kingcesar
14th April 2012, 19:29
ณ วันนี้ Drama เป็นสิ่งที่เยาวชน และผู้ใหญ่ไทยบางส่วนชอบที่จะเสพติด หรือ ติดตามอ่านกัน การ Drama ใน Webboard / Forum ก็เช่นกัน
เป็นสิ่งที่หลายๆคนชอบ ในบางแห่ง บางเว็ป ก็จะมีกลุ่มผู้หวังดี (หวังดีจริงหรือแอ๊บก็ไม่สามารถล่วงรู้ หรือ ทราบได้) ที่ไม่ประสงค์จะเห็น Drama หรือคนในบอร์ด
ก่อเหตุทะเลาะวิวาททางวาจา / ทาง Keyboard กันให้เสียน้ำใจ จึงออกมาแสดงตัว ประกาศจุดยืน นำวลี "ไม่เอา Drama" , "อย่า Drama กันเลยครับ"
"ต้มมาม่าดีกว่า", หรือ "ดีจัง มี มาม่า มาให้เสพอีกแล้ว" มาให้ผู้ที่กำลังจะตอบกระทู้ที่มีอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น เป็นที่ประจักษ์ แล้วก็เป็นการนำมาสู่การ แจ้งลบ
ทั้งๆที่บางที Drama มันยังไม่บังเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ (บางครั้งแค่เถียงกันแบบมีเหตุผล พิมพ์ข้อความในโพสต์กันยาวนิดยาวหน่อยโดยไม่ได้มีเจตนาจะทะเลาะกัน ก็หาว่า Drama ละ)
แต่ดันทึกทักไปกันเองว่าเกิด Drama ๆ ๆ ๆ แล้วก็แจ้งลบ แต่พอลองย้อนกลับไปดู (อย่างเช่นในกรณีของผมกับ User หนึ่งที่แสดงตนเป็นผู้มีสี เมื่อ 2-3 วันก่อน)
มันดันเป็นแค่การถกเถียงในเชิงวิชาการ และ การหยิบยกหลักของเหตุและผล ขึ้นมาสนธนากันตามประสา เท่านั้นเอง
เห็นได้ชัดว่า คนที่ชอบทึกทักว่า Drama นี้ มีความ Active ที่ไม่ค่อยถูกไม่ควร กระต่ายตื่นตูม เกิดสภาวะ 'ตีตนไปก่อนไข้' ขึ้นในหมู่ User บางกลุ่ม
ที่จะชอบมาโพสต์ตอนคนเริ่มเถียงกันว่าจะ Drama ๆ
(ช่างไม่รู้อะไรเลย สาเหตุที่เขาจะ Drama กันก็เพราะมีบ่างช่างยุมาแบบนี้แหละ แล้วไม่ใช่เขาจะ Drama กับคนที่เขาเถียงด้วยนะ เขาจะ Drama คนที่มา ยุให้ Drama นี่แหละ -*-)
เรื่องยังไม่เกิด ก็รีบตัดสรุป ตัดจบ ตีสรุปซะแล้ว จากนั้นพวกเขาก็ไปแจ้ง Mod ลบกระทู้ ทั้งๆที่ Drama ยังไม่เกิดขึ้น สิ่งที่เกิดมีเพียงอุปทานหมู่ ของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
แล้วบางที คนที่คุณหาว่าเขาทะเลาะกันอยู่ เขาอาจจะกำลัง แสดงความคิดเห็น อันมีสาระ / เกร็ดน่ารู้ แฝงมาก็ได้ แทนที่จะลองอ่านการเสวนา ของพวกเขาให้จบ
นี่ไม่มีเลย "เอะอะฉันแจ้งลบ ๆ เพราะมันมีแนวโน้มจะขัดแย้ง~ ฉันจึงทำหน้าที่พลเมืองดี แจ้งลบ..."
โดยส่วนตัวผมมีความเห็นว่าการแจ้งลบนี่ บางครั้งไม่ใช่ทางออก/ทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องที่สุดนะครับ
เพราะ พอแจ้ง > แล้วก็โดนลบ > ลบเสร็จ > ไม่มีของที่ระลึก > ไม่มีสิ่งเตือนใจ > ขาดอุทาหรณืสอนใจ
หากเป็นอย่างนี้ มันก็จะหมุนเป็นวงจรมาเรื่อยๆ เพราะเว็ปนี้ มาสมาชิกประชากรแวะเวียนเข้ามาใหม่เรื่อยๆ
:ask เพราะอะไรครับ??
:answer เพราะ มันไม่มี "กรณีศึกษา" เก็บไว้สอนใจไงล่ะครับ
:answer เพราะเห็นไร ที่เริ่มเถียงกันหน่อย ก็จะแจ้งลบ - แจ้งลบ
(บางทีเขาถกกันด้วยปมสาระเชิงลึก โดยปราศจากอารมณ์เข้าแทรก เพื่อหวังจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์และ
ความรู้ข้อมูลกันแต่กลับถูกมองว่าเป็นการก่อ Drama)
น่าเห็นใจนะครับ อุตส่าห์ถกประเด็น/ปัญหากัน ในพื้นที่สาธารณะแท้ๆ
แทนที่คนอื่นจะได้มาอ่านด้วย กลับถูกลบไปอย่างน่าเสียดาย
จากในหลายๆเหตุการณ์ ทำให้เกิดคำถามในใจผม และสังคม อยู่ 2-3 ข้อ
:ask 1. Drama ในความหมายของคนพวกนี้หมายถึงอะไร? การเถียงกันงั้นหรือ??
:ask 2. การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และการแก้ปัญหาระยะยาว ที่ถูกต้องอย่างแท้จริง คือการแจ้งลบกระทู้ อย่างนั้นหรือ ???
แล้วคุณแน่ใจเหรอ ว่ามันไม่ใช่การแก้ที่ปลายเหตุ????
ถ้าอยากแก้ปัญหาจริงๆ ทำไมไม่ลงโทษที่ผู้ก่อเหตุและผู้เกี่ยวข้องอย่างเดียว จะแจกใบอะไรก็แจก พร้อมเขียนกำกับอะไรไว้ที่ใต้กระทู้ก็ได้นี่ แล้วปล่อยกระทู้ตกไป
ให้กลายเป็น "กรณีศึกษา" ล่ะครับ แถมยังสามารถเป็นอุทาหรณ์สอนใจก็ยังได้ จะได้สำนึกกัน ว่าจะได้ พยายามไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นซ้ำรอยขึ้นอีก
คำถามสุดท้าย :ask "การเมืองเป็นสิ่งต้องห้ามในวงสนทนา ของเยาวชนไทยจริงหรือ?????"
และถ้าหาก เขาพูดคุยถกเถียงกันด้วย สติ, วุฒิภาวะ และ ปัญญา จะต้องถูกห้าม ไม่ให้พูดเรื่องนี้กันเลยหรือ??????
___________________________________________________________
ผมอยากจะขอบอกผ่านกระทู้นี้ ว่า มันควรจะถึงเวลาซะทีครับ ที่คำว่า เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจะเกิดขึ้น
ยอมรับเถอะ ว่า เยาวชนหนีไม่พ้นเรื่องการเมืองหรอกครับ
การบ้านการเมืองเป็นสิ่งที่สมควรจะรับรู้ไว้บ้าง
ไม่ใช่ว่าจะยึดตรรกะที่ว่า "ผมไม่ได้จะเรียนการเมืองนี่ ไม่เห็นต้องสนใจการเมืองเลย"
การเมืองสมัยนี้เป็นสิ่งสำคัญนะครับ หากมัวปิดหู ปิดตา ปิดปากอยู่
เกรงว่า เยาวชนเราจะกลายเป็นคนที่ไม่รู้เท่าทันโลก
แล้วผมจะบอกไว้อย่างนึง ประเทศเราเป็นประชาธิปไตยนะครับ
จะมามัวบอกว่า การเมืองเป็นเรื่องสกปรก น่าเบื่อ อยู่อย่างนั้น มันไม่ใช่วิสัยนะครับ
ถ้าคุณคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องสกปรก ทำไมคุณไม่มาช่วยสอดส่อง ตรวจสอบ เช็ค และวิเคราะห์ - ติดตามการทำงานของพวกเขาล่ะครับ
คุณจะได้รู้ ว่าคนไหนดีหรือไม่ดี จะได้ช่วยกันบอกต่อ คนอื่นจะได้ไม่เลือกเข้าสภาไปอีก
แล้วคนที่ชอบบอกว่า "การเมืองมันน่าเบื่อ อย่าไปสนใจเลย ปล่อยให้พวกนักการเมือง หรือพวกคนเฒ่าคนแก่เขาจัดการไปเถอะ"
คนประเภทนี้นี่น่ากลัวนะครับ
เพราะการพูด หรือ การมีวิสัยทัศน์แบบนี้ เท่ากับ ไม่สนใจใยดีประเทศ ขาดจิตสำนึกในประชาธิปไตย ในเมื่อเรามีประชาธิปไตย
ปากบอกว่ารักในระบอบประชาธิปไตยกันไม่ใช่เหรอครับ ทำไมเราไม่มารวมกันใช้ ต้องรอให้เกิดปัญหาขึ้นมาก่อนหรือครับ ถึงจะหันมาสนใจ
เราควรศึกษาไว้บ้าง เพื่อจะได้รับรู้ รับฟัง สิ่งที่นักการเมืองเขาทำกัน
เขาทำอะไร? เขาโกงหรือเปล่า?? เขาพัฒนาประเทศหรือเปล่า??? ฯลฯ
นี่เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเยาวชนที่จะเติบใหญ่ในวันข้างหน้า
เพื่อปฏิรูปประเทศเรา ปฏิรูปสังคมให้น่าอยู่มากขึ้น และพัฒนามากกว่าเดิมครับ
ขอร้องนะครับ อย่าเพิ่งลบกระทู้นี้ อยากให้หลายๆคนได้อ่านกัน :sweat
เป็นสิ่งที่หลายๆคนชอบ ในบางแห่ง บางเว็ป ก็จะมีกลุ่มผู้หวังดี (หวังดีจริงหรือแอ๊บก็ไม่สามารถล่วงรู้ หรือ ทราบได้) ที่ไม่ประสงค์จะเห็น Drama หรือคนในบอร์ด
ก่อเหตุทะเลาะวิวาททางวาจา / ทาง Keyboard กันให้เสียน้ำใจ จึงออกมาแสดงตัว ประกาศจุดยืน นำวลี "ไม่เอา Drama" , "อย่า Drama กันเลยครับ"
"ต้มมาม่าดีกว่า", หรือ "ดีจัง มี มาม่า มาให้เสพอีกแล้ว" มาให้ผู้ที่กำลังจะตอบกระทู้ที่มีอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น เป็นที่ประจักษ์ แล้วก็เป็นการนำมาสู่การ แจ้งลบ
ทั้งๆที่บางที Drama มันยังไม่บังเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ (บางครั้งแค่เถียงกันแบบมีเหตุผล พิมพ์ข้อความในโพสต์กันยาวนิดยาวหน่อยโดยไม่ได้มีเจตนาจะทะเลาะกัน ก็หาว่า Drama ละ)
แต่ดันทึกทักไปกันเองว่าเกิด Drama ๆ ๆ ๆ แล้วก็แจ้งลบ แต่พอลองย้อนกลับไปดู (อย่างเช่นในกรณีของผมกับ User หนึ่งที่แสดงตนเป็นผู้มีสี เมื่อ 2-3 วันก่อน)
มันดันเป็นแค่การถกเถียงในเชิงวิชาการ และ การหยิบยกหลักของเหตุและผล ขึ้นมาสนธนากันตามประสา เท่านั้นเอง
เห็นได้ชัดว่า คนที่ชอบทึกทักว่า Drama นี้ มีความ Active ที่ไม่ค่อยถูกไม่ควร กระต่ายตื่นตูม เกิดสภาวะ 'ตีตนไปก่อนไข้' ขึ้นในหมู่ User บางกลุ่ม
ที่จะชอบมาโพสต์ตอนคนเริ่มเถียงกันว่าจะ Drama ๆ
(ช่างไม่รู้อะไรเลย สาเหตุที่เขาจะ Drama กันก็เพราะมีบ่างช่างยุมาแบบนี้แหละ แล้วไม่ใช่เขาจะ Drama กับคนที่เขาเถียงด้วยนะ เขาจะ Drama คนที่มา ยุให้ Drama นี่แหละ -*-)
เรื่องยังไม่เกิด ก็รีบตัดสรุป ตัดจบ ตีสรุปซะแล้ว จากนั้นพวกเขาก็ไปแจ้ง Mod ลบกระทู้ ทั้งๆที่ Drama ยังไม่เกิดขึ้น สิ่งที่เกิดมีเพียงอุปทานหมู่ ของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
แล้วบางที คนที่คุณหาว่าเขาทะเลาะกันอยู่ เขาอาจจะกำลัง แสดงความคิดเห็น อันมีสาระ / เกร็ดน่ารู้ แฝงมาก็ได้ แทนที่จะลองอ่านการเสวนา ของพวกเขาให้จบ
นี่ไม่มีเลย "เอะอะฉันแจ้งลบ ๆ เพราะมันมีแนวโน้มจะขัดแย้ง~ ฉันจึงทำหน้าที่พลเมืองดี แจ้งลบ..."
โดยส่วนตัวผมมีความเห็นว่าการแจ้งลบนี่ บางครั้งไม่ใช่ทางออก/ทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องที่สุดนะครับ
เพราะ พอแจ้ง > แล้วก็โดนลบ > ลบเสร็จ > ไม่มีของที่ระลึก > ไม่มีสิ่งเตือนใจ > ขาดอุทาหรณืสอนใจ
หากเป็นอย่างนี้ มันก็จะหมุนเป็นวงจรมาเรื่อยๆ เพราะเว็ปนี้ มาสมาชิกประชากรแวะเวียนเข้ามาใหม่เรื่อยๆ
:ask เพราะอะไรครับ??
:answer เพราะ มันไม่มี "กรณีศึกษา" เก็บไว้สอนใจไงล่ะครับ
:answer เพราะเห็นไร ที่เริ่มเถียงกันหน่อย ก็จะแจ้งลบ - แจ้งลบ
(บางทีเขาถกกันด้วยปมสาระเชิงลึก โดยปราศจากอารมณ์เข้าแทรก เพื่อหวังจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์และ
ความรู้ข้อมูลกันแต่กลับถูกมองว่าเป็นการก่อ Drama)
น่าเห็นใจนะครับ อุตส่าห์ถกประเด็น/ปัญหากัน ในพื้นที่สาธารณะแท้ๆ
แทนที่คนอื่นจะได้มาอ่านด้วย กลับถูกลบไปอย่างน่าเสียดาย
จากในหลายๆเหตุการณ์ ทำให้เกิดคำถามในใจผม และสังคม อยู่ 2-3 ข้อ
:ask 1. Drama ในความหมายของคนพวกนี้หมายถึงอะไร? การเถียงกันงั้นหรือ??
:ask 2. การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และการแก้ปัญหาระยะยาว ที่ถูกต้องอย่างแท้จริง คือการแจ้งลบกระทู้ อย่างนั้นหรือ ???
แล้วคุณแน่ใจเหรอ ว่ามันไม่ใช่การแก้ที่ปลายเหตุ????
ถ้าอยากแก้ปัญหาจริงๆ ทำไมไม่ลงโทษที่ผู้ก่อเหตุและผู้เกี่ยวข้องอย่างเดียว จะแจกใบอะไรก็แจก พร้อมเขียนกำกับอะไรไว้ที่ใต้กระทู้ก็ได้นี่ แล้วปล่อยกระทู้ตกไป
ให้กลายเป็น "กรณีศึกษา" ล่ะครับ แถมยังสามารถเป็นอุทาหรณ์สอนใจก็ยังได้ จะได้สำนึกกัน ว่าจะได้ พยายามไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นซ้ำรอยขึ้นอีก
คำถามสุดท้าย :ask "การเมืองเป็นสิ่งต้องห้ามในวงสนทนา ของเยาวชนไทยจริงหรือ?????"
และถ้าหาก เขาพูดคุยถกเถียงกันด้วย สติ, วุฒิภาวะ และ ปัญญา จะต้องถูกห้าม ไม่ให้พูดเรื่องนี้กันเลยหรือ??????
___________________________________________________________
ผมอยากจะขอบอกผ่านกระทู้นี้ ว่า มันควรจะถึงเวลาซะทีครับ ที่คำว่า เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจะเกิดขึ้น
ยอมรับเถอะ ว่า เยาวชนหนีไม่พ้นเรื่องการเมืองหรอกครับ
การบ้านการเมืองเป็นสิ่งที่สมควรจะรับรู้ไว้บ้าง
ไม่ใช่ว่าจะยึดตรรกะที่ว่า "ผมไม่ได้จะเรียนการเมืองนี่ ไม่เห็นต้องสนใจการเมืองเลย"
การเมืองสมัยนี้เป็นสิ่งสำคัญนะครับ หากมัวปิดหู ปิดตา ปิดปากอยู่
เกรงว่า เยาวชนเราจะกลายเป็นคนที่ไม่รู้เท่าทันโลก
แล้วผมจะบอกไว้อย่างนึง ประเทศเราเป็นประชาธิปไตยนะครับ
จะมามัวบอกว่า การเมืองเป็นเรื่องสกปรก น่าเบื่อ อยู่อย่างนั้น มันไม่ใช่วิสัยนะครับ
ถ้าคุณคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องสกปรก ทำไมคุณไม่มาช่วยสอดส่อง ตรวจสอบ เช็ค และวิเคราะห์ - ติดตามการทำงานของพวกเขาล่ะครับ
คุณจะได้รู้ ว่าคนไหนดีหรือไม่ดี จะได้ช่วยกันบอกต่อ คนอื่นจะได้ไม่เลือกเข้าสภาไปอีก
แล้วคนที่ชอบบอกว่า "การเมืองมันน่าเบื่อ อย่าไปสนใจเลย ปล่อยให้พวกนักการเมือง หรือพวกคนเฒ่าคนแก่เขาจัดการไปเถอะ"
คนประเภทนี้นี่น่ากลัวนะครับ
เพราะการพูด หรือ การมีวิสัยทัศน์แบบนี้ เท่ากับ ไม่สนใจใยดีประเทศ ขาดจิตสำนึกในประชาธิปไตย ในเมื่อเรามีประชาธิปไตย
ปากบอกว่ารักในระบอบประชาธิปไตยกันไม่ใช่เหรอครับ ทำไมเราไม่มารวมกันใช้ ต้องรอให้เกิดปัญหาขึ้นมาก่อนหรือครับ ถึงจะหันมาสนใจ
เราควรศึกษาไว้บ้าง เพื่อจะได้รับรู้ รับฟัง สิ่งที่นักการเมืองเขาทำกัน
เขาทำอะไร? เขาโกงหรือเปล่า?? เขาพัฒนาประเทศหรือเปล่า??? ฯลฯ
นี่เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเยาวชนที่จะเติบใหญ่ในวันข้างหน้า
เพื่อปฏิรูปประเทศเรา ปฏิรูปสังคมให้น่าอยู่มากขึ้น และพัฒนามากกว่าเดิมครับ
ขอร้องนะครับ อย่าเพิ่งลบกระทู้นี้ อยากให้หลายๆคนได้อ่านกัน :sweat