PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : The Forgotten Necklace



midsan
9th April 2012, 22:07
The Forgotten Necklace เป็น นิยายเเนว คอมเมดี้ ปนเเฟนตาซี ที่จะทำให้คุณหัวเราะ

เเละส่ายหน้าไปกับเจ้าตัวเเสบของเรา เเต่ก็จะมีความสนุกเเละตื่นเต้น ควบคู่ไปด้วย (เเนะนำท้วงติงได้นะ ไม่ถือเพราะผมมือใหม่ต้องการคำเเนะนำ ^^ )

By WhiteSakura

ขอให้สนุกกับการเล่นน้ำนะครับ :D


บทที่1


เจ้าตัวแสบ แห่งบ้านเบซิมิส


ห้องเล็กๆมีแสงตะวันสาดส่องลงมาจากหน้าต่าง กระทบร่างน้อยเผยให้เห็นเด็กหนุ่ม หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราผมสีเหลืองยาวบระบ่า กำลังนอนหลับอย่าง

เป็นสุข ก่อนที่จะมีเสียงรบกวนดังขึ้น

“นี่ ฟุโอ มันจะ10 โมง แล้วนะ นายยังไม่ตื่นอีกหรอ?” เสียงนั้น ดังพอประมาณที่จะทำให้เด็กหนุ่มนั้นค่อยลุกขึ้น หันหน้ามอง ผู้ปลุกอย่างไม่สบอารมณ์ ดวง

ตาคู่โตสีเขียวมรกต ฉายแววไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ก่อนจะเริ่มลุกขึ้นบิดขี้เกียจหาว 2-3 ทีจากนั้นจึงมัดผมตนเองลวกๆ
ไว้ด้านหลังแล้วค่อยหันมาคุยกับคู่สนทนาอีกครั้ง

“ให้ตายเถอะน่า เลลิก้อล ล่ะก็ ถ้าแกไม่มาปลุกชั้น เดียวชั้นก็ตื่นเองแล้วล่ะ ”เด็กหนุ่มคนตัวเล็กกว่า โวยวายพอเป็นพิธีแต่ดวงตาโตนั้น ยังฉายแววหงุดหงิด

อยู่

“..หึ” เด็กหนุ่มผมแดง นัยน์ตาสีเดียวกับผมคมกล้าดุ หน้าตาคมเข้มจมูกโด่ง ได้รูปหัวเราะในลำคอที่เพื่อนตัวเล็กของเขาเจ้าตัวตื่นตั้ง 10โมง กับข้าวก็ไม่

ช่วยกันทำ นอนลูกเดียวแล้วยังมีหน้ามาโวยวายอีก เขาจึงพูดต่อไปว่า

“ ชั้นคิดว่าถ้าชั้นไม่ปลุกนายตอนนี้ ต่อให้ปล่อยไปจนถึงบ่าย2 นายก็คงจะไม่ลุกขึ้นมา เพราะจะได้โดดงานบ้านตอนกลางวันด้วยล่ะสิ” พอเขาพูดถึงตรงนี้ ก็

เห็นได้เลยว่า ไอ้ตัวกวนมันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ พึมพำว่า “ชิ ทำก็ได้ฟะ! ’’ พร้อมกับเดินลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มมองหลังร่างเล็กที่เดินลงไปพลางส่ายหน้าน้อยๆ กับความกวนของเพื่อนเขา...เขาทั้งคู่อยู่อาศัยบ้านเดียวกัน

แต่ว่าพวกเขานั้น ไม่ได้เป็นพี่น้องกันพ่อและแม่ของ เลลิก้อล ได้ไปพบเด็กน้อยหลงทางที่จำอะไรไม่ได้โดยบังเอิญ มีแต่เพียงสร้อยคอลึกลับติดตัวมา

จึงเก็บมาเลี้ยงดูเพราะตามหาพ่อแม่ เด็กไม่พบบวกกับหน้ารักน่ารักใสๆ เหมือนผู้หญิงขี้ออดอ้อน ทำให้ในที่สุดทั้งบ้านก็พากันเทใจให้ ฟุโอในที่สุดข้ามหัวลูก

จริงๆอย่างเขาเลยทีเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาไม่พอใจแต่อย่างใด เพราะสำหรับเลลิก้อลและฟุโอแล้ว ไม่ใช่พี่น้องก็เหมือนพี่น้องอยู่ดี
……….

“เฮ้อ เซ็งๆๆ ” เสียงบ่นอย่างหงุดหงิดมาจาก ฟุโอ ที่กำลังเดินลงบันไดมา

พลางคิดว่า ให้ตายเถอะนึกว่าจะได้นอนอุตุทั้งวันแล้วเชียว เจ้าบ้าเลลิก้อลก็มาปลุกซะได้รู้ทั้งรู้ว่าขี้เกียจก็ใช้ลงมาทำอีก กะอีแค่เสริฟกับข้าวทำเองไม่

ได้รึไงฟะ!!

แต่ ความคิดนั้น ก็ต้องสะดุดลง เมื่อพบกับ......

“ อ้ะ สวัสดีฮะ คุณนาย เรนอ^^ ” ฟุโอทักทายเสียงสดใส ใบหน้ายิ้มแย้มสดใส

ไม่มี คราบของเด็กหนุ่มจอมกวนให้เห็น


“ จ้ะ หนูฟุโอ ความจริงเรียกฉันว่า คุณแม่ก็ได้นะจ๊ะ” คุณนาย เรนอ ผู้ซึ่งเป็นแม่ของเลลิก้อล ทักทายกลับ

“ ฮ่ะๆ คงจะไม่ได้หรอกครับ คุณนายยังสาวยังสวยอยู่เลย ต้องเรียกคุณพี่สิฮะ ^^ ”

เจ้าตัวแสบ ยอกลับ จนคุณนายเรนอต้องหัวเราะคิกคัก

“ แล้ว นี่เรา เพิ่งจะตื่นหรอเนี่ย?” คุณนายเรนอถามพลางมองไปยัง นาฬิกาที่ตอนนี้แสดงเวลา 10 โมง

“แหะๆ พอดีเมื่อวานนอนดึกน่ะฮะ เลยตื่นสายไปหน่อย แถมต้องเสียเวลาจัดนู่นนี่นิดหน่อยอ่ะฮะ” ฟุโอ แถไปเรื่อยเปื่อย พลางหลบสายตา จับผิดปนเอ็นดู

ของคุณนายเรนอก่อนจะ หลบไปเอากับข้าว ที่เลลิก้อลทำทิ้งไว้มาเสริฟ ที่โต๊ะอาหารซึ่งเลลิก้อล คุณนายเรนอรวมทั้ง คุณพ่อของเลลิก้อล

หรือ เบซิมิส บาร์ก นั่งอยู่ก่อนแล้ว

“ อาหาร มาแล้วฮะ” เสียงสดใสของฟุโอดังมาจากห้องครัว ก่อนจะออกมาพร้อมกับกับข้าวหลายอย่างหอมกรุ่น บนถาดกระเบื้องสีครีม ก่อนที่เจ้าตัวจะ

วางถาดนั้นบนโต๊ะ

“แหมๆ อารมณ์ดีแต่ เช้าเลยนะ” เบซิมิส บาร์กซึ่งอยู่ในชุดมอซอ ซึ่งเป็นชุดประจำตัวของเขาที่มีอาชีพช่างตีเหล็ก ทักทาย

“จะไม่ให้อารมณ์ดีได้ไงล่ะฮะ อุตส่าห์มีโอกาสจะได้เสริฟอาหาร ตอบแทนคุณนายสุดสวย กับ คุณท่านสุดหล่อในยามเช้าที่สดใสอย่างนี้^^” ฟุโอพูดด้วย

รอยยิ้มและท่าทางสดใส ในขณะที่ เลลิก้อลแทบจะสำลักน้ำกับคำพูดคำยกยอปอปั้นของ เพื่อนตัวแสบที่ทั้งยอ ทั้ง เสแสร้ง เขาอยากให้ทั้งพ่อทั้งแม่มาเห็น

เจ้าตัวที่กำลังยิ้มแย้ม อยู่ตอนนี้ ในตอนนั้นจริงๆดูซิทั้งพ่อทั้งแม่ของเขาจะได้ยิ้มหน้าบานอย่างนี้ไหม

“ แหมปากหวาน แต่เช้าเลยนะ”คุณนาย เรนอพูดพลางยิ้ม

“ แหะๆ แต่ต่อให้ปากผมหวานขนาดไหน ก็สู้ความสวยของคุณนายไม่ได้หรอกฮะ ”เจ้าตัวแสบยอกลับ

ดูมัน!! แล้วจะไม่ให้ พ่อกับแม่เขาทั้งรักทั้งหลงได้ไง เลลิก้อลคิดพลางกุมขมับ


บทที่2

I Meet You

“ ฮืมๆ อากาศวันนี้นี่ดีจริงนะ ป่านนี้เจ้าเลลิก้อล มันจะเป็นยังไงบ้างนา?” ผมพูดอย่างอารมณ์ดีขณะเดินอยู่บนถนน ย่านการค้าในเมือง เทอร์ลาเลีย ที่ซึ่ง

เป็นเมืองหลวง ศูนย์การปกครองแห่ง อาณาจักร เทรเนเซีย ซึ่งมีประเทศนับ10ประเทศรวมตัวกันอยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศส่วนใหญ่จะเป็นการค้าขาย


น้อยครั้ง ที่จะมีบางประเทศที่เกิดนึกคึกกระหายอำนาจ จับดาบเปิดสงครามแย่งชิงพื้นที่ทรัพยากรกันเอง

แต่แล้วผมก็ต้องหยุดเดินเมื่อ พบกับฝูงผู้คนทางด้านหน้าเหมือนมุงดูอะไรกันอยู่

ย่านการค้าเท่านั้นแหละผมก็หยุดตัวเองไม่อยู่ แทบจะถลันเข้าไปเปิดหูเปิดตาทันที


“ ประกาศๆ” เสียงอันดังกังวาน มาจากนายทหารในชุดเครื่องแบบเต็มยศสีแดงมีดาบฝักสีเงิน แวววาวดูเก๋มีระดับ

เขาพูดด้วยเสียงดังกึกก้อง ทั้งที่ไม่ได้ตะโกนหรือตะเบ็งเสียง แต่เป็นเพราะเขาใช้ เวทมนตร์ขยายเสียง ซึ่งเป็นเวทมนตร์ขั้นพื้นฐานในการพูด

“เรามีข่าวร้ายมาแจ้งให้ทราบ ขณะนี้ปริ้นเซส นาเดีย องค์หญิงหนึ่งเดียวขององค์ราชันย์ เกรฟเบย์ ได้หนีและหายตัวไป จากปราสาทยามเที่ยงคืน” เมื่อพูดมา

ถึงตอนนี้ เสียงกระซิบกระซาบ และ วิพากษ์วิจารณ์ ก็ดังขึ้นตามประสาขาเม้าของชาวเมือง

“ ถ้าใครได้ พบเห็นปริ้นเซส นาเดีย ให้รีบแจ้งยังกองกำลังทหาร

เราจะให้เงินรางวัลอย่างงาม 100000 เบริน” เมื่อพูดจบเสียง ชาวเมืองมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ดวงตาของแต่ละคนมองไปยัง ป้ายรูปของปริ้นเซส เนเดีย ราวกับเห็นกองเงินก้อนโต

“เฮ้อ พวกคนมีอำนาจนี่ คิดอะไรกันแปลกๆแฮะ เป็นเจ้าหญิงดีๆไม่อยากเป็น หนีออกจากปราสาททำไมกันหว่า” ผมบ่นพึมพำออกมาอย่างไม่เข้าใจ ก็ใครจะ

เข้าใจล่ะเป็นถึงเจ้าหญิงปราสาทรึก็ใหญ่โต เดินไปมาในบ้านวันนึงยังเดินไม่หมดเลยมั้ง อยู่ในนั้นวันๆกินๆนอนๆไม่ต้องทำอะไร แถมชี้นิ้วสั่งคนนั้นคนโน้นได้

แถมไปไหนมาไหนก็มีแต่คนก้มหัวให้ คุณเธอกลับหนีออกมา ไม่เข้าใจเลยแฮะ


แต่ความคิดของผมก็ต้องสะดุดลง เมื่อรู้สึกเหมือนมีมือเล็กๆมาสะกิดเบาๆที่ไหล่ ซึ่งทำเอาผมตกใจ เกือบร้องเหวอออกไปแล้ว แต่ก็เก็บอาการทันเมื่อเห็นคู่

สนทนา

“อ้าว ลัคน่า เธออยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความตกใจถึงขีดสุด จะไม่ให้ ตกใจได้ไงเพราะ เธอคนนี้เป็นลูกคุณหนูแห่งตระกูล ที่สูงศักดิ์และมีอิทธิพล ว่ากันว่าพ่อของเธอรู้จักกับ ราชา เกรฟเบย์และมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น

และเป็นผู้ผลักดัน เจ้าชาย เกรฟเบย์ ผู้อ่อนแอจนกลายเป็น ราชันย์ เกรฟเบย์ ผู้ทรงอำนาจ

จริงๆแล้ว ผมไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้ตัวเธอมากนัก เพราะอะไรน่ะเหรอ เดียวคุณก็จะรู้เอง

“อะไรกัน คุณหนูอย่างชั้นไม่เหมาะกับที่นี่ยังไงกัน?” ลัคน่าพูดด้วย น้ำเสียงเขียวขุ่น

“เธอก็ รู้ๆอยู่” ผมพูดยิ้มๆ พลางมอง ชาย2คน ที่คอยประคุ้มกันอยู่ห่างๆ ก่อนจะเสมองไปยังผู้คนที่เดินไปมาซึ่งมองพวกผมอย่างสนใจ

“อืม เข้าใจล่ะ” ลัคน่าพูดพลางมองตามสายตาของผม ไปยังผู้คนที่แอบมองอย่างสนใจคงเป็นเพราะ บอร์ดี้การ์ดของเธอนั่นแหละ

“เอาล่ะพวกนาย กลับไปก่อนได้เลย ฉันดูแลตัวเองได้” ลัคน่าออกคำสั่ง

"ไม่ได้นะครับ คุณหนูในที่ชุมชนอย่างนี้” บอร์ดี้การ์ดของลัคน่าไม่เห็นด้วย

“อะไรกัน!! คำสั่งของฉัน พวกนายไม่ทำตามงั้นเหรอ” ลัคน่าพูดด้วยน้ำเสียงเขียวขุ่นเมื่อถูกขัดใจ

“ไม่ใช่ อย่างนั้นนะครับ เอ่อ คือพ่อของคุณหนูกำชับพวกเรามาให้ ตามติดคุณหนุอย่าให้คลาดสายตา”

“หา? พวกนายทำตามคำสั่งพ่อฉัน แต่ละเลยคำสั่งของฉันงั้นเรอะ พวกนายเห็นฉันเป็นคุณหนูของ พวกนายรึเปล่า!!” ลัคน่าพูดอย่างโมโหที่ ถูกขัดใจจนผม

แทบจะเห็นควันออกหูเธอเลยล่ะ เพราะอย่างนี้ไงล่ะ ผมถึงไม่อยากอยู่ใกล้เธอนัก ถึงแม้เธอคนนี้ จะมีหน้าตา น่ารักจิ้มลิ้ม ตากลมโตเหมือนตุ๊กตา รูปร่างบอบ

บาง แต่คุณเธอเจ้าอารมณ์ถึงมากถึงมากที่สุด อาจเป็นเพราะเธอถูกตามใจตั้งแต่เด็ก อยากได้อะไรต้องได้อย่างนั้น แล้วเธอยังเป็นผู้ที่มี พลังเวทมนตร์ สูงจน

เป็นที่จับตามอง

แต่ที่ผมรับไม่ได้ที่สุดก็คือ คุณเธอหมัดหนัก = =;;

ปึ้ก!!

เสียงกำปั้นเล็ก กระทบกับแผ่นหลังของผมอย่างแรง เมื่อเธอใช้เวทมนตร์อ่านใจส่องจนรู้หมดว่า ผมคิดอะไรบ้าง

“โอ้ยๆ พอแล้วชั้นขอโทษ” ผมร้องเสียงอ่อย รู้สึกชาไปทั้งหลัง

“ให้ตายสิ นายนี่มารยาทแย่ จริงๆ แอบนินทาคนอื่นในใจแบบนี้” ลัคน่าเอ็ดผมอย่างไม่จริงจังนัก แต่มันก็ทำให้ผมอดฉุนนิดๆไม่ได้ ให้ตายเถอะ อย่างกับเธอ

มารยาทดีจริ๊งๆ เอะอะ ก็ทุบ เอะอะ ก็ตุ้บตั้บ ยัยคุณหนูบ้าพลัง!!

ผมระบายออกมาในใจ ก่อนที่จะทันฉุกคิดทัน....เธออ่านใจเราได้นี่หว่า!?

เพียงคิดแค่นี้ ผมก็ไม่อยากจะจินตนาการต่อไปเลยว่ามันจะเป็นยังไง และก่อนที่ผมจะได้วิ่งหนีไปไหน ผมก็รู้สึกเย็นเยียบ เสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก

“อ่อ เมื่อกี้นาย เรียกฉันว่าอะไรนะ ฉันไม่ค่อยที่จะได้ยินน่ะ ^^” เธอพูดพร้อมรอยยิ้มแต่มันเป็น รอยยิ้มที่น่ากลัวที่สุดสำหรับผมเลยที่เดียว

ถ้ามองไปยัง เธอคุณก็จะเห็น ก็จะเห็นออร่าพลังเวทมนตร์ แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ มันทั้งเย็น ทั้งหนาว ผมสาบานได้ว่าผมเห็น มีสะเก็ดน้ำแข็ง ลอยไปมาอยู

รอบตัวเธอ

“เอ่อ โทษทีนะ พอดีชั้นนึกได้ว่ามี ธุระน่ะ แล้วเจอกันนะ ^^::” ผมพูดเร็วรัว ก่อนจะโกยอ้าวออกจากพื้นที่สังหารโดยทันที

“อ้ะ!! เดียวสิ ฟุโอ ฉันมีเรื่อง......” ด้วยการที่ผมวิ่งจากมา ทำให้ผมไม่รู้ว่า สิ่งที่เธอพูดนั่นคืออะไร แต่มันคงไม่สำคัญหรอก เอาชีวิตรอดสำคัญกว่า = =


ผมวิ่งผ่านผู้คนมากมาย ในเมืองอันคับคั่ง ผมวิ่งผ่านท่าเรือเหาะ ที่มี เรือเหาะมากมายซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังเวทมนตร์ ผมเคยฝันว่าซักวันนึงจะได้ขึ้นไปบนนั้น

แต่มันคงจะเป็นฝัน ลมๆแล้ง เพราะสามัญชนอย่างผมคงไม่มี ปัญญาไปขึ้นเรือที่แพง พอจะเอาเงินทับคนตายได้หรอก

แต่ด้วยความที่ ผมมัวแต่ดูเรือเหาะ จึงไปชนกับคนๆนึงเข้าเต็มเปา

“ว้ายยย !!!” เสียงหวานใส ราวระฆังแก้ว ทำให้ผมถึงกับ ลืมหายใจ อดไม่ได้ที่จะมองไปยังคู่กรณี วินาทีนั้นเอง ผมถึงกับตะลึงในความงามของเธอผู้นี้

เธอผู้นี้ ดูแล้วน่าจะอายุไล่เลี่ยของผม เธอมีผมที่ยาวสลวยสีเหลืองทองเงางาม ซึ่งตอนนี้มันสวยมาก เมื่อยามต้องกับแสงตะวัน ผมพินิจรูปหน้าสวย

หวานของเธอริมฝีปากบาง จมูกโด่งสวยเล็ก น่ารัก แต่ที่สวยที่สุด

คือดวงตากลมโต สีส้มคู่นั้น ตา2คู่นั้นสะท้อนแสงตะวัน และมันจ้องมองมาที่ผมอย่างไม่พอใจ


.......เอ๋ ผมไปทำอะไรให้เธอโกรธหว่า?.....อ้ะ ผมมัวแต่ตะลึงในความสวยของเธอจนลืมไปว่า ตอนนี้ตัวของผมขึ้นคร่อมเธออยู่ ดวงตาของเราประสานกัน

หน้าของเธอแดงก่ำ แต่ไม่ใช่แค่เขินอาย แต่มันเป็นเพราะเธอโกรธ.....ดูท่าจะโกรธมากซะด้วย = =;;

“นี่ นายน่ะจะ!! จะลุกขึ้นได้รึยัง! !” เธอแหว เสียงขุ่น ผมจึงได้สติรีบลุกขึ้นมา ในใจอดเสียดายไม่ได้

“ขอโทษนะครับ คือ...เอ่อ.....ผมวิ่งไม่ดูทางเองน่ะครับ จนทำให้ชนคุณ”

ตอนแรกผมตั้งใจ จะบอกว่า เอ่อ....ผมตะลึงในความงามของคุณน่ะครับ จนทำให้ชนคุณ แต่เชื่อเถอะ ไม่มีใครผู้ชายที่ไหนอยากพูด แบบนั้นหรอกถ้าไม่

อยากโดนตบ

“อืม อย่างงั้นหรอคะ ฉันก็ต้องขอโทษคุณด้วยนะคะ คือฉันก็วิ่งไม่ระวังเช่นกัน”

น้ำเสียงของเธอกลับมาเป็นปกติ คงเพราะผมขอโทษ ล่ะมั้ง เธอเลยอารมณ์ดีขึ้น


“...................................” แต่จู่ๆ เธอก็เงียบไป เธอจ้องผมเขม็งเอียงคอน้อยๆเหมือนพยายามนึกอะไรบางอย่าง มันทำให้ผมอด แอบคิดเล็กๆไม่ได้

ว่า เฮ้ย!! เธอตะลึงในความ หล่อของเราว่ะ เอ๊ะ หรือจะสวยดี = =

“ เอ่อคือ สร้อยของนาย....มัน” แต่จู่เธอก็ทำลายความเงียบและทำให้ความคิด ของผมสะดุดลง ผมจ้องมองไปยังลำคอของตัวเอง ที่ตอนนี้ สร้อยคอซึ่ง

ติดตัวผมมาตั้งแต่จำความได้มันได้ตอนนี้ มันได้หลุดออกมาด้านนอก คงเป็นเพราะการชนนั่นแน่เลย

“เอ่อ สร้อยของผมทำไมเหรอครับ” ผมพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นเพราะความตื่นเต้น ผมรู้สึกได้เลยว่า หัวใจผมเต้นถี่ระรัว เหมือนจะหลุดออกมา

ข้างนอก

แต่แล้ว มันก็รู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งร่าง

รวมทั้งหัวใจของผมด้วย

เมื่อเธอผู้นั้นพูดว่า

“ฉันเคยเห็นมันมาก่อน”

GIGABom
11th April 2012, 19:41
เอ้าปูเสื่อหน่อย เชิญๆ ทุกคน!

Chantach
12th April 2012, 17:35
เขียนให้จบนะ สมัครตามมาเชียร์เลย