taone1414
29th March 2012, 00:28
สวัสดีครับ
ผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ คือว่า ผมชื่อเล่นว่า ซัน นะครับ
นิยายเรื่องนี้ผมแต่งร่วมกับเพื่อนนะครับ(ไม่กี่คนหรอก)โดยแบ่งหน้าที่กันออกไปครับซึ่งผมขอไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วกันนะครับ
เอาเป็นว่านี่เป็นเรื่องที่ 2 สำหรับผมแล้ว ส่วนเรื่องแรกก็ดองอยู่นะครับ
จริงๆตอนแรกผมกะว่าจะไม่ลงบอร์ดนี้แล้วแต่เนื่องจากเห็นว่าอยากให้พวกท่านลองอ่านดูก็เลยมาลองลงดูดีกว่า
คือจริงๆแล้วผมลงไว้สองที่นะแต่ก็ไม่ต้องไปสนใจมันหรอกนะครับ - -''
สุดท้ายนี้แล้วหวังอยากให้ทุกท่านติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยนะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับผม
กระทู้สาขาสองครับ (DEK-D.Com) (http://writer.dek-d.com/taone1414/writer/view.php?id=790619)
รูปตัวละคร
ปฐพี
http://image.dek-d.com/25/2958485/111540169
วาตะ
http://image.dek-d.com/25/2958485/111540170
__________________________________________________________________________
เรื่องย่อ
ปฐพีออกเดินทางร่วมกับสหายหลงทางเพื่อทำลายความต้องการของชนเผ่าแสงโดยคิดที่จะยึดครองชนเผ่าทุกๆชนเผ่า
โดยการปลุกปีศาจในตำนานและนั่นคือการเปลี่ยนชะตาชีวิตของเขาไปตลอดกาล
__________________________________________________________________________
บทนำ : เด็กชายเผ่าสีดำ
ในโลกนี้มีการแบ่งแยกชนเผ่าตามธาตุ ซึ่งแต่ละธาตุจะได้เปรียบและเสียเปรียบกันไป มีตำนานบทหนึ่งเล่าขานสืบต่อกันมาว่า
วันหนึ่งปีศาจร้ายแห่งความชั่วได้ปรากฏตัวขึ้น มันสามารถใช้พลังได้ทุกๆธาตุ ทำให้ทุกๆเผ่าต้องสั่นคลอน
จึงมีการรวมตัวกันของหัวหน้าเผ่าแต่ละเผ่า เพื่อมารวมตัวกันปิดผนึก แต่หัวหน้าเผ่าดินกลับรีบเร่งเกินไป ทำให้ถูกโจมตี
ในเวลานั้น หัวหน้าเผ่าสายฟ้า ที่เขาคิดว่าอ่อนแอ ก็ช่วยตนเอาไว้ หลังจากปิดผนึกเสร็จ หัวหน้าเผ่าดินจึงชวนหัวหน้าเผ่าสายฟ้าเข้าเยี่ยมชมเมืองเป็นการเลี้ยงฉลองและตอบแทนบุญคุณ
และในตอนนั้นเอง หัวหน้าเผ่าสายฟ้าได้เกิดรักกับธิดาของหัวหน้าเผ่าดิน
ทั้งคู่มีบุตร 1 คน ซึ่งนั่นก็คือชนเผ่าสีดำ หลังจากมีคนทราบข่าวก็นำไปบอกหัวหน้าเผ่าดิน ทำให้หัวหน้าเผ่าจับทั้งสองมาประหารชีวิต
แต่เด็กคนนั้นก็ได้หายสาบสูญไป นี่คือเรื่องราวของราชัน ที่เหนือราชัน ตำนานของ
อหังการ์ราชันปฐพี
เด็กชายคนนั้นถูกเพื่อนของหัวหน้าเผ่าสายฟ้านำไปเลี้ยง โดยนำไปกบดานที่เมืองเผ่าดิน และปลอมแปลงเอกสารเพื่อให้เด็กชายเข้าเรียน
ในโรงเรียนเวทมนต์การควบคุมธาตุดิน แต่เรื่องราวมันเริ่มต้นเมื่อวันหนึ่ง ชายคนนั้นได้เดินทางไปโรงเรียนตามปกติ
แต่ระหว่างทาง เขาพบหญิงสาวผมสีชมพู สลบอยู่ จึงช่วยเอาไว้ โดยไม่รู้เลยว่า เธอจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของเขาไปตลอดกาล
__________________________________________________________________________
บทที่ 1 : ความจริง
แกร็ก
เสียงลูกปิดประตูดังขึ้น มีชายคนหนึ่งเดินมาที่หน้าประตูพร้อมกับยิ้มทักทายการกลับมา
"ปฐพีกลับมาแล้วหรอ"
ชายคนหนึ่งยืนพูดอยู่หน้าประตู ปฐพีที่กำลังเดินเข้ามาก็ตอบกลับ
"ครับ,คุณอา"
ปฐพีเดินเข้ามาพร้อมกับร่างของผู้หญิงที่สลบอยู่ที่หลังของเขา
"คือผมเจอเธอระหว่างทางหนะครับ เลยช่วยมา"
คุณอา ไม่รอช้าก็รีบพาเธอไป ปฐมพยาบาล และปล่อยให้เธอนอนพัก
_____________________________________________
หญิงสาวผมสีชมพูลืมตาขึ้นในที่ ที่ เธอไม่คุ้นเคย สภาพรอบข้างเหมือนห้องทั่วไปของเด็กผู้ชาย
"ตื่นแล้วหรอครับ"
เสียงเข้มๆของชายหนุ่มดังขึ้น เธอหันไปมองด้วยความงัวเงีย
"แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย"
เธอถามกลับไป พร้อมกับดื่มน้ำที่วางบนโต๊ะข้างๆ
"คุณคงจะเหนื่อยมากเลยสินะครับเดินข้ามทะเลทรายจากเมืองเผ่าไฟมาเผ่าดินแบบนี้"
ปฐพี พูดพร้อมกับยื่นน้ำอีกแก้วให้หญิงสาวไม่รอช้าก็รีบดื่มโดยเร็ว เพราะเธอเสียน้ำอย่างมากในการข้ามทะเลทราย
เมืองแต่ละเผ่านั้นจะมีการแบ่งเขตส่วนกลางไว้ เพื่อความสมดุลของทั้งสองฝ่าย
เช่น หญิงสาวที่เดินทางมาเมืองเผ่าดินโดยต้องผ่านทะเลทรายเพราะมันไม่มีทั้งไฟและดินทำให้ชนเผ่าทั้งสองสู้รบกันได้ลำบาก
จึงเป็นสาเหตูเหตุที่บางเขตส่วนกลางจะจำเป็นมากในการแบ่งแยกชนเผ่า
แกร๊ก
เสียงลูกบิดประตูดังขึ้น ชายในชุดทั่วไปของชนเผ่าธาตุดินเดินเข้ามา
"โอ้ ฟื้นตัวไวนะเนี่ย" ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆปฐพี
"ไหนบอกมาหน่อยสิว่า เธอเดินทางข้ามชนเผ่ามาทำไม" คุณอาทำน่าเคร่งเครียดเพื่อรอคำตอบ
หญิงสาวคิดว่าคนพวกนี้มีบุญคุณจึงบอกเรื่องราวที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
"ฉันชื่อเพลิงพรายค่ะ ออกเดินทางมาจากเผ่าเพื่อรวบรวมผู้สร้างและผู้ควบคุมไปต่อสู้กับเผ่าแสงค่ะ" เมื่อพูดจบ
คุณอาของปฐพี ถึงกับอึ้งไป จึงกล่าวบอกกับนางไปว่า
" เธอจะไปสู้กับเผ่าแสงทำไมกัน เธอก้รู้นี่นาถ้าทำแบบนั้นมันเป็นการรุกรานพันธะนะ" เพลิงพรายสวนกลับ
"ก็ใช่ค่ะ ฉันรู้ แต่ว่าพวกมันเกินจะให้อภัยจริงๆ" พูดจบเพลิงพรายก็กำมือแน่นโดยความแค้น
"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ" ปฐพีถาม เพลิงพรายพยักหน้าก่อนจะเล่าต่อ
"เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อ 18 ปีก่อน มีปีศาจยักษ์ที่ถูกปิดผนึกที่ชื่อว่า"
"ดราโค่"
"ดราโค่" เพลิงพรายและคุณอาของปฐพีพูดขึ้นพร้อมกัน สายตาทั้งสองจับจ้องไปที่ใบหน้าของคุณอา
"เอ่อ อาได้ยินมาหนะ" คุณอาแก้ตัวก่อนจะให้เพลิงพรายเล่าต่อ
"ตอนนี้ ทุกๆเผ่านั้นมีความเสมอภาคกัน ซึ่งดูเหมือนจะสงบดี แต่ว่าจริงๆแล้วเผ่าแสงนั้นต้องการเป็นใหญ่และเป็นผู้ควบคุมทั้งโลก
เขาจึงมีแผนที่จะปลุก ดราโค่ขึ้นมาเพื่อที่จะให้จัดการกับศัตรูของตน แต่ว่า" เพลิงพรายหยุดเล่าพร้อมกับทำหน้าเศร้า
"การปลุกดราโค่ เกิดจากพลังของหัวหน้าเผ่า ซึ่งเท่ากับพลังของคนเกือบร้อยคนในแต่ละเผ่า ดังนั้นมันจึงไล่ต้อนทุกคนในแต่ละเผ่า
พ่อและแม่ของฉันก็ถูกมันเอาตัวไปแล้ว ฉันจึงออกเดินทางมาช่วย" เพลิงพรายเล่าจบก็ดื่มน้ำอีกครั้ง
"แล้ว คนอื่นๆของเผ่าเธอไม่คิดจะไปช่วยเธอเลยหรอ" ปฐพีถามพร้อมกับทำหน้าสงสัย
คุณอาได้ยินก็เกิดความสงสัยเหมือนกับปฐพีเช่นกัน
"คิดสิ พวกเขาออกเดินทางมาก่อนฉันอีก แต่ผ่านไปนานแล้ว พวกเขาก็ยังไม่กลับมาเลย"
คุณอาได้ยินดังนั้นจึงพาปฐพีไปคุยข้างนอก
"ปฐพี ตามอามานี่หน่อยสิ" เมื่อปฐพีเดินออกไป คุณอาก็เล่าความจริงเรื่องพ่อแม่ของเขาให้ฟัง และปีศาจดราโค่
เมื่อเขาได้ฟังก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะทำใจได้ เพราะมันเป็นนิสัยของเผ่าดิน เผ่าแต่ละเผ่านั้นจะมีลักษณะนิสัยต่างกันไป
"คุณอาครับ ผมอยากจะออกเดินทางกับเพลิงพรายครับ" ปฐพีพูดพร้อมกับต้องเขม็งมาทางคุณอา
"เห้ย ปฐพี เธอไม่ไหวหรอก ขนาดควบคุมธาตุดิน เธอยังทำได้ไม่คล่องเลย แล้วจะไหวจริงๆหรอ"
คุณอาทำหน้าเคร่งเครียดและพยายามห้ามไว้
แต่ปฐพีก็ยังคงมีความมุ่งมันจะไป
"คุณอาครับ ผมไม่อยากให้เพลิงพรายเสียพ่อแม่ไปแบบผมนะครับ อย่างน้อย ผมก็เป็นผู้ควบคุมก็ได้อยู่ด้านหลังของกลุ่มอยู่แล้ว
ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับคุณอา อีกอย่างเผ่าแสงนั้นพยายามจะปลุกดราโค่ปีศาจที่พ่อผมอุทิศใจเพื่อปิดผนึก ถ้ามันปลุกได้ที่พ่อผมทำไปก็เสียเปล่าสิครับ"
ปฐพีพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งกว่าเก่า ทำให้คุณอารู้ทันทีว่าเขาคงไม่สามารถห้ามได้ จึงเดินไปหน้าบ้าน ก่อนจะกลับมาพร้อมกับลูกนกตัวหนึ่ง
"เอาเจ้า สายฟ้าไปด้วยแล้วกัน ถ้าแบบนั้น" คุณอาพูดพร้อมกับยื่นลูกนกให้ มันมองปฐพีด้วยความ สงสัย ก่อนจะบินไปเกาะที่บ่าของปฐพี
"ทำไมต้องเอาไปด้วยหละครับ" ปฐพีทำหน้าไม่พอใจ
"ก็เป็นข้อแลกเปลี่ยน อายอมให้ปฐพีเดินทางแต่มีข้อแม้ว่าต้องเอาเจ้าสายฟ้าไปด้วย"
คุณอาตอบพร้อมกับเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เพลิงพรายนอนอยู่ ข้างในนั้นเพลิงพรายก็ยังนั่งอยู่บนเตียงนอนแบบเดิม
"เพลิงพราย อาจะฝากปฐพีให้ไปด้วย จะลำบากรึเปล่า" คุณอาถาม เพลิงพราย ยิ้มออกมา
"ไม่ลำบากหรอกค่ะ เป้าหมายของหนูคือเดินทางรวบรวมคนให้ครบทุกธาตุค่ะ
ดังนั้นถ้าได้ผู้ควบคุมธาตุดินมาก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ แล้วไม่ทราบว่ามีผู้สร้างดินจะมาด้วยไหมค่ะ" เพลิงพรายถามพลางลุกขึ้นจากเตียง
"ไม่จำเป็นหรอก สำหรับเผ่าดินแค่ปฐพีคนเดียวก็พอแล้ว เพราะแม่ของเขาเป็นผู้สร้างธาตุดินหนะ บางทีเขาอาจจะสร้างธาตุดินและควบคุมพร้อมๆกันได้ด้วยนะ" คุณอายิ้มก่อนจะพาทั้งคู่เดินไปที่ประตูเมือง
เมื่อประตูเมืองเปิดสิ่งที่พบคือ อากาศ ที่ตรงนั้นไม่มีทั้งน้ำและพื้นดิน มีแต่เพียงอากาศ
"เอาหละ หลังจากขึ้นเครื่องร่อนไปแล้วมันจะพาไปที่เมือง น้ำแข็งนะ" ก่อนจะไปเช่าเครื่องร่อนมาให้ทั้งคู่
เครื่องร่อนคือ เครื่องที่คล้ายๆกับบอลลูน เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องใช้แก๊สกับไฟ เท่านั้น
"เอาหละ ทั้งคู่โชคดีนะ ดูแลตัวเองด้วยนะ ปฐพี" คุณอาบอกลาด้วยความเศร้า
"ไม่ต้องห่วงครับคุณอา ผมจะกลับมาแน่นอน" ปฐพีพูด
ก่อนจะดันเครื่องร่อนออกไป และปีนขึ้นไปบนเครื่องร่อน
ปฐพี มองกลับมาที่เมืองที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่อีกครั้ง ก็ยังพบคุณอายืนโบกมือให้
เขาเองก็โบกมือกลับ และภาพของคุณอาค่อยๆหายไปจนลับขอบฟ้า ปฐพี เห็นเพลิงพราย ยืนเงียบ จึงคิดจะเข้าไปคุยด้วย แต่ไม่ทันได้ทำ
ก็เกิดลมแรงจนพัดปฐพี ลอยออกไปจากเครื่องร่อน "เฮ้ยยยย" ปฐพี แหวกว่ายกลางอากาศ ก่อนที่จะคว้ามือคู่หนึ่งได้ เพลิงพรายนั่นเอง
เธอรีบดึงปฐพีกลับเข้ามาในเครื่องร่อนแม้แต่สายฟ้าที่เกาะอยู่ที่บ่าของเขาก็ยังแทบจะปลิวไปกับสายลมเช่นกัน
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ พร้อมกับพายุลมแรงจนเครื่องร่อนของพวกเขาปลิวจน ถุงที่สูบลมรั่วออกมา ทำให้บอลลูนตีลังกา กลับไปกลับมา
จนทั้งสองเริ่มเกิดอาการมึนงงและพงกเขาถูกดูดเข้าไปในพายุลูกยักษ์นั่น
"จะเป็นอะไรกันไหมนะทั้งสองคน" คุณอาพูดพร้อมกับมองดูท้องฟ้าสีดำ
*เผ่าสีดำ : คือบุตรซึ่งเกิดระหว่างธาตุที่ขัดแย้งกัน โดยมีความสามารถในการควบคุมธาตุได้ทุกธาตุ
ในโลกนี้มีการแบ่งความสามารถเป็น 3 อย่าง ที่จำแนกมากออกไปกว้างกว่านี้อีกหลายอย่างรวมทั้งนิสัยของเผ่าก็ด้วยเช่นกัน
__________________________________________________________________________
บทที่ 2 : วายุเพลิงพระกาฬ
จิ๊บๆ จิ๊บๆ
เสียงนกในป่าร้องขณะบินไปหาอาหารให้ลูกของมัน
เพลิงพรายลืมตาขึ้นในป่าแห่งหนึ่ง ร่างของเธอนอนทับร่างของปฐพีอยู่โดยที่ปฐพีก็ยังหมดสติอยู่ เธอลุกขึ้นและพยายามปลุกเขาแต่นั่นไม่เป็นผลซึ่งเขาก็ยังคงหลับอยู่เหมือนเดิม
"เอ่อ เขาสลบไปใช่ไหมนั่นหนะ" มีเสียงจากชายคนหนึ่งดังขึ้น
เพลิงพรายหันกลับหลังไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับสร้างไฟขึ้นในมือเธอเพื่อป้องกันตัวเอง ชายคนนั้นใส่ชุดจอมยุทธบางๆและมีผ้าผูกคอสีขาวพันไว้ด้วย
"เห้ยๆ ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรนะเว้ย" ชายคนนั้นชูมือขึ้นฟ้าเหมือนกับยอมจำนนท์
"แล้วนายมาทำอะไร" เพลิงพรายถามก่อนจะลุกขึ้นและเลิกสนใจปฐพีที่สลบอยู่
"คือ ฉันเห็นเครื่องร่อนบินมาตกหนะ เลยมาดู นี่อุส่ามาช่วยไม่ขอบคุณสักคำแถมยังจะฆ่ากันอีกแร้งน้ำใจชะมัดยาก" ชายหนุ่มบ่นก่อนจะนำมือลงตามปกติ
เพลิงพรายเกิดอาการโมโหเพราะรู้สึกเหมือนโดนดูถูกบวกด้วยตัวเองเป็นชนเผ่าไฟทำให้โมโหง่ายแต่ไม่ทันจะได้ด่าสวนกลับไป ชายคนนั้นก็พูดขึ้นมา
"ชายคนนั้น สลบอยู่ใช่ไหมหละนั่น ไม่รีบช่วยหรอ" ชายลึกลับชี้ไปที่ปฐพีที่นอนสลบอยู่ที่พื้น ก่อนจะแนะนำว่า
"ไปพักที่หมู่บ้านฉันสิ ยังไงก็ไม่มีคนเข้ามาบ่อยๆอยู่แล้ว อีกอย่าง ดิน กับ ไฟ ก็เสริมธาตุของฉันอยู่แล้วนี่นา"
อย่างที่ชายข้างต้นกล่าวไว้ว่าธาตุเสริมกัน นั่นคือการเสริมพลังกันซึ่งกันและกันด้วยธาตุต่างๆ
เช่นน้ำกับสายฟ้าเป็นธาตุที่เสริมสร้างซึ่งกันและกันถ้านำมารวมกันก็จะสามารถใช้เป็นท่าประสานได้ในการโจมตีระยะใกล้
ตอนนี้มีผู้ที่สามารถทำแบบนั้นได้มีเพียงหัวหน้าเผ่าน้ำและสหายของเธออีกคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ควบคุมสายฟ้า
วาตะแบกปฐพีขึ้นบนหลังก่อนจะนำทางเพลิงพรายมาที่หมู่บ้านของตน
"คุณย่าครับ คุณย่า"ชายหนุ่มที่แบกปฐพีอยู่ก็ตะโกนออกไป
"อ้าว วาตะกลับมาแล้วหรอ แล้วนั่นพาใครมาด้วยหละเนี่ย บาดเจ็บอยู่ใช่รึเปล่า" ยายแก่ที่นั่งถักผ้าไหมอยู่หน้าบ้านของตนรีบลุกขึ้นมาดูอาการของปฐพี
ชายที่คาดว่าจะชื่อวาตะวางปฐพีลงที่พื้น ยายแก่ที่พึ่งเดินมาถึงก็รีบตรวจอาการของเขาโดยการสำรวจภายนอก
"รีบพาไปพักข้างในบ้านเร็ว" ยายแก่พูดขึ้นก่อนจะให้วาตะแบกปฐพีเข้าไปที่บ้าน เพลิงพรายยืนดูอยู่ห่างก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนกับนึกอะไรบางอย่างออก
"สายฟ้า" เพลิงพรายพึมพัมกับตนเองเบาๆก่อนจะเริ่มกังวลถ้าปฐพีรู้ว่าตนไม่ได้พาสายฟ้ากลับมาด้วยคงจะโกรธ
เธอเริ่มทำท่าลนลานจนออกนอกหน้า วาตะเห็นดังนั้นจึงเดินไปหาและเริ่มแนะนำตัว
"สวัสดีฉันชื่อวาตะเป็นผู้สร้างธาตุลมของที่นี่" เพลิงพรายสะดุ้งอีกครั้งในรอบของวัน
"ธาตุลม หรือว่า" เพลิงพรายทำท่าเหมือนจะเดาออก "ใช่แล้ว ที่นี่เกาะแห่งนภาไงหละ" วาตะพูดขึ้นพร้อมกับผายมือออกรอบๆตัวแสดงว่าถึงความยิ่งใหญ่
"ดูยิ่งใหญ่กว่าที่ได้ยินมาจริงๆนะเนี่ย" เพลิงพรายเริ่มเดินไปข้างๆเพื่อดูสภาพเมือง เมืองแห่งนี้ถูกรายล้อมไปด้วยป่าชื้นและมีหมู่บ้านแค่ใจกลางของป่าเท่านั้น
พื้นของที่นี่ไม่ใช่ดินแต่กลับเป็นเมฆทำให้คาดว่าเมืองนี้คงลอยอยู่เหนือฟ้าโดยพวกเธอและปฐพีขึ้นมาได้โดยพายุพัดขึ้นมานั่นเอง
ตู้ม !
เสียงระเบิดดังขึ้นในป่าข้างหน้าหมู่บ้าน เกิดแผ่นดินไหวเบาๆบนเมฆทำให้เพลิงพรายแทบจะล้มลงไปที่พื้น
"เอาอีกแล้วหรอ" วาตะพึมพัมก่อนจะจ้องไปที่ทางเข้าหน้าหมู่บ้าน มีเซ็นทอร์เกือบ 5 ตัวเดินเข้ามาในหมู่บ้าน
"ว่าไงไอ้ตัวน้อย รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอะไร" ทอร์ตัวหนึ่งที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าเริ่มพูดกับวาตะ
"อาหารเราหมดแล้ว แกพึ่งเอาไปเมื่อวานไม่ใช่รึไง" วาตะตะคอกเสียงใส่พวกเซ็นทอร์ทั้งหลาย
"ฮ่าๆๆ" เซ็นทอร์ตัวอื่นๆต่างหัวเราะกับคำพูดของเขา
"เห้ย ไอ้หนู พวกข้าหิวแล้วจะทำไม ยังไงพวกแกมันก็อ่อนแอที่สุดไม่ใช่รึไง ฮ่าๆๆ" หัวหน้าเซ็นทอร์พูดขึ้นก่อนจะหัวเราะตามลูกน้องของตน
"กรอด !" วาตะกัดฟันจนเกิดเสียงและกำหมัดแน่น
"มีปัญหารึไงไอ้หนู อยากตายมากหรอ" เซ็นทอร์หยิบธนูที่เกี่ยวอยู่กับเอวของตนขึ้นมาและเริ่มเล็งมาที่วาตะ
"ถ้า แกไม่หลบหละก็ฉันจะปล่อยหมู่บ้านนี้ไปอีก3เดือก็ได้นะ ฮ่าๆ" เซ็นทอร์ยื่นข้อเสนอให้ก่อนจะปล่อยมือที่จับลูกธนู
ลูกธนูพุ่งไปด้วยความเร็วเจาะทะลวงผ่านอากาศ และเริ่มเข้ามาใกล้กับวาตะ เขาหลับตาด้วยความกลัว
แกร๊บ !
วาตะลืมตาขึ้น เขาเห็นเพลิงพรายยื่นมือออกมาบังหน้าเขา ในมือของเธอมีลูกธนูที่หักครึ่งจากการบีบ
"เธอ" วาตะจ้องมองด้วยสายตาเหมือนกับไม่เชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้น
"ฉันชื่อเพลิงพรายนะลืมบอก" เพลิงพรายปล่อยลูกธนูที่อยู่ในมือลงไปที่พื้นก่อนจะสลายหายไปเพราะเพลิงพรายได้สร้างธษตุไฟขึ้นในมือของเธอด้วย
"เห้ยพวกแก สนุกมากไหมเอาชีวิตของคนอื่นมาเดิมพันเนี่ย" เพลิงพรายฉุนขาด เดินเข้าไปใกล้กับเซ็นทอร์ตัวหน้าขึ้นเรื่อยๆ
"แล้วจะทำไมหละ ก็พวกมันอ่อนแอเอ..."
ตุ๊บ !!
ไม่ทันที่หัวหน้าของมันจะได้พูดจบ หมัดของเพลิงพรายก็อัดเข้าไปที่หน้าของมันเต็มๆ ร่างของเซ็นทอร์กระเด็นล้มลงไป
"หัวหน้า" ลูกน้องเซ็นทอร์ทั้งหลายตะโกนด้วยความตกใจ
"แก" เซ็นทอร์หัวหน้าลุกขึ้นจ้องมองหน้าของเพลิงพรายที่สลบนิ่ง ด้านวาตะถึงกับตะลึงเพราะพึ่งมีคนกล้าหาเรื่องกลับเซ็นทอร์พวกนี้
"พวกเรายิง" หัวหน้าของพวกมันตะโกนออกมาด้วยความแค้นเซ็นทอร์ลูกน้องเมื่อได้ยินคำสั่งก็เริ่มหยิบธนูของตนออกมาและเริ่มยิงออกมาเรื่อยๆ
เพลิงพรายพยายามหลบแต่เมื่อหลบลูกหนึ่งเธอก็จะโดนลูกธนูอีกลูกที่พุ่งมาใกล้ๆกัน
ธนูทยอยยิงมาเรื่อยๆโดยไม่ลดละความพยายาม เพลิงพรายเริ่มมีบาดแผลตามตัว
โดยเธอให้ความสนใจแต่ลูกธนูจนลืมสนใจหัวหน้าของพวกมัน หัวหน้าเซ็นทอร์หยิบธนูขึ้นมาและเล็งไปที่ท้าวของเพลิงพราย
"ใช้เท้าเก่งนักใช้ไหม" ก่อนจะปล่อยมือ ลูกธนูปักเข้าที่ขาของเธอจนทะลุปักเข้าไปในก้อนเมฆ
"โอ้ย" เพลิงพรายอุทานออกมาด้วยความเจ็บโดยเธอลืมไปเลยว่าลูกธนูข้างหน้าเธอนั้นกำลังพุ่งเข้า
ลูกธนูพวกนั้นเข้าใกล้กับเธอเรื่อยๆ จนห่างกันเพียงไม่กี่ ฟุต
"เพลิงพราย" วาตะตะโดนด้วยความตกใจก่อนจะพยายามสร้างธาตุลมของตนขึ้นในมือโดยหวังว่าจะช่วยอะไรได้ถึงแม้มันจะไม่เป็นอย่างที่เขาคิดก็ตาม
ช่วงเวลาหยุดนิ่ง ลูกธนูตอนนี้ห่างจากเพลิงพรายเพียงแค่ ไม่กี่ นิ้ว
เธอกำลังถูกแขวนอยู่ในเส้นด้าย
โดยโอกาสรอดนั้นมีเพียงน้อยนิด
วูบ
ลมอ่อนๆที่แฝงด้วยความเย็นพุ่งขึ้นมาจากเท้าของเธอก่อนจะพุ่งแรงขึ้นจนเป็นเหมือนกำแพงพายุ ลูกธนูหลายๆดอกที่ถูกยิงมากลับถุกลมพัดลอยขึ้นไปบนอากาศ
ก่อนจะตกลงมากลายเป็นฝนธนูปักลงใส่พวกเซ็นทอร์แทน บางตัวก็โดนจุดตาย บางตัวก็แค่เฉี่ยวๆ บางตัวก็บาดเจ็บสาหัส
เพลิงพรายและวาตะมองด้วยความไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง
"ขอโทษทีนะที่มาช้า" เสียงเข้มๆแบบเดิมที่เธอไม่ค่อยคุ้นเคยแต่เธอก็เคยได้ยินดังขึ้น เพลิงพรายหันไปมองเจ้าของเสียง
"ปฐพี" เพลิงพรายพูดกับตัวเองเบาๆพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย
ปฐพีที่พึ่งฟื้นก็มาช่วยพวกเธอได้ทันเวลาพอดี ในมือข้างซ้ายของเขานั้นมีลมที่ถูกสร้างโดยวาตะลอยรอบๆอยู่บนฝ่ามือ
"นั่นมัน นายควบคุมธาตุลมได้ด้วยหรอ" วาตะตะโกนลั่น ในเวลานั้น ชายแก่ที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำก็รีบออกมาดูด้วยความตกใจ
ผู้คนจากชนเผ่าลมก็ค่อยๆทยอยกลับมาจากการล่าสัตว์ ทุกๆสายตาจ้องมองมาเพียงปฐพีคนเดียว
เห้ยแก หัวหน้าเซ็นทอร์ลุกขึ้นก่อนจะยิงธนูใส่ปฐพี เพลิงพรายรีบสร้างธาตุไฟขึ้นในมือ ปฐพีเห็นจึงใช้เท้าบิดตัวหันหน้าไปทางลูกธนูก่อนจะใช้มือขวา
เหวี่ยงผ่านธาตุไฟที่อยู่ในมือของเพลิงพราย ไฟที่พริวไสวตามลมค่อยๆเคลื่อนที่ตามมือของเขา
ปฐพียื่นมือไปทางลูกธนู ลูกธนูไม้ถูกไฟของเพลิงพรายเผาจนแหลกสลายไป หัวหน้าเซ็นทอร์กระโดดถอยหลังเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าตาเคร่งเครียด
แกบังคับฉันเองนะก่อนจะอ้าปากกว้างและอมลมเข้าไปไว้ในแก้มก่อนจะพ่นออกมากลายเป็นกระแสลมที่รุนแรงและรวดเร็ว
"ไอ้หนูหลบเร็ว นั่นมันวิชาปักษา" ปฐพีหันไปมองยายแก่ด้วยความงุนงง ก่อนที่กระแสลมนั้นพุ่งกระทบตัวของเขา
ปฐพีถูกผลักกลับหลังไปเกือบ 1 ฟุต กระแสลืมเล็กๆที่ตามมาตัดผ่านเสื้อผ้าและเนื้อของเขาบางส่วน ปฐพีกระอักเลือดออกมาเล็กน้อย
เพราะแรงลมบางส่วนกระทบปอดของเขาจนบีบตัวเข้าไปข้างในเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆคลายกับที่เดิมยายแก่เห็นท่าไม่ดีจึงตะโกนไปอีกครั้ง
"ไอ้หนูใช้ท่าประสานระหว่างไฟกับลมเร็ว" ปฐพีได้ยินก็งุนงงโดยที่มือทั้งสองของเขาก็ยังมีลมกับไฟลูกเล็กๆลอยอยู่บนฝ่ามือ
ปฐพีพยักหน้ากลับไปถึงแม้จะไม่เข้าใจแต่เขาก็พอจะเดาๆได้
เขากระแทกมือลงไปข้างๆลำตัวทั้งสองข้าง ธาตุที่อยู่ในมือของเขาเริ่มใหญ่ขึ้น จนลมในมือกลายเป็นพายุ ไฟในมือกลายเป็นลูกไฟยักษ์
"ใช้ท่าประสานธาตุระหว่างไฟกับลมเร็วๆสิ วายุเพลิงพระกาฬ" สิ้นเสียงของยายแก่ เขาก็ประกบมือและนำธาตุในมือทั้งสองบีบเข้าด้วยกัน
มือของเขาเรืองเสียงออก ปฐพีรู้สึกถึงสัมผัสที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน "นี่หนะหรอการประสานธาตุ" ปฐพีพูดกับตัวเองเบาๆ
"ปล่อยไปเลยไอ้หนู พลังนั่นปล่อยไป" ยายแก่ตะโกนกลับมาเป็นครั้งสุดท้าย ปฐพีดันพลังที่อยู่ในมือของเขาพุ่งไปด้านหน้า ก่อนจะแบมืออก
ลมก็ถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามือของเขาเป็นพายุลูกยักษ์ที่รายล้อมไปด้วยไฟ หรือเรียกได้อีกอย่างคือ พายุเพลิง
"เห้ย นี่มันเรื่องจริงหรอเนี่ย" หัวหน้าเซ็นทอร์ตะโกนออกมาก่อนจะถูกพายุเพลิงดูดเข้าไปพร้อมกับลูกน้องก่อนจะหายไปด้วยความร้อนของไฟในใจกลางพายุ
ปฐพีรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายก่อนจะเบ่งพลังในมือให้แรงขึ้นกว่าเดิมก่อนจะตะโกนออกมาว่า
"วายุ เพลิงพระกาฬ"
*ในโลกนี้มีการแบ่งความสามารถเป็น 3 อย่าง
ผู้ควบคุม สามารถควบคุมธาตุเพื่อเคลื่อนที่มันได้
ผู้สร้าง สามารถสร้างธาตุเพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆได้
ผู้คนธรรมดา ไม่มีความสามารถใดแต่ก็มีพลังด้านพละกำลังสูงกว่าผู้ควบคุมและผู้สร้าง
__________________________________________________________________________
บทที่ 3 : รุ่งอรุณในเมืองใหม่
"อ๊ากก" เสียงกรีดร้องของเซ็นทอร์ที่ถูกพายุเพลิงแผดเผาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะค่อยๆกลายเป็นผุยผงไป
สิ้นเสียงกรีดร้องพายุลูกไฟก็ค่อยๆลดลงไปพายุไฟก้อนเล็กๆและสลายหายไปเช่นเดียวกัน
ปฐพีล้มลงนอนแผ่กับพื้นด้วยความเหนื่อยล้าที่ใช้การเบ่งพลังและการใช้ท่าประสานโดยขณะที่แผลที่ถูกท่าสังหารปักษาก็ยังคงมีเลือดไหลอยู่เล็กน้อย เพลิงพรายและวาตะรีบเดินไปดูอาการ
"ใช่จริงๆด้วย" ตาแก่เดินเข้ามาใกล้ปฐพี เพลิงพรายเกิดความงุนงงจึงถามไป
"ใช่อะไรหรอคะ" วาตะที่เห็นก็ตอบแท
"คือว่าพวกเราเผ่าลมส่วนมากแล้วจะเชื่อตำนานของท่านสายลม ท่านได้บอกพวกเราผ่านทางการทำนายว่าจะเกิดนักรบที่ปลดปล่อยพวกเราทั้งหมดให้เป็นอิสระและให้ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม"
เพลิงพรายพยักหน้าตามหลังจากฟังเหตุผล
"แล้วจะบอกว่าปฐพีหรอคะคือนักรบคนนั้น" เพลิงพรายชี้ไปที่ชายที่นอนอยู่ข้างหน้าเธอ
"ใช่ ตำนานกล่าวไว้ว่า เมื่อเผ่าลมถึงกาลสิ้นสุดพวกเราจะมีอัศวินแห่งเผ่าสีดำมาช่วยโดยบุตรชายคนนั้นจะเกิดมาพร้อมพลังพิเศษ" เพลิงพรายสะดุ้งอีกครั้ง ซึ่งรวมวันนี้ก็ 3 ครั้งได้แล้ว
"หรือว่า.."เพลิงพรายพูดด้วยเสียงสั่นๆ "นายคือ.. เผ่าสีดำหรอ.." เพลิงพรายถามปฐพีกำลังลุกขึ้นนั่ง
"อืมใช่ ฉันเป็นเผ่าสีดำพ่อของฉันเป็นผู้สร้างธาตุสายฟ้าส่วนแม่ก็สร้างธาตุดิน" ปฐพีอธิบายให้เพลิงพรายฟังก่อนจะได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้น
จิ๊บๆ จิ๊บๆ ปฐพีหันไปมองบนฟ้าก็พบกับเจ้าสายฟ้าที่กำลังบินมาหาตน และมันก็บินมาเกาะที่บ่าของเขาเหมือนเดิม
"สายฟ้า ยังว่าหายไปไหน"เพลิงพรายทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น สายฟ้าที่เห็นก็บินไปเกาะบ่าของเพลิงพรายเช่นกันก่อนจะจิกเข้าที่แก้ม
"โอ้ย โอ้ย เจ็บนะสายฟ้า ขอโทษ ขอโทษ" เพลิงพรายรีบปัดปากของสายฟ้าออกพร้อมกับพยายามทำให้สายฟ้าใจเย็นลง
"เอ่อ คุณยายคะ คือว่า" เพลิงพรายเริ่มค่อยๆอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับเผ่าแสงไป หลังจากที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมด
"ได้สิ ถ้าอยากได้ผู้สร้างธาตุก็เอาวาตะไปเลย" ยายแก่ชี้ไปที่วาตะวาตะที่ยืนฟังก็ตกใจ
"คุณยายครับแต่ว่า" ยายแก่ทำสีหน้าเคร่งเครียดมองมาที่วาตะ
"นี่วาตะ สัญญากับพ่อของเธอไว้แล้วไม่ใช่รึไงว่าถ้าเจอนักรบแล้วเธอจะร่วมเดินทางกู้เผ่าด้วย" วาตะสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้า
"เอ่อ ถ้าไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะคะ" เพลิงพรายพยายามทำให้สถาการณ์ดีขึ้น
"แล้วขาดผมไปใครจะดูแลคุณยายหละ" วาตะทำหน้ากังวล
"เดี๋ยวนะครับ ผมติดใจคำว่ากู้เผ่าครับมันคืออะไรหรอครับ" ปฐพีที่นั่งดูก็พูดขึ้น
"ก็เมื่อหลายเดือนที่แล้วก่อนที่พ่อฉันจะจากไปพวกเผ่าแสงมันมาต้อนคนไปเกือบ 100 คนเหมือนกับที่พวกนายเล่านั่นหละ คนเก่งๆก็ถูกพวก3เจ้าอัศวินจัดการและลากตัวไปแล้ว"วาตะพูดอย่างเศร้า
"งั้นก็รีบไปช่วยกันสิ"ปฐพีลุกขึ้นและจีบหลังคือเสื้อของวาตะก่อนจะค่อยๆลากเขาไป
"คุณยายคะขอตัววาตะไปกอบกู้เผ่าก่อนนะคะ" คุณยายพยักหน้ากลับให้เพลิงพราย แต่ระหว่างที่เพลิงพรายกำลังเดินอยู่ยายแก่ก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก
"เห้ย เดี๋ยวๆ ปล่อยฉันนะ" วาตะพยายามดิ้น ปฐพีที่เดินมาถึงขอบของเกาะก็ปล่อยวาตะ วาตะเดินมาข้างหน้าของเขาก่อนจะบ่นออกมาเล็กน้อย
"เห้ย นี่มันเริ่มจะมืดแล้วนะเดินทางตอนกลางคืนมันอันตรายนะเว้ย"
"อืม" ปฐพีตอบอย่างเย็นชาก่อนจะรอให้เพลิงพรายและสายฟ้าที่เดินและบินตามหลังมาทัน
"เพลิงพรายมานี่หน่อยสิ มาวัดความสูงกับวาตะหน่อย" ปฐพีพูดอย่างหน้านิ่งๆ เพลิงพรายเริ่มงุนงงกับปฐพีแต่ก็ทำตามแต่โดยดีเพราะเธอรู้ว่าปฐพีคงต้องการอะไรบางอย่าง
"อืม เท่ากันดี" สิ้นเสียงของปฐพี เขาก็เอามือกอดทั้งสองคนแล้วดันตัวเองให้ตกลงไปใต้เกาะเมฆา
"เว้ยยย" "อ๊ายยย" เสียงตะโกนของวาตะและเสียงกรีดของเพลิงพรายดังลั่นไปทั่วเกาะ ส่วนตัวของสายฟ้าก็บินพุ่งตามลงไปเช่นกันอีกด้านที่เมืองเมฆา
"หึหึ วาตะหวังว่าเจ้าคงจะเจอเรื่องสนุกๆนะ" ยายแก่ยิ้มให้ส่งท้ายก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านตนไป
"นี่สินะเมืองหิมาวดี" ปฐพีพูดขึ้นในขณะที่เสื้อผ้าของเขานั้นเปียกโฉก ข้างหน้าเมืองนั้นเป็นคล้ายๆกับปราสาทพื้นที่พวกเขายืนอยู่ก็เป็นน้ำแข็งคล้ายๆกับเผ่าลมที่เป็นเมฆตามเผ่าของตนโดยเมื่อพวกเขามาถึงก็พระอาทิตย์ใกล้จะขึ้นพอดี
"นี่แกทำอะไรของแกฟะ" วาตะที่อยู่ในน้ำก็บ่นพลางปีนขึ้นไปบนน้ำแข็งที่ปฐพียืนอยู่เช่นกันและที่หลังของเขาก็คือเพลิงพรายที่สลบอยู่
"เห้ย ปฐพี เพลิงพรายเกิดอาการต่อต้านแล้วนะ" วาตะพูดก่อนจะวางเธอลงที่พื้นข้างๆปฐพี
อาการต่อต้านคือเมื่อชนเผ่าของธาตุใดธาตุหนึ่งเจอกับธาตุที่ชนะตนเช่น เพลิงพรายที่เป็นธาตุไฟเมื่อโดนน้ำก็จะเกิดอาการต่อต้านเพราะเผ่าน้ำนั้นชนะเผ่าไฟของตนเมื่อโดนมากๆเช่นทั้งตัว
อาการของการต่อต้านคือจะสลบไปจนกว่าธาตุนั้นจะหายไปเช่นถ้าเกิดว่าเสื้อผ้าของเพลิงพรายแห้งก็จะฟื้นขึ้นมาเอง
"นั่นสินะ ฉันเผลอลืมไป" ปฐพีค่อยๆย่อตัวลงไปและอุ้มเพลิงพรายเหมือนกับเจ้าหญิงที่หลับในอ้อมแขนของเจ้าชาย
"เข้าไปสิรออะไรหละ" วาตะที่หลังจากบิดเสื้อผ้าก็รีบเดินนำหน้าปฐพีไปด้วยอาการหัวเสีย
สายฟ้าที่พึ่งบินมาทันก็บินมาเกาะที่บ่าของวาตะ ทั้งคู่เดินมาจนถึงหน้าประตูเมือง ประตูเมืองเผ่าน้ำแข็งนั้นก็เป็นน้ำแข็งเช่นกันโดยถูกแกะสลักไว้อย่างสวยงามด้วยลวดลายเป็นคล้ายๆก้อนผลึก
"ดีนะเนี่ยที่โชคดีมาเจอเมืองน้ำแข็งไม่งั้นจมน้ำตายกันแน่" วาตะบ่นอุบอิบก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ประตูจนแนบชิด
ฉันว่าไม่โชคดีนะ เพราะเพลิงพรายบอกว่าหาธาตุน้ำแข็งก่อนเพราะธาตุน้ำแข็งนั้นชนะธาตุแสง แต่เครื่องร่อนของพวกเราดันไปตกที่เกาะเมฆาก็เลยได้แกมาก่อนนี่ไง
ปฐพีพูดพลางเดินตามหลังไปในอ้อมอกของเขาก็ยังคงเป็นเพลิงพรายที่สลบอยู่เหมือนเดิม เมื่อวาตะเอื้อมมือไปที่ประตูเมือง ประตูกลับเปิดโดยอัตโนมัติ
ประตูค่อยๆเปิดอ้าออกไปจนสุด แต่ไม่ทันที่ทั้งสองจะได้เข้าไปก็มีทหารมารุมล้อมที่ข้างในประตู
"นี่พวกเธอคิดจะมาถล่มเมืองโดยมาแค่สามคนเนี่ยนะ" ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น
"เห้ยผมเปล่านะครับคือผมต้องการจะเข้าไปหาหัวหน้าเผ่าหนะครับ" ทหารเมื่อได้ยินก็ขยับเข้าไปใกล้พวกเขามากขึ้น ปฐพีถอยหลังออกไปอีกหลายก้าวให้ห่างที่สุด
เพราะตอนนี้มือของเขาทั้งสองข้างไม่ว่างที่จะควบคุมธาตุได้ไม่เหมือนกับพวกทหารที่ไม่ได้ถืออาวุธอะไรเลย ปฐพีเดาได้เลยว่าพวกเขาต้องมีทั้งผู้สร้างและผู้ควบคุมแน่นอน
"เห้ย แกจะโอหังมากไปแล้วนะ แกคิดว่าพอมีฝีมือจะฆ่าหัวหน้าเผ่าของเราได้หรอ แน่จริงผ่านเราไปให้ได้ก่อนสิเว้ย" ทหารตะโกนออกมา เสียง เฮ ดังขึ้นจากกองทหารกองนั้น
ทหารที่สวมชุดเกาะและแต่งตัวเหมือนอัศวินกระทืบเท้าลงพื้นก่อนจะเป็นแรงดันเกือบทำให้วปฐพีกระเด็นแต่สำหรับวาตะแล้วนั่นเป็นแค่ลมเบาๆที่ไม่มีผลกระทบกับตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
"เคล็ดวิชาโจมตีน้ำแข็ง" ทหารทั้งกองพูดพร้อมกับก่อนที่ทหารด้านหลังที่แต่งตัวเหมือนจอมยุทธก็สร้างธาตุน้ำแข็งขึ้นมา
ในมือของพวกเขานั้นเป็นก้อนผลึกเล็กๆ ก่อนที่ทหารแถวหน้าจะใช้มือลากมันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
ก้อนน้ำแข็งนั้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนเงาของมันนั้นกลืนกินทั้งวาตะและปฐพี ปฐพีเริ่มทำสีหน้าเคร่งเครียดมากกว่าเดิมเพราะตอนนี้มือของเขาไม่ว่างพอ
และเขาก็ไม่รู้ว่าจะสามารถควบคุมธาตุน้ำแข็งที่ก้อนใหญ่ขนาดนั้นได้รึเปล่าเช่นกัน
"สลาย" สิ้นเสียงของทหารทั้งกอง น้ำแข็งผลึกใหญ่ก็แตกออกมาเป็นเสี่ยงเล็กๆ และพุ่งตกลงมาใส่ทั้งสอง
"หยุดนะ" เสียงอันแข็งทื่อของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างในเมือง
"องค์หญิง พวกเรารีบสลายน้ำแข็งเร็ว" น้ำแข็งอันแหลมคมที่พุ่งลงมากลับกลายเป็นน้ำที่ตกลงมาโดยเมื่อรวมทั้งหมดที่ตกลงมาแล้วแทบจะเป็นฝนได้เลยทีเดียว ทหารทั้งหมดนั่งขุกเข่าก้มหัวให้หญิงสาวคนนั้น
เธอเดินผ่านกลางของกองทหารพวกนั้น เธอแต่งชุดผ้าไหมสีน้ำเงินที่มีลวดลายสวยงามและมีผ้าพันคือสีน้ำเงินและลายเช่นเดียวกัน
"องค์หญิงตัวจริงหรอเนี่ย" วาตะพึมพัมเบาๆ
"ขอโทษนะคะที่ทหารของฉันทำรุนแรง คุณจะมาพบท่านพ่อใช่ไหมค่ะ" เด็กสาวพูดด้วยเสียงอ่อนโยนและทำใบหน้ายิ้มแย้มแม้มันจะค่อนข้างแข็งทื่ออยู่บ้างก็ตามทีเถอะ
"แขกของท่านหรอครับเจ้าหญิง.." ทหารพูดด้วยเสียงสั่นๆ เพราะรู้ดีว่าตนได้ทำสิ่งที่ไม่ควรแล้ว
"อย่าให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกหละ" เธอตอบกลับทหารเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะผายมือเข้าไปในเมือง
"เชิญเข้ามาในเมืองเลยคะ ยินดีต้อนรับสู่เมืองหิมาวดีนะ ส่วนฉันชื่อหิมาลัยคะเป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่าน้ำแข็งเองค่ะ"
หิมาลัยพูดพลางพาทั้งคู่เดินเข้าไปในเมืองโดยไม่สนใจเพลิงพรายที่หลับอยู่ในอ้อมแขนของปฐพีแม้แต่น้อย โดยเธอคิดว่าคงจะเหนื่อย แต่จริงๆแล้วหารู้ไม่ว่าเธอเกิดอาการต่อต้าน
โดยถ้าคิดตามความจริงแล้วทหารพวกนั้นทำถูกต้องแล้วที่โจมตีพวกปฐพี เพราะถ้าดูจากภายนอกเขาก็รู้ได้เลยว่าเพลิงพรายนั้นเป็นเผ่าไฟ
เนื่องจากตัวเปียกโฉกไปด้วยน้ำและยังสลบอีกและไม่มีทางที่จะเกิดอาการเหนื่อยได้เพราะตั้งแต่เมืองเผ่าดินถึงที่นี่ก็มีแต่น้ำเท่านั้น
ถึงแม้พวกเขาจะแปลกใจก็ตามที่พวกเขามาได้โดยที่ไม่ใช้เครื่องร่อน โดยไม่รู้เลยว่าทั้งคู่โดดลงมาจากเกาะเมฆา
ด้านของปฐพีและวาตะ ก็กำลังเดินตามหิมาลัยเข้าในเมือง ในเมืองนั้นดูครึกครื้นกว่าที่วาตะคิดไว้เยอะเพราะว่าพวกเขาเป็นแขกซึ่งกว่าจะเข้าไปได้ก็ต้องผ่ากองทหารเข้าไป
แต่ในเมืองนี้มีทั้งพ่อค้าและนักท่องเที่ยวจากเผ่าอื่นๆมากมาย
ทำให้เขาเริ่มเกิดอาการโกรธเล็กน้อยที่เผ่านี้แบ่งแยกเป็นสองมาตราฐานโดยที่ไม่รู้ความจริงเลย
"ว่าแต่" หิมาลัยเริ่มเป็นคนเปิดบทสนทนา วาตะมองมาที่ปฐพี ปฐพีทำท่าขมิบปากเข้าไปข้างในหมายความว่าให้เงียบเอาไว้ พยายามอธิบายข้อมูลให้น้อยที่สุด
"คือว่า ต้องการซื้ออะไรก่อนจะเข้าไปที่บ้านฉันไหมคะ" หิมาลัยหันมาถามด้วยสีหน้าเรียบๆ
เพราะมันเป็นพื้นฐานของคนธาตุน้ำแข็งที่จะแสดงอารมณ์ออกยากแต่ก็สามารถใช้หลอกศัตรูได้ในบางครั้ง
เอ่อ ไม่เป็นไร วาตะตอบด้วยความเกรงใจแฝงความกลัว
ทั้งคู่เดินไปจนถึงข้างในสุดเมือง ข้างหลังของเมืองหิมาวดีนั้นเป็นภูเขาสูงที่ปิดบังแสงอาทิตย์เอาไว้
และมีคฤหาสน์หลังหนึ่งตั้งตระง่านอยู่โดยถูกสร้างขึ้นจากน้ำแข็ง วาตะถึงกับตะลึง และชี้ไปที่ คฤหาสน์นั้น และถามหิมาลัย
"อย่าบอกนะว่านั่นบ้านเธอ" วาตะกลืนน้ำลายก้อนใหญ่
"ใช่คะ บ้านฉันเอง" หิมาลัยพูดพลางเดินไปจนถึงหน้าคฤหาสน์ วาตะมองปฐพีที่สีหน้านิ่งเรียบ
โดยไม่ตกใจใดๆทั้งสิ้นเพราะว่าเผ่าดินนั้นก็ใช้ดินในการสร้างบ้านเหมือนกันสำหรับบ้านบางหลังที่มีผู้ควบคุมเพราะบ้านนั้นจะเปลี่ยนรูปร่างอย่างไรก็ได้
วาตะมองขึ้นไปดูที่คฤหาสน์ที่สูงขึ้นไปอีกประมาณ 2 เมตร ด้านหน้าของพวกเขานั้นมีบันไดที่ยาวเหยียดจนถึงประตูทางเข้า ทั้งสองเดินขึ้นไปเรื่อยๆ
โดยที่เพลิงพรายนั้นก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่น ส่วนสายฟ้าก็ยิงเกาะที่บ่าของวาตะโดยทำท่าเหมือนไม่รุ้ว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งสิ้น
ประตูค่อยๆเปิดอ้าออกมาช้าๆจนสุดบาน วาตะและปฐพีถึงกับตะลึงเหมือนกับมีสิ่งบางอย่างที่ไม่ควรจะมีได้อยู่ในนั้น
"นี่บ้านของเธอจริงๆหรอเนี่ย"
*เผ่าลมนั้นเป็นเผ่าที่ชอบพูดชอบคุยนินทากับผู้อื่นและชอบความรื่นเริงโดยประโยชน์ของชนเผ่าธาตุลมนั้นก็คือการพูดนั่นเอง
เพราะการพูดอาจจะทำให้อีกฝ่ายอ่อนไหวได้ก็เหมือนกับสายลมที่พัดจนต้นไม้บางต้นถึงกับต้องหันไปตามกระแสลม
__________________________________________________________________________
บทที่ 4 : วาตะหิมาลัย
"นี่มันสุดยอดมาก" วาตะ เดินเข้าไปในก่อนใครและเริ่มชื่นชมความงาม
ปฐพีที่อุ้มเพลิงพรายอยู่ก็เดินตามเข้าไป วาตะเริ่มเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆจนเจอกับประตูบานใหญ่ๆบานหนึ่งด้านบนของบานประตูนั้นมีสัญลักษณ์รูป
มือที่มีน้ำแข็งรายล้อมจับมือกับอีกมือหนึ่งที่มีเมฆหมอกปกคลุม
"มีพันธมิตรด้วยหรอ"วาตะพึมพัมเบาๆ
พันธมิตรก็คือการที่เผ่าหนึ่งเผ่าร่วมมือกันกับอีกหนึ่งเผ่าเมื่อมีสงครามก็จะออกช่วยรับ
โดยที่ทั้งสองเมืองนี้จะรับผลประโยชน์ซึ่งกันและกันรวมถึงการปกครองเองด้วยเช่นกัน
วาตะค่อยๆดันประตูไปช้าๆ ปฐพีเริ่มเร่งฝีเท้าเดินตามไปอย่างรวดเร็วรวมทั้งหิมาลัย เมื่อประตูเปิดออก
ข้างในนั้นเป็นห้องเล็กๆ มีทหารยืนชิดกำแพง และด้านในสุดนั้นก็มีแท่นเก้าอี้แห่งราชาที่มีเพียงแค่ราชาของเมืองเท่านั้นที่นั่งได้
"อ้าว ว่าไงลูกพาเพื่อนมาเล่นที่บ้านหรอ" เสียงทักทายจากชายแก่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้นดังขึ้น
"ค่ะพ่อ คนพวกนี้เขาบอกว่าเป็นแขกของพ่อค่ะ" หิมาลัยเดินเข้าไปหาพ่อของเธออย่างรวดเร็ว
ปฐพีและวาตะก็ค่อยๆเดินตามไป เมื่อพระราชาเห็นปฐพีที่อุ้มเพลิงพรายอยู่ก็ตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว
"ทหารจับชายคนนั้นไว้" ทหารที่ยืนแข็งทื่อหยิบดาบออกมาและวิ่งกรูมาล้อมปฐพีและวาตะไว้
สายฟ้าที่เกาะอยู่บนไหล่ของวาตะก็บินไปเกาะบนไหล่ของเพลิงพรายแทน
"เห้ยๆ หน้าฉันก็ออกจะเป็นมิตรนะ" วาตะเดินถอยหลังไป 2 ถึง 3 ก้าว
"คุณพ่อค่ะ ทำอะไรหนะ" หิมาลัยงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"กล้ามากนะที่พาเผ่าไฟเข้ามาในเมืองหิมาวะดีแบบนี้ สัญญาสันติจบลงแล้ว"
พระราชาตะโกนเสียงดังทำให้หิมาลัยที่ยืนอยู่ข้างก็ยังต้องตกใจที่เห็นพ่อตัวเองเป็นแบบนี้
"ใจเย็นสิท่านพวกผมไม่ได้มาทำมิดีมิร้ายนะครับ" วาตะรีบแก้ตัว แต่ทหารก็ยังคงขยับเข้าใกล้เรื่อยๆ
จนทั้งสองเดินถอยหลังไปจนเกือบถึงประตูทางออก
โดยที่ประตูนั้นก็เปิดอ้าเหมือนรอให้พวกเขาออกไป
"วาตะ พูดไปพวกนั้นก็ไม่ฟังแล้ว" ปฐพีที่เดินถอยหลังตามกันบอก วาตะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียดแทน
"ปฐพีฉันอุ้มเพิงพรายเอง" วาตะพูดก่อนจะสร้างธาตุลมในมือ ปฐพีวางเพลิงพรายที่ยังไม่ได้สติลงที่พื้นก่อนจะดึงธาตุลมมาไว้ในมือของตน
และผลกรรมก็ไปตกที่วาตะคนเดียวอีกรอบที่อุ้มเพลิงพรายไว้
"ทหาร พวกมันเริ่มต่อต้านแล้วฆ่าได้เลย" ราชาลุกจากเก้าอี้และเดินตามหลังไปช้าๆ "เดี๋ยวสิค่ะคุณพ่อใจเย็นกันก็ได้" หิมาลัยรีบพูดช่วยทั้งสองคนนั้น
"โจมตี" เสียงตะโกนออกจากปากหัวหน้าใหญ่ซึ่งเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ทำงานในระบบแบบป้อนคำสั่ง
ทหารที่ล้อมเขาอยู่พุ่งโจมตีมาพร้อมกันราวดังมีดที่กระหนั่มแทงเข้ามา
ปฐพีก้มตัวลงและดันธาตุลมอัดลงที่พื้นทำให้เกิดแรงลมกระจายรอบตัวเขาเกิดเป็นกำแพงลมล้อมรอบ ดาบที่พุ่งมาก็เด้งลอยขึ้นไปบนฟ้าราวกับเวทย์มนต์
"วาตะวิ่งเร็ว" ปฐพีตะโกนก่อนจะวิ่งออกไปที่บันได วาตะก็ไม่รอช้าอุ้มเพลิงพรายขึ้นมาและวิ่งตามลงไป
เมื่อกำแพงลมหายไป ทหารก็วิ่งตาลงบันไดไปเช่นกัน ปฐพีและวาตะ วิ่งฝ่าวงล้อมของพ่อค้าและผู้ซื้อของมากมายก่อนจะวิ่งไปที่ประตูทางออกโดย
แต่ยังไม่ทันถึงก็มีทหารวิ่งมาดักหน้าพวกเขาและล้อมตัวพวกเขาไว้อีกครั้ง แต่ที่แปลกจากครั้งก่อนคือครั้งนี้มีทหารรวมเกือบราว 50 คนเลยทีเดียว
ทำให้พวกเขาหมดทางหนีอีกครั้งวาตะวางเพลิงพรายไว้ที่พื้นก่อนจะลุกขึ้นมาและสร้างธาตุลมไว้ในมืออีกครั้งเช่นกัน
"เดี๋ยว" เสียงแข็งของผู้หญิงดังขึ้น
"หิมาลัยหรอ" วาตะมองหาต้นเสียง หิมาลัยวิ่งตามหลังพ่อของตนมา
"หลบไปเดี๋ยวนี้นะ หิมาลัย เดี๋ยวคนพวกนี้ก็ฆ่าลูกหรอก" พระราชาพูดเสียงแข็ง
"พ่อค่ะ งั้นหนูขอฆ่าพวกเขาเองเถอะค่ะ" หิมาลัยทำหน้าเครียดก่อนจะเร่งความเร็วนำพ่อของเธอและฝ่าวงล้อมทหารเข้าไปใกล้ทั้งสองคน
"เดี๋ยวสิ ลูก" พระราชาที่ตามหลังมาก็ดูเหมือนจะห้ามไม่ทันแล้ว วาตะกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเช่นเธอเพราะถ้าต้องสู้กับผู้หญิงคนนี้คงต้องคิดผิดแน่ๆ
หิมาลัยยื่นหน้าเข้าไปใกล้หูของวาตะก่อนจะกระซิบเบาๆ
"เธอไม่ได้มาทำลายเผ่าของพวกเราใช่ไหม" วาตะที่ได้ยินก็ถึงกับตกใจที่มีคนมาไว้ใจตนเองแบบนี้ ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นคงฆ่าเขาไปแล้ว
"ใช่" วาตะตอบกลับไปเบาๆ หิมาลัยยิ้มออกมาเล็กน้อย
"นายนี่เชื่อใจได้จริงๆด้วย" หิมาลัยทิ้งคำสุดท้ายไว้ให้ ก่อนจะก้มเอามือไปแตะพื้นน้ำแข็ง
เมื่อนิ้วของเธอสัมผัสโดนมัน น้ำแข็งบริเวณนั้นก็พุ่งขึ้นไปพร้อมกับปฐพี,วาตะและเพลิงพราย
เช่นกันเมื่อมันพุ่งขึ้นไปจนถึงจุดหนึ่งที่สูงกว่าบนยอดหลังคาตึกอื่นๆ
ก็มีน้ำแข็งต่อยอดออกมาจากเสานั้นเป็นทางสไลเดอร์ลงไป ทั้ง 3 ไถลลงไปตามน้ำแข็งและข้ามไปอีกฝากหนึ่งของเมือง
ปฐพีพยายามหาที่เกาะเอาไว้เพื่อที่จะช่วยหิมาลัยมาด้วยแต่ก็ดูเหมือนไม่ทันแล้ว
"หิมาลัย" วาตะตะโกนลั่นสุดเสียง ก่อนจะมีเสียงตอบกลับมา
"โชคดีนะ"
เมื่อทั้งสามมาตกอีกฝากหนึ่งของเมือง ปฐพีก็รีบอุ้มเพลิงพรายและรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนสายฟ้าก็สะบัดตัวให้ลุกขึ้นและบินไปเกาะบนไหล่ของเพลิงพรายเช่นดิม
"เร็ววาตะ รีบหนีได้แล้ว" วาตะที่ล้มนอนลงอยู่ก็ลุกขึ้นเช่นกัน ก่อนจะเดินไปอีกทางหนึ่ง
"จะไปไหนวาตะ ทางออกมันอยู่ทางนี้นะ" ปฐพีเรียกวาตะที่เดินไปโดยไม่สนใจใคร
"ฉันจะไปช่วยหิมาลัย" วาตะพูดเสียงแข็งก่อนจะเดินไปอย่างไม่สนใจใคร
"ก็ได้แล้วแต่นายแล้วกัน อยากจะปล่อยให้หิมาลัยตายเปล่าก็ตามใจ" ปฐพีตะโกนออกมาครั้งสุดท้ายก่อนที่เงาของวาตะจะหายไป
พ่อค้าและลูกค้ามากมายต่างมุงดูปฐพีด้วยความแปลกใจ
"เพลิงพราย" เสียงชายหนุ่มดังขึ้น เขาเดินฝ่าวงล้อมเข้ามาใกล้ปฐพี
เขามองดูชายที่เดินมาด้วยความงุนงงที่รู้จักกับเพลิงพรายและความงุนงงส่วนหนึ่งก็เกิดจากการแต่งตัวของเขา
ที่มีผ้าขาดๆสีดำคลุมตัวเขาไว้และมีผ้าโผกหัวที่เหลือแต่ดวงตาเท่านั้นเหมือนต้องการปิดบังอะไรบางอย่าง
"เห้ย แกเป็นใครหนะ" ชายแปลกหน้าพูดขึ้นเป็นปฎิกิริยาทำให้ปฐพีกำหมัดแน่น พร้อมกับจ้องตาอันคมกริบ
"แล้วแกหละเป็นใคร" ปฐพีถามย้อน
"ฉันเป็นแฟนของเพลิงพราย แล้วแกมาทำอะไรแฟนฉัน" ปฐพีได้ฟังก็ถึงกับตกใจที่คนอย่างเพลิงพรายก็มีแฟนด้วย
แต่เขาก็ไม่รอช้า อุ้มเพลิงพรายและเดินไปใกล้ชายคนนั้น
"เอ้า นี่ฝากเพลิงพรายกับนกนี่ด้วยนะด้วยนะด้วยนะ" ก่อนจะยื่นตัวเพลิงพรายมีสายฟ้าเกาะอยู่บนไหล่ให้ชายแปลกหน้า และวิ่งฝ่าวงล้อมออกไป
"เห้ย แล้วแกหละจะไปไหน" เสียงเบาๆลอดออกมาจากวงล้อม ปฐพียิ้มก่อนจะตอบกลับไปเสียงดังว่า
"ไปช่วยเพื่อนฉันหนะสิ"
"นี่ลูกทำอะไรหนะ รู้ไหมไปช่วยคนเลวแบบนั้นป่านนี้พ่อค้าคงโดนฆ่าไปเยอะแล้วมั้ง" ราชาขมวดคิ้ว
"พวกเขาไม่ได้ป่าเถื่อนนะค่ะท่านพ่อ มันเกี่ยวกันด้วยหรอว่าเป็นคนเผ่าอื่นหนะ" หิมาลัยที่โดนทหารรายล้อมก็เถียงกลับ
"ไอ้คนเผ่าอื่นๆหนะมันเชื่อใจไม่ได้หรอกลูก มีเพียงแค่เผ่าพวกเรานั่นแหละเป็นผืนดินแผ่นสุดท้ายให้ลูกอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ลูกไม่มีที่อยู่แล้ว ลูกเป็นกบฏแล้ว" ราชาชี้นิ้วสั่งทหารโจมตีลูกสาวของตน
"หนูยอมเป็นอยู่แล้วเพื่อช่วยคนที่ถูกต้องค่ะ" หิมาลัยตอบเสียงแข็ง
"พ่อขอโทษด้วยนะ หิมาลัย" ราชาทิ้งท้ายคำขอโทษไว้ด้วยคราบน้ำตาก่อนจะสั่งโจมตี
"โจมตี" ทหารเริ่มง้างดาบสูงขึ้น
"ถ้าไม่มีที่ให้อยู่หละก็ มาอยู่กับฉันก็ได้นะ" เสียง เสียง หนึ่งดังขึ้นทำให้ทหารหยุดชะงัก
"เธอกลับมาทำไม" หิมาลัยหันไปมองต้นเสียงวาตะที่กำลังวิ่งเข้าไปใกล้ก็ตอบกลับไป
"ก็มาช่วยเธอหนะสิ ถามมาได้" วาตะกระโดดขึ้นเหยียบไหล่ของทหารก่อนจะกระโดดลอยตัวข้ามไปลงที่กลางวงล้อมพอดี
"มาตายพร้อมกันได้เลยนะ ทหารโจมตี" พระราชาไม่รอทั้งสองสั่งเสียก็สั่งทหารให้โจมตี
ทหารทั้ง 8 ทิศฟาดฟันดาบไปหาทั้งสอง วาตะกระโดดลอยขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะพุ่งตัวลงมาถีบทหารข้างหน้าตนให้ล้มลง
หิมาลัยสร้างธาตุน้ำแข็งขึนให้มีรูปร่างก่อนจะทำเป็นโล่ป้องกันดาบที่พุ่งเข้ามาและสะบัดดาบให้หลุดออกจากมือทหารไปก่อนจะกระโดดเตะทหารให้ล้มไปตามๆกัน
เมื่อเธอลงมาถึงพื้นก็พลาดถ้าถูกทหารวิ่งมาจับแขนและล๊อคตัวไว้ หิมาลัยพยายามสร้างธาตุต้านทำให้มือของทหารแข็ง
แต่มันก็ไม่ได้ผลเพราะทหารก็เป็นธาตุน้ำแข็งเช่นกัน วาตะรีบหันหลังกลับก่อนจะง้างหมัดต่อยแต่ก็ไม่ทันจะได้ปล่อยไปทหารก็เข้ามาล๊อคตัววาตะเช่นเดียวกัน
"ปล่อยฉันนะ" วาตะพยายามดิ้นและพยายามสร้างธาตุต้านเช่นกันแต่ก็ไม่ได้ผลเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ลดละเช่นเดียวกับหิมาลัยที่ยังคงสร้างธาตุใส่แขนของทหาร
"ตัดหัวมันทหาร" พระราชาสั่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังกลับและเดินกลับบ้านของตนไปอย่างช้าๆพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก เหมือนกับรู้จุดจบ
ทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาข้องหน้าวาตะก่อนจะยกดาบขึ้น ตรงกับหัวของเขา ช่วงนั้น ธาตุลมของวาตะและธาตุน้ำแข็งของหิมาลัยก็แผ่วเบาลง
"ธาตุอ่อนลง" หิมาลัยพูดด้วยความงุนงง
"มาแล้วหรอ ให้รอตั้งนาน" วาตะยิ้มออกมา
"แกยิ้มอะไรว่ะ" ทหารที่ล๊อคตัวเขาถาม
"หันไปดูสิ" วาตะตอบก่อนที่ทหารทั้งกองทัพหันหลังกับมองพร้อมกับพระราชาที่เดินไปได้สักครู่และหิมาลัยเช่นกัน
มีชายคนหนึ่งยืนอยู่บนหลังคาเขาถือธาตุ ลมและน้ำแข็งไว้ในมือของตนเอง
"ควบคุมได้ทั้งธาตุ ลมและน้ำแข็งหรอ" พระราชาที่ยืนดูอยู่ห่างก็ตกตะลึงเหมือนกัน
"วาตะหิมาลัย ขอโทษที่มาช้านะ" ปฐพีตะโกนเสียงดัง ก่อนจะยกมือทั้งสองขึ้นฟ้าและน้ำธาตุทั้งมารวมกัน
ระหว่างมือของปฐพีเกิดแสง ก่อนที่เขาจะค่อยๆขยายมืออกทำให้ แสงที่อยู่ระหว่างมือของเขาเป็นก้อนกลมๆเล็กๆค่อยๆใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆ
จนกลายเป็นก้อนกลมๆมีแสงสีน้ำเงินและเขียวส่องไปมาจนเงาของมันกลืนกินเมืองหิมาวดีทั้งเมือง
"ไม่น่าเชื่อ" หิมาลัยตาค้างพร้อมกับพึมพัมอยู่คนเดียว ก่อนที่ก้อนวงกลมจะแตกออกแล้วกลาอยเป็นพายุหิมะยักษ์ ที่มีน้ำแข็งรายล้อมอีกชั้นหนึ่ง
ปฐพีเมื่อพอใจในขนาดของพายุก็กระโดดพุ่งตัวไปบนฟ้าจนอยู่ใต้ทหารทั้งกองทัพและเหวี่ยงมือพุ่งลงไปที่พื้นทำให้พายุหิมะยักษ์พุ่งไปลงที่ใจกลางวง
ทหารทั้งกองทัพถูกดูดเข้าไปในพายุหิมะยกเว้นวาตะ และหิมาลัยที่อยู่ในใจกลางพายุ ก่อนที่พายุหิมะยักษ์จะลอยขึ้นไปจนสุดท้องฟ้า
และแตกตัวออกมาเป็นสายฝนหิมะเล็กๆ ทหารที่ถูกดูดขึ้นไปก็ตกลงมาใส่หิมะทำให้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ปฐพีที่ตกลงมาจากท้องฟ้าก็ตกลงใส่หิมะเช่นกันก่อนจะฝุบตัวลงไปนอนแผ่อีกตามเคย
"พึ่งจะเคยเห็นหิมะเป็นครั้งแรกนะเนี่ย ฮิฮิ" ปฐพีพึมพัมกับตัวเองและหัวเราะเบาๆก่อนที่จะสลบลงไปอีกเช่นเคย
"วาตะนั่นเพื่อนเธอแน่หรอ"
*เผ่าน้ำแข็งนั้นเป็นเผ่าที่เยือกเย็นและสงบนิ่งทำให้ไม่อ่อนไหวต่อสิ่งใดๆและจะเป็นประโยชน์ตอนต่อสู้
เพื่อที่จะไม่หลงกลศัตรูง่ายๆด้วยการที่ธาตุน้ำแข็งสามารถจับโกหกได้ง่ายมากๆเพราะพื้นฐานคือการช่างสังเกต
บทที่ 5 : เพลิงพระพาย
แสงแดดยามบ่ายสาดส่องผ่านเมืองหิมาวดีอย่างงดงามเป็นภาพที่จะหาดูไม่ได้จากที่ที่ใดอีกแล้ว
เพลิงพรายลืมตาขึ้นในห้องห้องหนึ่งซึ่งเมื่อมองดูรอบๆก็เหมือนกับห้องของเด็กผู้หญิงทั่วๆไป แต่ไม่ทันที่เพลิงพรายจะได้ลุกก็มีใบหน้าที่ค่อยๆใกล้เข้ามา
"เพลิงพรายจ๋า มาจุ๊บหน่อย"ชายคนนั้นพูดอย่างแผ่วเบา
เพลิงพรายบิดตัวหลบก่อนจะเหวี่ยงมือเข้าไปที่ใบหน้าของชายคนนั้น เพี๊ยะ ความรุนแรงของผ่ามือที่กระทบกับใบหน้าทำให้เกิดเสียง
ชายคนนั้นกระเด็นทะลุประตูห้องลอยไปจนกระแทกกับผนังด้านนอก
"หนอย..แก..วาโย"เพลิงพรายพูดเสียงดุ วาโยที่โดนตบกระเด็นก็ค่อยๆลุกขึ้นมาพร้อมกับ
หน้าตาที่ปูดขึ้นจนบังใบหน้าเกือบทั้งหน้า
"ไม่คิดถึงกันหรอจ๊ะ ที่รัก" เพลิงพรายกระโดดลุกจากเตียงด้วยความฉุนก่อนจะเตะก้านคอของวาโย
ทำให้ตัวเขากระเด็นไปกระแทกกับหน้าต่างก่อนจะพุ่งลอยออกจากคฤหาสน์
เพลิงพรายยังมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะหลังจากที่เธอตกลงมาจากเกาะนภาเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
ก่อนจะเดินออกมาจากห้องและเริ่มเดินสำรวจ ภายในมีทหารยืนเฝ้ามากมายตามทางเดินจนเธอเดินมาถึงห้องโถงใหญ่
และได้ยินเสียงพูดคุยกันดังขึ้นจากประตูบานใหญ่ เธอเปิดประตูและเดินเข้าไป
"อ๋อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง ฮ่า" พระราชาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หัวเราะออกมาดัง เมื่อได้ฟังความจริงทั้งหมดจากปากของปฐพี
ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รวมทั้งวาตะและหิมาลัยด้วย ด้านหน้ามีโต๊ะและอาหารวางเรียงราย
"อ้าวสวัสดีแม่สาวเจ้าแห่งไฟ" พระราชาตะโกนทักทายเพลิงพรายด้วยความชม เพลิงพรายขมวดคิ้วและ
กำหมัดแน่นในใจเพียงแต่หวังให้ตนเองไม่เผลอลงมือ พระราชาลุกจากเก้าอี้ก่อนจะวิ่งไปกระโดดพุ่งเข้าหาเพลิงพราย
"ขอกอดทีสิจ๊ะ" เพี๊ยะ ความรุนแรงของผ่ามือที่กระทบกับใบหน้าทำให้เกิดเสียงอีกครั้ง
ตู้ม พระราชาพุ่งกระทบกับกำแพงและลอยออกไปจากคฤหาสน์เช่นเดียวกัน
"..." ภายในเวลานั้นห้องกับตกอยู่ในความเงียบงัน
"โทษทีนะพอดีพ่อฉันเมาหนะ" หิมาลัยพูดขณะกำลังเคี้ยวอาหาร
"ว่าแต่เธอเป็นใครหละเนี่ย" เพลิงพรายทำหน้าสงสัย "ฉันชื่อหิมาลัยเป็นธิดาของเจ้าเมืองหิมาวดีแห่งนี้เอง"เมื่อพูดจบเพลิงพรายก็ยิ้มดีใจ
"นี่เรามาถึงนี่แล้วหรอไวจังเลย" สายฟ้าที่เกาะอยู่บนไหล่ของปฐพีก็บินไปเกาะบนไหล่ของเพลิงพรายแทน
ก่อนจะจิกเข้าให้ที่แก้ม จังหวะนั้นเพลิงพรายก็พึ่งนึกขึ้นได้ถ้าเป็นลูกแล้วคนที่เธอตบไปก็
"ใช่ ถูกแล้วเธอตบกษัตริย์ปลิวไปแล้วไง" ปฐพีตอบหน้าเงียบ เพลิงพรายได้แต่ยืนนิ่งค้างทำหน้าซีด
"ว่าไงสาวๆ" วาตะที่เข้าห้องน้ำเสร็จเดินมาก่อนจะเอามือแตะไหล่ของเพลิงพรายอีกข้าง
และเริ่มการทักทายตามปกติโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเพลิงพรายคิดว่าเขาคือวาโย
"ว่าไง.." ไม่ทันจะได้พูดจบ เพี๊ยะ ความรุนแรงของผ่ามือที่กระทบกับใบหน้าทำให้เกิดเสียงเป็นครั้งที่3ร่างของวาตะปลิวไปกระแทกกับปฐพี
"แค่กๆ เธอจะบ้าหรอ ตบฉันทำไมเนี่ย" วาตะที่ล้มก็รีบลุกขึ้นเดินไปชี้หน้าด่าอย่างเมามัน
"เป็นอะไรของเธอเมนส์ไม่มารึไง" เพี๊ยะ ร่างของวาตะลอยละลิ่วไปอีกครั้งหนึ่งจนตกลงที่พื้น เพลิงพรายที่โมโหเกินจะโมโหก็พูดขึ้น
"นายมีปัญหารึไง" เพลิงพลายก็สวนกลับทันที
"ใช่แล้วทำไมหละ" ทั้งคู่ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา จนสายฟ้าที่เกาะอยู่ที่ไหล่รำคาญและบินไปเกาะที่ไหล่ของปฐพีเหมือนเดิม
"ขอโทษด้วยนะสองคนนี้ก็แบบนี้แหละ" ปฐพีพูดให้หิมาลัยฟัง
"นั่นสินะคะ ยังไงฉันก็ชอบอยู่เงียบๆมากกว่า" หิมาลัยพูดก่อนจะวางช้อนซ้อมลง โดยที่ข้างหลังของทั้งสองก็คือศึกระหว่างชายธาตุลมและหญิงธาตุไฟ
"เอาหละๆ"พระราชาที่ค่อยๆเดินขึ้นมาจากบันไดก็พูดขึ้น
"คือว่าพวกเธอมาหาคนที่สร้างธาตุน้ำแข็งสินะ เรามีทหารให้เลือกมากมายเชิญตามสบายเลยถูกใจคนไหนก็เอาไปเป็นพวกได้เลยนะ"
พระราชาพูดก่อนจะเดินเข้าไปในห้องและนั่งลงที่เดิมของตน เพลิงพรายที่กำลังทะเลาะกับวาตะก็เดินไปนั่งข้างๆปฐพีรวมทั้งวาตะด้วย
ทั้งคู่นั่งใกล้กันโดยมีปฐพีเป็นแนวกั้นส่วนหิมาลัยนั้นนั่งตรงข้ามเก้าอี้ของปฐพี
"หนูจะไปเองคะพ่อ"หิมาลัยขอเสนอตัวเอง พระราชาจ้องมาทางลูกสาว "แหม จะให้ลูกสายสุดที่รักของพ่อไปเจออันตรายได้ไงหละจ๊ะ จุ๊บๆ"
พระราชาเดินเข้าไปใกล้หิมาลัยทำหน้าตาอ้อนวอน หิมาลัยเอามือบังหน้าพ่อของตนไว้ "พ่อคะหนูไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ" หิมาลัยพูด
ก่อนจะหยิบม้วนกระดาษออกมาและเอานิ้วพ่อของตนจุ่มลงในซอสและนำมาแปะเข้าที่กระดาษของตน
"เรียบร้อย เดี๋ยวฉันจะไปกับพวกนายด้วย"หิมาลัยพูดอย่างหน้านิ่งๆ ก่อนจะเก็บม้วนกระดาษเข้าไป
"เอาเป็นว่าถ้ากินเสร็จแล้วจะไปไหนก็ตามสบายเลยแล้วกันเดี๋ยวค่อยกลับมาเจอกันตอนเวลา 6โมงเย็นแล้วกัน" พูดจบหิมาลัยก็ลุกแล้วเดินออกไป
ส่วนพระราชาก็นอนสลบกองอยู่ที่พื้นโดนที่ทหารยามก็ยังยืนดูอย่างเฉยเมยปฐพีจ้องไปที่เพลิงพรายก่อนจะถามคำถาม
"เธอไม่หิวหรอเพลิงพราย" เพลิงพรายมองหน้าของปฐพีอย่างแปลกใจ
"ฉันไม่หิวขอบคุณ" เมื่อพูดจบเพลิงพรายก็ลุกแล้วเดินออกไป
"เดี๋ยวนะ นี่ใครเป็นคนพาเพื่อนฉันให้มาเฝ้าฉันเนี่ย" เพลิงพรายหันกลับไปมองทั้งสองคนที่นั่งอยู่
"ฉันเองแหละ" ปฐพีตอบอย่างเรียบๆ
"นายนี่เอง ปฐพี!!"
เพี๊ยะ
"ไม่น่าเชื่อขนาดฉันยังไม่เว้นเลย"ปฐพีที่ตาข้างหนึ่งเขียวก็พูดขึ้นขณะยืนอยู่ข้างๆระเบียงในของชั้น 3 กับหิมาลัย
"คิก คิก เพื่อนของคุณนี่ตลกดีนะคะ"หิมาลัยหัวเราะเบาๆข้างปฐพี "คนพวกนี้มีเยอะจะตายไป ไม่เคยเห็นหรอ" หิมาลัยพยักหน้าตอบกลับ
"ตอนเป็นเด็กท่านพ่อไม่ให้ฉันออกไปไหนหนะคะ ส่วนมากจะให้เล่นอยู่ในคฤหาสน์" ปฐพีที่ยังคงมองพระอาทิตย์ค่อยๆคล้อยต่ำลงไปก็พูดขึ้น
"เหมือนถูกขังเลยหละสิ เดี๋ยวยังไงเธอจะเจอกับพวกนี้จนเบื่อเลยหละ ฮ่าๆ" ปฐพีหัวเราะขึ้นเบาๆ
"ท่านพ่อคะ" หิมาลัยเดินไปข้างๆพ่อของตนที่นั่งอยู่ในห้องทำงาน
"ท่านพ่อแน่ใจหรอคะว่าพวกนั้นจะไม่หลอกท่านพ่อหนะ" หิมาลัยทำหน้ากังวลก่อนจะถามพ่อของเธอ
"แน่สิอย่างน้อยมันก็อธิบายสำหรับคนที่ควบคุมธาตุได้ทั้งสองธาตุหละจริงไหม อีกอย่าง.." พระราชาหยุดพูดก่อนจะทำหน้ากังวลอีกเช่นกัน
หิมาลัยที่จับสังเกตได้ก็ถามกลับไป
"มีเรื่องอะไรหรอคะพ่อ" หิมาลัยที่อยากจะรู้เหตุผลก็ถามขึ้น
"พ่อจะบอกก็ได้แต่ลูกห้ามบอกปฐพีนะ" หิมาลัยพยักหน้าตอบกลับ
"ไอ้ชลาหัวหน้าเผ่าแสงหนะมันเป็นคนสั่งฆ่าทั้งสองคนเองแหละ" หิมาลัยเมื่อได้ยินก็ถึงกับตาค้าง ก่อนจะค่อยๆเดินออกจากห้องไป
"อย่าลืมหละอย่าให้ปฐพีรู้เด็ดขาด" หิมาลัยที่เดินออกไปห้องไปก็พยักหน้ากลับเบาๆก่อนจะเดินหายไปอีกครั้ง
เมื่อตะวันคล้อยลงจนลับขอบฟ้าไป ก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะมารวมตัวกันซึ่งปกติถือเป็นเรื่องแปลกสำหรับปฐพีที่พระอาทิตย์ตกลงเร็วแม้กระทั่งเวลา 6 โมงเย็น แต่สำหรับคนที่เมืองนี้
ถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะโดยส่วนตัวคนเมืองนี้ก็ไม่ชอบแสงอาทิตย์สักเท่าไร เมื่อพระอาทิตย์ตกลงไป บ้านหลายๆหลังก็ค่อยๆเปิดไฟโดยใช้ตะเกียงจุดไปเรื่อยๆ
จนเมื่อปฐพีหันกลับไปมองอีกครั้งก็เหมือนกับเมืองที่มีแสงออร่าล้อมลอบเพราะแสงของตะเกียงที่กระทบกระน้ำแข็งทำให้ทำให้น้ำแข็งนั้นมีแสงส่องผ่านใสๆซึ่งก็คงจะหาชมไม่ได้อีกแล้วเช่นเดียวกับพระอาทิตย์ตก
"เอาหละตอนนี้เราอยู่ในห้องใต้ดินซึ่งเป็นสถานที่ใช้ศึกสำหรับทหารของพวกเราเองโดยที่ห้องนี้เป็นห้องน้ำแข็.ที่ปล่อยไอเย็นออกมาน้อยมากทำให้สามารถถนอมพลังงานและระบายความร้อนได้ดีเอาเป็นว่ามาเริ่มฝึกกันเลย"
พระราชาและอีก 4 คนที่เหลือตอนนี้อยู่ในห้องน้ำแข็งกว้างๆห้องหนึ่งซึ่งกินพื้นที่ในภูเขาที่คฤหาสน์ตั้งอยู่เกือบ 1 ใน 5 เลยทีเดียว เมื่อพระราชาพูดจบก็เริ่มอธิบายรายละเอียด
"เอาหละ พวกเรารู้แล้วว่าปฐพีนั้นเป็นเผ่าสีดำหรือถ้าจะเรียกให้ถูกเรียกว่า ตัวอย่างสีดำ โดยชื่อนี้ฉันตั้งให้เองจงภูมิใจสะ" ปฐพีที่ทำหน้าซื่อๆก็คิดในใจ 'จะภูมิใจดีไหมเนี่ย'
ตัวอย่างสีดำ มีความหมายว่าตัวอย่างสีดำอย่างตรงตัวซึ่งก็คงมีความหมายโดยรวมว่าตัวอย่างของผู้ที่เกิดในชนเผ่าสีดำเป็นคนแรก
"เอาหละวันนี้ฉันจะมาสอนทริคในการควบคุมธาตุให้ถึงฉันจะไม่รู้หรอกนะว่ามันจะใช้คู่กับพลังพิเศษของเธอได้หรือเปล่าแต่รู้ไว้ไม่เสียหาย" พระราชากระดิกนิ้วเรียกปฐพีเดินก้าวเข้าไปใกล้ๆตน
"คงจะเคยเห็นกันแล้วสำหรับการโจมตีของเผ่าน้ำแข็งโดยมีทั้งหมด 2 รูปแบบต่อการโจมตีหนึ่งท่าซึ่งก็คือ .."
วาตะเหมือนจะรู้ก็เลยตอบ
"เหมือนกับการที่ทหารควบคมธาตุน้ำแข็งขึ้นไปแล้วสลายให้แตกออกมาเป็นกระสุนน้ำแข็งหนะหรอ" พระราชายิ้มแป้นออกมา
"ถูกต้อง เอาหละปฐพี" ก่อนจะจ้องไปที่ปฐพีอีกครั้ง
"ตอนนี้เธอใช้ได้กี่ท่าแล้วหละ" ปฐพีนับนิ้วสักพักใหญ่เกือบ5นาทีก่อนจะตอบกลับไป
"2 ครับ" พระราชาพยักหน้า
"แล้วทำไมรนับนานจังแค่ 2 เอง" ปฐพีเงยหน้าขึ้นมองพระราชาก่อนจะตอบว่า
"พอนับเสร็จผมก็คิดเลขเล่นครับ"
"เอาเป็นว่าเอาท่าระหว่างเพลิงพรายกับวาตะแล้วกันเพราะว่าท่าของวาตะกับหิมาลัยฉันเห็นไปแล้ว"
เมื่อพระราชาพูดจบทั้งคู่ก็หันมามองกันด้วยสายตาเคียดแค้น ก่อนจะสร้างธาตุขึ้นในมือ
ปฐพีดึงธาตุทั้งสองมาอย่างรวดเร็วก่อนจะประกบมือจนเกิดแสงและกลายเป็นพายุเพลิง
"นี่หละถือมันไว้นะปฐพี แล้วลองดูดีๆเธอเห็นธาตุอะไรเสริมธาตุอะไร" พระราชาถามปฐพีไป
ปฐพีมองอยู่พักใหญ่เกือบ 10 นาทีก่อนจะตอบกลับไป
"ไฟเสริมลมครับ" พระราชาเกิดอาการงุนงงที่ทำไมถึงคิดนานจึงถามกลับไปอีกครั้ง
"ทำไมเธอคิดนานจัง" ปฐพีเงยหน้ามองขณะที่มือยังถือวายุเพลิงพระกาฬอยู่ก็ตอบกลับไป
"ผมมองมันเล่นครับมันสวยดี" เพลิงพรายที่ยืนดูอยู่ห่างๆก็เกิดอาการโมโหสำหรับความงี่เง่าของปฐพี
ส่วนวาตะได้แต่นอนขำกลิ้งกับความซื่อตรงของธาตุดิน
"เอาหละที่พวกเธอเห็นก็คือธาตุไฟเสริมธาตุลมใช่ไหม คราวนี้ปฐพี เธอต้องก้าวข้ามขั้นแรกไปขั้นที่งสอง
คือทำให้ธาตุลมหนะเสริมธาตุไฟแทน เป็น เพลิงพระพายไงหละ"
*เผ่าไฟนั้นเป็นเผ่าที่จ้าวอารมณ์ซึ่งอารมณ์ของตนนั้นจะถูกแสดงออกมาผ่านทางใบหน้าหรือการกระทำโดยที่เผ่าไฟเองจะไม่สามารถห้ามปฏิกิริยานี้
ไว้ได้โดยประโยชน์ของชนเผ่าไฟนั้นก็คือพละกำลังนั่นเองเพราะเมื่อตนโกรธก็จะยิ่งลุกโชนและร้อนแรงขึ้นเป็นเปลวเพลิงที่ยิ่งใหญ่
บทที่ 6 : การขอความช่วยเหลือของเผ่าแห่งความมืด
"ท่าในตำนานของเผ่าไฟในนีเทอร์แลนด์ วายุเพลิงพระพาย" เพลิงพรายพูดขึ้นด้วยความตกตะลึง
"ถูกต้อง ตำราคัมภีร์แห่งความทรงจำที่สาบสูญ" ทุกคนสะดุ้งเมื่อได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตำนานที่สาบสูญ
วาตะเองก็เคยได้ยินตำนานนี้มาจากพ่อของเขาเช่นกัน แต่มีเพียงคนเดียวที่ยังโยนธาตุเล่นไปเล่นมา
คือปฐพีคนเดียวที่ไม่ได้จะรู้เรื่องอะไรกับคนอื่นเขาเลยเพราะตัวเองอยู่เผ่าดินจึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตำนานนี้
พระราชามองปฐพีด้วยความเศร้าใจ เพลิงพรายพูดปลอบใจว่า
"ต้องเข้าใจนะคะว่าเขาเป็นเด็กไม่โต"ปฐพีที่พึ่งจะโยนเปลวไฟสีแดงปนเขียวขึ้นไปบนฟ้าก็หันมาถามทั้งสอง
"ใครไม่โตหรอ"
"เห้ยปฐพีวายุเพลิงพระกาฬจะตกแล้ว"วาตะตะโกนให้ปฐพีตื่นตัวแต่ก็ดูจะไม่ทันเสียแล้ว
เมื่อลูกบอลธาตุตกถึงพื้นปฐพีก็สลบไปอีกครั้งพร้อมกับแรงระเบิดอันมหาศาล
ด้านนอกตัวเมืองหิมาวดี
"นี่มันไม่ยุติธรรมเลยว่าไหม ทำไมเธอถึงทำกับฉันแบบนี้" วาโยที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปสู่คฤหาสน์ก็ได้แต่บ่นรําพึงรําพัน
ให้กับสายฟ้าที่เกาะอยู่บ่นหัวของตนฟังไปเรื่อยๆ
"ทำไมกัน ฉันถึงโชคร้ายอย่างนี้" เมื่อวาโยเดินมาถึงหน้าประตู ความโชคร้ายก็เริ่มโจมตีเขาทันที
ตู้ม !!
พายุเพลิงพุ่งออกมาจากประตูคฤหาสน์หลังใหญ่ ซากปรักหักพังบางส่วนของตึกที่ถล่มค่อยๆหล่นลงมาใกล้กับวาโยเข้าไปทุกที
"ย๊ากกกกกก" เสียงนี้แผดลั่นกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
"ดีนะเนี่ยที่น้ำแข็งมันหนาไม่งั้นถล่มมาหมดแล้ว" เพลิงพรายได้แต่บ่นอย่างหัวเสียกับความไม่รอบคอบของปฐพี
โดยที่เจ้าตัวก็สลบแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ด้านหิมาลัยและพระราชาก็สร้างเกาะน้ำแข็งขึ้นมาทัน
"ท่านครับเรามีจดหมาย" เสียงที่ไม่ได้รับเชิญดังขึ้นจากประตูที่ห่างไกล พระราชารีบวิ่งไปดูเมื่อเปิดซองอ่านดูเขาก็เจอปัญหาใหญ่ตามมา
"เด็กๆ เรามีปัญหาแล้ว"
"อะไรนะเผ่าความมืดขอความช่วยเหลือหรอ"เพลิงพรายถามขึ้นขณะที่กำลังเดินไปกับคนอื่นข้างๆเธอ
"ใช่ ดูเหมือนเผ่าแสงมันจะเริ่มเก็บธาตุความมืดต่อจากธาตุลม แล้วเราก็ต้องไปช่วยเพราะยังไงฉันก็เป็นพันธมิตรกับเผ่ามืดอยู่แล้ว"
"แล้ว... ทำไม.. ฉันต้องมาแบกไอ้งี่เง่านี้ด้วยเนี่ย" วาตะที่กำลังอุ้มปฐพีเดินตามหลังขบวนทหารของเผ่าน้ำแข็งก็บ่นขึ้น
หิมาลัยแอบหัวเราะอยู่ด้านหลังเบาๆ
ที่ขบวนทหารเดินออกจากเมืองและมีเป้าหมายจะมุ่งหน้าผ่านป่าแห่งความตาย
เพราะเป็นทางผ่านทางลัดโดยที่ไม่ต้องข้ามการแบ่งเขตส่วนกลาง ป่าที่มีตำนานว่าใครที่เข้าไปแล้วจะไม่สามารถออกมาได้
มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะสามารถออกมาได้และได้เล่าเรื่องต่างๆนาๆมากมายไม่ซ้ำกัน ทำให้ตำนานของป่านี้ก็ยังเป็นเรื่องลึกลับต่อไป
แสงแดดที่ทอแสงฉายเข้าที่ตาปฐพีทำให้เขาเริ่มรู้สึกตัว เขาลืมตาขึ้นก็พบตัวเองนอนพิงต้นไม้อยู่ส่วนด้านหน้าเขาก็เป็นป่าที่รกทึบ
"นี่ฉัน วาร์ป ได้ด้วยหรอเนี่ย เจ๋งชะมัด" ปฐพีที่กำลังตื่นตากับจินตนาการที่ตัวเองคิดก็โดนขัดจังหวะด้วยวาตะ
"วาร์ป บ้านแกสิ นี่ฉันแบกแกมาเนี่ย"
"นายเมารึเปล่าเนี่ย" เพลิงพรายถามแบบประชดประชันแต่ปฐพีก็ตอบแบบซื่อๆว่า
"ไม่"
"นี่ เพลิงพราย วาตะ ปฐพี มาได้แล้ว" หิมาลัยเดินออกจากป่าลึกเพื่อตามทั้ง 3
"ลุกได้แล้วขี้เซา" วาตะดึงปฐพีให้ลุกขึ้นแล้ว
ทั้งสามก็ออกเดินทางเข้าไปในป่าลึก บรรยากาศภายในป่านั้นมืดสนิท
มีเพียงแสงเล็กๆน้อยๆลอดเข้ามา ทางเดินเป็นโคลนตลอดทาง ทำให้ต้องพึ่งแผนที่ในการเดินทางซึ่งตอนนี้ได้ตกอยู่ในมือของหิมาลัยแล้ว
"นี่เธอแน่ใจหรอหิมาลัยว่าถูกทาง" ปฐพีถามด้วยความสงสัย
"นี่เราเดินมาครึ่งทางแล้วนะแล้วมันก็เหมือนในแผนที่ด้วย" เพลิงพรายตอบแทนหิมาลัย
"ตอนเด็กๆ ฉันมักจะออกไปเดินเล่นในเมืองกับท่านพ่อบ่อยๆโดยส่วนมากฉันจะชอบดูแผนที่คะ
ดังนั้นไว้ใจฉันได้"หิมาลัยที่หันกลับไปตอบโดยไม่ทันได้ระวังด้านหน้าของตน จนเดินไปกระแทกกับต้นไม้ต้นใหญ่อย่างจัง
และเท้าเจ้ากรรมดันกระแทกกับก้อนหินในโคลนทำให้หิมาลัยล้มลงแต่วาตะก็เข้ามาคว้าตัวไว้ทัน ส่วนแผนที่ก็ตกลงไปในโคลน
ปฐพีรีบดึงขึ้นมาแต่ก็เปียกน้ำโคลนทำใก้กระดาษนั้นเปียกและเปื้อนสีดำจนไม่สามารถอ่านได้
"งานเข้า" ปฐพีพูดเบาๆ
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งที่ดังไม่ใกล้ไม่ไกลกำลังเดินเข้ามาใกล้ทั้ง 4 คน
"ถ้าจะประสานธาตุให้เรียกชื่อแทนนะคะจะได้ไวกว่า"หิมาลัยบอกปฐพีเพื่อที่จะเตรียมพร้อมสำหรับจัดการกับคนที่เดินเข้ามา
แสงสว่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงฝีเท้าอันเชื่องช้า ปรากฏร่างชายคนหนึ่งใส่ชุดอัศวินสีขาวครบทุกส่วนยกเว้นเพียงแต่ส่วนหัวเท่านั้น
"สวัสดี องค์หญิงหิมาลัย" เสียงเดิมที่หิมาลัยคุ้นเคยดังขึ้น "เรย์"
"หิมาลัยนั่นใครหนะ" วาตะถาม
"เรย์ หนึ่งในจ้าวอัศวินทั้ง 3 เป็นจ้าวแห่งความเร็ว" หิมาลัยพูดขึ้นในหน้าที่นิ่งเฉยเช่นปกติ
"ข้าน้อยรู้สึกเป็นเกียรติมากเลยครับองค์หญิงที่องค์หญิงรู้เกียรติศักดิ์ของข้าน้อยด้วย" เรย์ก้มคำนับ
"มาทำอะไร เรย์" หิมาลัยถามแบบตรงประเด็น
"ข้าน้อยคงต้องขอทูลให้ทราบว่าขอน้อยตั้งใจขอความกรุณาจากองค์หญิง"ก่อนจะเงียบไปซักพักแล้วพูดต่อว่า
"ข้าน้อยจะขอความกรุณายืมชาวเมือง 100 คนมาเพื่อช่วยข้าน้อยทำนุบำรุงเมืองเผ่าแสงของเราขึ้นมาใหม่"
หิมาลัยรู้ทันเล่ห์กลของเรย์ที่ช่ำชองในการหลอกล่อศัตรูแต่มันใช้ไม่ได้ผลกับหิมาลัยที่เป็นธาตุน้ำแข็งซึ่งเยือกเย็นและสงบนิ่ง
และมีแผนการในการโต้ตอบกลับเพื่อให้ยอมสารภาพ
"ทำไมไม่ไปขอท่านพ่อหละ"แต่ปัญหามีแค่เรย์นั้นไม่ได้โง่เช่นกัน
"เพราะข้าน้อยหาท่านพ่อของท่านไม่เจอเลย"
"ก็ได้ท่านหญิง ข้ายอมแพ้ท่านแล้ว ถ้าท่านขัดขืนข้าเยอะแบบนี้แสดงว่าท่านก็คงรู้แล้ว จากหญิงแห่งชนเผ่าไฟ"ก่อนที่จะจ้องมองไปยังเพลิงพราย
"และข้าก็ขอคาดเดาว่าสิ่งที่เกิดกับเผ่าไฟก็ดันเกิดขึ้นโดยบังเอิญกับเผ่าลมด้วยเช่นกัน
และก็รวมทั้งการได้รับรู้ที่มาจากอาของเจ้า เข้าเผ่าดิน" ปฐพีขมวดคิ้วเข้มเพราะมีไม่กี่คนนักที่รู้จักอาของเขา
"แล้วตอนนี้เผ่าความมืดก็กำลังโดนเผ่าแสงของพวกข้าจัดการแล้วด้วย โดยที่พวกท่านมาช้าไปนิดเดียวเอง มาช้าไปแค่เสี้ยววินาที"
"พวกเราป้องกันไว้" พระราชาตะโกนสั่งทหารของเขาให้ป้องกันเมืองของเผ่าแห่งความมืดที่พังไปเกือบครึ่งแล้ว
"และแล้วความบังเอิญก็เกิดขึ้นเมื่อปกป้องเมืองแห่งความมืดไม่ได้ก็ไม่สามารถปกป้องลูกของตนได้"
พูดจบปฐพีและวาตะก็เดินมาบังหิมาลัยเอาไว้ สายตาอันคมกริบของทั้งสองทิ่มแทงมาที่เรย์แต่เขาได้สนใจไม่
"และความบังเอิญอีกอย่างเมื่อออกตามหาลูกก็พบศพของเธอและเพื่อนของเธอนอนท่ามกลางกองเลือด"
พูดจบเรย์ก็เอามือปลดชุดเกราะของตนออกเพื่อให้สบายตัว
"เริ่มแล้วระวังด้วย" หิมาลัยเตือน ทั้ง 3 คน
"แหม ท่านหญิงยังจำได้อยู่หรอครับเนี่ย"
"แสดงว่าท่านคงจำได้ใช่ไหมครับเรื่องที่ข้าเนี่ยชอบใช้มีดเป็นพิเศษ"ก่อนจะล้วงมีดออกจากเอวของตนและขว้างมาใส่ทางพวกเธอ
วาตะวิ่งเข้าไปหาเรย์ก่อนจะก้มตัวหลบมีดด้วยความรวดเร็วก่อนจะสร้างธาตุลมไว้
ปฐพีรีบดึงธาตุลมจากมือของวาตะมาและปัดมีดของเรย์กระเด็นออกไปด้านข้าง
ก่อนจะวิ่งตามไป วาตะง้างหมัดพยายามจะต่อยเรย์ โดยที่เรย์ก็ยังยืนเฉยๆ
"วาตะ ถอยออกมา" หิมาลัยรีบเตือนวาตะแต่ก็ดูจะไม่ทันสะแล้ว เรย์ยิ้มออกมาเบาๆก่อนจะพูดขึ้นว่า
"แสงส่องนภา"เมื่อหมัดที่พุ่งมาด้วยความเร็วและแรงเข้าใกล้เรย์ หมัดนั้นก็ทะลุผ่านหน้าของเขาไป ส่วนตัวของเขาก็กลายเป็นแสงและหายไป
ก่อนจะมีร่างของเรย์ปรากฏทางด้านซ้ายของวาตะ และมีมีดพุ่งมาปักเขากับไหล่ของวาตะกระเด็นออกไป
ปฐพีที่วิ่งตามไปก็จีบทิศทางของมีดก่อนจะเบรคตัวแล้วเลี้ยวซ้ายแล้ววิ่งไปก่อนจะดึงธาตุดินออกมาจากพื้นและควบคุมให้มันล้อมรอบหมัดของตน
เพื่อเพิ่มความแข็งเกร่งและพุ่งหมัดเขาไปที่หน้าของเรย์ แต่ก็เป็นเช่นเดิมเมื่อหมัดนั้นได้ทะลุเรย์ออกไปอีกครั้ง
"บ้าน่า" ปฐพีตกตะลึงกับสิ่งที่พบเจอ
"ไม่ได้บ้าหรอก นั่นมันเคล็ดวิชาการประยุกต์ใช้ธาตุขั้นที่สองและเทคนิคการหน่วงธาตุและใช้เทนนิคเคลื่อนย้ายธาตุไปไว้ที่ขาไง"
เรย์อธิบายให้ฟังก่อนจะมีร่างของเขาโผล่มาข้างๆปฐพีอีกคนและใส่เข่าเข้ากับหน้าปฐพี ส่วนร่างเก่านั้นก็กลายเป็นแสงไปเช่นเดิม
"วาตะ เพลิงพราย" ปฐพีพูดส่งสัญญาณให้ทั้งคู่สร้างธาตุอีกครั้ง วาตะกระชากมีดที่ปักไหล่ตนออกและปาทิ้งไปก่อนจะสร้างธาตุ
เพลิงพรายที่ยืนอยู่ก็สร้างธาตุเช่นกัน ปฐพีรีบดึงธาตุทั้งสองมาและประสานธาตุเป็นวายุเพลิงพระกาฬ ก่อนจะทุบลงพื้น
ทำให้ตัวของเขานั้นอยู่กลางวงพายุเพลิง แรงลมและไฟทำให้ต้นไม้บางต้นปลิวหลุดออกจากพื้นหรือบางต้นก็หักโค่นลงมาเลย
ร่างของเรย์ที่ถูกพายุพัดก็กลายเป็นแสงอีกครั้งก่อนจะโผล่มาบนหัวของปฐพี
และเตะเขากระเด็นไปโดนพายุตัวเองพัดลอยไปบนอากาศก่อนจะตกลงด้วยความรุนแรง ผลัก!
"ทีนี้เห็นรึยังหละ องค์หญิงความแตกต่างระหว่างพลัง ทีนี้จะยอมแต่โดยดีไหมครับ"
*เผ่าแสงนั้นเป็นเผ่าที่เฉลวฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมาซึ่งส่วนมากการเรียนการสอนนั้น
มักเกิดจากเผ่าแสงเป็นผู้กำหนดซึ่งประโยชน์ในการต่อสู้คือการประยุกต์ธาตุเพราะพื้นฐานคือการใช้สมอง
__________________________________________________________________________
Talk Zone
http://image.ohozaa.com/i/5d1/rWXvn.jpg (http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=5342)
http://image.ohozaa.com/i/a64/0N7PQh.jpg
Taone1414 ตะวัน
http://image.ohozaa.com/i/73e/UHJf3L.jpg
Design by : Rex
Copyright
ส่วนตัวผมว่า โอเคครับ แต่เรื่องของเผ่าต่างๆ ผมว่าน่าจะมีชื่อเป็นของเผ่านั้นๆด้วย
By Stormwind
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ส่วนตัวผมว่าก็ดีนะครับเพราะเรียกชื่อเผ่าดิน เผ่าแสง ห้วนๆ มันแปลกๆ
:cool:
โอ้วว น่าสนใจ ไว้ว่างๆจะมาอ่านนะครับ ^^
โอ้ขอบคุณครับที่ช่วยอ่านนะครับ :yes
เย่ เย่ ปูเสื่อ ~ขอเชิญคุณ GIGABom นั่งด่วน ซื้อโค๊กมาด้วย ผมหิว
ฮ่าๆๆ ขอนั่งด้วยคนแล้วกัน
ปูเสือ รอ เอาใครกำลังรอ มานังล้อมวง กินส้มตำไ่ก่ย่าง + พิษซ่ารวมมิตร และัโค็ก 1 ขวดแป็ปซี่อีก 1 ขวด และก็
ใครสนใจน้ำ กระทะทองแดงก็มาได้เลยครับ ^ - ^
โอ้ ปูหลายเสื่อจังนะครับ ฮ่าๆ
เครื่องร่อนเขียนแบบนี้นะัขอรับ =.= ล่อนในที่นี่น่าจะแปลว่าเปลือย เปล่า เครื่องล่อน = เครื่องถอดเสื้อผ้า (หื่นซะ)
โครงเรื่องทำมาได้ดีนะครับ น่าติดตาม แต่ว่าอยากให้ลองเพิ่มบทบรรยายแล้วก็ พรรณาอีกหน่อยอะครับ รู้สึกว่ามันขาดๆไป
ลองๆปรับปรุงนะครับ สู้ๆ
โอ้ ขอบคุณมากครับที่ให้คำแนะนำเดี๋ยวผมขอแก้สักครู่นะครับ
กำลังรอเรื่องนี้ แต่ขอไม่นั่งด้วยแล้วกัน นอนตักของพี่ Stormwind [Male] แล้วดูอิ่มอกอิ่มใจกว่ากันเยอะ
By Stormwind [Female]
หวานกันจังนะครับ อิอิ
โอ้ อัพเร็วกว่าผมเยอะเลยท่านศิษย์พี่ !!
ฮ่าๆ ผมแต่งตั้งนานแล้วหละครับพึ่งจะเอามาลง
:o
น่าจะวาดภาพประกอบซักรูปสองรูปนะ
ผมวาดรูปไม่เก่งหนะครับต้องขออภัยด้วย
น่าจะแทนตัวละครว่าอย่างอื่นบ้างนอกจากชื่ออ่ะครับแบบ เอาลักษณะเด่นมาอธิบาย เช่นจากเพลิงพรายก็เป็นสาวผมชมพู สาวน้อย อะไรประมาณนี้
ขอบคุณครับผมแล้วจะนำไปปรับปรุง
ขุดจึ๊กนึง ไอดีใหม่ยังไม่ได้มาเยี่ยมกระทู้นี้เลย -..-
จะมาปูเสื่ออีกแล้วหรอท่าน
:o
ลงตอนที่ 5 ไว้แล้วนะครับ ส่วนตอนที่ 6 คงต้องรอก่อนนะครับ ยังไงก็อ่านให้สนุกนะครับผม
:p
ผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ คือว่า ผมชื่อเล่นว่า ซัน นะครับ
นิยายเรื่องนี้ผมแต่งร่วมกับเพื่อนนะครับ(ไม่กี่คนหรอก)โดยแบ่งหน้าที่กันออกไปครับซึ่งผมขอไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วกันนะครับ
เอาเป็นว่านี่เป็นเรื่องที่ 2 สำหรับผมแล้ว ส่วนเรื่องแรกก็ดองอยู่นะครับ
จริงๆตอนแรกผมกะว่าจะไม่ลงบอร์ดนี้แล้วแต่เนื่องจากเห็นว่าอยากให้พวกท่านลองอ่านดูก็เลยมาลองลงดูดีกว่า
คือจริงๆแล้วผมลงไว้สองที่นะแต่ก็ไม่ต้องไปสนใจมันหรอกนะครับ - -''
สุดท้ายนี้แล้วหวังอยากให้ทุกท่านติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยนะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับผม
กระทู้สาขาสองครับ (DEK-D.Com) (http://writer.dek-d.com/taone1414/writer/view.php?id=790619)
รูปตัวละคร
ปฐพี
http://image.dek-d.com/25/2958485/111540169
วาตะ
http://image.dek-d.com/25/2958485/111540170
__________________________________________________________________________
เรื่องย่อ
ปฐพีออกเดินทางร่วมกับสหายหลงทางเพื่อทำลายความต้องการของชนเผ่าแสงโดยคิดที่จะยึดครองชนเผ่าทุกๆชนเผ่า
โดยการปลุกปีศาจในตำนานและนั่นคือการเปลี่ยนชะตาชีวิตของเขาไปตลอดกาล
__________________________________________________________________________
บทนำ : เด็กชายเผ่าสีดำ
ในโลกนี้มีการแบ่งแยกชนเผ่าตามธาตุ ซึ่งแต่ละธาตุจะได้เปรียบและเสียเปรียบกันไป มีตำนานบทหนึ่งเล่าขานสืบต่อกันมาว่า
วันหนึ่งปีศาจร้ายแห่งความชั่วได้ปรากฏตัวขึ้น มันสามารถใช้พลังได้ทุกๆธาตุ ทำให้ทุกๆเผ่าต้องสั่นคลอน
จึงมีการรวมตัวกันของหัวหน้าเผ่าแต่ละเผ่า เพื่อมารวมตัวกันปิดผนึก แต่หัวหน้าเผ่าดินกลับรีบเร่งเกินไป ทำให้ถูกโจมตี
ในเวลานั้น หัวหน้าเผ่าสายฟ้า ที่เขาคิดว่าอ่อนแอ ก็ช่วยตนเอาไว้ หลังจากปิดผนึกเสร็จ หัวหน้าเผ่าดินจึงชวนหัวหน้าเผ่าสายฟ้าเข้าเยี่ยมชมเมืองเป็นการเลี้ยงฉลองและตอบแทนบุญคุณ
และในตอนนั้นเอง หัวหน้าเผ่าสายฟ้าได้เกิดรักกับธิดาของหัวหน้าเผ่าดิน
ทั้งคู่มีบุตร 1 คน ซึ่งนั่นก็คือชนเผ่าสีดำ หลังจากมีคนทราบข่าวก็นำไปบอกหัวหน้าเผ่าดิน ทำให้หัวหน้าเผ่าจับทั้งสองมาประหารชีวิต
แต่เด็กคนนั้นก็ได้หายสาบสูญไป นี่คือเรื่องราวของราชัน ที่เหนือราชัน ตำนานของ
อหังการ์ราชันปฐพี
เด็กชายคนนั้นถูกเพื่อนของหัวหน้าเผ่าสายฟ้านำไปเลี้ยง โดยนำไปกบดานที่เมืองเผ่าดิน และปลอมแปลงเอกสารเพื่อให้เด็กชายเข้าเรียน
ในโรงเรียนเวทมนต์การควบคุมธาตุดิน แต่เรื่องราวมันเริ่มต้นเมื่อวันหนึ่ง ชายคนนั้นได้เดินทางไปโรงเรียนตามปกติ
แต่ระหว่างทาง เขาพบหญิงสาวผมสีชมพู สลบอยู่ จึงช่วยเอาไว้ โดยไม่รู้เลยว่า เธอจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของเขาไปตลอดกาล
__________________________________________________________________________
บทที่ 1 : ความจริง
แกร็ก
เสียงลูกปิดประตูดังขึ้น มีชายคนหนึ่งเดินมาที่หน้าประตูพร้อมกับยิ้มทักทายการกลับมา
"ปฐพีกลับมาแล้วหรอ"
ชายคนหนึ่งยืนพูดอยู่หน้าประตู ปฐพีที่กำลังเดินเข้ามาก็ตอบกลับ
"ครับ,คุณอา"
ปฐพีเดินเข้ามาพร้อมกับร่างของผู้หญิงที่สลบอยู่ที่หลังของเขา
"คือผมเจอเธอระหว่างทางหนะครับ เลยช่วยมา"
คุณอา ไม่รอช้าก็รีบพาเธอไป ปฐมพยาบาล และปล่อยให้เธอนอนพัก
_____________________________________________
หญิงสาวผมสีชมพูลืมตาขึ้นในที่ ที่ เธอไม่คุ้นเคย สภาพรอบข้างเหมือนห้องทั่วไปของเด็กผู้ชาย
"ตื่นแล้วหรอครับ"
เสียงเข้มๆของชายหนุ่มดังขึ้น เธอหันไปมองด้วยความงัวเงีย
"แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย"
เธอถามกลับไป พร้อมกับดื่มน้ำที่วางบนโต๊ะข้างๆ
"คุณคงจะเหนื่อยมากเลยสินะครับเดินข้ามทะเลทรายจากเมืองเผ่าไฟมาเผ่าดินแบบนี้"
ปฐพี พูดพร้อมกับยื่นน้ำอีกแก้วให้หญิงสาวไม่รอช้าก็รีบดื่มโดยเร็ว เพราะเธอเสียน้ำอย่างมากในการข้ามทะเลทราย
เมืองแต่ละเผ่านั้นจะมีการแบ่งเขตส่วนกลางไว้ เพื่อความสมดุลของทั้งสองฝ่าย
เช่น หญิงสาวที่เดินทางมาเมืองเผ่าดินโดยต้องผ่านทะเลทรายเพราะมันไม่มีทั้งไฟและดินทำให้ชนเผ่าทั้งสองสู้รบกันได้ลำบาก
จึงเป็นสาเหตูเหตุที่บางเขตส่วนกลางจะจำเป็นมากในการแบ่งแยกชนเผ่า
แกร๊ก
เสียงลูกบิดประตูดังขึ้น ชายในชุดทั่วไปของชนเผ่าธาตุดินเดินเข้ามา
"โอ้ ฟื้นตัวไวนะเนี่ย" ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆปฐพี
"ไหนบอกมาหน่อยสิว่า เธอเดินทางข้ามชนเผ่ามาทำไม" คุณอาทำน่าเคร่งเครียดเพื่อรอคำตอบ
หญิงสาวคิดว่าคนพวกนี้มีบุญคุณจึงบอกเรื่องราวที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
"ฉันชื่อเพลิงพรายค่ะ ออกเดินทางมาจากเผ่าเพื่อรวบรวมผู้สร้างและผู้ควบคุมไปต่อสู้กับเผ่าแสงค่ะ" เมื่อพูดจบ
คุณอาของปฐพี ถึงกับอึ้งไป จึงกล่าวบอกกับนางไปว่า
" เธอจะไปสู้กับเผ่าแสงทำไมกัน เธอก้รู้นี่นาถ้าทำแบบนั้นมันเป็นการรุกรานพันธะนะ" เพลิงพรายสวนกลับ
"ก็ใช่ค่ะ ฉันรู้ แต่ว่าพวกมันเกินจะให้อภัยจริงๆ" พูดจบเพลิงพรายก็กำมือแน่นโดยความแค้น
"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ" ปฐพีถาม เพลิงพรายพยักหน้าก่อนจะเล่าต่อ
"เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อ 18 ปีก่อน มีปีศาจยักษ์ที่ถูกปิดผนึกที่ชื่อว่า"
"ดราโค่"
"ดราโค่" เพลิงพรายและคุณอาของปฐพีพูดขึ้นพร้อมกัน สายตาทั้งสองจับจ้องไปที่ใบหน้าของคุณอา
"เอ่อ อาได้ยินมาหนะ" คุณอาแก้ตัวก่อนจะให้เพลิงพรายเล่าต่อ
"ตอนนี้ ทุกๆเผ่านั้นมีความเสมอภาคกัน ซึ่งดูเหมือนจะสงบดี แต่ว่าจริงๆแล้วเผ่าแสงนั้นต้องการเป็นใหญ่และเป็นผู้ควบคุมทั้งโลก
เขาจึงมีแผนที่จะปลุก ดราโค่ขึ้นมาเพื่อที่จะให้จัดการกับศัตรูของตน แต่ว่า" เพลิงพรายหยุดเล่าพร้อมกับทำหน้าเศร้า
"การปลุกดราโค่ เกิดจากพลังของหัวหน้าเผ่า ซึ่งเท่ากับพลังของคนเกือบร้อยคนในแต่ละเผ่า ดังนั้นมันจึงไล่ต้อนทุกคนในแต่ละเผ่า
พ่อและแม่ของฉันก็ถูกมันเอาตัวไปแล้ว ฉันจึงออกเดินทางมาช่วย" เพลิงพรายเล่าจบก็ดื่มน้ำอีกครั้ง
"แล้ว คนอื่นๆของเผ่าเธอไม่คิดจะไปช่วยเธอเลยหรอ" ปฐพีถามพร้อมกับทำหน้าสงสัย
คุณอาได้ยินก็เกิดความสงสัยเหมือนกับปฐพีเช่นกัน
"คิดสิ พวกเขาออกเดินทางมาก่อนฉันอีก แต่ผ่านไปนานแล้ว พวกเขาก็ยังไม่กลับมาเลย"
คุณอาได้ยินดังนั้นจึงพาปฐพีไปคุยข้างนอก
"ปฐพี ตามอามานี่หน่อยสิ" เมื่อปฐพีเดินออกไป คุณอาก็เล่าความจริงเรื่องพ่อแม่ของเขาให้ฟัง และปีศาจดราโค่
เมื่อเขาได้ฟังก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะทำใจได้ เพราะมันเป็นนิสัยของเผ่าดิน เผ่าแต่ละเผ่านั้นจะมีลักษณะนิสัยต่างกันไป
"คุณอาครับ ผมอยากจะออกเดินทางกับเพลิงพรายครับ" ปฐพีพูดพร้อมกับต้องเขม็งมาทางคุณอา
"เห้ย ปฐพี เธอไม่ไหวหรอก ขนาดควบคุมธาตุดิน เธอยังทำได้ไม่คล่องเลย แล้วจะไหวจริงๆหรอ"
คุณอาทำหน้าเคร่งเครียดและพยายามห้ามไว้
แต่ปฐพีก็ยังคงมีความมุ่งมันจะไป
"คุณอาครับ ผมไม่อยากให้เพลิงพรายเสียพ่อแม่ไปแบบผมนะครับ อย่างน้อย ผมก็เป็นผู้ควบคุมก็ได้อยู่ด้านหลังของกลุ่มอยู่แล้ว
ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับคุณอา อีกอย่างเผ่าแสงนั้นพยายามจะปลุกดราโค่ปีศาจที่พ่อผมอุทิศใจเพื่อปิดผนึก ถ้ามันปลุกได้ที่พ่อผมทำไปก็เสียเปล่าสิครับ"
ปฐพีพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งกว่าเก่า ทำให้คุณอารู้ทันทีว่าเขาคงไม่สามารถห้ามได้ จึงเดินไปหน้าบ้าน ก่อนจะกลับมาพร้อมกับลูกนกตัวหนึ่ง
"เอาเจ้า สายฟ้าไปด้วยแล้วกัน ถ้าแบบนั้น" คุณอาพูดพร้อมกับยื่นลูกนกให้ มันมองปฐพีด้วยความ สงสัย ก่อนจะบินไปเกาะที่บ่าของปฐพี
"ทำไมต้องเอาไปด้วยหละครับ" ปฐพีทำหน้าไม่พอใจ
"ก็เป็นข้อแลกเปลี่ยน อายอมให้ปฐพีเดินทางแต่มีข้อแม้ว่าต้องเอาเจ้าสายฟ้าไปด้วย"
คุณอาตอบพร้อมกับเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เพลิงพรายนอนอยู่ ข้างในนั้นเพลิงพรายก็ยังนั่งอยู่บนเตียงนอนแบบเดิม
"เพลิงพราย อาจะฝากปฐพีให้ไปด้วย จะลำบากรึเปล่า" คุณอาถาม เพลิงพราย ยิ้มออกมา
"ไม่ลำบากหรอกค่ะ เป้าหมายของหนูคือเดินทางรวบรวมคนให้ครบทุกธาตุค่ะ
ดังนั้นถ้าได้ผู้ควบคุมธาตุดินมาก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ แล้วไม่ทราบว่ามีผู้สร้างดินจะมาด้วยไหมค่ะ" เพลิงพรายถามพลางลุกขึ้นจากเตียง
"ไม่จำเป็นหรอก สำหรับเผ่าดินแค่ปฐพีคนเดียวก็พอแล้ว เพราะแม่ของเขาเป็นผู้สร้างธาตุดินหนะ บางทีเขาอาจจะสร้างธาตุดินและควบคุมพร้อมๆกันได้ด้วยนะ" คุณอายิ้มก่อนจะพาทั้งคู่เดินไปที่ประตูเมือง
เมื่อประตูเมืองเปิดสิ่งที่พบคือ อากาศ ที่ตรงนั้นไม่มีทั้งน้ำและพื้นดิน มีแต่เพียงอากาศ
"เอาหละ หลังจากขึ้นเครื่องร่อนไปแล้วมันจะพาไปที่เมือง น้ำแข็งนะ" ก่อนจะไปเช่าเครื่องร่อนมาให้ทั้งคู่
เครื่องร่อนคือ เครื่องที่คล้ายๆกับบอลลูน เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องใช้แก๊สกับไฟ เท่านั้น
"เอาหละ ทั้งคู่โชคดีนะ ดูแลตัวเองด้วยนะ ปฐพี" คุณอาบอกลาด้วยความเศร้า
"ไม่ต้องห่วงครับคุณอา ผมจะกลับมาแน่นอน" ปฐพีพูด
ก่อนจะดันเครื่องร่อนออกไป และปีนขึ้นไปบนเครื่องร่อน
ปฐพี มองกลับมาที่เมืองที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่อีกครั้ง ก็ยังพบคุณอายืนโบกมือให้
เขาเองก็โบกมือกลับ และภาพของคุณอาค่อยๆหายไปจนลับขอบฟ้า ปฐพี เห็นเพลิงพราย ยืนเงียบ จึงคิดจะเข้าไปคุยด้วย แต่ไม่ทันได้ทำ
ก็เกิดลมแรงจนพัดปฐพี ลอยออกไปจากเครื่องร่อน "เฮ้ยยยย" ปฐพี แหวกว่ายกลางอากาศ ก่อนที่จะคว้ามือคู่หนึ่งได้ เพลิงพรายนั่นเอง
เธอรีบดึงปฐพีกลับเข้ามาในเครื่องร่อนแม้แต่สายฟ้าที่เกาะอยู่ที่บ่าของเขาก็ยังแทบจะปลิวไปกับสายลมเช่นกัน
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ พร้อมกับพายุลมแรงจนเครื่องร่อนของพวกเขาปลิวจน ถุงที่สูบลมรั่วออกมา ทำให้บอลลูนตีลังกา กลับไปกลับมา
จนทั้งสองเริ่มเกิดอาการมึนงงและพงกเขาถูกดูดเข้าไปในพายุลูกยักษ์นั่น
"จะเป็นอะไรกันไหมนะทั้งสองคน" คุณอาพูดพร้อมกับมองดูท้องฟ้าสีดำ
*เผ่าสีดำ : คือบุตรซึ่งเกิดระหว่างธาตุที่ขัดแย้งกัน โดยมีความสามารถในการควบคุมธาตุได้ทุกธาตุ
ในโลกนี้มีการแบ่งความสามารถเป็น 3 อย่าง ที่จำแนกมากออกไปกว้างกว่านี้อีกหลายอย่างรวมทั้งนิสัยของเผ่าก็ด้วยเช่นกัน
__________________________________________________________________________
บทที่ 2 : วายุเพลิงพระกาฬ
จิ๊บๆ จิ๊บๆ
เสียงนกในป่าร้องขณะบินไปหาอาหารให้ลูกของมัน
เพลิงพรายลืมตาขึ้นในป่าแห่งหนึ่ง ร่างของเธอนอนทับร่างของปฐพีอยู่โดยที่ปฐพีก็ยังหมดสติอยู่ เธอลุกขึ้นและพยายามปลุกเขาแต่นั่นไม่เป็นผลซึ่งเขาก็ยังคงหลับอยู่เหมือนเดิม
"เอ่อ เขาสลบไปใช่ไหมนั่นหนะ" มีเสียงจากชายคนหนึ่งดังขึ้น
เพลิงพรายหันกลับหลังไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับสร้างไฟขึ้นในมือเธอเพื่อป้องกันตัวเอง ชายคนนั้นใส่ชุดจอมยุทธบางๆและมีผ้าผูกคอสีขาวพันไว้ด้วย
"เห้ยๆ ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรนะเว้ย" ชายคนนั้นชูมือขึ้นฟ้าเหมือนกับยอมจำนนท์
"แล้วนายมาทำอะไร" เพลิงพรายถามก่อนจะลุกขึ้นและเลิกสนใจปฐพีที่สลบอยู่
"คือ ฉันเห็นเครื่องร่อนบินมาตกหนะ เลยมาดู นี่อุส่ามาช่วยไม่ขอบคุณสักคำแถมยังจะฆ่ากันอีกแร้งน้ำใจชะมัดยาก" ชายหนุ่มบ่นก่อนจะนำมือลงตามปกติ
เพลิงพรายเกิดอาการโมโหเพราะรู้สึกเหมือนโดนดูถูกบวกด้วยตัวเองเป็นชนเผ่าไฟทำให้โมโหง่ายแต่ไม่ทันจะได้ด่าสวนกลับไป ชายคนนั้นก็พูดขึ้นมา
"ชายคนนั้น สลบอยู่ใช่ไหมหละนั่น ไม่รีบช่วยหรอ" ชายลึกลับชี้ไปที่ปฐพีที่นอนสลบอยู่ที่พื้น ก่อนจะแนะนำว่า
"ไปพักที่หมู่บ้านฉันสิ ยังไงก็ไม่มีคนเข้ามาบ่อยๆอยู่แล้ว อีกอย่าง ดิน กับ ไฟ ก็เสริมธาตุของฉันอยู่แล้วนี่นา"
อย่างที่ชายข้างต้นกล่าวไว้ว่าธาตุเสริมกัน นั่นคือการเสริมพลังกันซึ่งกันและกันด้วยธาตุต่างๆ
เช่นน้ำกับสายฟ้าเป็นธาตุที่เสริมสร้างซึ่งกันและกันถ้านำมารวมกันก็จะสามารถใช้เป็นท่าประสานได้ในการโจมตีระยะใกล้
ตอนนี้มีผู้ที่สามารถทำแบบนั้นได้มีเพียงหัวหน้าเผ่าน้ำและสหายของเธออีกคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ควบคุมสายฟ้า
วาตะแบกปฐพีขึ้นบนหลังก่อนจะนำทางเพลิงพรายมาที่หมู่บ้านของตน
"คุณย่าครับ คุณย่า"ชายหนุ่มที่แบกปฐพีอยู่ก็ตะโกนออกไป
"อ้าว วาตะกลับมาแล้วหรอ แล้วนั่นพาใครมาด้วยหละเนี่ย บาดเจ็บอยู่ใช่รึเปล่า" ยายแก่ที่นั่งถักผ้าไหมอยู่หน้าบ้านของตนรีบลุกขึ้นมาดูอาการของปฐพี
ชายที่คาดว่าจะชื่อวาตะวางปฐพีลงที่พื้น ยายแก่ที่พึ่งเดินมาถึงก็รีบตรวจอาการของเขาโดยการสำรวจภายนอก
"รีบพาไปพักข้างในบ้านเร็ว" ยายแก่พูดขึ้นก่อนจะให้วาตะแบกปฐพีเข้าไปที่บ้าน เพลิงพรายยืนดูอยู่ห่างก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนกับนึกอะไรบางอย่างออก
"สายฟ้า" เพลิงพรายพึมพัมกับตนเองเบาๆก่อนจะเริ่มกังวลถ้าปฐพีรู้ว่าตนไม่ได้พาสายฟ้ากลับมาด้วยคงจะโกรธ
เธอเริ่มทำท่าลนลานจนออกนอกหน้า วาตะเห็นดังนั้นจึงเดินไปหาและเริ่มแนะนำตัว
"สวัสดีฉันชื่อวาตะเป็นผู้สร้างธาตุลมของที่นี่" เพลิงพรายสะดุ้งอีกครั้งในรอบของวัน
"ธาตุลม หรือว่า" เพลิงพรายทำท่าเหมือนจะเดาออก "ใช่แล้ว ที่นี่เกาะแห่งนภาไงหละ" วาตะพูดขึ้นพร้อมกับผายมือออกรอบๆตัวแสดงว่าถึงความยิ่งใหญ่
"ดูยิ่งใหญ่กว่าที่ได้ยินมาจริงๆนะเนี่ย" เพลิงพรายเริ่มเดินไปข้างๆเพื่อดูสภาพเมือง เมืองแห่งนี้ถูกรายล้อมไปด้วยป่าชื้นและมีหมู่บ้านแค่ใจกลางของป่าเท่านั้น
พื้นของที่นี่ไม่ใช่ดินแต่กลับเป็นเมฆทำให้คาดว่าเมืองนี้คงลอยอยู่เหนือฟ้าโดยพวกเธอและปฐพีขึ้นมาได้โดยพายุพัดขึ้นมานั่นเอง
ตู้ม !
เสียงระเบิดดังขึ้นในป่าข้างหน้าหมู่บ้าน เกิดแผ่นดินไหวเบาๆบนเมฆทำให้เพลิงพรายแทบจะล้มลงไปที่พื้น
"เอาอีกแล้วหรอ" วาตะพึมพัมก่อนจะจ้องไปที่ทางเข้าหน้าหมู่บ้าน มีเซ็นทอร์เกือบ 5 ตัวเดินเข้ามาในหมู่บ้าน
"ว่าไงไอ้ตัวน้อย รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอะไร" ทอร์ตัวหนึ่งที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าเริ่มพูดกับวาตะ
"อาหารเราหมดแล้ว แกพึ่งเอาไปเมื่อวานไม่ใช่รึไง" วาตะตะคอกเสียงใส่พวกเซ็นทอร์ทั้งหลาย
"ฮ่าๆๆ" เซ็นทอร์ตัวอื่นๆต่างหัวเราะกับคำพูดของเขา
"เห้ย ไอ้หนู พวกข้าหิวแล้วจะทำไม ยังไงพวกแกมันก็อ่อนแอที่สุดไม่ใช่รึไง ฮ่าๆๆ" หัวหน้าเซ็นทอร์พูดขึ้นก่อนจะหัวเราะตามลูกน้องของตน
"กรอด !" วาตะกัดฟันจนเกิดเสียงและกำหมัดแน่น
"มีปัญหารึไงไอ้หนู อยากตายมากหรอ" เซ็นทอร์หยิบธนูที่เกี่ยวอยู่กับเอวของตนขึ้นมาและเริ่มเล็งมาที่วาตะ
"ถ้า แกไม่หลบหละก็ฉันจะปล่อยหมู่บ้านนี้ไปอีก3เดือก็ได้นะ ฮ่าๆ" เซ็นทอร์ยื่นข้อเสนอให้ก่อนจะปล่อยมือที่จับลูกธนู
ลูกธนูพุ่งไปด้วยความเร็วเจาะทะลวงผ่านอากาศ และเริ่มเข้ามาใกล้กับวาตะ เขาหลับตาด้วยความกลัว
แกร๊บ !
วาตะลืมตาขึ้น เขาเห็นเพลิงพรายยื่นมือออกมาบังหน้าเขา ในมือของเธอมีลูกธนูที่หักครึ่งจากการบีบ
"เธอ" วาตะจ้องมองด้วยสายตาเหมือนกับไม่เชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้น
"ฉันชื่อเพลิงพรายนะลืมบอก" เพลิงพรายปล่อยลูกธนูที่อยู่ในมือลงไปที่พื้นก่อนจะสลายหายไปเพราะเพลิงพรายได้สร้างธษตุไฟขึ้นในมือของเธอด้วย
"เห้ยพวกแก สนุกมากไหมเอาชีวิตของคนอื่นมาเดิมพันเนี่ย" เพลิงพรายฉุนขาด เดินเข้าไปใกล้กับเซ็นทอร์ตัวหน้าขึ้นเรื่อยๆ
"แล้วจะทำไมหละ ก็พวกมันอ่อนแอเอ..."
ตุ๊บ !!
ไม่ทันที่หัวหน้าของมันจะได้พูดจบ หมัดของเพลิงพรายก็อัดเข้าไปที่หน้าของมันเต็มๆ ร่างของเซ็นทอร์กระเด็นล้มลงไป
"หัวหน้า" ลูกน้องเซ็นทอร์ทั้งหลายตะโกนด้วยความตกใจ
"แก" เซ็นทอร์หัวหน้าลุกขึ้นจ้องมองหน้าของเพลิงพรายที่สลบนิ่ง ด้านวาตะถึงกับตะลึงเพราะพึ่งมีคนกล้าหาเรื่องกลับเซ็นทอร์พวกนี้
"พวกเรายิง" หัวหน้าของพวกมันตะโกนออกมาด้วยความแค้นเซ็นทอร์ลูกน้องเมื่อได้ยินคำสั่งก็เริ่มหยิบธนูของตนออกมาและเริ่มยิงออกมาเรื่อยๆ
เพลิงพรายพยายามหลบแต่เมื่อหลบลูกหนึ่งเธอก็จะโดนลูกธนูอีกลูกที่พุ่งมาใกล้ๆกัน
ธนูทยอยยิงมาเรื่อยๆโดยไม่ลดละความพยายาม เพลิงพรายเริ่มมีบาดแผลตามตัว
โดยเธอให้ความสนใจแต่ลูกธนูจนลืมสนใจหัวหน้าของพวกมัน หัวหน้าเซ็นทอร์หยิบธนูขึ้นมาและเล็งไปที่ท้าวของเพลิงพราย
"ใช้เท้าเก่งนักใช้ไหม" ก่อนจะปล่อยมือ ลูกธนูปักเข้าที่ขาของเธอจนทะลุปักเข้าไปในก้อนเมฆ
"โอ้ย" เพลิงพรายอุทานออกมาด้วยความเจ็บโดยเธอลืมไปเลยว่าลูกธนูข้างหน้าเธอนั้นกำลังพุ่งเข้า
ลูกธนูพวกนั้นเข้าใกล้กับเธอเรื่อยๆ จนห่างกันเพียงไม่กี่ ฟุต
"เพลิงพราย" วาตะตะโดนด้วยความตกใจก่อนจะพยายามสร้างธาตุลมของตนขึ้นในมือโดยหวังว่าจะช่วยอะไรได้ถึงแม้มันจะไม่เป็นอย่างที่เขาคิดก็ตาม
ช่วงเวลาหยุดนิ่ง ลูกธนูตอนนี้ห่างจากเพลิงพรายเพียงแค่ ไม่กี่ นิ้ว
เธอกำลังถูกแขวนอยู่ในเส้นด้าย
โดยโอกาสรอดนั้นมีเพียงน้อยนิด
วูบ
ลมอ่อนๆที่แฝงด้วยความเย็นพุ่งขึ้นมาจากเท้าของเธอก่อนจะพุ่งแรงขึ้นจนเป็นเหมือนกำแพงพายุ ลูกธนูหลายๆดอกที่ถูกยิงมากลับถุกลมพัดลอยขึ้นไปบนอากาศ
ก่อนจะตกลงมากลายเป็นฝนธนูปักลงใส่พวกเซ็นทอร์แทน บางตัวก็โดนจุดตาย บางตัวก็แค่เฉี่ยวๆ บางตัวก็บาดเจ็บสาหัส
เพลิงพรายและวาตะมองด้วยความไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง
"ขอโทษทีนะที่มาช้า" เสียงเข้มๆแบบเดิมที่เธอไม่ค่อยคุ้นเคยแต่เธอก็เคยได้ยินดังขึ้น เพลิงพรายหันไปมองเจ้าของเสียง
"ปฐพี" เพลิงพรายพูดกับตัวเองเบาๆพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย
ปฐพีที่พึ่งฟื้นก็มาช่วยพวกเธอได้ทันเวลาพอดี ในมือข้างซ้ายของเขานั้นมีลมที่ถูกสร้างโดยวาตะลอยรอบๆอยู่บนฝ่ามือ
"นั่นมัน นายควบคุมธาตุลมได้ด้วยหรอ" วาตะตะโกนลั่น ในเวลานั้น ชายแก่ที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำก็รีบออกมาดูด้วยความตกใจ
ผู้คนจากชนเผ่าลมก็ค่อยๆทยอยกลับมาจากการล่าสัตว์ ทุกๆสายตาจ้องมองมาเพียงปฐพีคนเดียว
เห้ยแก หัวหน้าเซ็นทอร์ลุกขึ้นก่อนจะยิงธนูใส่ปฐพี เพลิงพรายรีบสร้างธาตุไฟขึ้นในมือ ปฐพีเห็นจึงใช้เท้าบิดตัวหันหน้าไปทางลูกธนูก่อนจะใช้มือขวา
เหวี่ยงผ่านธาตุไฟที่อยู่ในมือของเพลิงพราย ไฟที่พริวไสวตามลมค่อยๆเคลื่อนที่ตามมือของเขา
ปฐพียื่นมือไปทางลูกธนู ลูกธนูไม้ถูกไฟของเพลิงพรายเผาจนแหลกสลายไป หัวหน้าเซ็นทอร์กระโดดถอยหลังเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าตาเคร่งเครียด
แกบังคับฉันเองนะก่อนจะอ้าปากกว้างและอมลมเข้าไปไว้ในแก้มก่อนจะพ่นออกมากลายเป็นกระแสลมที่รุนแรงและรวดเร็ว
"ไอ้หนูหลบเร็ว นั่นมันวิชาปักษา" ปฐพีหันไปมองยายแก่ด้วยความงุนงง ก่อนที่กระแสลมนั้นพุ่งกระทบตัวของเขา
ปฐพีถูกผลักกลับหลังไปเกือบ 1 ฟุต กระแสลืมเล็กๆที่ตามมาตัดผ่านเสื้อผ้าและเนื้อของเขาบางส่วน ปฐพีกระอักเลือดออกมาเล็กน้อย
เพราะแรงลมบางส่วนกระทบปอดของเขาจนบีบตัวเข้าไปข้างในเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆคลายกับที่เดิมยายแก่เห็นท่าไม่ดีจึงตะโกนไปอีกครั้ง
"ไอ้หนูใช้ท่าประสานระหว่างไฟกับลมเร็ว" ปฐพีได้ยินก็งุนงงโดยที่มือทั้งสองของเขาก็ยังมีลมกับไฟลูกเล็กๆลอยอยู่บนฝ่ามือ
ปฐพีพยักหน้ากลับไปถึงแม้จะไม่เข้าใจแต่เขาก็พอจะเดาๆได้
เขากระแทกมือลงไปข้างๆลำตัวทั้งสองข้าง ธาตุที่อยู่ในมือของเขาเริ่มใหญ่ขึ้น จนลมในมือกลายเป็นพายุ ไฟในมือกลายเป็นลูกไฟยักษ์
"ใช้ท่าประสานธาตุระหว่างไฟกับลมเร็วๆสิ วายุเพลิงพระกาฬ" สิ้นเสียงของยายแก่ เขาก็ประกบมือและนำธาตุในมือทั้งสองบีบเข้าด้วยกัน
มือของเขาเรืองเสียงออก ปฐพีรู้สึกถึงสัมผัสที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน "นี่หนะหรอการประสานธาตุ" ปฐพีพูดกับตัวเองเบาๆ
"ปล่อยไปเลยไอ้หนู พลังนั่นปล่อยไป" ยายแก่ตะโกนกลับมาเป็นครั้งสุดท้าย ปฐพีดันพลังที่อยู่ในมือของเขาพุ่งไปด้านหน้า ก่อนจะแบมืออก
ลมก็ถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามือของเขาเป็นพายุลูกยักษ์ที่รายล้อมไปด้วยไฟ หรือเรียกได้อีกอย่างคือ พายุเพลิง
"เห้ย นี่มันเรื่องจริงหรอเนี่ย" หัวหน้าเซ็นทอร์ตะโกนออกมาก่อนจะถูกพายุเพลิงดูดเข้าไปพร้อมกับลูกน้องก่อนจะหายไปด้วยความร้อนของไฟในใจกลางพายุ
ปฐพีรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายก่อนจะเบ่งพลังในมือให้แรงขึ้นกว่าเดิมก่อนจะตะโกนออกมาว่า
"วายุ เพลิงพระกาฬ"
*ในโลกนี้มีการแบ่งความสามารถเป็น 3 อย่าง
ผู้ควบคุม สามารถควบคุมธาตุเพื่อเคลื่อนที่มันได้
ผู้สร้าง สามารถสร้างธาตุเพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆได้
ผู้คนธรรมดา ไม่มีความสามารถใดแต่ก็มีพลังด้านพละกำลังสูงกว่าผู้ควบคุมและผู้สร้าง
__________________________________________________________________________
บทที่ 3 : รุ่งอรุณในเมืองใหม่
"อ๊ากก" เสียงกรีดร้องของเซ็นทอร์ที่ถูกพายุเพลิงแผดเผาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะค่อยๆกลายเป็นผุยผงไป
สิ้นเสียงกรีดร้องพายุลูกไฟก็ค่อยๆลดลงไปพายุไฟก้อนเล็กๆและสลายหายไปเช่นเดียวกัน
ปฐพีล้มลงนอนแผ่กับพื้นด้วยความเหนื่อยล้าที่ใช้การเบ่งพลังและการใช้ท่าประสานโดยขณะที่แผลที่ถูกท่าสังหารปักษาก็ยังคงมีเลือดไหลอยู่เล็กน้อย เพลิงพรายและวาตะรีบเดินไปดูอาการ
"ใช่จริงๆด้วย" ตาแก่เดินเข้ามาใกล้ปฐพี เพลิงพรายเกิดความงุนงงจึงถามไป
"ใช่อะไรหรอคะ" วาตะที่เห็นก็ตอบแท
"คือว่าพวกเราเผ่าลมส่วนมากแล้วจะเชื่อตำนานของท่านสายลม ท่านได้บอกพวกเราผ่านทางการทำนายว่าจะเกิดนักรบที่ปลดปล่อยพวกเราทั้งหมดให้เป็นอิสระและให้ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม"
เพลิงพรายพยักหน้าตามหลังจากฟังเหตุผล
"แล้วจะบอกว่าปฐพีหรอคะคือนักรบคนนั้น" เพลิงพรายชี้ไปที่ชายที่นอนอยู่ข้างหน้าเธอ
"ใช่ ตำนานกล่าวไว้ว่า เมื่อเผ่าลมถึงกาลสิ้นสุดพวกเราจะมีอัศวินแห่งเผ่าสีดำมาช่วยโดยบุตรชายคนนั้นจะเกิดมาพร้อมพลังพิเศษ" เพลิงพรายสะดุ้งอีกครั้ง ซึ่งรวมวันนี้ก็ 3 ครั้งได้แล้ว
"หรือว่า.."เพลิงพรายพูดด้วยเสียงสั่นๆ "นายคือ.. เผ่าสีดำหรอ.." เพลิงพรายถามปฐพีกำลังลุกขึ้นนั่ง
"อืมใช่ ฉันเป็นเผ่าสีดำพ่อของฉันเป็นผู้สร้างธาตุสายฟ้าส่วนแม่ก็สร้างธาตุดิน" ปฐพีอธิบายให้เพลิงพรายฟังก่อนจะได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้น
จิ๊บๆ จิ๊บๆ ปฐพีหันไปมองบนฟ้าก็พบกับเจ้าสายฟ้าที่กำลังบินมาหาตน และมันก็บินมาเกาะที่บ่าของเขาเหมือนเดิม
"สายฟ้า ยังว่าหายไปไหน"เพลิงพรายทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น สายฟ้าที่เห็นก็บินไปเกาะบ่าของเพลิงพรายเช่นกันก่อนจะจิกเข้าที่แก้ม
"โอ้ย โอ้ย เจ็บนะสายฟ้า ขอโทษ ขอโทษ" เพลิงพรายรีบปัดปากของสายฟ้าออกพร้อมกับพยายามทำให้สายฟ้าใจเย็นลง
"เอ่อ คุณยายคะ คือว่า" เพลิงพรายเริ่มค่อยๆอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับเผ่าแสงไป หลังจากที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมด
"ได้สิ ถ้าอยากได้ผู้สร้างธาตุก็เอาวาตะไปเลย" ยายแก่ชี้ไปที่วาตะวาตะที่ยืนฟังก็ตกใจ
"คุณยายครับแต่ว่า" ยายแก่ทำสีหน้าเคร่งเครียดมองมาที่วาตะ
"นี่วาตะ สัญญากับพ่อของเธอไว้แล้วไม่ใช่รึไงว่าถ้าเจอนักรบแล้วเธอจะร่วมเดินทางกู้เผ่าด้วย" วาตะสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้า
"เอ่อ ถ้าไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะคะ" เพลิงพรายพยายามทำให้สถาการณ์ดีขึ้น
"แล้วขาดผมไปใครจะดูแลคุณยายหละ" วาตะทำหน้ากังวล
"เดี๋ยวนะครับ ผมติดใจคำว่ากู้เผ่าครับมันคืออะไรหรอครับ" ปฐพีที่นั่งดูก็พูดขึ้น
"ก็เมื่อหลายเดือนที่แล้วก่อนที่พ่อฉันจะจากไปพวกเผ่าแสงมันมาต้อนคนไปเกือบ 100 คนเหมือนกับที่พวกนายเล่านั่นหละ คนเก่งๆก็ถูกพวก3เจ้าอัศวินจัดการและลากตัวไปแล้ว"วาตะพูดอย่างเศร้า
"งั้นก็รีบไปช่วยกันสิ"ปฐพีลุกขึ้นและจีบหลังคือเสื้อของวาตะก่อนจะค่อยๆลากเขาไป
"คุณยายคะขอตัววาตะไปกอบกู้เผ่าก่อนนะคะ" คุณยายพยักหน้ากลับให้เพลิงพราย แต่ระหว่างที่เพลิงพรายกำลังเดินอยู่ยายแก่ก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก
"เห้ย เดี๋ยวๆ ปล่อยฉันนะ" วาตะพยายามดิ้น ปฐพีที่เดินมาถึงขอบของเกาะก็ปล่อยวาตะ วาตะเดินมาข้างหน้าของเขาก่อนจะบ่นออกมาเล็กน้อย
"เห้ย นี่มันเริ่มจะมืดแล้วนะเดินทางตอนกลางคืนมันอันตรายนะเว้ย"
"อืม" ปฐพีตอบอย่างเย็นชาก่อนจะรอให้เพลิงพรายและสายฟ้าที่เดินและบินตามหลังมาทัน
"เพลิงพรายมานี่หน่อยสิ มาวัดความสูงกับวาตะหน่อย" ปฐพีพูดอย่างหน้านิ่งๆ เพลิงพรายเริ่มงุนงงกับปฐพีแต่ก็ทำตามแต่โดยดีเพราะเธอรู้ว่าปฐพีคงต้องการอะไรบางอย่าง
"อืม เท่ากันดี" สิ้นเสียงของปฐพี เขาก็เอามือกอดทั้งสองคนแล้วดันตัวเองให้ตกลงไปใต้เกาะเมฆา
"เว้ยยย" "อ๊ายยย" เสียงตะโกนของวาตะและเสียงกรีดของเพลิงพรายดังลั่นไปทั่วเกาะ ส่วนตัวของสายฟ้าก็บินพุ่งตามลงไปเช่นกันอีกด้านที่เมืองเมฆา
"หึหึ วาตะหวังว่าเจ้าคงจะเจอเรื่องสนุกๆนะ" ยายแก่ยิ้มให้ส่งท้ายก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านตนไป
"นี่สินะเมืองหิมาวดี" ปฐพีพูดขึ้นในขณะที่เสื้อผ้าของเขานั้นเปียกโฉก ข้างหน้าเมืองนั้นเป็นคล้ายๆกับปราสาทพื้นที่พวกเขายืนอยู่ก็เป็นน้ำแข็งคล้ายๆกับเผ่าลมที่เป็นเมฆตามเผ่าของตนโดยเมื่อพวกเขามาถึงก็พระอาทิตย์ใกล้จะขึ้นพอดี
"นี่แกทำอะไรของแกฟะ" วาตะที่อยู่ในน้ำก็บ่นพลางปีนขึ้นไปบนน้ำแข็งที่ปฐพียืนอยู่เช่นกันและที่หลังของเขาก็คือเพลิงพรายที่สลบอยู่
"เห้ย ปฐพี เพลิงพรายเกิดอาการต่อต้านแล้วนะ" วาตะพูดก่อนจะวางเธอลงที่พื้นข้างๆปฐพี
อาการต่อต้านคือเมื่อชนเผ่าของธาตุใดธาตุหนึ่งเจอกับธาตุที่ชนะตนเช่น เพลิงพรายที่เป็นธาตุไฟเมื่อโดนน้ำก็จะเกิดอาการต่อต้านเพราะเผ่าน้ำนั้นชนะเผ่าไฟของตนเมื่อโดนมากๆเช่นทั้งตัว
อาการของการต่อต้านคือจะสลบไปจนกว่าธาตุนั้นจะหายไปเช่นถ้าเกิดว่าเสื้อผ้าของเพลิงพรายแห้งก็จะฟื้นขึ้นมาเอง
"นั่นสินะ ฉันเผลอลืมไป" ปฐพีค่อยๆย่อตัวลงไปและอุ้มเพลิงพรายเหมือนกับเจ้าหญิงที่หลับในอ้อมแขนของเจ้าชาย
"เข้าไปสิรออะไรหละ" วาตะที่หลังจากบิดเสื้อผ้าก็รีบเดินนำหน้าปฐพีไปด้วยอาการหัวเสีย
สายฟ้าที่พึ่งบินมาทันก็บินมาเกาะที่บ่าของวาตะ ทั้งคู่เดินมาจนถึงหน้าประตูเมือง ประตูเมืองเผ่าน้ำแข็งนั้นก็เป็นน้ำแข็งเช่นกันโดยถูกแกะสลักไว้อย่างสวยงามด้วยลวดลายเป็นคล้ายๆก้อนผลึก
"ดีนะเนี่ยที่โชคดีมาเจอเมืองน้ำแข็งไม่งั้นจมน้ำตายกันแน่" วาตะบ่นอุบอิบก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ประตูจนแนบชิด
ฉันว่าไม่โชคดีนะ เพราะเพลิงพรายบอกว่าหาธาตุน้ำแข็งก่อนเพราะธาตุน้ำแข็งนั้นชนะธาตุแสง แต่เครื่องร่อนของพวกเราดันไปตกที่เกาะเมฆาก็เลยได้แกมาก่อนนี่ไง
ปฐพีพูดพลางเดินตามหลังไปในอ้อมอกของเขาก็ยังคงเป็นเพลิงพรายที่สลบอยู่เหมือนเดิม เมื่อวาตะเอื้อมมือไปที่ประตูเมือง ประตูกลับเปิดโดยอัตโนมัติ
ประตูค่อยๆเปิดอ้าออกไปจนสุด แต่ไม่ทันที่ทั้งสองจะได้เข้าไปก็มีทหารมารุมล้อมที่ข้างในประตู
"นี่พวกเธอคิดจะมาถล่มเมืองโดยมาแค่สามคนเนี่ยนะ" ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น
"เห้ยผมเปล่านะครับคือผมต้องการจะเข้าไปหาหัวหน้าเผ่าหนะครับ" ทหารเมื่อได้ยินก็ขยับเข้าไปใกล้พวกเขามากขึ้น ปฐพีถอยหลังออกไปอีกหลายก้าวให้ห่างที่สุด
เพราะตอนนี้มือของเขาทั้งสองข้างไม่ว่างที่จะควบคุมธาตุได้ไม่เหมือนกับพวกทหารที่ไม่ได้ถืออาวุธอะไรเลย ปฐพีเดาได้เลยว่าพวกเขาต้องมีทั้งผู้สร้างและผู้ควบคุมแน่นอน
"เห้ย แกจะโอหังมากไปแล้วนะ แกคิดว่าพอมีฝีมือจะฆ่าหัวหน้าเผ่าของเราได้หรอ แน่จริงผ่านเราไปให้ได้ก่อนสิเว้ย" ทหารตะโกนออกมา เสียง เฮ ดังขึ้นจากกองทหารกองนั้น
ทหารที่สวมชุดเกาะและแต่งตัวเหมือนอัศวินกระทืบเท้าลงพื้นก่อนจะเป็นแรงดันเกือบทำให้วปฐพีกระเด็นแต่สำหรับวาตะแล้วนั่นเป็นแค่ลมเบาๆที่ไม่มีผลกระทบกับตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
"เคล็ดวิชาโจมตีน้ำแข็ง" ทหารทั้งกองพูดพร้อมกับก่อนที่ทหารด้านหลังที่แต่งตัวเหมือนจอมยุทธก็สร้างธาตุน้ำแข็งขึ้นมา
ในมือของพวกเขานั้นเป็นก้อนผลึกเล็กๆ ก่อนที่ทหารแถวหน้าจะใช้มือลากมันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
ก้อนน้ำแข็งนั้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนเงาของมันนั้นกลืนกินทั้งวาตะและปฐพี ปฐพีเริ่มทำสีหน้าเคร่งเครียดมากกว่าเดิมเพราะตอนนี้มือของเขาไม่ว่างพอ
และเขาก็ไม่รู้ว่าจะสามารถควบคุมธาตุน้ำแข็งที่ก้อนใหญ่ขนาดนั้นได้รึเปล่าเช่นกัน
"สลาย" สิ้นเสียงของทหารทั้งกอง น้ำแข็งผลึกใหญ่ก็แตกออกมาเป็นเสี่ยงเล็กๆ และพุ่งตกลงมาใส่ทั้งสอง
"หยุดนะ" เสียงอันแข็งทื่อของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างในเมือง
"องค์หญิง พวกเรารีบสลายน้ำแข็งเร็ว" น้ำแข็งอันแหลมคมที่พุ่งลงมากลับกลายเป็นน้ำที่ตกลงมาโดยเมื่อรวมทั้งหมดที่ตกลงมาแล้วแทบจะเป็นฝนได้เลยทีเดียว ทหารทั้งหมดนั่งขุกเข่าก้มหัวให้หญิงสาวคนนั้น
เธอเดินผ่านกลางของกองทหารพวกนั้น เธอแต่งชุดผ้าไหมสีน้ำเงินที่มีลวดลายสวยงามและมีผ้าพันคือสีน้ำเงินและลายเช่นเดียวกัน
"องค์หญิงตัวจริงหรอเนี่ย" วาตะพึมพัมเบาๆ
"ขอโทษนะคะที่ทหารของฉันทำรุนแรง คุณจะมาพบท่านพ่อใช่ไหมค่ะ" เด็กสาวพูดด้วยเสียงอ่อนโยนและทำใบหน้ายิ้มแย้มแม้มันจะค่อนข้างแข็งทื่ออยู่บ้างก็ตามทีเถอะ
"แขกของท่านหรอครับเจ้าหญิง.." ทหารพูดด้วยเสียงสั่นๆ เพราะรู้ดีว่าตนได้ทำสิ่งที่ไม่ควรแล้ว
"อย่าให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกหละ" เธอตอบกลับทหารเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะผายมือเข้าไปในเมือง
"เชิญเข้ามาในเมืองเลยคะ ยินดีต้อนรับสู่เมืองหิมาวดีนะ ส่วนฉันชื่อหิมาลัยคะเป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่าน้ำแข็งเองค่ะ"
หิมาลัยพูดพลางพาทั้งคู่เดินเข้าไปในเมืองโดยไม่สนใจเพลิงพรายที่หลับอยู่ในอ้อมแขนของปฐพีแม้แต่น้อย โดยเธอคิดว่าคงจะเหนื่อย แต่จริงๆแล้วหารู้ไม่ว่าเธอเกิดอาการต่อต้าน
โดยถ้าคิดตามความจริงแล้วทหารพวกนั้นทำถูกต้องแล้วที่โจมตีพวกปฐพี เพราะถ้าดูจากภายนอกเขาก็รู้ได้เลยว่าเพลิงพรายนั้นเป็นเผ่าไฟ
เนื่องจากตัวเปียกโฉกไปด้วยน้ำและยังสลบอีกและไม่มีทางที่จะเกิดอาการเหนื่อยได้เพราะตั้งแต่เมืองเผ่าดินถึงที่นี่ก็มีแต่น้ำเท่านั้น
ถึงแม้พวกเขาจะแปลกใจก็ตามที่พวกเขามาได้โดยที่ไม่ใช้เครื่องร่อน โดยไม่รู้เลยว่าทั้งคู่โดดลงมาจากเกาะเมฆา
ด้านของปฐพีและวาตะ ก็กำลังเดินตามหิมาลัยเข้าในเมือง ในเมืองนั้นดูครึกครื้นกว่าที่วาตะคิดไว้เยอะเพราะว่าพวกเขาเป็นแขกซึ่งกว่าจะเข้าไปได้ก็ต้องผ่ากองทหารเข้าไป
แต่ในเมืองนี้มีทั้งพ่อค้าและนักท่องเที่ยวจากเผ่าอื่นๆมากมาย
ทำให้เขาเริ่มเกิดอาการโกรธเล็กน้อยที่เผ่านี้แบ่งแยกเป็นสองมาตราฐานโดยที่ไม่รู้ความจริงเลย
"ว่าแต่" หิมาลัยเริ่มเป็นคนเปิดบทสนทนา วาตะมองมาที่ปฐพี ปฐพีทำท่าขมิบปากเข้าไปข้างในหมายความว่าให้เงียบเอาไว้ พยายามอธิบายข้อมูลให้น้อยที่สุด
"คือว่า ต้องการซื้ออะไรก่อนจะเข้าไปที่บ้านฉันไหมคะ" หิมาลัยหันมาถามด้วยสีหน้าเรียบๆ
เพราะมันเป็นพื้นฐานของคนธาตุน้ำแข็งที่จะแสดงอารมณ์ออกยากแต่ก็สามารถใช้หลอกศัตรูได้ในบางครั้ง
เอ่อ ไม่เป็นไร วาตะตอบด้วยความเกรงใจแฝงความกลัว
ทั้งคู่เดินไปจนถึงข้างในสุดเมือง ข้างหลังของเมืองหิมาวดีนั้นเป็นภูเขาสูงที่ปิดบังแสงอาทิตย์เอาไว้
และมีคฤหาสน์หลังหนึ่งตั้งตระง่านอยู่โดยถูกสร้างขึ้นจากน้ำแข็ง วาตะถึงกับตะลึง และชี้ไปที่ คฤหาสน์นั้น และถามหิมาลัย
"อย่าบอกนะว่านั่นบ้านเธอ" วาตะกลืนน้ำลายก้อนใหญ่
"ใช่คะ บ้านฉันเอง" หิมาลัยพูดพลางเดินไปจนถึงหน้าคฤหาสน์ วาตะมองปฐพีที่สีหน้านิ่งเรียบ
โดยไม่ตกใจใดๆทั้งสิ้นเพราะว่าเผ่าดินนั้นก็ใช้ดินในการสร้างบ้านเหมือนกันสำหรับบ้านบางหลังที่มีผู้ควบคุมเพราะบ้านนั้นจะเปลี่ยนรูปร่างอย่างไรก็ได้
วาตะมองขึ้นไปดูที่คฤหาสน์ที่สูงขึ้นไปอีกประมาณ 2 เมตร ด้านหน้าของพวกเขานั้นมีบันไดที่ยาวเหยียดจนถึงประตูทางเข้า ทั้งสองเดินขึ้นไปเรื่อยๆ
โดยที่เพลิงพรายนั้นก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่น ส่วนสายฟ้าก็ยิงเกาะที่บ่าของวาตะโดยทำท่าเหมือนไม่รุ้ว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งสิ้น
ประตูค่อยๆเปิดอ้าออกมาช้าๆจนสุดบาน วาตะและปฐพีถึงกับตะลึงเหมือนกับมีสิ่งบางอย่างที่ไม่ควรจะมีได้อยู่ในนั้น
"นี่บ้านของเธอจริงๆหรอเนี่ย"
*เผ่าลมนั้นเป็นเผ่าที่ชอบพูดชอบคุยนินทากับผู้อื่นและชอบความรื่นเริงโดยประโยชน์ของชนเผ่าธาตุลมนั้นก็คือการพูดนั่นเอง
เพราะการพูดอาจจะทำให้อีกฝ่ายอ่อนไหวได้ก็เหมือนกับสายลมที่พัดจนต้นไม้บางต้นถึงกับต้องหันไปตามกระแสลม
__________________________________________________________________________
บทที่ 4 : วาตะหิมาลัย
"นี่มันสุดยอดมาก" วาตะ เดินเข้าไปในก่อนใครและเริ่มชื่นชมความงาม
ปฐพีที่อุ้มเพลิงพรายอยู่ก็เดินตามเข้าไป วาตะเริ่มเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆจนเจอกับประตูบานใหญ่ๆบานหนึ่งด้านบนของบานประตูนั้นมีสัญลักษณ์รูป
มือที่มีน้ำแข็งรายล้อมจับมือกับอีกมือหนึ่งที่มีเมฆหมอกปกคลุม
"มีพันธมิตรด้วยหรอ"วาตะพึมพัมเบาๆ
พันธมิตรก็คือการที่เผ่าหนึ่งเผ่าร่วมมือกันกับอีกหนึ่งเผ่าเมื่อมีสงครามก็จะออกช่วยรับ
โดยที่ทั้งสองเมืองนี้จะรับผลประโยชน์ซึ่งกันและกันรวมถึงการปกครองเองด้วยเช่นกัน
วาตะค่อยๆดันประตูไปช้าๆ ปฐพีเริ่มเร่งฝีเท้าเดินตามไปอย่างรวดเร็วรวมทั้งหิมาลัย เมื่อประตูเปิดออก
ข้างในนั้นเป็นห้องเล็กๆ มีทหารยืนชิดกำแพง และด้านในสุดนั้นก็มีแท่นเก้าอี้แห่งราชาที่มีเพียงแค่ราชาของเมืองเท่านั้นที่นั่งได้
"อ้าว ว่าไงลูกพาเพื่อนมาเล่นที่บ้านหรอ" เสียงทักทายจากชายแก่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้นดังขึ้น
"ค่ะพ่อ คนพวกนี้เขาบอกว่าเป็นแขกของพ่อค่ะ" หิมาลัยเดินเข้าไปหาพ่อของเธออย่างรวดเร็ว
ปฐพีและวาตะก็ค่อยๆเดินตามไป เมื่อพระราชาเห็นปฐพีที่อุ้มเพลิงพรายอยู่ก็ตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว
"ทหารจับชายคนนั้นไว้" ทหารที่ยืนแข็งทื่อหยิบดาบออกมาและวิ่งกรูมาล้อมปฐพีและวาตะไว้
สายฟ้าที่เกาะอยู่บนไหล่ของวาตะก็บินไปเกาะบนไหล่ของเพลิงพรายแทน
"เห้ยๆ หน้าฉันก็ออกจะเป็นมิตรนะ" วาตะเดินถอยหลังไป 2 ถึง 3 ก้าว
"คุณพ่อค่ะ ทำอะไรหนะ" หิมาลัยงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"กล้ามากนะที่พาเผ่าไฟเข้ามาในเมืองหิมาวะดีแบบนี้ สัญญาสันติจบลงแล้ว"
พระราชาตะโกนเสียงดังทำให้หิมาลัยที่ยืนอยู่ข้างก็ยังต้องตกใจที่เห็นพ่อตัวเองเป็นแบบนี้
"ใจเย็นสิท่านพวกผมไม่ได้มาทำมิดีมิร้ายนะครับ" วาตะรีบแก้ตัว แต่ทหารก็ยังคงขยับเข้าใกล้เรื่อยๆ
จนทั้งสองเดินถอยหลังไปจนเกือบถึงประตูทางออก
โดยที่ประตูนั้นก็เปิดอ้าเหมือนรอให้พวกเขาออกไป
"วาตะ พูดไปพวกนั้นก็ไม่ฟังแล้ว" ปฐพีที่เดินถอยหลังตามกันบอก วาตะเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียดแทน
"ปฐพีฉันอุ้มเพิงพรายเอง" วาตะพูดก่อนจะสร้างธาตุลมในมือ ปฐพีวางเพลิงพรายที่ยังไม่ได้สติลงที่พื้นก่อนจะดึงธาตุลมมาไว้ในมือของตน
และผลกรรมก็ไปตกที่วาตะคนเดียวอีกรอบที่อุ้มเพลิงพรายไว้
"ทหาร พวกมันเริ่มต่อต้านแล้วฆ่าได้เลย" ราชาลุกจากเก้าอี้และเดินตามหลังไปช้าๆ "เดี๋ยวสิค่ะคุณพ่อใจเย็นกันก็ได้" หิมาลัยรีบพูดช่วยทั้งสองคนนั้น
"โจมตี" เสียงตะโกนออกจากปากหัวหน้าใหญ่ซึ่งเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ทำงานในระบบแบบป้อนคำสั่ง
ทหารที่ล้อมเขาอยู่พุ่งโจมตีมาพร้อมกันราวดังมีดที่กระหนั่มแทงเข้ามา
ปฐพีก้มตัวลงและดันธาตุลมอัดลงที่พื้นทำให้เกิดแรงลมกระจายรอบตัวเขาเกิดเป็นกำแพงลมล้อมรอบ ดาบที่พุ่งมาก็เด้งลอยขึ้นไปบนฟ้าราวกับเวทย์มนต์
"วาตะวิ่งเร็ว" ปฐพีตะโกนก่อนจะวิ่งออกไปที่บันได วาตะก็ไม่รอช้าอุ้มเพลิงพรายขึ้นมาและวิ่งตามลงไป
เมื่อกำแพงลมหายไป ทหารก็วิ่งตาลงบันไดไปเช่นกัน ปฐพีและวาตะ วิ่งฝ่าวงล้อมของพ่อค้าและผู้ซื้อของมากมายก่อนจะวิ่งไปที่ประตูทางออกโดย
แต่ยังไม่ทันถึงก็มีทหารวิ่งมาดักหน้าพวกเขาและล้อมตัวพวกเขาไว้อีกครั้ง แต่ที่แปลกจากครั้งก่อนคือครั้งนี้มีทหารรวมเกือบราว 50 คนเลยทีเดียว
ทำให้พวกเขาหมดทางหนีอีกครั้งวาตะวางเพลิงพรายไว้ที่พื้นก่อนจะลุกขึ้นมาและสร้างธาตุลมไว้ในมืออีกครั้งเช่นกัน
"เดี๋ยว" เสียงแข็งของผู้หญิงดังขึ้น
"หิมาลัยหรอ" วาตะมองหาต้นเสียง หิมาลัยวิ่งตามหลังพ่อของตนมา
"หลบไปเดี๋ยวนี้นะ หิมาลัย เดี๋ยวคนพวกนี้ก็ฆ่าลูกหรอก" พระราชาพูดเสียงแข็ง
"พ่อค่ะ งั้นหนูขอฆ่าพวกเขาเองเถอะค่ะ" หิมาลัยทำหน้าเครียดก่อนจะเร่งความเร็วนำพ่อของเธอและฝ่าวงล้อมทหารเข้าไปใกล้ทั้งสองคน
"เดี๋ยวสิ ลูก" พระราชาที่ตามหลังมาก็ดูเหมือนจะห้ามไม่ทันแล้ว วาตะกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเช่นเธอเพราะถ้าต้องสู้กับผู้หญิงคนนี้คงต้องคิดผิดแน่ๆ
หิมาลัยยื่นหน้าเข้าไปใกล้หูของวาตะก่อนจะกระซิบเบาๆ
"เธอไม่ได้มาทำลายเผ่าของพวกเราใช่ไหม" วาตะที่ได้ยินก็ถึงกับตกใจที่มีคนมาไว้ใจตนเองแบบนี้ ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นคงฆ่าเขาไปแล้ว
"ใช่" วาตะตอบกลับไปเบาๆ หิมาลัยยิ้มออกมาเล็กน้อย
"นายนี่เชื่อใจได้จริงๆด้วย" หิมาลัยทิ้งคำสุดท้ายไว้ให้ ก่อนจะก้มเอามือไปแตะพื้นน้ำแข็ง
เมื่อนิ้วของเธอสัมผัสโดนมัน น้ำแข็งบริเวณนั้นก็พุ่งขึ้นไปพร้อมกับปฐพี,วาตะและเพลิงพราย
เช่นกันเมื่อมันพุ่งขึ้นไปจนถึงจุดหนึ่งที่สูงกว่าบนยอดหลังคาตึกอื่นๆ
ก็มีน้ำแข็งต่อยอดออกมาจากเสานั้นเป็นทางสไลเดอร์ลงไป ทั้ง 3 ไถลลงไปตามน้ำแข็งและข้ามไปอีกฝากหนึ่งของเมือง
ปฐพีพยายามหาที่เกาะเอาไว้เพื่อที่จะช่วยหิมาลัยมาด้วยแต่ก็ดูเหมือนไม่ทันแล้ว
"หิมาลัย" วาตะตะโกนลั่นสุดเสียง ก่อนจะมีเสียงตอบกลับมา
"โชคดีนะ"
เมื่อทั้งสามมาตกอีกฝากหนึ่งของเมือง ปฐพีก็รีบอุ้มเพลิงพรายและรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนสายฟ้าก็สะบัดตัวให้ลุกขึ้นและบินไปเกาะบนไหล่ของเพลิงพรายเช่นดิม
"เร็ววาตะ รีบหนีได้แล้ว" วาตะที่ล้มนอนลงอยู่ก็ลุกขึ้นเช่นกัน ก่อนจะเดินไปอีกทางหนึ่ง
"จะไปไหนวาตะ ทางออกมันอยู่ทางนี้นะ" ปฐพีเรียกวาตะที่เดินไปโดยไม่สนใจใคร
"ฉันจะไปช่วยหิมาลัย" วาตะพูดเสียงแข็งก่อนจะเดินไปอย่างไม่สนใจใคร
"ก็ได้แล้วแต่นายแล้วกัน อยากจะปล่อยให้หิมาลัยตายเปล่าก็ตามใจ" ปฐพีตะโกนออกมาครั้งสุดท้ายก่อนที่เงาของวาตะจะหายไป
พ่อค้าและลูกค้ามากมายต่างมุงดูปฐพีด้วยความแปลกใจ
"เพลิงพราย" เสียงชายหนุ่มดังขึ้น เขาเดินฝ่าวงล้อมเข้ามาใกล้ปฐพี
เขามองดูชายที่เดินมาด้วยความงุนงงที่รู้จักกับเพลิงพรายและความงุนงงส่วนหนึ่งก็เกิดจากการแต่งตัวของเขา
ที่มีผ้าขาดๆสีดำคลุมตัวเขาไว้และมีผ้าโผกหัวที่เหลือแต่ดวงตาเท่านั้นเหมือนต้องการปิดบังอะไรบางอย่าง
"เห้ย แกเป็นใครหนะ" ชายแปลกหน้าพูดขึ้นเป็นปฎิกิริยาทำให้ปฐพีกำหมัดแน่น พร้อมกับจ้องตาอันคมกริบ
"แล้วแกหละเป็นใคร" ปฐพีถามย้อน
"ฉันเป็นแฟนของเพลิงพราย แล้วแกมาทำอะไรแฟนฉัน" ปฐพีได้ฟังก็ถึงกับตกใจที่คนอย่างเพลิงพรายก็มีแฟนด้วย
แต่เขาก็ไม่รอช้า อุ้มเพลิงพรายและเดินไปใกล้ชายคนนั้น
"เอ้า นี่ฝากเพลิงพรายกับนกนี่ด้วยนะด้วยนะด้วยนะ" ก่อนจะยื่นตัวเพลิงพรายมีสายฟ้าเกาะอยู่บนไหล่ให้ชายแปลกหน้า และวิ่งฝ่าวงล้อมออกไป
"เห้ย แล้วแกหละจะไปไหน" เสียงเบาๆลอดออกมาจากวงล้อม ปฐพียิ้มก่อนจะตอบกลับไปเสียงดังว่า
"ไปช่วยเพื่อนฉันหนะสิ"
"นี่ลูกทำอะไรหนะ รู้ไหมไปช่วยคนเลวแบบนั้นป่านนี้พ่อค้าคงโดนฆ่าไปเยอะแล้วมั้ง" ราชาขมวดคิ้ว
"พวกเขาไม่ได้ป่าเถื่อนนะค่ะท่านพ่อ มันเกี่ยวกันด้วยหรอว่าเป็นคนเผ่าอื่นหนะ" หิมาลัยที่โดนทหารรายล้อมก็เถียงกลับ
"ไอ้คนเผ่าอื่นๆหนะมันเชื่อใจไม่ได้หรอกลูก มีเพียงแค่เผ่าพวกเรานั่นแหละเป็นผืนดินแผ่นสุดท้ายให้ลูกอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ลูกไม่มีที่อยู่แล้ว ลูกเป็นกบฏแล้ว" ราชาชี้นิ้วสั่งทหารโจมตีลูกสาวของตน
"หนูยอมเป็นอยู่แล้วเพื่อช่วยคนที่ถูกต้องค่ะ" หิมาลัยตอบเสียงแข็ง
"พ่อขอโทษด้วยนะ หิมาลัย" ราชาทิ้งท้ายคำขอโทษไว้ด้วยคราบน้ำตาก่อนจะสั่งโจมตี
"โจมตี" ทหารเริ่มง้างดาบสูงขึ้น
"ถ้าไม่มีที่ให้อยู่หละก็ มาอยู่กับฉันก็ได้นะ" เสียง เสียง หนึ่งดังขึ้นทำให้ทหารหยุดชะงัก
"เธอกลับมาทำไม" หิมาลัยหันไปมองต้นเสียงวาตะที่กำลังวิ่งเข้าไปใกล้ก็ตอบกลับไป
"ก็มาช่วยเธอหนะสิ ถามมาได้" วาตะกระโดดขึ้นเหยียบไหล่ของทหารก่อนจะกระโดดลอยตัวข้ามไปลงที่กลางวงล้อมพอดี
"มาตายพร้อมกันได้เลยนะ ทหารโจมตี" พระราชาไม่รอทั้งสองสั่งเสียก็สั่งทหารให้โจมตี
ทหารทั้ง 8 ทิศฟาดฟันดาบไปหาทั้งสอง วาตะกระโดดลอยขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะพุ่งตัวลงมาถีบทหารข้างหน้าตนให้ล้มลง
หิมาลัยสร้างธาตุน้ำแข็งขึนให้มีรูปร่างก่อนจะทำเป็นโล่ป้องกันดาบที่พุ่งเข้ามาและสะบัดดาบให้หลุดออกจากมือทหารไปก่อนจะกระโดดเตะทหารให้ล้มไปตามๆกัน
เมื่อเธอลงมาถึงพื้นก็พลาดถ้าถูกทหารวิ่งมาจับแขนและล๊อคตัวไว้ หิมาลัยพยายามสร้างธาตุต้านทำให้มือของทหารแข็ง
แต่มันก็ไม่ได้ผลเพราะทหารก็เป็นธาตุน้ำแข็งเช่นกัน วาตะรีบหันหลังกลับก่อนจะง้างหมัดต่อยแต่ก็ไม่ทันจะได้ปล่อยไปทหารก็เข้ามาล๊อคตัววาตะเช่นเดียวกัน
"ปล่อยฉันนะ" วาตะพยายามดิ้นและพยายามสร้างธาตุต้านเช่นกันแต่ก็ไม่ได้ผลเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ลดละเช่นเดียวกับหิมาลัยที่ยังคงสร้างธาตุใส่แขนของทหาร
"ตัดหัวมันทหาร" พระราชาสั่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังกลับและเดินกลับบ้านของตนไปอย่างช้าๆพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก เหมือนกับรู้จุดจบ
ทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาข้องหน้าวาตะก่อนจะยกดาบขึ้น ตรงกับหัวของเขา ช่วงนั้น ธาตุลมของวาตะและธาตุน้ำแข็งของหิมาลัยก็แผ่วเบาลง
"ธาตุอ่อนลง" หิมาลัยพูดด้วยความงุนงง
"มาแล้วหรอ ให้รอตั้งนาน" วาตะยิ้มออกมา
"แกยิ้มอะไรว่ะ" ทหารที่ล๊อคตัวเขาถาม
"หันไปดูสิ" วาตะตอบก่อนที่ทหารทั้งกองทัพหันหลังกับมองพร้อมกับพระราชาที่เดินไปได้สักครู่และหิมาลัยเช่นกัน
มีชายคนหนึ่งยืนอยู่บนหลังคาเขาถือธาตุ ลมและน้ำแข็งไว้ในมือของตนเอง
"ควบคุมได้ทั้งธาตุ ลมและน้ำแข็งหรอ" พระราชาที่ยืนดูอยู่ห่างก็ตกตะลึงเหมือนกัน
"วาตะหิมาลัย ขอโทษที่มาช้านะ" ปฐพีตะโกนเสียงดัง ก่อนจะยกมือทั้งสองขึ้นฟ้าและน้ำธาตุทั้งมารวมกัน
ระหว่างมือของปฐพีเกิดแสง ก่อนที่เขาจะค่อยๆขยายมืออกทำให้ แสงที่อยู่ระหว่างมือของเขาเป็นก้อนกลมๆเล็กๆค่อยๆใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆ
จนกลายเป็นก้อนกลมๆมีแสงสีน้ำเงินและเขียวส่องไปมาจนเงาของมันกลืนกินเมืองหิมาวดีทั้งเมือง
"ไม่น่าเชื่อ" หิมาลัยตาค้างพร้อมกับพึมพัมอยู่คนเดียว ก่อนที่ก้อนวงกลมจะแตกออกแล้วกลาอยเป็นพายุหิมะยักษ์ ที่มีน้ำแข็งรายล้อมอีกชั้นหนึ่ง
ปฐพีเมื่อพอใจในขนาดของพายุก็กระโดดพุ่งตัวไปบนฟ้าจนอยู่ใต้ทหารทั้งกองทัพและเหวี่ยงมือพุ่งลงไปที่พื้นทำให้พายุหิมะยักษ์พุ่งไปลงที่ใจกลางวง
ทหารทั้งกองทัพถูกดูดเข้าไปในพายุหิมะยกเว้นวาตะ และหิมาลัยที่อยู่ในใจกลางพายุ ก่อนที่พายุหิมะยักษ์จะลอยขึ้นไปจนสุดท้องฟ้า
และแตกตัวออกมาเป็นสายฝนหิมะเล็กๆ ทหารที่ถูกดูดขึ้นไปก็ตกลงมาใส่หิมะทำให้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ปฐพีที่ตกลงมาจากท้องฟ้าก็ตกลงใส่หิมะเช่นกันก่อนจะฝุบตัวลงไปนอนแผ่อีกตามเคย
"พึ่งจะเคยเห็นหิมะเป็นครั้งแรกนะเนี่ย ฮิฮิ" ปฐพีพึมพัมกับตัวเองและหัวเราะเบาๆก่อนที่จะสลบลงไปอีกเช่นเคย
"วาตะนั่นเพื่อนเธอแน่หรอ"
*เผ่าน้ำแข็งนั้นเป็นเผ่าที่เยือกเย็นและสงบนิ่งทำให้ไม่อ่อนไหวต่อสิ่งใดๆและจะเป็นประโยชน์ตอนต่อสู้
เพื่อที่จะไม่หลงกลศัตรูง่ายๆด้วยการที่ธาตุน้ำแข็งสามารถจับโกหกได้ง่ายมากๆเพราะพื้นฐานคือการช่างสังเกต
บทที่ 5 : เพลิงพระพาย
แสงแดดยามบ่ายสาดส่องผ่านเมืองหิมาวดีอย่างงดงามเป็นภาพที่จะหาดูไม่ได้จากที่ที่ใดอีกแล้ว
เพลิงพรายลืมตาขึ้นในห้องห้องหนึ่งซึ่งเมื่อมองดูรอบๆก็เหมือนกับห้องของเด็กผู้หญิงทั่วๆไป แต่ไม่ทันที่เพลิงพรายจะได้ลุกก็มีใบหน้าที่ค่อยๆใกล้เข้ามา
"เพลิงพรายจ๋า มาจุ๊บหน่อย"ชายคนนั้นพูดอย่างแผ่วเบา
เพลิงพรายบิดตัวหลบก่อนจะเหวี่ยงมือเข้าไปที่ใบหน้าของชายคนนั้น เพี๊ยะ ความรุนแรงของผ่ามือที่กระทบกับใบหน้าทำให้เกิดเสียง
ชายคนนั้นกระเด็นทะลุประตูห้องลอยไปจนกระแทกกับผนังด้านนอก
"หนอย..แก..วาโย"เพลิงพรายพูดเสียงดุ วาโยที่โดนตบกระเด็นก็ค่อยๆลุกขึ้นมาพร้อมกับ
หน้าตาที่ปูดขึ้นจนบังใบหน้าเกือบทั้งหน้า
"ไม่คิดถึงกันหรอจ๊ะ ที่รัก" เพลิงพรายกระโดดลุกจากเตียงด้วยความฉุนก่อนจะเตะก้านคอของวาโย
ทำให้ตัวเขากระเด็นไปกระแทกกับหน้าต่างก่อนจะพุ่งลอยออกจากคฤหาสน์
เพลิงพรายยังมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะหลังจากที่เธอตกลงมาจากเกาะนภาเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
ก่อนจะเดินออกมาจากห้องและเริ่มเดินสำรวจ ภายในมีทหารยืนเฝ้ามากมายตามทางเดินจนเธอเดินมาถึงห้องโถงใหญ่
และได้ยินเสียงพูดคุยกันดังขึ้นจากประตูบานใหญ่ เธอเปิดประตูและเดินเข้าไป
"อ๋อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง ฮ่า" พระราชาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หัวเราะออกมาดัง เมื่อได้ฟังความจริงทั้งหมดจากปากของปฐพี
ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รวมทั้งวาตะและหิมาลัยด้วย ด้านหน้ามีโต๊ะและอาหารวางเรียงราย
"อ้าวสวัสดีแม่สาวเจ้าแห่งไฟ" พระราชาตะโกนทักทายเพลิงพรายด้วยความชม เพลิงพรายขมวดคิ้วและ
กำหมัดแน่นในใจเพียงแต่หวังให้ตนเองไม่เผลอลงมือ พระราชาลุกจากเก้าอี้ก่อนจะวิ่งไปกระโดดพุ่งเข้าหาเพลิงพราย
"ขอกอดทีสิจ๊ะ" เพี๊ยะ ความรุนแรงของผ่ามือที่กระทบกับใบหน้าทำให้เกิดเสียงอีกครั้ง
ตู้ม พระราชาพุ่งกระทบกับกำแพงและลอยออกไปจากคฤหาสน์เช่นเดียวกัน
"..." ภายในเวลานั้นห้องกับตกอยู่ในความเงียบงัน
"โทษทีนะพอดีพ่อฉันเมาหนะ" หิมาลัยพูดขณะกำลังเคี้ยวอาหาร
"ว่าแต่เธอเป็นใครหละเนี่ย" เพลิงพรายทำหน้าสงสัย "ฉันชื่อหิมาลัยเป็นธิดาของเจ้าเมืองหิมาวดีแห่งนี้เอง"เมื่อพูดจบเพลิงพรายก็ยิ้มดีใจ
"นี่เรามาถึงนี่แล้วหรอไวจังเลย" สายฟ้าที่เกาะอยู่บนไหล่ของปฐพีก็บินไปเกาะบนไหล่ของเพลิงพรายแทน
ก่อนจะจิกเข้าให้ที่แก้ม จังหวะนั้นเพลิงพรายก็พึ่งนึกขึ้นได้ถ้าเป็นลูกแล้วคนที่เธอตบไปก็
"ใช่ ถูกแล้วเธอตบกษัตริย์ปลิวไปแล้วไง" ปฐพีตอบหน้าเงียบ เพลิงพรายได้แต่ยืนนิ่งค้างทำหน้าซีด
"ว่าไงสาวๆ" วาตะที่เข้าห้องน้ำเสร็จเดินมาก่อนจะเอามือแตะไหล่ของเพลิงพรายอีกข้าง
และเริ่มการทักทายตามปกติโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเพลิงพรายคิดว่าเขาคือวาโย
"ว่าไง.." ไม่ทันจะได้พูดจบ เพี๊ยะ ความรุนแรงของผ่ามือที่กระทบกับใบหน้าทำให้เกิดเสียงเป็นครั้งที่3ร่างของวาตะปลิวไปกระแทกกับปฐพี
"แค่กๆ เธอจะบ้าหรอ ตบฉันทำไมเนี่ย" วาตะที่ล้มก็รีบลุกขึ้นเดินไปชี้หน้าด่าอย่างเมามัน
"เป็นอะไรของเธอเมนส์ไม่มารึไง" เพี๊ยะ ร่างของวาตะลอยละลิ่วไปอีกครั้งหนึ่งจนตกลงที่พื้น เพลิงพรายที่โมโหเกินจะโมโหก็พูดขึ้น
"นายมีปัญหารึไง" เพลิงพลายก็สวนกลับทันที
"ใช่แล้วทำไมหละ" ทั้งคู่ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา จนสายฟ้าที่เกาะอยู่ที่ไหล่รำคาญและบินไปเกาะที่ไหล่ของปฐพีเหมือนเดิม
"ขอโทษด้วยนะสองคนนี้ก็แบบนี้แหละ" ปฐพีพูดให้หิมาลัยฟัง
"นั่นสินะคะ ยังไงฉันก็ชอบอยู่เงียบๆมากกว่า" หิมาลัยพูดก่อนจะวางช้อนซ้อมลง โดยที่ข้างหลังของทั้งสองก็คือศึกระหว่างชายธาตุลมและหญิงธาตุไฟ
"เอาหละๆ"พระราชาที่ค่อยๆเดินขึ้นมาจากบันไดก็พูดขึ้น
"คือว่าพวกเธอมาหาคนที่สร้างธาตุน้ำแข็งสินะ เรามีทหารให้เลือกมากมายเชิญตามสบายเลยถูกใจคนไหนก็เอาไปเป็นพวกได้เลยนะ"
พระราชาพูดก่อนจะเดินเข้าไปในห้องและนั่งลงที่เดิมของตน เพลิงพรายที่กำลังทะเลาะกับวาตะก็เดินไปนั่งข้างๆปฐพีรวมทั้งวาตะด้วย
ทั้งคู่นั่งใกล้กันโดยมีปฐพีเป็นแนวกั้นส่วนหิมาลัยนั้นนั่งตรงข้ามเก้าอี้ของปฐพี
"หนูจะไปเองคะพ่อ"หิมาลัยขอเสนอตัวเอง พระราชาจ้องมาทางลูกสาว "แหม จะให้ลูกสายสุดที่รักของพ่อไปเจออันตรายได้ไงหละจ๊ะ จุ๊บๆ"
พระราชาเดินเข้าไปใกล้หิมาลัยทำหน้าตาอ้อนวอน หิมาลัยเอามือบังหน้าพ่อของตนไว้ "พ่อคะหนูไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ" หิมาลัยพูด
ก่อนจะหยิบม้วนกระดาษออกมาและเอานิ้วพ่อของตนจุ่มลงในซอสและนำมาแปะเข้าที่กระดาษของตน
"เรียบร้อย เดี๋ยวฉันจะไปกับพวกนายด้วย"หิมาลัยพูดอย่างหน้านิ่งๆ ก่อนจะเก็บม้วนกระดาษเข้าไป
"เอาเป็นว่าถ้ากินเสร็จแล้วจะไปไหนก็ตามสบายเลยแล้วกันเดี๋ยวค่อยกลับมาเจอกันตอนเวลา 6โมงเย็นแล้วกัน" พูดจบหิมาลัยก็ลุกแล้วเดินออกไป
ส่วนพระราชาก็นอนสลบกองอยู่ที่พื้นโดนที่ทหารยามก็ยังยืนดูอย่างเฉยเมยปฐพีจ้องไปที่เพลิงพรายก่อนจะถามคำถาม
"เธอไม่หิวหรอเพลิงพราย" เพลิงพรายมองหน้าของปฐพีอย่างแปลกใจ
"ฉันไม่หิวขอบคุณ" เมื่อพูดจบเพลิงพรายก็ลุกแล้วเดินออกไป
"เดี๋ยวนะ นี่ใครเป็นคนพาเพื่อนฉันให้มาเฝ้าฉันเนี่ย" เพลิงพรายหันกลับไปมองทั้งสองคนที่นั่งอยู่
"ฉันเองแหละ" ปฐพีตอบอย่างเรียบๆ
"นายนี่เอง ปฐพี!!"
เพี๊ยะ
"ไม่น่าเชื่อขนาดฉันยังไม่เว้นเลย"ปฐพีที่ตาข้างหนึ่งเขียวก็พูดขึ้นขณะยืนอยู่ข้างๆระเบียงในของชั้น 3 กับหิมาลัย
"คิก คิก เพื่อนของคุณนี่ตลกดีนะคะ"หิมาลัยหัวเราะเบาๆข้างปฐพี "คนพวกนี้มีเยอะจะตายไป ไม่เคยเห็นหรอ" หิมาลัยพยักหน้าตอบกลับ
"ตอนเป็นเด็กท่านพ่อไม่ให้ฉันออกไปไหนหนะคะ ส่วนมากจะให้เล่นอยู่ในคฤหาสน์" ปฐพีที่ยังคงมองพระอาทิตย์ค่อยๆคล้อยต่ำลงไปก็พูดขึ้น
"เหมือนถูกขังเลยหละสิ เดี๋ยวยังไงเธอจะเจอกับพวกนี้จนเบื่อเลยหละ ฮ่าๆ" ปฐพีหัวเราะขึ้นเบาๆ
"ท่านพ่อคะ" หิมาลัยเดินไปข้างๆพ่อของตนที่นั่งอยู่ในห้องทำงาน
"ท่านพ่อแน่ใจหรอคะว่าพวกนั้นจะไม่หลอกท่านพ่อหนะ" หิมาลัยทำหน้ากังวลก่อนจะถามพ่อของเธอ
"แน่สิอย่างน้อยมันก็อธิบายสำหรับคนที่ควบคุมธาตุได้ทั้งสองธาตุหละจริงไหม อีกอย่าง.." พระราชาหยุดพูดก่อนจะทำหน้ากังวลอีกเช่นกัน
หิมาลัยที่จับสังเกตได้ก็ถามกลับไป
"มีเรื่องอะไรหรอคะพ่อ" หิมาลัยที่อยากจะรู้เหตุผลก็ถามขึ้น
"พ่อจะบอกก็ได้แต่ลูกห้ามบอกปฐพีนะ" หิมาลัยพยักหน้าตอบกลับ
"ไอ้ชลาหัวหน้าเผ่าแสงหนะมันเป็นคนสั่งฆ่าทั้งสองคนเองแหละ" หิมาลัยเมื่อได้ยินก็ถึงกับตาค้าง ก่อนจะค่อยๆเดินออกจากห้องไป
"อย่าลืมหละอย่าให้ปฐพีรู้เด็ดขาด" หิมาลัยที่เดินออกไปห้องไปก็พยักหน้ากลับเบาๆก่อนจะเดินหายไปอีกครั้ง
เมื่อตะวันคล้อยลงจนลับขอบฟ้าไป ก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะมารวมตัวกันซึ่งปกติถือเป็นเรื่องแปลกสำหรับปฐพีที่พระอาทิตย์ตกลงเร็วแม้กระทั่งเวลา 6 โมงเย็น แต่สำหรับคนที่เมืองนี้
ถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะโดยส่วนตัวคนเมืองนี้ก็ไม่ชอบแสงอาทิตย์สักเท่าไร เมื่อพระอาทิตย์ตกลงไป บ้านหลายๆหลังก็ค่อยๆเปิดไฟโดยใช้ตะเกียงจุดไปเรื่อยๆ
จนเมื่อปฐพีหันกลับไปมองอีกครั้งก็เหมือนกับเมืองที่มีแสงออร่าล้อมลอบเพราะแสงของตะเกียงที่กระทบกระน้ำแข็งทำให้ทำให้น้ำแข็งนั้นมีแสงส่องผ่านใสๆซึ่งก็คงจะหาชมไม่ได้อีกแล้วเช่นเดียวกับพระอาทิตย์ตก
"เอาหละตอนนี้เราอยู่ในห้องใต้ดินซึ่งเป็นสถานที่ใช้ศึกสำหรับทหารของพวกเราเองโดยที่ห้องนี้เป็นห้องน้ำแข็.ที่ปล่อยไอเย็นออกมาน้อยมากทำให้สามารถถนอมพลังงานและระบายความร้อนได้ดีเอาเป็นว่ามาเริ่มฝึกกันเลย"
พระราชาและอีก 4 คนที่เหลือตอนนี้อยู่ในห้องน้ำแข็งกว้างๆห้องหนึ่งซึ่งกินพื้นที่ในภูเขาที่คฤหาสน์ตั้งอยู่เกือบ 1 ใน 5 เลยทีเดียว เมื่อพระราชาพูดจบก็เริ่มอธิบายรายละเอียด
"เอาหละ พวกเรารู้แล้วว่าปฐพีนั้นเป็นเผ่าสีดำหรือถ้าจะเรียกให้ถูกเรียกว่า ตัวอย่างสีดำ โดยชื่อนี้ฉันตั้งให้เองจงภูมิใจสะ" ปฐพีที่ทำหน้าซื่อๆก็คิดในใจ 'จะภูมิใจดีไหมเนี่ย'
ตัวอย่างสีดำ มีความหมายว่าตัวอย่างสีดำอย่างตรงตัวซึ่งก็คงมีความหมายโดยรวมว่าตัวอย่างของผู้ที่เกิดในชนเผ่าสีดำเป็นคนแรก
"เอาหละวันนี้ฉันจะมาสอนทริคในการควบคุมธาตุให้ถึงฉันจะไม่รู้หรอกนะว่ามันจะใช้คู่กับพลังพิเศษของเธอได้หรือเปล่าแต่รู้ไว้ไม่เสียหาย" พระราชากระดิกนิ้วเรียกปฐพีเดินก้าวเข้าไปใกล้ๆตน
"คงจะเคยเห็นกันแล้วสำหรับการโจมตีของเผ่าน้ำแข็งโดยมีทั้งหมด 2 รูปแบบต่อการโจมตีหนึ่งท่าซึ่งก็คือ .."
วาตะเหมือนจะรู้ก็เลยตอบ
"เหมือนกับการที่ทหารควบคมธาตุน้ำแข็งขึ้นไปแล้วสลายให้แตกออกมาเป็นกระสุนน้ำแข็งหนะหรอ" พระราชายิ้มแป้นออกมา
"ถูกต้อง เอาหละปฐพี" ก่อนจะจ้องไปที่ปฐพีอีกครั้ง
"ตอนนี้เธอใช้ได้กี่ท่าแล้วหละ" ปฐพีนับนิ้วสักพักใหญ่เกือบ5นาทีก่อนจะตอบกลับไป
"2 ครับ" พระราชาพยักหน้า
"แล้วทำไมรนับนานจังแค่ 2 เอง" ปฐพีเงยหน้าขึ้นมองพระราชาก่อนจะตอบว่า
"พอนับเสร็จผมก็คิดเลขเล่นครับ"
"เอาเป็นว่าเอาท่าระหว่างเพลิงพรายกับวาตะแล้วกันเพราะว่าท่าของวาตะกับหิมาลัยฉันเห็นไปแล้ว"
เมื่อพระราชาพูดจบทั้งคู่ก็หันมามองกันด้วยสายตาเคียดแค้น ก่อนจะสร้างธาตุขึ้นในมือ
ปฐพีดึงธาตุทั้งสองมาอย่างรวดเร็วก่อนจะประกบมือจนเกิดแสงและกลายเป็นพายุเพลิง
"นี่หละถือมันไว้นะปฐพี แล้วลองดูดีๆเธอเห็นธาตุอะไรเสริมธาตุอะไร" พระราชาถามปฐพีไป
ปฐพีมองอยู่พักใหญ่เกือบ 10 นาทีก่อนจะตอบกลับไป
"ไฟเสริมลมครับ" พระราชาเกิดอาการงุนงงที่ทำไมถึงคิดนานจึงถามกลับไปอีกครั้ง
"ทำไมเธอคิดนานจัง" ปฐพีเงยหน้ามองขณะที่มือยังถือวายุเพลิงพระกาฬอยู่ก็ตอบกลับไป
"ผมมองมันเล่นครับมันสวยดี" เพลิงพรายที่ยืนดูอยู่ห่างๆก็เกิดอาการโมโหสำหรับความงี่เง่าของปฐพี
ส่วนวาตะได้แต่นอนขำกลิ้งกับความซื่อตรงของธาตุดิน
"เอาหละที่พวกเธอเห็นก็คือธาตุไฟเสริมธาตุลมใช่ไหม คราวนี้ปฐพี เธอต้องก้าวข้ามขั้นแรกไปขั้นที่งสอง
คือทำให้ธาตุลมหนะเสริมธาตุไฟแทน เป็น เพลิงพระพายไงหละ"
*เผ่าไฟนั้นเป็นเผ่าที่จ้าวอารมณ์ซึ่งอารมณ์ของตนนั้นจะถูกแสดงออกมาผ่านทางใบหน้าหรือการกระทำโดยที่เผ่าไฟเองจะไม่สามารถห้ามปฏิกิริยานี้
ไว้ได้โดยประโยชน์ของชนเผ่าไฟนั้นก็คือพละกำลังนั่นเองเพราะเมื่อตนโกรธก็จะยิ่งลุกโชนและร้อนแรงขึ้นเป็นเปลวเพลิงที่ยิ่งใหญ่
บทที่ 6 : การขอความช่วยเหลือของเผ่าแห่งความมืด
"ท่าในตำนานของเผ่าไฟในนีเทอร์แลนด์ วายุเพลิงพระพาย" เพลิงพรายพูดขึ้นด้วยความตกตะลึง
"ถูกต้อง ตำราคัมภีร์แห่งความทรงจำที่สาบสูญ" ทุกคนสะดุ้งเมื่อได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตำนานที่สาบสูญ
วาตะเองก็เคยได้ยินตำนานนี้มาจากพ่อของเขาเช่นกัน แต่มีเพียงคนเดียวที่ยังโยนธาตุเล่นไปเล่นมา
คือปฐพีคนเดียวที่ไม่ได้จะรู้เรื่องอะไรกับคนอื่นเขาเลยเพราะตัวเองอยู่เผ่าดินจึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตำนานนี้
พระราชามองปฐพีด้วยความเศร้าใจ เพลิงพรายพูดปลอบใจว่า
"ต้องเข้าใจนะคะว่าเขาเป็นเด็กไม่โต"ปฐพีที่พึ่งจะโยนเปลวไฟสีแดงปนเขียวขึ้นไปบนฟ้าก็หันมาถามทั้งสอง
"ใครไม่โตหรอ"
"เห้ยปฐพีวายุเพลิงพระกาฬจะตกแล้ว"วาตะตะโกนให้ปฐพีตื่นตัวแต่ก็ดูจะไม่ทันเสียแล้ว
เมื่อลูกบอลธาตุตกถึงพื้นปฐพีก็สลบไปอีกครั้งพร้อมกับแรงระเบิดอันมหาศาล
ด้านนอกตัวเมืองหิมาวดี
"นี่มันไม่ยุติธรรมเลยว่าไหม ทำไมเธอถึงทำกับฉันแบบนี้" วาโยที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปสู่คฤหาสน์ก็ได้แต่บ่นรําพึงรําพัน
ให้กับสายฟ้าที่เกาะอยู่บ่นหัวของตนฟังไปเรื่อยๆ
"ทำไมกัน ฉันถึงโชคร้ายอย่างนี้" เมื่อวาโยเดินมาถึงหน้าประตู ความโชคร้ายก็เริ่มโจมตีเขาทันที
ตู้ม !!
พายุเพลิงพุ่งออกมาจากประตูคฤหาสน์หลังใหญ่ ซากปรักหักพังบางส่วนของตึกที่ถล่มค่อยๆหล่นลงมาใกล้กับวาโยเข้าไปทุกที
"ย๊ากกกกกก" เสียงนี้แผดลั่นกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
"ดีนะเนี่ยที่น้ำแข็งมันหนาไม่งั้นถล่มมาหมดแล้ว" เพลิงพรายได้แต่บ่นอย่างหัวเสียกับความไม่รอบคอบของปฐพี
โดยที่เจ้าตัวก็สลบแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ด้านหิมาลัยและพระราชาก็สร้างเกาะน้ำแข็งขึ้นมาทัน
"ท่านครับเรามีจดหมาย" เสียงที่ไม่ได้รับเชิญดังขึ้นจากประตูที่ห่างไกล พระราชารีบวิ่งไปดูเมื่อเปิดซองอ่านดูเขาก็เจอปัญหาใหญ่ตามมา
"เด็กๆ เรามีปัญหาแล้ว"
"อะไรนะเผ่าความมืดขอความช่วยเหลือหรอ"เพลิงพรายถามขึ้นขณะที่กำลังเดินไปกับคนอื่นข้างๆเธอ
"ใช่ ดูเหมือนเผ่าแสงมันจะเริ่มเก็บธาตุความมืดต่อจากธาตุลม แล้วเราก็ต้องไปช่วยเพราะยังไงฉันก็เป็นพันธมิตรกับเผ่ามืดอยู่แล้ว"
"แล้ว... ทำไม.. ฉันต้องมาแบกไอ้งี่เง่านี้ด้วยเนี่ย" วาตะที่กำลังอุ้มปฐพีเดินตามหลังขบวนทหารของเผ่าน้ำแข็งก็บ่นขึ้น
หิมาลัยแอบหัวเราะอยู่ด้านหลังเบาๆ
ที่ขบวนทหารเดินออกจากเมืองและมีเป้าหมายจะมุ่งหน้าผ่านป่าแห่งความตาย
เพราะเป็นทางผ่านทางลัดโดยที่ไม่ต้องข้ามการแบ่งเขตส่วนกลาง ป่าที่มีตำนานว่าใครที่เข้าไปแล้วจะไม่สามารถออกมาได้
มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะสามารถออกมาได้และได้เล่าเรื่องต่างๆนาๆมากมายไม่ซ้ำกัน ทำให้ตำนานของป่านี้ก็ยังเป็นเรื่องลึกลับต่อไป
แสงแดดที่ทอแสงฉายเข้าที่ตาปฐพีทำให้เขาเริ่มรู้สึกตัว เขาลืมตาขึ้นก็พบตัวเองนอนพิงต้นไม้อยู่ส่วนด้านหน้าเขาก็เป็นป่าที่รกทึบ
"นี่ฉัน วาร์ป ได้ด้วยหรอเนี่ย เจ๋งชะมัด" ปฐพีที่กำลังตื่นตากับจินตนาการที่ตัวเองคิดก็โดนขัดจังหวะด้วยวาตะ
"วาร์ป บ้านแกสิ นี่ฉันแบกแกมาเนี่ย"
"นายเมารึเปล่าเนี่ย" เพลิงพรายถามแบบประชดประชันแต่ปฐพีก็ตอบแบบซื่อๆว่า
"ไม่"
"นี่ เพลิงพราย วาตะ ปฐพี มาได้แล้ว" หิมาลัยเดินออกจากป่าลึกเพื่อตามทั้ง 3
"ลุกได้แล้วขี้เซา" วาตะดึงปฐพีให้ลุกขึ้นแล้ว
ทั้งสามก็ออกเดินทางเข้าไปในป่าลึก บรรยากาศภายในป่านั้นมืดสนิท
มีเพียงแสงเล็กๆน้อยๆลอดเข้ามา ทางเดินเป็นโคลนตลอดทาง ทำให้ต้องพึ่งแผนที่ในการเดินทางซึ่งตอนนี้ได้ตกอยู่ในมือของหิมาลัยแล้ว
"นี่เธอแน่ใจหรอหิมาลัยว่าถูกทาง" ปฐพีถามด้วยความสงสัย
"นี่เราเดินมาครึ่งทางแล้วนะแล้วมันก็เหมือนในแผนที่ด้วย" เพลิงพรายตอบแทนหิมาลัย
"ตอนเด็กๆ ฉันมักจะออกไปเดินเล่นในเมืองกับท่านพ่อบ่อยๆโดยส่วนมากฉันจะชอบดูแผนที่คะ
ดังนั้นไว้ใจฉันได้"หิมาลัยที่หันกลับไปตอบโดยไม่ทันได้ระวังด้านหน้าของตน จนเดินไปกระแทกกับต้นไม้ต้นใหญ่อย่างจัง
และเท้าเจ้ากรรมดันกระแทกกับก้อนหินในโคลนทำให้หิมาลัยล้มลงแต่วาตะก็เข้ามาคว้าตัวไว้ทัน ส่วนแผนที่ก็ตกลงไปในโคลน
ปฐพีรีบดึงขึ้นมาแต่ก็เปียกน้ำโคลนทำใก้กระดาษนั้นเปียกและเปื้อนสีดำจนไม่สามารถอ่านได้
"งานเข้า" ปฐพีพูดเบาๆ
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งที่ดังไม่ใกล้ไม่ไกลกำลังเดินเข้ามาใกล้ทั้ง 4 คน
"ถ้าจะประสานธาตุให้เรียกชื่อแทนนะคะจะได้ไวกว่า"หิมาลัยบอกปฐพีเพื่อที่จะเตรียมพร้อมสำหรับจัดการกับคนที่เดินเข้ามา
แสงสว่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงฝีเท้าอันเชื่องช้า ปรากฏร่างชายคนหนึ่งใส่ชุดอัศวินสีขาวครบทุกส่วนยกเว้นเพียงแต่ส่วนหัวเท่านั้น
"สวัสดี องค์หญิงหิมาลัย" เสียงเดิมที่หิมาลัยคุ้นเคยดังขึ้น "เรย์"
"หิมาลัยนั่นใครหนะ" วาตะถาม
"เรย์ หนึ่งในจ้าวอัศวินทั้ง 3 เป็นจ้าวแห่งความเร็ว" หิมาลัยพูดขึ้นในหน้าที่นิ่งเฉยเช่นปกติ
"ข้าน้อยรู้สึกเป็นเกียรติมากเลยครับองค์หญิงที่องค์หญิงรู้เกียรติศักดิ์ของข้าน้อยด้วย" เรย์ก้มคำนับ
"มาทำอะไร เรย์" หิมาลัยถามแบบตรงประเด็น
"ข้าน้อยคงต้องขอทูลให้ทราบว่าขอน้อยตั้งใจขอความกรุณาจากองค์หญิง"ก่อนจะเงียบไปซักพักแล้วพูดต่อว่า
"ข้าน้อยจะขอความกรุณายืมชาวเมือง 100 คนมาเพื่อช่วยข้าน้อยทำนุบำรุงเมืองเผ่าแสงของเราขึ้นมาใหม่"
หิมาลัยรู้ทันเล่ห์กลของเรย์ที่ช่ำชองในการหลอกล่อศัตรูแต่มันใช้ไม่ได้ผลกับหิมาลัยที่เป็นธาตุน้ำแข็งซึ่งเยือกเย็นและสงบนิ่ง
และมีแผนการในการโต้ตอบกลับเพื่อให้ยอมสารภาพ
"ทำไมไม่ไปขอท่านพ่อหละ"แต่ปัญหามีแค่เรย์นั้นไม่ได้โง่เช่นกัน
"เพราะข้าน้อยหาท่านพ่อของท่านไม่เจอเลย"
"ก็ได้ท่านหญิง ข้ายอมแพ้ท่านแล้ว ถ้าท่านขัดขืนข้าเยอะแบบนี้แสดงว่าท่านก็คงรู้แล้ว จากหญิงแห่งชนเผ่าไฟ"ก่อนที่จะจ้องมองไปยังเพลิงพราย
"และข้าก็ขอคาดเดาว่าสิ่งที่เกิดกับเผ่าไฟก็ดันเกิดขึ้นโดยบังเอิญกับเผ่าลมด้วยเช่นกัน
และก็รวมทั้งการได้รับรู้ที่มาจากอาของเจ้า เข้าเผ่าดิน" ปฐพีขมวดคิ้วเข้มเพราะมีไม่กี่คนนักที่รู้จักอาของเขา
"แล้วตอนนี้เผ่าความมืดก็กำลังโดนเผ่าแสงของพวกข้าจัดการแล้วด้วย โดยที่พวกท่านมาช้าไปนิดเดียวเอง มาช้าไปแค่เสี้ยววินาที"
"พวกเราป้องกันไว้" พระราชาตะโกนสั่งทหารของเขาให้ป้องกันเมืองของเผ่าแห่งความมืดที่พังไปเกือบครึ่งแล้ว
"และแล้วความบังเอิญก็เกิดขึ้นเมื่อปกป้องเมืองแห่งความมืดไม่ได้ก็ไม่สามารถปกป้องลูกของตนได้"
พูดจบปฐพีและวาตะก็เดินมาบังหิมาลัยเอาไว้ สายตาอันคมกริบของทั้งสองทิ่มแทงมาที่เรย์แต่เขาได้สนใจไม่
"และความบังเอิญอีกอย่างเมื่อออกตามหาลูกก็พบศพของเธอและเพื่อนของเธอนอนท่ามกลางกองเลือด"
พูดจบเรย์ก็เอามือปลดชุดเกราะของตนออกเพื่อให้สบายตัว
"เริ่มแล้วระวังด้วย" หิมาลัยเตือน ทั้ง 3 คน
"แหม ท่านหญิงยังจำได้อยู่หรอครับเนี่ย"
"แสดงว่าท่านคงจำได้ใช่ไหมครับเรื่องที่ข้าเนี่ยชอบใช้มีดเป็นพิเศษ"ก่อนจะล้วงมีดออกจากเอวของตนและขว้างมาใส่ทางพวกเธอ
วาตะวิ่งเข้าไปหาเรย์ก่อนจะก้มตัวหลบมีดด้วยความรวดเร็วก่อนจะสร้างธาตุลมไว้
ปฐพีรีบดึงธาตุลมจากมือของวาตะมาและปัดมีดของเรย์กระเด็นออกไปด้านข้าง
ก่อนจะวิ่งตามไป วาตะง้างหมัดพยายามจะต่อยเรย์ โดยที่เรย์ก็ยังยืนเฉยๆ
"วาตะ ถอยออกมา" หิมาลัยรีบเตือนวาตะแต่ก็ดูจะไม่ทันสะแล้ว เรย์ยิ้มออกมาเบาๆก่อนจะพูดขึ้นว่า
"แสงส่องนภา"เมื่อหมัดที่พุ่งมาด้วยความเร็วและแรงเข้าใกล้เรย์ หมัดนั้นก็ทะลุผ่านหน้าของเขาไป ส่วนตัวของเขาก็กลายเป็นแสงและหายไป
ก่อนจะมีร่างของเรย์ปรากฏทางด้านซ้ายของวาตะ และมีมีดพุ่งมาปักเขากับไหล่ของวาตะกระเด็นออกไป
ปฐพีที่วิ่งตามไปก็จีบทิศทางของมีดก่อนจะเบรคตัวแล้วเลี้ยวซ้ายแล้ววิ่งไปก่อนจะดึงธาตุดินออกมาจากพื้นและควบคุมให้มันล้อมรอบหมัดของตน
เพื่อเพิ่มความแข็งเกร่งและพุ่งหมัดเขาไปที่หน้าของเรย์ แต่ก็เป็นเช่นเดิมเมื่อหมัดนั้นได้ทะลุเรย์ออกไปอีกครั้ง
"บ้าน่า" ปฐพีตกตะลึงกับสิ่งที่พบเจอ
"ไม่ได้บ้าหรอก นั่นมันเคล็ดวิชาการประยุกต์ใช้ธาตุขั้นที่สองและเทคนิคการหน่วงธาตุและใช้เทนนิคเคลื่อนย้ายธาตุไปไว้ที่ขาไง"
เรย์อธิบายให้ฟังก่อนจะมีร่างของเขาโผล่มาข้างๆปฐพีอีกคนและใส่เข่าเข้ากับหน้าปฐพี ส่วนร่างเก่านั้นก็กลายเป็นแสงไปเช่นเดิม
"วาตะ เพลิงพราย" ปฐพีพูดส่งสัญญาณให้ทั้งคู่สร้างธาตุอีกครั้ง วาตะกระชากมีดที่ปักไหล่ตนออกและปาทิ้งไปก่อนจะสร้างธาตุ
เพลิงพรายที่ยืนอยู่ก็สร้างธาตุเช่นกัน ปฐพีรีบดึงธาตุทั้งสองมาและประสานธาตุเป็นวายุเพลิงพระกาฬ ก่อนจะทุบลงพื้น
ทำให้ตัวของเขานั้นอยู่กลางวงพายุเพลิง แรงลมและไฟทำให้ต้นไม้บางต้นปลิวหลุดออกจากพื้นหรือบางต้นก็หักโค่นลงมาเลย
ร่างของเรย์ที่ถูกพายุพัดก็กลายเป็นแสงอีกครั้งก่อนจะโผล่มาบนหัวของปฐพี
และเตะเขากระเด็นไปโดนพายุตัวเองพัดลอยไปบนอากาศก่อนจะตกลงด้วยความรุนแรง ผลัก!
"ทีนี้เห็นรึยังหละ องค์หญิงความแตกต่างระหว่างพลัง ทีนี้จะยอมแต่โดยดีไหมครับ"
*เผ่าแสงนั้นเป็นเผ่าที่เฉลวฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมาซึ่งส่วนมากการเรียนการสอนนั้น
มักเกิดจากเผ่าแสงเป็นผู้กำหนดซึ่งประโยชน์ในการต่อสู้คือการประยุกต์ธาตุเพราะพื้นฐานคือการใช้สมอง
__________________________________________________________________________
Talk Zone
http://image.ohozaa.com/i/5d1/rWXvn.jpg (http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=5342)
http://image.ohozaa.com/i/a64/0N7PQh.jpg
Taone1414 ตะวัน
http://image.ohozaa.com/i/73e/UHJf3L.jpg
Design by : Rex
Copyright
ส่วนตัวผมว่า โอเคครับ แต่เรื่องของเผ่าต่างๆ ผมว่าน่าจะมีชื่อเป็นของเผ่านั้นๆด้วย
By Stormwind
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ส่วนตัวผมว่าก็ดีนะครับเพราะเรียกชื่อเผ่าดิน เผ่าแสง ห้วนๆ มันแปลกๆ
:cool:
โอ้วว น่าสนใจ ไว้ว่างๆจะมาอ่านนะครับ ^^
โอ้ขอบคุณครับที่ช่วยอ่านนะครับ :yes
เย่ เย่ ปูเสื่อ ~ขอเชิญคุณ GIGABom นั่งด่วน ซื้อโค๊กมาด้วย ผมหิว
ฮ่าๆๆ ขอนั่งด้วยคนแล้วกัน
ปูเสือ รอ เอาใครกำลังรอ มานังล้อมวง กินส้มตำไ่ก่ย่าง + พิษซ่ารวมมิตร และัโค็ก 1 ขวดแป็ปซี่อีก 1 ขวด และก็
ใครสนใจน้ำ กระทะทองแดงก็มาได้เลยครับ ^ - ^
โอ้ ปูหลายเสื่อจังนะครับ ฮ่าๆ
เครื่องร่อนเขียนแบบนี้นะัขอรับ =.= ล่อนในที่นี่น่าจะแปลว่าเปลือย เปล่า เครื่องล่อน = เครื่องถอดเสื้อผ้า (หื่นซะ)
โครงเรื่องทำมาได้ดีนะครับ น่าติดตาม แต่ว่าอยากให้ลองเพิ่มบทบรรยายแล้วก็ พรรณาอีกหน่อยอะครับ รู้สึกว่ามันขาดๆไป
ลองๆปรับปรุงนะครับ สู้ๆ
โอ้ ขอบคุณมากครับที่ให้คำแนะนำเดี๋ยวผมขอแก้สักครู่นะครับ
กำลังรอเรื่องนี้ แต่ขอไม่นั่งด้วยแล้วกัน นอนตักของพี่ Stormwind [Male] แล้วดูอิ่มอกอิ่มใจกว่ากันเยอะ
By Stormwind [Female]
หวานกันจังนะครับ อิอิ
โอ้ อัพเร็วกว่าผมเยอะเลยท่านศิษย์พี่ !!
ฮ่าๆ ผมแต่งตั้งนานแล้วหละครับพึ่งจะเอามาลง
:o
น่าจะวาดภาพประกอบซักรูปสองรูปนะ
ผมวาดรูปไม่เก่งหนะครับต้องขออภัยด้วย
น่าจะแทนตัวละครว่าอย่างอื่นบ้างนอกจากชื่ออ่ะครับแบบ เอาลักษณะเด่นมาอธิบาย เช่นจากเพลิงพรายก็เป็นสาวผมชมพู สาวน้อย อะไรประมาณนี้
ขอบคุณครับผมแล้วจะนำไปปรับปรุง
ขุดจึ๊กนึง ไอดีใหม่ยังไม่ได้มาเยี่ยมกระทู้นี้เลย -..-
จะมาปูเสื่ออีกแล้วหรอท่าน
:o
ลงตอนที่ 5 ไว้แล้วนะครับ ส่วนตอนที่ 6 คงต้องรอก่อนนะครับ ยังไงก็อ่านให้สนุกนะครับผม
:p