความมืดส่องนภา" พูดจบร่างเขาก็กลายเป็นเงาหายไปและโผล่ขึ้นมากลางวงข้างๆปฐพีเช่นกัน

ทหารที่ยืนล้อมรอบลานประหารได้แต่ตกใจหัวหน้าทหารสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะตะโกนว่า

"โจมตี" ทหารที่ยืนคุ้มกันลานประหารชักดาบออกมาก่อนจะวิ่งเข้าใส่ปฐพีและอาสัญ ส่วนหัวหน้าทหารก็วิ่งพุ่งเข้าไปใส่นทีอย่างรวดเร็ว นทีเอียงตัวหลบทำให้ดาบที่ฟันเข้ามานั้นกระแทกกับเชือกที่มัดหิมาลัยอยู่จนขาด

หิมาลัยเมื่อมือเป็นอิสระก็เอามือขวาชกเข้าไปที่หน้าของหัวหน้าทหารและใช้มือซ้ายแกะเชือกข้อเท้าของตนก่อนจะดึงเชือกที่รัดปากออกมา

"อู้ อัน อู้ อัน (สู้มันๆ)"วาตะและเพลิงพรายได้แต่ส่งเสียงเชียอย่างดัง ด้านล่างปบพีและอาสัญก็จัดการกับทหารที่กรูเข้ามามากมาย

"เธอหนะสู้กับเจ้านั่นไปก่อนฉันจะช่วยพวกเราก่อน"พูดจบหิมาลัยก็สร้างน้ำแข็งขึ้นในมือก่อนจะค่อยๆแช่แข็งเชือกของวาตะปฐพีเห็นท่าไม่ดีก็เรียกอาสัญ

"อาสัญ นายผู้สร้างหรือผู้ควบคุม" ปฐพีพูดจบก็หลบหมัดของทหารก่อนจะจับข้อมือบิดตัวถีบทำให้กระเด็นไปโดนทหารนายอื่นๆต่อไป
"ผู้สร้างครับผม" อาสัญตอบนิ่งๆก่อนจะต่อยสวนทหารไป
สร้างธาตุเร็ว" พูดจบอาสัญก็รีบสร้างธาตุมืดก่อนจะถอยหลังไปแปะมือกับปฐพีทำให้เกิดการส่งต่อธาตุเมื่อหันกลับไปใบมีดอันแหลมคมก็พุ่งเข้ามารวมทั้งปฐพีด้วย

ปฐพีก้มตัวลงหลบส่วนอาสัญก็กลิ้งตีลังกากลับหลังบนหลังของปฐพีอีกรอบนึงเมื่อลุกขึ้นมาอาสัญก็ศอกเข้ากับทหารด้านข้าง

ส่วนปฐพีก็อัดความมืดเข้าที่มือของตนก่อนจะต่อยเข้ากับทหารทำให้ทหารนั้นกระเด็นออกไปก่อนจะมีหมอกพุ่งดันตัวให้ห่างออกไปอีกเป็นการเสริมแรง

ด้านบนทางนทีก็กำลังสู้กันอย่างดุเดือดนทีล๊อคแขนซ้ายของหัวหน้าทหารก่อนจะชกเข้าที่หน้าซึ่งไม่มีเกราะคุ้มกันทำให้หัวหน้าทหารกระเด็นออกไป

"หนอยแก" หัวหน้าทหารสบถ ด้านปฐพีที่ดูแล้วท่าจะสู้ไม่หมดสักทีจึงคิดจะใช้ท่าสำคัญ

"นที อาสัญ สร้างธาตุเร็ว"

อาสัญรีบสร้างธาตุขึ้นก่อนจะสู้กับทหารต่อไปรวมทั้งปฐพีเช่นกัน ส่วนนทีที่ยืนอยู่ข้างบนก็ชะงักทันที

"นี่ นที ถ้าเธอไม่สามารถสร้างธาตุเป็นรูปร่างได้หละก็นะ เธอจะไม่ผ่านหลักสูตรเรียนนะ"เสียงของคุณครูที่หลอกหลอนนที

"เธอใช่ไหมที่ได้คะแนนน้อยสุดในชั้นหนะ ฉันไม่อยากยุ่งกับเธอเลยพ่อบอกอย่ายุ่งกับคนเรียนไม่เก่ง"เสียงของเพื่อนสมัยอนุบาลก็ยังคงย้ำเตือนแต่ภาพ ภาพหนึ่งก็ผุดมาในหัวของนที

"นี่ลูกหนะ มีดีที่ตัวลูก ลูกไม่ต้องบินสูงให้เหมือนคนอื่นหรอก บินแค่เท่าที่เราบินได้ก็พอ" คือรอยยิ้มตอบกลับของพ่อเธอ

"นที ระวัง !!" ปฐพีตะโกนขณะที่อาสัญนั้นพยายามสู้อย่างสุดแรง

นทีที่พึ่งได้สติก็กำลังจะสร้างธาตุก็เห็นหัวหน้าทหารกำลังวิ่งเข้ามาเธอพร้อมดาบที่กำลังจะพุ่งเข้ามา แต่ไม่ทันถึงตัวก็โดนหมัดของใครบางคนเข้าไปที่หน้าอย่างจัง

ทำให้เขากระเด็นตกไปในลานกว้างเช่นกัน นทีหันไปมองก็พบวาตะที่เชือกของแขนขว้างขวานั้นหลุดออกมาแล้ว

"อร้าง อาด เอ็ว อิ (สร้างธาตุเร็วสิ)"วาตะพูดเป็นกำลังใจให้ นทีถอยเท้าขวาลงและใช้มือขวายื่นออกไปส่วนมืดซ้ายชิดแนบลำตัวคล้ายๆกับท่าการยิงกระสุนน้ำก่อนจะตั้งสมาธิ อาสัญที่ต่อยส่วนกับทหารก็พลาดโดนล๊อคแขนเอาไว้

"นที" ปฐพีพูดเตือนครั้งสุดท้าย นทีลืมตาขึ้นก่อนจะมีน้ำไหลออกมาจากฝ่ามือของเธอเป็นก่อนเล็กๆ ปฐพีดึงธาตุน้ำมาก่อนจะกระโดดเตะทหารที่ล๊อคตัวอาสัญอยู่

"นายหนะเข้าไปอยู่ในร่มสะ" พูดจบอาสัญก็รีบกระโดดขึ้นไปบนลานประหารที่มีหลังคา ปฐพีรวมธาตุทั้งสองเข้าด้วยกันและตะโกนออกมาว่า

"พิรุณอาสัญ"

GIGABom
29th March 2012, 10:16
เย่ เย่ ปูเสื่อ ~

ขอเชิญคุณ GIGABom นั่งด่วน ซื้อโค๊กมาด้วย ผมหิว

ฮ่าๆๆ ขอนั่งด้วยคนแล้วกัน

taone1414
2nd April 2012, 15:42
บทที่ 15 : หนึ่งในเจ้าอัศวินปรากฏตัว

สิ้นเสียงขาด ปฐพีทุบลูกบอลสีน้ำเงินและดำที่ส่องแสงไปมากระแทกเข้าที่พื้นอย่างแรง

ทหารที่ยืนอยู่ข้างกายปฐพีรีบถอยกรูออกอยู่ห่างอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชักดาบพร้อมตั้งรับ

ลูกบอลแตกกลายเป็นน้ำสีดำอยู่ที่พื้นก่อนจะพึ่งกลายเป็นเส้นตรงลอยขึ้นฟ้าไปเฉียดใบหน้าของปฐพีเพียงไม่กี่เซนติเมตร

ปฐพีเห็นก็กระโดดถอยหลังเข้าไปในลานประหารที่มีหลังคา น้ำสีดำที่ลอยพึ่งมาบนท้องฟ้าก่อนก็ตกลงมาตามลำดับ

ทหารหลายนายยืนมองน้ำนั่นก่อนจะพยายามหลบแต่ก็หลบไม่ได้เพราะกลายเป็นฝนเลยก็ว่าได้โดยดีจุดกำเนิดน้ำสีดำนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเช่นกัน

ทหารที่ไม่สามารถหลบน้ำสีดำได้ก็จะโดนน้ำนั้นซึมผ่านโดยกัดเกราะเสื้อผ้าและชุดเกราะรวมทั้งอาวุธและกล้ามเนื้อของพวกเขาด้วย

"นี่มันฝนอะไรกันเนี่ย" นทีพูดขึ้นเบาๆ

"พลังของเธอกับอาสัญไง" ปฐพีพูดขึ้นก่อนจะมองถึงผลที่เกิดขึ้นกับทหารทั้งหมด

ทหารบางคนพยายามดื้นให้หลุดรอดจากรัศมีของกรด ทหารบางคนที่อยู่ใกล้กับจุดกำเนิดมากๆก็

ถึงกับโดนกัดผิวกำพร้าหลุดเลยทีเดียวทำให้ทหารหมดสภาพเกือบทั้งหมด

เหลือเพียงแค่ 7 คนเท่านั้นที่หลุดรัศมาได้ หนึ่งในนั้นก็มีหัวหน้าทหารเช่นกัน ปฐพีชี้ไปทางทหาร

"ใครอยากจะจัดการบ้างหรือเราจะหนีตอนนี้เลยดี" เพลิงพรายกำหมัดแน่นในมือของเธอลุกโชนไปด้วยไฟ

"ฉันว่าเราหนีเลยดีกว่านะ"วาตะเสนอความคิด

"รีบหนีเถอะค่ะเดี๋ยวทหารจะมาเพิ่มอีก"หิมาลัยเสริมความคิดของวาตะเข้าไปอีก ขณะที่ทั้งหมดกำลังจะวิ่งลงจากลานประหารวาตะก็พูดขึ้น

"เอ้อ ปฐพีว่าแต่หมอนี่ใครเนี่ย อย่างเธอคนนี้ฉันก็พอจะรู้จักอยู่หรอกนะว่าแต่นายไปชวนเธอมาเป็นพวกได้ยังไงเนี่ย" ปฐพีส่ายหัวเหมือนไม่อยากตอบเท่าไร อาสัญจึงตอบแทน

"ผมชื่ออาสัญครับเป็นชนเผ่ามืดที่พวกคุณเคยช่วยไว้ตอนที่โดนบุกผมได้ข้อมูลมาจากพระราชาเมืองหิมาวดีเลยรีบตามพวกคุณมา

เพราะผมก็ผู้สร้างธาตุความมืดอยู่แล้วก็คงพอจะช่วยอะไรได้บ้างไม่มากก็น้อย" อาสัญแนะนำตัวด้วยความสุภาพแบบสุดๆ

"ฉันนทีเป็นผู้สร้างคงรู้จักแล้วยังไงก็ต้องขอโทษด้วยที่ร้ายพวกนายเพราะเข้าใจผิด" เพลิงพรายได้ฟังก็แสดงความดีใจออกมา

"โห มากันเยอะเลยนะเนี่ยผู้สร้าง"

"ย๊าก" เสียงๆหนึ่งดังขึ้นมากและกำลังพุ่งตรงมาทางกลุ่มของปฐพี เขาหันไปมองก็พบหัวหน้าทหารกำลังวิ่งเข้ามาพร้อมลูกน้องอีก 6 คน

"วาตะ เพลิงพราย" ปฐพีพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปหาทหารที่กำลังวิ่งมาอย่างไม่กลัวเกรง

เพลิงพรายและวาตะสร้างธาตุตามที่บอกอย่างรวดเร็วก่อนที่ธาตุนั้นจะลอยมาอยู่ในมือของปฐพีที่แนบข้างลำตัวอยู่

หัวหน้าทหารกระโดดก่อนจะพุ่งปลายแหลมคมและลูกน้องที่วิ่งตามมาติดๆมาทางปฐพีเขาก้าวขาซ้ายไกลกว่าระยะการก้าว

ก่อนจะรวมธาตุเข้าด้วยกันเป็นแสงสีแดงสลับเขียวและแบมือปล่อยเข้าที่หัวหน้าทหาร

เกิดพายุเพลิงพุ่งออกไปพัดทหารทั้งหมดลอยออกไปกระแทกกับอาคารที่อยู่รอบลานประหารก่อนจะตกลงสู่พื้น

ปฐพีเมื่อปล่อยวายุเพลิงพระกาฬเสร็จก็สลบไปอีกตามเคย เพลิงพรายและอาสัญรีบเข้าไปช่วยเหลือ

"คือฉันอยากรู้ที่พวกเธอรวมตัวผู้สร้างกันเนี่ยจะไปไหนกันหรอ" นทีถามขึ้น วาตะทำหน้า งง เพราะเขาคิดว่าปฐพีไม่ก็อาสัญคงจะบอกแล้วก่อนจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง

ตอนบ่ายของเมืองวารีก็ยังมีแค่แสงบางส่วนเล็ดลอดออกมาเท่านั้น

"เธอตัดสินใจรึยัง" วาตะที่นั่งอยู่บนหลังคากับพวกของเขากถามนทีขึ้น

"ฉันอยากไปลาพ่อก่อนหนะ" นทีพูดขึ้นด้วยหน้าเศร้า วาตะทำท่าคิดสักพักก่อนจะตอบว่า

"ก็ไปสิ"

ณ ศูนย์ปฐมพยาบาล

"ปล่อยฉันไป ฉันหายแล้ว" พ่อของนทีโวยวายขณะอยู่ในห้องผู้ป่วยแยก

ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะกระจกก็ดังขึ้นของหันไปมองก็พบนทีที่กำลังเกาะขี่่หลังวาตะอยู่ วาตะเปิดหน้าต่างออกก่อนจะปีนเข้ามา

"เห้ยๆ แกนี่หว่า" พ่อของวาตะตั้งท่า

"ใจเย็นๆก่อนพ่อ" นทีเห็นสภาพพ่อของตนที่ผมสีดำและแต่งตัวในชุดผู้ป่วย ก่อนจะเล่าความจริงให้ฟัง พ่อของนทีคิดสักพักก่อนจะตอบว่า

"ไปสิลูก แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่งสัญญากับพ่อก่อนว่าต้องกลับมาให้ได้" พ่อของนทีทำหน้าเคร่งเครียด

"หนูสัญญาค่ะ"นทีตอบพ่อของเธอ

"ดีงั้นก็ไปเก็บของได้แล้ว เออใช่ เอาคัมภีร์ไปด้วยหละพ่อว่ามันต้องจำเป็นแน่ในอนาคต" นทีพยักหน้าตามพ่อสั่งก่อนจะขี่หลังวาตะอีกครั้ง

"เออๆ เดี๋ยวๆ ก่อนจะไปอย่าลืมหยิบเอาหลอดไฟพกพาใต้กระเป๋าไปด้วยหละ"

นทีพยักหน้ากลับครั้งสุดท้ายก่อนที่วาตะจะกระโดดออกหน้าต่างไปด้วยธาตุลมของเขา ทิ้งไว้เพียงพ่อของเธอเท่านั้น ชายแก่ผมดำที่มีผมหงอกสีขาวขึ้นหน่อยๆพูดกับตัวเองเบาๆ

"ถ้านทีกลับมาได้หละก็คงต้องบอกความจริงแล้วสินะ"

เพียง 15 นาทีนทีกับวาตะก็เก็ฐของและเดินทางมาถึงหน้าประตูเมืองเพื่อพบเจอกับพวกของปฐพีตามที่นัดหมายกันไว้ซึ่งเมื่อมาถึงทุกคนพร้อมหน้ากันหมด มีเพียงอาสัญที่กำลังแบกปฐพีอยู่ก็บ่นเล็กน้อย

"คุณปฐพีหนักแปลกๆนะครับเนี่ย" เพลิงพรายหัวเราะเบาๆเพราะเขาบ่นเหมือนวาตะไม่มีผิด ทุกคนต่างสนุกสนานก่อนจะเดินตามนทีไป

เพราะเธอรู้ทางออกอีกทางที่ไม่ต้องผ่านประตูเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงการเจอกับทหารยกเว้นเพียงหิมาลัยที่กำลังหยุดมองป้ายประกาศที่ติดอยู่บนกำแพงป้ายนั้นเขียนว่า

'ประกาศจับชนเผ่าสีดำโดยพระราชาเมืองวารี ผู้ได้จับได้เป็นๆจะได้รางวัลตอบแทนอย่างงาม' หิมาลัยยกมือขึ้นก่อนจะปล่อยไอน้ำแข็งออกมาแช่เแข็งใบประกาศจับ

"ดูเหมือนการเดินทงครั้งนี้จะยากขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ"

"โอยๆ" ปฐพีลืมตาขึ้นมาก่อนจะพบว่าตัวเองอยู่ในป่าอีกครั้ง เวลาตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 6 โมงเช้าเพราะพระอาทิตย์ยังไม่ค่อยขึ้น

ก่อนจะดันตัวลุกนั่งก็พบ นทีและหิมาลัยกำลังนั่งคุยกันเล็กน้อยก่อนจะพบว่าเพลิงพรายนั่งอยู่ใกล้ๆเขา

"วาตะกับอาสัญหละหละ" ปฐพีลุกขึ้นด้วยอาการมึนงง

"นทีๆ" นทีสร้างน้ำให้ปฐพีก่อนที่เขาจะดึงมันมาล้างหน้าของตน

"วาตะกับอาสัญไปหากิ่งไม้มาก่อกองไฟเพิ่มหนะ" เพลิงพรายตอบก่อนจะนั่งพิงก้อนหินข้างๆ

ปฐพีมองรอบตัวพบว่าที่ๆตัวเองอยู่นั้นมีแต่กองหิน

"แหม บังเอิญจังเลยนะ" เสียงหญิงสาวดังขึ้น สายตาของปฐพีและเพลิงพรายจ้องไปที่เดียวกันคือที่ที่อยู่ห่างออกไปจากพวกเขา 15 เมตรได้

เขาพบหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่พร้อมกับแต่งชุดกางเกงขายาวรัดขาและเสื้อแขนสั้นและมีเชือกรัดมัดตรงหน้าอกของเธอและมีบางอย่างติดอยู่กับเชือกรัดนั่น

"เธอเป็นใคร"เพลิงพรายถามขึ้น นทีที่อยู่ห่างก็รีบเดินมาใกล้ปฐพีมากขึ้นเรื่อยๆ

หญิงสาวไม่ตอบเพียงแต่ยิ้มกลับอย่างเยาะเย้ย ก่อนจะชักอาวุธบางอย่างออกมาจากเชือกรัดและชี้มาทางพวกปฐพี ปฐพีรีบลุกขึ้นยืนและตั้งเท้าและพร้อมควบคุมธาตุอย่างรวดเร็ว

"แหม พ่อหนุ่มคิดจะสู้ฉันได้หรอ ชนเผ่าสีดำ" ปฐพีตอบกลับสบายๆว่า

"สู้ไม่ได้แล้วจะสู้หรอ ถามแปลกๆ" หญิงสาวหัวเราะกลับเบาๆ

"ก็ดูเพื่อนนายสิ ธาตุไฟกับน้ำ นายแพ้ขาดแล้วหละ" ปฐพียิ้มกลับเช่นกัน

"ใครจะไปรู้" หญิงสาวเก็บอาวุธลงข้างกายก่อนจะก้มหัวลงเคารพ ปฐพีเห็นก็ทำตามก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา

"ฉันปฐพี ชนเผ่าสีดำ" ก่อนจะตั้งท่าอีกครั้งหนึ่ง หญิงสาวยกอาวุธขึ้นมาเล็งปฐพีเช่นเดิมก่อนจะแนะนำตัวว่า

"ฉันเรด หนึ่งใน 3 เจ้าอัศวินของเผ่าแสง"

*คำภีร์นั่นก็คล้ายๆกับคาถาในการร่ายซึ่งจะแบ่งแยกเฉพราะธาตุของแต่ละธาตุแต่ชนเผ่าของธาตุอื่น

ก็สามารถทำตามได้เช่นกันเฉพราะคัมภีร์ท่าที่อย่างง่ายเช่นนทีที่สามารถใช้คัมภีร์ศิลาอาฆาตได้ทั้งๆที่ตนเป็นชนเผ่าน้ำ

บทที่ 17 : เมืองที่ไร้ซึ่งราชา

พื้นดินเบื้องหน้าของปฐพีแตกกระจายก่อนจะมีคลื่นน้ำพุ่งออกมาจากรอยแตกกลายเป็นพายุที่มีจุดกำเนิดน้ำภายในเรดที่ลอยตัวอยู่ก็ตกลงมา

"มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกไอ้หนู" เรดหมุนตัวก่อนจะคว้าหยิบปืนกระบอกสีฟ้าขึ้นมา ก่อนจะเล็งไปที่ใจกลางพายุจากด้านบน

"ฉันแค่ยิงไปนัดเดียวท่าประสานของพวกแกก็เน่าแล้ว" ฟุบ อยู่ๆก็มีเงาดำลอยอยู่บนหัวของเรด

ปีกแห่งความมืดปกคลุมทุกอย่างแม้กระทั่งแสงจากพระอาทติย์ เกิดเป็นท้องฟ้าสีมืดดำ เรดหันกลับไปมองอย่างช้าๆ

"มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะครับ" เป็นอาสัญที่ใช้พลังของเขาหายตัวขึ้นมาบนท้องฟ้า ก่อนจะหมุนตัวและใช้หลังเท้าขวาฟาดลงบนหัวเรด

เธอยกมือขึ้นมากันก่อนจะโดนแรงของอาสัญ ดีดตัวเธอกระเด็นลงไปใจกลางพายุ

จากนั้นอาสัญก็หายตัวกลับมาที่พื้นอีกรอบ

"เฮือก" ปฐพีสะดุ้งร้องก่อนจะสลบลงไปอีกครั้ง

"ปฐพี" เพลิงพรายพูดก่อนจะวิ่งมาดูอาการของเขาเมื่อนั้นพายุก็สงบลง เกิดเป็นไอน้ำขึ้นมาบดบัง ก่อนจะเป็นเงาของใครบางคนยืนอยู่

"เกือบแล้วไง" เบื้องหลังไอน้ำนั้นคือเรดนั่นเอง ซึ่งเธอแทบจะไม่ได้บาดเจ็บมากขึ้นเท่าไรนัก รอบๆตัวเธอมีแสงสีฟ้าๆล้อมเธอไว้เสมือนกับเกราะ

"บ้าน่า" นทีพูดขึ้น อาสัญกับวาตะตั้งท่าต่อสู้อย่างรวดเร็ว

"ใจเย็นๆ คราวนี้ฉันจะปล่อยพวกมือสมัครเล่นอย่างพวกนายไปก่อนละกัน แต่ีถ้าเจอกันอีกครั้งฉันเอาจริงแน่" เรดพูดจบก็หยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เป็นแท่งเหล็ก เพลิงพรายกัดฟันแน่น

"นี่เธอทำกับพวกเราแบบนี้แล้วจะหนีไปหรอ กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ" เรดไม่ตอบแต่กดปุ่มบนแท่งที่อยู่ในมือ แท่งเหล็กนั้นค่อยๆขยายสูงขึ้นก่อนจะมีไม้แตกออกจากทุกด้านและหมุนด้วยความเร็วที่สูงมาก จนเกิดเป็นวงลมรอบๆตัวของเรด

"แล้วเจอกัน" เรดพูดก่อนจะลอยตัวขึ้นเพราะแรงหมุนของใบพัดและค่อยๆบินสูงจนหายลิบไป


"อาการเขาเป็นไงบ้างหิมาลัย" นทีเดินมาถามหิมาลัยที่นั่งดูอาการปฐพีอยู่

"คงไม่เป็นอะไรมากค่ะ แต่ควรจะพาเขาไปพบหมอโดยด่วนเพราะตอนนี้แผลที่เขาโดนยิงนั้นลึกพอสมควร ฉันทำได้แค่แช่แข็งแผลเล็กๆน้อยๆเท่านั้นหละค่ะ" หิมาลัยชี้ให้ดูจุดตามตัวปฐพีที่มีน้ำแข็งเกาะตามผิวหนังของเขา

"จริงสิ เมืองอสุนีบาตอยู่ใกล้ๆแล้วแค่ข้ามเขาไปอีกลูกก็น่าจะถึงแล้ว" เพลิงพรายชี้ไปทางเขาเบื้องหน้า วาตะพยักหน้ากลับ


ทางกลุ่มปฐพีใช้เวลาในการเดินทาง 2 วันจนถึงเมืองอสุนีบาต

"ถึงสักที" เพลิงพรายกับคนอื่นๆก็เดินมาถึงกับประตูทางเข้าที่เปิดอ้าอยู่

"แปลกนะ ทำไมเผ่าสายฟ้าถึงเปิดประตูทิ้งไว้อย่างนี้หละ" นทีถามขึ้น

"เฮ! เฮ!" ก่อนจะมีเสียงโวยวายตามหลังดังขึ้น

"ฉันว่าคงต้องเข้าไปดูเองแล้วหละ"เพลิงพรายพูดจบก็เดินนำเข้าไปผ่านประตูก็พบเป็นว่าบ้านเมืองในเมืองนี้ประกอบด้วยไม้เกือบทั้งหมดโดยใช้ฟางเป็นส่วนประกอบและตั้งถื่นฐานอยู่บนพื้นดิน

"บ้าน่า ทำไมเมืองถึงดูโทรมขนาดนี้เนี่ย"วาตะที่แบกปฐพีอยู่ก็เดินตามเพลิงพรายไปจนถึงทาง 4 แยกทางหนึ่ง

"นั่นไง สัญญาณของสวรรค์มาแล้ว มันถึงเวลาแล้ว" เสียงหนึ่งดังขึ้นทางด้านขวาของพวกเขา เมื่อวาตะหันไปดูก็พบกองกำลังคนมากมายแต่แต่งตัวมอมแมม ราวกับเป็นโจร

"เจ้าพวกกบฐถ้าต้องการเช่นนั้นก็เข้ามา" ด้านซ้ายก็มีเสียงสะท้อนกลับเหมือนกัน ซึ่งทางด้านซ้ายก็เป็นทหารแต่ไม่ใส่เกราะใส่เพียงผ้าบางๆที่พอจะเสริมชุดได้มากขึ้นนิดเดียวเท่านั้น

เมื่อทหารพูดจบก็เหมือนกับการประกาศสงครามกลุ่มทั้งสองกลุ่มวิ่งเข้ามาในคราเดียวกันพุ่งเข้าใส่ใจกลาง 4 แยก ซึ่งมีพวกปฐพีอยู่

"ซวยๆ ซวยแล้วไง" วาตะบ่นขึ้น

"วาตะ คุณใช้ลมดันพวกเราเด้งขึ้นก่อนส่วนอาสัญคงจะหายตัวได้ก็พึ่งตัวเองนะค่ะ" หิมาลัยหันไปพูด

"ครับ" พูดจบอาสัญก็หายตัวไป พร้อมกับวาตะที่กำมือขวาที่ส่องแสงสีเขียวเล็กๆก่อนจะทุบลงที่พื้น ทำให้พวกปฐพีทุกคนลอยขึ้นไปบนฟ้า

โดยตอนนี้มีมือซ้ายมือเดียวเท่านั้นที่แบกปฐพีอยู่ จากการลอยขึ้นทำให้ปฐพีหงายหลังตกลงไปใจกลางการจลาจล

"เห้ย ปฐพี" วาตะที่เห็นท่าไม่ดีจึงปล่อยปฐพีตกลงไปก่อนจะสูดลมเข้าไปในปากจนแก้มป่องและเป่าออกมาใส่ เพลิงพราย หิมาลัยและนที ทำให้เกิดแรงดัน วาตะกระเด็นตกไปอีกด้านหนึ่งของ 4 แยก รวมทั้งคนที่เหลือด้วย

เมื่อวาตะกระเด็นไปเขาก็เอามือเกาะกับขอบหน้าต่างก่อนจะเริ่มมองหาปฐพี เขาก็เห็นปฐพีโดนยกลอยขึ้นไปเป็นเหมือนคลื่นโดยพวกที่ทหารแรกว่ากบฐ

ตึก ตึก หอกพุ่งปักเฉียดหน้าวาตะกระเด็นปักเข้ากับกำแพงอย่างวุดหวิด

"นั่นก็ถือว่าเป็นพวกกบฐโจมตีมัน" ฝ่ายทหารตะโกนขึ้น

"โถ่ เอ้ย" วาตะสบถก่อนจะพยายามดีดตัวพุ่งตามปฐพีไปแต่ก็โดนใครบางคนลากตกลงมาจากหน้าต่าง

"จับมันได้แล้ว" ทหารคนหนึ่งที่ปีนมาข้างหลังวาตะโดยที่เขาไม่รู้ตัวได้ลากเข้าตกลงมาที่พื้นก่อนจะหยิบดาบออกมาแทงใส่เขา

ตู้ม ควันสีดำแตกกระจายออกรอบๆตัววาตะทำให้พวกทหารกระเด็นออกไป ก่อนจะรวมตัวเกิดเป็นอาสัญ

"ขอบใจอาสัญ"

"ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่ตอนนี้มาช่วยกันแก้ปัญหาด้านหน้าก่อนดีกว่านะครับ"


ส่วนทางด้านสาวๆ ที่กระเด็นตกมาอีกทางก็ดันไปตกในกลุ่มของกบฐ

"เห้ย นั่นชุดแบบนั้น ต้องเป็นบุตรตรีของเจ้าเมืองแน่ๆ จับพวกมัน" ชายคนหนึ่งในกลุ่มกบฐพูดขึ้น ก่อนจะมีคนวิ่งกรูเข้ามาทางหิมาลัย

ตู้ม เปลวไฟสีแดงแผ่กระจายออกจากหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนบังหน้าหญิงสาวอีกสองคนเอาไว้

"ไอ้หน้าไหนมันกล้าเข้ามา ฉันจะอัดให้เละเลย" เพลิงพรายสะบัดมือเบาๆ แต่เหล่ากบฐหากลัวไม่

"โจมตี"


"ฮ๊าวว" ปฐพีหาวออกมาก่อนจะเอนตัวขึ้นและแคะขี้ตาเพื่อพยายามปลุกตัวเองจากภวังค์ ก่อนจะมองรอบๆตัวก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องห้องหนึ่งที่เป็นห้องที่เรียบง่ายพื้นทำจากไม้ไผ่และมีผ้าปูบนที่นอนของเขาอยู่

"ที่นี่มันที่ไหนกันหละเนี่ย"ด้านซ้ายเขาเห็นประตู จึงลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดมันช้าๆ แสงสว่างยามเช้าส่องผ่านช่องแคบทางประตูทำให้ปฐพีต้องหรี่ตาลงเพื่อจ้องมองสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า

"ตื่นแล้วหรอ ไอ้หนู"ปฐพีทำหน้า งง ก่อนจะถามว่า

"ตากับยายเป็นใครเนี่ย"


ที่เมืองเผ่าแสง

ตึก ตึก เสียงมีดอันเล็กปักเข้ากับหุ่นฟาง

"ทำไมไม่ฆ่าพวกมันสะเลยหละ" เรย์ที่พึ่งข้างมีดเสร็จหันกลับมาถามเรด เธอหันหลังก่อนจะพูดว่า

"เดี๋ยวไอ้หมอนั่นมันไม่มีของเล่นหนะ"


*เผ่าสายฟ้านั้นเป็นเผ่าที่ใจร้อนและรีบร้อนมากถึงมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาซึ่งส่วนมากนั่นส่งผลให้การทำงานในเมืองสายฟ้านั้นไม่ค่อยมีผลดีมากเท่าไร

ซึ่งประโยชน์ในการต่อคือการวิเคราะห์และโจมตีอย่างต่อเนื่องด้วยกระบวนท่าและธาตุไม่มีหยุดโดยคือกลยุทธ์นั่นเอง

บทที่ 19 : ความบังเอิญ

เบื้องหน้าปฐพีเป็นตาแก่คนหนึ่งยืนตำข้าว ด้านหน้ามีนาที่มีข้าวปลูกอยู่เพียงเล็กน้อย ถัดไปก็มีหญิงแก่คนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ข้างๆ ส่วนบ้านที่เขาเดินออกมานั้นก็เป็นกระท่อมที่หลังคาทำจากใบฟาง

"ผมอยู่ที่ไหนเนี่ย" ยายแก่ลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ปฐพีและหยิบถ้วยน้ำที่วางอยู่ยื่นให้

"เอ้า ดื่มนี่ก่อนไอ้หนู" ปฐพีรับก่อนจะจิบเพียงเล็กน้อย

"นี่เจ้าหนู เอ็งไปทำอะไรมาถึงได้โทรมขนาดนี้" ยายแก่ถามขึ้นเพราะจากสภาพของปฐพีที่ดูไม่ได้สักเท่าไร เขาสำรวจรอบๆตัวก็พบว่าเสื้อมีรอยกระสุนอยู่เต็มทั้งตัวแต่ตามร่างกายของเขานั้่นกลับไม่มีแผลเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย

"แล้วผมมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย" ตาแก่หยุดตำข้าวก่อนจะเดินมานั่งด้วย

"เจ้าอัสนีมันพามาหนะ" ตาแก่ตอบ

"ใคร อัสนี" ปฐพีถามด้วยความสงสัย

"หลานของพวกเรานี่หละ มันเล่าให้ฟังว่าเห็นเอ็งโดนแบกมาด้วย พอดีอาการก็เห็นว่าบาดเจ็บหนัก เลยพาไปรักษาก่อนจะเอามาทิ้งไว้ที่นี่หละ" ตาแก่พูดจบก็รับถ้วยน้ำจากยายที่ยื่นมาให้

"แล้วหลานตากับยายไปไหน ไม่เห็นมันดูแลเลย" ปฐพีถามขึ้น

"มันเปลี่ยนตัวเองไปเข้ากับกลุ่มปฏิวัติแล้ว" ยายแก่ตอบ

"ปฏิวัติอะไร ยาย"

"นี่เอ็งไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเมืองอสุนีบาตเลยรึไง" ปฐพีได้ยินก็ตกใจ

"นี่ผมอยู่ในเมืองอสุนีบาตแล้วหรอเนี่ย" ปฐพีพยายามเรียงลำดับเรื่องราวในหัวของตน

"ข้าจะเล่าให้ฟังเองละกัน อย่างเจ้าคงไม่เคยได้ยินเรื่องฉาวโฉดเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับหัวหน้าเผ่าเมืองนี้หรอก" ปฐพีหันไปมองยายอย่างตั้งใจ

"เล่าให้ไอ้หนูนี่ฟังจะดีหรอ" ตาถามขึ้น

"ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่" ตาได้ยินก็มองดูปฐพีก่อนจะเดินเข้าบ้านไป

"เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เมื่อหัวหน้าเผ่าสายฟ้าได้ไปพบรักกับหัวหน้าเมืองเผ่าดิน ซึ่งได้ให้บังเกิดบุตรสายเลือดสีดำขึ้นมา" ปฐพีรู้สึดคุ้นๆกับเนื้อเรื่องที่ได้ฟัง

"จากนั้นก็มีข่าวคราวมาว่าหัวหน้าเผ่าสายฟ้าได้ถูกประหารชีวิตโดยหัวหน้าเผ่าดิน

จากการที่สายฟ้ากับดินเคยเป็นพันธมิตรกันก็ ถูกทำลายลงด้วยสงครามเกิดสงครามกันระหว่างสองชนเผ่านี้มาได้สักพักก่อนจะตัดสินใจแยกกันอยู่ แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่สงครามกลับอยู่ที่ผู้ปกครองเมือง" ปฐพีพยักหน้าตามแสดงความเข้าใจ

"ประชาชนเกิดเข้าใจว่าหัวหน้าเผ่าไม่มีความสามารถพอที่จะดูแลเมือง ไม่มีความคิด ไม่คิดถึงประชาชนต่างๆนาๆเหตุผลที่สามารถกล่าวว่าร้ายได้" ยายแก่หยุดกินน้ำก่อนจะพูดต่อ

"หลังจากการตายของหัวหน้าเผ่าได้ไม่กี่เดือน ทางรองหัวหน้าเมืองก็ได้ประกาศจะขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าแทนตามคำที่หัวหน้าเผ่าสั่งไว้ แต่ประชาชนกลับไม่ยอมและต้องการปกครองกันเองด้วยพวกเดียวกันเองจึงทำให้เกิดการปฏิวัติขึ้น

วันต่อมาของการเริ่มต้นปฏิวัติ ค่ายทหารของเมืองถูกเผาราบเป็นหน้ากอง เสบียงต่างๆถูกขโมยไปทำให้เมืองเกิดความวุ่นวาย รองหัวหน้าเผ่าที่ตอนนี้ได้ครอบครองอำนาจก็พยายามถึงที่สุดในการที่จะไม่ใช่ความรุนแรงที่พยายามหาวิธีป้องกัน

แต่พวกประชาชนกลับหัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มโจมตีทหารบ้าง ลอบทำร้ายบ้าง จนนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบในที่สุด" ยายแก่สูดหายใจเข้า

"เป็นไงไอ้หนูเนื้อเรื่องสนุกดีไหมหละ เสียดายนะที่มันดันเป็นเรื่องจริง" ปฐพีพยักหน้าเบาๆ

"สำหรับพวกข้าแล้ว จริงๆข้าก็ไม่ได้คิดจะร่วมกับพวกปฏิวัติด้วยหรอก โดยส่วนตัวข้าว่าหัวหน้าเผ่าหนะท่านทำถูกต้องแล้ว เรื่องความรักไม่ใช่เรื่องที่ห้ามกันได้ อีกอย่างแต่ก่อนท่านผู้นั้นก็ทำประโยชน์ตั้งมากมายให้แก่ประชาชน ข้าเพียงหวังได้

แค่ว่าสักวันหนึ่งสายเลือดที่แท้จริงจะกลับมาปกตรองเมืองดังเดิม"ชายคนหนึ่งเดินมาข้างหลังปฐพีก่อนจะพูดขึ้น

"โถ่ ก็แค่หัวหน้าเผ่าเฮงซวยที่ไม่ยอมคิดถึงประชาชน จะพาให้เมืองนี้พังลงเปล่าๆ" ปฐพีหันหลังกลับไปมองชายคนนั้น


"อัสนีกลับมาแล้วหรอ" อัสนีจ้องมองปฐพีก่อนจะหันหลังกลับก่อนจะเดินจากไป

"ก็แค่แวะมาดูไอ้หมอนี่เฉยๆ หายแล้วก็ไปจากเมืองนี้สะ อยู่ที่นี่มีแต่จะตายสะเปล่าๆ" ปฐพีดันตัวลุกขึ้นยืน

"นี่คุณยาย ทางเข้าเมืองไปทางไหน" ยายแก่ชี้ไปทางด้านซ้ายของนา ปรากฏเป็นเมืองๆเล็กๆที่มีตึกเต็มไปหมด

"ผมไปแล้วนะ ยาย" ปฐพีเดินไปตามทางลาดเพื่อเข้าเมือง

"นี่ไอ้หนูจะไปไหนหนะ" ตาที่ได้ยินเสียงจึงเดินออกมาดู ปฐพีหันกลับมายิ้มให้

"ผมจะไปกอบกู้เมืองหนะตา" ยายแก่หันไปมองตาก่อนจะถามขึ้นว่า

"จะใช่เขาไหมนะ" ตาพยักหน้าก่อนจะตอบว่า

"ใช่แน่นอน"


ตู้มมม ! สายลมพุ่งไปกระแทกกับทหารจนกระเด็นชิดติดกำแพง

"ย๊ากกก" ทหารอีก 10 กว่านายพุ่งมาหา วาตะและอาสัญอย่างไม่หยุดหย่อน

อาสัญหายตัวไปโผล่ข้างหลังทหารก่อนจะต่อยเข้าที่หลังและกระชากตัวออกมาจากวาตะ วาตะอัดลมเข้าที่เท้าก่อนจะตวัดตัวเตะเหล่าทหาร

"บ้าเอ้ย มาเรื่อยๆแบบนี้ไม่ไหวแน่เลย" วาตะพูดขึ้น

"ช่วยพวกเขาเร็ว"เสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้น เหล่าคนที่ถูกเรียกว่ากบฏวิ่งกรูเข้ามาสู้กับทหารที่อยู่เบื้องหน้าของวาตะและอาสัญ

วาตะและอาสัญเห็นว่าเป็นมิตรจึงช่วยกันต่อสู้พร้อมกับพวกปฏิวัติ


ด้านทางคนอื่นๆ เพลิงพรายและนทีก็กำลังเจอปัญหาแบบเดียวกันอยู่ เนื่องจากพวกคณะปฏิวัติกรูกันมาเรื่อยๆ

"ย๊าา" เพลิงพรายอัดไฟใส่มือก่อนจะกระโดดต่อยหน้าพวกกบฏกระเด็นออกไปรวมถึงนทีที่สร้างน้ำขึ้นมาจากกำแพงพุ่งดันพวกกบฏออกไปเช่นกัน

"พวกเราช่วยบุตรตรีของเมืองหิมาลัยเอาไว้" ทหารคนใดคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะมีทหารหลายนายวิ่งเข้ามาช่วยพวกเพลิงพรายต่อสู้


การต่อสู้ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆจนสงครามจบลงเกิดการสูญเสียมากมาย ทางวาตะและอาสัญก็ไปพักที่ตั้งของกลุ่มกบฏรวมทั้งทางเพลิงพราย นที และหิมาลัยก็ได้ไปเข้าไปในวังเพื่อพบกับหัวหน้าเผ่า

"เราเริ่มต้นวันนี้เพื่อวันที่ดีกว่า ชนแก้วสำหรับพี่น้องคนใหม่ของพวกเรา" เหล่ากลุ่มกบฏชนแก้วเสียงดังกันอย่างอลม่านเพื่อฉลองให้แก่ วาตะและอาสัญ

"ขอบคุณนะค่ะที่เชิญพวกเรามารับประทานอาหารค่ำ"หิมาลัยพูดกับหัวหน้าเผ่า ที่สภาพดูโทรมแทบดูไม่ได้

"ขอโทษทีนะ พอดีฉันไม่ได้นอนมาหลายวันแล้วหนะ" หัวหน้าเผ่าตอบและยิ้มให้

"หลังจากที่วันนี้มีสงครามเกิดขึ้นทำให้เราสูญเสียพี่น้องไปมากมายหลายคน ผู้คนที่เป็นทั้งคนดี ทั้งคนที่มีเมตตา ทั้งคนที่มองการไกล" หัวหน้ากบฏลุกขึ้นยืนบนโต๊ะ

"แต่ยังไง พวกนั้นได้ส่งสารมาถึงฉัน" หัวหน้าเผ่ายื่นจดหมายให้หิมาลัยดู

"ฉันได้ส่งสารท้ารบไปหามันแล้ว กำหนดการคือ"

"พรุ่งนี้เช้า มันบอกว่า"

"เราจะบุกเข้าไปที่หน้าประตูวัง"

"ห๊าา" วาตะ และหิมาลัยที่อยฤู่คนละที่ก็พูดขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

"ใช่แล้วพรุ่งนี้เป็นศึกใหญ่ยังไงหละ"

5day-ago
2nd April 2012, 15:46
โอ้วว น่าสนใจ ไว้ว่างๆจะมาอ่านนะครับ ^^

saphira
2nd April 2012, 20:31
ปูเสือ รอ เอาใครกำลังรอ มานังล้อมวง กินส้มตำไ่ก่ย่าง + พิษซ่ารวมมิตร และัโค็ก 1 ขวดแป็ปซี่อีก 1 ขวด และก็
ใครสนใจน้ำ กระทะทองแดงก็มาได้เลยครับ ^ - ^

Stormwind
2nd April 2012, 21:03
ปูเสือ รอ เอาใครกำลังรอ มานังล้อมวง กินส้มตำไ่ก่ย่าง + พิษซ่ารวมมิตร และัโค็ก 1 ขวดแป็ปซี่อีก 1 ขวด และก็
ใครสนใจน้ำ กระทะทองแดงก็มาได้เลยครับ ^ - ^

กำลังรอเรื่องนี้ แต่ขอไม่นั่งด้วยแล้วกัน นอนตักของพี่ Stormwind [Male] แล้วดูอิ่มอกอิ่มใจกว่ากันเยอะ

By Stormwind [Female]

nakiann123
2nd April 2012, 21:17
กำลังรอเรื่องนี้ แต่ขอไม่นั่งด้วยแล้วกัน นอนตักของพี่ Stormwind [Male] แล้วดูอิ่มอกอิ่มใจกว่ากันเยอะ

By Stormwind [Female]

โอ้ อย่างงี้ Stun 800 Years

Rex
2nd April 2012, 21:20
นั่งด้วยเดี๋ยวผมติดโรคสะกดคำผะๆๆๆๆผิดนะเธอ....llollllllllllllllllllllllll จะว่าไป fail ลายเซ็นนะนาย "ยินดีต้อนรับสู้" (ไปสู้กับใครล่ะ) นี่ขนาดตัวอักษรใหญ่เบ่อเริ่มยังไม่เห็นสิ่งผิดปกติอีกนะ

Stormwind
2nd April 2012, 21:22
นั่งด้วยเดี๋ยวผมติดโรคสะกดคำผะๆๆๆๆผิดนะเธอ....llollllllllllllllllllllllll จะว่าไป fail ลายเซ็นนะนาย "ยินดีต้อนรับสู้" (ไปสู้กับใครล่ะ) นี่ขนาดตัวอักษรใหญ่เบ่อเริ่มยังไม่เห็นสิ่งผิดปกติอีกนะ

อ่านลายเซ็นแหม่มสิคะ ^^

By Stormwind [Female]

nakiann123
2nd April 2012, 21:23
โดน Stun 800 *2 Years :sweat

saphira
2nd April 2012, 21:33
ถ้าตรงลายเซ็น เราตั้ง
ใจให้เป็นแบบนั้น นะครับ

LoveSeeker
3rd April 2012, 13:23
"ไม่ต้องห่วงครับคุณอา ผมจะกลับมาแน่นอน" ปฐพีพูด

ก่อนจะดันเครื่องล่อนออกไป และปีนขึ้นไปบนเครื่องล่อน

ปฐพี มองกลับมาที่เมืองที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่อีกครั้ง ก็ยังพบคุณอายืนโบกมือให้


เครื่องร่อนเขียนแบบนี้นะัขอรับ =.= ล่อนในที่นี่น่าจะแปลว่าเปลือย เปล่า เครื่องล่อน = เครื่องถอดเสื้อผ้า (หื่นซะ)
โครงเรื่องทำมาได้ดีนะครับ น่าติดตาม แต่ว่าอยากให้ลองเพิ่มบทบรรยายแล้วก็ พรรณาอีกหน่อยอะครับ รู้สึกว่ามันขาดๆไป

ลองๆปรับปรุงนะครับ สู้ๆ

taone1414
12th April 2012, 20:56
เย้ ขณะนี้ปั้นตอนที่ 4 ออกมาแล้วนะครับ

เนื่องจากว่าคนเช็คมันดันทำไฟล์หายแล้วมันก็โยนขี้มาให้ผมแทนโดยที่ผมต้องเช็คตอนที่ 4 นะครับ

ส่วนเขาก็เช็คตอนที่ 5 อยู่ครับ ยังไงก็ขอให้อ่านให้สนุกนะครับผม

เพราะกว่าจะปั้นออกมาแต่ละตอนเหนื่อยแทบตาย

13/4/2555

ผมได้รับไฟล์ ตอนที่ 5 แล้วนะครับจะลงให้หลังสงกรานต์วันจันทร์นะครับผม

ขอให้เล่นน้ำให้สนุกนนะครับ

:)

taone1414
19th April 2012, 17:13
ดัน ดันๆ

ขณะนี้ผมได้นำตอนที่ 5 ลงแล้วนะครับ

เชิญอ่านให้สนุกได้เลยครับยังไงก็ขออภัยด้วยนะครับที่ช้า

พอดีไม่ค่อยว่างหนะครับ

:)

taone1414
22nd May 2012, 20:43
ขุดขึ้นมาจากสุสานครับผม

ดัน

ดัน

22/5/2555

อัพเดทตอนที่ 6 แล้วนะครับแต่ผมเช็คเองอาจจะมีคำผิดบ้างก็ขออภัยด้วยนะครับ ขอให้สนุกนะครับ

:)

retrosperm
22nd May 2012, 20:57
น่าจะวาดภาพประกอบซักรูปสองรูปนะ

ohana123
22nd May 2012, 21:21
ขุดจึ๊กนึง ไอดีใหม่ยังไม่ได้มาเยี่ยมกระทู้นี้เลย -..-

Prince.NO9
23rd May 2012, 15:28
น่าจะแทนตัวละครว่าอย่างอื่นบ้างนอกจากชื่ออ่ะครับแบบ เอาลักษณะเด่นมาอธิบาย เช่นจากเพลิงพรายก็เป็นสาวผมชมพู สาวน้อย อะไรประมาณนี้

Stormwind
9th June 2012, 00:33
ขุดๆๆๆๆๆๆๆ ใช้พลังมารดึงขึ้นมาจากหลุม

By Stormwind [Female]

taone1414
19th June 2012, 21:46
ขุดๆๆๆๆๆๆๆ ใช้พลังมารดึงขึ้นมาจากหลุม

By Stormwind [Female]

ขอบคุณครับ

งานเยอะมากครับ ไม่ว่างเลย

เดี๋ยวอาทิตย์นี้กะจะแต่งตอนที่ 7 อยู่เหมือนกันครับ

กลับลงหลุมต่อ

taone1414
21st June 2012, 22:03
ผมกำลังจะลงตอนที่ 7 ให้นะครับขออภัยที่ช้าช่วงนี้งานเยอะและยุ่งมากแล้วคุณป้องก็ไม่มีเวลาเช็คคำผิดด้วยต้องขออภัยอย่างยิ่งดังนั้นถ้าท่านพบเจอคำผิดขอร้องให้คอมเม้นท์ช่วยบอกด้วยนะครับยังไงก็ขอให้สนุกนะครับผม

taone1414
23rd June 2012, 19:29
ขอขุดอีกที

ด้วยพลังแห่งความขยัน + ความว่าง

ช่วยเสริมสร้างให้กระผมปั้นตอนที่ 8 ออกมาแล้ว

taone1414
15th July 2012, 10:39
อัพเดทบทที่ 12 (ถ้างงว่าบทอื่นมาได้ ผมอัพแต่ไม่ได้ดันกระทู้นะครับ เพราะเดี๋ยวมันจะเป็นการปั้มกระทู้)

ดันขึ้นไป ฮัด ช่า !!!

Stormwind
15th July 2012, 12:00
เยี่ยมมาก เป็นการดันที่สมบูรณ์แบบครับ

by stormwind [male]

taone1414
20th July 2012, 22:37
เยี่ยมมาก เป็นการดันที่สมบูรณ์แบบครับ

by stormwind [male]

ขอบคุณครับ

ขอดันสักหนป่อยนะครับ พอดีแค่อยากจะมาบอกว่ารูปปฐพี เกือบเสร็จแล้วนะครับ (เหลือแต่ลงสี)

อันนี้เอาให้มาดูเรียกน้ำย่อย อาจจะไม่สวยก็ขออภัยครับผม

pone123
22nd July 2012, 16:23
แต่งเก่งดีนะครับ

5day-ago
6th August 2012, 19:05
ดันๆๆๆ อย่าให้บอร์ดเงียบไปเลยยยย ^^

taone1414
15th November 2012, 20:44
ขออนุญาติดันนะครับ

อัพบทที่ 17 แล้ว

หลังจากดองไว้หลายเดือน(มากกกกกกก)

ยังไงก็ขอให้สนุกนะครับ