PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : TKM Love VS Zombies



หน้า : [1] 2

Stormwind
29th July 2011, 23:19
http://www.youtube.com/watch?v=2i7a7ftO0ZQ&feature=youtube_gdata

สารบัญ

chapter 1 - 7 (http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=8269#1)

Chapter 8 - 12 (http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=8269#8)


Chapter 13 - Chapter 15 (http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=8269#10)

Chapter 16 (http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=8269#13)

[15URL="http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=8269#"]Chapter 17 [/URL]

Chapter 18 - 19 New !!!!!!!!!!! (http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=8269#18)

Chapter 1 First Day & Last Day



ภายใน รร.เอกชนชื่อดัง วันนั้นมีงานประจำปีของรร. มีผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามาใน รร.

รวมทั้งวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง.......

นร.และผู้ปกครองรวมถึงวัยรุ่นทุกคนล้วนแล้วแต่สนใจในสิ่งเดียวกัน นั่นคือ .... การแสดงที่บริเวณลานในรร.

โดยไม่ได้ใส่ใจกับคู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งซึ่งนั่งคลอเคลียอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างสนามบอลหลังโรงเรียนเลย....

“แก้มแหม่มครับ พี่รักแก้มแหม่มนะครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเอนตัวลงไปนอนตักอันอ่อนนุ่มของเด็กสาว

“ค่ะ แหม่มก็รักพี่ตั้มนะคะ”

“ เฮ้อ......” มือบอบบางนั้นได้ค่อยๆ ลูบที่เส้นผมของชายหนุ่มอันเป็นที่รักช้าๆ ราวกับว่าอยากเก็บห้วง
เวลานั้นไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

“เมื่อไหร่เราจะได้อยู่ในที่ที่เราสามารถอยู่ด้วยกันได้โดยไม่ต้องแคร์สายตาคนอื่นซักทีนะคะ…”

แก้มแหม่มพูดน้ำเสียงเหนื่อยปนเศร้าสร้อย และลูบหัวตั้มอย่างทะนุถนอมต่อไป

“นั่นสินะ... รอซักวันนะครับรอพี่ได้เป็นนักบอลอาชีพเมื่อไหร่ รอแหม่มเรียนจบมหาลัย พี่จะมาสู่ขอนะ”

น้ำเสียงของนักบอลตัวมหาลัยที่พูดไปนั้นหนักแน่นพอๆกับแววตาของเขา
สาวแว่นหน้าเริ่มแดงจัดก่อนที่จะตบที่หัวไหล่แฟนแล้วพูดปัดความขวยเขิน

“ บ้า พี่ก็ พูดไปไกลเลยนะคะ....” แก้มแหม่มก็ทุบร่างแกร่งนั้นเบาๆ

“555 ก็มันจริงนี่นาครับ พี่รักแก้มแหม่มมากๆเลย” ตั้มพูดปนๆหัวเราะ

“ พอเลยค่ะ ป๊ะ ไปดูงานแสดงดีกว่านะคะ”

“ป่ะ ครับผม นั่งด้วยกันจนมดขึ้นมากัดพี่หมดแล้วเนี่ย 5555”

“บ้า พี่ก็” แก้มแหม่มดันหัวของตั้มให้ลุกขึ้นในท่าครึ่งนั่งครึ่งนอนและพยายามทำหน้าออดอ้อน
“ขอซ้อนรถพี่ไปใน รร.นะคะ” น้ำเสียงอ้อนของแฟนสาว ทำให้ตั้มอดที่จะยิ้มกว้างไม่ได้

“ไม่ซ้อนรถพี่ แล้วจะซ้อนรถใครล่ะครับ?”

ในขณะที่กำลังจะสตาร์ทรถ เสียงโทรศัพท์ของตั้มก็ดังขึ้น


เสียงเรียกเข้า.....Flook [No-Touch]



“ฮัลโหล ว่าไงฟลุ๊ค”

“เฮ้ย หัวหน้า ******แล้ว ซอมบี้ ไอ่*** ซอมบี้ !!!” น้ำเสียงฟลุ๊คดูตื่นตระหนกระคนกับเสียขวัญ

“*** อย่ามามั่ว เอาดีๆซอมบี้เชี่ยอะไร ?” เสียงตั้มซีเรียสมากพอๆกับหน้าตาที่เริ่มซีเรียสก่อนจะพูดต่อ
"เรามารวมกลุ่มกันนะเว้ยเฮ้ย อย่าเล่นตลก ***"

“ซอมบี้จริงๆ มันมาจากไหนก็ไม่รู้...”
หลังจากที่คุยกันได้ไม่กี่อึดใจ ก็ปรากฏเสียงคำรามจากที่ใกล้ๆ โทรศัพท์ของฟลุ๊ค
“แฮ่!!!!”
“ ไอ่*** เฮ้ย มันวิ่งมาใกล้กูแล้วเฮ้ย”

เสียงของฟลุ๊คดูจริงจังมาก “เฮ้ย ว่าแต่ตอนนี้หัวหน้าอยู่ไหน อยู่กับแฟนรึเปล่า หัวหน้าฟังกูดีๆนะเว้ย…”

จากนั้น เสียงของฟลุ๊คก็เงียบไป .........

“ฟลุ๊ค ***อย่ามาล้อเล่น เฮ้ย ***เงียบทำไมวะ” ตอนนี้ เส้นเลือดบนหน้าผากของตั้มเริ่มโปนขึ้นมาอย่างเห็น

ได้ชัด

ไม่นาน เสียงของฟลุ๊คก็กลับมาพูดอีกครั้ง

“แฮ่กๆ” สมาชิก No-Touchหอบซักพักก่อนจะกลั้นใจพูดต่อ
“กูหลบพวกมันมาเนี่ย หัวหน้ารีบพาแฟนหัวหน้าหนีไปให้ไกลที่สุดเลย”

“ทำไมวะ ตกลง มันเรื่องจริงเหรอวะเนี่ย” ตัวของตั้มเริ่มสั่น...สั่นด้วยความแค้น ที่ไม่อาจปกป้องลูกน้องได้

“อย่ามาที่ รร. นะเว้ย เพราะตอนนี้พวกมันเต็มรร.แล้วไงวะ ตอนนี้ พวกที่เหลือก็กำลังหลบกันคนละทิศละ

ทาง โทรหาก็ไม่กล้า กลัวเสียงดัง ******เอ้ย”

“อืมๆ แล้วคนอื่นๆล่ะวะ No-Touch อยู่ครบมั้ย” ตั้มถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ไม่ครบๆ ตอนนี้มันเฮโลกันมาไงหัวหน้า กูกับไอ่พวกนั้นไปหลบกันบนตึกนะเว้ย”

“เออ ดีๆ ปิดทางเข้า-ออกให้หมดนะ หาเสบียงตอนกลางวันนะเว้ย นี่เป็นคำสั่งสุดท้ายในฐานะหัวหน้า”

น้ำเสียงของตั้ม เต็มไปด้วยความเครียด

“โอเคๆ ขอบคุณครับหัวหน้า ถ้าไม่ตาย กูจะโทรหานะเว้ย บุญรักษานะเว้ยหัวหน้า”
พูดจบ ฟลุ๊คก็ตัดสายไป

“อะไรวะเนี่ย จริงเหรอเนี่ย” ตั้มทำหน้าเครียดมากๆ

“อะไรกันเหรอคะเห็นหน้าเครียดๆ” แฟนสาวถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“ซอมบี้มันโผล่มาใน รร.” ตั้มที่ตอนนี้เส้นเลือดปูดขึ้นมาเต็มหน้าผากพูดด้วยเสียงค่อยๆ

“ จริงเหรอคะ อย่าล้อกันเล่นอย่างนี้ดีกว่าค่ะ” แฟนสาวพูดพลางหัวเราะเบาๆ

“ตลกอะไรเล่า ลอง..” ยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงตามสายของรร.ดังขึ้น

“นร.ทุกคนครับ ตอนนี้เกิดภาวะเชื้อไวรัสระบาดในจังหวัดของเรา ขอให้นร.ทุกคน หาที่หลบให้ดี อีก1เดือน
กองกำลังจาก U.N. [United nation]จะมาช่วยเหลือพวกเราครับ ขอให้พระเจ้ารักษา เรา... อ๊ากกกกก !!!”

สิ้นเสียงร้อง เสียงตามสายก็ตัดไป อีกเช่นเคย ......

“เชี่ยเอ๊ย บัดซบฉิบ” ตั้มสบถเบาๆและเตะฝุ่นเพื่อระบายอารมณ์

“แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะ? ” แก้มแหม่มพูดแล้วก็เริ่มสะอื้น

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พี่จะปกป้องแก้มแหม่มเองนะ พี่สัญญา”

“หนีไปทางไหนดีล่ะคะ?” เด็กสาวปาดน้ำตาแล้วถาม

“หลัง รร. ไม่น่าจะมีพวกมัน เท่าที่คิดแผนคร่าวๆ มันแพร่เชื้อกันแค่บริเวณหน้า รร.”

ตั้มพูดพลางสตาร์ทมอเตอร์ไซด์คู่ใจ

“หนีไปทางไหนดีล่ะคะ แหม่มกลัว สับสนไปหมดแล้วค่ะ” แก้มแหม่มเริ่มร้องไห้หนัก

“อย่ากลัว ไปบ้านแก้มแหม่มก่อนก็ได้”

สิ้นเสียงของตั้ม Wave 110i ก็แล่นฉิวไปด้วยความเร็วสูงสุด

“นี่เป็นครั้งแรกนะคะ ที่เราได้อยู่ด้วยกัน” แฟนสาวค่อยๆ ใช้มือนุ่มนั้นโอบเอวของตั้มไว้ช้าๆ

“และนี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เราได้มีชีวิตอย่างอิสระไม่ต้องหลบซ่อนจากอะไร”

เสียงของชายหนุ่มที่พูดมาดูเครียดพอตัว




การผจญภัยของทั้งคู่ได้เริ่มขึ้นแล้ว.....



Chapter 2 Searching Game


ระหว่างทางจาก รร. ถึงบ้านของแก้มแหม่ม ไม่มีผู้คนหรือสิ่งมีชีวิตใดๆ โผล่มาให้เห็นเลย
ถนนหนทางว่างเปล่า
บ้านเรือนต่างๆ ดูเหมือนโกลาหลวุ่นวาย ประตูหน้าต่าง บางหลังก็เปิดทิ้งไว้
ไม่หนำซ้ำ บ้านบางหลัง ยังเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ด้วย
ทุกอย่าง เหมือนดั่งเหตุการณ์ การอพยพภัยสงคราม
และเมื่อพอถึงบ้านของแก้มแหม่มข้างนอกบ้าน หรือ เพื่อนบ้านทุกๆหลังก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
นั่นคือ...... ว่างเปล่า!!!

“ มีใครอยู่มั้ยครับ!!” ตั้มตะโกนสุดเสียง

“ พ่อ- แม่ มีใครอยู่มั้ย !!” แก้มแหม่มลองตะโกนบ้าง

แต่เสียงที่ตอบกลับทั้งคู่มาก็คือ.... ความว่างเปล่า!!!

“ พี่ พ่อกับแม่ของแหม่มจะเป็นยังไงบ้าง” แฟนสาวพูดเสร็จก็ ตั้งท่าจะร้องให้ขึ้นมาอีก

ตั้มจึงเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วใช้มือสากกร้านเช็ดน้ำตาของแฟนสาวด้วยความทะนุถนอม

“คนสวยครับ อย่าร้องให้สิครับ พ่อ-แม่ท่านอาจจะหลบซ่อนตัวอยู่ข้างบนบ้านครับ เชื่อพี่สิ ”

มือใหญ่ที่สวมแหวนเงินที่นิ้วนางได้เช็ดน้ำตาของแก้มแหม่มอีกครั้งเบาๆ

“เราเข้าบ้านไปหาท่านกันเถอะนะครับ ท่านไม่เป็นไรหรอก ท่านทั้ง2เก่งจะตาย ป่ะ เข้าบ้านกันเถอะครับ”

แต่เมื่อเข้าไปข้างใน กลับพบกองเลือดปริศนากองใหญ่ ศพของซอมบี้ที่ถูกกระสุนระเบิดหัวกระจุย และแว่นตาของคุณพ่อแก้มแหม่มตกอยู่ที่พื้น

เฟอร์นิเจอร์กระเบื้องตกแตกอยู่ที่พื้น ที่สำคัญคือ มีรอยของกระสุนปืน .38 Special ที่ใช้ในปืน S&W686 ตกอยู่ที่พื้น1นัด

ซึ่งตั้มมองปราดเดียวก็รู้ว่า เป็นกระสุนของพ่อตาที่เคยใช้ยิงขวดแก้วด้วยกันเมื่อก่อน

ทุกอย่างที่เห็น ทำให้ แก้มแหม่ม กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว และเธอเริ่มคุกเข่าลงกับพื้น และปล่อยน้ำตาออกมาอีกครั้ง

“ พี่....” แก้มแหม่มพูดเสียงสะอึกสะอื้น

“ไม่เป็นไรนะ ท่านอาจจะยิงเพื่อป้องกันตัวเองก็ได้ครับ” แฟนหนุ่มย่อตัวลงและกอดแก้มแหม่มไว้แนบอกแล้วพูดต่อ

“ไม่เป็นไรนะครับ พี่จะตามหาท่านในบ้านเองนะ”

“ถ้า พ่อ-แม่เป็นซอมบี้ขึ้นมาล่ะคะ?” คำถามนี้ ถึงกับทำให้ตั้มสะอึก อึ้ง และพูดอะไรไม่ออก......

“พี่จะส่งท่านให้พ้นจากห้วงความทรมาณนี้เองครับ” ตั้มถอนหายใจยาวและคิดไปว่า เขาจะกล้าทำแบบนั้นจริงๆหรือ ? เขาจะฆ่าคนลงจริงๆหรือ?

หลังจากนั้น ตั้มได้เริ่มค้นหาทุกห้อง ห้องแล้ว ห้องเล่า ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องทำงาน

แต่ก็ไม่พบอะไร..... จนเหลือห้องสุดท้าย ...... ห้องนอน แต่ ห้องนอนนั้นล๊อกอยู่ .....

“บ้าฉิบ ทำไมมันล๊อกวะ” ตั้มพูดพลางทุบประตูเพราะลูกบิดนั้นถูกล๊อก

“ ตั้ม... นั่นตั้มเหรอลูก?” เสียงแหบๆของผู้ชายวัยกลางคนที่คุ้นหูของตั้มดังอยู่ในห้องนั้น ชายหนุ่มหัวใจพองโตทันทีและรีบขานกลับไป

“ลุงครับ ทำไมลุงไม่เปิดประตูครับ” ลุง ในที่นี้ก็คือ พ่อของแก้มแหม่มนั่นเอง

“เฮ้อ.....” พ่อของแก้มแหม่มถอนหายใจยาวและพูดต่อ “ลุงกับป้า....ถูกกัด!!!!” ปลายเสียงที่ตอบกลับมา ดูแห้งแหบหมดหวังเหลือเกิน

“อะไรนะครับ ลุงกับป้าถูกกัด!!!”

“ใช่ มีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาในบ้านของเรา แล้วกระโจนมากัดเราทั้ง2คน ลุงตั้งตัวได้
เลยหยิบปืนขึ้นมายิงหัวมัน 1 นัดแล้วก็มาอยู่ข้างบนเนี่ยแหละ”

“ผมขอโทษครับ ผมมาเตือนลุงช้าไปครับ ขอโทษครับ... ขอโทษจริงๆ”

“ไม่เป็นไรหรอก แล้วแก้มแหม่มล่ะ ลูกสาวของลุงล่ะ?”

หัวอกคนเป็นพ่อย่อมที่จะห่วงลูกสาวเป็นธรรมดา

“ผมพามาด้วยครับ ผมไม่ทิ้งน้องเค้าหรอกครับ”

“อืม... งั้นเหรอ ดีแล้วล่ะ ถ้าอย่างนั้น ภายภาคหน้า ลุงขอฝากแก้มแหม่มให้ตั้มดูแลหน่อยจะได้มั้ย?”

คำถามนี้ทำให้ชายหนุ่มช๊อก..... แม้ว่าเขาจะเคยแบกความหวังของใครไว้มากมาย แต่กับครั้งนี้ เขารู้สึกว่ามันหนักหนาสาหัสสากรรจ์จริงๆ

“เอ่อ....... จะดีเหรอครับ?” เสียงตั้มดูไม่มั่นใจในตัวเอง

“ดีสิ เพราะว่า คนที่รักแก้มแหม่มมากรองจากพ่อ-แม่ ก็คือตั้ม”

น้ำเสียงของลุงดูจริงจังอย่างที่ไม่เคยได้ยิน

“ครับ ผมจะดูแลด้วยชีวิตของผมเอง ผมขอให้สัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายครับ ” ตั้มให้สัญญา

“อืม.... ฝากด้วยนะ เวลาของลุงเหลือไม่มากพอแล้ว ลุงขอคุยกับแก้มแหม่มหน่อยจะได้มั้ย?”

คำสั่งเสียครั้งสุดท้าย ย่อมที่จะสำคัญ ข้อนี้ตั้มเข้าใจ จึงเรียกแก้มแหม่มให้ขึ้นมา

แล้วตั้มก็ทิ้งให้ทั้ง2คนคุยผ่านประตู ที่เป็นเหมือน กำแพงกั้นสายสัมพันธ์

และประตู กั้นเชื้อร้าย ไม่ให้มันลุกลามมายังคนที่เขารัก

ตั้มลงมาข้างล่าง เพื่อจะไม่คอยจุ้นจ้านเรื่องที่ทั้งสองคุยกัน

และที่สำคัญ คือลงมาเพื่อหาของสำคัญที่คิดว่าจะเอาไปด้วยได้

เวลาผ่านไปไม่นานนัก เมื่อตั้มรวบรวมของที่มีประโยชน์ต่างๆเสร็จ

ก็ได้ยินเสียงร้องของแฟนสาวดังมาจากหน้าห้อง

“กรี๊ดด!!!!”

“ อะไรน่ะแก้มแหม่ม” ตั้มรีบวิ่งมาที่หน้าห้องนอน ก็พบกับแฟนสาวกำลังนั่งร้องไห้

“พี่.....พ่อ...พ่อเงียบไปแล้ว” แก้มแหม่มยังร้องไห้ไม่หยุด ตั้มก็ไม่ทนแล้ว

จึงบอกให้แก้มแหม่มรออยู่ข้างนอก

แล้วชายหนุ่มก็.... ถีบประตูสุดแรง

โครม !! แฮ่... !!!! ว๊ากกกก!!!! ทันทีที่ประตูล้มลง คนติดเชื้อที่ตั้มเคยเรียกว่า ลุง พุ่ง
ปราดเข้ามาหาตั้ม

“เอาล่ะนะ” ตั้มพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น "หวังว่า มัน จะใช้ได้นะเว้ย”

“นะโมพุทธายะ!!!!”
ตั๊บ!!!! ทันทีที่ท่องคาถาเสร็จ ตั้มก็ ต่อยสวนเข้าเต็มหน้าของซอมบี้สุดแรงเกิด

ตุ๊บ!!!! ซอมบี้หงายหน้าลงไปกองกับพื้นราวกับถูกกระทุ้งด้วยซุงหนักก็มิปาน

“พี่ พี่อย่าฆ่าพ่อแหม่มนะ” แก้มแหม่มพูดพลางร้องไห้ขอร้อง
“ท่านตายไปแล้ว ขอให้พี่ได้ส่งท่านไปสู่สุคติเถอะนะ”

ตั้มพูดในขณะที่ขึ้นคร่อมแล้วซัดซอมบี้แบบไม่เลี้ยง

หมัดแล้ว หมัดเล่า เลือดสีแดงฉานนองเต็มพื้นห้องนอน

“Rest In Peace(สู่สุคติ)”

ตั้มพูดพร้อมกับใช้มือว้ายโอบคอแล้วบิดซอมบี้สุดแรงเกิด เรี่ยวแรงของตั้ม มากพอที่จะทำให้คอของซอมบี้หมุนได้รอบ 360 องศา

กร๊อบบบบบบ !!!!!!!!!!

ทันทีที่จัดการกับซอมบี้เสร็จ ตั้มก็ทรุดตัวลงปลอบแฟนสาวที่กำลังร้องไห้

“ พ่อเค้าไปดีแล้วนะครับ พี่ขอโทษนะครับ แต่มันไม่มีทางเลือกจริงๆ เรามาช้าไป”

แต่เด็กสาวยังไม่หยุดร้องให้

“ฮือๆ แหม่มเข้าใจ พ่อไปดีแล้ว แต่แม่ล่ะ ??” สิ้นคำถาม ชายหนุ่มถึงกับนึกสงสัย
บางอย่าง

“****** แม่ยายล่ะวะ!!!!”


!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


จบตอน2 Searching Game


Chapter 3 Found & Destroy


“
ใช่ แม่แหม่มล่ะ?” ตั้มคิดในใจแล้วก็เดินไปเปิดประตูห้องน้ำที่มีอยู่ในห้องเพื่อล้างมือ จากคราบเลือดที่เปื้อนกาย

หลังจากที่น้ำค่อยๆไหลออกมาจากก๊อก ตั้มก็ได้ยินเสียงวิ่งดังมาจากใกล้ๆตัวของเขา เมื่อหันไปก็ไม่ทันการเสียแล้ว

ว๊ากกกกกก !!!!!!!!! อ๊ากกก !!!!!!!!!

อนิจจา.... สิ่งทีตั้มเฝ้าถามหาก็ได้พรุ่งปราดเข้ามากัดแขนซ้ายของตั้ม

“อ๊ากก !!!!!!!” หลังจากเจ็บปวด ตั้มก็ได้สติ ชายหนุ่ม ได้ต่อยซอมบี้เข้าที่หัวสุดแรง

แต่ เรี่ยวแรงที่เขาเหลือ ไม่เพียงพอที่จะทำให้มันปล่อยได้

ซอมบี้ยังคงกัดแขนของเขาอยู่แน่นไม่ปล่อยราวกับหมาฟัดกับตุ๊กตาหมี

ตั้มจึงแข็งใจฝืนใช้สันมือขวาทุบบริเวณต้นคอของซอมบี้สุดแรงเพื่อเล่นงานจุดตายให้ตายในครั้งเดียว

กร๊อบบบบ !!!!!!! หลังจากโดนสันมือเข่าไปร่างของแม่ยายแน่นิ่งไม่ไหวติงกลับเป็นร่างไร้วิญญาณดังเดิม

“ พี่ตั้ม เกิดอะไรขึ้นคะ แม่! พี่ทำอะไรกับแม่”

แก้มแหม่มวิ่งมาที่ห้องน้ำ ภาพที่เห็นก็ทำให้เธอเข่าอ่อน
แม่ของเธอนอนนิ่งอยู่โดยมีแฟนของเธอกำลังค่อยๆ ถอยออกมาห้างๆ

“แม่ของน้องเข้ามากัดพี่ พี่เลยต้องฆ่า ก่อนที่จะทำอะไรมากกว่านี้” ตั้มพูดพลางสำรวจแขนซ้ายที่ถูกกัดแต่ก็ต้องตะลึงงัน

“เฮ้ย !!! ทำไมถึงกัดไม่เข้า ???”

แก้มแหม่มอุทานเสียงหลง เพราะร่องรอยของซอมบี้ที่ฝังเขี้ยวลงไป มันเหมือนแค่รอยเด็กที่กัดเล่นๆ และที่สำคัญ.... มันไม่เข้า

เหมือนว่าตั้มจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงพูดออกมา


“ คงเป็นเพราะ ตะกรุดที่ตาพี่เคยปลุกเสกให้นั่นแหละครับ ตาพี่ท่านน่ะ ปลุกเสกให้ก่อนท่านจะเสีย”

ว่าแล้ว ชายหนุ่มก็ล้วงเอาตะกรุดที่ตนสวมอยู่ขึ้นมา เป็นตะกรุดดอกสีเงินอยู่ในกรอบแก้วสีใส

“ ตะกรุด ? อ๋อ ตะกรุดดอกนี้นี่เองเหรอคะ”

“ใช่ พี่มีที่บ้านอีกดอกนึง ดอกนี้ เดี๋ยวพี่ยกให้แหม่มนะ” ว่าแล้ว ตั้มก็ถอดตะกรุดออกแล้วยื่นให้แก้มแหม่ม

“ไม่เอา แหม่มรับไว้ไม่ได้” แก้มแหม่มปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมดันมือของตั้มออกแล้วพูดต่อ “พี่ตั้มต้องมีสิ่งที่ไว้ปกป้องตัวพี่เองนะ”

“พี่ไม่จำเป็น พี่อยากให้คนรักของพี่ใส่ไว้”

“ไม่ได้นะ ถ้างั้น ถ้าพี่โดนกัดล่ะ?” น้ำเสียงของสาวน้อย แสดงถึงความห่วงใย

“พี่กลัวว่าถ้าพี่ปกป้องแก้มแหม่มไว้ไม่ได้ ก็ยังมีตะกรุดนี้ คอยคุ้มครองคนที่พี่รัก” ชายหนุ่มก้มหน้านิ่ง

“ที่สำคัญพี่เอาตัวรอดได้น่า พี่อยากให้แก้มแหม่มใส่มันไว้....” ตั้มจับมือแก้มแหม่มเบาๆเพื่อแสดงถึงความจริงใจ

“อะ ... เอ่อ.....” เสียงของสาวน้อยกำลังลังเล มือที่ยื่นไปทำท่าจะรับนั้นก็หยุดชะงักกลางอากาศ

“พี่รักแก้มแหม่มนะครับ” แววตาของชายหนุ่มช่างดูจริงจังเหลือเกินจนทำให้แก้มแหม่มประหม่า....

“ร.. รักเหมือนกันค่ะ” แก้มแหม่มพูดทั้งๆที่หน้าแดงจัด

“ถ้าไม่รับ พี่โกรธนะ” ตั้มพูดพร้อมทำหน้างอนแล้วเอาตะกรุดใส่ในมือแก้มแหม่ม

“ขอบคุณค่ะ” แก้มแหม่มยิ้มแล้วค่อยๆเอาตะกรุดคล้องคอของเธอ

หลังจากนั้น ตั้มกับแก้มแหม่มก็ช่วยกันหาของสำคัญหลายๆอย่างที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ในห้องนอนของพ่อแก้มแหม่ม ทั้งสองได้เจออุปกรณ์ต่างๆมากมาย และที่สำคัญ ก็ได้เจอกับซองจดหมายที่พ่อแก้มแหม่มเขียนไว้ให้

และ ปืน S&W 686 ของพ่อแก้มแหม่มในลิ้นชัก มีกระสุนบรรจุพร้อม 6นัด
กระสุนที่อยู่ใกล้ๆกันอีก 12 กล่อง มากพอสำหรับต่อกรกับซอมบี้ทั้งฝูง

ที่สำคัญ เป็นปืนรุ่นเดียวที่ตั้มได้รับมาจากพ่อ จึงสามารถใช้กระสุนด้วยกันได้

คืนนี้ ตั้มกับแก้มแหม่มตกลงกันว่า จะนอนที่บ้านหลังนี้เป็นคืนสุดท้าย

โดยที่ทั้ง2นอนจะห้องเดียวกัน นั่นคือ ห้องนอนของแก้มแหม่ม

“อย่าทำไรแหม่มนะ ถ้าทำ แหม่มเชือดทิ้งแน่” พูดจบสาวแว่นก็ล้วงเอามีดพับที่เธอเจอในลิ้นชักพ่อออกมาขู่
ชายหนุ่มก็เพียงยิ้มๆ แล้วก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงแล้วนิ่งไป

กลางดึก......

ตั้มลืมตาขึ้นมาก็พบกับดวงตาคู่ใสที่จ้องเขาแบบไม่กระพริบ

“นอนไม่หลับเหรอครับ ?” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายนั้นได้มองตาของแฟนสาวกลับบ้าง

“ก็กลัว........” น้ำเสียงของคนพูดนั้นประหม่าขาดความมั่นใจ

“กลัวอะไรครับ?” ตั้มเริ่มเอามือไปจับที่มือของแฟนสาวเบาๆ ก็สัมผัสได้แทบจะทันทีว่ามันสั่น

“พี่คะ แหม่มเพิ่งเคยนอนกับคนอื่นครั้งแรกนะคะ พี่อย่าทำอะไรนะ แหม่มกลัว”

หลังจากที่มองหน้ากันไม่นาน หมู่เมฆที่บดบังดวงจันทร์อยู่ก็ได้คลายออกเผยให้เห็นถึงแสงจันทร์ที่สอดส่องเข้ามาในหน้าต่างเผยให้เห็นถึง ใบหน้าที่ต้องแสงจันทร์ของสาวน้อย
ผิวขาวนวลได้แสงจันทร์ช่วยขับผิวให้ดูนวลเด่นขึ้นไปอีก รวมถึงแววตาที่ดูซึ้งตรึงใจ ต่อให้เป็นยอดมนุษย์มาจากไหนก็คงจะต้องยอมสยบเมื่ออยู่ต่อหน้าของแฟนสาวคนนี้

“ครั้งแรกของพี่เช่นกันครับ พี่ไม่ทำอะไรหรอกนะ” ชายหนุ่มที่นอนข้างๆพูดยิ้มๆดวงตาของเขายังไม่คลายการจ้อง

“พี่จะปกป้องแก้มแหม่มเองนะครับ พี่สัญญา พี่จะดูแลคนสวยของพี่จนกว่า....”

มือน้อยๆของแก้มแหม่มยื่นมาปิดปากของตั้ม

“ไม่เอาน่า ไม่พูดอย่างงี้อีกนะคะ แก้มแหม่มสัญญานะว่าจะดูแลคนรักคนสุดท้ายให้ดีที่สุด”

“พี่รักแหม่มน้อยนะครับ”

“แหม่มน้อยคนนี้ก็รักพี่ตั้มนะคะ”

“กอดได้มั้ย?” คำถามไม่ต้องการคำตอบ เมื่อชายหนุ่มใช้มือโอบที่เอวของแฟนสาวแล้วดึงมาให้ชิดใกล้ทีสุด

“คนบ้า” แก้มแหม่มพูดจบก็หลับตาลงราวกับเด็กน้อยนอนหลับในอ้อมแขน

แล้วทั้งสองก็หลับไปในอ้อมกอดของซึ่งกันและกัน

จบตอน.




Chapter 4 Super Market




รุ่งเช้า............

ทั้งสองได้ช่วยกันเผาทำลายร่างไร้วิญญาณของพ่อและแม่แก้มแหม่มโดยลากศพออกไปเผาข้างนอกบ้าน

“น้ำมันรถมอไซด์ของพี่หมดแล้ว พี่จะขอใช้รถเก๋งของน้อง จะได้มั้ยครับ?”

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ อีกอย่าง สัมภาระเยอะขนาดนี้ คงจะให้แหม่มแบกอยู่นะคะ” แฟนสาวกล่าวยิ้มๆ

“ 555 จ๊ะ พี่ไม่ให้คนสวยของพี่แบกหรอกน่า”

ช่างโชคดี ที่รถเก๋งมีน้ำมันเต็มถัง และมี ปืนลูกซอง Remington 870 ปั้ม 5 นัดพร้อมกระสุนอีกหลายกล่องอยู่ใต้เบาะหลัง

หลังจากที่ออกจาบ้านของแก้มแหม่มแล้ว ทั้งสองก็ได้แวะตุนเสบียงกันที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่ไม่ไกลจากบ้านพักนัก

ข้างในของห้างนั้นยังคงเปิดแอร์ทิ้งไว้ แต่ไร้ซึ่งสรรพเสียงของความมีชีวิตชีวา รถเข็นเหล็กลายคันนอนตะแคง
ข้าวของที่อยู่ข้างในรถเข็นต่างกระเด็นออกมาเกลื่อนพื้น รวมถึงตู้บริจาคที่ทำด้วยกระจกขนาดใหญ่ก็ตกแตกอยู่กับพื้น จึงทำให้เหรียญบาทกองกันเป็นพะเนิน

“เราต้องใช้เงินพวกนั้นมั้ยคะ?” แฟนสาวถามอย่างแหย่นิดๆ

ตั้มเองก็เพียงแค่มองกองเงินบริจาคเหล่านั้นและจูงมือของแก้มแหม่มไปอย่างไม่แยแส

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะได้ใช้” เขาเหลือบมองเงินบริจาคด้วยหางตาอีกครั้งแล้วเดินจากไป

ทั้งสองเดินไปไม่ไกลก็สะดุดตากับรถเข็นคันหนึ่งที่อยู่ข้างๆแคชเชียร์ตั้มจึงเดินไปฉวยเอามา แล้วแฟนสาวก็เอ่ยถามง่ายๆ

“จะไปด้วยกันหรือจะแยกคะ?”

“ไปด้วยกันสิ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยแหม่มไง”

แฟนสาวฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ราวกับว่าเธอวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ในหัวอยู่แล้ว

“ดีมากกกก” สาวน้อยพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินล่วงหน้าไปแล้วหันมาสั่ง

“ยืนบื้ออะไร เข็นรถด้วย”

“******ล่ะ” เขาอุทานออกมาอย่างลืมตัว เพราะว่ารู้ดีแก่ใจว่าเวลาผู้หญิง ‘ช๊อบแหลก’ เป็นยังไง

“ไม่ต้องบ่น เข็นรถตามมา” แก้มแหม่มหันมาเอ็ดเสียงดังลั่นห้าง

หลังจากนั้นแก้มแหม่มก็กลายเป็น ‘สาวมือไว’ คว้าทุกอย่างเท่าที่จะคว้าได้โดยไม่สนใจคนเข็นที่กำลังทำหน้าเหยเกเพราะน้ำหนังของรถเข็นนั้นหนักมากขึ้นเรื่อยๆ

“เอามาทำอะไรเนี่ย?” ตั้มถึงกับบ่นทันทีเมื่อเห็นแก้มแหม่มกวาดเอาบรรดาเครื่องสำอางลงตะกร้ารถเข็นด้วย

“เออน่า เงียบๆ ไม่ต้องบ่น”

บันไดเลื่อนยังคงทำหน้าที่ตามปกติเลยทำให้ทั้งสองสามารถนำรถเข็นขึ้นไปยังชั้นสองของห้างได้

เมื่อขึ้นไปที่ชั้นสองได้ไม่ไกล ภาพเบื้องหน้าก็ทำให้แก้มแหม่มถึงกับหวัดร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว

เพราะสิ่งที่เธอเห็นนั้นคือ ซอมบี้ตัวหนึ่งกำลังลากไส้ของเหยื่อออกมาเคี้ยว โดยที่เหยื่อนั้นนอนแผ่หลาร่างกระตุกพร้อมทั้งหายใจแผ่วๆ

เลือดสีแดงสดได้พุ่งทะลักออกจากบาดแผลราวกับน้ำพุเลือดก็ไม่ปาน

หลังจากที่มันได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวน้อยมันจึงได้โผเข้าหาเหยื่อรายใหม่แทน

แต่เมื่อมันขยับลุกได้ไม่กี่ก้าวมันก็ถูกหยุดด้วยกำปั้นอันหนักหน่วงของชายหนุ่มที่วิ่งพรวดเข้ามาสวนอย่างทันท่วงที

ตุ๊บ ! ร่างผอมเกร็งที่ถูกหมัดนั้นได้ลงไปนอนคู้อยู่กับพื้นราวกับถูกกระทุ้งด้วยท่อนซุงขนาดหนัก

“***คิดว่า***เล่นกับใครวะ?” ตั้มเดินมาแล้วใช้เท้าเหยียบไปที่หน้าอกของมันพร้อมชักปืนลูกโม่ออกมาขึ้นนก

“Rest in Peace” พูดจบชายหนุ่มก็ส่งกระสุนปืนออกจากรังเพลิง

กระสุนลูกโม่ได้บินออกจากกระบอกพุ่งเข้าเจาะหน้าผากของซอมบี้อย่างแม่นยำ เลือดสีคล้ำค่อยๆไหลออกมาปริ่มพื้น

ตั้มผละจากซากศพนั้นแล้วตรงดิ่งมาหาแก้มแหม่มที่กำลังหายใจหอบๆอยู่ข้างๆเสาและค่อยๆทรุดกายลงปลอบ

“พี่กล้าฆ่าคนด้วยเหรอ?” สีหน้าของเธอยังดูซีดเผือดเพราะตื่นตระหนกและหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

แฟนหนุ่มยังไม่ตอบในทันใดแต่ได้ค่อยๆกดให้หัวของแฟนสาวไปซบกับหน้าอกของตนช้าๆก่อนจะพูด

“ถ้าพี่ไม่ฆ่ามัน มันก็จะฆ่าเราทั้งสองคน”

“ไม่กลัวเหรอ?” เธอถามต่อ น้ำเสียงและขวัญกำลังใจในตอนนี้เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ

“เพราะต้องปกป้องแก้มแหม่ม เลยทำให้พี่ไม่กลัวอะไร” หลัจากที่ตั้มพูดจบแก้มแหม่มก็กอดตั้มให้แน่นยิ่งกว่าเดิม

“แหม่มจะต้องเข้มแข็งกว่านี้นะ” ตั้มกระซิบบอกอย่างอ่อนโยน มือขวานั้นก็ค่อยๆลูบหัวของคนรักอย่างทะนุถนอม

ทั้งสองปล่อยให้เวลาได้ไหลผ่านไปเอื่อยๆ ชั่วขณะ หลังจากที่แก้มแหม่มหายกลัวจึงได้ไปหาเลือกของต่อ

แต่ในขณะที่กำลังจะเดินนั้นก็มีเสียงแปลกๆดังขึ้นมาจากทางด้านข้าง

แกร่ก แกร่ก แกร่ก !!

“ใครจะใส่สตั๊ดมาเดินบนพื้นซีเม็นต์ คิดไปเองรึเปล่าวะ?” ตั้มบ่นพึมพำเกี่ยวกับเสียงแปลกๆนี้

เป็นเสียงปุ่มของรองเท้าฟุตบอลกระทบกับพื้นซีเม็นแน่นอน แต่จะมีใครบ้าพอที่จะใส่มันล่ะ ?

และที่สำคัญยังจะมีคนรอดอยู่ในห้างอีกเหรอ?

“ได้ยินเหมือนที่พี่ได้ยินมั้ย?” ชายหนุ่มถอยหลังไปกระซิบกับแฟนสาวเบาๆซึ่งเธอก็พยักหน้าแทนคำตอบ

เสียงนั้นเข้าใกล้มาเรื่อยๆแต่ยังจับทิศทางไม่ได้เพราะถ้าหากเงียบแล้วเกิดเสียง เสียงนั้นมักจะก้องกังวาลทำให้จับทิศเดาทางไม่ถูก

และเมื่อเสียงนั้นเดินเข้าใกล้มันก็ได้หยุดลงดื้อๆ แต่มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาแทน

“เอ่อ......” เสียงเล็กแหลมดูเหมือนไม่ค่อยแตกหนุ่มดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

ทั้งสองหันไปมองต้นเสียงก็พบกับชายร่างเล็ก ผิวคล้ำสวมชุดเรอัล-มาดริดที่เปรอะไปด้วยคราบเลือด

เมื่อแก้มแหม่มลองพิจารณาจากหัวจรดเท้าก็ต้องสะดุดตากับสิ่งแปลกปลอมสองสิ่ง

“บร๊ะ !” แก้มแหม่มถึงกับมองด้วยความแปลกใจระคนไปกับขบขัน

“มองอะไรครับ?” ชายคนนั้นเริ่มถามกับท่าทีของแก้มแหม่มที่เดินไป-มาสำรวจรอบๆตัวของเขา “ผมแปลกมากเหรอ?”

“ใช่สิ แปลกตั้งแต่ทรงผมยันรองเท้า” เธอมองผมทรงโมฮอคที่ดูว่าแปลกแล้ว แต่รองเท้าสตั๊ดที่เขาสวมเดินอยู่โทงๆนั้นดูแปลกยิ่งกว่า

จบตอน.

Chapter 5 WTF.

หลังจากที่ปล่อยให้ทั้งสองคุยกัน ตั้มก็ถือโอกาสแอบสังเกตลักษณะชายแปลกหน้า เหมือนว่าเขาจะเคยพบหน้ามาที่ไหนซักที่หนึ่ง........

“แล้วทำไมต้องใส่.......” แก้มแหม่มนิ่งไปเพราะลืมว่ารองเท้าฟุตบอลเรียกว่าอะไร

เธอจึงหันหน้ามากระซิบกับตั้มที่ยืนอยู่ข้างๆ “มันเรียกว่าอะไรนะ”

“สตั๊ด” แฟนหนุ่มพูดแทนแก้มแหม่มจึงพยักหน้าแล้วพูดต่อ

“ เออ นั่นแหละๆ”

“ผมชื่อเต้ อยู่สตูลแล้วมาเที่ยวที่นี่ พอผมเดินขึ้นมาทุกคนก็วิ่งหนีผมเหมือนกับวิ่งหนีผีเลยครับ”

สีหน้าของเต้ยังคงความแปลกใจอยู่ในใบหน้า เมื่อทั้งห้างนั้นตกอยู่ในความโกลาหลและลงเอยด้วยความเงียบ เขาถอนหายใจหนักๆแล้วพูดต่อ

“ผมเลย....” แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดต่อนั้นแก้มแหม่มกฌโพล่งขัดขึ้นมาก่อน

“ถามว่าทำไมต้องใส่...... ใส่อะไรนะ” แก้มแหม่มหันมาถามตั้มอีกครั้งซึ่งตั้มก็ตอบแทบจะทันที

“สตั๊ด”

“นั่นแหละ สตั๊ด ทำไมต้องใส่สตั๊ด ?”

“ผมจะพูดอยู่นี่ไง เอาล่ะ ตอนที่ผมมาแล้วทุกคนหนีไป ผมเลยแอบฉวยโอกาสใส่สตั๊ดเกรดเอ ที่อยู่ในตู้โชว์อ่ะครับ แล้วจู่ๆ ก็มีคนวิ่งเช้ามาหาผม
ตัวมันมีแต่เลือด ผมตกใจ ก็เลยถีบมันปลิวเลย”

เขาหยุดพักหายใจก่อนจะชี้มือไปที่ชั้นวางของที่โค่นลงตาด้วยแรงกระแทกโดยมีซอมบี้นอนสิ้นใจทับอยู่ด้านบน

“โอ้ว.... บร๊ะ!!!” สาวแว่นถึงกับตาถลนเมื่อเห็น “มันทำได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?”

เต้หัวเราะเบาๆ แล้วหันมามองหน้าของสาวน้อย “ ว่าแต่ สองคนนี่เป็นแฟนกันรึเปล่าเนี่ย?”

เขาพูดโดยที่ไม่รู้เลยว่าร่างสูงใหญ่ของ ‘แฟนหนุ่ม’ นั่นเดินเข้ามาแทบจะประชิดแล้ว

“แล้วจะทำไมเหรอ นักบอลสตูล?” เสียงของตั้มนั้นแฝงไปด้วยความหึงหวงปนกับไม่พอใจ

“ผมก็แค่ถาม” คนตัวเล็กกว่าถอยห่างออกมาพร้อมกับปรับความเข้าใจ

“ใจเย็นๆสิ” แก้มแหม่มเองต้องรีบปรี่เข้ามาห้ามทัพไว้ซะก่อน

แต่หลังจากที่เงียบลงไปแล้ว เต้ก็จ้องหน้าของตั้มราวกับว่าเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนซักที่มาก่อน

“กะ...กัปตัน !!!”

“เออ ดิ” ร่างสูงยิ้มบางๆก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “เดี๋ยวนี้ทำไม่ทักนะ”

แก้มแหม่มรีบมองทั้งสองคนด้วยสายตาเลิกลั่กก่อนจะเอ่ยถาม

“รู้จักกันด้วยเหรอเนี่ย?”

‘กัปตัน’ นั้นไม่ได้พูด แต่กลับพยักเพยิดให้เต้พูดแทน

“ก็ ......เมื่อก่อนเคยไปเข่าค่ายเยาวชนคนฟุตบอลด้วยกันน่ะครับ” หนุ่มโมฮอคเว้นช่วงไปเพราะเริ่มจะจับทางได้ว่าแก้มแหม่มจะต้องถาม

“มันคืออะไร?” เสียงของสาวเจ้าพูดขัดขึ้นมาตรงกับที่เต้คิดไว้ไม่มีผิด

“ค่ายเยาวชนคือ.....ให้กัปตันอธิบายดีกว่า” จู่ๆ เขาก็โยนงานไปให้ตั้มทันที

ร่างสูงเองก็เลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับเข็นรถไปข้างหน้าช้าๆ “พี่ว่า เราเดินไปคุยไปดีกว่านะ”

เต้เองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เพราะตั้งแต่เขาเข้าห้างมานั้นก็ยังไม่มีเสื้อผ้าหรือของส่วนตัวเลย

“งั้นผมขอแยกไปเลือกของแล้วกันนะครับ เจอกันที่แคชเชียร์ด้านล่างละกันนะครับ” พูดจบ นักบอลสตูลก็รีบเดินหายไปอย่างรวดเร็ว

“อีกครึ่งชั่วโมง เจอกันนะ” แก้มแหม่มตะโกนไล่หลังไป ซึ่งเต้เองก็หยุดเดินแล้วชูกำปั้นขวาขึ้นมาช้าๆ ราวกับว่าจะรับรู้ในคำสั่ง

“ขี้เก๊กอ่ะ วางมาดสุดๆ” แฟนสาวกระซิบข้างหูตั้มเบาๆ ซึ่งคนฟังเองก็ยิ้มบางๆแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก


หลังจากเดินเลือกของอีกเล็กน้อย(ในความคิดของแก้มแหม่ม)แล้ว แก้มแหม่มจึงเอ่ยถามสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ

“ตกลง ค่ายเยาวชนนี่คืออะไรเหรอ?”

ร่างสูงที่เดินตามหลังยังไม่ตอบแต่เขากลับโน้มตัวลงหอมที่หน้าผากของแฟนสาวเบาๆแล้วค่อยชี้แจง

“คือการรวมตัวของนักเตะเยาวชนจากทั่วประเทศที่ทุกคนเรียกกันว่า ‘จีเนียส’ จะคัดกันจนเหลือแค่36คนแบ่งกันเป็นสองทีม”

“พี่เต้นั่นก็เป็นจีเนียสเหรอ?” แววตาของคนถามนั้นเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือแบบสุดโต่ง

“เต้เก๊ก ใครๆก็เรียกมันแบบนั้น” กัปตันหนุ่มเองก็นึกไปถึงอดีตเมื่อก่อนจนหัวเราะออกมาเบาๆ

“เก๊กเหมือนพี่เลย” แฟนสาวแซวมา ทำให้ตั้มอดจะกระแอมใส่ไม่ได้

“แฮ่มๆ พี่ไม่ได้เรียกว่าเก๊กซักหน่อย เค้าเรียกกันว่า ‘คาแรคเตอร์ผู้นำ’ต่างหากเล่า”

“หราาาาา” สาวแว่นล้อเลียนก่อนจะรีบวิ่งหนีโดยมีตั้มรีบเข็นรถตาม

เมื่อระยะห่างกระชั้นชิดเข้ามา แก้มแหม่มจึงหยุดแล้วรีบเปลี่ยนประเด็นทันที

“พี่ยังไม่ได้ตอบเลย ว่าพี่เต้นั่นก็เป็นจีเนียสด้วยเหรอ?” คำถามนี้ก็เหมือนทำให้ตั้มฉุกคิดขึ้นได้

“ใช่ๆ ว่าแต่ ทำไมถึงคิดว่าไม่เจ๋งล่ะ?”

สิ่งที่เธอจะพูดต่อไปนี้ แทบจะไม่ต้องใช้เวลาในการคิดเลย

“ก็ดูหน้าตากับทรงผม ไหนจะใส่สตั๊ดเดินห้าง ยังไงก็ดูเป็นจีเนียสไม่ออกเลยง่ะ” สาวแว่นพูดไปตามที่ปากสั่ง ทำให้แฟนหนุ่มถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะทันที

แก้มแหม่มเองก็พยายามกลั้นหัวเราะไปด้วยหลังจากนั้นตั้มจึงตอบตามที่สาวน้อยสงสัย

“ตอนแรกพี่ก็เหมือนเราเนี่ยแหละ เห็นหน้าแว้บแรกก็ไม่เชื่อ แต่พออยู่ด้วยแล้วก็เลยทำให้เชื่อแบบสนิทใจเลย”

“ทำไมอ่ะ?” เธอถามพลางเอื้อมมือไปแกะขนมถุงใหญ่ ล้วงออกมา แล้วยัดใส่ปากของแฟนหนุ่ม

เขาเคี้ยวและรีบกลืนห่อนจะทำแบบนั้นกับแก้มแหม่มบ้างแล้วตอบคำถามช้าๆ

“เพราะว่า เต้เร็วมาก เร็วจนไม่มีใครเอาอยู่เลยแหละ พูดง่ายๆคือ มันจี๊ด” เขาพูดพลางก้มมองนาฬิกา เข็มสั้นสีเขียวนั้นบอกเวลาว่าเป็นเวลาบ่ายสามโมงพอดี
“บ่ายสามแล้วครับ รีบๆเถอะ”

“อืมๆ ของครบแล้วล่ะ”

เมื่อมาถึงชั้นล่าง ก็พบกับชายที่เธอเพิ่งกล่าวขวัญไปหยกๆ โดยชายผมโมฮอคนั้นกำลังนอนเอาขาพาดอยู่ในรถเข็นอีกคัน

โดยที่คันข้างๆนั้นมีของไม่กี่ชิ้นแต่ทุกอย่างก็สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า ถุงนอน ฯลฯ

“ตรงเวลาพอดีเลยนะครับ” คนนอนรอกล่าวทักทายแล้วพูดต่อ “แล้วเราจะเอาไงต่อล่ะครับ?”

เมื่อเข็นรถเข้ามาใกล้ ตั้มจึงตอบคำถามด้วยคำถาม

“แล้วเต้จะเอายังไง จะไปกับพวกเรารึเปล่า?” เขาถามก่อนจะหันไปมองหน้าแฟนสาว ซึ่งก็ได้รับการพยักหน้าแรงๆเป็นคำตอบ

แต่ แม้ว่าเธอจะพยักหน้าแบบนั้น แต่แววตาของเธอกลับฉายแววโรจน์ราวกับซ่อนเงื่อนงำไว้ในดวงตาคู่สวยนั้น

“ได้เลยครับ” เขาเองก็ตอบแทบจะทันทีด้วยท่าทางลิงโลด “จะได้ไปบ้านป้อมของกัปตันซักที”

หลังจากนั้น แก้มแหม่มก็เก็บของทุกอย่างแยกประเภทแล้วเอาใส่ในถุงที่มีอยู่ที่แคชเชียร์ เต้จึงออกมาคุยกับตั้มตามลำพังสองคน

“กัปตันครับ” เป็นเต้ที่เริ่มเปิดฉากการสนทนาก่อน

“หืม ? มีอะไรรึเปล่า” ตั้มเลิกคิ้วแล้วนั่งลงบนแคชเชียร์ที่อยู่ไกลจากแก้มแหม่มพอสมควร

“ข้างนอก .... คงไม่เป็นแบบข้างในนี้ใช่มั้ยครับ?” คนถามหรุบตาลงต่ำราบกับว่ากำลังหลอกตัวเองอยู่

‘กัปตัน’ เองก็ถอนหายใจหนักๆก่อนจะพูดไปตามความจริง

“แล้วคิดว่าเชื้อจะเข้ามาในห้างได้ยังไง ถ้าไม่ได้มาจากข้างนอก” ตั้มถามพลางชี้มือไปนอกกระจกซึ่งเป็นทิวทัศน์ของเมือง

ซึ่งเคยเต็มไปด้วยแสงสีละลานตา แต่บัดนี้ กลับมีเพียงแค่แสงสีแดงจากเปลวเพลิงและสีดำปนเทาจากการเผาไหม้ของหลายๆอย่างเท่านั้น

“ป่านนี้....คงติดเชื้อกันไปทั้งประเทศแล้วล่ะ”

สีหน้าของเต้ซีดลงเล็กน้อย เขานิ่งไปซักพักแล้วทรุดกายลงนั่งข้างๆตั้มและถามต่อด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือ

“ละ...แล้ว...คะ...ความฝันของผมล่ะครับ?” น้ำเสียงของคนพูดกลายเป็นสะอื้นไห้ราวกับเด็กประถม ความคิดของเขาเริ่มย้อนกลับไปหาอดีต

ที่เขาทุ่มเทอุทิศกายใจให้กับสิ่งที่เขารัก ทั้งๆที่ความพยายามนั้นกำลังจะสัมฤทธิ์ผล เขากำลังจะติดทีมชาติ......มันจะจบลงแล้วหรือ?

“ที่ผมทุ่มเท ที่ผมตั้งใจซ้อม ที่ผมกลับบ้านช้ากว่าเพื่อนทุกวัน ผมจะติดทีมชาติอยู่แล้ว ทั้งหมดนี่มันจะเจ๊งเพราะไอ่พวก ซอมบี้จัญไรพวกนี้น่ะเหรอครับ!!!”

เขาร้องตะโกนถามกัปตันอย่างไม่ยอมแพ้

กัปตันของเขาเองก็เบือนหน้าหนีสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและท้อแท้นั้น เขาเองก็เสียใจไม่แพ้กัน แต่ก็ทำได้เพียงแค่เก็บอารมณ์นี้เอาไว้ก่อนจะตบบ่า ‘ลูกทีม’ เบาๆเพื่อเป็นการปลอบใจ

“ก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ อย่าเศร้าเลย ในเมื่อทุกอย่างเป็นแบบนี้ไปแล้ว เราก็ทำได้เพียงแค่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็หาทางสู้กับมัน ก็เท่านั้นเอง”

ไม่กี่อึดใจ ทั้งสองก็ต้องเงียบเมิ่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินแบบลากเท้ามาจากด้านหลัง ซึ่งตั้มฟังเพียงนิดเดียวก็พอจะรู้

“ไม่ใช่แก้มแหม่ม” ร่างสูงพูดจนเกือบกลายเป็นกระซิบ “ได้เวลาล้างแค้นแล้ว”

ใบหน้าของเต้นั้นกลายเป็นเด็กโรคจิตไปแทนที่เด็กขี้แยเมื่อกี้ เขาเริ่มเหยียดยิ้มที่ดูชั่วร้ายออกมาจากใบหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนหักนิ้วเสียงลั่นกร๊อบ
จนครบทั้งสิบนิ้ว

“กัปตันไม่ต้อง ผมขอเอง” เต้ยืดได้ซักพักก็วิ่งเข้าไป ‘บวก’ โดยใช้สตั๊ดยันหน้าอกอย่างรุนแรง

(ขอให้ผู้อ่านลองนึกภาพที่ ไนเจล เดอ ยองก์ ใช้สตั๊ดยันหน้าอกของ ชาบี อลอนโซ่ในเกมส์นัดชิงฟุตบอลโลก 2010)

“ไอ่*** ***ตาย !!!!!!!!”


จบตอน


Chapter 6 Hope

หลังจากที่แก้มแหม่มแยกของเสร็จแล้วจึงได้เดินไปเรียกทั้งสองหนุ่มไปเข้ารถเพราะว่าเวลาก็เริ่มจะเย็นแล้ว

แต่เมื่อไปถึงกลับมีเพียงแค่แฟนของเธอนั่งเงียบๆจดจ้องกับอะไรบางอย่างอยู่คนเดียวเท่านั้น

“พี่เต้เก๊กไปไหนแล้ว่ละ?” เธอถามพลางกราดสายตามองไปซ้าย-ขวาแต่ก็ไม่มีแม้แต่เงา

“........” ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่ค่อยๆชี้มือไปที่ด้านซ้ายมือที่มีรอยเลือดเป็นทาง แล้วลุกขึ้นเดินพร้อมจูงมือแก้มแหม่มไปด้วย

สิ่งที่เธอเห็นนั่นก็คือ ชายผมโมฮอคกำลังกระทืบซอมบี้หัวหนึ่งอยู่โดยที่ทั้งเสื้อและกางเกง เรอัล-มาดริดของแท้นั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดสีดำ

“พอได้แล้วล่ะ” กัปตันเอื้อมมือไปจับบ่าของ ‘ชายฝันสลาย’ เบาๆเพื่อเป็นการสะกิดให้รู้สึกตัว

ในทันทีที่ถูกสัมผัสเบาๆ เขาก็รู้สึกตัวทันทีพร้อมกับหันมามองหน้าคู่รักทั้งสองก่อนจะเอ่ย

“เสื้อผ้าผมเปื้อนเลือดหมดแล้วครับ” เต้พูดพลางสำรวจร่างกายของเขา “โชคดีที่ผมปิดหน้ากับปากไว้”

“ถ้างั้นเราก็ไปเปลี่ยนเสื้อเปลี่ยนผ้าเถอะ” ตั้มเองก็เสริมขึ้นมาง่ายๆ “แก้มแหม่มรออยู่นี่นะ”

คนฟังผงกหัวอย่างว่าง่ายเขาจึงทิ้งปืนลูกโม่เอาไว้ให้และเดินจ้ำพรวดๆไปที่แผนกเสื้อผ้าชายกับเต้ทันที

“ว่าแต่....มันใช้ยังไงง่ะ?” สาวแว่นก้มหน้าดูปืนกระบอกสวยของพ่อแล้วถาม แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ทั้งสองก็หายไปราวกับอากาศธาตุเสียแล้ว

“ไอ่แก่นะไอ่แก่” เธอสบถอย่างหัวเสียที่แฟนหนุ่มของเธอเดินไปโดยไม่คิดแม้แต่จะสนใจ


“เฮ้อ...... ผมได้ของไม่เยอะเลยครับ ได้แค่ไม่กี่อย่างเอง” เต้บ่นปอดแปดก่อนจะเลือกเสื้อผ้ามา2ชุด

“ก็ยังไม่ได้อะไรมากเหมือนกัน มากับตัวยุ่งก็แบบนี้แหละ ต้องเป็นคนเข็นทุกทีเลย” ร่างสูงเองก็บ่นพึมพำเหมือนหมีกินผึ้งก่อนจะเลือกเสื้อผ้ากับกางเกงมาถือไว้ในมือ2ชุด

ในขณะที่เต้ถอดเสื้อ เรอัล-มาดริด ทิ้งนั้นเขาก็บังเกิดความเสียดายในเสื้อสุดรักขึ้นมา จึงได้เอ่ยขอด้วยน้ำเสียงสุดแสนจะเสียดาย

“ขอเอาชุดมาดริดไปซักด้วยได้มั้ยครับ?”

“เอาสิ” ตั้มพยักหน้า หลังจากนั้นทั้งสองหนุ่มก็รีบกลับไปหาแก้มแหม่มที่กำลังทำหน้ามุ่ยคอยอยู่อย่างรวดเร็ว

“ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาเยอะเลยนะ สองคนเนี่ย” แก้มแหม่มเลิกปั้นสีหน้าแล้วทักทาย พลางล้วงปืนออกมาส่งให้ตั้ม

“เราจะกลับกันละ ปะๆๆ” ตั้มซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นผู้นำกลุ่มไปโดยปริยายก็ได้ออกคำสั่งก่อนจะเดินไปเข็นรถเข็นของเขา

เมื่อไปถึงที่ลานจอดรถโล่งกว้างทั้งสอง ต. ก็ได้ช่วยกันลำเลียงของต่างๆไปใส่ยังท้ายรถ

“เราจะมาอีกครั้ง” ต.ตั้ม กระซิบอย่างแผ่วเบา “โดยที่ไม่มีแก้มแหม่ม”

คำสุดท้ายทำให้คนฟังนั้นถึงกับระเบิดหัวเราะออกมาอย่างลืมตัวว่าพวกมันจะได้ยิน

ภายในไม่กี่อึดใจ เหล่าซอมบี้กระหายเลือดที่ได้ยินเสียงก็พากันกรูเข้าหาทันที แต่โชคยังดีที่มันยังค่อยๆเดินเข้ามาช้าๆ อย่างไม่อาทรร้อนใจนัก

“ไปกันเถอะ พวกมันมากันแล้ว” ตั้มพูดหลังจากที่ยัดของชิ้นสุดท้ายลงท้ายรถแล้วปิดฝาเสียงดังลั่น

“ครับ”


ในขณะที่เสียงเร่งเครื่องดังขึ้น เสียงนี้ก็ได้ไปกระทบเข้ากับโสตประสาทชายผู้หนึ่งบนตึกสูงที่อยู่ไม่ไกลจากห้างนัก

“บัดซบฉิบ!!” เขารีบผุดลุกจากเก้าอี้สนามก่อนจะคว้าปืนติดกล้องของเขาส่องลงไปยังต้นเสียงข้างล่าง

“มีคนอยู่” เขาพูดพร้อมกับหันไปมองหญิงผมดำที่นอนอยู่ในร่มเงารของผ้าใบที่ใช้ขึงกันแดด “เราไปไม่ทันแล้วล่ะ”

หญิงสาวคนนั้นยังคงนอนนิ่งไม่ได้เอ่ยอะไรและเป็นเขาคนเดิมที่พูดต่อ

“โชคดีและโชคร้ายนะ ที่เราอยู่ตึกสูง” เขาบ่นเบาๆกับตัวเองก่อนจะมองรถเก๋งที่แล่นไปจากห้างจนเริ่มจะลับสายตา

“หวังว่าจะมาอีกนะ” เขาถอนหายใจหนักๆก่อนจะเดินไปเสยผมของหญิงสาวที่นอนหลับอย่างทะนุถนอม



“บ้านป้อมของกัปอยู่อีกไกลมั้ยครับ?” เต้ที่นั่งเบาะหลังถามพลางกอดชุดและกางเกงสโมสรบอลในดวงใจแน่น

คนนั่นหน้าทั้งสองมองหน้ากันซักพักแล้วก็เป็นแก้มแหม่มที่พูดมาแทน “ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอก”

เมื่อแก้มแหม่มพูดจบก็ไม่ได้มีใครพูดอะไรอีกจนเต้ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

แต่ขณะที่เต้ยังไม่ทันจะได้ถึงดาวดึงส์ก็ถูกตบหัวด้วยมือหนักๆของใครคนหนึ่ง

“ตื่นได้แล้ว ไอ่คุณชายเก๊ก” เป็นมือของแก้มแหม่มนั่นเองที่ตบลงมาบนหัวของเขา

“โอ้ยยยย” เขาคลำหัวป้อยๆก่อนจะบ่นต่อ “ที่นี่ที่ไหนล่ะเนี่ย? ทำไมมันค่ำจัง”

ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกมือหนักๆรุมกระหน่ำมาเข้าหัวอีกชุดใหญ่

“ก็ถึงแล้ว นี่ไง บ้านของพี่ตั้ม” หลังจากที่แก้มแหม่มบอกไฟโรงรถก็เปิดขึ้นในทันที

“ไอ่คนขี้เซา ไปยกของด้วย” เธอหันหลังเดินเข้าบ้านไปพร้อมพูดทิ้งท้าย

คนเพิ่งตื่นเองก็นั่งมึนๆเมาๆซักพักแล้วก็ลุกขึ้นไปดูท้ายรถที่ถูกเปิดอ้าไว้แล้ว เขาถึงกับตะลึง.....

“โอ้ พระ!!!” ที่เขาอุทานออกมาก็เพราะว่าของทั้งหมดยังไมได้ถูกยกออกมาแม้แต่ถุงเดียว

หนุ่มผมโมฮอครีบเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อหา ‘กัปตัน’ ของเขา แต่ก็มีเสียงของแก้มแหม่มดังลอดออกมาจากหน้าต่าง

“พี่ตั้มไปซักผ้า ยกเองเลยไป๊ !” สิ้นเสียงของสาวมหาภัย เขาก็มองของทุกชิ้นด้วยความหนักใจ

‘นี่กูจะขนไปยังไงวะเนี่ย? ’ แม้ว่าจะพูดถึงขนาดนั้น เขาก็ยกไปทีละหลายๆถุงพร้อมกับบ่นให้แก้มแหม่มฟัง

“แก้มแหม่มมาช่วยผมหน่อยดิ” เต้ร้องบอกเป็นเชิงขอร้องเพราะว่าแขนเริ่มจะถือไม่ไหวแล้ว แต่กลับถูกปฏิเสธเสียงแข็ง

“จะให้ผู้หญิงบอบบางไปยกของเหรอ ฝัน ไป เถอะ” ประโยคสุดท้ายเธอค่อยๆสะกดทีละคำอย่างหนักแน่น

“อ่ะ” เขาโอดครวญ

“หรือจะอดข้าวเย็น ห๊ะ !” แฟนเจ้าของบ้านตวาดแว้ดกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้

“คร๊าบๆ” หนุ่มโมฮอครีบถอดสตั๊ด ผูกสายทั้งสองข้างเข้าด้วยกันแล้วเอาห้อยคอจากนั้นจึงยกของเข้าบ้านด้วยความหวาดกลัวในตัวแก้มแหม่มและความหวาดกลัวนี้ก็ทำให้เขาลืมอาการเจ็บปวดไปเป็นปลิดทิ้ง

จบตอน

Chapter 7 Tower house

เมื่อถึงเวลาหัวค่ำ ในระหว่างที่รอแก้มแหม่มทำอาการเย็นนั้น อาคันตุกะก็ถือโอกาสเดินสำรวจตัวบ้านรอบๆ

กำแพงรอบๆบ้านนั้นสูงราวๆ 2 เมตร ที่สำคัญ ดูเหมือนจะหนาราวกับป้อมปราการในหนังประวัติศาสตร์ไทยที่เขาเคยไปดูมาไม่มีผิดเพี้ยน

ถ้ามีปืนใหญ่จะเวิร์คมากกว่านี้ แต่ในความดุดันนั้นก็ยังคงมีความอ่อนโยนของแปลงดอกไม้ที่ผลิบานอย่างเต็มที่เพราะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี

ส่วนประตูรั้วนั้นก็เป็นเป็นประตูกรงเหล็กดัดอย่างดีซึ่งเขาลองเขย่าๆดู ก็รู้ว่าไม่มีทางจะพังได้ง่ายๆ

ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นก็เป็นสนามหญ้าเล็กๆ แคบๆ ซึ่งปูด้วยหญ้าอย่างดีซึ่งเต้แค่มองก็รู้ว่าแค่เอาไว้วอร์มอัพเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

ตัวบ้านเท่าที่เต้มองจากภายนอกนั้นเป็นบ้านสองชั้น มีระเบียงอยู่ตรงชั้นสองของบ้าน เป็นบ้านที่ใหญ่พอสมควร

แต่เมื่อลองเงี่ยหูฟังเสียงจากภายนอกกลับไร้ซึ่งสรรพสำเนียงของสิ่งมีชีวิต จะมีก็เพียงแค่เสียงระเบิดที่ดังแว่วมาเป็นระยะๆ

“สงสัยคงจะย้ายหนีไปกันหมดแล้วมั้ง” เขาพูดลอยๆ สายตามองเหม่อไปยังกลุ่มควันดำที่ม้วนตัวบนท้องฟ้า สีดำจากการเผาไหม้ของบางอย่าง

อาจจะเป็นเหล่าผีกระหายเลือด หรือไม่ก็เป็นเมืองที่กำลังถูกเผาวายวอดจากตำแหน่งไกลๆ

แต่ในความคิดลึกๆของเขานั้นบอกว่า ‘อย่างหลัง’ น่าจะโดนเผาวอดเสียมากกว่า

“เฮ้อ....จบกัน ความฝันนักบอลอาชีพ” เต้บ่นเบาๆแล้วถอนหายใจ ก่อนจะลุบผมทรงโมฮอคสุดรักของเขา ที่ไปทางไหนก็มีแต่คนชื่นชม

“แม้แต่ใครๆก็บอกว่าผมทรงนี้เท่ห์ แต่พอมาเจอกับผู้หญิงบรรลัยกัลป์นั่น ดันบอกว่าเพี้ยนเฉยเลย”

พูดไปเขาก็นึกย้อนไปถึงตอนที่เจอกันที่ห้างสรรพสินค้า

“ไอ่เพี้ยน !!!” เสียงนี้ยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่ในหัวจนต้องสะบัดหัวไล่ความคิดนี้ออกไป

“ถ้ายัยนั่นไม่ใช่แฟนของกัปตันนะ.....ฮึ่ม พ่อจะซัดบ๊บให้นอนหมอบกระแตราบเลย” ไม่ทันได้หายใจหายคอก็มีมือมาสะกิดด้านหลัง

พอเต้หันไปก็ถึงกับขนหัวลุกวาบ...... ‘ผู้หญิงบรรลัยกัลป์’ ที่เขาพูดถึงกำลังยืนอยู่ด้านหลังของเขา !!!

“เมื่อกี้พูดอะไร?” สาวแว่นยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าเขา ตอนนี้เขาเริ่มสัมผัสได้ว่ารังสีฆ่าฟันค่อยๆทะลักล้นออกมาจากร่างของเธอ

โลกทั้งใบดูเหมือนกำลังจะจบสิ้นอวสานลงไปพร้อมๆกับชีวิตของชายผมโมฮอค


‘พ่อจ๋า แม่จ๋า เกิดมาลูกยังไม่เคยมีแฟนเลย ขอให้ลูกได้มีแฟนก่อนตายเถอะค๊าบบบ’


เขาพูดในใจพลางคิดไปว่าเขานั้นเป็นลูกไก่ในกำมือที่สาวแว่นมหาโหดคิดจะจับโยนออกไปข้างนอกเมื่อไหร่ก็ได้

“กัปตันจะเป็นแบบนี้มั้ยนะ” เขาคิดในใจอีกแต่แก้มแหม่มก็พูดด้วยน้ำเสียงกระด้างปนกับโหด

“กับข้าวเสร็จแล้ว เจอกันที่โต๊ะอาหาร”

เธอเดินจากไปโดยทิ้งให้เต้ถอนหายใจอย่างโล่งอกเพียงลำพัง

“ฟู่....รอดแล้วเรา” เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินตามแก้มแหม่มเข้าไปข้างในบ้าน


บนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่นั้นมีเพียงแค่อาหารสองอย่างนั่นคือ หมูทอด กับ ผักที่บุบๆบี้ๆเหมือนกับผักบุ้งชุบแป้งทอด

และสองคนที่นั่งกอดอกคอยอยู่แล้ว ตั้มนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ และแก้มแหม่มนั่งข้างๆ

“มาช้านะ ไปไหนมาเนี่ย? ” กัปตันเอ่ยทักทายก่อนจะรินน้ำส่งให้แก้มแหม่มและเต้ตามลำดับ

“ขอบคุณครับ เอ่อ....ผมไปดูรอบๆบ้านมาน่ะครับ” เต้ตอบแล้วเลี่ยงการสบตากับแก้มแหม่ม

“แล้วเป็นยังไงล่ะ?”

“เหมือนที่กัปตันพูดเลย ป้อมปราการชัดๆ” เขาตอบไปตามความจริง แต่ก็ไม่กล้าพูดว่า ‘ถ้ามีปืนใหญ่จะเจ๋งกว่านี้’ แต่ก็ยังอดทึ่งในบ้านหลังนี้ไม่ได้

“555 เหรอ พ่อเป็นคนชอบบ้านแนวนี้น่ะ เหมือนท่านจะรู้มาก่อนแล้วมั้ง เลยสร้างแบบหนาๆ ที่สำคัญ ยังเอาไว้กันขโมยปีนด้วย”

เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วตักข้าวเข้าปากและตักอีกครั้งเพื่อป้อนแฟนสาว ซึ่งเธอก็อ้าปากรับอย่างว่าง่าย

“สวีทกันดีนะครับ คู่นี้” เต้หยอดคำหวานแต่ก็ต้องเงียบไปเพราะสายตาของแก้มแหม่มนั้นได้บอกกับเขาว่า “เดี๋ยวเอ็งโดนแน่”

และแล้วก็ถึงคราวเคราะห์ เมื่อเขาโดนจริงๆ เมื่อแก้มแหม่มเปิดปากพูดเป็นคำแรก

“พี่เต้มันว่าแหม่มว่าเป็น ยัยแว่นบรรลัยกัลป์” แฟนสาวเอ่ยเรียบๆ แต่แววตานั้นกลับเป็นคนละอย่างกันเลย

จนเต้ต้องก้มหน้างุดเพื่อหลบสายตาที่ทั้งสองผู้รอดชีวิตได้มองมาทางเขา

“จริงเหรอ ? มีหลักฐานรึเปล่า?” ชายหนุ่มเจ้าบ้านมองแฟนสาวด้วยความสงสัย แต่เธอก็พยักหน้าด้วยความมั่นใจก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดเสียงที่แอบอัดเอาไว้


“แม้แต่ใครๆก็บอกว่าผมทรงนี้เท่ห์ แต่พอมาเจอกับผู้หญิงบรรลัยกัลป์นั่น ดันบอกว่าเพี้ยนเฉยเลย”



สาวน้อยปิดเสียงแล้วหันไปมองเต้ที่กำลังหลบตาของเธออย่างสำนึกผิด

“ดูตาของพี่เพี้ยนนั่นดิ ฮ่ะๆๆ” เธอกล่าวปนขันก่อนจะกระดกแก้วน้ำขึ้นดื่มช้าๆ

“ผมยอมรับแล้ว..อย่าลงโทษผมเลยค๊าบบ” ‘ชายเพี้ยน’ ก้มหน้าปะหลกๆด้วยความหวาดกลัวต่ออิทธิพล ก่อนที่เต้จะถูกลงโทษตั้มจึงพยายามเปลี่ยนเรื่อง

“ช่างเถอะๆ ว่าแต่ เราจะเอายังไงกันกับพรุ่งนี้” เจ้าบ้านพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือของแฟนสาวไว้

เธอเองก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย จึงไม่ได้เอ่ยอะไรเรื่องของเต้อีก และผู้รอดชีวิตทั้งสามก็ตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ

“พรุ่งนี้เราจะออกหาผู้รอดชีวิต” ตั้มตัดสินใจหลังจากที่ ปล่อยให้เงียบมาพอสมควร โดยที่ทั้งสองก็ไม่ได้แย้งอะไร

“ได้ครับๆ” เต้พยักหน้าก่อนจะรีบทำ ‘เนียน’ จะลุกไป แต่แก้มแหม่มนั้นไวพอที่จะพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน

“ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าววว อย่าเพิ่งไปไหน” สาวแว่นทุบโต๊ะแล้วพูดต่อทำให้บรรยากาศนั้นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที

“ถึงเวลา พิพากษาแล้ว !!!!”

จบตอน




To Be Continue.................

krit0099
29th July 2011, 23:42
แต่งเรื่องใหม่เลยหรอคับ

5day-ago
30th July 2011, 00:34
เริ่มนับหนึ่งกันใหม่ ^^

Stormwind
30th July 2011, 01:52
ตัวละคร


ตั้ม
ชื่อ : ธุวชิต
นามสกุล : มูลวงค์
อาชีพ : นักบอลตัวมหาลัย , นักศึกษา
อายุ : 20
ส่วนสูง : 175
ลักษณะทั่วไป : ตัดผมทรงสกรีนเฮดรองหวีเบอร์4 รูปร่างหนาบึกเหมือนกับนักรักบี้แต่จริงๆแล้วเขาเป็นนักฟุตบอลกัปตันทีมของมหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ผิวสีแทนกร้านเพราะต้องแข่งบอลอยู่บ่อยๆ สวมแหวนเงินแท้สลักคำว่า แก้มแหม่ม ที่นิ้วนางข้างซ้าย สวมตะกรุดไว้ตลอดเวลาเพราะเชื่อว่าเป็นตะกรุดที่ทำให้ตนหนังเหนียว และมันก็เหนียวจริงๆ ที่สำคัญ เขาสืบเชื้อสายนักรบโบราณจากบรรพบุรุษเลยได้เพลงดาบที่ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น นั่นคือเพลงดาบอาทมาฏสายเหนือที่สาปสูญไปเป็นเวลายาวนาน
นิสัย : ผ่านการทะเลาะวิวาทมานับไม่ถ้วนเลยมีทักษะการต่อสู้ เป็นคนเด็ดขาดแต่อยู่ในเหตุผล แต่ถ้าเขาฟิวส์ขาดจะไม่มีอะไรหยุดเขาได้ ชอบว๊าก ชอบสั่ง เคยเป็นหัวหน้าแก๊งค์ในตอนมหาลัยแต่แยกตัวออกจากกลุ่มด้วยสาเหตุบางอย่าง ไม่สามารถคาดเดาอะไรภายใต้ใบหน้าที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มได้ รักแฟนยิ่งชีวิต มักจะมีอะไรที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอเกี่ยวกับหนุ่มคนนี้
อาวุธ : มือเปล่า ดาบยาวประจำตระกูล


แก้มแหม่ม
ชื่อ : พรนภัส
นามสกุล : ไม่เปิดเผย
อาชีพ : นักเรียนม.ปลาย , นักกีฬาเทควันโด
อายุ : 17
ส่วนสูง : 167
ลักษณะทั่วไป : ผมยาวสีดำขลับ ไว้ผมยาวถึงเอว สวมแว่นตาสีฟ้า ผิวขาว สวย สวมแหวนเงินแท้ที่สลักคำว่า ตั้ม ไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย เจาะหูแล้วใส่เอ็นสีฟ้าไว้ทั้งสองข้าง
นิสัย : ภายนอกดูเหมือนจะเป็นสาวแว่นเรียบร้อย แต่ข้างในนั้นโหดมหาโหด แม้แต่กัปตันทีมมหาลัยอย่างตั้มยังต้องยอมศิโรราบต่อหน้า ความคิดความอ่านยังคล้ายกับเด็กม.ต้นอยู่มาก แม้ว่าจะโหดกับตั้มมากแค่ไหนแต่เธอก็ยังรักและเคารพแฟนคนนี้คนเดียว เวลาเจอเรื่องเครียดๆ ชอบเก็บกดและร้องไห้โฮออกมา



ชื่อ เสฎฐวุฒิ

นามสกุล นิยมสามารถ

ชื่อเล่น ปูน

สัญชาติ ไทย

หน้าตารูปร่างสีผมลักษณะต่างๆ:สูง 180 CM หนัก 60 KG รูปร่าง สมส่วน ไว้ผมยาวระต้นคอ ผมสีน้ำตาลอมแดง ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม คิ้วเข้ม หน้าตาหล่อใช้ได้ (^ ^") ตอนที่พบใส่รองเท้าผ้าใบสีดำ
นิสัย เฮฮา เป็นมิตรกับทุกคน ร่าเริง ไม่ใช่คนที่กล้าหาญเหมือนพระเอกหนังเพราะฉะนั้นก็ต้องมีกลัวบางสิ่งบางอย่างบ้าง


ชื่อ พิมชนก

นามสกุล เชียงนุ่น

ชื่อเล่น โม

สัญชาติ ไทย

หน้าตารูปร่างสีผมลักษณะต่างๆ:สูง 165 CM หนัก 49 KG รูปร่าง สมส่วน ไว้ผมยาว ผมสีน้ำตาลโอวัลตินประกายทอง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน คิ้วบาง หน้าตาน่ารักขาวสวยตามสไตน์สาวเชียงใหม่
นิสัย เป็นมิตร นิสัยดี แต่ไม่เฮฮา เวลาทำอะไรก็จะจริงจังมากๆ ดูภายนอกเหมือนจะเป็นคนที่อ่อนแอแต่จริงๆแล้วใจเข้มแข็งมากๆ จะไม่แสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็นแต่จะเก็บไว้ในใจ ทำให้ชอบปวดหัวบ่อยๆเพราะเครียด ไม่ชอบให้คนมาแตะเนื้อต้องตัว รักนวลสงวนตัว

อายุ 19

อาชีพ นักศึกษา

อาวุธประจำตัวที่พกอยุ่ - เครื่องช๊อตไฟฟ้า มีดพก คัตเตอร์

ประวัติ คร่าวๆ อาศัยอยู่ที่เชียงใหม่แต่มาเรียนในกรุงเทพและพึ่งจะมาเรียนซะด้วยจึงไม่ค่อยรู้เส้นทางในกรุงเทพนี้มากนัก เป็นคนที่น่ารักมากๆจึงเป็นที่จับตามองของใครๆหลายคนแต่เนื่องจากน่ารักนั่นเองภัยอันตรายต่างๆที่อยุ่รอบๆก็มีมากขึ้นทำให้เธอต้องพหอาวุธประจำตัวไปในทุกที่โดยอาวุธมี3อยู่คือเครื่องช๊อตไฟฟ้า มีดพก คัตเตอร์ แต่ละอย่างก็จะเก็บไว้คนล่ะที่กัน
ความแข็งแรงก็พอใช้ได้อยู่เพราะเคยเล่นโยคะ เคยเป็นมือกลองของวงดนตรีสมัยเรียนมัธยมที่เชียงใหม่



ชื่อ :อานนท์

นามสกุล : ไม่เปิดเผย


ชื่อเล่น: เต้

อาชีพ : นักบอลตัวจังหวัด

สัญชาติ ไทย

อาวุธ : ไม้หน้าสาม, รองเท้าสตั้ด(ไว้เปิดปุ่มซัดเวลาไม่มีอาวุธติดตัว)

ประวัติ : ชายหนุ่มทรงโทโมฮ็อคสุดเท่ สูง 165 หนัก 54 ผิวคล่ำ มีความเป็นนักเลงสูง นักฟุตบอลประจำจังหวัดสูตล ตำแหน่งหน้าต่ำ ที่กำลังถูกจำตามองจากทีมชาติไทย เป็นคนตลกเฮฮากับทุกเรื่อง เก่งไปทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องความรัก เขาเคยลาออกจากการเรียน ป.6 เพื่อมาเป็นนักฟุตบอล ฝีเท้าของเขานั้นไม่เป็นรองใครโดยเฉพราะเรื่องความเร็ว และการเลี้ยงบอล ชีวิตของเขากำลังเป็นไปได้สวยในวงการฟุตบอล แต่เพราะเหล่าซอมบี้ำทำให้อนาคตของเขาดับลง เขาใช้ไม้หน้าสามเป็นอาวุธ และรองเท้าสตั้ดที่พร้อมจะถีบเหล่าซอมบี้!!


เพลิง
ชื่อ : เจิดจรัส
นามสกุล : ขจัดภัย(คล้องจอง555)
อาชีพ : นักวิ่ง นักศึกษา
อายุ :19
ส่วนสูง : 170 หนัก60
ลักษณะทั่วไป : ผมสั้นดำ รูปร่างสมส่วนมีปล้ามขา ค่อนข้างขาว วิ่งอย่างไวเคลื่อนไหวคล่องแคล่วเพราะเป็นนักกีฬาวิ่งวิบาก ยิงปืนแม่นเพราะเล่นเป็นงานอดิเรก
นิสัย : ใจเย็นและตัดสินใจได้รวดเร็ว ค่อนข้างกลัวความมืดและสิ่งเหนือธรรมชาติ
อาวุธ : มีดพร้า ลูกโม่&ปืนพกคู่(ทำอีกอันหายพี่แกเลยใช้ลูกโม่คู่กับปืนพกแทน)

ความสามารถพิเศษ :วิ่งอย่างไว Freerunning(รู้จักรึเปล่าครับ) ยิงปืนแม่น กระโดดเตะแบบเท่ๆ



ชื่อ : จองมิน ไพรินรัตน์

ชื่อเล่น : จองมิน

สัญชาติ : ไทย – เกาหลี

หน้าตารูปร่างสีผม : สูง 161 เซนติเมตร หนัก 45 กิโลกรัม รูปร่างสมส่วน ไว้ผมซอยปะบ่า ผมสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ผิวขาว หน้าตาหน้ารักจิ้มลิ้ม ใส่พละ เสื้อโปโลสีขาว กางเกงวอร์มพละสีแดง

อายุ : 17

นิสัย : นิ่งๆ เย็นชา แต่กวนหน่อยๆ เวลาเกิดสถานการ์ณคับขัน จะกลัวมาก ไม่ค่อยชอบสถานที่แคบๆ

อาชีพ : นักเรียน

อาวุธประจำตัว : -

ประวัติ : เป็นลูกครึ่ง ไทย – เกาหลี พ่อเป็นไทยแต่แม่เป็นคนเกาหลี เกิดที่ประเทศไทย อยู่โรงเรียน นานาชาติแห่งหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่ชอบไปเที่ยวกับเพื่อนฝูงตามภาษาวัยรุ่น มักมีชายมาจีบบ่อยๆแต่ ก็ดับไปทุกราย (?) เคยฝึกยิงปืนและ ชอบเล่นบีบีกัน พูดภาษาเกาหลีเเละภาษาไทยเป็น






ชื่อ: ร้อยตรี ดัสสตอร์ม(เป็นรหัสเรียกขาน ชื่อสกุลไม่บอก) (2nd LTU. Dust storm)
ชื่อเล่น: ดัส (Dust) , หมวด (แล้วแต่คนจะเรียก)
เพศ ชาย
อายุ20
สัญชาติ อเมริกัน

รูปร่างหน้าตา ตัวสูงโปร่ง ตัดผมสกรีนเฮดเบอร์สอง สีน้ำตาลแดง นัยน์ตาสีฟ้า ใบหน้ากลมเรียว ผิวคล้ำจากการออกแดดมาก คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน หน้าตาหล่อเหล่าขนาดที่สาวๆต้องวิ่งไล่จับ

นิสัย พูดน้อย ต่อยหนัก ชอบพูดสั้นๆได้ใจความ มีความเป็นผู้นำสูง ติดสินใจเด็ดขาด จนดูเหมือนเย็นชา มักทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม เน้นให้ภารกิจสำเร็จ แต่ถึงกระนั้นเขาก็แคร์คนรอบข้างอยู่เหมือนกัน เขาจะแสดงออกถึงความห่วงใยโดยสายตาโหดๆขวางๆ แต่จะแสดงออกมาเด่นชัดก็ต่อเมือถึงเวลาคับขันหรือสายไปแล้วเท่านั้น

อาชีพ แน่นอน “ทหารรับจ้าง” อยู่แล้วล่ะ
อาวุธ (ระดับนี้มันต้องครังแสงเคลื่อนที่)
-HK-416
5.56*45 mm.
อัตราการยิง 700-900 นัดต่อนาที
ความจุแม็กกาซีน 30 นัด

-Glock 18 C
9*19 mm.
อัตราการยิง 1200 นัดต่อนาที
ความจุแม็กกาซีน 17,31 นัด

-USP .45
.45 ACP
อัตรายิง กึ่งอัตโนมัติ (มันเขียนไว้แบบนี้อะ)
ความจุแม็กกาซีน 12นัด

-เครื่องยิงระเบิดต่อต้านรถถังไร้แรงสะท้อน AT-4 http://en.wikipedia.org/wiki/AT4
84 mm. กระสุนระเบิดแรงสูงสาดสะเก็ด มีผลดีต่อเนื้อเยื่ออ่อนนุ่ม เช่นมนุษย์
ยิงแล้วทิ้ง
คำเตือน ขณะยงไม่ควรให้ผู้ใดยืนอยู่ด้านหลังของปืนเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้น ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังอาจได้รับบาทเจ็บจากไฟ

-ชุดระเบิดมาตราฐาน ประกอบด้วย
ระเบิดควัน
ระเบิดมือ
ระเบิดแสง
-มีดยาว1ฟุต ใบมีด 7นิ้ว ด้ามจับ5นิ้ว


เสื้อผ้าเมื่อพบเจอ: เสื้อยืดคอปกสีเทา ปักอักษร BAPMC ที่อกซ้าย เสื่อเวสกันกระสุน Dragon Skinสีดำ ติดซองแม็กกาซีนปืนไรเฟิล 6 ซองที่ท้องด้านซ้าย (2ขั้น ชั้นล่ะ3ซอง) ซองแม็กกาซีนปืนพกแบบยาว 4ซอง ที่หน้าท้องด้านขวา และติดซองปืน USP .45 ที่กลางอก กางเกงยีนส์สีดำขายาว ติดซองปืน Glock 18C ที่ต้นขาขวา เป้หลังสีดำ(ใส่กระสุน ระเบิด MRE (อาหารพร้อมกิน)แล้วก็ของยิบย้อย)

ประวัติ เกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง พ่อตายในสงคราม แต่ถึงกระนั้นแม่ก็เติมเต็มความอบอุ่นให้เขาได้ เมื่ออายุได้ 17ปีก็เข้าร่วมกับนาวิกโยธิน เขาใช้เวลาเป็นปีๆกับการรบในตะวันออกกลาง ก่อนจะถูกส่งกลับบ้าน ต่อมากลุ่มทหารรับจ้างได้ติดต่อว่าจ้าง เขาถูกฝึกจนกลายเป็นนายทหารหัวกะทิในกลุ่มทหารรับจ้างนั้น จบมาด้วยคะแนนสูงสุดในชั้นเรียน และถูกส่งมาทำภาริกิจคุ้มกันหญิงคนหนึ่ง(HVI 1102)ในประเทศไทย



นิศรา กาลประทานพร
ริน
เพศ หญิง
อายุ 17
สัญชาติไทย
รหัส HVI 1102
รูปร่างหน้าตา ตัวผอมสูง รูปร่างเรียว หน้าอกหน้าใจพอมีบ้าง ชาเรียวสวย ผิวขาวอมชมพู ใบหน้าเรียว ปากนิดจมูกหน่อย พอน่ารัก นัยน์ตาสีดำ ผมสีดาซอยสั้นประบ่า ใบหน้าตกกระจางๆทีแก้ม สรุปหน้าตา นางฟ้าชัดๆ


ลักษณะนิสัย หัวรุนแรง ใจร้อน มุทะลุ ไม่เคยโดนด่าหรือทำร้ายโดยไม่โต้ตอบ มั่นใจในตนเองสูง ฉลาดเฉลียว เก็บรายละเอียดได้ดี รอยคอบ เข้มแข็ง แต่เธอก็ไม่ใช่สาวโหดตลอดเวลา ข้างในใจลึกๆของเธอนั้นเปราะบางมาก เนื่องจากเพิ่งเสียพ่อไป จึงมีเพียงร้อยตรีพายุฝุ่นเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งของเธอ เธอเป็นคนชอบว๊าก แต่ไม่ชอบถูกว๊าก ว๊ากมาว๊ากตอบ มีเพียง พายุฝุ่นเท่านั้นที่หยุดเธอได้ด้วยคำพูดสั้นๆ เรียบๆ ว่า “พอเถอะ”

อาชีพ นักเรียน ม. ปลาย

อาวุธ ดาบคาตานะ ปืนพก
Glock 19
9*19 มม.
อัตรายิง กึ่งอัตโนมัติ
ความจุ 17 นัด

เสื้อผ้าเมื่อพบเจอ: เสื้อยืดสีขาวเปื้อนเลือด กางเกงยีนส์สีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว ซองปืนที่ต้นขาขวา กระเป๋าสีดำ (ใส่กระสุน ระเบิด MRE (อาหารพร้อมกิน)แล้วก็เสื้อผ้า เครื่องสำอาง (ผู้หญิงนี่นา))

ประวัติ ลูกนายพล ถูกแวดล้อมด้วยทหารมากมาย จนเธอกลายเป็นเด็กเข้มแข็ง แม้จะขาดแม่ แต่พ่อก็ไม่ทำให้เธอมีปมด้อยเลย การที่พ่อของเธอเป็นคนกล้าหาญชอบบุก ชอบตะลุย ทำให้เธอกลายเป็นเด็กหัวรุนแรงเมื่ออายุ 12 พ่อก็ได้แต่งงานใหม่ ซึ่งแม่เลี่ยงกับเธอก็ฉะกันประจำจนพ่อของเธอปวดหัว แต่พ่อของเธอก็ยังรักเธอเสมอ ไม่โกรธเคืองอะไร แม้จะแกล้งแม้เลี่ยงด้วยสารพัดวิธีก็ตาม แต่แล้วครอบครัวสุขสันต์ก็พังทลายลง เมื่อพ่อของเธอถูกนักการเมืองสั่งเก็บ หลังจากรู้เรื่องการทุจริตจัดซื้ออาวุธ นั่นเป็นเหตุที่ทำให้เธอ ได้พบกันพายุฝุ่น ผู้ซึ่งเป็นคนทำให้เธอลุกขึ้นสู้อีกครั้ง



เก่ง (เพื่อนเรียก diippy)
ชื่อ : ธนกร
นามสกุล : นิลพร
อาชีพ : นักศึกษาตกงาน
อายุ : 24
ส่วนสูง : 175 หนัก : 65
ลักษณะทั่วไป : ผมสีดำ ผิวสีน้ำตาล ผิวมันวาว มีกล้ามนิดหน่อย
นิสัย : ขี้เล่น ขี้อาย เป็นคนเงียบๆถ้าอยู่เฉยๆ ถ้ามีคนพูดด้วยพูดไม่หยุด ชอบเล่นBB Gun จีบผู้หญิงไม่เป็น
อาวุธ : ลูกซองเก่าๆของพ่อ,usp 45,ท่อนไม้


นัท
ชื่อ : ณัฐพงษ์
นามสกุล : ธิเชื้อ
อาชีพ : นักศึกษาคอมธุระกิจ (กำลังฝึกงาน)
อายุ : 25
ส่วนสูง : 170 หนัก : 56
ลักษณะทั่วไป : สมส่วน สูง มีกล้ามนิดๆ ผิวสีน้ำตาลแดง ตัดผมรองทรงเบอร์สูง ใส่เสื้อ แจ็คเก็ตเก่าๆสีดำ เสื้อเชิตลายทหาร กางเกงสามส่วนลายสก็อตสีดำ ใส่สร้อย dogtag ลายอเมริกา ใส่แว่นตาดำ ผ้าปิดจมูกสีน้ำตาล
นิสัย : เป็นคน ที่ชอบอยู่คนเดียว เงียบแต่เฮฮานิดๆ แต่ถ้าสนิทกับก็พูดมากกับคนนั้น พูดตรง เก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ และเรื่องสะเดาะกลอนประตู เค้าอยากเป็นทหารมากเเละฝันว่าอยากใส่ชุดทหารอเมริกันมาก
ชอบเล่น มีด และ ชอบเล่น ปืนต่างๆและสไนเปอร์ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น อีกอย่างเค้าสามารถนำทุกอย่างมาประดิษฐเป็นอาวุธได้
อาวุธ : มีดพกของพ่อ ปืนสไนเปอร์ไม้ เเละ ปืน พกขนาด 9mm.


ชื่อ พงษ์พัฒน์
นามสกุล ดำริทรัพย์
ชื่อเล่น กราฟ
อาชีพ นักเรียนม.ปลาย
ส่วนสูงน้ำหนัก สูง175 หนัก59
อายุ 17 ปี
ลักษณะ ผิวขาว ผมาสั้นสัดำ รูปร่างดี หน้าตาใช้ได้ ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ ใส่รองเท้าบูทของตำรวจ(แบบพวกหน่วยs.w.a.t.) ดูเป็นคนเงียบๆสุภาพ
นิสัย เป็นคนสุภาพ แต่มีความโหดอยู่ในตัว นิสัยดี ชอบเรื่องซอมบี้มานาน เป็นคนนิ่งมีสติอยู่ตลอดเวลา เมื่อถึงเวลาที่จำเป็นจะจริงจังมากใช้ความสามรถที่ตรเองมีได้ถึงที่สุด
ออกแนวเย็นชากับทุกสิ่ง แต่ยังสุภาพอยู่ ไม่กลัวพวกซอมบี้ สามารถจัดการคนผู้เป็นที่รักได้เมื่อยามจำเป็นโดยไม่ลังเล มีนิสัยง่ายๆ อะไรยังไงก็ได้
ความสามรถพิเศษ ได้รับการฝึกดาบมาก่อนจะถนัดการใช้ดาบมีดและศิลปะการป้องกันตัวระยะประชิด ยิงปืนพอเป็น ทำอาหารและเรื่องเย็บปักถักร้อยเก่ง มีความรู้เรื่องการรักษาพยาบาลจากพ่อ
อาวุธที่ติดตัวมา ดาบไม้ มีดพก และ มีปลอกแขนขาแบบตำรวจใส่ไว้อยู่
ประวัติ พ่อแม่ครอบครัวติดเชื้อกันหมดจึงจัดการพวกเขาด้วยตนเองหมดแล้ว ทำให้ไม่มีห่วงอะไร


ชื่อ-นามสกุล วิศนะ สินทิพย์
ชื่อเล่น วิท
อาชีพ นักศึกษาคอมพิวเตอร์
อายุ 18
ส่วนสูง 173 หนัก 55
ลักษณะทั่วไป ผมสีดำ ผิวสีดำแดง มีกล้าม นิดหน่อย
นิสัย เป็น คนเงียบๆ ชอบคิดมาก แต่ก็ออกร่าเริงหน่อยๆ
ความถนัด ถนัดในด้าน เทคโนโลยี และสะเดาะกลอน
อาวุธ ปืนลูกโม่ มีดพก และกระสุนอีก20นัด

ถ้าใครสนใจจะสมัครตัวละครก็ได้ แต่ตัวละครเหล่านั้นส่วนมากก็จะตายกันหมดเพื่อเป็นการลดปริมาณของตัวละคร

LoveSeeker
30th July 2011, 07:33
มาแล้วอีกหนึ่ง

diippyjas
30th July 2011, 10:08
TKM กลับมาแล้ว สู้ๆครับพี่

Jardet
30th July 2011, 12:15
สู้ๆครับพี่ ผมเป็นกำลังใจให้

Stormwind
30th July 2011, 12:57
Chapter 8 Punnishment


หลังจากที่แฟนสาวพูดจบคนผิดนั้นก็ทำสีหน้าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากขึ้นมาทันที

“ผะ….ผมยอมรับผิดแล้วง่ะ” เต้ก้มหน้านิ่งสำนึกผิด แววตาเริ่มคล้อยคงช้าๆ ด้วยความหวาดกลัว

“ ดี งั้นจะลดโทษให้กึ่งหนึ่ง” เธอซ่อนแผนการเอาไว้โดยการทำสีหน้าแจ่มใส “ออกมาที่หน้าประตูบ้าน”

หนุ่มโมฮอคลุกตามอย่างว่าง่ายรวมถึงตั้มที่ผุดตามไปอย่างสนใจว่าแฟนสาวของเขาคิดจะทำอะไร

เมื่อออกไปที่หน้าประตูรั้ว เธอก็ชี้มือไปที่บ้านหลังหนึ่งที่เห็นเพียงหลังคาแพลมๆ ที่อยู่ข้างๆ

“ไปสำรวจ ว่าข้างในมีอะไร”

ทันทีที่ได้ยินตั้มก็เบิกตาโพล่งพอๆกับเต้ที่ทำหน้าเหมือนกับเห็นผี

“ อะ…เอาจริงเหรอ?” เต้พยายามทำใจกล้าถามพร้อมกับเลื่อนตัวไปหลบอยู่หลัง ‘กัปตัน’ ของเขา “กัปตัน ช่วยผมด้วย”

“คงช่วยไม่ได้ว่ะ เหนือจอมยุทธ์ยังมียอดมนุษย์เมีย” เขาหันหลังไปกระซิบเบาๆตอบกลับ

“ เฮ้ เฮ้ ! แก่อยากไปช่วยขนาดนั้นเลยเหรอ? เดี๋ยว เดี๋ยวได้ไปแน่”

“ไปสำรวจเฉยๆ ไม่ต้องเอาสตั๊ดไปหรอก” เธอบอกก่อนจะเดินไปฉวยไม้หน้าสามอันเขื่องๆที่วางอยู่บนราวตากผ้าออกมา

“นี่ก็พอ” ร่างสูงระหงนั้นยื่นอาวุธให้เต้ ซึ่งเขาก็รับมาก่อนจะจ้องดูมัน

“อ่ะ ….เอ่อ…” เขาเดาะไม้หน้าสามไปมา ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยทำอะไรชั่วร้ายแบบนี้มาก่อนเลย ควรจะขอบคุณหรือแช่งเธอดีนะ

คิดไปได้ไม่ไกลมือหนักๆของสาวมหาโหดก็โบกเข้าที่หัวของเขาอย่างจังเบอร์ “อย่ามัวเก๊ก เดินไปเบาๆ”

หลังจากนั้นเธอก็วิ่งไปเปิดประตูบ้าน ประตูเหล็กถูกเลื่อนออกช้าๆ เผยให้เห็นถึงความมืดของรัตติกาลแรก

เขายังไม่ทันได้ปรับตัวกับความมืดก็ถูกเท้าเล็กๆยันเข้าที่บั้นท้ายจนกระเด็นออกนอกบ้านไป

“โชคดี”

และประตูก็ปิดลงหลังจากที่เต้ได้ลุกขึ้นมากุมบั้นท้ายด้วยความเจ็บปวด

“นี่มันส่งกันไปตายชัดๆนี่หว่า” แต่เมื่อเขาเหลียวมองไปรอบๆก็ไม่มีแม้เงาของเหล่าผู้ติดเชื้อแม้แต่ตัวเดียว เขาจึงรวบรวมความกล้าค่อยๆเดินย่องๆไปยังบ้านเป้าหมายอย่างเงียบกริบ มือขวานั้นก็กระชับไม้หน้าสามอันใหญ่ไว้แน่น

ไม่กี่นาทีเขาก็ยืนอยู่ตรงประตูรั้วของบ้านหลังใหญ่บรรยากาศของบ้านนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกอึมครึม วังเวง

เหมือนกับว่ามีเสียงร้องไห้ดังมาจากในบ้านเป็นระยะๆ จนเขารู้สึกได้ถึง ‘บางอย่าง’ ตั้งแต่อยู่ที่หน้าประตู

“แบบนี้ก็ ยอมตั้งแต่หน้าประตูเลยว่ะ” เต้ถอนหายใจหนักๆแล้วเปิดประตูให้เงียบเชียบที่สุด

.
.
.
.
.


“ทำไมต้องแกล้งเต้แบบนั้นด้วยล่ะ?” แฟนหนุ่มเอ่ยถามหลังจากที่เต้เดินออกไปแล้ว

แต่สาวน้อยยังไม่ตอบ เธอถอดแว่นออกแล้วเหน็บกับชุดนักเรียนแรงๆ น้ำหนักของแรงดึงนั้นทำให้ชุดนักเรียนตึงเล็กน้อย

เผยให้เห็นถึงร่องอกอิ่มที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน พร้อมกันนั้นเธอยังค่อยๆแนบกายเข้ากับหน้าอกแกร่งของหนุ่มคนรักด้วย

สัมผัสจากอกนิ่มกับอกแกร่งนั้นย่อมทำให้ชายหนุ่มประหม่า และบางสิ่งบางอย่างก็เริ่มตื่นตัวจากการหลับใหล

“อยากอยู่ใกล้ๆแบบนี้ ไม่ได้รึไงคะ?” สาวน้อยพูดพร้อมเงยหน้าขึ้นช้าๆ แววตาเย้ายวนต้องกระทบกับแสงจันทร์ที่เริ่มโผล่ขึ้นมาบนท้องฟ้าเป็นประกายลุ่มหลงน่าค้นหา อีกทั้งน้ำเสียงก็อ่อนหวานกว่าที่เคยได้ยินมา ซึ่งเธอมักจะใช้น้ำเสียงแบบนี้ตอนออดอ้อนร้องขอของที่เธออยากได้เสมอๆ

แต่ฟังทีไร ตั้มก็รู้สึกอดใจไม่ไหวทุกครั้งไป ร่างสูงค่อยๆโน้มหน้าลงมา จนหน้าผากทั้งสองแนบชิดติดกัน เขาใช้จมูกดุนเบาๆแล้วพูดว่า

“ทำไมทำแบบนี้ เดี๋ยวพี่ก็จูบซะเลย” แววตาของเขาแฝงไปด้วยความหยอกเย้าซึ่งขัดกับสีหน้าที่ดูเคร่งขรึมตลอดเวลา

“ก็เอาสิ” แก้มแหม่มเองก็เริ่มกัดริมฝีปากของเธอบางๆ เป็นท่าทางที่น่าดึงดูดใจไม่ใช่น้อย ร่างสูงจึงตัดสินใจเบียดเข้าไปอีกจนริมฝีปากแทบจะแตะกันอย่างบางเบา “อยู่ที่พี่จะกล้ารึเปล่า”

ตั้มเองก็หายใจรดใบหน้าขาวนวลนั้นเบาๆ และเธอก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ราคะที่พุ่งตัวแรงจนถึงขีดสุดของชายผู้เป็นที่รัก เธอจึงค่อยๆหลับตาลงแล้วเผยอปากออกช้าๆ เพื่อต้อนรับการทักทาย

.
.
.
.
.

“บ้านหลังนี้น่ากลัวจริงๆให้ตายสิ” หนุ่มผมโมฮอคหมุนลูกบิดประตูออกพร้อมสบถเบาๆ ในบ้านที่ไม่มีแสงไฟหลังนี้

ห้องรับแขกที่เขาเดินเข้ามาเป็นที่แรกนั้นมีเพียงโต๊ะกินข้าวพร้อมเก้าอี้ที่ล้มระเนระนาด ด้านข้างห้องนั้นมีตู้โชว์อยู่ บนตู้นั้นมีรูปเล็กๆ ในกรอบอย่างดี
2-3กรอบ เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ หลังจากที่เขามองรูปใบสุดท้ายเสร็จ ก็เหมือนมีลมปริศนาพัดวูบเข้ามา ทั้งๆที่หน้าต่างทุกบานนั้นล้วนแล้วแต่ปิดเอาไว้

เขาจึงค่อยๆ สูดลมหายใจพร้อมรวบรวมความกล้าก่อนจะตะโกน

“มีใครอยู่มั้ย !!!”

เสียงของเขาก้องอยู่ในบ้านไปมา ก่อนจะไปสะดุดหูของใครคนหนึ่งเข้า

“มีเสียงคนเหรอ?” นัยน์ตาคู่หนึ่งลืมขึ้นมาจากความมืดมิด “เค้ามาช่วยเราเหรอ?” เจ้าของร่างนั้นผุดลุกขึ้นมา แต่หลังจากที่ได้ยินเสียงครางเบาๆ ของเหล่าอมนุษย์ที่เธอก็รู้ว่าคืออะไร ดังมาจากภายนอกเสียก่อนเธอจึงทรุดตัวลงนั่งพรอมกับปล่อยหยาดน้ำตาให้ไหลออกมา

“ฮือๆ เค้าคงไม่มาช่วยเราแล้วล่ะ ฮือๆ นุ๊ก เค้าจะทำยังไงดี ” เจ้าของเสียงก้มหน้างุดลงกับหัวเข่าแล้วร้องไห้ต่อไป

“ฮือๆ” เสียงร้องไห้ที่ดังมาจากที่ไหนไกลๆซักแห่งทำเอาเต้ถึงกับต้องหันหน้าไปมาเพื่อหาต้นเสียง

จนสายตาไปสะดุดอยู่กับรูปใบสุดท้ายที่เขาเพิ่งมองมาหมาดๆ เป็นรูปสองสาวแรกรุ่นสีขาว-ดำ ทำเอาเต้ขนหัวลุกชูชัน

“ผี ….ไม่ใช่ผีแดง แต่นี่มันผี ผีแน่ๆเลยว่ะ” ร่างเล็กนั้นพยายามตัดสินใจ อยู่กับผี หรือจะกลับไปเจอกับสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวกว่าผีดี

“เอาวะ ไปรายงานแก้มแม่มดีกว่า” เขาคว้าไม้หน้าสามแล้วรีบโกยอ้าวออกนอกบ้านทันที โดยมีการสะดุดโต๊ะจนล้มหัวคะมำไปอีกทีหนึ่งก่อนจะได้ออกบ้าน
หลังจากที่เสียงโครมเงียบลงไป บ้านหลังนั้นก็ตกสู่ความเงียบอีกครั้ง

“เค้าไม่มาช่วยเราแล้วจริงๆด้วย ฮือๆๆๆๆ” คนในห้องยังเปล่งเสียงร้งไห้หนักขึ้นอีกจนคนข้างนอกที่หัวเริ่มปูดออกมานั้นได้ยินชัดเจน

“มันร้องไห้ไล่เรารึเปล่าวะ” เต้พูดกับตัวเองจบก็รีบโกยอ้าวกลับบ้านแต่โชคร้าย ที่เขากลับสะดุดขาตัวเองล้มอีกครั้ง

“โอ้ยย นี่มันวันอะไรกันวะเนี่ย” เขาสบถเบาๆ

.
.
.
.
.

“ถามก่อน ?” ร่างสูงแกร่งนั้นชะงักริมฝีปากไว้แล้วพูดต่อ “ทำไมถึงให้?”

“ให้อะไร?” สาวน้อยตอบทันควันนัยน์ตาแฝงไปด้วยประกายรู้ทัน

“ก็จูบนี่ไง”

“ก็ทำไม ? ให้ไม่ได้เหรอ? ไม่ให้แฟนแล้วจะให้ใครล่ะคะ?”

ชายหนุ่มยิ้มบางๆก่อนจะประกบปากจูบช้าๆแล้วถอนออกมา “งั้นรับไว้ด้วยความยินดีนะ”

พูดจบเขาก็โน้มใบหน้าไปจูบ สัมผัสของเด็กสาวนั้นช่างหอมหวานเย้ายวนเหลือเกิน

เริ่มแรกคู่รักทั้งสองใช้ปากดูดปนกับขบกัดกันเบาๆ น้ำลายค่อยๆหลั่งออกมาผสมกันอยู่ในปาก ลมหายใจของแก้มแหม่มเริ่มร้อนผะผ่าวขึ้นมาเรื่อยๆ ลิ้นของทั้งสองเริ่มจะสัมผัสกันบางๆ เป็นการทักทาย จากนั้นก็เริ่มเพิ่มระดับไปตามไฟรักที่เริ่มจะคุโชนขึ้นมา ลิ้นของทั้งสองนั้นเกี่ยวกระหวัดกันอยู่ในปาก มือข้างซ้ายของสาวน้อยนั้นยังคงกุมมือขวาของแฟนหนุ่มเอาไว้ แต่มืออีกข้างนั้นเริ่ม ‘ซุกซน’ โดยการเริ่มลูบไล้กล้ามหน้าอกที่ปรากฏเป็นแผงหนาของตั้ม แต่มือซ้ายของฝ่ายชายนั้นยังคงโอบรอบต้นคอที่สำคัญ นิ้วก็เริ่มคลึงเบาๆไปด้วยแล้ว

“อืม...อาห์” เธอครางออกมาด้วยความพึงพอใจ ก่อนที่มือขวาจะค่อยๆเลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ จนถึงบริเวณกล้ามหน้าท้องทั้งหกมัดที่นูนเด่นอกมาจนสังเกตุได้ชัด

จากนั้น มือซุกซนก็ค่อยๆล้วงลึกลงไปอีกจนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง

เธอยิ้มในใจก่อนจะค่อยๆใช้มือคลึงเล่นอย่างสนุกมือ

“อืม....” แฟนหนุ่มเองก็เริ่มตอบสนองโดยการบดปากหนักขึ้น มือที่คล้องคอนั้นได้ลดลงมาคลึงที่บริเวณสะโพกกลมกลึงของแฟนสาว

แต่ไม่ทันไร สวรรค์ของทั้งสองก็เป็นอันต้องล่มสลายลงไปเสียก่อน

“กะ....กัปตัน กัปตันคร๊าบ !!!” เสียงของเต้นั่นเองที่แหกปากร้องพลางทุบประตูอย่างร้อนรน ทำให้คู่รักทั้งสองต้องรีบผละจากกันทันที

แล้วก็เป็นตั้มที่ค่อยๆย่างสามขุมไปเปิดประตูช้าๆ ก็พบกับร่างเล็กที่ทำหน้าซีดเผือดดั่งไก่ต้ม บริเวณหน้าผากของเขามีรอยปูดเล็กๆอยู่ด้วย

“อะ...เอ่อ....” เต้กลอกตาไปมาแล้วรีบกระโจนเข้าข้างในบ้าน

“ว่าไงบ้าง เจอคนรึเปล่า?” สาวแว่นเองก็โผล่หน้าออกมาหลังจากที่แต่งตัวเสร็จ มาดของเธอก็กลับไปเป็นสาวโหดคนเดิม

เต้นิ่งไปซักพักก่อนจะรวบรวมความกล้าเอ่ยปากพูด

“จะ....เจอแต่ผีครับ” แต้พูดจบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของ ‘ยอดมนุษย์เมีย’ อีกครั้ง


จบตอน



Chapter 9 Second Night


หลังจากที่ทั้งสามคนเข้าไปในบ้านแล้ว ตั้มก้ได้ยกห้องที่อยู่ด้านบนให้กับเต้

และเมื่อเต้อาบน้ำทำธุระเสร็จและลงบันไดมา ก็พบกับกัปตัน จึงได้เอ่ยถาม

“ครอบครัวกัปตันทำงานอะไรกันเหรอครับ?”

ตั้มยิ้มบางๆ ก่อนจะหยุดทำความสะอาดปืนแล้วชี้มือไปที่กรอบรูปสีทองใหญ่ช้าๆ รูปครอบครัวนั้นทำให้อาคันตุกะถึงกับอึ้ง

ในรูปกรอบนั้นมีคนอยู่5คน ผู้ชาย3คนยืน มีผู้หญิงสองคนนั่ง ชายคนซ้ายสุดนั้นสวมชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศ บนบ่านั้น มีเครื่องหมายดาวสามดวง

ด้านบนติดด้วยช่อชัยพฤกษ์ตรงอกด้านขวาของเขาติดเครื่องหมายรูปเสือคาบดาบ มีเครื่องหมายปีกติดซ้อนอยู่ด้านบน และเครื่องหมายมากมายที่เขาไม่รู้จัก

ใบหน้ากร้านแดดนั้น แม้จะดูดุดันแต่กลับแฝงไปด้วยความอ่อนโยน คนกลางนั้น สวมชุดราชวัลลพสีแดงเพลิง ส่วนสูงนั้นสูงกว่าผู้พ่อที่ยืนข้างๆ

แววตาดูเหมือนจะโชกโชนการฝึกมาแล้วทุกรูปแบบ หนำซ้ำยังมีโครงหน้าที่เหมือนกับตั้มไม่มีผิดเพี้ยน

ส่วนคนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้นั้น เป็นหญิงสาววัยกลางคน ใบหน้าของเธอนั้นแม้จะดูเหี่ยวย่นนิดๆ แต่ก็ผ่องใสอิ่มเอิบไปด้วยรอยแห่งความสุข

คนที่นั่งเคียงข้างอีกคนนั้น เป็นสาวน้อยอายุราวๆ 15 – 16 ปี สวมชุดราตรีสีขาว รอยยิ้มและแววตาคู่สวยนั้นราวกับว่าจะส่งมาให้กับคนที่มองมันอยู่

และคนที่จะขาดไปไม่ได้เลย นั่นก็คือ กัปตันของเขานั่นเอง เขาอยู่ในชุดฟุตบอลสีเหลืองที่มีธงชาติคาดอยู่ที่หน้าอกด้านซ้ายมีธงรูปช้างศึก

ซึ่งเต้มองปราดเดียวก็รู้ได้ในทันทีว่านั่นคือชุดทีมชาติที่เขาใฝ่ฝันจะสวมมันสักครั้ง.......

ร่างสูงนั้นเหยียดยิ้มอย่างหยิ่งทะนง เขาบิดตัวไปด้านขวาเพื่อจงใจโชว์ปลอกแขนกัปตันอันน่าภาคภูมิ

“เอ่อ......ชุดทีมชาติจริงเหรอครับเนี่ย?”

คนฟังเองก็ยิ้มบางๆก่อนจะยัดกระสุนปืนลงในโม่แล้วพูด

“ช่วงนั้นติดเยาวชนทีมชาติพอดีน่ะ “

“อ๋อ ...... ครับๆ แล้วครอบครัวตอนนี้อยู่ที่ไหนกันหมดแล้วล่ะครับ?”

“พ่อลาพักร้อนไป USA กับแม่แล้วก็น้องสาวน่ะ ส่วนพี่ชายก็...คงอยู่ที่ค่ายทหารที่ไหนซักที่”

“แล้ว.....คิดว่า......ครอบครัวกัปตันจะปลอดภัยมั้ยครับ?” คำถามของเต้ทำเอาเจ้าของบ้านต้องเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“พ่อ – แม่ – น้องสาวอยู่ USA ไม่ต้องเป็นห่วงเลย ส่วนพี่ต้นน่ะเหรอ รายนั้นก็ไม่ต้องห่วง ฝีมือต่างกันเป็นไหนๆ” เขานิ่งไปซักพักแล้วพูดต่อ

“ ตอนนี้เป็นผู้กองแล้ว ฝีมือไม่ธรรมดาๆ”

“ครับ ว่าแต่.....ถามหน่อยได้มั้ยครับ?” เต้พูดก่อนจะก้มหน้านิ่งเพื่อรรอคอยคำตอบของกัปตัน

“ว่า ?”

“กัปตันกลัวมั้ยครับ กับสถานการณ์ตอนนี้”

ตั้มยิ้มเล็กน้อย เพราะคาดเดาไว้แล้วว่าเต้จะต้องถามแบบนี้ เขาจึงยิ้มและตอบง่ายๆว่า “ไม่หรอก เพราะเคยคิดเล่นๆไว้อยู่แล้ว ว่าต้องเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นมา”
แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้คุยอะไรกันมากกว่านี้แก้มแหม่มก็โผล่หน้าเข้ามาขัดเสียก่อน

“ทำธุระเสร็จรึยัง?”

สองหนุ่มมองหน้ากันอย่างสงสัย และก็พร้อมใจกันพยักหน้าเป็นคำตอบ

“นี่เป็นบทลงโทษครั้งสุดท้าย” เธอซ่อนรอยยิ้มสะใจไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยราวกับหน้ากาก

“ให้พี่เต้กลับไปนอนที่บ้านร้างหลังนั้นซะ หาให้ได้ ว่า ต้นเหตุเสียงร้องไห้นั้นคือเสียงอะไร แล้วตอนเช้าค่อยกลับมา”

เธอพูดท่ามกลางความ งุนงงของทั้งสองหนุ่ม

หลังจากที่แก้มแหม่มพูดจบ เต้ก็ครางออกมาเบาๆทันที

หลังจากตั้งสติได้ทั้งสอง ต. ร้องแทบจะพร้อมๆกัน

“หาาาาาาาาาาาาาาา !!!”

“ไม่ต้องหา” สาวน้อยพูดพลางเอื้อมมือไปบิดหูแฟนหนุ่มแรงๆ “แก่ก็ต้องไปด้วย”

“นี่....นี่มันไม่ใช่คนอวดผีนะครับ” เต้พูดด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่กี่อึดใจ มือหนักๆของตั้มก็วางลงบนบ่าของเขา พลันนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกกล้าหาญขึ้นมา

เพียงเพราะสัมผัสเบาๆ เพียงแค่ครั้งเดียว

“ ป่ะ เก็บของ แล้วไปกันเถอะ” ตั้มพูดจบก็ถอนมืออกและลุกไปที่สัมภาระส่วนตัวที่อยู่ในห้องพระทันที

ลูกทีมเองก็เดินไปฉวยไม้หน้าสามแล้วเดินไปรอที่หน้าบ้าน เพราะเขาเป็นคนง่ายๆ ไม่ได้มีสัมภาระอะไร นอกจากหัวใจดวงน้อยๆดวงเดียว

.
.
.
“ทำไมต้องทำถึงขั้นนี้ด้วยล่ะ?” ตั้มหันไปพูดกับแฟนสาวทันทีที่เต้ออกไปรอนอกบ้าน

“โอ๋เอ๋ๆ” แฟนสาวถลาเข้ามาปลอบ “ก็แก่เข้าข้างเต้นี่นา แหม่มเลยต้องลงโทษ”

เขานิ่งไปสักพักเพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียง แต่ก็ถอนหายใจหนักๆแล้วเปลี่ยนเรื่อง “อยู่คนเดียวก็ระวังซอมบี้มางาบไปล่ะ”

แฟนสาวหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินไปหาอะไรบางอย่างจากในเป้ที่เธอเอามาจากบ้าน ซึ่งกองสุมกันอยู่ตรงพื้น เป้มีทั้งหมด 3 ใบ เธอก้มลงล้วงได้ของที่เธอต้องการ จึงดึงออกมาแล้วยื่นให้ชายหนุ่มที่เธอรัก

“อ่ะ ถักให้ ว่าจะเอาให้ตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้เอาให้ซักกะที” สิ่งที่เธอยื่นให้นั่นคือ ผ้าพันคือสีชมพูสลับขาว ปักตัวอักษรสีแดงว่า

TKM = Tum Kammam Love Forever ~

ทันทีที่ตั้มรับมานั้นก็เอามาพันรอบคอทันที กลิ่นของงานฝีมือที่แฟนสาวตั้งใจทุ่มเทนั้นช่างเหมือนกับกลิ่นของเจ้าตัวไม่มีผิดเพี้ยน

“ขอบคุณครับ” ร่างแกร่งพูดจบก็บรรจงดึงร่างบางเข้าไปสวมกอดทันทีและกระซิบอย่างนุ่มนวล “พี่คงต้องไปแล้วล่ะ”

จากนั้นตั้มก็สะพายย่ามและคว้าปืนลูกโม่ S&W กระบอกจิ๋วแล้วเดินออกไปหาเต้ทันที

“ไปกันเถอะ” กัปตันเดินนำไปเปิดประตู และเต้ก็รีบก้าวออกจากบ้านทันที

หลังจากที่ทั้งสองออกมาจากบ้านแล้ว เต้ก็เริ่มบ่นพึมพำคนเดียว ซึ่งคนที่ฟังอยู่ข้างๆก็รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร ตั้มก็มองด้วยสายตาจ้อง จนเต้ต้องเปลี่ยนเรื่องคุย

“นี่มันกี่โมงแล้วครับ กัปตัน?”

ตั้มก้มลงมองนาฬิกา Casio เรีอนหรูแล้วบอกเวลา “ 3ทุ่มครึ่ง”

และเมื่อเดินไปเรื่อยๆ จนกำลังจะผ่านพงหญ้านั้นก็พบกับเงาตะคุ่มๆ ที่เคลื่อนไหวเป็นจังหวะอย่างช้าๆ ในพงหญ้าที่รกจนเป็นป่าละเมาะขนาดย่อมๆ

ร่างสูงจึงยกมือเป็นสัญญาณว่า หยุด ก่อนจะล้วงไฟฉายออกมาจากย่าม แล้วส่องไฟไปที่ต้นเสียง

เมื่อแสงไฟส่องกระทบเป้าหมายทั้งสองก็ต้องอุทานสั้นๆว่า “******แล้ว !!! ”

สิ่งที่ทั้งสองเห็นก็คือ ซอมบี้สองตัวที่กำลังลากไส้ของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายออกมา ก่อนจะรุมแทะกันอย่างเพลิดเพลิน

เมื่อมันเห็นแสงไฟมันทั้งสองตัวต่างก็ผละออกมาจากซากศพที่ไม่เคลื่อนไหวตรงรี่เข้าหาผู้รอดชีวิตทั้งสอง

แต่ก่อนที่มันจะวิ่งเข้าหานั้น ตั้มได้ขึ้นนกไว้อยู่แล้ว รอเพียงโอกาสที่จะลั่นไกระเบิดสมองมันเท่านั้น

ในช่วงเข้าระยะยิงเต้ได้เดินออกมาขวางหน้าของตั้มเอาไว้ “ผมจัดการเองดีกว่าครับ”

กัปตันยิ้มบาง ก่อนจะพิจารณาอาวุธในมือของเต้......เขาคิดว่า ยังไงก็ไม่ตายสนิทแน่ ถ้าใช้ไม้นั่นหวด แต่ก็สายเกินไปที่จะติดอาวุธให้กับไม้หน้าสาม

“ถ่วงเวลาเอาไว้ ฆ่าได้ก็ฆ่า” พูดจบตั้มก็คุกเข่าลงล้วงหาอะไรบางอย่างจากในย่าม

เต้พยักหน้าก่อนจะหวดหัวตัวที่เข้าใกล้ที่สุดจนหัวคว่ำคะมำลงกับพื้น

หลังจากตัวแรกนิ่งไปแล้วหนุ่มโมฮอคก็จัดการฟาดเข้าที่ไหล่ของอีกตัวด้วยความเร็ว ทำให้มันทรุดลงกับพื้น

“เหอะๆ กระจอกเอ้ย !”

แต่เขายังไม่ทันได้สังเกตว่าซอมบี้ที่เขาหวดหัวจนลงไปนอนจูบพื้นนั้นได้ลุกขึ้นมายืนอยู่ด้านหลังของเขา

สิ่งเดียวที่เขารับรู้ว่า ‘มันมา’ ก็คือเสียง “แฮ่” ที่อยู่เบื้องหลัง

หนุ่มโมฮอคพยายามหันหลังไปหา มันก็รวบตัวของเต้ให้ล้มลงไปพร้อมๆกัน

เต้พยายามผลักมันออกอย่างสุดฤทธิ์แต่ก็เสียเปรียบเรื่องรูปร่าง และเมื่อมันรู้ว่าเต้แรงน้อยกว่ามันจึงโถมข้าใส่อีกเพื่อจะกินเนื้อสดๆอันโอชะที่อยู่เบื้องหน้า

“เต้ อยู่นิ่งๆนะ !”

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างสูงแกร่งวิ่งเข้ามาแล้วใช้เท้าซ้ายเหยียบพื้นซึ่งอยู่เหนือหัวของเต้แค่ไม่กี่เซ็นต์ ส่วนเท้าขวานั้นเงื้อง้างเข้าหวดเต็มก้านคอ

เสียงดัง พลั่ก สนั่น

หลังจากที่โดนลูก ‘วอลเล่ย์ ‘ เข้าไป ผีร้ายถึงกับคอหักพับลงทันที

“โห....วอลเล่ย์โคตรหนักอ่ะครับ” เต้กล่าวชมตั้มที่กำลังใช้ไม้หน้าสามของเขาระดมหวดซอมบี้ที่ยังเหลืออีกตัว

“เป็นไงบ้าง?” ตั้มพูดเสียงอู้อี้เหมือนมีอะไรบังปากอยู่

“เสียงกัปตันเป็นอะไรครับเนี่ย?” ลูกทีมถามอย่างสงสัยพลางบิดคอไปมาด้วยความเมื่อยขบ

แทนคำตอบ ร่างสูงก็เลื่อนไฟไปที่ใบหน้าของตนเอง เผยให้เห็นว่า กัปตันได้ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าพันคอปิดจมูกเอาไว้เหมือนกับพวกแก๊งค์ในการ์ตูนญี่ปุ่น

“ไปกันเถอะ” เขาปลดผ้าออกมาพันตรงบริเวณต้นแขนซ้ายเหมือนกับปลอกแขนกัปตันทีมแล้วเดินไปเปิดประตูบ้าน

ทันทีที่ประตูบ้านเปิดออก ไฟฉายแบบไม่ใช้ถ่านคุณภาพสูงก็เปล่งแสงออกมา ส่องให้เห็นถึงสิ่งต่างๆในห้องรับแขกได้เป็นอย่างดี .......

โต๊ะรับแขกมีหนังสือพิมพ์วางอยู่ บนพื้นนั้นมีคราบเลือดเกรอะอยู่ทั่วไป ตั้มยืนพินิจก่อนจะล้วงเอาเทียนแพ็คใหญ่ๆ ออกมาพร้อมกับซิปโป้อันหนึ่งออกมาจุดไฟ ไม่นานนักห้องรับแขกก็พอจะสว่างไสวไปด้วยแสงเทียน

“ขอถอดเสื้อนะครับ” ไม่รีรอคำตอบ เต้รีบถอดเสื้อทัยทีด้วยความร้อนของอากาศที่เริ่มจะอบอ้าวในห้อง

ตั้มเองก็ถอดเสื้อออกช้าๆ แล้วคว้าไฟฉายเดินออกไปสำรวจห้องต่างๆทั่วบ้านทันที

“กัปตันครับ?” เต้เรียก

ร่างสูงหันมามองด้วยแววตาสงสัยเล็กน้อย

“คิดว่าทำไมแก้มแหม่มถึงต้องไล่ให้เรามานอนนอกแบบนี้ครับ?”

“เป็นคำถามที่ดี” ตั้มลูบคางก่อนจะพูดต่อ “แก้มแหม่มมีเหตุผลเสมอ”

“ผมว่าไม่เห็นมีเหตุผลเลยครับ” เขาสวนอย่างทันควันโดยที่ไม่รู้ตัว


ฮัด...ชิ้ว !! สาวแว่นที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จได้จามออกมา “ใครนินทาฟ่ะ”


กัปตันไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากส่งยิ้มให้เต้แล้วก้มลงง่วนกับกล่องเครื่องมือที่เพิ่งเจอเมื่อกี้ เขากอบเอาตะปูอันเขื่องๆออกมา

ส่วนอีกมือก็หยิบเอาค้อนมาวางไว้กับพื้น

“เต้ ไปเอาไม้หน้าสามนั่นมาหน่อย” ตั้มสั่งพร้อมกับหมุนตะปูเล่น

ลูกทีมนั้นทำสีหน้าสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเดินไปหยิบไม้หน้าสามที่ชุ่มไปด้วยเลือดของซอมบี้ออกมาให้

“กัปตันจะทำอะไรครับเนี่ย?” เขาทรุดกายลงพร้อมยื่นไม้ให้

ตั้มยิ้มแล้วพูดว่า “เราจะติดอาวุธหนักกันแล้ว”


อีกฟากหนึ่งของเมือง.....

ณ.ดาดฟ้าของตึกสูงแห่งหนึ่ง (ในตอนที่ 6 )

"ที่รัก ที่รัก ที่รักครับ" ชายหนุ่มที่ถือกล้องส่องทางไกลอยู่ได้หันไปแล้วเอ่ยเรียกหญิงที่เขารักด้วยเสียงกึ่งๆดีใจ "ที่รักมาดูนี่สิครับ"

ร่างของผู้หญิงยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ชายหนุ่มจึงหันหน้ากลับมาแล้วส่องภาพเบื้องหน้าต่อไป

สิ่งที่เห็นจากกล้องส่องทางไกลคือภาพที่ไม่แตกต่างอะไรกับสงครามกลางเมืองที่ดุเดือดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

แต่สงครามครั้งนี้คือสงครามของผู้คนที่เป็นชาวบ้านธรรมดากับเหล่าผู้ติดเชื้อ โดยที่ชาวบ้านนั้นต่างทนไม่ไหวกับการสั่งปิดตายเมืองจึงได้หยิบฉวยอาวุธทุกๆอย่างที่่ตนมีออกจากบ้านมาเพื่อประจัญหน้ากับเหล่าผู้ติดเชื้อ

การประจัญบานเป็นไปอย่างดุเดือด เกิดเปลวไฟและการปล้นสะดมภ์ไปทุกแห่ง ชาวบ้านทุกคนต่างสู้อย่างสุดใจขาดดิ้น จนชายหนุ่มที่เฝ้ามองนั้นเริ่มใจเต้นแรงด้วยความหวังว่าจะมีใครซักคนมาช่วยเขาและแฟนสาวออกไป

“เฮ้ ผมอยู่ทางนี้ !!!” เขาตะโกนจากบนดาดฟ้าพลางโบกมือไปมา แต่เสียงของเขาก็ดังไม่พอที่จะทำให้คนด้านล่างได้ยิน พวกเขาจึงสู้กับเหล่าฝูงผู้ติดเชื้อต่อไปอย่างไม่สนใจชายที่อยู่ด้านบน

เขชาพยายามยิงปืนขึ้นฟ้าอีก สองถึงสามนัด แต่ก็รู้ว่าไม่เป็นผลจึงได้กดสวิทซ์เปิดไฟกระพริบที่เขาทำไว้แล้วค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งมองอย่างสิ้นหวัง เขาคิดว่า ถ้าเขาลงไปเขาต้องรอดแน่ๆ แต่หญิงสาวที่นอนหลับอยู่ด้านข้างนี่ล่ะ ? จะให้ทำยังไง

เขาไม่สามารถจะทอดทิ้งหญิงคนรักได้ จึงภาวนาว่าให้พวกเขาจะมองเห็นสัญญาณไฟแล้วขึ้นมาช่วยทั้งสองออกไป

แต่เวลาผ่านไปไม่นานฝูงซอมบี้ต่างทะยอยมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนล้อมกรอบชาวบ้านเอาไว้หมด และ มหกรรมการกินโต๊ะ ก็ได้เริ่มต้นขึ้น.......


พวกมันต่างทะยอยเข้าหาชาวบ้านอย่างหิวกระหาย ร่างของเหล่าชาวบ้านต่างถูกรุมฉีกกระชากแทะทึ้งอย่างสยดสยอง และไม่นานนัก ทุกอย่างก็กลับลงสู่ความสงบ ไม่มีเสียงปืนหรือการกวัดแกว่งอาวุธของผู้รอดชีวิตใดๆ มีเพียงแค่เสียงร้องครวญครางแล้วจากนั้นไม่นาน ทุกอย่างก็เงียบสงบเหมือนเดิม

“ที่รักคงจะเหนื่อยสินะ” เขาถอนหายใจแล้วเดินตรงไปยังหญิงสาวผมยาวที่นอนพิงกับผนังก่อนจะจัดท่าทางของผู้หญิงให้เปลี่ยนเป็นท่านอน

โดยให้หัวของเธอนั้นหนุนกับตักของเขาซึ่งหญิงสาวก็โอนอ่อนตามอย่างว่าง่าย

“ไนท์จะร้องเพลงให้ฟังนะ เพลงที่แพรชอบไง” เขาลูบผมที่เริ่มแข็งของแฟนสาวก่อนจะร้องเพลงออกมาช้าๆ


http://www.youtube.com/watch?v=22sjt57FNWc

“ It's a little bit funny this feeling inside
I'm not one of those who can easily hide
I don't have much money but boy if I did
I'd buy a big house where we both could live

If I was a sculptor, but then again, no
Or a man who makes potions in a travelling show
I know it's not much but it's the best I can do
My gift is my song and this one's for you

And you can tell everybody this is your song
It may be quite simple but now that it's done
I hope you don't mind, I hope you don't mind that I put down in words
How wonderful life is while you're in the world

I sat on the roof and kicked off the moss
Well a few of the verses well they've got me quite cross
But the sun's been quite kind while I wrote this song
It's for people like you that keep it turned on

So excuse me forgetting but these things I do
You see I've forgotten if they're green or they're blue
Anyway the thing is what I really mean
Yours are the sweetest eyes I've ever seen

And you can tell everybody this is your song
It may be quite simple but now that it's done
I hope you don't mind, I hope you don't mind that I put down in words
How wonderful life is while you're in the world
And you can tell everybody this is your song………….”


จบตอน

Chapter 10 Strange Noise

เสียงค้อนที่กระทบกับตะปูดังเป็นจังหวะๆ น้ำเสียงสม่ำเสมอและยาวนานได้ช่วยปลุกให้ร่างหนึ่งได้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล

‘คนผู้นั้น’ ลืมตาขึ้นฝ่าความมืด ดวงตาทั้งคู่ปรับเข้ากับสีดำของบรรยากาศได้เป็นอย่างดี

“เค้าจะมาช่วยเรารึเปล่า? นุ๊กว่า เค้ากำลังทำอะไรอยู่นะ?” แม้ว่าปากจะขยับเพื่อพูด แต่ร่างกายกลับไม่เปล่งเสียงตอบสนอง

ร่างบางจึงค่อยๆ เลียริมฝีปากช้าๆ ก็พบว่ามันแห้งผากเหลือเกิน และมือทั้งสองข้างก็ควานหาขวดน้ำดื่มในความมืด และมันก็ปรากฏว่า ไม่มี !

“จะทำยังไงดี” เธอเปล่งเสียงออกมาเท่าที่จะทำได้แต่เสียงนั้นก็ไม่ต่างจากเสียงกระซิบเบาๆ

“จะเปิดประตูไปเลยดีมั้ย?” แต่ก็คงจะทำไม่ได้เหมือนดั่งใจเธอคิด เพราะข้างนอกยังมีผู้ติดเชื้ออยู่2-3ตัวอยู่

“จะทำยังไงดี? นุ๊กช่วยเค้าคิดหน่อยสิ”



ทางด้านตั้มกับเต้นั้นหลังจากที่ตอกตะปูใส่ไม้หน้าสามแล้วก็เห็นเชิงเทียนแบบสามแฉกแยกออกมาอยู่อันหนึ่ง ตั้มจึงนำเทียนมาใส่เพื่อจะได้ขยายวิสัยทัศมากกว่าเดิม

“กัปตันกลัวผีมั้ยครับ ?” หนุ่มโมฮอคเริ่มถามเรื่องเปื่อยเพราะอยากจะหาเรื่องคุยแต่ก็ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร จึงได้เอ่ยถามเรื่องนี้ออกไป

“ไม่กลัวแฮะ” กัปตันสกรีนเฮดเอาซิปโป้ออกมาดีดเล่นเป็นเสียง ‘ ชิ้ง ผับ ชิ้ง ผับ ’

หลังจากเห็นซิปโป้สีเงินในมือเต้จึงเอ่ยปากขอดูซึ่งตั้มก็จุดไฟใส่เทียนแล้วโยนให้

เต้รับมาพิจารณาก่อนจะพูด "เป็นไฟแช็กที่หรูนะครับ"

แสงสีเหลืองส้มจากเทียนสองเล่มนั้นสะท้อนกับสีเงาวับของซิปโป้ สังเกตจากร่อยรอยได้ว่า เป็นซิปโป้ที่มีไว้เพื่อประดับ

ไม่ได้คิดจะเอาไว้ใช้ เพราะว่ายังไม่ปรากฏรอยขีดข่วนใดๆ ที่สำคัญ ที่บริเวณตัวถังด้านนอกแกะสลักด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษอย่างประณีตว่า

‘ P’Tum General Of No - Touch’

อีกด้านก็มีตัวอักษรภาษาอังกฤษเช่นกันแต่เหมือนว่าจะเป็นงานแกะสลักที่ทำด้วยตัวเองเสียมากกว่า

“ TB , TN , TM , TKM ” เต้อ่านเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นถามตั้ม “นี่คืออะไรครับ?”

ร่างสูงนั่งพิงผนังแล้วถอนหายใจหนักๆก่อนจะตอบว่า “ลำดับแฟนน่ะ”

คู่สนทนาพยักหน้าแรงๆก่อนจะยื่น ‘ไฟแช็กหรู’ คืนให้กับหัวหน้าของกลุ่ม No – Touch พลางจ้องสายตาไปยังประตูห้องบานหนึ่ง

ซึ่งบัดนี้เริ่มมีเสียง แกรกๆ กรากๆ ออกมาจากประตู

“ชักอยากรู้แล้วสิ ว่าเสียงในห้องนี้คือเสียงของตัวอะไร”

“นั่นสิครับ” เต้ตอบเสร็จ ตั้มก็ลุกขึ้นพร้อมฉวยไฟฉายและเชิงเทียนออกไปด้วย

ยิ่งตั้มสาวเท้าเข้าใกล้ก็เหมือนจะได้ยินเสียง กุก กัก อะไรบางอย่างดังชัดและถี่ขึ้น

“เตรียมตัวนะ” ชายหนุ่มพูดพลางวางเชิงเทียนแล้วเอื้อมมือซ้ายไปจับลูกบิดประตูเอาไว้ ก่อนจะหันไปมองเต้

เขากำลังพยักหน้าและกระชับไม้หน้าสามที่มืออย่างแน่นหนา

“1.......2.......3” พอนับถึงสามตั้มก็เปิดประตูออกด้วยความเร็วและแรงจนเต้รู้สึกได้ถึงสายลมที่พัดโดนใบหน้า

และบางอย่างก็เคลื่อนไหวออกมาจากห้องมืดมิดนั้น

“มา ไอ่ผีบ้า” ก่อนที่มันจะเข้ามาถึงตัว เต้ได้บุกถลันเข้าชาร์จก่อนด้วยความเร็วสูง แต่หลังจากที่เท้าของเข้าก้าวข้ามประตูไปก็พบกับความว่างเปล่า.......

เขาใจหายวาบก่อนจะร่วงลงไป !!!!

ตุ้บ อึ้ก โครม !!

เสียงของร่างกายกระแทกเข้ากับวัตถุอ่อนนุ่มบางอย่างจนคนในห้องต้องสะดุ้งตื่นขึ้น

“ไอ่บ้าเอ้ย !” ชายโชคร้ายค่อยๆมองผ่านความมืด แต่แล้วก็เหมือนกับว่ามีมือสองข้างมากดเขาไว้ไม่ให้ดิ้นรนขัดขืน

ด้วยสัญาชาติญาณนั้นเต้พยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดแต่ก็ไม่เป็นผล มิหนำซ้ำแถวชายโครงด้านขวาก็ยังเจ็บปวดแปลบๆ ทำให้เขาไม่สามารถออกแรงได้เต็มที่ น้ำหยดลื่นๆเหนียวๆ หยดลงใส่ต้นคอของเขา และกลิ่นชวนคลื่นไส้นั้นก็เข้าใกล้กับเขาไปทุกทีๆ นั่นทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่า จุดจบของเขากำลังจะมาถึงแล้ว !!!

แต่ทันใดนั้นเองก็มีแสงสีส้มสองดวงปรากฏขึ้นจากบริเวณที่สูงกว่า แสงนั้นช่วยฉาบฉาบให้เห็นถึงใบหน้าของคนที่เขาไว้ใจได้มากที่สุดในขณะนี้

“มาช่วยแล้วเว้ย” ร่างสูงพูดจบก็พุ่งเชิงเทียนเข้าใส่ซอมบี้ที่คร่อมอยู่บนตัวของเต้ด้วยความแรงสูง

เชิงเทียนที่ตรงกลางว่างเปล่า(ไม่ได้เสียบเทียน)นั้นเป็นดั่งอาวุธชั้นดีเพราะมันปักเข้ากับผิวหนังของเจ้าผีด้วยความแม่นยำ

และโชคร้ายที่มันใส่เสื้อคลุมขนสัตว์จึงทำให้ติดไฟเร็วกว่าเดิม เปลวเพลิงได้ลุกขึ้นติดตามเสื้ออย่างรวดเร็ว

ความร้อนจากเปลวเพลิงส่งผลให้เต้ต้องรีบเตะมันให้กระเด็นไปให้พ้นทางก่อนที่ไฟจะลามมายังเสื้อกีฬาชั้นดีที่เขาสวมอยู่

เมื่อมันถูกเตะ มันก็ล้มลงกลิ้งเกลือกลงกับพื้นเพื่อดับไฟ แสงไฟที่ลุกจ้าขึ้นมานั้นช่วยให้คนที่มองจากมุมสูงนั้นสะดุดตากับอะไรบางอย่าง

แต่เขาก็ไม่มีเวลามากพอที่จะสนใจ ชายหนุ่มรีบถลาลงไปคว้าไม้หน้าสามแล้วหวดใส่ซอมบี้อีกตัวที่กำลังย่องเข้ามาหาเต้จากด้านหลัง

มันล้ลมลงทันทีตามแรงฟาดอันหนักหน่วงและถูกซ้ำเข้าไปที่หัวจนแน่นิ่งไป

“ว่าแล้ว.... ว่าต้องใช้ได้” ตั้มพูดพลางถอนไม้ติดตะปูออกจากหัว และต้องตกใจอีกครั้งเมื่อไฟที่ติดซอมบี้นั้นไปได้ค่อยๆลามไปยังข้าวของช้าๆ

โดยมีเต้กำลังนั่งมองด้วยความตื่นตระหนก

“ทำไงดีครับ กัปตัน ผมไม่ไหวแล้ว” หนุ่มโมฮ็อคพูดเสียงแผ่ว มือของเขากุมไปที่ชายโครงฝั่งขวาที่ตอนนี้เริ่มจะปวดหนักขึ้นเรื่อยๆ

ร่างสูงไม่รอช้าใช้มือข้างซ้ายพยุงเต้ให้ลุกขึ้นพิงกับกำแพงแล้วลดมือลงไปรูดซิบกางเกงแล้วทำในสิ่งที่เต้ไม่คาดคิด

“กะ...กัปตัน !!” ร่างเล็กนั้นยืนมองอย่างไม่เชื่อสายตา “จะ...จะใช้วิธีนี้จริงเหรอคับ?”

“เออ ไม่ต้องพูดมาก มาช่วยกันหน่อย” เขาพูดโดยที่ใช้มือทั้งสองข้างบังคับทิศทางการพุ่งของของเหลว

“ครับๆ” ลูกทีมพยักหน้าแล้วก็เริ่มถอดกางเกงอย่างกระมิดกระเมี้ยน

“ทำอะไรอยู่วะ อย่าช้าดิเว้ย” ตั้มเร่ง

“ครับๆ”

เสียงการต่อสู้เงียบลงไป แต่กลับมีเสียง ชี่ ชี่ ชี่ เหมือนเสียงของฟืนร้อนๆปะทะกับน้ำทำให้คนในห้องรู้สึกกระวนกระวาย

จนทุกอย่างกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง..........

“ฟู่....กว่าจะดับได้นะครับกัปตัน” ลูกทีมดึงกางเกงขึ้นแล้วก็ทรุดตัวลงพิงกับผนังด้วยความหมดแรง

ร่างสูงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วพูดตอบ “อืม นั่นดิ” แล้วก็นั่งยองๆลงกับพื้นเพื่อสำรวจบาดแผลของเต้

เมื่อลองใช้มือคลำดูก็ไม่พบกับเลือด หรืออะไรก็ตาม เขาจึงสันณิฐานว่า “อาจจะช้ำ รึไม่ก็ซี่โครงหัก”

ยังไม่ทันที่เต้จะได้พูดอะไร ทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงอะไรซักอย่างก้องไปมาในห้อง

“เสียงคล้าย คนทุบประตูนะครับ” เต้กระซิบเอ่ยเสนอความเห็น

“เมื่อกี้ตอนไฟลุกเห็นประตูบานหนึ่งอยู่ตรงหน้านี่” พูดจบร่างสูงก็เปิดไฟฉายส่องกราดไปทั่วๆ แล้วก็มีประตูจริงๆด้วย !

แต่ครั้งนี้เขาคิดว่าน่าจะปลอดภัยจึงได้เดินไปเปิดประตูอย่างไม่ลังเล ทันทีที่ประตูเปิดก็มีเสียงแหบๆแว่วมาจากด้านล่าง ช่วย.....ช่วยหนูด้วย !!!!

ตั้มลดไฟฉายลงเพื่อหาที่มาของเสียงปริศนาก็ได้พบกับร่างบางซึ่งตั้มมองก็น่าจะพอรู้ได้ว่าเป็นสรีระของผู้หญิง

เขาก้มลงแล้วกระซิบข้างหูของร่างบางนั้น “ไม่ต้องกลัวนะ ผมมาช่วยแล้ว” แล้วใช้สองมืออุ้มออกมาอย่างแผ่วเบา น้ำหนักของเธอไม่ต่างอะไรกับอุ้มเด็กม.1-2ไว้เลย

ทันทีที่ตั้มออกมาจากห้องก็ร้องบอกกับเต้ว่า “เจอคนจริงๆด้วย แต่เค้าไม่มีแรงเลย”

“กัปตันอุ้มเค้าไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมตามขึ้นไปเอง” ร่างเล็กพยายามกัดฟันพูดทั้งๆที่รู้ว่าตนเองจะยืนก็แทบจะไม่ไหว ซึ่งตั้มก็รู้แต่ไม่ได้ตอบอะไร

ขณะที่หัวหน้ากลุ่มอุ้มร่างบางไป เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเช่นเคย “มีน้ำมั้ยคะ?”

ตั้มไม่ตอบ แต่หลังจากที่วางหญิงสาวให้นั่งพิงเก้าอี้เสร็จแล้ว เขาก็ล้วงน้ำขวดออกมาจากย่ามพร้อมกับฉวยเอากระป๋องเหล็กแบนๆ ออกมาอีก

“อย่าเพิ่งกินนะครับ ผมจะชงกลูโคสให้ด้วย” เขาพูดพร้อมกับใช้ช้อนที่อยู่ในตลับตักผงออกมาจากภาชนะ แล้วใส่ผสมลงในน้ำเปล่า 3-4ช้อน
แล้วเขย่าๆ จากนั้นก็ยื่นให้กับหญิงสาว

หญิงสาวส่งสายตาขอบคุณมาให้ก่อนจะดื่มน้ำอย่างหิวกระหาย ทันทีที่ของเหลว ไหลผ่านเข้าไปยังช่องปาก
เธอก็รู้สึกซ่า....สดชื่นและหวานแปลกๆแต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น

หลังจากเห็นสาวน้อยรู้สึกดีเขาจึงจุดเทียนแล้วรีบไปประคองเต้ที่กำลังคลานมาแบบเดียวกันกับซอมบี้ไม่มีผิดเพี้ยน

“ผมคงไม่ไหวแล้วครับ” เขากระซิบบอกเมื่อกัปตันทีมฉุดให้ลุกขึ้น

แต่เมื่อขึ้นไปเห็นร่างที่ต้องแสงเทียนด้านบนนั้นเขาถึงกับดึงมือที่กำลังคล้องคอของตั้มออกทันที “กัปตันครับ ผมไหวแล้วครับ”

“อ่าว” ตั้มเองก็พูดได้แค่นั้นแล้วเงยหน้าขึ้นมามองร่างนั้น ก็ต้องแปลกใจมาก ถึงมากที่สุด

“นิค !!!!”

จบตอน

To Be Continue......


Chapter 11 Sweet Night

“นิคมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วคนอื่นๆ ล่ะครับ?” ตั้มเอ่ยถามหญิงสาวผู้รอดชีวิตคนใหม่พลางยื่นช๊อกโกแลตยี่ห้อดังให้ แล้วพยายามสังเกตุร่างบางที่อยู่ตรงหน้า เธอดูบอบบางราวกับแก้วเพียงแค่เขาสัมผัสเบาๆ ก็คงแตกละเอียดเป็นผุยผง

ร่างเล็กนั้นรับขนมมาก่อนจะค่อยๆพูดพลางแกะห่อช๊อกโกแลตไปพลาง “พ่อกับแม่ขังหนูไว้ข้างในห้องใต้ดินที่พี่มาช่วยนั่นแหละค่ะ”

“แล้วพ่อ-แม่ของนิคล่ะครับ?” เต้พยายามถามด้วยน้ำเสียงที่เขาคิดว่า ‘หล่อ’ ที่สุด

เธอก้มหน้าลงเพื่อกลั้นน้ำตาแต่ก็กลั้นมันไม่ไหวจนต้องปล่อยโฮออกมา

“ฮือๆๆ คือ …คือ…พ่อกับแม่หนูโดนกัดมาก่อนแล้วระหว่างไปซื้อของน่ะค่ะ”

“แล้วไงต่อ” ร่างสูงนั่งกอดอกแล้วหันไปมองเต้ แต่คนที่เขามองนั้นกลับไปจ้องสาวน้อยอย่างใจจดใจจ่อ

“จากนั้นพ่อกับแม่ก็เอาเสบียงทุกๆอย่างในบ้านมาเก็บไว้ในห้องใต้ดินแล้วก็เอาหนูเข้ามาอยู่ในห้องนี้”

“แล้วตอนนี้เสบียงที่มีหมดรึยังครับ?” หัวหน้ากลุ่มถาม

“หมดแล้ว นิคกินแค่สองวันก็หมดอ่ะ แหะๆ” เธออมยิ้มอย่างขวยเขิน แล้วเต้ที่เริ่มกระเถิบไปนั่งใกล้ๆกับนิคทีละนิดก็พูดขึ้น

“ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ ก็มาอยู่กับเราก็ได้นี่หน่า ใช่มั้ยครับ?” เขาสะกิดหัวหน้าทีมก่อนจะกระซิบเบาๆข้างหู ‘คนนี้แหละครับ ใช่เลย’

ตั้มยิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ของเต้และยอมพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต “ก็ต้องให้อยู่อยู่แล้วล่ะ”

เมื่อตั้มตอบรับแล้วทั้งเต้และนิคต่างก็กระโดดพรวดมากอดตั้มพร้อมๆกัน

“โอ๊ะๆ อะไรเนี่ย” เขาหัวเราะกับท่าทีของทั้งสองที่ทำตัวเหมือนเด็กๆ และใช้ศอกกระทุ้งเข้าที่สีข้างของเต้เบาๆ

“โอ๊ย !!!” หนุ่มโมฮอคถึงกับทรุดลงเพราะศอกกระทบเข้ากับแผลเก่าที่ยังไม่หายดี ทำให้ความเจ็บแล่นย้อนกลับมาเล่นงานอีกครั้ง

“พี่เต้ๆ พี่เต้เป็นอะไรเหรอคะ?” นิครีบปราดเข้าประคองคน(แกล้ง)เจ็บที่นอนกุมชายโครงอยู่ ส่วนตั้มก็ซ่อนยิ้มไว้ราวกับรู้แผนการต่อไปของลูกทีม และเจ้าตัวนั้นก็แอบส่ง ‘ซิก’ ให้กัปตันทีม

“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ พี่เห็นนิค พี่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง” ชายหนุ่มพยายาม(แกล้ง)ยันกายขึ้นมาแล้วพึมพำเบาๆว่า ‘สวรรค์ชัดๆเลยโว้ย ’
แต่ก่อนที่สาวเจ้าจะได้ถามว่า ‘สวรรค์ชัดๆ’คืออะไรนั้น ก็มีเสียงหนึ่งแว่วออกมาจากนอกบ้าน เป็นเสียงของผู้หญิงที่แฝงไปด้วยความแหบโหยละห้อยหา ซึ่งฟังครั้งแรกบวกกับสายลมเย็นเฉือนกระดูกที่พัดลอดเข้าหน้าต่างมาแทบจะทำให้ขนหัวลุกซู่

“แก่…….แก่…….แก่จ๋า !!!!”

ตั้มลุกพรวดทันทีที่ได้ยินเสียงเพรียกเย็นยะเยือกปริศนานี้ แต่อีกสำนึกหนึ่งกลับรู้สึกว่าเป็นเสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี “แหม่มนี่นา”

พูดจบเขาก็ลุกไปหาต้นเสียงพร้อมกับปืนในมือ

ส่วนเต้และนิคเองก็เดินตามไปอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะเป็นยัยสาวมหาโหด

“นิค ไปเอา….มาให้พี่หน่อยนะ เดี๋ยวพี่ต้องรีบลงไปห้ามลูกพี่ก่อน” เต้ร้องสั่งแล้วรีบกระโจนเข้าไปช่วยลูกพี่ของเขาทันที

เมื่อตั้มเดินไปถึงรั้วหน้าบ้านก็เห็นแฟนสาวยืนเกาะรั้วในชุดคลุมอาบน้ำสีฟ้าหม่นๆตัวเก่งของเธอในมือนั้นกุมปืนกระบอกจิ๋วไว้แน่น

บรรยากาศข้างนอกค่อนข้างเงียบวังเวง ไร้ซึ่งแสงไฟฟลูออเรสเซนต์ที่เคยสาดส่องให้ความสว่างแทนกลางวันและสายลมโหมกระพือพัดแรงขึ้น
จนผมสีดำสลวยของสาวแว่นนั้นปลิวไปตามแรงลมทำให้แก้มแหม่มแลดูน่ากลัวยิ่งขึ้น

“ที่รักคะ” เธอพูดเมื่อตั้มใกล้จะถึงรั้วที่ใส่กลอนอยู่ด้วยดวงตาที่มีน้ำตารื้นออกมา นั่นทำให้ตั้มต้องรีบล้วงกุญแจที่เขาเก็บได้ในบ้านมาไขทันที

“อย่าเพิ่งไขครับ !” เต้ร้องตะโกนก่อนจะรีบกระโจนลงมาจากระเบียงอย่างลืมความเจ็บปวด ทำเอาแก้มแหม่มกับตั้มถึงกับตะลึง

“เธออาจจะไม่ใช่แก้มแหม่มก็ได้ครับ อาจจะเป็น…..สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติอะไรซักอย่าง กัปตันไม่เคยได้ยินเหรอครับ
ที่ว่าตอนดึกๆ ถ้าใครมาขานเรียกชื่อ อย่าเปิดประตู เพราะว่าคนคนนั้นไม่ใช่คน เป็นสัมภเวสีที่มาหลอกเราอ่ะครับ”

คำพูดที่ออกมาจากปากของ ‘เบี้ยล่าง’ ของเธอนั้นทำเอาแก้มแหม่ม งง เข้าไปใหญ่จนปั้นหน้าเอ๋อทำอะไรไม่ถูก

“กะ…กลัวนะ รีบๆเปิดเร็วเข้าสิ” แก้มแหม่มเร่งแต่ร่างสูงแกร่งนั้นก็ยังคงยืนนิ่งเฉยเนื่องจากเห็นด้วยกับความคิดของชายร่างเล็ก

“เราต้องพิสูจน์ด้วย…..ข้าวสารเสก(โลโซ) ครับผม” เขาพูดจบก็แบมือขอข้าวสารจากนิคที่เพิ่งตามลงมา เมื่อได้ข้าวสารกำมือหนึ่งแล้วเขาก็ยกมือข้างนั้นขึ้น
จรดริมฝีปาก

“โอม….มะลึกกึกกึ๋ย มะลึกกึ๊กกึ๋ยยยย” หลังจากบริกรรมคาถา (มั่วๆ) เสร็จเขาก็จัดการเขวี้ยงข้าวสารเข้าใส่ ‘ผีร้าย’ แบบไม่ใส่ใจว่าจะเป็นคนหรือผี

ทันทีที่เมล็ดข้าวสารกระทบกับร่างกายของแก้มแหม่มนั้นไม่มีผลกระทบอะไรกับร่างกายแม้แต่น้อย แต่กลับกระตุ้นเพลิงโทสะให้คุโชนขึ้นจนบังเกิดลมพัดมาหอบใหญ่ๆ

“เล่นอะไรเนี่ย รีบเปิดสิ !!” สาวแว่นปัดข้าวสารที่ติดบนหัวออกพลางออกเสียงอย่างไม่กลัวว่าซอมบี้จะได้ยินเสียงของเธอเลย การมีอะไรติดอยู่ที่หัวนั้นมักจะสร้างความรำคาญให้แก่เธอได้เสมอๆ

สิ้นเสียงคำสั่งตั้มก็รีบเสียบลูกกุญแจเข้าแล้วไขทันที หลังจากปรากฏเสียง กริ๊ก เบาๆ เมื่อประตูบ้านถูกเปิดออกกว้างเธอก็โผเข้ามากอดสุดแรง
ด้วยความโหยหาที่อัดแน่นอยู่เต็มอก ทันทีที่ทั้งสองสวมกอดซึ่งกันและกันแล้ว วันเวลาดูเหมือนจะเดินช้าลงไปอย่างถนัดใจ แต่ในความเป็นจริงนั้น
เข็มนาฬิกานั้นยังคงเดินไปตามหน้าที่อย่างไม่ขัดขืนต่ออำนาจแห่งความรัก นิคที่ยืนมองคนรักทั้งสองกอดกันก็ได้เบือนหน้ามากระซิบถามเต้

“พี่แว่นน่ารักคนนี้เป็นแฟนของพี่ตั้มเหรอคะ?” น้ำเสียงของเธอปนไปด้วยความเสียใจและเสียดาย เพราะตลอดเวลาที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้จะมีก็แต่พี่ชายคนนี้
เท่านั้นที่คอยแบ่งปันอาหารและหมั่นมาเยี่ยมเยียนคนในบ้านของเธอ
.
.
.
.
.
.
.
.
“สวัสดีครับผม สวัสดีคร๊าบบ ” ในระหว่างที่เธอกำลังนั่งอ่านหนังสือนั้นก็มีเสียงของชายคนหนึ่งที่ตะโกนอยู่หน้าบ้าน เมื่อเธอชะโงกหน้าไปมอง ก็พบกับผู้ชายสองคน คนหนึ่งอายรุ่นราวคราวเดียวกับเธอกำลังยืนอยู่หน้าประตูรั้ว ส่วนอีกคนนั้นสายตาของเขามองตรงยืนกำหมัดหลวมๆดูเท่ห์ไม่หยอก ในมือของชายที่ตัวเล็กกว่านั้นถือถุงพลาสติกใสอยู่ เธอเห็นดังนั้นก็รีบลงไปเปิดประตูให้พลางร้องบอกไปว่า

“มาแล้วค่ะ”

ทันทีที่เปิดประตูนั้น ชายร่างเล็กก็รีบเดินเข้ามาในบ้าน ส่วนชายมาดเคร่งขรึมนั้นยังคงยืนอยู่หน้าบ้าน

“มีธุระอะไรกันเหรอคะ?” เธอเอ่ยถามชายทั้งสอง เมื่อเธอมองชายร่างเล็กดีๆ ก็พบว่าเขาคือคนที่ชอบมาวิ่งรอบหมู่บ้านนั่นเอง

“แม่ให้เอาต้มจืดมาให้ครับ แม่บอกว่าไม่ค่อยสนิทกับบ้านนี้เท่าไหร่ ” เขาพูดพลางยื่นถุงใบนั้นให้ เธอก็รับมาแล้วกล่าวขอบคุณเบาๆ

“เอ้อ แล้วนี่ ชื่ออะไรเหรอ?”

“ตั้มครับ” ชายร่างเล็ก(แต่ก็สูงกว่าเธอ)นั้นค้อมหัวให้อย่างสุภาพ ส่วนชายอีกคนซึ่งเธอเดาว่าเป็นพี่ชายนั้นก็ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน

“พี่ผมชื่อ ต้น ครับ” ตั้มตอบแทน “แล้วเราล่ะ?”

“ชื่อ นิค แล้วเรียนอยู่ชั้นอะไรเหรอ?”

“ม. 4ครับผม” คำตอบของ(พี่)ตั้มนั้นทำเอาเธอถึงกับสะดุ้งเฮือก เพราะหน้าของเขานั้นใสไม่มีสิว ไม่มีฝ้า หรือกระบนใบหน้าเลย ทำให้ดูเหมือนเด็กม.1-2เหมือนกับเธอ

“แล้วพี่คนนั้นล่ะ” เธอแสร้งวางฟอร์มไปแล้วพยักเพยิดหน้าไปทางพี่ต้น ซึ่งทันทีที่ร่างสูงเห็นก็เดินมาตรงหน้าเธอก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ผมอยู่ปีสอง เหล่า ทบ. ครับ” คำตอบนี้เล่นเอาเธอสับสนจนพี่ตั้มต้องอธิบายให้ฟัง

“อ่อ พี่ต้นอยู่โรงเรียนนายร้อยจปร.ครับ” คำเฉลยของตั้มทำให้เธอถึงบางอ้อโดยทันที

“แม่บอกว่าให้เอาต้มจืดมาให้แล้วก็กลับเลย อย่ามัวเสียเวลา” ร่างสูงเดินจากไปอย่างมีมาดแต่ตั้มก็สะกิดแล้วชี้นิคให้ดูร่างสูงที่กำลังเดินกลับ
เขากำลังหยุดยืนล้วงโทรศัพท์แล้วคุยด้วยน้ำเสียงที่ต่างจากคุยกับทั้งสองคน

“ฮัลโหล ที่รักครับ เดี๋ยวเค้าจะกลับบ้านแล้วนะ รอเค้าก่อนนะ” พูดจบต้นก็เดินจากไป ทิ้งให้นิคยืน งง ส่วนตั้มก็หัวเราะเบาๆ

“ ฮ่าๆ พี่ต้นก็แบบนี้แหละ เดี๋ยวพี่คงต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ” หลังจากนั้นพี่ตั้มก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้นิคยืนสับสน
ว่า เขารู้ได้ยังไงว่าเธออายุอ่อนกว่า

แต่เหมือนว่าเขาจะอ่านความคิดของเธอได้ จึงหมุนตัวกลับมาแล้วบอกสั้นๆ “พี่สืบข้อมูลมาหมดแล้ว”

หลังจากนั้น พี่ตั้มก็หมั่นแวะเวียนมาพร้อมๆกับอาหารซึ่งบางทีก็ทำเอง และบางทีก็เป็นฝีมือแม่ของพี่ตั้ม

จนเรียกได้ว่าเป็นขาประจำของสองสาวพี่น้องที่ซักสอง-สามอาทิตย์ พ่อกับแม่จะกลับมาซักหนหนึ่ง
.
.
.
.
.
“ใช่แล้วล่ะ” เสียงของเต้ได้ช่วยกระตุ้นสมองของเธอให้ทำงานตามปกติอีกครั้ง

“พี่เค้าน่ารักจังเลยนะคะ”

“พี่ว่าสู้นิคไม่ได้หรอก”

“บ้า !” เธอซ่อนความเขินไว้แล้วค่อยๆเดินเลี่ยงไปปิดประตูบ้าน เสียงล้อเสียดหูนั้นชทำให้ทั้งสองตื่นจากภวังค์

“ที่รัก มาหาพี่ทำไมเนี่ย ไหนบอกจะอยู่บ้านไง หืม? ตั้มพูดก่อนจะค่อยๆใช้มืองสางผมที่ไม่ค่อยจะเป็นทรงที่เกิดจาก ‘ข้าวสารเสก(โลโซ)’ ของเต้

“เค้าเหงา” เธอซบหน้าลงกับแผงอกอุ่นอีกครั้งแล้วพูดต่อ “อยากให้ตัวเองมาอยู่เป็นเพื่อนเค้าที่บ้าน เค้ากลัวด้วย”

“แล้วเต้กับนิคล่ะครับ?” คำถามนี้ช่วยจุดไฟแค้นของหญิงสาวให้โหมกระพือยิ่งขึ้น

“อ๋อ ใช่! แหม่มต้องจัดการกับไอ่หมอนี่ก่อน” เธอบอกจบก็สาวเท้าพรวดๆเข้าไปหาเต้ที่กำลังยืนสับสนอยู่ก่อนจะเหวี่ยงเท้าซ้ายเข้าปะทะกับ
ซี่โครงขวา…..แผลเก่า!

พลั่ก! โอ้ย! ราวกับถูกไม้หน้าสามติดตะปูฟาด หนุ่มโมฮอคปลิวไปตามแรงขาของสาวมหาโหดโดยมีนิคกับตั้มยืนมองตัวสั่น ไม่มีใครกล้ายื่นมือไปช่วยสักคน

“โอย”

“เล่นกับใครไม่เล่น” สาวแว่นสั่งสอนเสร็จก็เดินจ้ำพรวดๆเข้าบ้านไปอย่างไม่แคร์

เมื่อแก้มแหม่มเดินเข้าไปแล้วกัปตันทีมก็มาพยุงตัวเต้ให้ลุกขึ้นแต่เขาก็ส่ายหน้าเบาๆ “ผม….ไม่เป็นไรครับ”

“เฮ้ย” ตั้มก็เข้าใจได้ทันทีจากสายตาของเต้ที่กำลังมีแผนการอะไรบางอย่างอยู่

“ไม่เป็นไรครับๆ นิค มาช่วยพยุงพี่หน่อยซิ” สิ้นเสียงของเต้สาวน้อยก็รีบปราดมารับช่วงต่อจากตั้มทันทีเมื่อเห็นดังนั้นเขาก็เดินขึ้นบ้านไปโดยไม่พูดอะไรอีก
หลังจากที่ร่างสูงเข้าไปในบ้านแล้วนิคก็บ่นพึมขึ้นมาทันที

“พี่ตั้มนี่แย่เนอะ ไม่ไหวเลยๆ”

“ไม่หรอกครับ อย่าว่ากัปตันแบบนั้นเลย”

“ทำไมล่ะ?”

“เพราะกัปตันมีสิ่งสำคัญที่ต้องปกป้องมากกว่าคนเสกข้าวสารเสกโลโซคนนี้ซะอีก”

“พี่เต้ผิดตรงไหนล่ะ”

“ผิด ที่ไม่คิดว่าเป็นแก้มแหม่มแล้วยังไปเล่นแผลงๆแบบนั้น”

“ต่อให้ไม่มีใครเข้าข้างพี่เต้นะ นิคคนนี้แหละจะเข้าข้างพี่เต้เอง”

คำพูดของเธอทำเอาตาของเขาแววโรจน์ ‘เขาแผนละโว้ยยยย’

ภายในบ้าน…

“แหม่ม ทำไมต้องทำแบบนี้กับเต้ด้วยล่ะ แหม่ม!”

ไม่มีคำตอบจากปากหญิงสาวแต่ปรากฏเสียงสะอื้นและไหล่ของเธอกระตุกเป็นจังหวะๆ

“ร้องไห้ทำไมคะ?” เขาเดินไปอยู่เบื้องหน้าของแฟนสาว เมื่อสังเกตว่าร้องไห้จริงๆเขาจึงดึงแฟนสาวไปกอดไว้แนบอก

“ก็…..ก็….ก็คนมันเหงานี่ แล้วก็กลัวด้วย ไหนจะไม่ยอมให้เค้าเข้าไปหาตัวเองอีกล่ะ” เธอพูดไปสะอื้นไป

“โอ๋ๆ พี่ก็อยู่นี่แล้วไงครับ งั้นคืนนี้นอนที่นี่นะ” เขากอดให้แน่นกว่าเดิมแล้วใช้มือลูบศีรษะคนรักอย่างแผ่วเบา

“ไม่เอา แหม่มกลัว”

“งั้นจะกลับบ้านเหรอครับ?”

“ค่ะ” เธอยื่นคำขาด

“แล้วเต้ล่ะ?”

“พรุ่งนี้เราค่อยมารับก็ได้นี่หน่า แหม่มก็พกปืนมาด้วย” แฟนสาวดึงเอาปืนกระบอกที่เขาเห็นออกมาแล้วส่งให้

เขารับปืนมาอย่างลังเลใจก่อนจะเดินไปประคองเต้ให้เข้ามาในบ้าน สภาพของเต้นั้นไม่ได้ต่างอะไรกับคนพิการแม้แต่น้อย

เมื่อคนเจ็บเห็นตัวการอีกครั้ง เขากึงกับทรุดเข่าอ่อนยวบลงไปราวกับยางละลาย

“เดินไม่ไหวอ่ะดิ” ตั้มถามอย่างไม่ต้องการคำตอบ เพราะฉับพลันนั้นเขาใช้แขนซ้ายโอบรอบข้อพับแล้วเกร็งกำลังแขนเพื่ออุ้มคน(แกล้ง)ป่วยขึ้น

“เอ่อ….จะรังเกียจมั้ยคะ?” นิคสะกิดเอวตั้มแล้วยกมือขึ้นกัดเฃ็บอย่างลังเล “ให้พี่เต้นอนห้องนิคดีมั้ยคะ?”

หลังจากทีได้ยินแบบนั้น แก้มแหม่มก็สวนกลับทันทีว่า “คิดดีแล้วเหรอ ที่จะนอนกับไอ่โรคจิตนี่”

“ไม่เป็นไรค่ะ เตียงของนิคเป็นเตียงสองชั้น ให้พี่เต้นอนล่างแล้วนิคยอยข้างบน ถ้านิคจะนอนนิคจะเอาบันไดขึ้นพี่เต้จะได้ปีนไม่ได้”

“อืม งั้นเก็บปืนกระบอกนี้ไว้นะ” แต่เธอก็ชะงักมือไว้ก่อนแล้วก็ถาม “อายุเท่าไหร่ล่ะ หืม?”

“สิบเจ็ด ค่ะ”

“อืม……อายุเท่ากันเลยนะเนี่ย เค้าชื่อแก้มแหม่ม เรียกสั้นๆว่า แหม่ม หรือ สวยก็ได้”

“จ๊ะ เค้าชื่อนิคนะ”

“เอ้อ ว่าแต่” แก้มแหม่มนิ่งไปเพราะอยากรู้แต่ไม่อยากถาม

“อะไรเหรอคะ?”

“เตียงสองชั้น งั้นก็แสดงว่ามีอีกคนนอนล่ะสิ แล้วอีกคนไปไหนแล้วล่ะ” คำถามนี้ทำเอาตั้มกับนิคถึงกับนัดกันหน้าถอดสีทันทีราวกับว่าเตียงด้านบนนั้นมีความลับบางอย่างซ่อนไว้อยู่ !!!

แก้มแหม่มมองแฟนหนุ่มด้วยสายตาขอที่พึ่ง แต่เขาก็พูดเบาๆแค่ว่า “มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะคิดนะ ตอนนี้เอาเต้นอนก่อนดีกว่า”

หลังจากที่จัดการกับเต้เสร็จแล้วคู่รักทั้งสองต่างผลัดกันกำชับหลายๆเรื่องกับนิค

“ปิดไฟ อย่าก่อแสงสว่างถ้าไม่จำเป็น” ตั้มพูดพร้อมยื่นปืนกระบอกเล็กในมือให้ “ใช้ง่ายๆ ปลดเซฟแล้วเหนี่ยวไกเลย ยิงให้โดนหน้าผากหรือหัว”

ร่างบางรับปืนมาอย่างหวาดๆจนคนให้อดที่จะยิ้มไม่ได้ “อย่ากลัวเลยน่า ถ้ามีอะไรก็ยิงปืนขึ้น2นัด รึไม่ก็หวีดร้องดังๆเลย เดี๋ยวพี่จะมาช่วย”

“ค่ะ”

เมื่อทั้งสองแยกย้ายกันเสร็จแล้ว คู่รักTKM ก็รีบกลับไปยังบ้านของตั้มท่ามกลางบรรยากาศเงียบวังเวงประหลาดๆ
ภายในบ้านเอง ขณะที่ตั้มถอดเสื้อและปลดสัมภาระเสร็จนั้น แฟนสาวก็ย่องเข้ามากอดจากด้านหลัง

“ที่รักคะ เหงื่อเต็มหลังเลย ร้อนเหรอคะ?” เธอถามพลางใช้ปลายนิ้วไล้ไปที่เม็ดเหงื่อมันระยับก่อนจะเป่าลมหายใจอุ่นๆใส่แผ่นหลังที่แข็งราวกับเหล็กนั้น ซึ่งคนอยู่ด้านหน้าก็ถอนหายใจหนักๆแล้วจับมือนุ่มของแฟนสาวให้เลื่อนไปยังอกข้างซ้ายก่อนจะพูด

“นืดหน่อยครับ” เขาถอนหายใจหนักอีกครั้งจนหญิงสาวรับรู้ถึงแรงกระเพื่อมได้อย่างชัดเจน “พี่เป็นห่วงเต้น่ะ”

คำคำนี้ทำให้เธอเริ่มรู้สึกผิดจนต้องกระชากมือกลับด้วยความน้อยใจ “เขาไม่เป็นไรหรอกน่า แถวนี้มันยังไม่มีซอมบี้โผล่มาซักตัวเลยนะ”

“พี่เจอแล้วสี่ คือคนที่เคยอยู่ในหมู่บ้านเนี่ยแหละ เราคงต้องเดินทางตลอดเวลา ไม่งั้นมันอาจจะตามหาเราเจอ แล้วที่สำคัญนะ ดูเหมือนว่ามันจะเรียกพวกมาได้ด้วย” พูดจบชายหนุ่มก็หันหน้ามาหาแฟนสาวแล้วส่งยิ้มบางไปให้

“แต่…..แต่พี่ไม่กลัวหรอกนะ พี่จะปกป้องทุกๆคนเองแหละ”

“ค่ะ ไปนอนเถอะนะ” เธอพูดเสร็จก็ออกเดินไปยังห้องนอนโดยมีคนรักเดินตามมาใช้มือคล้องเอว

“ห้ามทำอะไรแหม่มด้วย” เธอเอ็ด


เมื่อคู่รักทั้งสองออกจากบ้านปุ๊บ นิคก็รีบล็อกประตูอย่างแน่นหนาแล้วเข้าบ้านทันที ร่างบางเดินสำรวจบ้านของเธอแล้วก็ต้องสะดุดตากับรูปถ่ายใบหนึ่งที่เหมือนกับว่าตั้มจะพลิกมันขึ้นมาแล้วลืมเอาเก็บไว้อย่างเก่า

“เอ๊ะ !” เธอหยิบกรอบรูปที่เขรอะไปด้วยฝุ่นขึ้นมาดูให้ชัดๆ มันเป็นรูปที่เธอ ‘คว่ำ’ มันทิ้งไปนานพอสมควร ในรูปนั้นประกอบไปด้วยหญิงสาววัยแรกรุ่นสองคนในชุดนางฟ้า มือของทั้งสองประสานกันไว้ราวกับไม่อยากแยกจากกัน ใบหน้าขาวใสถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ทำให้เธอต้องหลุดปากพูดออกมาอย่างเลื่อนลอย

“นุ๊ก !”

ยิ่งเธอมองสาวคู่แฝดในรูปเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหมือนว่า ‘แฝด’ จะมองเธอกลับเช่นกันจนเธอต้องรีบคว่ำกรอบรูปเก็บไว้ดังเดิมแล้วก็เปิดประตูเข้าห้องนอนไปหาคนป่วยที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง สีหน้าของเขาดูไม่สู้ดีนัก

“พี่เต้ ยังไม่นอนเหรอคะ?” นิคเดินไปนั่งข้างๆเต้บนเตียงชั้นล่าง

“พี่นอนไม่หลับ” หนุ่มโมฮอครีบตอบทันควันทำเอาสาวน้อยถึงกับหัวเราะเบาๆ

“ทำไมล่ะคะ เดี๋ยวตัวเองไม่หายนะ”

“ไม่มีใครห่วงพี่หรอกน่า” เต้พูดจบก็บิดตัวไปทางอื่น “ไม่มีใครรักพี่หรอก”

คำพูดของเขาทำเอาคิ้วบางนั้นขมวดเล็กน้อย ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้คน ‘ป่วย’ อีกนิดแล้วใช้มือดึงให้หันหน้ากลับมา

“ทำไมถึงคิดว่าไม่มีใครห่วงคะ?”

แต่เขายังคงไม่ตอบและฝืนหรุบเปลือกตาลงช้าๆพลางถอนหายใจหนักจนนิคส่ายหน้าระคนกับยิ้มจางๆ

“คิดไปเองน่า ก็ยังมีนิคห่วงพี่เต้อยู่นะ” เสียงของเธอนั้นราวกับหยดน้ำแห่งความหวังที่ตกลงกลางทะเลทรายหัวใจอันแห้งผากของเขามันทำให้หัวใจที่ไม่เคยมีรักนั้นพองโตขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“นอนเถอะนะคะ” เธอพูดจบก็ลากบันไดออกมาแล้วปีนขึ้นไปนอนบนเตียงชั้นสองแล้วก็ดึงบันไดกลับทิ้งให้เต้นนอนอมยิ้มอยู่คนเดียวกับความหวังใหม่ของเขา

ก่อนที่นิคจะหลับตาลงนั้น ก็ปรากฏเสียงของเต้ขัดขึ้นมาก่อน

“เอ้อ นิคครับ”

“คะ?”

“ร้องเพลงให้ฟังหน่อยได้มั้ย?”

“จะร้องเบาๆนะ เดี๋ยวซอมบี้ได้ยิน” เธอพูดพร้อมกับปิดหน้าต่างที่อยู่ตรงข้างๆเตียง

“ครับ”

“เธอบอกกับฉันว่าตัวเธอจะรัก
ไม่ว่านานเท่าไรรักของเราจะยังตรึงใจ
ไม่ว่านานเท่าไร ใจเอ๋ยใจ
จะยังคงเป็นเหมือนเดิม

แต่เธอกลับมาทิ้งให้ตัวฉันต้องเหงา
เธอลืมความรักเราเมื่อตัวเธอมีเขาข้างกาย
รักของเราเธอหน่าย เธอลืมมันง่ายดาย
เธอทำให้ฉันเสียใจ

เธอทำให้ฉันร้อนรน ทำให้ฉันทุกข์ระทมงมงาย
เธอทำให้ฉันร้องไห้ ทำชีวิตฉันพังทลาย
ทำให้ความรักของฉันมันตาย จากใจ”

เธอหยุดร้องแค่นั้นแล้วก็ห้อยหัวลงมามองคนป่วย ซึ่งเขาก็นอนหลับตาอย่างมีความสุข หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจทำให้เธอเองได้ยิ้มอย่างมีความสุข “ฝันดีนะคะพี่เต้”



Chapter 12 Chruch

ตอนตะวันฉายแสงขึ้นมาใหม่ๆ แสงแดดช่วยขับไล่สายหมอกออกไปจนเกือบจะหมดแล้วตั้มกับแก้มแหม่มก็รีบไปรับนิคกับเต้ที่อยู่ที่บ้านอีกหลังทันที เนื่องจากว่า ‘หัวหน้ากลุ่ม’ นั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของทั้งสองจึงนำรถเก๋งไปรับเพื่อว่าจะได้รวดไปหาเสบียงมาเพิ่มเติมด้วย

หลังจากที่รับผู้รอดชีวิตทั้งสองแล้ว เขาก็ยังไม่ตัดสินใจเข้าบ้านในทันที เขายังคงขับรถวนอยู่รอบๆหมู่บ้านราวกับว่ากำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ในหัว

“พี่กับแหม่มจะไปหาเสบียงเพิ่ม เต้กับนิคจะไปมั้ย?”
ตั้มเอ่ยถามคนทั้งสองที่นั่งอยู่เบาะหลัง ซึ่งเมื่อเหลือบมองผ่านกระจกหลังก็ทำให้เขาอดยิ้มไปไม่ได้ เนื่องจากว่าเต้กำลัง ‘เนียน’ พิงไหล่นิค
อยู่โดยที่สาวเจ้าเองก็หน้าแดงพูดอะไรไม่ออกบอกไม่ถูกเหมือนกันจนแก้มแหม่มต้องคำรามฮึ่มๆในคอเบาๆ

“อย่างงั้นไม่นอนตักกันเลยล่ะ?”

“นิคว่า นิคไม่ไปดีกว่าค่ะ เพราะว่า ถ้านิคไปแล้วใครจะอยู่ดูแลพี่เต้ล่ะ จริงมั้ยคะ?” สาวน้อยเปลี่ยนประเด็นเสร็จปุ๊บก็สะกิดคน ‘เนียน’ เบาๆ

“อ่ะ โอ้ย! ครับๆ ผมไม่ไปครับ” เต้สะดุ้งขึ้นมาตอบแล้วก็เอนหัว ‘เนียน’ ต่อไป

“แหม่มมีอะไรจะแย้งมั้ย?” คนขับรถหันหน้ามามองแฟนสาวที่กำลังนั่งกอดอกอยู่ ซึ่งสาวน้อยก็ส่ายหน้าเบาๆแทนคำตอบ

“ดี ถ้างั้นก็ไปส่งเต้ที่บ้านก่อนเลย”

และเมื่อส่งทั้งสองคนไปถึงบ้านแล้ว คู่รักก็ได้กำชับเรื่องต่างๆไว้อย่างเข้มงวดแล้วรีบออกรถทันทีโดยที่ไม่ยอมให้เสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว

“เราจะไปไหนกันดีคะ?” สาวแว่นถามอย่างสงสัยในหนทางที่แฟนหนุ่มกำลังขับไป

ไม่มีคำตอบจากปากของคนรัก เขาหมุนพวงมาลัยซ้ายที ขวาที เพื่อหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวางที่กองกันอยู่บนพื้นถนนอาทิเช่น เศษอวัยวะ
เศษซากของรถยนต์ เศษสิ่งปลูกสร้างเช่นเศษอิฐ หิน ตะปู สภาพรอบๆนอกของเมืองยังคงเป็นคล้ายๆแบบเดิมเพียงแค่ว่าไม่มีผู้รอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว บรรยากาศดูเงียบวังเวง บนท้องฟ้ามีอีกาบินวนอยู่รอบๆส่งผลให้บรรยากาศดูอึดอันขึ้นมาทันตาเห็น และขับไปได้อีกไม่นานก็ต้องสะดุดกับเสียงร้องของมนุษย์

“เหวอออ อย่าเข้ามานะ กลัวแล้ว!!”

ดวงตาสีเหล็กของตั้มฉายแววโรจน์ ดูเหมือนว่าความหวังของเขาจะถูกกระตุ้นขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกับตะกอนที่ลอยฟ่องขึ้นมาจากก้นน้ำ
จนใบหน้าที่ตอนแรกเครียดเขม็งนั้นเริ่มฉีกยิ้มออกมาเท้าซ้ายเหยียบไปที่คลัทซ์ ส่วนมือซ้ายเปลี่ยนเกียร์ด้วยความชำช่อง
เท้าขวาเหยียบคันเร่งมิดก่อนจะถอนเท้าซ้ายออกอย่างนิ่มนวล มือเปียกทั้งสองจับพวงมาลัยจนแทบจะกลายเป็นบีบ
หัวใจดวงแกร่งเต้นหนักราวกับกลองศึก

ขับมาได้ไม่กี่อึดใจก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งวิ่งออกมาจากอาคารหลังใหญ่ เบื้องหลังของชายชราพุงพลุ้ยมี ‘ผู้ติดเชื้อ’ วิ่งตามออกมาด้วย ใบหน้าเหี่ยวย่นนั้นบ่งบอกได้ถึงความกลัวเป็นอย่างดี

“ไปกันเถอะ” เขาพูดพอดีกับที่เหยียบคลัทซ์แล้วปล่อยรถให้เป็นเกียร์ว่าง มือขวากดปุ่มปลดล๊อกประตูด้วยความเร็ว

หลังจากที่ปุ่มปลดล๊อกเด้งขึ้นเขาและเธอก็เปิดประตูออก เท้าทั้งสองข้างของชายหนุ่มรีบจ้ำอ้าวไปที่ชายแก่ ส่วนแก้มแหม่มนั้นก็ไปสะดุดตากับบางอย่างเข้า…..

“ตาครับ มาทางนี้เลยครับ” ตั้มร้องตะโกนบอกชายแก่พร้อมทั้งสาวเท้าเข้าหาและล้วงปืนที่เหน็บเอวออกมาขึ้นนกอย่างใจเย็น สายตาจดจ้องอยู่กับการนับจำนวนผู้ติดเชื้อที่วิ่งตามหลังชายแก่ราวกับแฟนคลับของนักร้องชื่อดัง แต่ก่อนที่จะได้ระเบิดกระสุนนั้นแฟนสาวก็ยื่น ‘ของสิ่งนั้น’ ให้เขาเสียก่อน

“ใช้นี่น่าจะดีกว่านะคะ”

เขารับมา ปลดซองออกแล้ววิ่งเข้าสวนโดยไม่มีรีรอ วัตถุในมือเปล่งประกายมันปลาบราวกับว่ารับรู้ได้ถึงแรงปรารถนาของคนที่ถือมันอยู่
ซึ่งตอนนี้ในหัวสมองของเขามีแต่คำว่า ‘ฆ่ามันให้หมด’ เท่านั้น ด้ามจับกุมกระชับเหมาะมือ
ใบดาบกว้างนั้นพร้อมที่จะประหารสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ใช่มนุษย์ให้ดับดิ้นไปด้วยมีดประเภทหนึ่งทีเรียกว่า ‘สปาต้า’

“ตาครับ ก้ม !” ตั้มตะโกนอีกครั้งซึ่งชายชรานั้นก็ทำตามแทบจะทันที เมื่อคุณตาก้มลงเก็บคองอเข่าลงไปแล้ว เขาจึงใช้มีดหวดเข้ากลางลำคอด้วยความแรง
แต่ดูเหมือนว่ายังแรงไม่พอ เพราะว่าคอของมันขาดพับเอนไปห้อยร่องแร่งอยู่ด้านหลัง และเจ้าของร่างก็ล้มลงไปเพราะขาด ‘หัว’ ที่ทำหนาที่คอยบงการร่างกาย

ตัวแรกล้มลงไป ตัวถัดมาก็คือตัวที่สองซึ่งเขาก็ก้มลงให้พ้นจากคมเขี้ยวมรณะแล้วใช้สันมีดฟาดเข้าจังๆจนมันนอนพังพาบกับพื้นจากนั้นก็ทิ้งมีดลง
หยิบเอาอิญก้อนเขื่องๆที่ตกระเกะระกะอยู่กับพื้นขึ้นมาทุ่มใส่หัวมันอย่างแรง จากน้ำหนักบวกกับแรงทุ่มนั้นทำให้หัวกระโหลกของมันแตกละเอียดอย่างไม่มีชิ้นดี….

“เป็นไงบ้างครับ?” ชายหนุ่มประคองคุณตาสูงวัยขึ้น จากการแต่งกายและสถานที่ที่ออกมานั้นก็บ่งบอกถึงฐานะได้เป็นอย่างชัดเจน

“พ่อไม่เป็นไรหรอกลูกเอ้ย” ชายแก่หยิบสร้อยคอรูปไม้กางเขนเงินออกมาจูบเบาๆ “ขอบคุณพระองค์ที่ช่วยส่งตัวแทนของพระองค์มาช่วยข้าพระองค์” เขาสวดอธิษฐานงึมงำในลำคอ

ตั้มใช้เวลาระหว่างนั้นมองสำรวจสภาพรอบๆ มันก็ยับเยินไม่ต่างกับที่ผ่านๆมา แต่เขาก็ต้องเอ่ยถามไปเพราะยังอดระแวงไม่ได้ “ ข้างในยังมีพวกมันอยู่มั้ยครับ?”
และเมื่อหันไปมองสุดที่รักของเขานั้นก็เห็นว่าเธอเองก็กำลังสอดส่ายสายตาไปมาอย่างระวังไวเช่นกัน

“คะ….คิดว่าไม่แล้วนะ…แต่…ตอนนี้” บาทหลวงพูดพร้อมกับถลกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นถึงรอยกัดขนาดใหญ่สดๆ ทำเอาคนดูนั้นถึงกับหน้าถอดสี

“ระยะติดเชื้อมันจะประมาณ 40 – 30 นาที ระหว่างนี้พ่อช่วยผมกับแฟนทำอะไรซักอย่างได้มั้ยครับ?”

ชายชราขมวดคิ้วนิดๆแต่ก็ถอนหายใจแล้วพยักหน้ายิ้มๆ

ในความสงสัยของคนฟัง(แก้มแหม่ม)ชายหนุ่มก็พูดประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่า “ทำให้เราเป็นคู่แต่งงานคู่สุดท้ายที่ถูกต้องตามประเพณีด้วยเถอะครับ”

ชายชรายิ้มออกมาอย่างอารมร์ดีแล้วตอบสั้นๆว่า “งั้นก็เข้าไปในโบสถ์เลย”

พิธีการแต่งงานดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ตั้มใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีในการเลือกและสวมชุดสูท แต่แฟนสาวนั้นก็นานอยู่อักโข ระหว่างนั้นเองการเปลี่ยนแปลงที่เกิดก็เริ่มมีมากขึ้น
ดวงตาของ ‘ผู้เผยแพร่ศาสนา’ เริ่มเหม่อลอยเซื่องซึม แต่เมื่อเรียกทุกครั้งก็สามารถตอบได้ จนกระทั่ง แก้มแหม่มมาถึงนั่นเอง พิธีศักดิ์สิทธิ์จึงได้เริ่มต้นขึ้น



“พี่เต้เป็นยังไงบ้างคะ ? “ สาวน้อยยกถ้วยข้าวต้มที่เธอทำเองสุดฝีมือมาให้คนป่วยที่กำลังหยิบลูกบอล ‘ไนกี้ ที 90 สไตร์ค’ สีขาวออกมาหมุนปั่นอยู่บนนิ้วชี้อย่างใจจดใจจ่อแล้วตอบ

“ค่อยยังชั่วแล้วครับ” เขารับข้าวต้มพร้อมกล่าวขอบคุณเบาๆ “เพราะมีนิคช่วยดูแลไง”

หญิงสาวหน้าแดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุก มือไม้ปัดป่ายไปมาเป็นพัลวัลด้วยความเขิน

“บ้า! ยังไม่ได้ทำอะไรให้เลยนะคะ แค่เสริฟข้าวต้มเนี่ยนะ?”

เขาพยักหน้าแทนคำตอบ นิ้วชี้ดันขึ้นเล็กน้อยให้บอลลอยตัวขึ้นแล้วใช้เท้าข้างขวา ‘ดูด’ บอลลงกับพื้นอย่างนิ่มนวลแสดงถึงอาการ ‘เลิกสนใจ’ ในสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้วหันมาสูดกลิ่นข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นเบื้องหน้าเข้าเต็มปอดราวกับอ๊อกซิเจนบริสุทธิ์




“ทั้งสองคนยินยอมที่จะเป็นคู่สามี ภรรยาที่ดีต่อกันหรือไม่?” ชายชราเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจว่า ‘เวลา’ ใกล้จะหมดลงทุกทีแล้ว

“ครับ / ค่ะ” ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความปิติจนลืมเรื่องราวความโหดร้ายที่อยู่นอกอาคารศักดิ์สิทธิ์ ดวงตากลมของแฟนสาวนั้นประกอบด้วยน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้าเล็กน้อย
ส่วนของชายหนุ่มเองก็มีน้ำตาเล็กน้อยเช่นกัน เขาสูดลมหายใจอ่อนๆแล้วฉีกยิ้มอ่อนโยนที่เธอคุ้นเคย และจู่ๆเสียงเพลงที่ชายหนุ่มเคยร้องให้ฟังก็มาปรากฏในหัวของเธอ

“ไม่มีดอกไม้ ไม่มีนำมาให้เธอ
เพราะไม่มีดอกใดที่สวยพอ ไม่มีคำหวาน ที่มันมีความหมายพอ
เพราะมีเพียงแต่คำว่า จริงใจ”

“ถ้าอย่างนั้นล่ะก็….จูบได้” บาทหลวงพูดจบก็หันไปนั่งที่ม้านั่งข้างๆเพื่อรอรับชะตากรรมของตนเอง
ส่วนคู่รักทั้งสองนั้นก็ค่อยๆประกบปากเข้าหากันช้าๆ รสชาติจูบหวานแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของคู่แต่งงานใหม่ ลมหายใจอุ่นๆถ่ายทอดให้แก่กันและกัน
หญิงสาวหลับตาพริ้มสัมผัสที่เธอได้รับจากชายหนุ่มทำให้เธอรู้ว่าเขาต้องการจะสื่อถึงเธอว่า ‘พี่ขาดแก้มแหม่มไม่ได้’ จนกระทั่ง .....

“เอ่อ....พ่อขอขัดนิดนึงนะ” หลวงพ่อเอ่ยด้วยสีหน้าที่ดูแย่ยิ่งกว่าเก่า ผิวหนังเหี่ยวย่นเริ่มกลายเป็นสีเทาซีดๆราวกับผ้าขี้ริ้วเก่าๆ “ช่วยส่งพ่อไปหาพระองค์ทีได้มั้ย?”

คนถูกขอร้องนั้นชะงักไปชั่วครู่แต่ก็รู้อยู่เต็มอกว่า เวลามีไม่มากแล้วจึงชักปืนที่เหน็บเอวอยู่ขึ้นมาจ่อหน้าผากของชายชรา แต่ก่อนที่เขาจะได้เหนี่ยวไกก็มีเสียงประตูกระแทกออกอย่างรุนแรง
เสียงเจ้ากรรมนั่นทำให้แก้มแหม่มตกใจจนสะดุ้งเบาๆ สายตาทั้งสามคู่นั่นจับจ้องไปที่ประตูอย่างมิได้นัดหมาย มีร่างหนึ่งที่ยืนตระหง่านอยู่หน้าประตู มือทั้งสองนั้นถือถุงใบโตแต่เมื่อเขาเห็นภาพเบื้องหน้านั้นก็ถึงกับต้องสละทุกอย่างในมือทันทีพร้อมวิ่งเข้าหาชายชรา

“หลวงพ่อ ไม่ !!!!”


จบตอน


To Be Continue......

diippyjas
30th July 2011, 13:50
ตอนเก่าผมยังไม่รู้เลยไอตัวสูงๆโดนพี่ตั้มตื๊บตายยัง ฮ่ะๆ ของผมคงลงตอนใหม่ไม่ได้อีกหลานวัน แขนซ้ายเอ็นฉีก ล้มเท่ไปหน่อย ฮ่ะๆ

Stormwind
30th July 2011, 14:29
Chapter 13 New….


“คุณพ่อ....ไม่!” เขาวิ่งปราดเข้าหาชายชราที่สติเริ่มจะเลือนรางห่างไปทุกที แต่เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย สติสุดท้ายก็กลับเหมือนถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นมา

“นั่นลูกเหรอ?” บาทหลวงเฒ่าฝืนกายยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่คลอน้ำตาของชายหนุ่ม

“พะ....พ่อ พ่อถูกกัดเหรอครับ?” ตั้มได้ยินดังนั้นจึงเลิกแขนเสื้อของชายชราข้างที่ถูกกัดขึ้นมาเล็กน้อย เผยให้เห็ยถึงรอยเขี้ยวที่เริ่มลามลึกไปจนเห็นกระดูกแท่งขาวอย่างชัดเจน
พร้อมทั้งยื่นปืนในมือออกมาให้กับชายแปลกหน้า

“เวลาใกล้หมดแล้ว เลือกเอา ว่าจะยิง หรือจะให้ผมยิง?”


เป็นข้อเสนอที่สุดแสนจะเจ็บปวดสำหรับชายแปลกหน้าจนทำเอาเขาชะงักไปชั่วครู่แต่แล้วบาทหลวงก็แข็งใจพูดขึ้นมา

“อย่าช้าเลย ยิงพ่อเถอะ เร็วๆเข้า”

นั่นทำให้เขารีบกระชากปืนพกออกมาจากมือของตั้ม “พ่อครับ ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างครับ”

ทันทีที่นิ้วสอดเข้าสู่โกร่งไกแล้วเหนี่ยวนั้น กระสุนปืนขนาด.38ก็ได้ทำหน้าที่อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง มันพุ่งตีเกลียวเข้าคว้านเนื้อสมองจนกระจุย เสียงปืนที่แผดร้องขึ้นมานั้นได้ดังก้องไปทั่วศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์

จากนั้นไม่นานเมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ความเงียบสงบ ชายแปลกหน้าก็ทรุดกายลงนั่งข้างๆศพอย่างหมดแรง
แล้วก็เป็นตั้มที่เดินเข้าไปนั่งยองๆข้างเขาและตบบ่าเบาๆเพื่อเป็นการปลอบใจ

“จะไปอยู่กับผมมั้ยครับ?”

เขาถอนหายใจยาวก่อนจะเอนตัวลงนอนแผ่หลากับพื้นหินอ่อนอย่างหมดแรง

“ของผมได้ทำใจซักพักเถอะครับ”

แต่ไม่กี่นาทีให้หลังก็ปรากฏเสียงกรีดร้องของแฟนสาวขึ้นมาอีกและเมื่อหันไปมองทางเดียวกับเธอก็พบว่าประตูไม้ที่แกะสลักลวดลายวิจิตรที่กำลังถูกระดมทุบจนสั่นไหวไปทั้งบาน....นั่นเป็นสัญญาณบอกว่าพวกมันเริ่มไหวตัวกันแล้ว

“ไม่มีเวลาแล้วสินะ” ชายปริศนาลุกขึ้นยืนอย่างเต็มหยัดแล้วเดินตรงรี่ไปที่ซากศพของบาทหลวง เขาค้นเอาสร้อยไม้กางเขนออกมาห้อยคอไว้ก่อนจะเรียกและโยนปืนไปให้ตั้ม

“พาแฟนออกไปทางด้านหลัง ตรงไปจะมีประตูอยู่ ผมจะล่อมันไว้ ว่าแต่ รถจอดอยู่หน้าโบสถ์ใช่มั้ย?”

ตั้มพยักหน้าเบาๆแล้วฉุดมือแก้มแหม่มวิ่งไปตามทางที่มิตรใหม่ได้บอกไว้
ส่วนคนบอกทางนั้นก็ยืนมองประตูไม้บานใหญ่กำลังเอนหลังล้มตึงลงกับพื้นด้วยสายตาที่ไม่ยี่หระต่อเหล่าผีกระหายเลือดเบื้องหน้า.....แล้วตัดสินใจเดินเข้าหาพวกมันด้วยความคิดบางอย่าง
มือข้างซ้ายกุมสร้อยไม้กางเขนที่ห้อยคออย่างมั่นคงไม่หวั่นต่อสิ่งใดๆ

"ในวันที่ฟ้ามืดมิด โลกมลายกลายเป็นผงคลีดิน
เราจะอยู่ ในอ้อมกอดพระเจ้า รื่นรมย์ แสนสบาย...."

เขาร้องเพลงที่ บาทหลวงเฒ่าได้เคยสอนเขาร้องเสร็จก่อนจะพูดต่อว่า

"มาตายด้วยกันซะเถอะพวก***"

แต่ไม่ใช่ ! เขาสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆก่อนจะสปริงข้อเท้าพุ่งเข้าไปเบื้องหน้าสายตาจดจ้องไปที่ หูหิ้วของถุงทั้งสองใบที่วางอยู่กับพื้น เสบียงที่เขาหามาได้นั่นเอง!
สปีดต้นของเขาไม่เคยเป็นรองใคร อย่างน้อยก็ตอนนี้ (ซึ่งต่อไปเขาจะเห็นได้ชัดว่าเขากำลังคิดผิด) สองมือพุ่งเข้าคว้าหูหิ้วทั้งสองไว้อย่างแม่นยำแล้วเปลี่ยนเป้าหมายเป็นวิ่งกลับตัว
สายตาทั้งคู่เพ่งความสนใจมาที่ห้องเล็กๆห้องหนึ่งที่อยู่เบื้องหน้าเมื่อถึงห้องแล้วจึงปิดประตูลงกลอน และรีบทะยานเข้าหาตู้เสื้อผ้าสีน้ำตาลทันที
เสื้อผ้ารวมถึงชุดกีฬาหลายตัวถูกยัดลงกระเป๋าอย่างลวกๆแข่งกันกับเสียงทุบประตูถี่ยิบซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าพวกมันมาถึงหน้าประตูห้องเรียบร้อย

และไม่กี่อึดใจเขาก็เก็บของทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแต่ก่อนจะออกไปก็ไม่ลืมที่จะคว้าอัลบั้มรูปเล็กๆไปด้วย

“เฮ้อ.....ต้องไปจริงๆเหรอเนี่ย?” เขาถอนหายใจหนักๆแล้วเปิดหน้าต่างกระโดดลงไป เท้าทั้งสองสัมผัสกับพื้นหญ้าอันอ่อนนุ่มพอๆกับเวลาที่ประตูห้องพังลงมาพอดี

“ลาขาดล่ะเว้ยเฮ้ย” พูดจบเขาก็รีบวิ่งสปีดไปที่รถเก๋ง ‘เชพโรเล็ต ออปตร้า’ ที่มีชายหนุ่มผมสกรีนเฮดยืนหันรีหันขวางด้วยความกระวนกระวาย

“เร็วครับ!” ชายหนุ่มตะโกนเร่งพร้อมเปิดประตูหลังให้

ขณะที่ประตูรถเปิดออกเขาก็รีบกระโจนเข้าไปในรถด้วยความแรงจนรถโคลงเคลงไปมาทำให้สาวแว่นเริ่มออกอาการไม่พอใจ

หลังจากที่ผู้รอดชีวิตหน้าใหม่เข้าไปในรถแล้ว ตั้มก็รีบวิ่งเข้าไปในเก๋งที่ติดเครื่องรออยู่แล้วจากนั้นจึงเร่งเครื่องไปข้างหน้าโดยที่พวกมันวิ่งไล่กวดมาได้ซักระยะจึงหยุดแล้วหันกลับไปทางเก่า
เมื่อนั้นเองที่ทั้งสามถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาพร้อมๆกัน

“โดนกัดมั้ยครับ?” ชายผู้กำลังขับรถเอ่ยถามออกมาก่อนเพื่อเป็นการทำลายความเงียบ “ผมชื่อตั้มนะครับ”

น้องใหม่สำรวจร่างกายให้แน่ใจแล้วตอบ “ไม่โดนกัดครับ ผมชื่อเพลิง ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

ไม่กี่อึดใจสาวน้อยก็ถอนหายใจออกมาดังๆ แล้วควานหาแผ่นซีดี เมื่อเจอแผ่นจึงยัดเข้าไปในเครื่องเล่นไม่นานเพลงก็ส่งเสียงดังขึ้น เพียงแค่ท่อนอินโทรก็ทำเอาตั้มถึงกับหันมามองหน้าเจ้าตัว

“เธอบอก อิไตอิไต หน้าตาเธอเสียวถึงใจ” ฟังได้แค่นั้นตั้มก็รีบกดเอาแผ่นออกมาแล้วเอาเคาะหัวแฟนสาวเบาๆ

“ใช่เวลามาฟังเพลงนี้มั้ยเนี่ย?” โชเฟอร์เตือนแฟนสาวซึ่งเธอก็ตอบกลับมาเป็นเพลงว่า

“หรือพี่ไม่ชอบญี่ปุ่น? ก็แหม่มน่ะชอบญี่ปุ่น เด็กSouthsideทุกคนน่ะชอบญี่ปุ่น ชอบญี่ปุ่น”

“คนนั่งหน้านี่น้องสาวเหรอครับ?” เพลิงเอ่ยถามดูเหมือนคำถามจะช่วยชีวิตตั้มไว้ได้มากแล้วแก้มแหม่มเองก็มองผ่านกระจกหลังด้วยแววตายากจะคาดคะนึง

“แฟนย่ะ เนอะ” แก้มแหม่มพูดเสร็จก็หันไปกระทุ้งศอกใส่ตั้มเบาๆจนรถส่ายเล็กน้อย เมื่อตั้มหันมาสบตาก็เห็นหน้าง้ำๆของแฟนสาวจนต้องพยักหน้าแรงๆ

“แล้ว พักที่ไหนกันเหรอครับ?”

ไม่มีคำตอบ คนที่สมควรจะตอบได้ใส่แผ่นซีดีอีกแผ่นเข้าไปในเครื่องแทน ไม่นานนักเพลงคันทรีสบายหูก็ค่อยๆกล่อมจิตใจของเพลิงให้จมดิ่งลึกลงไป
“หวังว่า ‘พวกนั้น’ คงจะดีใจ” ตั้มบ่นจบก็ฮัมเพลง ‘แฮนดี้ แมน’ ต่อไป



ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ‘พวกนั้น’ ที่ตั้มพูดถึงก็กำลังง่วนอยู่กับการทำความสะอาดเล็กน้อยภายในบ้าน

“พี่เต้ เดี๋ยวกวาดบ้านเสร็จแล้วก็ไปปั่นจักรยานไฟฟ้าด้วยนะคะ” นิคบอกชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆพลางปัดกวาดหยากไย่ไป

“จ๊ะ” หนุ่มโมฮอคที่กำลังกวาดพื้นอยู่ก็รับคำและสูดกลิ่นอาหารในครัว “กับข้าวหอมจังเลย”

“ไม่หรอกน่า ก็ธรรมดาๆนะ”

“ไม่รู้ว่าคนทำจะหอมเหมือนกับข้าวหรือเปล่า?” เขาเย้าหญิงสาวจนเธอหน้าแดงทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ปัดหยากไย่แรงๆจนฝุ่นฟุ้งกระจายตัวออกเป็นวงกว้างก่อนจะพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก

“ไว้รอสองคนนั่นมาถึงเราค่อยกินข้าวพร้อมๆกันดีกว่าเนอะ”

“ทำไมล่ะ? ไม่กล้ากิน ‘ดินเนอร์’ กับพี่สองต่อสองเหรอครับ?”


นิคเลิกคิ้วขึ้นด้วยความขันกับการใช้ภาษาผิดๆของหนุ่มรุ่นพี่

“เค้าเรียก ‘เบรคฟาสต์’ ย่ะ”

หลังจากที่เต้ไปปั่นจักรยานไฟฟ้าซักพักก็มีเสียงบีบแตรดังขึ้นมาหน้าบ้านเขาจึงรีบจ้ำอ้าวไปเปิดประตูให้กับรถเชพโรเล็ตสีดำที่กำลังติดเครื่องอยู่เบาๆราวเด็กรับใช้ก็มิปาน

เมื่อรถเคลื่อนมาจอดเทียบที่โรงจอดรถแล้วหญิงสาวก็เดินลงมาจากรถเป็นคนแรก เธอจ้องหน้าจากนั้นก็ ‘สะบัดบ๊อบ’ เดินเข้าบ้านไปทันที จากนั้นไม่กี่อึดใจตั้มก็ลงจากรถแล้วเปิดประตูหลังออก
สิ่งแรกที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่เสบียงหรืออาหารแต่กลับเป็นชายร่างสมส่วนคนหนึ่งที่นั่งหัวพิงเบาะหลังเปลือกตาทั้งสองปิดสนิทหายใจลึกและยาวตามแบบฉบับของนักกีฬาที่ต้องใช้สมาธิสูง
แต่กระนั้นเขาก็ยังคงแปลกใจเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่แล้ว


“ตื่นได้แล้วครับ ตื่นได้แล้ว” ตั้มสะกิดเพลิงเบาๆซึ่งเจ้าตัวก็ตื่นขึ้นมาอย่างว่าง่าย คนแปลกหน้าเหลียวมองซ้าย – ขวา ก็ไปสะดุดตากับผู้รอดชีวิตอีกคน เขาเป็นชายผมโมฮอคซึ่งดูแปลกตาเพราะไม่ค่อยเข้ากันกับรูปหน้า ที่สำคัญคือเขาเองก็ไม่ค่อยเห็นใครตัดทรงแบบนี้มากในมหาลัย

“ผมชื่อเต้ครับ” ชายผมโมฮอคเริ่มบทสนทนาก่อนพร้อมกับยื่นมือมาหาและเขาเลยตอบกลับอย่างมีมารยาท

“ผมเพลิงครับ”

แต่ก่อนที่จะได้คุยอะไรยืดยาวจนเสียเวลานั้นตั้มก็ได้พูดขัดขึ้นมาก่อน

“ไปช่วยกันยกของเถอะ เดี๋ยวแก้มแหม่มจะบ่นเอาอีกนะ” คำพูดของชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำทำให้ทั้งสองคนต้องโพล่งออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“ตายหมู่แน่ !!!”

จากนั้นทั้งสามได้ช่วยกันขนถุงเสบียงที่เพลิงเอาติดมือมาจากโบสถ์ออกจากรถ แล้วจำแนกประเภทเสบียงก่อน

“ส่วนมากจะเป็นอาหารกระป๋อง กับพวกมาม่าน่ะครับ” เพลิงหยิบถุงใบหนึ่งออกมาดูจากนั้นจึงยื่นให้เจ้าของบ้านยกไปไว้ที่ห้องห้องหนึ่ง
เมื่อแยกประเภทเสร็จหมดแล้วก็มีเสียงของแก้มแหม่มดังขึ้นมาจากในครัว

“พี่เต้, แก่ ,เพลิง มากินข้าวก่อน แหม่มปรุงต่อจากนิคสุดฝีมือเลย”
ชายมาใหม่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่า ‘นิค’

“มีผู้รอดชีวิตอีกเหรอครับ?” เขาเอ่ยถามเจ้าของบ้านซึ่งเขาก็พยักหน้าขึ้นลงเบาๆเป็นคำตอบ สายตาของคนฟังอีกคนเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบหนึ่ง ในขณะที่เพลิงเผลอเต้ก็ลากคอผู้มาใหม่มากระซิบ

“คนนั้นแฟนผม ขอร้องว่าอย่ายุ่ง ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือนนะครับ”
ร่างปราดเปรียวที่ฟังอยู่นั้นพยักหน้าขึ้น ลง อย่างว่าง่ายพร้อมทั้งยังส่ายหน้าเบาๆ “ผมไม่สนใจหรอก”พลางตบบ่าคู่สนทนาแล้วเดินไปหาแก้มแหม่มที่กำลังทำหน้างออยู่ตรงหน้า

หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว ทุกคนยังคงไม่ลุกไปไหนเพราะยังซักไซ้ถามข้อมูลส่วนตัว ที่มา-ที่ไปของชายแปลกหน้าและผลัดกันเล่าเรื่องราวการเอาชีวิตของตนเองอย่างออกรส แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวของเพลิงและตั้มจะดูดุเด็ดเผ็ดมันกว่าคนอื่นๆ และเป็นนิคที่ถามเรื่องราวของเพลิงมากกว่าใครเพื่อนจน ‘คนมาก่อน’ เริ่มจะฉุนกึกจนต้องลุกออกจากวงสนทนาด้วยท่าทางที่แสดงให้เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจทำให้ตั้มที่นั่งข้างๆต้องลุกตามไป

“อะไรกันวะ !” คนโมโหสบถออกมาแล้วง้างเท้าเข้าใส่ประตูตรงหน้า และตั้มก็กำลังจะห้ามแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว

ประตูที่ถูกถีบก็เปิดออกอย่างง่ายดาย ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกก็มีกลิ่นเหม็นอับโชยออกมาจากห้องพร้อมทั้งมีลมพัดกระทบเต้เบาๆ แต่สิ่งที่มาพร้อมกับลมนั้นทำให้เขาแทบจะหมดแรงเพราะราวกับว่ามีความลี้ลับและความน่าเกรงขามคล้ายกับมีคนเดินไปมารอบๆตัวของชายผู้ไม่รู้ ‘ขนบ’ ธรรมเนียมของแต่ละภาค

ตั้มเห็นดังนั้นจึงรีบเดินเข้ามาข้างๆเต้แล้วพูดสั้นๆ “นี่เป็นห้องพระ” สายตาของคนฟังยังจับจ้องอยู่ที่ภาพภายในห้องจนคนพูดต้องพูดอีกเพื่อเตื่อนสติ

“เอาไว้เก็บเถ้ากระดูกบรรพบุรุษตามความเชื่อของชาวเหนือ ว่าแต่ กล้าดียังไงมาถีบประตูห้องเนี่ย?”

เขาได้ยินดังนั้นใจก็หายวูบ.....เขาคิดผิดจริงๆ !

“กะ....ก็ผมไม่รู้” เต้รีบเดินออกมาทันที ความน่ากลัวของห้องทำให้เขาลืมความโกรธไปเสียหมดสิ้น แต่กลับรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวอย่างอธิบายไม่ถูกมาแทนที่ ทิ้งไว้ให้ตั้มที่ยืนมองนั้นต้องเดินมาปิดประตูให้แต่ก่อนที่จะปิดประตูนั้นสายตาของเขาพลันเหลือบไปเห็นของบางอย่างที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นมันอีก และภาพความเป็นมาของสิ่งของสองชิ้นนั้นก็แล่นเข้ามาในหัวของเขาราวกับสายฟ้าแล่บ

จบตอน

Chapter 14 real

ตะวันดวงใหญ่สาดเปลวแดดร้อนระอุลงสู่พื้นพิภพโลก ความร้อนที่มีต่อผิวหนังนั้นหาได้รุ่มร้อนเท่ากับความร้อนในจิตใจของเหล่าชายฉกรรจ์ไม่ พวกเขายืนจังก้าขวางทางอยู่ตรงหน้าช่องผาขนาดเล็ก
มือคู่แกร่งบีบดาบสั้น-ยาวแน่นเกร็งจนเอ็นเขียวโปนขึ้นมา เหงื่อในอุ้งมือเย็นยะเยียบ ชายผมสีดอกเลาตัดสั้นเกรียนติดหนังหัวจ้องมองสายตาไปยังกลุ่มฝุ่นที่ลอยฟุ้งอยู่ในระยะไกลๆ

ฉับพลันที่เห็นธงรูปหงส์ขี่กันก็ทำให้เหงื่อเย็นเยียบลงดับอากาศร้อนในทันที เพราะนั่นเป็นสัญลักษณ์ของแม่ทัพที่ขึ้นชื่อลือชาของทางพม่า.....หาญฟ้าฟื้น!!!!

“เอาไงต่อดีขอรับ ท่านหนาน” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางลนลานได้เอ่ยถามขึ้น

“เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่ต้องกลัว สู้กับมัน แล้วล่อให้มันเข้ามาในช่องผา ให้พลธนูจัดการต่อ หน่วยหน้า ลุย!!!!”

สิ้นเสียงของชายชราผู้เป็นแม่ทัพนั้นเขาก็จับด้ามดาบยาวที่ทำจากไม้พญางิ้วดำขึ้นชักแกว่งไกวส่องสีแดงราวกับเปลวเพลิงขึ้น ใช้ปลายดาบชี้ไปข้างหน้าพร้อมกับวิ่งทะยานนำหน้าเหล่าทหารไปด้วย

“ย๊าก !!!”

คมดาบสีแดงสดที่อาบเลือดของศัตรูได้ฟันลงไปยังเป้าหมายด้วยความรุนแรง และรวดเร็ว ส่งผลให้เลือดสาดกระเซ็นพุ่งอาบใบหน้าของชายชราผมสีดอกเลา
ดวงหน้าของเขาเปื้อนคราบโลหิตของพม่าทำให้ดูน่ากลัวยิ่งนัก ชายที่ชาวบ้านต่างเรียกขานกันว่า ‘หนานข้อมือเหล็ก’ เสียบดาบยาวในมือซ้ายที่ทำจากเหล็กน้ำพี้สีแดง
บีบด้ามดาบสีดำเมี่ยมที่ทำจากไม้ ‘พญางิ้วดำ’ ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องอยู่ยง คงกระพัน ทำลายเสนียดจัญไรต่างๆ เข้าฝักสีดำที่ทำจากไม้เนื้อเดียวกัน จากนั้นตะโกนก้อนไปในความโกลาหล

“ถอย !!! ถอยไปที่ช่องแคบ !!!”

สิ้นเสียงของหนานข้อมือเหล็กเหล่าทหารกล้าก็เริ่มล่าถอยเข้าไปในช่องแคบตามแผนที่ได้วางไว้

“กัปตัน กัปตันครับ!” เสียงเรียกของเต้ช่วยปลุกเขาให้ตื่นจากมโนภาพ ดวงตาเหม่อลอยนั้นเริ่มกระพริบถี่แต่ยังคงจ้องที่ดาบฝักสีดำยาว และฝักสีแดงสั้น ที่วางคู่กันอยู่
จะเป็นไปได้หรือ ที่ดาบตรงหน้าของเขากับดาบในมือของชายชรานั้นจะเป็นเล่มเดียวกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เท่ากับว่าเขาก็สืบสายเลือดจากนักรบผู้พิทักษ์จริงๆหรือ?

“อ่ะ...อืม” ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วปิดประตู พยายามข่มความรู้สึกสงสัยในใจเอาไว้ ก่อนจะมองเต้แล้วพูดต่อ

“ออกไปสงบสติอารมณ์ข้างนอกก่อนเถอะ ป่ะ” ตั้มขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพาเต้ออกมาอยู่นอกบ้าน ให้ได้สูดอากาศเย็นๆ อาจจะทำให้คนโกรธอารมณ์เย็นลงมาบ้าง ซึ่งเต้ก็ออกมาอย่างว่าง่าย

“มีอะไรรึเปล่า ทำไมถึงไม่พอใจขนาดนั้น?” หัวหน้าทีมนั่งลงที่ไม้หินอ่อนหน้าบ้าน มือทั้งสองข้างประสานกันศอกเท้าโต๊ะไว้ แล้วนั่งเท้าคาง สายตามองตรงมาที่เต้ที่โกรธจนแทบจะเป็น เดอะ ฮัค อยู่แล้ว

“ผม....ผม....” เขาหยุดพูดก่อนจะนิ่งมองคู่สนทนาแล้วพูดช้าๆ “ผมไม่ค่อยชอบไอ่คนมาใหม่นี่เลยครับ”

ยิ่งคิดถึงท่าทีที่สนิทสนมระหว่างชายคนนั้นกับนิคแล้วก็อดที่จะตาร้อนผ่าวขึ้นมาเสียไม่ได้ นี่ล่ะมั้ง ที่เขาเรียกว่า ‘อิจฉา’

แต่คนฟังกลับโพล่งหัวเราะออกมาดื้อๆ ทำเอาคนพูดถึงกับทำหน้ายู่ด้วยความสงสัย คนกำลังเครียด จะหัวเราะทำไมกันฟะ !

แต่ราวกับว่าตั้มจะอ่านใจของลูกทีมออก จึงพูดออกมาง่ายๆ ว่า “ อย่าไปคิดมากดิ ของแบบนี้ ใครดีใครได้ อีกอย่างนะ เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกับน้องเขาด้วย อย่าลืมข้อนี้ไปซะล่ะ”




1 วันหลังจากที่เชื้อมรณะเริ่มแพร่ระบาด (คืนแรกในนิยาย)

“ทำไมต้องเป็นผมด้วยวะ !” ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสียก่อนจะก้มหน้าลงขัดปืนโลหะสีดำต่อไป “คนอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมต้องผมวะเนี่ย?”

“ตอนนี้ทางการต้องการจะปฏิบัติการ ‘ล้อมปราบ’ คือเราคิดว่าคงควบคุมโรคไม่ได้แล้ว เลยจะฆ่าทิ้งให้หมด โดยจะประสานกับหน่วย อินทรี หมาป่า พิราบ จิ้งจอก พยัคฆ์ แล้วก็หน่วยดอกบัว ที่เป็นหน่วยสื่อสาร หน่วยดอกบัวจะคอยประสานงานทุกอย่างให้” ชายในเครื่องแบบที่ยืนตรงข้ามกับคนนั่งขัดปืนพูด

“ฆ่าทิ้งหมด?” เขาทวนคำพูด แล้วดวงตาสีเหล็กเริ่มฉายแววโรจน์ แต่แล้วก็ดับวูบลงไปราวกับดาวตกเมื่อมีกระแสความคิดอีกอย่างหนึ่งพุ่งเข้ามาในหัว “แล้วไม่คิดว่าจะมีผู้รอดชีวิตเหรอ?”

ชายวัยกลางคนเม้มปากแน่น ดวงตาเริ่มปรากฏแววครุ่นคิดเช่นกัน “เราคงจะเสี่ยงไม่ได้ ตอนนี้มีจำนวน ‘พวกนั้น’ มากกว่าคนที่ยังมีชีวิตรอด ทำให้ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจ ความเด็ดขาด คือความเด็ดขาด ! นี่คือสิ่งที่พ่อของเขาสอนเอาไว้เสมอๆ ก่อนจะประกอบปืน เอ็ม – สี่ คาร์ไบน์ติดกล้องกระบอกคู่ใจที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันหลายต่อหลายครั้งด้วยความรวดเร็วราวกับผู้เชี่ยวชาญ....ซึ่งเขาก็คือผู้เชี่ยวชาญตัวจริง

“เอ้า ไปกัน ลุยก็ลุย” พูดจบเขาก็หยิบวิทยุสื่อสารออกมา “อินทรีรายงานตัว เราจะไปรวมตัวกันที่จุดนัดพบภายใน 5 นาที ย้ำ.ภายใน 5 นาที”
ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งออกมาจากทางด้านหลังของเขา....บรรดาลูกน้องคู่ใจของเขานั่นเอง จากเท่าที่เขาดูแล้ว ทุกๆคนเตรียมอาวุธของตนเองไว้พร้อมสรรพราวกับจะรู้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นมานานแล้ว
“ไม่มีเวลามารายงานตัว ทุกคนครบใช่มั้ย?” ชายหนุ่มตะโกนสั่งเสียงห้าวซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชาต่างพร้อมใจกันตบเท้าเสียงหนักแน่นแล้วยกมือทำวันทยาหัตถ์ ก่อนพูดเป็นเสียงเดียว “ครบครับ!”
เขายิ้มออกมาเล็กน้อย “ดี รีบไปขึ้นรถฮัมวี่เลย เราจะออกเดินทางกันแล้ว” เขาพูดพลางชี้นิ้วไปที่รถฮัมวี่ขนาดเขื่องๆสามคันที่ติดเครื่องรออยู่แล้ว

ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงจุดรวมพล เป็นสนามกว้างๆ มีเต้นท์ใหญ่เป็นเสมือนกระโจม วอร์รูมตั้งเป็นสง่า รอบข้างมีทหารคอยรักษาการณ์อยู่ รวมถึงมีอาวุธและเครื่องกระสุนวางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะขนาดใหญ่สามถึงสี่ตัว เขาคาดคะเนว่าคงจะถูกเตรียมไว้เป็นอาวุธสำรอง แต่ไม่มีเวลามากจึงรีบตรงดิ่งไปยังกระโจมเพื่อรายงานตัว

ทันทีที่แหวกม่านเข้าไปข้างในก็พบว่าหัวหน้าของทุกหน่วยนั้นจ้องอยู่ที่แผนที่เมืองขนาดใหญ่

“เราทำลายสะพานทุกแห่งแล้ว เหลือเพียงแค่จุดนี้ ที่เป็นจุดรวมพลของเราเท่านั้น” ชายวัยกลางคน ผมสีเทาแซมแต่ทว่าท่าทางยังดูกระฉับกระเฉงได้เริ่มอธิบาย นิ้วชี้ไปยังจุดวางกำลังพลทั้ง 4 จุด.....แต่หน่วยทั้งหมดมี 5 หน่วยไม่ใช่หรือ?

เขาทำท่าจะถาม แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะคนพูดนั้นชิงลงมือพูดต่อด้วยเนื้อหาสำคัญ

"เราจะนั่งรถเข้าไป โดยที่รถจะปล่อยลงห่างกัน 500 เมตร เวลาเริ่มปฏิบัติการคือ หนึ่งห้าหนึ่งศูนย์....มีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง แต่ถ้าหน่วยไหนเห็น 'พวกมัน' ก่อนสามารถลงมือยิงได้ไม่ต้องรอคำสั่ง"
ก่อนที่ชายหนุ่มจะถาม ก็มีเสียงที่คุ้นเคยแทรกเข้ามา

"ขออนุญาติถามครับ สถานการณ์ภายนอกตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ?" เป็นเสียงของหัวหน้าหน่วย 'หมาป่า' เพื่อนซี้ปึ๊กของเขานั่นเอง นับว่าถามได้ตรงใจคนฟังเป็นอย่างมาก

ใบหน้าของชายวัยใกล้เกษียณหมองคล้ำลง แววตาดูราวกับซ่อนความท้อแท้ของเขาไว้ไม่ไหว "แย่พอกัน แต่เราก็ต้องทำในส่วนของเราให้เต็มที่"

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกจนเขาทนไม่ไหวจึงพูดออกมาด้วยเสียงจริงจัง "ขอนัดหมายที่แน่นอนอีกทีเถอะครับ เพราะนี่คือความเป็นความตายของประเทศ"

และกำหนดการครั้งสุดท้ายก็ได้เริ่มต้นขึ้น.........หรืออาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็เป็นได้ !


“ออกไปหาของที่มีประโยชน์จากแถวๆนี้มั้ยล่ะ?” ตั้มเอ่ยชวนลูกทีมที่กำลังกระดกน้ำเย็นเข้าปากดังอักๆ เขาดื่มหมดไปสองขวดอย่างรวดเร็ว เมื่อกัปตันทีมเอ่ยชวน เขาก็ปรากฏความคิดดีๆบางอย่างจึงพยักหน้าแล้วลุกไปคว้าไม้หน้าสามติดตะปูที่วางพิงเสาอยู่

และนั่นก็คือคำตอบที่ดีเลิศ อดีตกัปตันทีมจึงฉวยย่ามสารพัดประโยชน์หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินออกไปจากบ้านโดยที่มีสายตาคู่หนึ่งยืนจ้องมองมาจากข้างบนผ่านแว่นเลนส์ใสวับ

“สนุกล่ะสิ.....”


“เอาล่ะ ไปๆๆๆๆๆ” ชายหนุ่มตะโกนโหวกเหวกสั่งลูกน้องที่กำลังกระโดดลงมาจากรถอย่างเร่งรีบ บรรยากาศเบื้องบนดู ขะมุกขะมัวไม่น่าไว้ใจทั้งๆที่เวลากำลังจะบ่ายสองกว่าๆแท้ๆ แต่กระนั้น เขาก็ต้องไปตามคำสั่ง สายตาคู่คมกวาดไปรอบๆกาย พลางเหลาประสาทสัมผัสให้แหลมคมที่สุด มือแกร่งราวคีมเหล็กบีบปืน เอ็ม –สี่ คาร์ไบน์ คู่ใจไว้แน่น เพราะนั่นคือสิ่งเดียวที่ทำให้เขาอุ่นใจ
จากแผ่นดินที่เขาเคยเดินได้อย่างสบายใจ ตอนนี้กลับไม่ใช่แบบนั้นเสียแล้ว !

“จัดแถวๆ สี่คนแยกเป็นปีกซ้าย – ขวา ระวังทิศ 3 และ 9 นาฬิกาอย่างเดียว สามคนรวมผม จะเป็นแถวหน้า สี่คนที่เหลือยืนซ้อนสนับสนุน”

ไม่กี่อึดใจแถวที่สั่งก็เสร็จเรียบร้อย ต่างจากพวก รด. เกรียนๆเยอะ! ชายหนุ่มยืนยิ้มบางๆแล้วยกวอขึ้นมากด

“อินทรีเรียกดอกบัว อินทรีเรียกดอกบัว เปลี่ยน.”

“ดอกบัวรายงานตัว.”

“ขอเวลาเริ่มภารกิจ เปลี่ยน.”

“หนึ่งห้าหนึ่งศูนย์ อีกสิบนาที เปลี่ยน.”

จากนั้นเขาก็หยิบวอสีแดงอีกอันขึ้นมาแล้วพูดใส่

“หมาป่า...เชิด...ไอ่เชี่ยเชิด!”

ไม่นานนักก็สีเสียงเข้มๆของปลายสายตอบกลับมา

“เออ ว่า?”

“กลุ่ม***พร้อมรึยัง?”

“ขอเวลาจัดเตรียมแป๊บ แค่นี้นะ เลิกกัน.”

หลังสิ้นการสนทนา เขาก็ล้วงกระเป๋าสตางค์หนังแท้สีดำออกมา แล้วดึงรูปถ่ายของสาวน้อยคนหนึ่งขึ้นมา พร้อมส่งยิ้มบางๆให้กับคนในรูป

“จะเป็นไงบ้างนะ อยู่โน่นจะปลอดภัยกว่าที่นี่รึเปล่า?”

ช่วงเวลาดูราวกับเล่นตลก เขามีความสุขได้ไม่นานก็มีเสียงปืนดังแว่วมาจากที่ไกลๆ.....นั่นคือสัญญาณที่บอกว่า การ ‘สังหารหมู่’ ได้เริ่มขึ้นแล้ว

ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกก่อนจะตะโกนสั่งลูกน้องที่ยืนสอดส่ายสายตาระแวดระวังอยู่แล้ว

“อย่าคิดว่าพวกเขาคือสิ่งมีชีวิต อย่าคิดว่าพวกมันเป็นคน ให้คิดว่า ไอ่ตัวระยำนี่มันทำให้เราต้องเป็นแบบนี้ ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆอย่างนี้ ฆ่า ! ให้หมด ให้ยิงเข้าที่หัว 1 นัด ต่อ 1 ตัว
อย่าให้เสียชื่อ ‘อินทรี’ ของเรา อย่าหวั่นไหว ขอย้ำว่า อย่าหวั่นไหว เอาล่ะ ทั้งหมด หน้าเดิน !”

บนทางเดินที่เหล่าทหารหาญเดินไปนั้นระเกะระกะด้วยกระดาษ ,ใบปลิวเรื่องผู้ช่วยให้รอด ต่างๆนาๆ รวมถึงถังขยะที่ถูกชนล้มลงจนขยะข้างในกระเด็นออกมาส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปกับกลิ่นคาวเลือดและเศษอวัยวะต่างๆ มันสมองปลิดปลิวออกมาจากกะโหลก ของร่างปริศนาที่นอนฟุบอยู่กับพื้นถนน กองปลอกกระสุนสีทองซึ่งดูร่องรอยแล้วไม่น่าจะเกินเมื่อคืน ควันไฟพวยพุ่ง ส่งกลิ่นเหม็นของเนื้อออกมาจากร่างอ้วนที่หัวทะลุกระจกรถยืนนิ่งสนิท

“ผมรู้แล้วครับ ว่ากลิ่นของเนื้อคนเป็นยังไง?” ทหารนายหนึ่งพูดออกมาทั้งๆที่รู้ว่าในเวลานี้ไม่ควรจะเปิดปากพูดอะไรแต่กระนั้นเขาก็อดที่จะพูดไม่ได้ แต่ยังคงไม่มีเสียงตอบสนองจากเหล่าเพื่อนร่วมรบ
เมื่อไม่มีเสียงตอบอีกเขาจึงใช้พานท้ายปืนสะกิดร่างติดไฟอย่างแรงให้ล้มลง ซึ่งการกระทำทุกอย่างของเขาล้วนอยู่ในสายตาของทุกคน แต่จะห้ามก็สายเกินการณ์

“อย่า !!”

ทันทีที่ถูกสัมผัส ร่างที่ชายใต้บังคับบัญชาคิดว่าตายไปแล้วนั้นกลับกระชากหัวออกมาจากกระจกพร้อมทั้งระเบิดเสียงร้องชวนขวัญ

“ก้ม !!!” เสียงสมาชิกคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเสียงปืน 4-5 นัดระดมยิงเข้าที่หัวของร่างติดไฟนั้นจนส่วนหัวกระจายแหลกเละไม่เหลือ ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่นานก็ถูกมือหนักๆหวดเข้าที่หัวอย่างจัง

“อย่าเล่น*****ๆอย่างนี้อีกนะเว้ย” เป็นเสียงของหัวหน้าทีมจอมเด็ดขาดนั่นเองแต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรนั้นก็มีเสียงเคร่งเครียดที่คุ้นหูดังขึ้นมาเสียก่อน

“เราพลาดแล้วล่ะ” ทหารสวมแว่นสายตาที่ชื่อ ก๊อต ก็เอ่ยขึ้นพร้อมกวาดสายตาไปรอบๆชวนให้ทุกคนทำตาม

และทุกคนก็ถึงกับผงะเมื่อเห็นภาพตรงหน้าที่พวกมันคอยแอบซุ่มซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆรอบๆตัวของพวกเขา เดิมภารกิจของหน่วยอินทรีก็มาเพื่อฆ่าล้างบางพวกมันอยู่แล้ว....ไม่มีอะไรที่จะต้องไปกลัวพวกสิ่งมีชีวิตไร้สมองพวกนี้!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หัวหน้าหนุ่มก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วตะโกน

“ฟังคำสั่ง.....”

ทุกๆสรรพสิ่งนิ่งสงัดราวกับต้องการจะฟังเสียงของผู้นำคนนี้ด้วย แม้กระทั่งเหล่าผู้ติดเชื้อก็ยังยืนนิ่งไม่ไหวติงไปด้วย

และเวลานั้นก็มาถึง......

“ยิงได้ !!!! ฆ่าไอ่พวกระยำ****ให้หมดเลย !!!”

ทันใดนั้น นิ้วของทุกคนก็เลื่อนไปปลดเซฟแล้วสาดกระสุนใส่เหล่าซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาทันที


ทั้งสองหนุ่มกลับมาเดินสำรวจบ้านของนิคอย่างละเอียด แต่ก็ไม่สามารถใช้ได้เลย....ไม่มีแม้กระทั่งน้ำดื่มซักขวด

พวกเขาจึงเปลี่ยนการค้นหามาเป็นบ้านของนายตำรวจที่ย้ายออกไปก่อนหน้านี้ ไม่นานก็พบกับกลิ่นปริศนาที่เขาไม่คาดคิดถึง นั่นคือ.....ศพของหญิงวัยกลางคน ผมมีสีเทาแซมประปรายนอนทับคราบเลือดแห้งกรังส่งกลิ่นเหม็น ศีรษะของเธอด้านหนึ่งระเบิดอออกขนาดเท่าลูกมะนาวย่อมๆในมือของเธอถือปืน Glock ไว้

ตั้มเดินย่างเข่าไปเก็บปืนจากมือของผู้ตายอย่างไม่อาทรนักเมื่อได้ปืนแล้วชายหนุ่มจึงตรวจเช็คกระสุนในคลิป

“กระสุนเกือบเต็ม และอีก 1 นัดในรังเพลิง” พูดจบก็เอาใส่ในย่ามไว้เพราะปืนชนิดนี้ไม่มีเซฟไกแล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณให้เต้เริ่มค้นหา

บ้านหลังนี้แทบจะหาสิ่งของที่จะใช้ได้ไม่ได้เลย และการค้นหาก็สิ้นสุดลงพร้อมกับแสงตะวันที่เริ่มจะริบหรี่ลงไป เมื่อเขากำลังจะออกจากบ้านจึงตะโกนบอกเต้ที่ยังคงหาของในบ้านไป

“ออกมาได้แล้ว ค่ำแล้วนะ”
และเพื่อนร่วมทีมก็ได้เอ่ยกลับมาอย่างเอื่อยเฉื่อย “ครับๆ ขอดูหนังสือบอลแป๊บนึง”

ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆปนยิ้มน้อยๆ แต่พอกำลังเดินออกจากประตูบ้านก็มีเงาสายหนึ่งพุ่งโถมเข้าหาด้วยความเร็ว ตั้มยกมือขึ้นคว้าไว้ตามสัญชาตญาณตอบสนองแต่แรงกระแทกของมันก็ส่งผลให้เขาล้มลง และเมื่อเพ่งมองดีๆก็ทำให้เขาถึงกับเบิกตามองกว้างอย่างประหลาดใจ !!!

เพราะสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้านั้นคือสุนัขพันธ์ อเมริกัน พิตบูล ตัวขนาดน้องๆโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ที่โตเต็มวัย ดวงตาแดงก่ำ*****มเกรียมจ้องมองประจันหน้ากับเขาอย่างจ้องอาฆาต ด้วยแรงและน้ำหนักบวกกับความอยากของมันนั้นได้ทำให้ตั้มตกอยู่ในที่นั่งลำบากเสียแล้ว.......



เสียงปืนกัมปนาทขึ้นพร้อมๆกับเสียงขู่ร้องโหยหวนของเหล่าผู้ติดเชื้อที่ต่างทยอยดาหน้าเข้ามาหา กระสุนทุกนัดปลิวเข้าเจาะกะโหลกอย่างแม่นยำ แรงปะทะที่ตอกเข้าที่หน้าผากนั้นราวกับมีมือมหายักษ์ตบเข้าใส่ ทำเอามันหงายหลังผึงลงไปกองกับพื้น....และไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย !

ปังๆๆๆ !!! เสียงปืนยังคงดังซัลโวถี่ยิบอย่างหูดับตับไหม้ทั่วทุกสารทิศ ผ่านไปไม่นานปลอกกระสุน และแม็กกาซีนเปล่าก็ตกกลาดเกลื่อนทั่วพื้นถนน แต่ไม่มีทีท่าว่าพวกมันจะลดจำนวนลงแม้แต่น้อย และไม่กี่อึดใจเหล่า ‘อินทรี’ ได้ยินเสียงระเบิดจากที่ไกลๆ

“จะเล่นของหนักกันแล้วเหรอ?” หัวหน้าทีมพูดในใจพลางหยิบระเบิดลูกเกลี้ยงออกมา กระชากสลัก แล้วตะโกนสุดเสียง

“ระวังระเบิด !!!”

สมาชิกทั้ง 10 คนที่ได้ยินต่างรีบทิ้งตัวลงหมอบกับพื้นแล้วชายหนุ่มจึงขว้างระเบิดออกไปเต็มแรง ทันทีที่ระเบิดลอยโด่งไป สายตาของพวกมันต่างจดจ้องอยู่ที่วัตถุก้อนกลมที่ลอยเด่น จากนั้นมันก็วิ่งตามไปด้วยความสงสัย แต่หารู้ไม่ ว่าระเบิดลูกนี้จะพาพวกมันไปหาคำตอบที่ปรโลก

ตูม !

เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับเศษเนื้อของเหล่าผู้ติดเชื้อ และทันใดนั้นหน่อยอินทรีต่างรีบลุกขึ้นมาแล้วระดมสาดกระสุนใส่ จากแม็กกาซีนที่มีอยู่เต็มกระเป๋า ก็ร่อยหรอเหลือเพียงสามถึงสี่แม็กเท่านั้น แต่พวกเขายังคงระดมยิงต่อไปท่ามกลางกองซากศพที่พอกพูนจนเป็นพะเนิน

"เฮ้ยๆๆๆ บุกเข้าไป ยิงมันเข้าไป ฆ่าไอ่พวก****ให้หมด" เสียงห้าวของหัวหน้าแผดร้องขึ้นท่ามกลางเสียงปืนและเสียงครวญ ครางของผู้ติดเชื้อที่เริ่มดังขึ้นมาแทนที่เสียงปืน

ทันทีที่เขาตะโกนสั่งเสร็จก็ยกปืนกลเบาของเขาขึ้นมาประทับบ่าก่อนจะระเบิด กระสุนกราดออกไปใส่เป้าหมายหลายๆตัว เสียงกระสุนดังขึ้นชัดเจนในมโนความคิด

เลือดสีคล้ำพุ่งออกมาจากหน้าผาก ขมับ ทะลุออกหลังหัวของผู้ติดเชื้อที่ถูกคมกระสุนเจาะกะโหลก แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะยังคงมากันเรื่อยๆไม่หมดสิ้นราวกับสวนสัตว์กรงแตก

เขาถอนหายใจก่อนจะหยิบวิทยุขึ้นมาจ่อปากแล้วกดปุ่ม


"วอ1 อินทรีย์เรียกหมาป่า อินทรีย์เรียกหมาป่า"

ไม่กี่อึดใจก็มีเสียงตอบกลับมาจากวิทยุสื่อสารเครื่องจิ๋ว ทำเอาเขาเกิดรอยยิ้มที่เรียกได้ว่ายินดีที่สุดในชีวิต อย่างน้อยก็ตอนนี้!

"หมาป่าตอบ เปลี่ยน."

"ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง"

เสียงของวิทยุคู่สนทนาเงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา "ยุ่งยากพอตัว จะถอยหรือจะแทรกซึมเข้าไป?"

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางคิด....แทรกซึมเหรอ? จะพากันไปตายเสียเปล่าน่ะสิ

ไม่มีเวลามากพอให้ตอบ เพราะว่าฝูงซอมบี้เริ่มดาหน้ามาจากทั่วทุกทิศทางและเหล่านักรบก็เริ่มจะเดิน ถอยหลังช้าๆแล้ว เหงื่อกาฬเม็ดโป้งผุดขึ้นมาจากหน้าผากก่อนจะกรอกเสียงใส่วิทยุอีกครั้ง

"ถอยก่อน ถอยมารวมกันที่จุดนัดพบก่อน"

ไม่นานเสียงของ 'หมาป่า' ก็ตอบกลับมา

"รับทราบ แต่สภาพเราไม่ได้ดูดีนัก" เสียงของปลายสายแผ่วเบาลงจนเขาแทบจะกดวิทยุให้แนบติดกับหู ก่อนจะพูดต่อ "รีบมาให้เร็วที่สุด จะให้หน่วยพิราบเคลียร์ทางถอยให้ เลิกกัน"

สิ้นเสียงวิทยุ ชายหนุ่มก็เหน็บมันไว้ที่กระเป๋าเสื้อลายพรางสีใบไม้เข้มของเขา สายตามองไปที่ดาวสามดวงบนบ่าด้วยความหนักใจสลับกับมองเหล่านักรบใต้บังคับ บัญชา

"ถอย !!! ถอยไปที่จุดนัดพบก่อน เร็วเข้า 2คน ขอ2คน สกัดมันไว้"

ทันทีที่ได้ยินเสียงสั่งของหัวหน้า บรรดาลูกน้องใต้บังคับบัญชาก็เริ่มลดปืน ถอยหลังช้าๆ โดยมีทหารอีกสองนายยังคงยิงพลาง ถอยพลาง

ซากศพเบื้องหน้าเริ่มกองสุมกันสูงขึ้นทำให้พวกมันเริ่มเดินเข้ามาช้าลง เรื่อยๆ เขาจึงกระชับปืนในมือ ประทับบ่าอีกครั้งแล้วค่อยๆเล็งอย่างประณีต กระสุน 3แม๊กกาซีนสุดท้ายนี้ต้องคุ้มค่าที่สุด จนกระทั่งทหารที่ทำหน้าที่ยิงสกัดทางถอยเดินมาจนได้ระดับ เขาจึงเดินออกมาพร้อมๆ กันกับทหารทั้งสอง

"ผู้กอง ยังไม่ถอยอีกเหรอครับ?" ทหารยศน้อยกว่าตบเท้ากำลังจะทำท่าวันทยาหัตถ์ก็ถูกชายหนุ่มยกเท้าขึ้นถีบแรงๆที่หน้าท้อง

"ไม่ต้องทำความเคารพ จะเป็นจะตายยังไม่รู้ พวก***เป็นลูกน้องของกู ก็ต้องรอดไปพร้อมๆกับกู" เขาตะโกนใส่แล้วหันหน้าไปยิงเหล่าผุ้ติดเชื้อต่อ พลาง ถอยพลางต่อ ในหัวก็คิดว่า ถ้ากระสุนหมดแล้ว จะโกยอ้าวเลยดีรึเปล่า

แต่สายตาเจ้ากรรมดันไปเหลือบเห็นฝูงซอมบี้ที่เฮโลกันมาจากอีกซอยหนึ่ง ทำให้เขารู้ได้โดยสัญชาตญาณทันทีว่า 'ไม่ไหว'

"ถอย วิ่งเลย วิ่งเลยโว้ย !!!!" ร่างกำยำสะพายปืนแล้วรีบตะโกนบอกคนใต้บังคับบัญชาทั้งสอง ซึ่งทั้งสองก็ปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย ทั้งสองนั้นโยนปืนลงแล้วรีบใส่เกียร์หมาทันที ซึ่งเขาก็รีบวิ่งตามไปเช่นกัน

คงจะต้องขอบคุณการฝึกหนักที่เขามักจะฝึกร่วมกับลูกน้องเสมอ ทำให้วิ่งได้แรงไม่มีตกแบบนี้ เพราะทั้งสามคนวิ่งมาจนถึงแผงรั้วเหล็กที่มีทหารสี่นายยืนคุมอยู่

"เปิดประตูสิวะ ไอ่***** !!!" เขาผรุสวาทด่ามาแต่ไกลจนทหารทั้งสี่ตกใจรีบกุลีกุจอเปิดประตูให้ เมื่อเขาและลูกน้องวิ่งเข้าไปในประตูแล้ว รั้วเหล็กก็ถูกปิดลงก่อนที่พวกผู้ติดเชื้อจะเข้ามาทัน

เขายืนหอบฮักราวกับหมาหอบแดดก่อนจะดึงวิทยุขนาดจิ๋วออกมากดปุ่ม

"อินทรีถึงจุดนัดพบแล้ว หมาป่าทราบแล้วเปลี่ยน"

"หมาป่าทราบแล้ว" เสียงปลายสายเองก็ดูเหมือนะอิดโรยอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน

ไม่นานนักก็มีทหารสองถึงสามนายออกมาจากกระโจมเล็กๆสีเขียวเข้ม พร้อมๆกับคนใต้บังคับบัญชาที่เดินออกมาจากข้างๆกระโจม ชายในชุดลายพรางสีใบไม้อ่อนนั้นเดินตรงรี่เข้ามาใกล้เขา แล้วตบบ่าหนักๆ เป็นการทักทาย

"งานต่อไป เหนื่อยหน่อยนะ"

“งานที่ว่าคืออะไรเหรอครับ?” เขาเช็ดเหงื่อกาฬพร้อมกับหอบหายใจหนักๆ ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้เดินออกมาจากเต้นท์แล้วยื่นซองกระดาษสีน้ำตาลอ่อนขนาดใหญ่ให้

ชายหนุ่มรับมาด้วยความสงสัยแล้วจึงค่อยๆแกะซองออก ข้างในเป็นรูปของชายอายุราวๆ 20 ปี ในชุดไปรเวทพร้อมข้อมูลรายละเอียดแต่ก่อนจะได้พินิจอ่านอย่างจริงจังนั้นชายเบื้องหน้าก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

“เขาเป็นนักประดิษฐ์ที่อายุน้อยที่สุด ทางการอยากได้ตัวของเขา จงรีบไปคุ้งครองแล้วพากลับมาให้ไวที่สุด”

ชายหนุ่มนิ่งไปซักพักจากนั้นจึงเอ่ยถาม

“ให้หน่วยหมาป่าไปด้วยได้มั้ยครับ?”

คู่สนทนาพยักหน้าเบาๆ นั่นทำให้เขารู้สึกดีขึ้นอีกเยอะ ไม่ว่าจะมีอะไร ขอเพียงได้หน่วยอินทรี กับหน่วยหมาป่าแล้วล่ะก็.....ไม่มีอะไรที่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะไม่ได้ !

แต่นายทหารยศเหนือกว่ายังได้พูดต่ออีกเล็กน้อยว่า “ให้หน่วยพิราบคอยคุ้มกันอยู่ด้วย”

คำพูดที่เหมือนจะเป็นคำสั่งนี้ทำเอาเขาหัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม.....มันเป็นใครยังไม่รู้เลย !!

ส่วนรายชื่อนั้นเขียนเอาไว้ว่า พงพัฒน์ ดำริทรัพย์ !!!!!



ส่วนทางด้านของตั้มที่กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากนั้นได้พยายามจับขาหน้าของมันไว้ด้วยมือซ้าย ส่วนอีกข้างก็คอยปัดป้องคมเขี้ยวของมัน ชายหนุ่มยังคงไม่ส่งเสียงเอะอะ เพราะเกรงว่าจะเรียกเหล่าผู้ติดเชื้อให้มาออกันไปหมด และข้อสันนิฐานของเขาก็เป็นจริงเมื่อสายตาพลันเหลือบไปเห็นร่างผอมกะหร่องที่ยืนหันหลังให้เขา ชั่ววินาทีที่เขามองนั้นก็มีเงาอีกสายหนึ่งกระโจนข้ามรั้วมาและร้องตะโกน

“ตั้ม ระวัง!” เป็นเพลิงนั่นเองที่กระโจนข้ามรั้วมาแล้วซัดมีดเล่มเล็กเข้าปักที่เส้นเลือดใหญ่ของสุนัขติดเชื้อจนฝังมิดด้าม เสียงร้องของเพลิงช่วยกระตุ้นสติของเต้ที่ยังคงคุ้ยของว่าเกิดอันตรายกับ ‘ลูกพี่’ ของเขาเสียแล้ว

ขณะที่เพลิงกำลังวิ่งเข้าใส่พิทบูลนั้นก็มีเงาอีกสายพุ่งมาอีกเส้นทาง

“หลบไปเว้ย ไอ่หน้าจืด !!!” ส่วนเจ้าของร่างนี้เป็นเต้นั่นเอง ที่พุ่งปราดเข้ามาเตะเข้าที่หัวของหมาน้อยน่ารักอย่างจังเบอร์ แรงปะทะของนักบอลสตูลทำให้หัวมันกระดูกคอหลุดออกจากกระดูกอ่อนทันที มันจึงคอพับสิ้นใจไป

ส่วนเพลิงนั้นสายตาของเขาก็เห็นว่ามีผู้ติดเชื้อกำลังเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าจึงได้วิ่งเข้าหาด้วยสปีดต้นของเขาจากนั้นจึงกระโดดล็อกคอคู่ต่อสู้ด้านหน้า แล้วทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว
แบบท่า RKO ของ Randy ortan


http://www.youtube.com/watch?v=pl_CgSdawJg&feature=fvwrel

(ท่าใช้ตอนวินาทีที่ 4 ลองดูดีๆนะคะ)

แรงกระแทกอย่างจังนั้นส่งผลให้คอหักไปตามระเบียบ ชายหนุ่มหันหน้ามาหาตั้มแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างแช่มช้าว่า......
“คุณแก้มแหม่มส่งผมให้มาสังเกตการณ์ครับ แล้วบอกว่า ถ้าทำตัวเป็นขาหื่นก็จะตายด้วยท่า RKO นี่แหละครับ”

จบตอน.

Chapter 15 Rescue & Skill

หลังจากพักผ่อนจากอาการเหนื่อยแล้ว ชายหนุ่มผิวทองแดงกร้านแดดได้เรียกรวมพลเหล่าสมาชิกของเขา และจากนั้นไม่นานหน่วยรบอินทรีก็ทยอยกันมาพร้อมกับอาวุธและเครื่องกระสุนครบ มือ

“หน้ากระดานเรียงหนึ่ง จัดแถว” เขาปรบมือแล้วกางแขนออกกว้าง สื่อถึงคำสั่งจัดแถวหน้ากระดาน เมื่อสื้นสัญญาณทหารกล้าทั้ง 10 นายก็รีบจะแถวตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาทันที

สายตาของเขากวาดไปยังใบหน้าเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา พลางเลื่อนสายตาไปที่อาวุธของแต่ละคนเป็นปืน AUG steyr A3 ติดเครื่องยิงลูกระเบิดเสร็จสรรพ ผสมไปกับปืน TAR - 21 ติดกล้อง ซึ่งถือว่าเป็นอาวุธชั้นสูงในหน่วยรบพิเศษที่วางใจได้

ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่นานจนกระทั่งมีเสียงฝีเท้าที่เบาเงียบกริบแว่วมาสะกิด กับโสตประสาทอันแหลมคมของเขา ต้นเสียงนั้นก็คือ เชิดวุธ หัวหน้าหน่วยรบหมาป่าอันเป็นเพื่อนซี้ของเขานั่นเอง

“ พร้อมรึยังวะ เชิด?” เขาหันหน้ามากล่าวทักทายเพื่อน พร้อมทั้งทหารทั้ง 10 นายต่างพร้อมใจกันตบเท้าทำความเคารพ ‘ว่าที่นายพัน’ คนนี้ ร้อยเอกเชิดวุธยกมือขึ้นเสมอหน้าอกแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆว่า “ตามสบาย”

ฝ่ายชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงข้ามไม่รอช้า รีบยิงคำถามใส่เชิดวุธทันที “ตกลงจะเอาไงวะ?”

หัวหน้าหน่วยหมาป่ายิ้มเย็น ก่อนจะหันไปกวักมือเอาแผนที่จากลูกน้อง แล้วกางแผนที่ใบใหญ่พอๆกับโต๊ะของนักเรียนออกมาพร้อมกับใช้นิ้วชี้ไปยังจุด ปัจจุบันที่ยืนอยู่

“ค่ายทหารของเราอยู่ที่จุดนี้ ซึ่งถือเป็นทางออกทางเดียว และตอนนี้ ‘พวกที่เราไม่รู้เรียกว่าอะไร’ ก็เดินเพ่นพ่านไปมาอยู่ทั่วเมือง และที่สำคัญคือเหมือนว่าพวกมันจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
ภารกิจของเราตอนนี้คือต้องฝ่าไปช่วยไอ่เด็กเวร พงษ์พัฒน์ บ้าบอนั่น “ พร้อมกันนั้นเองเชิดวุธก็ดึงเอารูปของเด็กหนุ่มที่ยืนยิ้มอย่างทะเล้นออกมา ชูหราแล้วพูดต่อ “ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นตายร้ายดียังไง”

ทุกคนตั้งใจฟังอย่างแน่วแน่จนกระทั่งหัวหน้าหน่วยอินทรีพูดต่อ “ใช่ กูว่าเราควรจะช่วยประชาชนที่ติดอยู่ในบ้านด้วย” ซึ่งเชิดวุธพยักหน้ารับแต่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่....เราไม่มีเวลามากขนาดนั้น” ร้อยเอกหนุ่มพูดจบก็ล้วงบุหรี่ ‘ลัคกี้ สไตรค์’ ออกมาจุดสูบ จากนั้นก็เอ่ยต่อ “เราจะลัดเลาะไปตามซอย ประหยัดกระสุน และหลีกเลี่ยงการปะทะให้น้อยที่สุด”

หัวหน้าหน่วยอินทรีพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะปล่อยให้เพื่อนซี้พูดต่อ

“ที่สำคัญคือ....” เจ้าตัวเองก็พูดขึ้นพร้อมกับหันหน้ามาทางเพื่อนรัก

“ยิงที่หัว !” นายทหารทั้งสองต่างพูดออกมาแทบจะพร้อมกัน

หน่วยผสมทั้งสองปฏิเสธที่จะทะลวงเข้าไปกับหน่วยทหารม้ายานเกราะเนื่องจากก ไม่ต้องการให้เกิดเสียงอึกทึกคึกโครม เลยตัดสินใจออกจากที่มั่นโดยการเดินเท้าซึ่งเป็นของถนัดของทหารไทยอยู่แล้ว ฝีเท้าของทหารทั้ง 22 นายต่างเบาเงียบกริบ วิทยุสื่อสารขนาดย่อมถูกเก็บเสียงด้วยหูฟัง แต่กระนั้น....ความเคลื่อนไหวทั้งหมดก้ตกอยู่ภายในกล้องส่องของปืน สไนเปอร์ไรเฟิล M82A1 สีรมดำ
อานุภาพหยุดยั้งสูงที่สุด สามารถยิงล้มภายในนัดเดียวได้ตั้งแต่ช้างไปจนถึงไดโนเสาร์! พร้อมกับข้างกายของเขานั้นมีปืน M 249 และปืนสไนเปอร์ทุกขนาด กระสุนทุกประเภท เท่าที่กองทัพบกจะจัดหาให้ได้ โดยได้รับความร่วมมือทางด้านการลำเลียงเสบียง ยุทโธปกรณ์ ทางอากาศจากกองทัพอากาศ มิหนำซ้ำทำเลที่เขายืนประจำการอยู่ยังเป็นตึกสูงที่สุด จึงแทบจะไม่มีอะไรที่เล็ดลอดจากสายคมกริบดุจพญาเหยี่ยวของเขาได้เลย

“จากพิราบ จากพิราบ ทราบแล้วเปลี่ยน”

พลันที่เสียงจากหูฟังดังขึ้นนั่นเอง ทั้งสองหัวหน้าหน่วยจึงได้ยินเสียงของ ‘หน่วยนกปริศนา’ เชิดวุธได้ยินดังนั้นจึงกดวอตอบ

“จากหน่วยผสม ว่าไป”

“ตรวจพบซอมบี้ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ย้ำ 3 นาฬิกา”

“จำนวน?”

ชายจากมุมสูงเพ่งพิจารณาชั่วครู่ก่อนจะตอบไปว่า “นับไม่ถ้วน”

“ทราบแล้ว บอกทางอื่นมาด้วย”

“ทาง 11 นาฬิกามีซอยเล็กไม่เห็นวิสัย”

“ตกลง เลิกกัน.”

สิ้นสุดการสนทนาเพียงเท่านั้น และร้อยเอกเชิดวุธได้ส่งสัญญาณมือเพื่อเบี่ยงทิศทางไปยังซอยที่หน่วยซุ่มยิง ได้บอกมา แต่เมื่อเข้ามาในซอยก็ทำให้เหล่าทหารเบิกตากว้าง
ลมหายใจแทบจะขาดห้วงไปพร้อมๆกัน เพราะสิ่งที่เห็นนั้นคือ ฝูงอมนุษยที่ยืนเบียดเสียดอยู่ข้างในซอยแคบๆ

ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นช้าๆทำสัญญาณถอย พริบตานั้นเองหน่วยรบพิเศษก็ค่อยๆล่าถอยอย่างแผ่วเบา เงียบกริบ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็พลันบังเกิดขึ้น

แกร้ง !!!

เสียงของคอมแบทกระทบกับกองกระป๋องโลหะได้ดังก้องจนกระทบกับระบบโสตประสาทของ มันโดยทันที ทำให้พวกมันหันมาทางต้นเสียงแทบจะพร้อมกัน.........

“******ล่ะ”



ผิดคาด ! เพราะพวกมันยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงแต่มีบางอย่างพุ่งผ่านความมืด อนธกาลเข้าใส่ทหารกล้า

แฮ่ อ้าก ! ไม่...ไม่ อย่า...ค่อกๆ

เสียงร้องโหยหวนของทหารกล้าผู้โชคร้ายขาดห้วงไปแล้วแต่เสียงแทะเนื้อยังคงดังชัดเจนในโสตประสาท ทำให้ทุกคนฉายไฟไปที่ร่างทหารเคราะห์ร้ายทันที
แสงไฟจากหลอดกำลังสูงได้ฉายกราดไปที่ร่างชายผู้นั้น ปรากฏให้เห็นร่างดำเมี่ยมของหมาพันธุ์ ร๊อดไวเลอร์ ดวงตาของมันแดงก่ำราวกับแสงจันทร์ที่เริ่มจะ
สาดแสงสีแดงสดเหมือนกับเลือดที่พุ่งทะลักออกทางคอหอยของรั้วของชาติไม่มีผิดเพี้ยน

“บ้าเอ้ย !” เชิดวุธคำรามพร้อมกับระเบิดกระสุน P90 กราดเข้าใส่ร่างบางของสุนัขติดเชื้อตัวนั้นพร้อมก้มปืนลงเพื่อระเบิดขมองทหารผู้ใกล้สิ้นลมเต็มที
เหตุการณ์กลับเลวร้ายลงเมื่อเสียงในวิทยุสื่อสารดังขึ้นมา

“ระวังครับ เป้าหมายทั้งสองด้านกำลังมุ่งมาทางต้นเสียงปืน ระวังตัวด้วยครับ” ปลายสายรีบพูดกรอกมาอย่างร้อนรน

“เออ ให้มันได้แบบนี้สิวะ” ว่าที่พันตรีหนุ่มสบถหยาบคายออกมาอีกหนึ่งชุด ส่วนทางเพื่อนซี้ของเขากำลังมองฝ่าความมืดเพื่อหาทางหนีทีไล่
ความรู้สึกของทหารทั้งสองหน่วยต่างสับสนลังเล ว่าควรจะเชื่อใจใครดี ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบกดวอไปถามหน่วย ‘พิราบลึกลับ’ ทันทีที่มองเห็นเส้นทาง

“จากหน่วยผสมเรียกพิราบ หน่วยผสมเรียกพิราบ”

“พิราบตอบ ว่าไปครับ” คนบนตึกเองก็ดูร้อนใจใช่ย่อย พยายามเพ่งสายตามองไปยังกลุ่มทหารทั้ง 21 นาย

“มีทางหนีทีไล่แล้ว เป็นซอยเล็ก ถอยหลังไปไม่น่าจะเกิน 30 ก้าว”

หน่วยพิราบเบนปากกระบอกปืนส่องไปในทิศทางที่เสียงเข้มได้เอ่ยบอก ก็พบกับซอยเล็กจริงๆ แต่หมอกควันทำให้เขามองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ในซอยบ้าง

“มีซอยเล็กจริงครับ แต่หมอกควันบังวิสัย”

“บัดซบฉิบ !” เชิดวุธยังสบถต่อเนื่องพร้อมตั้งท่าจะยกมือเตรียมสัญญาณยิง ชายหนุ่มถึงกับรีบกดมือเชิดวุธลงทันทีเพราะนั่งหมายถึงสัญญาณเรียกให้พวก ‘ตัวกินเนื้อ’ ยิ่งเร่งเดินเข้ามาอีก



“ป่ะ ไปกันได้แล้ว กลับบ้าน วันนี้จบลงด้วยการ ‘ไม่มีอะไร’ เลย”

ตั้มตะโกนบอกเต้ที่กำลังค้นของจากศพซอมบี้ และเพลิงผู้กำลังเช็ดมีดขว้างกับเศษผ้าของซอมบี้ที่เพิ่งฉีกกระชากมาสดๆร้อนๆ และทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงก็
พยักหน้าโดยง่าย แต่ก่อนที่เต้จะออกบ้านนั้น เขาก็สะกิดกัปตันแล้วกระซิบแผ่วเบาว่า

“กัปตันครับ ผม...ผมปวดฉี่”

คนฟังระบายลมหายใจหนักๆแล้วชี้มือไปยังพงหญ้าที่อยู่นอกบ้าน

เมื่อทั้งสามออกมาจากบ้านแล้วเต้ก็รีบกระโจนเข้าใส่ริมพงหญ้าทันที แต่ตั้มกลับร้องบอกให้เข้าไปให้ลึกกว่านี้ เสียงของชายหนุ่มช่วยปลุกสติที่เริ่มจะหลุด
ลอยให้กลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง.....

“เสียงคน ?” เจ้าของเสียงลืมตาขึ้นพยายามมองลอดผ่านพุ่มไม้หนา แต่ร่างกายที่อ่อนล้า รวมถึงข้อเท้าอันบวมเป่งของทั้งสองข้างก็ไม่สามารถขยับร่างกาย
ได้เลย สายตามองเห็นเพียงพุ่มหญ้าหนาท่วมเอวเพียงเท่านั้น จนกระทั่งได้ยิน ตามด้วยเสียงฝีเท้าก้าวสวบๆแหวกพงหญ้ามาใกล้ๆแล้งเงียบไป
ตามด้วยของเหลวอุ่นๆไหลมาสัมผัสกับผิวหน้า ซึ่งเธอก็รู้ได้อย่างทันทีว่านั่นคือ ‘น้ำ’ แน่นอน

ลิ้นสีชมพูคล้ำกระดำกระด่างถูกสั่งการให้แลบออกมาสัมผัสกับของเหลวอุ่นๆ เธอรีบเลียอย่างหิวกระหาย ต่อมรับรสของเธอแทบจะหยุดทำงานไปแล้วจึง
ไม่สามารถรับรู้ความเค็มของน้ำได้เลย จนกระทั่งสายน้ำหยุดไหลไปสักพักเธอจึงพยายามเปล่งเสียงออกมา

“น้ำ....ขอน้ำหน่อย”

เสียงที่ชายผมโมฮอคได้ยินนั้นทำเอาระบบปัสสาวะที่กำลังทำงานได้เพียงชั่วครู่ถึงกับปิดระบบทันทีด้วยความหวาดกลัวตัวสั่นงันงก และตั้มก็หูไวใช่ย่อยเพราะรีบวิ่งมาทันทีที่ได้ยินเสียงร้องขอ
ความช่วยเหลือ ถึงแม้ว่าเสียงจะแหบจนแทบจะไม่ได้ยินก็ตามที

“ถอยไป ถอย!” เจ้าของบ้านผลักเต้ออกไปให้พ้นทางก่อนจะวิ่งฝ่าพงหญ้าไปยังเสียงที่เขาคุ้นเคยและพร้อมกันนั้นเองก็มีเสียงสวบสาบดังมาจากทิศทางด้านข้างเมื่อชายหนุ่มเหลียวไปมองก็พบกับผู้ติดเชื้อรายหนึ่งโผล่มาทางเขาพอดิบพอดี ซึ่งเพลิงและเต้ต่างตกอยู่ในภาวะตะลึงงัน ทำให้ตั้มต้องรีบกลับตัวเพื่อเปลี่ยน
ทิศทางให้วิ่งตรงไปหาซอมบี้ตัวนั้น

“โอ....อือ....”

และดูเหมือนมีอะไรบางอย่างที่มาฉุดรั้งข้อเท้าของเขาไว้ เมื่อก้มลงมองก็พบกับที่มา นั่นคือร่างของหญิงติดเชื้อที่ตัวขาดครึ่งกำลังบีบข้อเท้าของเขาไว้อย่าง
แน่นเกร็ง

“เฮ้ย !!” แต่ชายหนุ่มต้องตกใจอีกเป็นเท่าทวี เมื่อมือแห้งกรังมาคว้าข้อเท้าอีกข้างเท่ากับพันธนาการเขาไว้โดยสมบูรณ์แบบ

“เฮ้ย !” มีเสียงเรียกดังขึ้นพร้อมกับเสียงก้าวแหวกหญ้าอย่างรวดเร็วของเพลิง และเสียงมีดบินตัดอากาศครางหวิวของนักฟรีรันนิ่งหนุ่ม บินเข้าปักผู้ติดเชื้อเบื้องหน้าของตั้มอย่างแม่นยำราวกับ
จับวาง แต่เรื่องยังไม่จบเพราะมีซอมบี้อีกตัวเดินออกมาจากป่ารกชัฏตรงหน้า และอมนุษย์ที่ยึดขาขวาไว้นั้นก็เริ่มออกแรงบีบข้อเท้าบริเวณหลังตาปลาของตั้มอย่างรุนแรงจนเจ้าตัวถึงกับ
ทรุดตัวลง หอบหายใจฮักด้วยความเจ็บปวด

“ปล่อยนะเว้ย !” เป็นเสียงของเต้นั่นเองที่วิ่งเข้ามาพร้อมง้างอีซ้ายขึ้นหวดก้านคอซอมบี้อย่างเต็มหวด พริบตานั่นเองตั้มก็สังเกตุเห็นอะไรบางอย่างพอๆกับที่เต้อ้อมไปที่เจ้าของมืออีกข้างที่จับ
ขากัปตันอยู่ จึงใช้เท้าขวาหมายจะหักคอซอมบี้ให้ดับดิ้นเหมือนตัวที่ผ่านมา แต่ตั้มฝืนใช้เท้าที่เจ็บเข้า ‘บล๊อก’ ลูกเตะของอดีตว่าที่กองหน้าทีมชาติ

พลั่ก ! เสียงกระดูกประทะกันดังลั่นและเป็นเต้ที่ทรุดลง ครางอู้ไม่เป็นภาษาด้วยความเจ็บปวด

“กะ....กัปตัน” หนุ่มผมโมฮอคเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจในการกระทำของตั้ม

“เธอยังมีชีวิตอยู่” คำตอบที่ได้รับทำเอาลูกทีม งงเป็นไก่ตาแตกไปกันใหญ่ และถึงกับร้องดังลั่นเมื่อรู้ว่าพื้นเปียกๆที่ตยคุกเข่าอยู่นั้นก็คือฉี่ผลงานของเขานั่นเอง

ไม่นานนักเพลิงก็เดินมาพร้อมกับมีดบินและเศษผ้าสำหรับเช็ดเลือด บทสนทนาที่กำลังจะเริ่มต้นได้ถูกขัดโดยเสียงแหบโหยของร่างบางที่ยังคงจับข้อเท้าซ้ายของตั้มอย่างแน่นที่สุดเท่าที่แรงจะเอื้ออำนวย

“น้ำ.....ขอน้ำหน่อย”



ระหว่างที่เชิดวุธกำลังลดปืนลงนั่นเองเสียงปืนก็ดังแผดร้องกัมปนาทขึ้นทำลายแผนการล่าถอยของเขาราวกับถูกจับยัดลงชักโครกก็มิปาน

คนที่ยิงคือจ่าประโยชน์ พลปืนกลหนักประจำหน่วยหมาป่านั่นเอง เป้าหมายที่ชายวัยกลางคนตัดสินใจลั่นกระสุนใส่นั่นคือสุนัขพันธุ์ร๊อดไวเลอร์ติดเชื้อที่หมายจะกระโจนเข้ามาปลิดชีวิตหัวหน้าทีมไม่คนใดก็คนหนึ่งเหมือนดั่งเช่นเพื่อนผู้เคราะห์ร้ายเมื่อกี้

“ผิดแผนแล้วว่ะ” ชายหนุ่มสบถออกมาพลางหันไปหา รอ.เชิดวุธที่กำลังตรวจกระสุนที่ติดอยู่ในแม๊กกาซีนซึ่งเมื่อสบดวงตาสีเหล็กนิลของเพื่อนรักแล้วปลดเซพปืน ขึ้นลำแล้วยกมือออกคำสั่ง

“ยิงตามอิสระ ยิง!”

“หน่วยอินทรี ยิงได้” ฝ่ายชายหนุ่มไม่ยอมแพ้ สั่งการพร้อมสาดกระสุนปืน M-4 คาร์ไบน์ กราดเข้าใส่ฝูงผีกระหายเลือดอย่างรวดเร็ว

“ไอ่เช็ดโด้ โคอาล่ามาร์ช” เชิดวุธคำรามและระเบิดกระสุนใส่ต่อเนื่อง เสียงปืนจากทุกกระบอกแผดเสียงคำรามลั่นจนยากที่จะมีตัวไหนหลุดรอดจากคมกระสุน ประกอบกับฝีมือของทั้งยี่สิบเอ็ดนายต่างล้วนแม่นยำทั้งสิ้น กระสุนทุกนัดต่างถูกปล่อยออกไปอย่างประณีตมากที่สุด ควันปืนฟุ้งกระจายมากขึ้นเรื่อยๆ พอๆกับปลอกกระสุนและซากศพที่กองสุมกันเป็นพะเนินแต่พวกมันยังคง
ไม่บางตาลงแม้แต่น้อย มีเพียงกระสุนเท่านั้นที่ร่อยหรอลงไปจนกระทั่งเชิดวุธได้ยินเสียงของหน่วยพิราบดังจากวิทยุ

“พวกมันมีมากเกินไป ขอให้หยุดยิงเพื่อสงวนกระสุน”

เชิดวุธเห็นดีด้วยกับข้อเสนอจึงตอบกลับแล้วทำสัญญาณมือให้หยุดยิงแล้วจึงดึงระเบิดควันออกขว้างเพื่อใช้ม่านควันเป็นฉากกำบังทุกคนล่าถอยออกจากบริเวรนั้นอย่างรวดเร็ว



“เฮอะ ! สุดท้ายก็ต้องให้ไอ้เพลิงแบกสาวน้อยจนได้ ให้ตายสิวะ” เต้สบถออกมาดังๆให้เจ้าตัวรู้ด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ที่ไม่ได้เป็นคนอุ้มหญิงสาวผู้รอดชีวิตคนใหม่ พลางส่งสายตาไม่เป็นมิตรไปยังเพลิงที่กำลังเดินตามห่างๆโดยมีร่างบางอยู่ในอ้อมแขน ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกเสียจากส่งยิ้มแปลกๆตอบกลับไปแทน

“ขอบ...ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนูไว้” เธอพยายามกลืนน้ำลายข้นเหนียวลงคอ อาการเจ็บปวดทั่วร่างของเธอยังคงไม่หายดี
ดวงตาที่เริ่มจะหมดแววได้มองดวงหน้าคมเข้มของเพลิงอย่างเหม่อลอย พูดต่อ

“พี่.....พี่ชื่อ”

ชายหนุ่มยิ้มบาง สายตามองไปยังตั้มกับเต้ที่ต่างประคองกันไปอยู่เบื้องหน้า เพราะคนหนึ่งเจ็บข้อเท้า และอีกคนก็เจ็บหน้าแข้งไม่สามารถเดินไปถนัดถนี่ ก่อนจะตอบสาวน้อยไปว่า

“เพลิง”

นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เธอได้ยินก่อนจะหลับไป

“ในวัน ที่ฟ้ามืดมิด โลกมลายกลายเป็นผงคลีดิน
เราจะอยู่ ในอ้อมกอดพระเจ้า รื่นรมย์ แสนสบาย”


แต่ความคิดของว่าที่พันตรีหนุ่มนั้นผิดพลาดเพราะพวกมันยังคงเดินตามมาอย่างไม่ให้พักหายใจหายคอ

“บัดซบฉิบ” เชิดวุธสบถออกมาเมื่อมันไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ในขณะที่สายตาของชายหนุ่มสอดส่ายฝ่าความมืดเพื่อทองหาทางหนีทีไล่ แต่ทันใดนั้นก็ไปสะดุดตากับแสงไฟเล็กๆกะพริบถี่ออกมาจากไฟฉาย จากนั้นเสียงจากหูฟังก็ดังขึ้นมา ไม่ใช่เสียงของหน่วยพิราบแต่เป็น......

“จากอรินทราช จากอรินทราช เรียกกองกำลังไม่ทราบนามทราบแล้วเปลี่ยน.”

เขาลังเลชั่วอึดใจก่อนจะตอบกลับไป “หน่วยรบพิเศษ กองทัพบก ทราบแล้วเปลี่ยน.”

“พวกเราคือหน่วยอรินทราช ผม พันเอก รัชชานนท์ วัตนวงค์ ประสงค์จะเข้าร่วมกับพวกเราหรือไม่ ?”

“ขอปฏิเสธ เรายังมีงานต้องทำ” เชิดวุธบอกปัดอย่างไม่แยแส

“ประชาชนเริ่มจับอาวุธลุกขึ้นสู้ ขอโปรดร่วมมือกำจัดภัยด้วย”

“ขอปฏิเสธ ย้ำ ขอปฏิเสธ”

ก่อนที่บทสนทนาจะยืดเยื้อไปมากกว่านี้ พวกของเชิดวุธก็ถูกล้อมไว้เสียแล้ว

“บ้าชิบ เลิกกัน!”

บรรยากาศในเมืองตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับขุมนรกดีๆนี่เอง เพราะในเวลาที่อาทิตย์อับแสงนั้นเป็นเวลาของเหล่าผีกระหายเลือดที่จะออกมา เดินเพ่นพ่านกันมากกว่าเดิม จะเดินไปทางไหนก็ล้วนแต่จะเห็นพวกมันเดินตรงรี่เข้าหาทั่วทิศทาง

“บัดซบฉิบ” ร.อ. เชิดวุธสบถหยาบคายออกมาพร้อมสาดกระสุนปืน P90 เก็บเสียงเข้าใส่เป้าหมายที่เริ่มเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ กระสุนเจาะเข้าที่หน้าผากอย่างแม่นยำ
ผู้ติดเชื้อทยอยล้มลงไปทีละคน ละคน แต่เมื่อแถวหน้าล้มหายแถวหลังก็หนุนเนืองเข้ามาราวกับเป็นคลื่นมนุษย์ก็มิปาน

“เอาไงดีวะเชิด” หัวหน้าหน่วยอินทรีเอ่ยถามพลางออกคำสั่งให้ยิงพลาง ถอยพลาง

“ถอยมาตั้งหลักก่อน” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับชี้นิ้วไปข้างหลัง

จากนั้นเหล่าหน่วยล่าสังหารทั้งสองหน่วยก็เริ่มดำเนินการถอยไปทีละน้อย ละน้อย จนกระทั่งรู้สึกได้ว่าจนมุมเสียแล้วเพราะทางด้านหลังนั้นก็เป็นกำแพงขนาด ใหญ่

“ขอให้ได้คิดซักหน่อย ว่าจะเอายังไง......” เชิดวุธหลับตาลงพร้อมเค้นสมองคิดหาวิธีหลบหนีจากสถานการณ์นี้ออกไปให้ ได้....และเขาก็นึกออกแล้ว !

ชายหนุ่มยิ้ม*****มเกรียมออกมาพร้อมกำลังจะเอาระเบิดออกมากระชากสลักออก แต่ก็ได้ยินเสียงโห่ร้องของกลุ่มคนที่ดังกึกก้องมาจากทางด้านหลังของเหล่าผี ดิบกระหายเลือด จึงเลือกที่จะไม่ใช้ระเบิด
เพราะจะกลายเป็นดึงดูดความสนใจไปแทน และตอนนี้เหล่าผีดิบก็เปลี่ยนไปให้ความสนใจกับเสียงอื้ออึงของกลุ่มคนปริศนา และภาพที่ชายคนหนึ่งเห็นจากบนตึกสูงเสียดฟ้านั้นก็ทำเอาหัวใจของเขาเต้นแทบ จะไม่เป็นจังหวะ นั่นก็เพราะเสียงโห่ร้องนั้นมาจากเหล่าประชาชนผู้อดทนต่อการรอคอยความช่วย เหลือไม่ไหว ระเบิดเวลาก็ได้เริ่มต้นขึ้น !

ดวงตาที่แดงเข้มไปด้วยเส้นเลือดอันเกิดจากการอดนอนอย่างต่อเนี่องได้เพ่งมอง ผ่านกล้องสไนเปอร์ ไรเฟิล อย่างดีที่ถูกเตรียมมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ภาพที่มองเห็นนั้นยิ่งปลุกสารอะดรีนาลีนในร่างกายของเขาให้หลั่งไหลพลุ่ง พล่านออกมา

เพราะสิ่งที่เห็นนั้นคือฝูงชนผู้กราดเกรี้ยว พวกแถวหน้านั้นมีอาวุธครบมือ อาทิเช่น มีด ดาบ จอบ ปืน ไม้หลายแหลม และอีกหลายๆอย่าง พวกเขาวิ่งเข้าปะทะกับฝูงซอมบี้อย่างไม่คิดชีวิต แต่เมื่อเห็นว่าเหล่าทหารที่อยู่อีกฝั่งทำท่าว่าจะเข้าไปช่วยเหล่าประชาชน ซึ่งนั่นไม่ใช่จุดประสงค์ที่เสี่ยงชีวิตมา ชายหนุ่มจึงรีบดึงวิทยุสื่อสารขนาดจิ๋วออกมากรอกเสียงลงไป

“จากพิราบ จากพิราบ อย่าไปครับ เป้าหมายของเราไม่ได้มาเพื่อทำแบบนี้”

แต่แล้วสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้น....เพราะหน่วยล่าสังหารทั้งสองหน่วยต่างวิ่งเข้าหาพร้อมกับระเบิดกระสุนใส่พวกมัน

“ไม่นะ....”

การสนทนาระหว่างหน่วยรบพิเศษกับหน่วยอรินทราชนั้นได้ยินเพียงแค่วิทยุของนายทหารทั้งสองกับนายตำรวจเท่านั้น ทำให้พลซุ่มยิงไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย

“เวรเอ้ย !” ชายหนุ่มพยายามเพ่งมองไปที่สงครามขนาดย่อมเบื้องล่างและกำลังจะเหนี่ยวไกปืนแต่เสียงวิทยุดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

“อย่ายิง อย่ายิง นั่นไม่ใช่พวกเรา!” เสียงของร้อยเอกจอมสบถทำให้เขาต้องเพิ่มสมาธิเพ่งเล็งเครื่องแต่งกายของหน่วยรบมากขึ้น เมื่อสังเกตดีๆจึงรู้ว่าไม่ใช่หน่วยรบพิเศษอย่างแน่นอน

“ตอนนี้เรากำลังจะเข้าไปหลบข้างในอาคาร รอดูพลุสัญญาณที่กำลังจะยิง”

ชั่วอึดใจปรากฏพลุสีขาวสว่างขึ้นพริบตาแล้วหายไป แสงเกิดขึ้นทางตึกสามแถวเล็กๆ จึงกดวอแล้วยืนยันตำแหน่งไป

“เอ้อ แล้วอย่าไปสะเออะทำให้พวกมันรู้ตัวล่ะ” เสียงเชิดวุธดังมาจากทางวิทยุสื่อสาร นับว่าเป็นการตัดสินใจที่เฉียบขาดของนายทหารคนนี้ แม้ว่าใจจะไม่เห็นด้วย แต่ลึกๆแล้วมันคือความจำเป็น เพราะขนาดหน่วยรบพิเศษทุกหน่วยที่ส่งไปทำการล้อมสังหารยังถูกตีแตกไม่เป็นท่า สำมะหาอะไรกับหน่วยอรินทราชเล็กๆหน่วยนี้ ชายหนุ่มเข้าใจเป็นอย่างดีจึงลดไรเฟิ่ลลงแล้วมองเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านกล้องส่องทางไกลแทน

ในอาคารพาณิชย์ขนาดเล็กที่หน่วยรบทั้งสองเข้าไปหลบซ่อนนั้นไม่มีความผิดปกติใดๆ เชิดวุธจึงสั่งจัดเวรยามแล้วมานั่งหารือกับเพื่อนรักในห้องเล็กๆที่มีเพียงโต๊ะขนาดเล็ก และเสียงไฟจากเทียนไขตั้งเด่นกลางโต๊ะ พร้อมแผนที่และที่อยู่ของเป้าหมาย

“คิดดีแล้วเหรอวะ ที่ไม่ช่วยพวกอรินทราช ?” ชายหนุ่มถามแล้วละสายตาจากสมุดเล่มเขื่องในมือเพื่อมองหน้ารอ. เชิดวุธที่กำลังนั่งสูบบุหรี่เบื้องหน้า ซึ่งเจ้าตัวพยักหน้ารับ

“อืม เราสู้ไม่ได้ กองทัพอากาศ กองทัพเรือ ยังมัวสาละวนกับขนของ ขนคนไปยังที่ปลอดภัย ขนาดล่าสังหารอย่างพวกเรายังทำอะไรมันไมได้ ***รู้มั้ยวะ ?” เชิดวุธว่างเว้นชั่วอึดใจเพื่ออัดบุหรี่

“ว่าที่พวกเรายิงมันตายไปน่ะยังเทียบไมได้กับขนหน้าแข้งพวกมันซักเส้น ตายหนึ่ง เกิดร้อย ไอ่พวกระยำหมาเอ้ย” ว่าที่พันตรีสบถเสร็จก็ถอนหายใจออกมาพร้อมๆกับควันที่ยังเหลือแล้วพูดต่อ

“ไม่ว่ายังไงก็ตาม พรุ่งนี้ เราต้องไปเอาตัวไอ่เด็กเปรตนี่มาให้ได้”

“แต่ที่อยู่ของเด็กนี่กับจุดปัจจุบันของเรามันห่างกันมากเลยนะ”

เชิดวุธรับฟัง และถอนใจยาวๆ ก่อนจะลงมือขีดเส้นทางย่อๆในกระดาษเปล่า ไม่กี่อึดใจจึงยื่นให้กับชายเบื้องหน้าแล้วกล่าวขอบคุณ

“ไดอารี่***นี่มันมีประโยชน์ก็วันนี้แหละวะ” เชิดวุธกล่าวแซวแล้วหันไปถอดเสื้อนอก ล้มตัวลงนอนหนุนกระเป๋าเป้ของตนเองแล้วหลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ชายหนุ่มเองยังคงนั่งเขียนบันทึกอยู่บนโต๊ะและนึกถึงเรื่องราวในวันนี้เป็นระยะๆ

จบตอน.

Dark Energy
30th July 2011, 20:03
ในที่สุดท่านก็กลับมา T^T ดีใจมากๆเลยครับ จะติดตามต่อไปคร้าบ :D

offboy2232
30th July 2011, 21:20
โว้ว วู้วๆๆๆๆ รอมานานแล้ว วัยรุ่นเล่นของไสยศาสตร์ อิอิ
มาเจิมครับพี่ตั้ม Fight Oh!!!!!
ปล.ยูเนสโก้เกี่ยวกับพวกทางทหารด้วยเหรอ อิอิ

Stormwind
31st July 2011, 17:03
Chapter 16 Lullaby


ค่ำคืนนี้ดาวพราวกลางท้องฟ้าสวยเด่นราวกับหญิงสาวชุดดำที่ประดับไปด้วยอัญมณีสีเงินเทียบทั้งตัว แต่ก็หาได้สำคัญกว่าหญิงสาวร่างบางที่นอนอยู่ตรงหน้าแก้มแหม่มไม่

สัญชาติญาณการมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวของเธอก็คือ ลมหายใจที่แผ่วขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ แต่สาวแว่นสุดสวยยังคงพยายามที่จะเช็ดตัวด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำอย่างอดทน ไม่นานร่างผอมบางนั้นก็ไอโขลกแล้วค่อยๆลืมตาช้าๆ เมื่อจอตาปรับสภาพได้แล้วเธอก็มีแววฉงนเล็กน้อย แต่ แฟนเจ้าของบ้านก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“เป็นไงบ้าง?” แก้มแหม่มยิ้มหวานก่อนยื่นแก้วน้ำให้ซึ่งเธอก็รับมาแล้วรีบกระดกอย่างกระหายอยากมานาน แววตาของเธอดูราวกับสัตว์ป่าที่ตื่นตระหนกแต่ก็ไม่ได้เกินกำลังของแฟนสาวคนสวย

“ไม่ต้องกลัวนะ ที่นี่ปลอดภัย” แก้มแหม่มคนงามค่อยๆเขยิบเข้าใกล้พร้อมกระติกน้ำ แล้วรินน้ำใส่แก้วเปล่าอีกใบแล้วยื่นให้ ของเหลวสีขุ่นจางๆก็ถูกกระเดือกลงคออย่างรวดเร็วท่ามกลางความประหลาดใจของเจ้าหล่อนเพราะรสชาติของน้ำกลับให้ความหวานแปลกๆ

“กลูโคสน่ะ ว่าแต่...เธอชื่ออะไรเหรอ?”

“เนย...เค้าชื่อเนย” สาวเนยเอ่ยตอบ

“หรอ เค้าชื่อแหม่มนะหรือจะเรียกว่า คนสวยก็ได้”

เนยหยักหน้าหงึก แก้มแหม่มมองนาฬิกาขนาดตั้งแขวนบนฝาซึ่งมันก็ทำหน้าที่ได้อย่างซื่อสัตย์โดยการบอกเวลาเข็มสั้นแตะเลขสิบสอง ส่วนเข็มยาวก็แตะในตำแหน่งเดียวกัน
เที่ยงคืน...ได้เวลาปลุกนิคมารับช่วงต่อแล้ว

คนสวยเอ่ยลาเนยก่อนจะสะกิดนิคที่หลับอยู่ข้างๆให้รับชั่วดูแลเนยต่อ ส่วนเธอก็ค่อยๆย่องผ่านเต้ที่กำลังนอนซบไหล่เพลิงแถมน้ำลายยืดใส่บ่าเขาอีกด้วยเข้าสู่ห้องนอนที่เปิดไฟดวงเล็กไว้รออยู่แล้ว

“ไงจ๊ะที่รัก เค้าฟื้นรึยัง” เสียงของชายหนุ่มคนรักพูดดังขึ้นมา เขานั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิ บนตักมีดาบสองเล่มวางพาดอยู่ ชายหนุ่มเปลือยท่อนบนทำให้ดูราวกับนักรบโบราณไม่มีผิด

“อือ ฟื้นแล้ว แล้วก็นอนต่อเรียบร้อย” แฟนสาวถอดแว่นออก ใช้มือข้างว่างเช็ดเหงื่อแล้วเอนตัวลงนอนข้างๆหนุ่มคนรัก ตั้มกำลังสอดดาบเข้าฝักช้าๆ เขาถอนหายใจเบาก่อนจะเอ่ย
“พี่รู้สึกว่าจะต้องใช้ดาบในอีกไม่นานนี้” เขาพูดจบก็พนมมือยกดาบขึ้นเหนือหัวแล้ววางไว้บนตู้ จากนั้นจึงเดินมาปิดไฟแล้วล้มตัวลงกอดร่างบางของแก้มแหม่มไว้ในอ้อมแขน เธอใช้
มือลูบไล้อกเปลือยแล้วค่อยๆใช้ริมฝีปากพรมจูบที่อกแกร่งอย่างแผ่วเบาทำเอาชายหนุ่มตัวกระตุกวาบเป็นพักๆ

“พรุ่งนี้เราคงต้องมีงานหนักน่าดู ซ่อมอะไรหลายๆอย่าง รวมถึงฝึกร่างกายด้วย” ตั้มเอ่ยทำลายความเงียบ มือหนาค่อยๆเชิดคางของ ‘แหม่มน้อย’ ขึ้นแล้วเธอก็พูดขึ้นมาเช่นกัน

“กลัวว่าจากนี้ไปเราจะไม่มีเวลาให้กันแล้ว...กลัวว่าพี่ตั้มจะไปมัวติดสองสาวนั่นจนลืมแหม่ม”

ร่างแกร่งยิ้มบางเบาก่อนจะโน้มหัวลงประกบปากอย่างแช่มช้า...เนิ่นนาน ลิ้นของเขายังคงทำให้เธอรู้สึกดีได้เสมอ เมื่อจูบได้สักพักชายหนุ่มจึงถอนปากแล้วพูดข้างหูของเธอ

“ไม่มีทาง...”


08.00 น. วันที่สามของการแพร่เชื้อ

เหล่าทหารต่างจัดการกับธุระส่วนตัวอย่างลวกๆแล้วมาประชุมตามที่ รอ.หนุ่มนัดหมาย

“ดูให้ดี” เชิดวุธกางแผนผังเมืองออกพร้อมชี้จุดปัจจุบันแล้วค่อยๆลากนิ้วผ่านถนนใหญ่จนถึงจุดที่วงกลมไว้

“นี่เป็นบ้านของเป้าหมาย ที่เราจะต้องเดินผ่านถนนใหญ่ จุดนี้ล่อแหลมต่อการปะทะ ขอให้ทุกคนระวังตัวให้ดี และนี่...”

เขากระชากรูปขนาดเล็กออกมาแล้วโยนลงตรงแผนที่จากนั้นทุกคนจึงหยิบรูปแล้วเวียนแบ่งกันดูจนครบ

“นี่คือรูปของไอ่เด็กเวรพงพัฒน์ เป้าหมายของเรา”

“หน้าตามันดูเหมือนไม่ใช่นักประดิษฐ์เลยสักนิดนะครับ” จ่าประโยชน์แย้งขึ้นมา เขาแค่พยักหน้ารับแล้วเทกาแฟเย็นชืดจากกระติกเหล็กสู่แก้วที่มีกับตัว

“ระยะเวลาที่เดินถึงบริเวณใกล้ที่หมายอาจอยู่ราว สาม ถึง สี่ทุ่ม นี่คือเวลาที่เผื่อเหลือไว้เรียบร้อย แล้วเราค่อยไปพักที่โรงแรมกัน”

สิ้นเสียงเชิดวุธแล้วทหารทุกคนก็พร้อมใจกันเฮขึ้นมาดังๆแล้วหันไปเตรียมของต่อทันที

ไม่ถึงสิบนาทีทุกคนก็ออกมารวมแถวที่หน้าตึกอย่างเร่งร้อน บรรยากาศรอบนอกยังประรายไปด้วยซอมบี้เดินไปมาอย่างเลื่อนลอย

“ติดกระบอกเก็บเสียง คราวนี้จะได้ลุยกันแล้วล่ะ”


10.35 น. วันที่สามของการแพร่เชื้อ

บรรยากาศในเมืองนั้นยังคงคุกรุ่นไปด้วยควันไฟอย่าไม่มีทีท่าว่าจะดับลงง่ายๆ ถนนหนทางเปรอะไปด้วยเลือด บ้างก็สาดกระจายติดกำแพง สองข้างทางมีเศษซากอวัยวะต่างๆ เกลื่อนถนน ก็อดถึงกับแทบจะอาเจียนออกมาเมื่อเท้าเหยียบเข้ากับลูกตาก้อนโตจนเละคาเท้า และเมื่อมองขึ้นไปข้างบนก็เห็นร่างผู้โชคร้ายห้อยแขวนอยู่กับเสาไฟ และทันใดนั้น...

“อ๊า!!!” เสียงร้องของผู้ชายดังโหยหวนขึ้นแล้วก็เงียบไปพร้อมๆกับที่เสียงของผู้หญิงดังขึ้นมาแทน

“กรี๊ด !!”

เสียงร้องปริศนาดึงดูดให้ทหารทั้ง 21 นายต่างต้องหันไปมองแทบจะพร้อมกัน เจ้าของเสียงคือหญิงวัยกลางคนที่วิ่งออกมาจากซอยเล็กๆพ่วงท้ายด้วยผู้ติดเชื้อฝูงใหญ่ๆ ในอ้อมอกของเธอมีเด็กทารกที่กำลังร้องไห้อยู่ด้วย

“******เอ้ย!” เชิดวุธสบถพร้อมทำสัญญาณประทับปืน

หญิงนิรนามวิ่งได้ราวสี่เมตรก็ล้มลงไป ทหารนายหนึ่งตัดสินใจโผเข้าช่วยทันทีแม้ระยะทางจะห่างกันมากก็ตาม

“อย่าไป อาร์ท” ชายหนุ่มตะโกนห้ามลูกน้องในหมวดแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะเขาวิ่งออกไปไวเหลือเกิน

“บัดซบฉิบ” ภาพเบื้องหน้าทำให้เชิดวุธแทบจะสำรอกของเสียออกมาเพราะเหล่าผู้ติดเชื้อต่างรุมใช้มือเปล่ากระชากหนังหน้าท้องอย่างรุนแรงแล้วคว้านเอาเครื่องในออกมาท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของ
หญิงสาว จ่าสิบเอกอาทิตย์ หรือ จ่าอาร์ท วิ่งเข้าไปดึงเอาเด็กออกมาจากอ้อมอกแล้ววิ่งกลับแต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อ สุนัขติดเชื้อตัวเขื่องๆวิ่งมาเกาะหลังของจ่าอาร์ทด้วยความเร็วและก่อนที่มันจะฝังเขี้ยวนั้นเองเขาก็ล้วงปืนพกยิงใส่อย่างเร่งร้อน

แต่เคราะห์ยังไม่หมดเท่านั้นเพราะยังมีสุนัขติดเชื้อต่างสายพันธ์อีกแปดตัววิ่งพรวดเข้ามารุมทึ้งจ่าผู้โชคร้ายอย่าที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย

“บัดซบเอ้ย !”

ชายหนุ่มกดวอเรียกหน่วยพิราบทันที

“พิราบ จากอินทรีย์เรียกพิราบ”

“พิราบตอบ ว่าไปครับ”

“มีการติดต่อจากหน่วยเหนือมาบ้างมั้ย”

“ไม่มีครับผม”

“ไอ้เวรเอ้ย นี่คิดจะทิ้งให้มาตายกันที่นี่ใช้มั้ยวะ !”

ไม่กี่อึดใจปืนกลหลายๆกระบอกต่างพร้อมใจกันแผดเสียงขึ้นทำให้เมืองอันเงียบสงัดเริ่มเจือไปด้วยกลิ่นคาวฉุนจมูกของเลือดผู้ติดเชื้อ เมื่อเห็นว่าเปล่าประโยชน์ที่จะยิงเชิดวุธจึงทำสัญญาณล่าถอย หน่วยผสมจึงถอนกำลังด้วยความเจ็บใจ แต่เชิดวุธก็อดไม่ได้ที่จะส่งกระสุนเข้าหัวจ่าอาร์ทเพื่อเป็นการบอกลา ทุกการกระทำของพวกเขาล้วนแต่อยู่ในสายตาของเหล่าผู้บังคับบัญชาเบื้องบน
“การอพยพคนเป็นยังไงบ้าง? รายงานที่ซิ” เสียงเข้มบ่งบอกถึงอำนาจได้กล่าวโดยไม่หันมามองชายเบื้องหลัง สายตาจดจ้องอยู่ที่โทรทัสน์วงจรปิดที่กำลังแสดงภาพเหล่าทหารกำลังล่าถอย
“ลงเรือหลวงเรียบร้อย ภารกิจเสร็จสิ้น ครับ!”
“แล้วฝูงบิน ‘แองกรี้ เบิร์ด’ ล่ะ?” ชายสูงวัยเอ่ยถามอีกพลางจิบกาแฟรสเข้มช้าๆ
“กำลังจะมาถึงในอีกสามวันครับผม !”
เขาพยักหน้าอย่างพอใจแล้วกล่าวต่อ “ ‘เธอ’ คนนั้นมามั้ย?”
“ต้องมาแน่นอนครับผม”


“ไอ้ระยำเอ้ย !” เชิดวุธสบถพลางกระโดดข้ามซากรถผุพังแล้วคู้ตัวแอบ ส่วนทหารนายอื่นๆก็ทำตามกัน โดยหลบอยู่ที่รถคันอื่นๆ แสงแดดแรงกล้าแผดเผิวหนังส่วนที่ไร้อาภรณ์ปกปิดเริ่มมีเหงื่อกาฬผุดขึ้นมาจากต่อม เขากลั้นหายใจเมื่อสัมผัสได้ถึงเสียงลากเท้าจำนวนมากมายมหาศาลที่เริ่มย่างกรายเฉียดใกล้

ชายหนุ่มพยายามทำตัวให้ลีบที่สุดโดนซุกอยู่กับช่องว่างใต้รถ จนกระทั่งพวกมันเดินผ่านตรงหน้าไปจนหมดเขาถึงถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วพิงกับซากรถ แต่ด้วยอะไรไม่ทราบทำให้รถที่ตั้งกะเท่เร่นั้นหงายหน้าล้อชี้ฟ้าพร้อมส่งเสียงดังทำลายความเงียบและทำเอาฝูงซอมบี้หันมาทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง....

“ไม่นะ..” ชายหนุ่มอุทานก่อนจะฉุดให้สมาชิกหน่วยลุกขึ้นแล้วตะโกนสั่งเชิดวุธ

“ไปที่จุดประจำการของหน่วยเต่าก่อน”

เชิดวุธได้ยินก็เข้าใจได้ทันทีจึงสั่งให้หน่วยของตนวิ่งตามหลังเพื่อนรักโดยมีเหล่าผู้ติดเชื้อเดินตามอย่างไม่ลดละต่อความพยายาม

วิ่งไปได้ไม่กี่อึดใจก็มาถึงจุดที่มีซากรถติดไฟที่ยังไม่มอด คราบเลือด กระเป๋าเป้สนาม อาวุธ จำพวกปืนกลหนัก และกระสุนจากร่างของทหารรบพิเศษผู้ไร้วิญญาณ เขายิ้มร่าออกมาอย่างดีใจราวกับเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่ และใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการออกคำสั่ง ‘เคลียร์’ สถานที่

“เอาวะ ถ้ามันยังตามมาก็แลกกันให้ตายไปข้างหนึ่งเลย” เชิดวุธคำรามก่อนจะชี้นิ้วไปที่รถกระบะซึ่งจ่าประโยชน์ก็รีบนำปืนกลหนัก M – 249 ขึ้นไปตั้งทันที ไม่นานนักเหล่าอริของเขาก็ค่อยๆแห่กันมาตามที่คาด

“ใช้อาวุธที่ตกพื้นก่อน เอาอาวุธเราเก็บไว้” ชายหนุ่มเองก็บงการพร้อมๆกับหยิบปืนกลเบา MP – 5 ออกมาตรวจกระสุนและตั้งศูนย์ปืน เมื่อเหลียวมองไปรอบๆก็พบว่า ‘พวกมัน’ ตกอยู่ในดงกระสุนปืนเรียบร้อย

“ยิง ฆ่าไอ่พวกนี้ให้หมดเลยเว้ย !” เชิดวุธร้องสั่งแล้วประทับไก

“ผู้หญิง หรือ เด็ก ฆ่ามันอย่าให้เว้น !” ชายหนุ่มตะโกนทับ

จากนั้นเสียงกระสุนปืนทุกขนาดต่างแผดกัมปนาทไปทั่วจุด แรงปะทะทำเอาฝูงซอมบี้ตัวกระเทือนไปด้วยแรงปะทะ ที่ ‘หัวแตก’ ไปเพราะกระสุนตอกหน้าผากก็มีเยอะ แต่กระสุนที่รวบรวมมาได้ก็หมดไปอย่างรวดเร็วพวกเขาจึงต้องใช้ระเบิดมือกันอีกครั้ง

“ระวัง ระเบิด !”

ตูม !

อานุภาพระเบิดเขวี้ยงทำให้ร่างไร้ชีวิตแหลกเหลวปลิวกระจัดกระจายและมีอะไรบางอย่างปลิวตกมาใกล้เขา เมื่อเชิดวุธพิเคราะห์ดูดีๆก็เห็นว่าเป็นมือ...ที่กวนประสาทที่สุดในชีวิตเพราะมันมีเหลือเพียงนิ้วเดียวที่ชูหราออกมาอวดสายตานั่นคือ...นิ้วกลาง !

“ฮ่ะๆๆๆ มันคงมอบให้***เป็นของขวัญก่อนตาย” เพื่อนรักแซวมา

“บัดซบ” คนถูกแถวสบถพร้อมกระทืบมือนั้นหนักๆแล้วพูดต่อ “ติดต่อหน่วยเหนือ”

ระหว่างที่เชิดวุธติดต่อฐานบัญชาการนั่นเอง เขาก็ใช้เวลาที่เหลือโดยการสั่งให้ตรวจค้นสิ่งของจากเหล่าซอมบี้ที่สวมเครื่องแบบทหาร ซึ่งก็ไมได้ทำให้เขาผิดหวังแม้แต่น้อย เพราะเจอระเบิดลูกเกลี้ยง ,
แม็กกาซีน , สิ่งของสำคัญต่างๆจากเป้สนามของแต่ละคน จนกระทั่งเชิดวุธกวักมือเรียกเพื่อนรักแล้วดึงมากระซิบทันทีที่ใกล้ตัว

“หน่วยเหนือยืนยันคำเดิมว่าให้เราไปเอา ไอ่เด็กพงพัฒน์ นั่นแล้วฝ่าออกมา”

“หา ! ฝ่าดงตีนออกมาเนี่ยนะ” ชายหนุ่มอุทานอย่างไม่เชื่อหูแต่ก็รวบรวมสติได้อย่างรวดเร็วก่อนกดวอไปหาพลซุ่มยิงที่อยู่ที่ไหนซักแห่ง

“พิราบ พิราบ จากอินทรีทราบแล้วเปลี่ยน.”

“พิราบทราบแล้ว ขอให้ผมได้ย้ายของก่อนเถอะครับ ที่นี่วิสัยยิงไม่ถึง มองทาง 10 นาฬิกานะครับ”

ชายหนุ่มเหลียวมองไปตามที่บอก ก็เห็นเชือกเส้นหนึ่งกำลังติดรอก ลากกล่องไม้ขนาดใหญ่โดยมีคนสองคนกำลังช่วยกันดึงคนละด้าน

“กูว่าแล้ว...มันไมได้มาคนเดียวแน่ !” เชิดวุธเองก็มองเห็นอย่างที่เขาเห็นด้วยแล้วพูดต่อ

“เดาไม่ผิด อีกคนคงเป็น สปอตเตอร์ (พลชี้เป้า)”

ชายหนุ่มพยักหน้า จากนั้นจึงสั่งเคลื่อนพลอีกครั้ง


19.45 น.

เหล่าทหารหารต่างหลบซ่อนตัวอยู่ในตึก หลีกเร้นกายราวกับเงาในยามค่ำคืนเดือนดับ

แต่กระนั้นแสงจันทร์ก็ยังคงส่องแสงสว่างฉายเจิดจ้า ทุกคนรอเพียงเวลา....ที่เมฆก้อนใหญ่จะเคลื่อนมาบดบังแสงจันทร์เท่านั้น

“ถ้าเทียบกันแล้ว วันนี้...ก็คงเป็นวันพระใหญ่สินะ” จ่าประโยชน์เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบกับทหารหนุ่มข้างกาย

คนฟังมุ่นคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะถามอย่าง งงๆ “ทำไมเหรอครับจ่า”

“อุวะ! ไอ้ไมค์ นี่***ไม่รู้อะไรเลยเรอะ” ว่าพลางยกมือขึ้นเขกกะโหลกนายสิบรุ่นน้องเบาๆ “วันพระก็คือวันปล่อยผียังไงล่ะวะ”

จ่าไมค์คลำหัวป้อยก่อนถามต่ออย่างไม่ลดละ “แล้วที่อยู่ข้างนอกนี่เป็นพวกสาวๆที่รอเราอยู่รึไงล่ะลุง”

คำถามเรียกเสียงฮาครืนได้จากทหารที่นั่งฟังเป็นอย่างดี จนกระทั่ง...

“ผู้กองครับ ‘เดือนดับ’ แล้วครับ” ก๊อตที่ทำหน้าที่สังเกตการณ์พระจันทร์ได้ร้องบอกนายทหารทั้งสอง ซึ่งทั้งสองต่างพยักหน้าพร้อมกัน สาเหตุเขาเลือกตอนที่ท้องฟ้าไร้จันทร์เป็นเพราะต้องการเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบที่สุด หน่วยผสมย่องเบาผ่านฝูงซอมบี้ที่ยืนประปรายไม่เป็นระเบียบ มีครั้งหนึ่งที่เชิดวุธเกือบแผลงกระสุนใส่ เพราะมันหันหน้ามาหา ใบหน้าของมันแหว่งจนเห็นกล้ามเนื้อข้างใน ทั่วทั้งตัวแทบจะหาส่วนที่เรียกว่า ผิวหนัง ไม่ได้เลย มันเดินไปมาอย่างไร้จุดหมาย ยิ่งกว่านั้นคือลำไส้ของมันที่กองอยู่กับพื้นได้ถูกลากไปมา สร้างกลิ่นคลื่นเหียนอย่างมาก จนเชิดวุธตั้งท่าจะยิงแต่ชายหนุ่มก็ใช้มือแตะที่กระบอกปืนก่อน และเขาก็มาถึงโรงแรมเป้าหมาย(ของวันนี้)จนได้

บรรยากาศของโรงแรมที่ส่งมาถึงเขานั้นไม่ใช่บรรยากาศที่ดีซักเท่าไหร่ เป็นบรรยากาศที่ชวนอึดอัดเสียมากกว่า

และเมื่อย่างเท้าเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความหนาวยะเยือก เฟอร์นิเจอร์ ต่างๆ ถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย คราบเลือด เปรอะไปตามกำแพง และที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือ สิ่งเดียวที่ดูเหมือนจะไม่ได้ถูกผลกระทบไปด้วยนั่นคือ รูปหญิงสาวแต่งชุดพื้นเมืองในอิริยาบถทอผ้า ใบหน้าสวยงามหมดจด แต่แววตาของเธอกลับดุดันเสียจนแทบจะมองทะลุออกมาจากรูปภาพ

ขณะที่ทหารกำลังวางสัมภาระนั่นเองก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่จับใจความไม่ได้


http://www.youtube.com/watch?v=lOTpTyZPOcs

ทุกคนต่างเงียบเสียงฝีเท้าลงแทบจะพร้อมๆกันเมื่อแว่วเสียงครางอืออืมของผู้หญิงดังก้องกังวานไปมาในโรงแรมร้างที่พวกเชิดวุธเข้ามาหลบภัยในยามค่ำคืน

เสียงนั้นทำเอาทหารเดนตายทั้งยี่สิบคนต่างขนหัวลุกขึ้นมาพร้อมเพรียงเป็นหมู่คณะพลางเหลือบตามองกันไปมาราวกับขอความเห็น..แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบจากปากของผู้นำทั้งสอง

"บัดซบฉิ.." เชิดวุธยังไม่ทันได้สบถเต็มคำก็ต้องหยุดเมื่อเพื่อนรักเอามืออุดปากไว้ ส่วนเขาเองก็ค่อยๆร้องตามเสียงสยองขวัญนั่น

"อี่ป้อไปนา....นอกบ้าน ไปเก็บบ่าซาน...ใส่โป้..."

เชิดวุธถึงกับเบิกตามองอย่างไม่เชื่อว่าเพื่อนรักจะร้องตามได้ "เชี่ย เช็ดโด้โคอาล่าสามบาท"

ชายหนุ่มทำมือจุ๊ปากก่อนจะค่อยๆทำมือให้กระจายกำลังกันออกค้นหาต้นเสียงซึ่งหน่วยรบพิเศษทั้งสองต่างสลายตัวอย่างรวดเร็ว

เสียงเพลงเยือกเย็นยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆพร้อมกับอาการประสาทที่เริ่มเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆของคนขวัญอ่อนบางคน ทหารบางคนถึงกับวางปืนแล้วทรุดลงพิงฝาส่ายหน้าไปมาก่อนจะยกมือปิดหน้า

บางคนถึงกับหลับตา ปิดหูแน่น เหลือเพียงเหล่าทหารบางคนที่ตอนนี้ก็เริ่มออกอาการเดียวกัน แม้แต่เชิดวุธเองก็ยังเริ่มมีอาการหน้าซีดจนชายหนุ่มต้องกระชากหัว บีบไว้แล้วค่อยๆท่องมนต์อย่างเร่งรีบ

"ปัจจะมัง สิระสัง ชาตัง นะอดทน นะกาโร โหติสัมภะโว
นะรานะระหิตัง เทวัง นะระเทเวหิจชิงตัง นะรานังกามะปังเกหิ
นะมามิสุคะตังนัง กัณหะ เนหะ "

ทันทีที่เป่ามนต์ใส่กระหม่อมเชิดวุธนั่นเอง ว่าที่พันตรีหนุ่มก็เริ่มมีสีหน้าที่มีเลือดฝาดขึ้นมา เขาสะบัดหน้าเบาๆก่อนจะดึงกระติกน้ำออกมาจิบเพื่อเรียกสติ

"ตั๋วนึ่งไว้ส้า...กินงาย....ตัวนึ่งไว้ขาย...แลกเข้า...ตัวนึ่งไว้ปั๋นเจ้า....ปั๋นเจ้า....."

ชายหนุ่มยืนสูดลมหายใจหนักๆพร้อมส่งสัญญาณเรียกพวกทหารที่ยังยืนอยู่ข้างๆกายให้ไปต่อ อุณหภูมิเริ่มต่ำลงจนกระทั่งเขารู้สึกได้ และขนคอก็เริ่มตั้งเป็นแผงราวกับมีลมหายใจเบาบางรินรดต้นคอ

"ไม่ว่ายังไงก็ตาม เราต้องหาที่มาของเสียงนี้ให้ได้" เชิดวุธกำชับกับทุกคนที่ยังเหลือขวัญกำลังใจดีอยู่ แม้ว่าเขาเองจะรู้สึกเย็นเยียบตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ตามที

แต่ตรงกันข้ามกับเพื่อนรัก เพราะเขานั้นแม้จะรู้สึกแบบเดียวกันกับเชิดวุธ แต่เขาก็รู้สึกว่าความรู้สึกเก่าๆจะกลับมาหาเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มข่มใจโดยการสะบัดหน้าแรงๆพร้อมนำทีมค้นหาทำงานต่อไป

ทุกขั้นบันไดนั้นราวกับขาของพวกเขาถูกถ่วงไว้ด้วยแรงโน้มถ่วงมหาศาลของโลก หนังตาเริ่มมึนตึง สติสัมปชัญญะเริ่มเลื่อนลอยออกไป เขาสะบัดหน้าแรงๆอีกครั้ง เพื่อเป็นการกระตุ้นสติ
เช่นเดียวกันกับเชิดวุธที่ถ่มน้ำลายแรงๆใส่ผนังกำแพง

"จา....จา....บ่ะหล้าหลับ....สองต๋า.... อี่ป้อไปนา....นอกบ้าน"

และทุกห้องในชั้นสองโรงแรมขนาดเล็กๆนี้ก็ยังคงว่างเปล่า แต่เสียงลึกลับนั้นยังคงเห่กล่อมพวกเขาต่อไปจนกระทั่ง.......

ไปสะดุดตากับภาพหญิงสาวแต่งกายแบบชาวเหนือกำลังนั่งไกลเปลให้ทารกผู้นอนหลับไหลอย่างมีความสุข ภาพเบื้องหน้าทำเอาเขาขนหัวลุกวาบเพราะนางในภาพนั้นเป็นคนเดียวกันกับรูปที่อยู่ที่ห้องรับรอง และเธอยามนี้ราวกับจะจ้องเขากลับด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดของจ่าประโยชน์ก็ได้ดังแว่วขึ้นมาในโสตสัมผัสของเขา หัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าเผชิญหน้ากับเหล่าฝูงผู้ติดเชื้อเป็นร้อยเท่าพันทวี

"ลา.......หลับ.....ไป อื่อ อือ อืม......."


"ไม่ไหวแล้ว บร๊ะเจ้าโจ๊ก โซคูลล" เชิดวุธล้มตัวลงกับเตียงเปล่าๆตรงหน้า เขาพยายามสะกิดเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินค้นหาต้นเสียงต่อด้วยตัวเอง

รอบข้างกายของเขามีสิ่งเดียวที่เดินเคียงข้างนั่นคือความรู้สึกเย็นยะเยือกที่วนเวียนอยู่รอบกาย สมองของเขาจินตนาการต่างๆนาๆถึงภาพเบิ้องหน้า

กลิ่นอับชื้นระคนกับสาบสางเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเดินขึ้นไปบนชั้นสามแล้ว เขาจึงกราดสายตาไปทั่ว เข็มปัดพรายน้ำบ่งบอกถึงเวลาสี่ทุ่มครึ่ง !

เมื่อชายหนุ่มค่อยๆแง้มประตูห้องก็ต้องรีบปิดจมูกทันทีเพราะ.......ร่างลอยเด่นเบื้องหน้านั้นถูกรัดด้วยเชือกไนล่อนขนาดเขื่องๆ เมื่อลองส่องไฟฉายก็เห็นได้ว่าเป็นร่างของหญิงสาวนิรนามนางหนึ่ง

ที่เริ่มขึ้นอืด มีหนอนไต่อยู่ทั่วร่างกาย ใต้เท้าของเธอมีกระดาษผืนเล็กตกอยู่ ด้วยความสงสัย(ที่ตอนนี้มีมากกว่าความกลัว)เขาจึงค่อยๆเอื้อมมือไปคว้ามาแล้วค่อยๆคลี่อ่าน


"เหนือธรรมชาติที่มันเคยสร้าง
ฉันมองเห็น
ประกายเรืองรอง
ของแสงแห่งความตาย
ในจินตภาพอันงดงาม"


ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ จากนั้นเสียงเพลงสั่นประสาทก็ได้หยุดลงเมื่อถึงคราวจบ เขาค่อยๆเดินอย่างระมัดระวังไปถึงห้องสุดท้ายที่ปิดประตูอยู่ ชายหนุ่มกลั้นลมหายใจสั้นๆก่อนจะถีบประตูออก

ซึ่งมันก็ไม่ได้ลงกลอนแม้แต่น้อย เขาค่อยๆเดินเข้าไปในห้องเล็กๆที่ฉาบไล้ไปด้วยรูปวาดต่างๆ ซึ่งเดาได้ไม่บากว่าเป็นห้องของผู้หญิง ไออุ่นนั้นแสดงว่ามีคนเคยอยู่ไม่นานมานี้ และ.......

"เป็นผม ผมจะไม่เข้ามา" เสียงเข้มดังปรากฏขึ้นเบื้องหลังพร้อมเสียงเสียบแม็กกาซีนของปืนพก และหญิงสาวถือปืนผุ้ปรากฏเบื้องหน้าทำให้เขาเลิกสงสัยได้เลยว่าใครเป็นคนร้องเพลงกล่อมลูก !!!

จบตอน

pza00007
31st July 2011, 18:21
มาสมัครตัวละครน่ะครับผม

ตัวแรก

ชื่อ เสฎฐวุฒิ

นามสกุล นิยมสามารถ

ชื่อเล่น ปูน

สัญชาติ ไทย

หน้าตารูปร่างสีผมลักษณะต่างๆ:สูง 180 CM หนัก 60 KG รูปร่าง สมส่วน ไว้ผมยาวระต้นคอ ผมสีน้ำตาลอมแดง ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม คิ้วเข้ม หน้าตาหล่อใช้ได้ (^ ^") ตอนที่พบใส่รองเท้าผ้าใบสีดำ ก็ใส่ชุด ประมานนี้

http://men.mthai.com/uploads/manager/smile28/geans_deve1.jpg

นิสัย เฮฮา เป็นมิตรกับทุกคน ร่าเริง ไม่ใช่คนที่กล้าหาญเหมือนพระเอกหนังเพราะฉะนั้นก็ต้องมีกลัวบางสิ่งบางอย่างบ้าง (^ ^)

อายุ 19

อาชีพ นักศึกษา

อาวุธประจำตัว - ไม่มี

ประวัติ คร่าวๆ อาศัยอยู่ในกรุงเทพเป็นนักศึกษาที่เรียนอยู่ที่มหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ใช้ชีวิตเฮฮาไปกับเพื่อนๆเรื่อยๆไม่ได้คิดอะไรมาก เป็นนักร้องนำของวงดนตรีที่เขาตั้งกับเพื่อนด้วย ความถนัดในการใช้อาวุธก็พอใช้ได้อยุ่แต่ไม่ถึงกับเก่งมากนัก ใช้ปืนเป็น (แค่นี้พอที่เหลือก็แล้วแต่พี่ตั้ม)

ตัวที่สอง

ชื่อ พิมชนก

นามสกุล เชียงนุ่น

ชื่อเล่น โม

สัญชาติ ไทย

หน้าตารูปร่างสีผมลักษณะต่างๆ:สูง 165 CM หนัก 49 KG รูปร่าง สมส่วน ไว้ผมยาว ผมสีน้ำตาลโอวัลตินประกายทอง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน คิ้วบาง หน้าตาน่ารักขาวสวยตามสไตน์สาวเชียงใหม่ (^ ^") ตอนที่พบ ก็ใส่ชุด ประมานนี้

http://upic.me/i/h9/sdfasfdsaf.jpg

นิสัย เป็นมิตร นิสัยดี แต่ไม่เฮฮา เวลาทำอะไรก็จะจริงจังมากๆ ดูภายนอกเหมือนจะเป็นคนที่อ่อนแอแต่จริงๆแล้วใจเข้มแข็งมากๆ จะไม่แสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็นแต่จะเก็บไว้ในใจ ทำให้ชอบปวดหัวบ่อยๆเพราะเครียด ไม่ชอบให้คนมาแตะเนื้อต้องตัว รักนวลสงวนตัว

อายุ 19

อาชีพ นักศึกษา

อาวุธประจำตัวที่พกอยุ่ - เครื่องช๊อตไฟฟ้า มีดพก คัตเตอร์

ประวัติ คร่าวๆ อาศัยอยู่ที่เชียงใหม่แต่มาเรียนในกรุงเทพและพึ่งจะมาเรียนซะด้วยจึงไม่ค่อยรู้เส้นทางในกรุงเทพนี้มากนัก เป็นคนที่น่ารักมากๆจึงเป็นที่จับตามองของใครๆหลายคนแต่เนื่องจากน่ารักนั่นเองภัยอันตรายต่างๆที่อยู่รอบๆก็มีมากขึ้นทำให้เธอต้องพหอาวุธประจำตัวไปในทุกที่โดยอาวุธมีอยู่อย่างคือเครื่องช๊อตไฟฟ้า มีดพก คัตเตอร์ แต่ละอย่างก็จะเก็บไว้คนล่ะที่กัน
ความแข็งแรงก็พอใช้ได้อยู่เพราะเคยเล่นโยคะ เคยเป็นมือกลองของวงดนตรีสมัยเรียนมัธยมที่เชียงใหม่(แค่นี้พอครับที่เหลือแล้วแต่พี่ตั้ม)

Stormwind
31st July 2011, 18:34
Chapter 17 That….


สรรพเสียงหรี่เงียบลงเหลือเพียงเสียงลมหายใจอันหนักหน่วยของทั้งสามคนที่ยืนจ้องหน้ากันอย่างไม่ลดราวาศอก จนกระทั้งหญิงสาวผู้ร้องเพลงกล่อมลูกไดดินเข้ามาใกล้แล้วกระชากปืนออกจากมือของชายหนุ่ม

“มากันกี่คน ?” เสียงเข้มสำเนียงแปลกหูเอ่ยถามพร้อมกับจี้กระบอกปืนเข้านาบกับต้นคอของเขา

“ยี่สิบสอง เหลือยิ่สิบ” เขาจำเป็นต้องตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ดูท่าทางนายคงจะมียศสูงล่ะสิ” ร่างสูงเบื้องหลังพูดต่อโดยที่สายตาคู่คมจับจ้องไปที่เครื่องหมายดาวสามดวงบนปกเสื้อ สัญชาตญาณบอกกับเขาว่าชายเบื้องหน้านั้นเป็นคนดี

“เรามาตามหาคน” สัญชาตญาณของฝ่ายตรงข้ามเองก็บอกได้ว่าพวกเขาแค่ต้องการป้องกันตัว ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อยเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะพูดต่อ

“ผม ร้อยเอก ธวัชชัย” พร้อมกันนั้นเขาก็หันหน้าเข้าประจันหน้ากับชายเบื้องหลัง สิ่งที่เขาเห็นคือชายร่างสูงใหญ่ นัยน์ตาสีฟ้า ใบหน้ากลมเรียว ดวงตาสีฟ้านั้นก็จับจ้องมาที่เขาอย่างคลางแคลงใจ
แต่ก็รีบลดแววตานั้นลงเพราะฝ่ายตรงข้ามไม่มีท่าทีอะไรที่แสดงว่า ‘มาร้าย’ เลย เขาจึงยิ้มแล้วยื่นมืออกไปเบื้องหน้า

“ผม ร้อยตรี ดัส สตอร์ม ยินดีที่ได้รู้จัก ทหารไทย”

“รอ. หนุ่มเองก็ยิ้มรับและยื่นมือออกไปบีบเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามต่อ

“ผู้หญิงที่ร้องเพลงนี่คงเป็นแฟนของนายสินะ”

พูดจบแล้ว รอ.หนุ่มก็หันกลับไปมองหน้าของสาวน้อย พร้อมจับลักษณะ ใบหน้าของหญิงสาวเรียว นัยน์ตาสีดำเข้มราวกับจะกลืนกินรัตติกาลเข้าไปด้วย ผมสีดำซอยสั้นประบ่า พริ้วลู่ลมจากหน้าต่างที่ถูกเปิดกว้างเอาไว้ ซึ่งสาวเจ้าเองก็ถลึงตากลับอย่างไว้ตัวจนเขาต้องหันหน้ากลับมาก็สังเกตุได้ว่า รต. ดัส มีท่าทีประหม่าเล็กน้อยก่อนจะสบตากับหญิงสาว ซึ่งสาวเจ้าก็เสมองไปทางอื่น ดัสจึงส่ายหน้าเบาๆแล้วเลี่ยงคำถาม

“กองทัพเป็นอย่างไรบ้าง แล้วทำไมคุณถึงมาที่นี่คนเดียว ?”

คนฟังนึกขันขึ้นมาทันที ‘ฝรั่งตาน้ำข้าวคนนี้ช่างคุยเสียเหลือเกิน’ ก่อนจะตอบง่ายๆ ได้ใจความ

“หลับ” เขาเว้นระยะเล็กน้อย “เพราะเพลงกล่อมลูกนั่นยังไงล่ะ”

รต. ดัส ขมวดคิ้วมุ่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วเอ่ยตัดบททันที

“เราคุยกันมามากพอแล้วล่ะ ขอให้คุณเดินออกจากห้องช้าๆ พรุ่งนี้ถ้าคุณจะมาอีกขอจงเคาะประตูสามครั้ง แล้วเราจะเปิดให้”
ดัสพูดจบก็ก้มลงเก็บปืนให้ชายหนุ่ม ก่อนจะลงบันไดไป รอ.หนุ่มก็ได้ยินเสียงไล่หลังมาอย่างชัดเจนว่า

“ฝากบอกเขา ว่าพวกเราอยู่ที่นี่”



วันที่ 7 ของการแพร่เชื้อ

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาก่อนจะหันไปมองร่างบางของแฟนสาวที่นอนหลับอยู่ข้างๆ เขายิ้มน้อยๆก่อนจะจุมพิตที่หน้าฝากและพวงแก้มขาวนวลสุกปลั่งของเธอ จากนั้นจึงจัดการธุระเสร็จแล้วจึงเดินออกมาข้างนอกก็พบกับเพลิงที่กำลังนั่งลับมีดบินของเขาอยู่

“อรุณสวัสดิ์ เพลิง”

คนฟังเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้ม “ครับผม” จากนั้นก็ก้มหน้าลงง่วนกับการลับมีดต่อไป

“เต้ล่ะ ?” ตั้มเอ่ยถามแต่ก็ได้ยินเสียงเดาะบอลเบาๆหน้าบ้านแทนคำตอบ เขาจึงเดินออกมานอกบ้าน เพียงไม่กี่ก้าวก็เห็นต้กำลังเดาะบอลอยู่บนพื้นหญ้าตรงส่วนข้างแปลงดอกไม้ พร้อมกับนิคที่กำลังนั่งดูดอกกุหลาบสีชมพูอยู่ข้างๆ ในมือของเธอเองก็มีดอกกุหลาบสีขาวซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าใครมือบอนเด็ดมาให้

“อ้าว กัปตัน ตื่นแต่เช้าเลยครับ” หนุ่มโมฮอคร้องทักแล้วหวดบอลโด่งเข้าหาอดีตกัปตันเป็นการทักทาย ชายหนุ่มพักอกแล้ววอลเล่ย์ตามแบบถนัดของเขาทันที ตูมเดียวบอลถึงเท้าของเต้อย่างแม่นยำราวจับวางราวกับจะทักทายกลับเช่นกัน

“ กินข้าวกันรึยัง ?” เจ้าบ้านเอ่ยถามก่อนจะจ้องมองกุหลาบในมือของนิค สาวน้อยรู้ทันจึงนำกุหลาบไปซ่อนด้านหลังแล้วตอบ

“เนยกำลังหุงข้าวค่ะ” นิคตอบเมื่อตั้มหันไปหยิบดาบไม้สองเล่มออกมาจากลังเก็บอุปกรณ์ พวกเขาใช้เวลาร่วมสามวันไปกับการฝึกซ้อมทักษะป้องกันตัวที่ทั้งตั้มและเพลิงเป็นคนสอนบรรดา
สามสาว ‘เพาเวอร์ พัพ เกิร์ล’ จนทั้งสามเริ่มจะใช้อาวุธต่างๆเป็นบ้างแล้ว และรวมถึงทั้งสามหนุ่มที่ต่างฝึกซ้อมการบ้านของตนเองด้วย

“เอ้อ....พี่ตั้มคะ” สาวน้อยลุกขึ้นมาเรียก เมื่อชายหนุ่มหันมาเธอจึงพูดต่อ

“ข้าว....กำลังจะหมดแล้วนะคะ” พูดจบนิคก็เดินกลับไปนั่งดูเต้เดาะบอลต่อ เรื่องเสบียงคือสิ่งที่เขาคิดมาตลอดตั้งแต่แรก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา


หลังจากกินข้าวเสร็จตั้มจึงนัดประชุมแผนการ ‘ปล้น’ เสบียงในห้าง กฎระเบียบ และข้อควรปฏิบัติต่างๆ จากนั้นจึงนำเอาอาวุธทุกอย่างออกมา โดยมี ปืนลูกซอง Remington 870 marine สีเงิน 1 กระบอก ,
ปืน .375 2 กระบอก , Glock อีก 1 กระบอก ตบท้ายด้วยกระสุนอีกเล็กน้อยโดยแจกแจงให้ทุกคน แก้มแหม่มใช้ .375 ของพ่อ นิคเลือกใช้ .375 ของตั้มเช่นกัน และตบท้ายด้วยเนยที่ขอผ่าน
แต่เพลิงก็จับปืน Glock ยัดใส่มือเนยแล้วบอกว่า
“แค่ถือไว้ เดี๋ยวพี่ดูแลเราเอง”


“เอาล่ะ รีบลงเร็วเข้า รวดเร็วหน่อย รวดเร็ว ! ” เมื่อถึงจุดลับตาคนแล้วตั้มจึงลงจากรถแล้วรีบกระตุ้นให้ทุกคนลงจากรถ ชายหนุ่มใช้เวลาคิดไม่นานก็รีบนำทางไปยังทางลับด้านหลังห้างที่เขาใช้บ่อยๆ
เมื่อเห็นว่าปลอดภัยเขาจึงได้ให้ทุกคนแยกย้ายกันไป จนกระทั่งได้เสบียงกรัง อาหารแห้ง และของจิปาถะแล้วก็ตรงกับเวลาบ่ายโมงพอดี ทั้ง 6 ชีวิตต่างรีบเร่งขนสัมภาระเมื่อเสร็จแล้วก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่แว่วมากับสายลมไกลๆ


“ช่วยผมด้วย !!!” ชายหนุ่มตะโกนสุดเสียงพลางโบกมือร้องขอความช่วยเหลืออย่างบ้าคลั่งโดยที่คนข้างล่างต่างมองไปมาอย่างเอื่อยเฉื่อยและไร้ทิศทาง เส้นผมที่บัดนี้เริ่มยาวได้พลิ้วไปตามแรงลมทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่าเสียงตะโกนแหบๆไม่มีทางไปถึงจึงบังคับมืออันเริ่มจะเหลือแต่หนังติดกระดูกหยิบไรเฟิลข้างกายแล้วกระชากปลอกเก็บเสียงออก เหนี่ยวไกส่งกระสุนปลิวเฉียดหัวคนข้างล่างไปแบบหวุดหวิดด้วยสัญชาตญาณติดตัวของเขา


และมันได้ผล ! กระสุนปลิวเฉียดหัวเต้ไปชนิดที่ว่าสัมผัสกับไอร้อนฉ่าของมันได้เลย หนุ่มโมฮอคเงยหน้าไปดูทางที่มาของกระสุนก็เห็นร่างหนึ่งกำลังโบกมือและมืออีกข้างโบกเสื้อสีเข้มบนยอดตึก
ตั้มเห็นดังนั้นจึงปรบมือ 3 ครั้งดังๆเป็นการเรียกสติของทุกคนให้หันกลับมามองเขา

“ฟัง !” เสียงของเขาทำให้ทุกคนต้องรีบหันหน้ากลับมาทันที “เพลิง ทำยังไงก็ได้ให้ขึ้นไปหาเขาก่อน แล้วอย่าขึ้นตึกนี้”

“ของถนัด” เพลิงรับคำแล้วหันหน้าไปคุยกับเนยและแก้มแหม่มอีกสองสามคำก่อนถอดสร้อยกางเขนสีเงินให้เนยแล้วรีบวิ่งไปทันที

“ส่วนเต้....ตามมา แหม่ม ฝากสองคนนี่ด้วย” ตั้มพูดจบก็ออกวิ่งเข้าสู่ตึกทันที



“สำเร็จแล้ว.....พวกเขามาช่วยเราแล้ว....” เขาโยนไรเฟิล นั่งลงแล้วลูบหัวหญิงสาวคนรัก ก่อนจะค่อยๆโน้มตัวลงประกบริมฝีปากอันแห้งผากกับเธอ จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขพร้อมกับหญิงสาวในอ้อมแขน

“เรารอดแล้ว เรารอดแล้ว !!”

ผ่านไปไม่นานร่างสมส่วนได้มายืนอยู่บนดาดฟ้าของตึกที่ใกล้แทบจะกระโดดข้ามไปได้ สายตาของเขาเหลือบมองชายหนุ่มกับหญิงสาวอย่างสมเพชก่อนจะอุทานเบาๆว่า “บัดซบล่ะสิ”


ชายหญิงสี่คนกำลังนั่งถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียดในห้องเล็กๆที่โรงแรม

“คิดถูกแล้วเหรอ ที่จะฝ่าไปช่วยเด็กชายที่เราก็ไม่รู้ว่าเค้าจะมีชีวิตอยู่รึเปล่า”

ชายผมเกรียนพูดพลางยกน้ำที่เหลือก้นแก้วกระดกเข้าปากอย่างรวดเร็ว และมีเสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายจากฝ่ายตรงข้ามก่อนจะมีคำตอบออกมา

“เขาต้องมีชีวิตอยู่” เชิดวุธพูดอยู่โดยที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทั้งคู่จ้องอยู่ที่ข้าวของจำเป็นอันน้อยนิดที่ชายหญิงทั้งสองได้จัดเตรียมไว้อย่างเป็นระเบียบที่มุมห้อง
แต่ในของจำนวนน้อยเหล่านั้นต่างใช้แทนกันได้แทบจะทุกชิ้น

“คุณใช้ตรรกะอะไรในการบอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ?” หญิงสาวฝั่งตรงข้ามย้อนถามอย่างไม่เกรงกลัว ทำเอาชายในชุดลายพรางทั้งสองถึงกับขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปม

“ถึงแม้ว่าเขาเสียชีวิตแล้วเราก็ต้องตามไปเอาซากของเขามาให้เจอ” รอ.ธวัชชัยตอบให้ก่อนจะจิบน้ำจากกระติกเช่นกัน

“งั้นเหรอ ? แล้วคนที่ยังมีชีวิตอยู่ คุณไม่คิดจะสนใจเลยเหรอ !” จู่ๆหญิงสาวก็ขึ้นเสียงใส่โดยที่ไม่มีเหตุผลทำเอาอารมณ์ที่เก็บไว้ของชิดวุธเองเริ่มจะทนไม่ไหว

“ทหารก็ต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา !” เขาเน้นเสียงเล็กน้อยแต่หญิงสาวกลับคิดไปว่าเขาใช้อารมณ์เข้าคุยด้วยจึงระเบิดแรงโมโหใส่เต็มๆ

“ไอ่คนโง่ ไอ่คนบ้า ไม่เคยจะสนใจลูกน้องว่าจะเป็นจะตายเลยรึยังไงหา !” หญิงสาวยังไม่สาแก่ใจ เธอระเบิดอารมณ์เข้าใส่โดยการต่อว่าเป็นชุดๆอย่างไม่หยุดยั้งจนกระทั่ง....

“ริน พอเถอะ”

เป็นดัสที่ห้ามทัพด้วยความเคยชินและหญิงสาวก็เงียบลงแทบจะทันที แต่ยังไม่วายที่จะถลึงตาใส่เชิดวุธเป็นของแถม

“กลับเข้าเรื่องของเราดีกว่า แล้วถ้าเกิดว่าศูนย์บัญชาการของคุณถูกทำลายล่ะ ?”

ร้อยตรีจากอเมริการีบถามเข้าประเด็นทันทีเนื่องจากปล่อยเวลาให้ผ่านมามากพอสมควร

“แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ถึงแบบนั้นกรมควบคุมโรคก็สร้างศูนย์อพยพอย่างลวกๆไว้ที่สนามกีฬาจังหวัดสมุทรสงคราม...ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี่ ที่นั่นจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน”

“แล้วพวกนายล่ะ?” ดัสถามอีกเพราะดูเหมือนทั้งสองจะมีที่หลบภัยอยู่ในใจแล้ว

“ค่ายทหารหรือไม่ก็....โรงแรมห้าดาวซักที่ล่ะมั้ง” ข้อสุดท้ายเชิดวุธตอบอย่างติดตลกแต่ไม่มีใครรู้สึกอยากจะร่วมหัวเราะไปกับเขาเลยแม้แต่น้อย

“เรือนจำหญิง!” รอ.ธวัชชัยตอบอีกพร้อมให้เหตุผล

“”มีระบบการป้องกันที่แน่นหนา ข้างในเป็นคุกสองชั้น ชั้นแรกคือกำแพงสูงสามเมตรมีรั้วไฟฟ้า ถ้าข้ามมาได้ก็จะต้องผ่านคูน้ำแล้วต้องปีนข้ามกำแพงสูงเจ็ดเมตรที่มีกำแพงลวดหนามกับรั้วไฟฟ้าอีกชั้น
มีเชิงเทิน มีหอสังเกตการณ์ อุโมงค์ใต้ดินที่เชื่อมต่อหากันได้ทุกที่ อาวุธ กระสุน สปอร์ตไลท์ เครื่องปั่นไฟโดยใช้น้ำมัน ระบบสาธารณูปโภคที่เทียบเท่ากับอมตะนครและที่สำคัญคือ....ผู้หญิง!”

พูดจบเชิดวุธถึงกับเหงื่อตกทันที

“***รู้ระบบภายในได้ยังไงวะ”

“ก็ต้องอย่าลืมว่าพ่อกูก็เป็นหนึ่งในคนออกแบบไอ่คุกนี่นะเฮ้ย”

ชายหญิงทั้งสองพยักหน้าอย่างเข้าใจทันทีแต่กำลังจะพูดว่าที่พันตรีก็เอ่ยขัดเสียก่อน

“แต่นักโทษหญิงพวกนั้นมันระดับเขี้ยวลากดินทั้งนั้นเลยนา ทั้งอาชญากรรม ทารุณกรรมทางเพศ ลักเพศ ฆาตรกร ยาเสพติด ที่รัฐบาลปิดข่าวไว้”

“แต่แบบนี้***ยิ่งชอบไม่ใช่เหรอวะ?” ชายหนุ่มเย้ากลับทันทีแต่ก่อนจะได้พูดต่อดัสก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาบ้าง

“ถ้าอย่างนั้นเราคงจะได้เจอกันที่ไหนซักแห่งนะครับ ป่ะ ริน เก็บของ”

เขาเอ่ยแล้วกำลังจะเดินหันหลังแต่มือใหญ่กลับบีบหัวไหล่เขาไว้แน่น

“ถ้าผมหรือคุณรอดไปได้สักวันเราต้องได้เจอกันอย่างแน่นอนครับ”

“โชคดี” เชิดวุธเองก็ลุกขึ้นมาจับมือกับร้อยตรีหนุ่มเป็นการบอกลา

“เช่นกันครับผู้กอง”



12.00 น. วันที่สี่ของการแพร่เชื้อ

“โหย หัวหน้า ทำไมไม่ให้สองคนนั่นมากับเราด้วยล่ะครับ?”

เสียงของทหารนายหนึ่งพูดขึ้นมาแทนทุกคนที่กำลังนั่งพักประจำชั่วโมง ทำเอาทุกคนเริ่มคุยกันงึมงำบ้างก็พยักหน้าเป็นสัญญาณว่าเห็นด้วย

“เพราะไม่อยากให้เสียวินัยในกองทัพ และไม่อยากให้มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก ตอนนี้ผู้บังคับบัญชาคือผมกับเชิดวุธ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”

หัวหน้าหน่วยอินทรีพูดจากนั้นเชิดวุธเสริมขึ้นมาบ้าง

“ไม่นับเรื่องผู้หญิงสวยน่ะนะ ถ้ามาด้วยล่ะก็....ไม่อยากคิด”

หลังจากครบกำหนดเวลาทั้งหมดก็จัดแถวแล้วเดินต่อไปโดยมีสายตาของสองคนที่มองผ่านมอนิเตอร์

“ใกล้เข้ามาแล้วสินะ” ชายร่างเล็กเอ่ยขึ้น ดวงตาวาวโรจน์จ้องอยู่ที่หน้าจออย่างไม่กะพริบตา จากนั้นใบหน้าต้องแสงจากหน้าจอจึงเหยียดยิ้มออกมาพร้อมกับยื่นรีโมตอันจิ๋วให้กับชายผู้กำลังหมกมุ่นกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คสองตัวที่เชื่อมระบบเข้าด้วยกัน

“เอ้า เปิดทางให้พวกเขาหน่อยสิ”

ชายหนุ่มหันหน้ามารับรีโมตแล้วจึงลุกขึ้นกล่าวย่างแช่มช้า

“ผมจะไม่ทำให้ผิดหวังครับคุณหนู” พูดจบเขาก็หยิบแว่นตาสีดำ และผ้าปิดปากทรงสามเหลี่ยมของเขาออกไปจากห้องทันที


ช่วงเวลาที่เดินทางแข่งกับแสงแดดเหล่าทหารต้องคอยสอดส่ายสายตาระแวดระวังจากทุกทิศทาง แม้มีบางครั้งที่เดินแยกกลุ่ม แต่ส่วนมากก็ยังคงพบกับผู้ติดเชื้ออยู่แทบจะตลอดทั่วทุกหัวระแหง
จนกระทั่ง.....

“******ล่ะ” ภาพตรงหน้าทำเอาเชิดวุธอุทานออกมาเพราะทางเดินสุดท้ายของพวกเขาถูกปิดกั้นด้วยฝูงผีดิบขนาดใหญ่ที่ยืนอัดกันเป็นกระจุกตรงทางเข้าคฤหาสน์หลังงาม
และเบื้องบนเหนือหัวของพวกมันก็คือร่างไร้วิญญาณที่ถูกกล้อนผมและแขวนคอเหนือหัวพวกมันเล็กน้อย

“จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?” เชิดวุธครางออกมาแล้วทำท่าจะถามเพื่อนรักแต่ก็เห็นระเบิดชนวนจากกระเป๋าสะพายของเขา แต่ก่อนที่จะได้ใช้ก็พลันได้ยินเสียงสัญญาณวิทยุดังขึ้นมาเสียก่อน

“ช้าก่อนครับ พบชายประหลาดบนตึก ทิศทาง สองนาฬิกา ครับ”

เมื่อทั้งสองใช้กล้องส่องทางไกลก็เห็น...ในสิ่งที่เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

“มันเป็นตัวประหลาดอะไรวะนั่น”
เชิดวุธสบถต่ออีกชุดเพราะชายที่เขาเห็นนั้นสวมผ้าคาดหัวสีขาว ผ้าปิดปากทรงสามเหลี่ยม แว่นตาสีดำ สวมเสื้อลายพราง กางเกงลายเดียวกัน แถมยังใส่ผ้าพันคอลายสก๊อตสีดำเขียว
เหมือนกับว่าชายแปลกหน้ารู้ว่าเขาถูกตกเป็นเป้าสายตาจึงค่อยๆโรยธงพื้นสีขาว เมื่อมองดูดีๆนั่นคือธงชาติเกาหลีใต้ที่พรุนไปด้วยกระสุนและยังมีรอยสเปรย์สีแดงพ่นกากบาททับ ชายปริศนายังคงยืนนิ่ง ปลดผ้าคาดปาก หลับตาแล้วกางแขนออกช้าๆ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างซึ่งหน่วยพิราบทำได้เพียงอ่านปากของเขาเท่านั้น

“Once be alone Forever be lone” (ครั้งหนึ่งเคยเดียวดาย....และจะเดียวตายตลอดไป)

บรึ้ม !!!!!!

จบตอน

pza00007
31st July 2011, 18:53
เห็นตัวละครแล้ว เหมือนว่าตัวละครพี่ดูด้อยลงไปเลยแฮะ
ผมอาจจะแก้ไขเรื่องราวใหม่นิดหน่อยนะครับ

ฮ่าๆ ครับผม แล้วแต่พี่เลยครับ ^ ^

5day-ago
31st July 2011, 19:04
เห็นตัวละครแล้ว เหมือนว่าตัวละครพี่ดูด้อยลงไปเลยแฮะ
ผมอาจจะแก้ไขเรื่องราวใหม่นิดหน่อยนะครับ

ขนาดนั้นเลยหรือนั้น 5555

Stormwind
31st July 2011, 20:22
Chapter 18 Feel Down


ท่ามกลางความสับสนและเศษเนื้อที่กระจัดกระจาย ชายหนุ่มปริศนาบนตึกได้โรยตัวลงจากตึกโดยเชือกไนล่อน เมื่อเท้าแตะพื้นแล้วจึงเดินย่างสามขุมอย่างใจเย็นเข้าหาเหล่าทหารที่กำลังสับสน
แต่ทหารเหล่านั้นก็ต่างประทับปืนรอต้อนรับจนกระทั่งเชิดวุธต้องสั่งให้ลดปืนลงพร้อมๆกับที่ รอ. ธวัชชัย ต่างเดินเข้าหาชายแปลกหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน

ชายเบื้องหน้านั้นสูงเพียง 170 สวมแว่นตาเรย์แบนด์สีดำ บนหน้าผากคาดผ้าคาดหัวรูปธงชาติเกาหลีที่ถูกกากบาทเช่นเดียวกับธงผืนใหญ่ที่ติดอยู่บนตึก

“มาหาคุณหนูพงษ์พัฒน์สินะครับ” เขาตอบพร้อมยืนมือออกมาเบื้องหน้าเพื่อแสดงความเป็นมิตร

“ผมชื่อ ณัฐพงษ์ ธิเชื้อ เรียกเล่นๆว่า นัท ก็ได้ครับ” เขาพูดต่อเมื่อเชิดวุธส่งมือออกมาบีบเบาๆ

“รีบไปกันเถอะ ดูท่าว่าพวกมันจะเริ่มแห่กันมาแล้วนะ” รอ. เพื่อนรักมองไปรอบทางพร้อมกับนัทที่เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว

ก่อนที่เชิดวุธจะเดินตามนัทไปนั้น รอ. ธวัชชัย ได้คว้าไหล่ไว้ก่อนจะเอ่ยถามตรงๆว่า

“เฮ้ย เกาหลีมันไม่ดีตรงไหนวะ” พูดจบเขาก็ร้องเพลง Put your hands up พร้อมเต้นออกมาเล็กน้อย

“ไอ่บ้า..มันไม่ดีที่***เต้นเนี่ยแหละ”

“นี่ยังน้ำจิ้ม เข้ามาข้างในบ้านแล้วจะรู้ว่าของจริงมันเป็นยังไงครับ” นัทเอ่ยแผ่วเบาเหมือนพูดกับตัวเองเสียมากกว่า และเมื่อเข้าใกล้รั้วบ้านแล้วเขาจึงกดรีโมตขนาดเล็กอีกอันทำให้ประตูเหล็กบานเขื่องเปิดออกมาทำเอาทหารแถวหน้านั้นถึงกับผงะ เพราะมีถนนยาวปูไปจนถึงตัวบ้าน แต่สองข้างทางกลับเป็นกรงเหล็กใหญ่ที่ให้อารมณ์เหมือนคุกไม่มีผิด แถมที่ร้ายกว่านั้นในกรงยังมีฝูงซอมบี้ที่คำรามอย่างดุร้ายพร้อมยื่นมือออกมาจากซี่ลูกกรงทั้งสองข้าง แต่พวกมันไม่อาจสัมผัสถึงพวกเขาได้ และด้านบนของกรงทั้งสองด้านยังมีศพที่ถูกแขวนคอคอยดึงความสนใจอยู่ด้านบนด้วย

“พวกศพข้างบนนั่นคือใครเหรอ แล้วทำไมต้องทำแบบนี้?” เชิดวุธเอ่ยถามอย่างสงสัยกับศพทั้งสองที่โกนหัวโล้นเลี่ยน และดูเหมือนจะถูกปาดส่วนหน้าอกออกทำให้ยากที่จะบ่งบอกว่าเป็นเพศอะไร
ส่วนนัทก็ตอบอย่าง*****มเกรียมว่า

“พวกมันบุกเข้ามาปล้นบ้านของคุณหนู คุณหนูเลยจัดการทำแบบนี้ครับ ได้ผลประโยชน์สองต่อเลยด้วย อ๊ะ ! ระวังครับ”

เขาหันหน้ามาพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ขาของจ่าประโยชน์ที่เกือบสะดุดเข้ากับเส้นเอ็นใสบางๆ ถูกทำเครื่องหมายด้วยริบบิ้นสีแดงเล็กๆ ถ้าไม่สังเกตดีๆอาจจะสะดุดเข้าเต็มๆ

“มันคืออะไรเหรอ เส้นเอ็นบางๆเนี่ย ?” จ่าประโยชน์เอ่ยถามพลางค่อยๆดึงเท้าออกมาอย่างมีประสบการณ์

“มันคือเอ็นกับดักที่จะเปิดประตูกรงแล้วให้ไอ่ผีเวรพวกนี้มันเข้ามารุมกินโต๊ะพวกเราทุกคนไงครับ”

โปรแกรมเมอร์หนุ่มตอบหน้าตายก่อนจะนำไปยังประตูของตัวบ้าน โดยที่นายทหารทั้งสองก็ไม่ลืมที่จะจัดวางกองกำลังไว้สำรวจพื้นที่ด้วยจึงเหลือเพียง รอ. ธวัชชัย , รอ. เชิดวุธ , จ่าก๊อต และ จ่าประโยชน์ พร้อมกับคนอีกสองสามคนเดินตามทางที่ระเกะระกะไปด้วยของที่ถูกกองสุมกันไว้เพื่อปิดบังสิ่งที่ซุ่มซ่อนอยู่ข้างใน

ระหว่างทางเดินนั้นถูกคลอไปด้วยเพลง “รักฉันทำไม ของ พุด เดชอุดม” ที่เปิดต้อนรับเหล่าทหารทั้งหลาย

ถึงแม้ว่าเสียงจะดูขัดหู แต่ทั้งหมดก็ยังไม่มีใครปริปากพูด

“ถ้าเจอคุณหนูแล้วจะทำยังไงต่อเหรอครับ?” นัทเอ่ยถามเพื่อกลบเสียงเพลงที่ตอนนี้เขาฟังจนชินไปแล้ว

“ก็......” รอ. ธวัชชัยโบ้ยไปให้เชิดวุธที่กำลังทำหน้าเหยเกกับเสียงนรกแตกที่แม้จะเบาจนเกือบจะเบามากแต่มันก็ทำให้เขาและทุกๆคนหัวเสียไปตามๆกัน

“คงจะซัดหน้ามันซักหมัดก่อนค่อยพาไปที่ค่ายตามคำสั่งล่ะมั้ง....ถ้ามันยังไม่ปิดไอ่เพลงจัญไรนี่นะ”


ณ. บันไดหนีไฟของตึกที่เจอผู้รอดชีวิต

“ทำไมมันสูงแบบนี้เนี่ย?” เต้บ่นออกมาก่อนจะหยุดเดินแล้วเอื้อมมืไปคว้าราวจับโดยที่ตั้มเองก็เหนื่อยไม่แพ้กัน บนใบหน้าปรากฏเหงื่อซึมพราวตามหน้าผาก
แต่ประกายตาอันเปี่ยมไปด้วยความหวังยังคงจ้องไปยังบันไดวนที่สูงราวไม่รู้จบสิ้น

“พักพอแล้ว รีบไปกันเถอะ” หัวหน้ากลุ่มตัดสินใจวิ่งนำหน้าเต้อีกครั้ง ระยะทางหดสั้นลงเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงหน้าประตูดาดฟ้าที่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออก

“โถ่เว้ย” ตั้มสบถออกมาพร้อมกับถีบประตูอย่างแรงแต่มันยังคงไม่มีผลอะไร

“มาครับ ช่วยกัน” เสียงของเต้นั่นเองที่ทุบประตูเบาๆเพื่อเป็นสัญญาณ

“หนึ่ง สอง อึ๊บ!” ทั้งสองถีบประตูเต็มแรงจนประตูหลุดออกจากบานประตู เขาพยายามมองหาผู้รอดชีวิต แต่มีเพียงกลิ่นเหม็นเน่าที่ลอยมาแตะจมูกของทั้งสองเท่านั้น
มิหนำซ้ำยังทวีความแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเต้ทนไม่ไหวต้องยกมือขึ้นอุดจมูกเพื่อลดกลิ่น และเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นจากทางด้านซ้าย ตั้มรีบวิ่งไปตามต้นเสียง
กลับพบกับเพลิงที่ยืนจังก้าอยู่ที่ตึกฝั่งตรงข้ามที่ห่างไปไม่กี่เมตร และ.....

“ฮ่าๆๆๆ เรารอดแล้วที่รัก” เสียงของชายผู้ขอความช่วยเหลือนั่นเอง เขากำลังโอบกอดร่างหนึ่งไว้ เพียงแต่ว่า....

ร่างผมยาวสยายนั้นผิวกายเป็นสีเขียวซีด เล็บและผมบางส่วนได้หลุดออกเป็นกระจุก ร่างกายของเธอผู้นั้นส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมาจนเขาแทบจะสำรอกคายของเสียออกทั้งหมด
แต่ชายหนุ่มกลับโอบกอดและทะนุถนอมร่างไร้วิญญาณราวกับมีชีวิตอยู่และไมได้รังเกียจอะไรเลยด้วยซ้ำไป แม้ว่าตัวของเขาจะเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำหนองและน้ำเหลืองก็ตามที

สิ่งที่เขาเห็นนั้นทำให้เขาคิดไปในแง่มุมหลากหลายอย่างจนกระทั่งที่เมื่อชายแปลกหน้าเห็นตั้มเข้าจึงได้เอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน

“พวกคุณมีใครเป็นหมอมั้ย? ช่วยรักษาเธอที” เพียงประโยคแรกที่เอ่ยขึ้นมาก็ทำให้จิตจของเขาสั่นไหว...อำนาจความรักทำได้มากมายขนาดนี้เชียวหรือ ?

ทั้งสองหนุ่มสบตากันก่อนจะเป็นตั้มที่เอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น

“เธอตายแล้วนะ”

แต่เขากลับถ่มน้ำลายใส่ทันควันและตะโกนสวนกลับ

“ไอ่ควายเอ้ย เธอยังไม่ตาย เธอแค่หลับไปเท่านั้นเอง”

“ยอมรับความจริงเถอะ เธอตายมานานแล้ว ไม่มีใครรักษาคนตายได้หรอกนะ”

“หนวกหู ! มันต้องมีคนที่รักษาเธอได้สิวะ เธอน่ะ.....แพรน่ะ...”

จนกระทั่งขีดความอดทนของชายหนุ่มถึงขีดสุดเขาก็หลั่งน้ำตาออกมา ฟุบหน้าลงกับซากศพแล้วร้องไห้ราวกับเด็กประถมไม่มีผิดเพี้ยน

ตั้มเห็นแบบนั้นจึงถอยออกมาอยู่กับเต้เพื่อให้ที่ว่างสำหรับความเสียใจแก่เขา จากนั้นจึงทำสัญญาณให้เพลิงข้ามฝั่งมาโดยเร็ว เพียงไม่กี่วินาทีชายหนุ่มก็กระโจนข้ามมาได้อย่างไม่เหลือบ่ากว่าแรงนัก
แต่ที่ร้ายนั้นคือเมื่อเท้าแตะพื้นเขาก็ถึงกับต้องรีบปิดจมูกทันที

“กลิ่นของ ‘เธอ’ ใช่มั้ยครับ?” เพลิงถามพลางหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังกอดหญิงสาวผู้ม้วยมรณาไว้ในอ้อมกอด จัดทรงผมที่ยังเหลืออยู่และสลับไปกับการร่ำไห้

ตั้มพยักหน้าแผ่วเบาและเดินตรงไปยังชายแปลกหน้าก่อนจะย่อตัวลงพูดข้างหูเขา

“นายชื่ออะไร?”

คนฟังชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะตอบเสียงสะอื้นว่า

“นะ....ไนท์”

“โอเค ฟังนะไนท์” ตั้มพูดพร้อมกับบีบมือของไนท์เบาๆอย่างไม่รังเกียจแม้แต่น้อย นั่นก็ทำให้เขาหยุดร้องไห้แล้วหันมามองตั้มอย่างเต็มตา

“เธอไปสบายแล้ว และสิ่งที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้ อาจจะสบายกว่าเราร้อยเท่าพันเท่าเลยก็ได้”

“ถ้าอย่างนั้นผมก็จะไปอยู่กับเธอเดี๋ยวนี้ล่ะ” เขาพูดพร้อมชักปืนออกมาจ่อขมับเตรียมลั่นไกอย่างไม่กลัวตาย

แต่ก่อนจะได้ขึ้นนกก็ถูกมีดบินซัดใส่จนข้อมือแทบพลิก และไวเท่าความคิด เต้ปราดเข้ากระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบาพร้อมกับมีดเล่มเดิมที่จ่ออยู่ที่คอหอย

“อย่าใจร้อนดีกว่า ไอ้หนู”

ไม่กี่อึดใจตั้มก็สั่งให้เต้ออกห่างก่อน

“จำคำพูดสุดท้ายที่เธอพูดได้มั้ยไนท์” หัวหน้ากลุ่มเอ่ยถาม สายตากล้าแกร่งประสานกับดวงตาที่ยังคง รื้นไปด้วยน้ำตา ในแววตาปรากฏถึงความหวั่นไหวสะท้าน

“เธอบอกกับผมว่า....อยู่เพื่อเธอนะ” พูดจบไนท์ก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้งทันที

“นั่นแหละ นายต้องอยู่เพื่อเธอ เก็บของกัน เราต้องไปแล้ว” ตั้มลุกขึ้นและส่งมือให้ไนท์ เขาลังเลอึดใจใหญ่แต่ก็ยอมรับมือของเขา

“เรามีเวลาไม่มาก เก็บของเร็วเข้า ไม่ต้องเอาเสบียงไป เอาไปแต่เครื่องกระสุน ของใช้ส่วนตัวแค่นั้นพอ”

“เรื่องกระสุน อยู่ในกระเป๋า Outdoor สีแดง ส่วนเสื้อผ้าอยู่ในกระเป๋าสีดำครับ ฝากเก็บให้หน่อยนะครับ”

พูดจบไนท์ก็ลุกไปที่กล่องเก็บของพะรุงพะรังแต่เขากลับไมได้สนใจมันมากนัก พยายามนำของออกจากกล่องขนาดยาว(ที่ดูเหมือนตู้ที่ถูกจับวางในแนวนอนเสียมากกว่า) แล้วโยนของออกมาข้างนอกและนำฟูกปูรองกล่องเอาไว้ ดูผาดๆแทบไม่ต่างอะไรกับโลงศพแม้แต่น้อย ผู้เฝ้ามองทั้งสามคนต่างล้วนเข้าใจในทันทีว่าเขาต้องการจะทำอะไร และก็เป็นดังคาด

เขาพูดกับร่างไร้วิญญาณสองสามคำก่อนจะหอมแผ่วเบาที่แก้มซ้ายขวาและครั้งสุดท้ายที่หน้าผาก

“แพรครับ...ไนท์รักแพรนะ ไนท์สัญญาว่าจะไม่มีใครแทนที่แพรได้.....แพรจะอยู่ในใจไนท์ตลอดไปนะ”

พูดจบเขาค่อยๆอุ้มร่างขาวซีดขึ้นวางในกล่องยาวที่เตรียมไว้ จากนั้นเขาจึงค่อยๆถอดแหวนออกจากนิ้วนางของเธอ ยัดใส่กระเป๋ากางเกง แล้วก้มลงจูบลาเป็นครั้งสุดท้าย

“ไปกันเถอะ เราไม่มีเวลามากมาย เรื่องสัมภาระเราเตรียมไว้ให้หมดแล้ว” ตั้มพูดซึ่งเขาก็รีบเช็ดน้ำตาก่อนจะหันมาจูบลาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วคว้าไรเฟิ่ลคู่ใจกับกระเป๋าสะพายสีชมพูออกเดินตามทั้งสามคนที่ต่างสะพายกระเป๋าของเขาทันที

ระหว่างทางลงบันไดไม่มีใครพูดกับใคร สี่ชีวิตต่างรีบจ้ำลงบันไดอย่างเร่งรุดจนกระทั่งเห็นความผิดปกติเบื้องหน้า

มันคือร่างผอมแกร็นของผู้ติดเชื้อที่แขนยาวจนเกือบจะถึงหัวเข่า ร่างกายเล็กผิดปกติเอวคอดกิ่ว สิ่งที่ต่างออกไปจากซอมบี้ตัวอื่นนั่นก็คือกรงเล็บแหลมยาว
ทั้ง สิบนิ้วที่ออกแบบมาเพื่อฉีกกระชากมากกว่าการจับเหยื่อแบบตัวทั่วๆไป ยิ่งไปกว่านั้นแม้เอวจะบางแต่กล้ามเนื้อทั่วร่างกายนั้นกลับปูดโปนไปด้วยเส้นเลือดและใหญ่โตมโหฬาร
ชั่ววินาทีนั้นเองตั้มตัดสินใจวาดปืนขึ้น ขึ้นนกเตรียมพร้อมระเบิดกระสุนแต่เพลิงก็จับปลายกระบอกปืนไว้พร้อมกับซัดมีดบินออกไป
ใบมีดกรีดอากาศครางหวิวแต่แล้วมันกลับทำในสิ่งที่เรียกว่า ‘อภินิหาร’ นั่นคือเอี้ยวหัวหลบอย่างง่ายดาย นั่นแสดงให้เห็นว่าเชื้อได้กลายพันธุ์แล้ว ประกอบกับที่มันหันหน้ามาหาคนทั้งสี่
ชั่ววินาทีมันก็ล้มลงไปด้วยอำนาจลูกปืนที่พุ่งเข้าเจาะเบ้าตาพร้อมกับคว้านเอาเนื้อสมองออกไปอีกทาง สมองสีเทาซีดออกมาเป็นกระบิ ผีร้ายสิ้นชีพในทันที !

“ไปกันต่อ เราไม่มีเวลามาก”

พร้อมกันนั้นเองก็ได้ยินเสียงปืนดังมาจากทางด้านล่าง ทำเอาหัวใจของผู้อยู่ก่อนทั้งสามแทบร้อนเป็นไฟ จากนั้นก็ไม่มีใครได้พูดอะไรกันอีกต่างฝ่ายต่างรีบขโยกลงบันไดอย่างเอาเป็นเอาตาย

จนเมื่อถึงชั้นล่างก็พบว่าเหล่าซอมบี้เริ่มเข้าประชิดรถเสียแล้ว....

“เฮ้ !!” หัวหน้าคณะตะโกนสุดเสียงเพื่อเรียกความสนใจ ละมันก็ได้ผล !เมื่อพวกมันหันมาอย่างเชื่องช้า

“ไปเพลิง เต้ ไปสตาร์ทรถ” เขาพูดเสร็จทั้งสองต่างรีบวิ่งไปเหลือเพียงไนท์ที่ยังยืนเงอะงะอยู่

“มัวทำอะไรอยู่วะ ไปสิ” ชายหนุ่มตะโกนเร่งพร้อมดันให้ตามทั้งสองไป แล้วตะโกนสั่งแก้มแหม่มว่า

“แหม่ม ขอดาบในรถหน่อย” พูดจบเขาก็ฉวยได้ท่อเหล็กขนาดพอเหมาะแล้วจึงโถมเข้าหาพวกมันทันที ด้วยความคล่องแคล่วหาตัวจับยากทำให้ฝูงพวกมันเริ่มระส่ำระสาย
เขาหวดหัวผีไร้ญาติจนมือชาและท่อบิดงอก็รีบถอยกลับมายังรถทั้งสองคัน ที่บัดนี้รถ ‘เชฟเล็ต อาวีโอ้’ ดูเหมือนจะมีปัญหาเสียแล้ว

“ตั้ม รถสตาร์ทไม่ติด” เสียงของเพลิงดังขึ้นจากเบาะคนขับ

“โถ่เว้ย!” เขาสบถพึมพำก่อนจะนิ่งไปอึดใจ

“สั่งเต้สตาร์ทรถกระบะเลย เพลิง ขับกระบะเป็นมั้ย?”

“เป็น”

“ดี ลงไปขับกระบะเลย แล้วให้เต้กับนิคมานั่งคันนี้” ตั้มพูดพร้อมคาดดาบทั้งสองเล่มแน่นติดกับอก ทันทีที่เต้มาถึงเขาก็รีบบอกทันที

“ถ้าสตาร์ทรถติด อย่าหยุดรถ เพราะมันจะสตาร์ทอีกไม่ได้ เดี๋ยวให้นิคนำทางกลับบ้าน กุญแจรถอยู่ในลิ้นชักรถกระบะ เอ้า สตาร์ทได้แล้ว”

พูดจบตั้มก็รีบวิ่งไปที่ด้านหลังพร้อมออกแรงดันรถให้เคลื่อนไปข้างหน้า โดยมีไนท์คอยคุ้มกันด้วยไรเฟิ่ลจากกระบะหลัง สถานการณ์เริ่มเลวร้ายลง เพราะแสงอาทิตย์กำลังจะลับโลกไป

“สตาร์ทซักทีสิวะ” เพลิงที่นั่งอยู่ในรถขนเสบียงสบถอย่างหัวเสียเพราะเหล่าซอมบี้ต่างทะยอยกันเดินตรงมาทางรถกระบะ และปืนของเขาก็ทำตกไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ !

“มา แหม่มช่วย!!” สาวน้อยออกแรงดันท้ายรถเต็มที่ สองแรงย่อมดีกว่าหนึ่ง รถเก๋งสีดำค่อยๆเคลื่อนไปข้างหน้า

“โถ่เว้ย !” ไนท์คำรามก่อนจะล้วงปืนลูกโม่ของเขาออกมาเป่าขมองซอมบี้ที่กำลังพยายามเข้าใกล้รถกระบะอีกหนึ่งตัว

และเสียงเครื่องยนต์ก็ร้องกระหึ่มออกมาท่ามกลางความดีใจของทุกคน

“กัปตันมาด้วยกันสิครับ” เต้รีบเปิดกระจกแล้วเอ่ยถาม แต่คำตอบคือการส่ายหน้าแล้วชี้ไปที่รถกระบะซึ่งสถานการณ์แย่พอกัน และดูเหมือนว่าชายผู้มาใหม่ไรเฟิ่ลกำลังขัดลำกล้อง
มีผู้ติดเชื้อสองตัวกำลังพยายามพังกระจกฝั่งที่เนยนั่งอยู่ ตั้มจึงออกแรงกระชากมันทั้งสอง ร่างผอมกะหร่องแทบจะลอยอออกห่างจากรถพร้อมกับกระจกข้างที่ติดมือพวกมันไปด้วย

“ออกรถได้เลย” เขาออกคำสั่ง และรถก็คำรามก่อนจะเคลื่อนตัวไปข้างหน้าและตั้มก็กระโดดขึ้นกระบะอย่างรวดเร็วแล้วร้องบอกแก้มแหม่มที่กำลังหวดซอมบี้อย่างสนุกมือด้วยท่อพีวีซี
“ไปกันเถอะ”

เธอหวดส่งท้ายจากนั้นจึงรีบวิ่งตามรถกระบะที่ดูเหมือนจะไม่ชะลอเพราะคนขับไม่มีทางเห็นเธอได้เลยเนื่องจากสัมภาระบังกระจกหลังเสียมิด และกระจกด้านข้างต่างเสียหายเพราะซอมบี้ที่พยายามเข้าถึงรถ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็พลันบังเกิดขึ้น เมื่อผู้ติดเชื้อที่เดินตามอย่างเชื่องช้ากลับกลายเป็นก้าวเท้าถี่ๆและสุดท้ายคือ...วิ่ง!

เรื่องราวทุกอย่างเกิดเพียงเสี้ยววินาทีก่อนหน้าที่แก้มแหม่มกำลังจะถึงรถ แต่ขาเจ้ากรรมกลับพันกันเอาเสียดื้อๆจนเธอสะดุดล้มพังพาบลงไป ประกอบกับพวกมันเริ่มย่นระยะเข้าใกล้เรื่อยๆ

“ตายห่า” หัวหน้ากลุ่มอุทานออกมาก่อนจะหันหน้าไปบอกไนท์

“บอกพวกเขาว่า ให้เพลิงเป็นคนตัดสินใจทั้งหมด และภายในเจ็ดวันถ้าผมยังไม่กลับมาจงย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆได้เลย โชคดีนะ”

ชายหนุ่มตบบ่าเพื่อนใหม่แล้วกระโจนลงจากรถกระบะเพื่อปกป้องสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตหรือทุกสิ่งอย่างของเขา

“แก้มแหม่ม...พี่มาแล้ว”



ระหว่างทางเดินที่ดูจะกว้างขวางนั้นเองเขาก็เริ่มสังเกตว่าสองข้างทางต่างระเกะระกะไปด้วยอาหารกระป๋อง เครื่องกระป๋องสนามแบบทหารจำนวนหลายแพ็ค อาหารและน้ำดื่ม
แต่ด้านหลังของอาหารแต่ละแพ็คนั้นกลับเป็นแท่งอะไรบางอย่างที่ถูกคลุมผ้าเอาไว้เป็นส่วนเดียวกันกับเครื่องกระป๋องเหล่านั้น หากไม่สังเกตก็คงไม่รู้
และเมื่อสาวเท้าต่อไปก็พบกับกระสอบทรายที่กั้นไว้เป็นชั้นๆ และอาวุธหนักอาทิเช่น ปืนกลหนัก M60 กับดักลวดหนาม ต่างๆ ระเกะระกะไปหมด ทำให้เขามั่นใจว่าใกล้จะถึงเต็มทน
ประกอบด้วยเสียงของเพลง ‘รักฉันทำไม’ ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมายืนอยู่หน้าบานประตูแกะสลักลวดลายวิจิตร นัทเคาะประตูสองสามหนแล้วจึงเปิดประตูออก
ทหารทั้งห้าต่างกระชับอาวุธเข้าใกล้ตัวและวินาทีนั้นเองไฟทั้งห้องก็พลันสว่างพรึบขึ้นมาแทบจะทันทีเผยให้เห็นถึงใบหน้าเจ้าอารมณ์ของเป้าหมายที่พวกเขาต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อตามหาเขา....

พงษ์พัฒน์ ดำริทรัพย์ !

“สวัสดีคร๊าบ ทหารไทย” เด็กหนุ่ม อายุราว 17 ปี ผิวขาว ผมสั้นสีดำ หน้าตากวนโมโห ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์รูปหัวกะโหลก เมื่อมองถึงเท้าก็ต้องแปลกใจเพราะเขาใส่รองเท้าบูทของตำรวจ !

เขาลุกขึ้นทักทายแล้วหย่อนกายลงไปที่โซฟารูปไข่ หมุนมันไปมาราวกับเจตนายุแหย่ให้ผู้บังคับบัญชาทั้งสองต้องหัวเสียโดยที่ รอ. ธวัชชัยยังคงยืนนิ่งสงบ
ส่วนเชิดวุธนั้นถึงกับบีบปืน P90 แน่นเกร็งจนเส้นเลือดโปนออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“เรามาตามคำสั่งของกองทัพ ได้โปรดมากับเราด้วย” รอ. ธวัชชัยพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบทว่าแฝงไปด้วยความเงียบขรึม

“คงจะได้ฟังเพลง ‘รักฉันทำไม’ จนจำได้แล้วสินะครับ?” คนตอบกล่าวอย่างเลี่ยงประเด็น แต่ทั้งสองก็ต่างพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน

“ถ้าอยากให้ผมไปกับพวกคุณ ก็ควรจะทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย...” เขาหยุดชั่วครู่ “ร้องเพลงนี้ให้เสียงมันแย่กว่าพุด เดชอุดม”

ก่อนที่ทั้งห้าจะได้ตอบอะไรนั้น นัทก็เริ่มหัวเราะขึ้นมาเบาๆก่อนจะหัวเราะขึ้นมาอย่างสะใจราวกับคนวิปลาสก็ไม่ปาน

“หัวเราะอะไรงั้นเหรอ?” พงษ์พัฒน์ถาม โปรแกรมเมอร์หนุ่มผู้กำลังหัวเราะอยู่ที่หน้าจอ และเมื่อเขาดูที่หน้าจอเองก็ต้องหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายเช่นกัน

“คุณอยากรู้มั้ย ว่าผมหัวเราะอะไร?” พงษ์พัฒน์เอ่ยถามทั้งห้าพร้อมโยนช๊อกโกแลตสองแท่งไปที่นายทหาร แต่ทั้งสองเริ่มอยู่ในอารมณ์โกรธจึงไม่แม้แต่จะพูดตอบและรับช๊อกโกแลต

“เอาล่ะๆ ผมยอมแล้วก็ได้” เด็กหนุ่มยกมือขึ้นยอมแพ้อย่างยียวนก่อนจะหันไปกดปุ่มอะไรสองสามครั้ง ภาพก็ฉายขึ้นบนจอมอนิเตอร์ ขนาดยักษ์ตรงหน้าของเขาเผยภาพที่แม้แต่ทั้งสองยังต้องตะลึง......


“เกาะเกาหลีหายไปจากแผนที่โลกเรียบร้อยแล้ว!!!”

จบตอน


Chapter 19 Together

แก้มแหม่มรีบหันหน้ากลับมาทันทีที่เสียงของชายคนรักคำรามขึ้น ก็เห็นว่าชายหนุ่มกำลังวิ่งมาทางเธอ....ใช่แล้วล่ะ! เขากำลังวิ่งมา แล้วคนที่เหลือล่ะ ?

แต่ตั้มก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหยุดตรงที่เธอ เขากลับวิ่งเลยไปอีกพร้อมกางแขนออก แล้วกระโดดรวบซากศพลงไปกองกับพื้น เมื่อจัดการกับมันทั้งสองแล้วเขาจึงค่อยๆเดินตรงมาหาเธอ

“เดินไหวมั้ย?” มือข้างคุ้นเคยแตะหัวเข่าที่แดงสดไปด้วยเลือดก่อนจะโน้มตัวลงไปเป่าคาถาอย่างเร่งรีบเมื่อเสร็จแล้วจึงหยัดกายลุกขึ้นหันหลังให้ราวกับเขาเป็นปราการเหล็กหรือเทพอารักษ์ประจำตัว
ตั้มหันหน้ามาและเอ่ยกับเธอ

“ออกไปห่างๆก่อน”

ตั้มทุ่มฝีมือทั้งหมดในการปกป้องคนเบื้องหลัง แต่ด้วยน้ำน้อยย่อมแพ้แก่เปลวไฟ ไม่กี่นาทีเขาก็ถูกกลุ้มรุมด้วยเหล่าผู้ติดเชื้อที่ทะยอยล้อมหน้าหลังทุกทิศทาง

“ไม่ยอมเสร็จง่ายๆหรอกโว้ย!” เขาชักดาบคู่ออกมาแล้วตะโกนบอกแฟนสาว

“แหม่ม ไปหลบที่ร้าน แมคโดนัลด์ ด้านข้าง เดี๋ยวพี่ตามไป”

ไม่ต้องเสียเวลาเอื้อนเอ่ยให้มากความ แก้มแหม่มรีบเดินกะเผลกไปที่ร้านแมคฯตามคำสั่งโดยไม่ลืมถือท่อพีวีซีติดมือไปด้วย

ทางด้านของตั้มที่พยายามจะใช้ดาบขึ้นสนิมสู้กับฝูงซอมบี้นั้นก็พบว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปลิดชีพสังหารพวกมันได้ จึงทำได้เพียงแค่ป้องกันตัวไปพลาง ถอยหาที่ว่างไปพลางเท่านั้น
ในใจก็เริ่มคิดว่ามันคงจบลงเท่านี้แหละ...

แต่ทันใดนั้นเองท้องฟ้าสีเทาก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นมา มันส่องแสงขึ้นเพียงวูบเดียวจากที่ไหนสักแห่ง แต่เพียงวูบเดียวนั้นสามารถต่อชีวิตเขาไปได้อย่างหวุดหวิด
ตั้มฉวยโอกาสแหวกพวกมันไปทางอื่นเพื่อล่อให้ห่างจากจุดนัดพบมากที่สุด

ด้านแก้มแหม่มเองเมื่อมาถึงหน้าร้านฟาสต์ฟูตชื่อดังแล้วจึงรวบรวมความกล้าเปิดประตูเข้าไป มันไม่ได้ล็อคกลอน เมื่อเข้าไปแล้วเธอจึงใช้ผ้าเช็ดหน้าแขวนไว้กับราวจับประตูเพื่อให้คนรักรู้ว่าเธอมาถึงแล้ว

เวลาผ่านไปโดยที่ท้องฟ้ากลับมาถูกปกคลุมด้วยสีดำของความมืดยามราตรีแบบเดียวกับหัวใจของเธอที่ตอนนี้ความหวังเริ่มริบหรี่ลง
เวลาไหลเอื่อยๆต่อไปยังไม่มีวี่แววของเจ้าของหัวใจจนความอ่อนแอบังคับให้เธอหลั่งน้ำตาออกมา แต่กระนั้นร่างบางยังพยายามกัดริมฝีปากเพื่อไม่ให้เกิดเสียง
จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมาจากทางเดินที่สะท้อนไปมาในความมืดปรากฏร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงข้ามกับเธอ

“พี่!” แก้มแหม่มรีบใส่แว่นเพื่อมองหน้าชายคนรักให้แน่ใจ

“ผะ...ผู้หญิง! ผู้หญิงจริงๆด้วย” ร่างนั้นเอ่ยมาอย่างหื่นกระหายพร้อมกับเดินลดระยะห่างมาเรื่อยๆ แต่แก้มแหม่มเองก็เข้มแข็งพอจึงรีบลุกขึ้นมา แต่ท่อพีวีซีที่พิงอยู่ข้างกายกับอันตรธานหายไปไหนเสียก็ไม่รู้

“อย่าเข้ามานะ” เธอพยายามแข็งใจพูดขึ้นทั้งที่ใจยังหวาดกลัว มือควานหาอะไรก็ได้ที่สามารถเป็นอาวุธได้ แต่โชคร้ายที่ไม่มีซักอย่าง

ระยะทางถูกร่นทีละนิด แต่ทว่าร่างผอมเกร็งนั้นกลับสะบัดไปมาอย่างร้อนรนขัดขืนก่อนจะมีเสียงลั่นของกระดูกดังลั่น และมันก็ล้มลงชักอีกสองสามทีแล้วแน่นิ่งไป
เงาเบื้องหน้าถูกแทนที่ด้วยชายหนุ่มที่เธอจำแม่นว่าเป็นตั้มอย่างแน่นอน

“เป็นอะไรรึเปล่า?” น้ำเสียงอ่อนโยนช่วยชี้ชัดไม่ผิดคนทำให้เธอโผเข้ากอดตั้มอย่างสุดตัว

“พี่ !”

เขาเองก็กอดร่างแก้มแหม่มไว้และเธอเองก็กอดตอบอย่างไมได้รังเกียจในคราบเลือดที่เปื้อนทั่วทั้งกายของชายหนุ่ม... เนิ่นนานราวปีจนกระทั่งเธอสัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่บริเวณบั้นเอวซ้ายของตั้ม
เหมือนมีแท่งอะไรแข็งๆ งอกออกมาจากจุดนี้ เธอทำท่าจะดึงออกให้แต่ชายหนุ่มกลับร้องห้ามเสียงหลง

“อย่าแหม่ม....พี่ถูกแทง” เสียงของเขาเริ่มแผ่วลงพร้อมกับสีหน้าที่ดูอิดโรยอ่อนล้า นิ่งไปอึดใจก่อนพูดต่อ

“ให้มันคาไว้แบบนี้แหละ เดี๋ยวเลือดจะออกมายิ่งกว่านี้ อีกอย่างแค่มีดพกแผลไม่ลึกมากด้วย ไม่โดนอวัยวะสำคัญ

“ใครมันทำแบบนี้กับพี่ บอกมานะ แหม่มจะไปฆ่ามัน”

“ขอพี่พักก่อนเถอะ” ชายหนุ่มค่อยๆรูดกายลงนั่งกับพื้นและแก้มแหม่มก็นั่งลงข้างๆให้เขาได้นอนหนุนตักเธอ สาวน้อยพยายามจัดท่านอนให้เลี่ยงกับบาดแผลมากที่สุดโดยให้นอนคว่ำหน้าลงซบตักนิ่ม

ไม่กี่อึดใจเขาก็ผล็อยหลับไปเพราะความอ่อนเพลีย ทิ้งความสงสัยให้แฟนสาวนึกถึงที่มาของมีดพกปริศนา ร่างบางถอนหายใจก่อนจะนั่งพิงกำแพง นั่งคิดถึงบ้านทั้งสองหลัง

“ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วยนะ ทุกอย่างมันผิดที่เรา...ที่เราทั้งหมดเลย”

บ่อน้ำตาที่ดูเหมือนจะแห้งเหือดแล้วกลับเจิ่งนองด้วยหยาดน้ำใสก่อนจะร่วงลงมาอาบแก้มมอมแมมที่ตั้มแสนทะนุถนอมนักหนา มือหนึ่งยกขึ้นมาเช็ดน้ำตา และอีกมือหนึ่งก็ลูบหัวชายหนุ่มอย่างแช่มช้า
อ่อนโยนเพื่อนกล่อมให้คนรักเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างที่เคยทำ




“ไอ่บ้าเอ้ย ขอซัดหน้า***ซักทีเถอะ” ว่าที่พันตรีหนึ่มกระโจนใส่หมายจะชกหน้าแต่ด้วยอะไรก็แล้วแต่เด็กชายกลับหลบได้หน้าตาเฉย ก่อนพูดกลับว่า

“ผมไปทำอะไรให้ไม่พอใจงั้นเหรอครับ? แค่ ‘เพลงรักฉันทำไม’ เนี่ยนะ?”

“ขอแค่หมัดเดียว ทุกอย่างจบ” เชิดวุธพยายามชกอย่างไม่ลดละแต่เจ้าเด็กแสบก็หลบซ้ายขวาด้วยท่าง่ายๆ แต่แล้วร่างนั้นกับหยุดกึก สบโอกาสให้หัวหน้าหน่วยหมาป่าซัดเข้าเต็มหน้าอย่างแรง
และร้อยเอกเพื่อนซี้เองก็โถมเข้าปล่อยหมัดเด็ดสู่เบ้าตาอย่างแรง จากนั้นทั้งสองก็ถอยกลับไปประจำที่ทำสีหน้าราวไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

“เราจะออกเดินทางภายใน 3 วัน ไปรายงานตัวกับศูนย์ก่อนจากนั้นค่อยว่ากัน”

“อูย....เจ็บชิบ” พงษ์พัฒน์สบถเล็กน้อยก่อนลุกขึ้นมาพยักหน้า

“พูดรู้เรื่องแบบนี้สิดี เอาล่ะ ให้เวลาเตรียมของนิดหน่อย พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันแล้ว” เชิดวุธพูดเสร็จก็เตรียมสาวเท้าออกไป แต่เด็กหนุ่มร้องขัดขึ้นมาเสียก่อน

“เดี๋ยวๆ พวกนายทั้งสองคนอยู่ที่นี่....ค้างที่นี่ก่อน”

นายทหารทั้งสองมองหน้ากันอย่างแปลกใจเจ้าตัวจึงรีบแจงเหตุผล

“หารือเรื่องรอบนอก วางแผนการเดินทางก่อนสิ แหม่.....ทำเป็นใจร้อนไปได้”

รอ. ธวัชชัย ลังเลสักพักแต่ก็หันไปสั่งทหารสองนายใกล้ตัวเขา

“จ่าประโยชน์ , ก๊อต ไปเอาเป้ของผมกับเชิดวุธให้หน่อย วางอยู่ตรงจุดพักของพวกเราเนี่ยแหละ”

“ครับผม” ทั้งสองวันทยหัตถ์ทำความเคารพก่อนเดินออกไป แต่ไม่วายลากทหารอีกนายออกไปด้วย ในห้องจึงเหลือเพียงแค่ฝ่ายนายทหารกองทัพไทยทั้งสอง กับพงษ์พัฒน์ และ นัท เพียงเท่านั้น

“เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าพงษ์พัฒน์”

"ได้ซิ นัท ออกไปก่อนนะ เดี๋ยวไปดูแลผู้หญิงที่สวนหลังบ้านด้วยล่ะ” เจ้าของบ้านออกคำสั่งซึ่งนัทเองก็ลุกออกไปอย่างว่าง่าย แต่ไม่วายตั้งกระทู้ถาม

“แล้วผู้หญิงคนนั้นคือใครเหรอครับ?”

“เพิ่งช่วยมาตอนที่นายออกไปน่ะ เอาเถอะ ไปเถอะน่า”

ไม่มีคำตอบจากนักศึกษาคอมธุรกิจ เขาลุกออกไปและปล่อยให้ทั้งสามสนทนากันต่อไป

เขาเดินตรงแน่วมายังสวนดอกไม้เล็กๆ ที่เริ่มเหี่ยวเฉาเนื่องจากขาดการดูแล เมื่อเพ่งมองดีๆ ก็เห็นสาวน้อยคนหนึ่งกำลังนั่งพรวนดินอยู่
เสียงเล็กนั้นบ่นพึมพำเป็นหมีกินผึ้งอยู่คนเดียวเขาจึงถือวิสาสะกระแอมเบาๆ เพื่อเรียกความสนใจ และเธอก็หันมามองอย่างแช่มช้า ผมสั้นตัดรับกับใบหน้าทรงไข่
ดวงตาคู่คมขำสะท้อนกับแสงแดดยามเย็น เขาตกตะลึงทันทีที่เห็นหน้าเธอ

“มะ...มองอะไร?” เธอประสานตากับเขาเพียงชั่วครู่ก็รีบก้มหน้างุดพรวนดินต่อไปแต่แล้วนัทก็เหลือบไปเห็นเส้นสีน้ำตาลที่กำลังเคลื่อนไหวมาหาเธออย่างเอื่อยๆ หากไม่สังเกตคงไม่เห็น

“ถอยไป!!” เขาดึงหญิงแปลกหน้า ให้หลบด้านหลังตน และมัจจุราชเลื้อยก็โผล่ขึ้นมา สิ่งมีชีวิตที่เขากลัวที่สุดบนโลกใบนี้.... งู !!

“งู ?” เธอมองมันอย่างไม่เชื่อสายตา เธอไม่สังเกตเลยด้วยซ้ำว่ามันมาตั้งแต่เมื่อไหร่

“หลบหลังผมไว้ อย่าเตลิดไปไหน” นัทพยายามคงสติมั่น มือเอื้อมไปหยิบมีดพกเล่มเล็กที่เขามักนำติดตัวไปไหนมาไหนเสมอ มันยังคงพึ่งพาได้....ไม่มากก็น้อย

ในที่สุดมันก็ค่อยๆ ชูหัวขึ้นร่อร่า แม่เบี้ยถูกแผ่ออกมาอย่างเต็มเหยียด เหงื่อกาฬผุดจากมือข้างที่ถือมีดพกแม้อากาศเริ่มเย็นลง

สายตาของคนและสัตว์เดรัจฉานยังคงจ้องประสานกัน และวินาทีเป็นตายก็มาถึง!!

มันพุ่งฉกหัวอย่างรวดเร็วแต่เขาก็รีบเบี่ยงมือหลบก่อนจะคว้ากลางลำตัวของมันไว้ แต่นั่นคือการตัดสินใจที่ผิดพลาดมหันต์ เพราะมันเองก็รอโอกาสนั้นอยู่แล้ว จึงแว้งหัวหมายฝังเขี้ยวลงในตัวของเขา

อาจเป็นยังไม่ถึงความเคราะห์ก็เป็นได้เพราะเขารีบใช้มีดปัดส่วนหัวมันออก น่าเสียดายที่มีดนั้นไม่คมพอที่จะเจาะเกล็ดของมันได้ เลือดหยดใสซึมออกมาจากปากแผลของมัจจุราชไร้ตีน

เท่ากับยุให้มันยิ่งทวีความโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น มันจึงเลื้อยเข้าหาแต่เขาก็ยังไวกว่า ชายหนุ่มจับที่กลางลำตัวของมันอีกครั้ง หมายเสี่ยงเอาชีวิตเข้าแลก มันยังคงทำเช่นเดิมนั่นคือยกหัวขึ้นฉกที่ข้อมือ

แต่มือที่กำตัวมันนั้นกลับปล่อยหลวมรูดร่างของมันลงไปจนก่อนถึงหัวนัทก็บีบเอาไว้อย่างแน่นหนา

“เสร็จกูล่ะ***” พูดจบเขาก็เอามีดเสือกเข้าไปที่หัวงู จนทะลุออกมาพร้อมเสียงหวีดร้องของหญิงสาวเบื้องหลัง

เลือดซึมออกมาจากปากแผล เขารีบปล่อยมันลงก่อนจะใช้มีดปาดลงไปที่กลางลำตัวควักเอาก้อนกลมออกมาปาดออก เลือดสีชมพูอ่อนก็ทะลักออกมาจากรอยปาด

เขารีบตวง ”ดี” ของมันเข้าปากทันทีด้วยความเชื่อเก่าแก่

ไม่นานเขาจึงโยนซากทิ้งอย่างไม่ใส่ใจนัก ในใจนั้นดีใจเหลือคณานับเพราะเขากำลังก้าวข้ามความกลัวในจิตใจของเขา

“นะ..นาย.....กินเลือดงูทำไมอ่ะ?” เธอถามอย่างสงสัย ตัวยังสั่นเนี่ยงจากยังไม่หายตกใจเมื่อครู่

“ก้าวข้ามความกลัวในจิตใจยังไงล่ะ ผมชื่อนัทครับ ขอโทษที่ทำให้กลัว” เขาตอบด้วยอาการนิ่งสงบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในจิตใจของเขา

“เราชื่อ....ทิฟ”

“ทิฟฟานี่เหรอ?”

“ทิฟฟี่ต่างหากเล่า ตาบ้า !!” หญิงสาวตอบแก้เขินไปแบบนั้น และพูดต่อ

“ขอบคุณนะ ที่ช่วยเค้าไว้”

นัทไม่ตอบอะไรและสังเกตว่าร่างนั้นยังสั่นไม่หายจึงดึงร่างเธอเข้ากอดเสียดื้อๆ ก่อนจะลูบหัวแล้วกระซิบนุ่มนวล

“ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่นี่แล้ว ไม่เป็นไรนะครับ”

เธอนิ่งเงียบเพื่อซึมซับความรู้สึกที่ขาดหายไปนานแสนนานนี้ที่ดูเหมือนจะกลับมาอีกครั้ง......

และดอกรักในใจของทั้งสองคนก็กำลังเบ่งบานขึ้นอย่างที่ไม่รู้ตัวมาก่อน

จบตอน.

thanapatbenz
31st July 2011, 20:39
รอติดตามอยู่นะครับ :D

5day-ago
31st July 2011, 21:08
สมัครตัวละครเปล่าครับ ผมจะเข้าร่วมด้วย ^^

ชื่อ :อานนท์

นามสกุล : ไม่เปิดเผย

ชื่อเล่น: เต้

อายุ : 20

อาชีพ : นักบอลตัวจังหวัด

สัญชาติ ไทย

อาวุธ : ไม้หน้าสาม, รองเท้าสตั้ด(ไว้เปิดปุ่มซัดเวลาไม่มีอาวุธติดตัว)

ประวัติ : ชายหนุ่มทรงโทโมฮ็อคสุดเท่ สูง 165 หนัก 54 ผิวคล่ำ มีความเป็นนักเลงสูง นักฟุตบอลประจำจังหวัดสูตล ตำแหน่งหน้าต่ำ ที่กำลังถูกจำตามองจากทีมชาติไทย เป็นคนตลกเฮฮากับทุกเรื่อง เก่งไปทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องความรัก เขาเคยลาออกจากการเรียน ป.6 เพื่อมาเป็นนักฟุตบอล ฝีเท้าของเขานั้นไม่เป็นรองใครโดยเฉพราะเรื่องความเร็ว และการเลี้ยงบอล ชีวิตของเขากำลังเป็นไปได้สวยในวงการฟุตบอล แต่เพราะเหล่าซอมบี้ำทำให้อนาคตของเขาดับลง เขาใช้ไม้หน้าสามเป็นอาวุธ และรองเท้าสตั้ดที่พร้อมจะถีบเหล่าซอมบี้!!

ปล.ได้เปล่าครับ
ปล2.นักบอลแรงถีบมากแน่นอนครับ :victory

Jardet
31st July 2011, 21:26
สมัครตัวละครครับ:)

เพลิง
ชื่อ : เจิดจรัส
นามสกุล : ขจัดภัย(คล้องจอง555)
อาชีพ : นักวิ่ง นักศึกษา
อายุ :19
ส่วนสูง : 170 หนัก60
ลักษณะทั่วไป : ผมสั้นดำ รูปร่างสมส่วนมีปล้ามขา ค่อนข้างขาว วิ่งอย่างไวเคลื่อนไหวคล่องแคล่วเพราะเป็นนักกีฬาวิ่งวิบาก ยิงปืนแม่นเพราะเล่นเป็นงานอดิเรก
นิสัย : ใจเย็นและตัดสินใจได้รวดเร็ว ค่อนข้างกลัวความมืดและสิ่งเหนือธรรมชาติ
อาวุธ : มีดพร้า ลูกโม่&ปืนพกคู่(ทำอีกอันหายพี่แกเลยใช้ลูกโม่คู่กับปืนพกแทน)

ความสามารถพิเศษ :วิ่งอย่างไว Freerunning(รู้จักรึเปล่าครับ) ยิงปืนแม่น กระโดดเตะแบบเท่ๆ

LoveSeeker
31st July 2011, 21:42
จองตัวละคร2ที่ ^^~ เดี๋ยวมาจัด (เริ่มคึกคักอีกแล้วสินะ)

Stormwind
31st July 2011, 23:59
ตัวละครตัวสุดท้าย มอบให้พี่ love seeker หรือ พี่alone นั่นเองครับ

ปล. ตัวละครทุกตัวจะต้องโดนผม 'ว๊าก' อย่างแน่นอน

LoveSeeker
1st August 2011, 07:01
ตัวละครตัวสุดท้าย มอบให้พี่ love seeker หรือ พี่alone นั่นเองครับ

ปล. ตัวละครทุกตัวจะต้องโดนผม 'ว๊าก' อย่างแน่นอน

เดี๋ยวจะครีให้สวยเซ็กซี่จนไม่กล้าว๊ากเลยล่ะ คอยดู ^^~

Dark Energy
1st August 2011, 18:45
Dark Energy เป็นสมาชิกเก่าเหรอครับ เหมือนผมจะคุ้นๆ ครับ แหะๆ ขอโทษครับที่จำไม่ได้


ชื่อเก่าผมชื่อ dodo005 น่ะครับ

diippyjas
1st August 2011, 20:27
ของผมก็อัพตอนใหม่แล้วนะพี่ ตัวพี่ตั้มนี้โหดมาก อัดกับ... ไม่ดีกว่า สปอย ฮ่ะๆ

Stormwind
1st August 2011, 20:42
ของผมก็อัพตอนใหม่แล้วนะพี่ ตัวพี่ตั้มนี้โหดมาก อัดกับ... ไม่ดีกว่า สปอย ฮ่ะๆ

อนาคตจะโหดกว่านี้้อีกครับ ตัวละครพี่คิงก็โหดใช่ย่อยนะ (555)

LoveSeeker
1st August 2011, 21:02
ตัวละครเพิ่งเสร็จไปหนึ่งตัว เหลืออีกตัว ไว้คู่กัน 55+
ดูจากสภาพแล้ว ออกมาเป็นคลังแสงเคลื่อนที่เหมือนเดิม

SHINee
1st August 2011, 21:10
ขอสมัครด้วยคนค่ะ :preved

ชื่อ : จองมิน ไพรินรัตน์

ชื่อเล่น : จองมิน

สัญชาติ : ไทย – เกาหลี

หน้าตารูปร่างสีผม : สูง 161 เซนติเมตร หนัก 45 กิโลกรัม รูปร่างสมส่วน ไว้ผมซอยปะบ่า ผมสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ผิวขาว หน้าตาหน้ารักจิ้มลิ้ม ใส่พละ เสื้อโปโลสีขาว กางเกงวอร์มพละสีแดง

อายุ : 17

นิสัย : นิ่งๆ เย็นชา แต่กวนหน่อยๆ เวลาเกิดสถานการ์ณคับขัน จะกลัวมาก ไม่ค่อยชอบสถานที่แคบๆ

อาชีพ : นักเรียน

อาวุธประจำตัว : -

ประวัติ : เป็นลูกครึ่ง ไทย – เกาหลี พ่อเป็นไทยแต่แม่เป็นคนเกาหลี เกิดที่ประเทศไทย อยู่โรงเรียน นานาชาติแห่งหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่ชอบไปเที่ยวกับเพื่อนฝูงตามภาษาวัยรุ่น มักมีชายมาจีบบ่อยๆแต่ ก็ดับไปทุกราย (?) เคยฝึกยิงปืนและ ชอบเล่นบีบีกัน พูดภาษาเกาหลีเเละภาษาไทยเป็น

:bye

Stormwind
1st August 2011, 21:25
ปิดครับสมัครตัวละครหลักครับ

แต่ยังสมัครได้อยู่นะครับ แต่ตัวที่มาสมัครหลังจากนี้ก็จะตายหมดเพื่อเปิดทางให้ตัวละครหลัก
เนื้อเรื่องตอนต้นและตอนกลางอาจเปลี่ยนใหม่หมด แต่ตอนไคล์แมกซ์ก็ยังเหมือนเดิมครับ

Jardet
1st August 2011, 21:40
ปิดครับสมัครตัวละครหลักครับ

แต่ยังสมัครได้อยู่นะครับ แต่ตัวที่มาสมัครหลังจากนี้ก็จะตายหมดเพื่อเปิดทางให้ตัวละครหลัก
เนื้อเรื่องตอนต้นและตอนกลางอาจเปลี่ยนใหม่หมด แต่ตอนไคล์แมกซ์ก็ยังเหมือนเดิมครับ
งั้นผมเอาเรยามาตายเล่นดีไหมเนี่ย:D
พี่ตั้มโคตรเทพเลยกัดไม่เข้าด้วยหรือว่าจะเป็นเพราะ(คำใบ้ตะ...)

5day-ago
1st August 2011, 21:42
ปิดครับสมัครตัวละครหลักครับ

แต่ยังสมัครได้อยู่นะครับ แต่ตัวที่มาสมัครหลังจากนี้ก็จะตายหมดเพื่อเปิดทางให้ตัวละครหลัก
เนื้อเรื่องตอนต้นและตอนกลางอาจเปลี่ยนใหม่หมด แต่ตอนไคล์แมกซ์ก็ยังเหมือนเดิมครับ

จะตายก็ตายด้วยหัวใจ...

Stormwind
1st August 2011, 22:08
ลงตอนสามแล้วนะครับ

diippyjas
2nd August 2011, 12:50
ยังไงพี่คิงผมก็ต้องตาย ว่ะฮ่าๆๆๆ

LoveSeeker
2nd August 2011, 19:14
ชื่อ: ร้อยตรี ดัสสตอร์ม(เป็นรหัสเรียกขาน ชื่อสกุลไม่บอก) (2nd LTU. Dust storm)
ชื่อเล่น: ดัส (Dust) , หมวด (แล้วแต่คนจะเรียก)
เพศ ชาย
อายุ20
สัญชาติ อเมริกัน

รูปร่างหน้าตา ตัวสูงโปร่ง ตัดผมสกรีนเฮดเบอร์สอง สีน้ำตาลแดง นัยน์ตาสีฟ้า ใบหน้ากลมเรียว ผิวคล้ำจากการออกแดดมาก คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน หน้าตาหล่อเหล่าขนาดที่สาวๆต้องวิ่งไล่จับ

นิสัย พูดน้อย ต่อยหนัก ชอบพูดสั้นๆได้ใจความ มีความเป็นผู้นำสูง ติดสินใจเด็ดขาด จนดูเหมือนเย็นชา มักทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม เน้นให้ภารกิจสำเร็จ แต่ถึงกระนั้นเขาก็แคร์คนรอบข้างอยู่เหมือนกัน เขาจะแสดงออกถึงความห่วงใยโดยสายตาโหดๆขวางๆ แต่จะแสดงออกมาเด่นชัดก็ต่อเมือถึงเวลาคับขันหรือสายไปแล้วเท่านั้น

อาชีพ แน่นอน “ทหารรับจ้าง” อยู่แล้วล่ะ
อาวุธ (ระดับนี้มันต้องครังแสงเคลื่อนที่)
-HK-416 http://world.guns.ru/assault/de/hk-416-e.html
5.56*45 mm.
อัตราการยิง 700-900 นัดต่อนาที
ความจุแม็กกาซีน 30 นัด

-Glock 18 C
9*19 mm.
อัตราการยิง 1200 นัดต่อนาที
ความจุแม็กกาซีน 17,31 นัด

-USP .45 http://en.wikipedia.org/wiki/USP_.45
.45 ACP
อัตรายิง กึ่งอัตโนมัติ (มันเขียนไว้แบบนี้อะ)
ความจุแม็กกาซีน 12นัด

-เครื่องยิงระเบิดต่อต้านรถถังไร้แรงสะท้อน AT-4 http://en.wikipedia.org/wiki/AT4
84 mm. กระสุนระเบิดแรงสูงสาดสะเก็ด มีผลดีต่อเนื้อเยื่ออ่อนนุ่ม เช่นมนุษย์
ยิงแล้วทิ้ง
คำเตือน ขณะยงไม่ควรให้ผู้ใดยืนอยู่ด้านหลังของปืนเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้น ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังอาจได้รับบาทเจ็บจากไฟ

-ชุดระเบิดมาตราฐาน ประกอบด้วย
ระเบิดควัน
ระเบิดมือ
ระเบิดแสง
-มีดยาว1ฟุต ใบมีด 7นิ้ว ด้ามจับ5นิ้ว


เสื้อผ้าเมื่อพบเจอ: เสื้อยืดคอปกสีเทา ปักอักษร BAPMC ที่อกซ้าย เสื่อเวสกันกระสุน Dragon Skinสีดำ ติดซองแม็กกาซีนปืนไรเฟิล 6 ซองที่ท้องด้านซ้าย (2ขั้น ชั้นล่ะ3ซอง) ซองแม็กกาซีนปืนพกแบบยาว 4ซอง ที่หน้าท้องด้านขวา และติดซองปืน USP .45 ที่กลางอก กางเกงยีนส์สีดำขายาว ติดซองปืน Glock 18C ที่ต้นขาขวา เป้หลังสีดำ(ใส่กระสุน ระเบิด MRE (อาหารพร้อมกิน)แล้วก็ของยิบย้อย)

ประวัติ เกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง พ่อตายในสงคราม แต่ถึงกระนั้นแม่ก็เติมเต็มความอบอุ่นให้เขาได้ เมื่ออายุได้ 17ปีก็เข้าร่วมกับนาวิกโยธิน เขาใช้เวลาเป็นปีๆกับการรบในตะวันออกกลาง ก่อนจะถูกส่งกลับบ้าน ต่อมากลุ่มทหารรับจ้างได้ติดต่อว่าจ้าง เขาถูกฝึกจนกลายเป็นนายทหารหัวกะทิในกลุ่มทหารรับจ้างนั้น จบมาด้วยคะแนนสูงสุดในชั้นเรียน และถูกส่งมาทำภาริกิจคุ้มกันหญิงคนหนึ่ง(HVI 1102)ในประเทศไทย

นิศรา กาลประทานพร
ริน
เพศ หญิง
อายุ 17
สัญชาติไทย
รหัส HVI 1102
รูปร่างหน้าตา ตัวผอมสูง รูปร่างเรียว หน้าอกหน้าใจพอมีบ้าง ชาเรียวสวย ผิวขาวอมชมพู ใบหน้าเรียว ปากนิดจมูกหน่อย พอน่ารัก นัยน์ตาสีดำ ผมสีดาซอยสั้นประบ่า ใบหน้าตกกระจางๆทีแก้ม สรุปหน้าตา นางฟ้าชัดๆ


ลักษณะนิสัย หัวรุนแรง ใจร้อน มุทะลุ ไม่เคยโดนด่าหรือทำร้ายโดยไม่โต้ตอบ มั่นใจในตนเองสูง ฉลาดเฉลียว เก็บรายละเอียดได้ดี รอยคอบ เข้มแข็ง แต่เธอก็ไม่ใช่สาวโหดตลอดเวลา ข้างในใจลึกๆของเธอนั้นเปราะบางมาก เนื่องจากเพิ่งเสียพ่อไป จึงมีเพียงร้อยตรีพายุฝุ่นเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งของเธอ เธอเป็นคนชอบว๊าก แต่ไม่ชอบถูกว๊าก ว๊ากมาว๊ากตอบ มีเพียง พายุฝุ่นเท่านั้นที่หยุดเธอได้ด้วยคำพูดสั้นๆ เรียบๆ ว่า “พอเถอะ”

อาชีพ นักเรียน ม. ปลาย

อาวุธ ดาบคาตานะ ปืนพก
Glock 19
9*19 มม.
อัตรายิง กึ่งอัตโนมัติ
ความจุ 17 นัด

เสื้อผ้าเมื่อพบเจอ: เสื้อยืดสีขาวเปื้อนเลือด กางเกงยีนส์สีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว ซองปืนที่ต้นขาขวา กระเป๋าสีดำ (ใส่กระสุน ระเบิด MRE (อาหารพร้อมกิน)แล้วก็เสื้อผ้า เครื่องสำอาง (ผู้หญิงนี่นา))

ประวัติ ลูกนายพล ถูกแวดล้อมด้วยทหารมากมาย จนเธอกลายเป็นเด็กเข้มแข็ง แม้จะขาดแม่ แต่พ่อก็ไม่ทำให้เธอมีปมด้อยเลย การที่พ่อของเธอเป็นคนกล้าหาญชอบบุก ชอบตะลุย ทำให้เธอกลายเป็นเด็กหัวรุนแรงเมื่ออายุ 12 พ่อก็ได้แต่งงานใหม่ ซึ่งแม่เลี่ยงกับเธอก็ฉะกันประจำจนพ่อของเธอปวดหัว แต่พ่อของเธอก็ยังรักเธอเสมอ ไม่โกรธเคืองอะไร แม้จะแกล้งแม้เลี่ยงด้วยสารพัดวิธีก็ตาม แต่แล้วครอบครัวสุขสันต์ก็พังทลายลง เมื่อพ่อของเธอถูกนักการเมืองสั่งเก็บ หลังจากรู้เรื่องการทุจริตจัดซื้ออาวุธ นั่นเป็นเหตุที่ทำให้เธอ ได้พบกันพายุฝุ่น ผู้ซึ่งเป็นคนทำให้เธอลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

ถึงผู้แต่ง: ออนแล้วคุยหลังไมค์กันหน่อยเด้อ

Jardet
2nd August 2011, 19:32
นิศรา กาลประทานพร
ริน
เพศ หญิง
อายุ 17
สัญชาติไทย
รหัส HVI 1102
รูปร่างหน้าตา ตัวผอมสูง รูปร่างเรียว หน้าอกหน้าใจพอมีบ้าง ชาเรียวสวย ผิวขาวอมชมพู ใบหน้าเรียว ปากนิดจมูกหน่อย พอน่ารัก นัยน์ตาสีดำ ผมสีดาซอยสั้นประบ่า ใบหน้าตกกระจางๆทีแก้ม สรุปหน้าตา นางฟ้าชัดๆ


ลักษณะนิสัย หัวรุนแรง ใจร้อน มุทะลุ ไม่เคยโดนด่าหรือทำร้ายโดยไม่โต้ตอบ มั่นใจในตนเองสูง ฉลาดเฉลียว เก็บรายละเอียดได้ดี รอยคอบ เข้มแข็ง แต่เธอก็ไม่ใช่สาวโหดตลอดเวลา ข้างในใจลึกๆของเธอนั้นเปราะบางมาก เนื่องจากเพิ่งเสียพ่อไป จึงมีเพียงร้อยตรีพายุฝุ่นเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งของเธอ เธอเป็นคนชอบว๊าก แต่ไม่ชอบถูกว๊าก ว๊ากมาว๊ากตอบ

กะจะมาแข่งว๊ากกับพี่ตั้มเลยทีเดียว:dance
แล้วเจ้าเพลิงจะรอดไหมเนี่ย:o

LoveSeeker
2nd August 2011, 20:41
กะจะมาแข่งว๊ากกับพี่ตั้มเลยทีเดียว:dance
แล้วเจ้าเพลิงจะรอดไหมเนี่ย:o
ว๊ากกันไปว๊ากกันมา เจ้าหมวด ดัส ก็จะพูดสั่นๆ ว่า "พอเถอะ" แล้วทั้งสองคนก็จะหันมาว๊ากใส่ดัสแทน

samekubpom
2nd August 2011, 22:23
ว้าว *-* เดี๋ยวไปเข้าค่ายธรรมมะเสร็จผมจะกลับมาอ่าน นะครับ แปะไว้ก่อน ๆ
เชียร์อยู่ครับพี่ ผมติดตามอยู่ สู้ ๆ ครับ

Stormwind
2nd August 2011, 23:41
ว้าว *-* เดี๋ยวไปเข้าค่ายธรรมมะเสร็จผมจะกลับมาอ่าน นะครับ แปะไว้ก่อน ๆ
เชียร์อยู่ครับพี่ ผมติดตามอยู่ สู้ ๆ ครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับผม

พูดตรงๆว่าตอนนี้ผมคิดถึงคุณ Grapht กับคุร Wijit จริงๆเลย พับผ่าสิ

pza00007
3rd August 2011, 20:18
รออ่านตอนใหม่อยู่น่ะครับ มาลงเร็วๆน่ะครับ ^ ^

5day-ago
3rd August 2011, 20:24
ตัวผมมาแล้วๆ ^^

ปล.ตัวผมอายุ 20 นะครับ พอดีลืมใส่+ลืมบอก :blush

Jardet
3rd August 2011, 20:30
เหอะๆใส่รองเท้าสตั้ดเดินห้าง

LoveSeeker
3rd August 2011, 21:20
โห่ โมฮอว์คพร้อมสตั้ด YOU ROCK ว่ะ

5day-ago
3rd August 2011, 21:30
โห่ โมฮอว์คพร้อมสตั้ด YOU ROCK ว่ะ

เหอะๆ ชาวร็อคไม่มีวันตาย สายบู๊ขั้นเทพ :rofl

Stormwind
4th August 2011, 08:51
สำหรับคนที่สงสัยว่าทำไมถึงใส่สสตั๊ดเดินห้าง
ตอนต่อไปจะได้รู้ซึ้งครับผม

5day-ago
4th August 2011, 21:19
สำหรับคนที่สงสัยว่าทำไมถึงใส่สสตั๊ดเดินห้าง
ตอนต่อไปจะได้รู้ซึ้งครับผม

มาเร็วๆนะครับรออยู่ ^^

ปล.ของตัวเองไม่ทำ มารออ่านของเพื่อนเขา =="

pza00007
5th August 2011, 18:55
สนุกมากๆเลยครับผม ^ ^ รอ อ่านตอนต่อไปน่ะครับ สู้ๆครับ ^ ^

Gu Pai!
6th August 2011, 19:36
สนุกมากๆเลยครับผม ^ ^ รอ อ่านตอนต่อไปน่ะครับ สู้ๆครับ ^ ^
555+ ผมก็จะติดตามเหมือนกัน ผมเองก็รอของคุณอยู่ จำได้ว่าตอน 32 ยังไม่เสร็จ รอตอนจบอยู่น่ะ ^^


เค้าไม่แต่งแล้วครับผม
อ้าว! กำผมไม่รู้ แต่น่าจะแต่งต่อนะกำลังหนุกเลย

Stormwind
6th August 2011, 19:44
555+ ผมก็จะติดตามเหมือนกัน ผมเองก็รอของคุณอยู่ จำได้ว่าตอน 32 ยังไม่เสร็จ รอตอนจบอยู่น่ะ ^^

เค้าไม่แต่งแล้วครับผม



อ้าว! กำผมไม่รู้ แต่น่าจะแต่งต่อนะกำลังหนุกเลย

เค้าหมดอารมณ์แล้วครับ ผมมาสานต่อให้มันจบ

saphira
6th August 2011, 22:23
เราจำได้ว่านายเป็นคนต่งไม่ใช่เหรอ

Stormwind
6th August 2011, 22:46
เราจำได้ว่านายเป็นคนต่งไม่ใช่เหรอ

นาย ? นายไหนเหรอครับ? คนแต่งDay Of Zombies มี 3คนนะครับ
ผมรึเปล่า รึว่าน้อง PZA

pza00007
6th August 2011, 23:34
ผมไม่ได้หมดอารมหรอกครับ ^ ^

เพียงแต่ผมต้องทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากๆในชีวิตผมเท่านั้นเอง ^ ^

เคยแค่ฝัน ไป วันๆ ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดีๆ มันจะเข้ามาในชีวิตจริงๆได้ล่ะ

ทั้งๆที่เป็นคนไม่เคยเอาไหนแท้ๆ ผมตั้งใจและผมหวังไว้มาก กับสิ่งๆนี้

จริงๆ ผมก็ยังอยากแต่งนิยายต่อและแต่งให้จบไป และ ผมก็เห็นว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังรอนิยายผมอยู่

นี่เป็นสิ่งที่ผมต้องเลือก ผมทุ่มให้กับสิ่ง2สิ่งพร้อมกันไม่ได้หรอกครับ

ผมต้องขอโทษด้วยน่ะครับ ที่ต้องทำให้ทุกคนผิดหวัง

ผมเลือกแล้วล่ะครับและผมหวังว่าจะทำมันให้ดีที่สุด

แต่ผมยังคอยติดตามคอยดูนิยายเรื่องนี้อยู่ และยังคอยเป็นกำลังใจให้พี่ตั้ม แต่งนิยายเรื่องนี้ให้ออกมาดีที่สุด ^ ^

นี่แหละ ครับคือสิ่งที่อยู่ในใจผมและเป็นสิ่งที่ผมอยากจะบอกทุกคนครับ

แล้วเดี๋ยวเมื่อถึงวันนั้นผมจะเอาสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของผมที่ว่าเอ่ยไปนั้นมาให้ทุกคนได้ดูครับ ^ ^

ปล.พี่ตั้มครับขอเมลพี่หน่อยครับ แฟนตัวดีของผมลบเมล เกือบทุกคนในเอ็มผม -*-

ToshirO
7th August 2011, 08:49
สู้ๆครับ ยาวมาก

LoveSeeker
7th August 2011, 21:08
คืนนี้ผีจะผงาด

pza00007
7th August 2011, 21:31
คืนนี้ผีจะผงาด

โดนนำไป 2 รอดูครึ่งหลังอยู่ครับ ว่าจะแก้เกมยังไง

สงสัย ดาวิด เด เกอา ยังตื่นสนามอยู่ ^ ^

Stormwind
7th August 2011, 23:00
สะใจมากครับวันนี้ เฮลั่นร้านเลยแหละ 555555

สำหรับนิยาย วันพรุ่งนี้ หรือไม่ก็วันมะรืนนี้จะลงนะครับ เพระาว่าต้นฉบับหายไปไหนไม่รู้ครับผม

5day-ago
8th August 2011, 06:41
วันอาทิตย์หน้า ราชันจะโค่นมนุษย์ต่างดาว :victory

Stormwind
8th August 2011, 21:30
ลงตอน5แล้วนะครับ แต่มันยาวกว่านี้ ผมจะรีบหาต้นฉบับที่หายไปแล้วจะรีบมาลงให้ไวที่สุดนะครับ
ไม่นานเกินรอครับผม

samekubpom
13th August 2011, 21:52
กำลังสนุก เลยเชียวจบตอนเร็วมากมาย สู้ๆ ครับ

Stormwind
14th August 2011, 15:35
มาต่อตอนที่5ต่อตามที่สัญญาไว้ครับ จากนี้ผมจะหายไปอีก1อาทิตย์นะครับ อาจจะให้ "บุคคลเหนือความคาดหมาย" มาดูแลและลงนิยายแทนนะครับ
ขอบคุณสำหรับทุกๆการติดตามครับผม
ปล. ถ้าอ่านจบแล้ว ก็กด Thank ให้หน่อยก็จะขอบคุณมากๆเลยนะครับ

LoveSeeker
14th August 2011, 16:04
มาต่อตอนที่5ต่อตามที่สัญญาไว้ครับ จากนี้ผมจะหายไปอีก1อาทิตย์นะครับ อาจจะให้ "บุคคลเหนือความคาดหมาย" มาดูแลและลงนิยายแทนนะครับ
ขอบคุณสำหรับทุกๆการติดตามครับผม
ปล. ถ้าอ่านจบแล้ว ก็กด Thank ให้หน่อยก็จะขอบคุณมากๆเลยนะครับ
ใครก็ตามที่เหนื่อความตาดหมาย
มักจะอยู่ในความคาดหมายของกระผมเสมอ...และผมก็คาดว่า ผมจะได้พบฝันร้ายอีกครั้ง :sweat

5day-ago
14th August 2011, 18:41
ใครก็ตามที่เหนื่อความตาดหมาย
มักจะอยู่ในความคาดหมายของกระผมเสมอ...และผมก็คาดว่า ผมจะได้พบฝันร้ายอีกครั้ง :sweat

She is back? :help

ปล.ตัวผมโหดจริงๆ :cool:

Jardet
14th August 2011, 20:50
มาต่อตอนที่5ต่อตามที่สัญญาไว้ครับ จากนี้ผมจะหายไปอีก1อาทิตย์นะครับ อาจจะให้ "บุคคลเหนือความคาดหมาย" มาดูแลและลงนิยายแทนนะครับ
ขอบคุณสำหรับทุกๆการติดตามครับผม
ปล. ถ้าอ่านจบแล้ว ก็กด Thank ให้หน่อยก็จะขอบคุณมากๆเลยนะครับ
เอ่อ...รึว่า...

Stormwind
14th August 2011, 20:58
ไม่เซอร์ไพรส์ซักคนเลยเหรอ สวยเศร้านะเนี่ย T_T

By STORMWIND [Female]

pza00007
15th August 2011, 10:22
ไม่เซอร์ไพรส์ซักคนเลยเหรอ สวยเศร้านะเนี่ย T_T

By STORMWIND [Female]

ยินดีต้อนรับครับ ^ ^

LoveSeeker
15th August 2011, 15:02
ไม่เซอร์ไพรส์ซักคนเลยเหรอ สวยเศร้านะเนี่ย T_T

By STORMWIND [Female]

welcome back, comarede

diippyjas
15th August 2011, 17:16
ไม่เซอร์ไพรส์ซักคนเลยเหรอ สวยเศร้านะเนี่ย T_T

By STORMWIND [Female]

Oh!! Fairy!! So Beautiful~

Jardet
15th August 2011, 20:04
ไม่เซอร์ไพรส์ซักคนเลยเหรอ สวยเศร้านะเนี่ย T_T

By STORMWIND [Female]
ใช่จริงด้วยยินดีต้อนรับคร้าบบบ:party
พอดีไปนึกออกตอนไอ้ตรงShe is backจากกระทู้บน:roflนี่แหละครับ


พี่ตั้มไปแข่งบอลที่ ก.ท.ม. อ่ะค่ะ แก้มแหม่มเลยมาทำงานแทนนิดหน่อย

ปล. ถ้าใครบังอาจหือกับ Female Female จะใช้ อำนาจของ ปากกาอาญาสิทธิ์ ขีดเขียนทางเดินของตัวละครของท่านๆ ให้เป็นไปตามที่แก้มแหม่มต้องการ

STORMWIND [Female]
อ้ากกกกกกก หุบปากโดยด่วน ฮุ้บ!!

Stormwind
15th August 2011, 22:10
พี่ตั้มไปแข่งบอลที่ ก.ท.ม. อ่ะค่ะ แก้มแหม่มเลยมาทำงานแทนนิดหน่อย

ปล. ถ้าใครบังอาจหือกับ Female Female จะใช้ อำนาจของ ปากกาอาญาสิทธิ์ ขีดเขียนทางเดินของตัวละครของท่านๆ ให้เป็นไปตามที่แก้มแหม่มต้องการ

STORMWIND [Female]

5day-ago
15th August 2011, 22:29
พี่ตั้มไปแข่งบอลที่ ก.ท.ม. อ่ะค่ะ แก้มแหม่มเลยมาทำงานแทนนิดหน่อย

ปล. ถ้าใครบังอาจหือกับ Female Female จะใช้ อำนาจของ ปากกาอาญาสิทธิ์ ขีดเขียนทางเดินของตัวละครของท่านๆ ให้เป็นไปตามที่แก้มแหม่มต้องการ

STORMWIND [Female]

โอ้ แม่เจ้า! เธอกลับมาพร้อมกับ...

Stormwind
15th August 2011, 22:41
โอ้ แม่เจ้า! เธอกลับมาพร้อมกับ...

มาพร้อมกับอำนาจมืดที่มีมากกว่าเดิม 5555555 พวกเจ้า คือ ลูก ของ ข้าาาา

(หัวเราะแบบดาร์ทเวเดอร์)


STORMNWIND [Female]

diippyjas
16th August 2011, 13:10
มาพร้อมกับอำนาจมืดที่มีมากกว่าเดิม 5555555 พวกเจ้า คือ ลูก ของ ข้าาาา

(หัวเราะแบบดาร์ทเวเดอร์)


STORMNWIND [Female]

น้อมรับใช้ โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

นิยายผมลงตอนใหม่แล้วนะครับ

LoveSeeker
16th August 2011, 17:11
พี่ตั้มไปแข่งบอลที่ ก.ท.ม. อ่ะค่ะ แก้มแหม่มเลยมาทำงานแทนนิดหน่อย

ปล. ถ้าใครบังอาจหือกับ Female Female จะใช้ อำนาจของ ปากกาอาญาสิทธิ์ ขีดเขียนทางเดินของตัวละครของท่านๆ ให้เป็นไปตามที่แก้มแหม่มต้องการ

STORMWIND [Female]

ถอนตัวละครออกตอนนี้ทันปะเนี่ย จะได้สาดแรงๆ ใส่โดยไม่ต้องเกรงใจ วะฮาฮ่า

Jardet
16th August 2011, 19:18
มาพร้อมกับอำนาจมืดที่มีมากกว่าเดิม 5555555 พวกเจ้า คือ ลูก ของ ข้าาาา

(หัวเราะแบบดาร์ทเวเดอร์)


STORMNWIND [Female]

วะฮ่าฮ่าฮ่าหน้ากากแอคชั่น

(หัวเราะแบบชินจัง)

Stormwind
16th August 2011, 20:34
ถอนตัวละครไม่ทันแล่ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว วะฮะฮะฮ๊าาา

STORMWIND [Female]

Stormwind
16th August 2011, 20:37
จองพื้นที่

Stormwind
16th August 2011, 20:39
จองพื้นที่ค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

5day-ago
16th August 2011, 20:40
ถอนตัวละครไม่ทันแล่ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว วะฮะฮะฮ๊าาา

STORMWIND [Female]

ขอรับเจ้าแม่ TT

Stormwind
16th August 2011, 20:43
จองพื้นที่ (พี่ piussun อย่าโกรธน๊าาาาาา)

Stormwind
16th August 2011, 20:51
จองพื้นที่อีกแว้ว

Stormwind
16th August 2011, 20:59
จองพื้นที่จ๊ะ

LoveSeeker
16th August 2011, 21:31
ถอนตัวละครไม่ทันแล่ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว วะฮะฮะฮ๊าาา

STORMWIND [Female]

ไม่เป็นไร ถ้ามีโอกาศได้ไปหา เดี๋ยวเอาปืนไปไล่ยิง

ปล. เรปนึงได้กี่อัักษร

diippyjas
16th August 2011, 22:30
10000 ล่ะมั้ง กำลังรอตอนใหม่ แฮ่กๆ ฝากอ่านของผมด้วยนะครับ

Jardet
16th August 2011, 22:46
บร๊ะเจ้านี่มันจองพื้นที่หรือหน่วยเคลื่อนที่ปั้มกระทู้(เผ่น)

Rex
17th August 2011, 18:05
โอเคแล้วเหรอ?

Piussun
17th August 2011, 19:28
ถ้าเป็นเจ้าของจองไม่เป็นไรหรอก แต่ก็กะๆลิมิตไว้ให้ดีๆละกัน
ถ้าวันนึงเกิดจองหลายเรปเกินไปเดี๋ยวระบบมันจะคิดว่าเป็นปั๊มกระทู้ได้เน้อ
เอาเป็นว่าจองเป็นช่วงๆดีกว่า

ว่าแต่ทำสารบัญเป็นมั้ยนั่นน่ะ?... ถ้าไม่ได้เดี๋ยวจะหาวิธีทำมาให้

Stormwind
18th August 2011, 21:06
โอเคแล้วเหรอ?

ไม่โอเคเลย



ถ้าเป็นเจ้าของจองไม่เป็นไรหรอก แต่ก็กะๆลิมิตไว้ให้ดีๆละกัน
ถ้าวันนึงเกิดจองหลายเรปเกินไปเดี๋ยวระบบมันจะคิดว่าเป็นปั๊มกระทู้ได้เน้อ
เอาเป็นว่าจองเป็นช่วงๆดีกว่า

ว่าแต่ทำสารบัญเป็นมั้ยนั่นน่ะ?... ถ้าไม่ได้เดี๋ยวจะหาวิธีทำมาให้

ขอบคุณค่ะ พี่ Piussun

ถึงผู้อ่านทุกคน นิยายลงวันพรุ่งนี้ ไม่งั้นก็วันนี้นะคะ อาจจะดึกๆหน่อย

Stormwind
19th August 2011, 12:42
ตอนใหม่ลงแล้วน๊า
คนอ่าน2000คนแล้ว ดีใจที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ
พี่ตั้มฝากบอกว่า ดีใจมากๆขอบคุณทุกๆคนครับ

By STORMWIND

LoveSeeker
19th August 2011, 17:40
มาตรฐานความโหดยังคงเดิม

5day-ago
19th August 2011, 18:39
เจ้าแม่ยังคงเป็นเจ้าแม่เหมือนเดิม TT

pza00007
19th August 2011, 19:38
อิอิ สนุกมากๆเลยครับ ^ ^

ลงตอนใหม่เร็วๆน่ะครับ สู้ๆครับผม ^ ^

Rex
20th August 2011, 21:16
GIVE..
http://www.picza.net/uppic/pic/2011_08_20/3bd/3bd8e8999f7880d8ce0552ab6a3b4ce5.jpg

หวังว่ามันจะได้แต่งซักที

http://www.picza.net/uppic/pic/2011_08_20/146/1461ba5a7db60f25e7e382329e590424.jpg

งานเยอะปวดหัว ไม่มีเวลา

Stormwind
20th August 2011, 21:59
มาตรฐานความโหดยังคงเดิม

แน่นอนสิยะ


เจ้าแม่ยังคงเป็นเจ้าแม่เหมือนเดิม TT

พูดแบบนี้ สงสัยอยากโดนเนรเทศ (555)


อิอิ สนุกมากๆเลยครับ ^ ^

ลงตอนใหม่เร็วๆน่ะครับ สู้ๆครับผม ^ ^

ขอบคุณนะจ๊ะ มดเหลือง



STORMWIND [Female]

Stormwind
20th August 2011, 22:00
GIVE..
http://www.picza.net/uppic/pic/2011_08_20/3bd/3bd8e8999f7880d8ce0552ab6a3b4ce5.jpg

หวังว่ามันจะได้แต่งซักที

http://www.picza.net/uppic/pic/2011_08_20/146/1461ba5a7db60f25e7e382329e590424.jpg

งานเยอะปวดหัว ไม่มีเวลา


@พี่ REX ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

STORMWIND [Female]

Stormwind
20th August 2011, 22:03
มาเป็นกำลังใจให้

ฝนตก ฟ้าผ่า เปรี้ยงงงง แง่กก !!!
armsupergame มาโพสท์ซะด้วยสิ

Stormwind
22nd August 2011, 22:13
พี่ตั้มกลับมาแว้ววววววววววววววววววววววววววววว
กลับมาพร้อมกับผมทรงใหม่ ดูเป็นคนมากกว่าทรงอื่นเลยแหละ (555555)
ส่วนนิยาย อีกสองสามวันนะเจ้าคะ

By STORMWIND [Female]

Stormwind
25th August 2011, 00:14
ลงตอนที่ 7แล้วนะครับ แต่ยังไม่จบนะครับ สองวันผมจะมาต่อครับ

STORMWIND [Male]

5day-ago
25th August 2011, 18:12
ลงตอนที่ 7แล้วนะครับ แต่ยังไม่จบนะครับ สองวันผมจะมาต่อครับ

STORMWIND [Male]

มาต่อเร็วๆนะครับ

อ้ากกก ภูเก็ตน้ำท่วม TT

Stormwind
27th August 2011, 03:04
มาต่อเร็วๆนะครับ

อ้ากกก ภูเก็ตน้ำท่วม TT

ลงตอน7หมดแล้วครับผม ตอนต่อไปเต้ก็โชคร้ายหน่อยนะ แก้มแหม่มบอกว่าจะแต่งเอง(5555)

By STORMWIND [Male]

5day-ago
27th August 2011, 08:14
ลงตอน7หมดแล้วครับผม ตอนต่อไปเต้ก็โชคร้ายหน่อยนะ แก้มแหม่มบอกว่าจะแต่งเอง(5555)

By STORMWIND [Male]

โอ้ว้าว ผู้โชคร้ายคนที่หนึ่ง TT

pza00007
27th August 2011, 11:23
สู้ๆ น่ะครับผมติดตามตลอดเลย ^ ^

สนุกมากๆครับ ^ ^

LoveSeeker
27th August 2011, 17:52
อ่านจบแล้วสงสัยขึ้นมาว่า

ยัยแว่นมหาภัยเป็นคนแต่งรึเปล่า =*=

Stormwind
27th August 2011, 22:59
เห็นว่าพวกเราจะซวยกันทั้งคณะครับ ถ้าได้รวมตัวกัน
อาจจะประมาณว่า รวมตัวเมื่อไหร่้ ซวยเมื่อนั้น

By STORMWIND [Male]

Jardet
30th August 2011, 22:16
เห็นว่าพวกเราจะซวยกันทั้งคณะครับ ถ้าได้รวมตัวกัน
อาจจะประมาณว่า รวมตัวเมื่อไหร่้ ซวยเมื่อนั้น

By STORMWIND [Male]
นรกมาเยือนแล้วไง:sweat

Nut_crazyboy
3rd September 2011, 18:33
เป็นกำลังใจให้นะครับ

ปล.ติดตามตอนต่อไปอยู่นะกำลังอ่านมันส์ๆเลย

pza00007
4th September 2011, 18:32
เมื่อไรตอนใหม่จะมาครับ ?

รออยุ่น่ะครับ ^ ^

สู้ๆครับ อิอิ ^ ^

Stormwind
6th September 2011, 23:13
อีกสองสามวันนะ ไม่มีเวลาิพิมพ์เลย ทะเลาะกับพี่ตั้มทุกวันเลย T_T

By STORMWIND [Female]

Stormwind
6th September 2011, 23:20
ตอนนี้ก็ยังทะเลาะกันอยู่ เครียดมากๆเลย

By STORMWIND [Female]

pza00007
7th September 2011, 20:17
ตอนนี้ก็ยังทะเลาะกันอยู่ เครียดมากๆเลย

By STORMWIND [Female]

ใจเย็นๆ เน้อ ค่อยๆคุยกัน คุยกันดีๆ นะครับ ^ ^

Stormwind
9th September 2011, 12:37
ลืมบอกไปเจ้าค่ะ ตอนใหม่ลงแล้วนะ
แหะๆ

ล.น.ล.

ลงนานแล้ววว

By STORMWIND [Female]

Stormwind
9th September 2011, 19:14
นิยายอยู่เรป8 นะ ลืมไปเลย แหะๆ

By STORMWIND [Female]

Stormwind
13th September 2011, 19:46
นิยายเดี๋ยวขอลงอาทิตย์หน้านะคะ อาทิตย์นี้แหม่มขอลุย เพอร์ซี่ย์ แจ๊คสัน ก่อนเด้อ
กำลังติดงอมแงมเลย แฮ่ะๆ

By STORMWIND [Female]

diippyjas
17th September 2011, 12:22
เก่ง (เพื่อนเรียก diippy)
ชื่อ : ธนกร
นามสกุล : นิลพร
อาชีพ : นักศึกษาตกงาน
อายุ : 24
ส่วนสูง : 175 หนัก : 65
ลักษณะทั่วไป : ผมสีดำ ผิวสีน้ำตาล ผิวมันวาว มีกล้ามนิดหน่อย
นิสัย : ขี้เล่น ขี้อาย เป็นคนเงียบๆถ้าอยู่เฉยๆ ถ้ามีคนพูดด้วยพูดไม่หยุด ชอบเล่นBB Gun จีบผู้หญิงไม่เป็น
อาวุธ : ลูกซองเก่าๆของพ่อ,usp 45,ท่อนไม้

ขอเพิ่มอีกตัวนะครับ :yes

pza00007
22nd September 2011, 13:38
ตอนใหม่เมื่อไรจะมาน่ะ อิอิ ^ ^

รออยู่น่ะครับ ^ ^

เป็นกำลังใจให้ครับผม ^ ^

pone123
22nd September 2011, 14:25
สนุกดีนะครับ

pone123
22nd September 2011, 16:09
ฮ่า:preved:preved

Stormwind
25th September 2011, 20:19
นิยายยยยยยยยยยยย ลงคืนนี้แน่นอนค่ะ แฮ่กๆ แฮ่กๆ ยังไม่เสร็จเลย มัวแต่อ่านเพอร์ซี่ย์ แจ๊คสัน

By STORMWIND [Female]

Stormwind
25th September 2011, 21:55
Little Chapter

"แฮ่กๆ แฮ่กๆ" ฉันวิ่ง.......วิ่ง.....และวิ่ง ออกมาจากบ้านหลังนั้น บ้านที่เคยเป็นบ้านของฉันมาก่อน บ้านที่เคยอุ่นไปด้วยไอรักของฉัน

ตอนนี้ฉันกำลังวิ่งหนีคนที่ฉันเคยรู้จัก อยู่ และเหมือนจะมีบางอย่าง ที่ทำให้ฉันต้องหันไปมองที่พักของฉันเป็นครั้งสุดท้าย...........

ก่อนหน้านี้ ฉันยังจำได้อยู่ ว่า ฉันเห็นคนข้างบ้านต่างทะยอยกันย้ายบ้านเพียงเพราะข่าวลืองี่เง่า ที่ว่ากันว่า เกิดมีโรคระบาดแบบในหนัง

พ่อและแม่ของฉัน รวมถึงคนทุกคนในบ้าน ทุกคนต่างไม่เชื่อกับข่าวลือรวมถึงตัวฉันด้วย

แต่แล้วอีกไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง ก็มีคนเดินเข้ามาในบ้านของฉัน ร่างกายของชายคนนั้นชุ่มโชกไปด้วยเลือด เขาอ้าปากจนเผยให้เห็นถึงเขี้ยว....ฟังไม่ผิด มันคือเขี้ยว

แบบที่สร้างมาเพื่อฉีกกัดเนื้อของสัตว์ หรือแม้กระทั่งของคนด้วย ชายคนนั้นเดินโซเซมายังโต๊ะกินข้าวที่แม่เพิ่งจะจัดตกแต่งอย่างพิถีพิถัน

หลังจากนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก ไวจนชนิดที่ว่าเราไม่ทันได้ตั้งตัวกันเลย เขากระโจนเข้าใส่พ่อ แล้วฝังเขี้ยวลงที่ต้นคอของพ่อ เลือดสดๆปรี่ออกมาจากรอยแผล

ร่างกายของพ่อกระตุกเร่าๆ ไม่นานก็นิ่งไป และเป็นพี่ชายของฉันที่ได้สติไวกว่าใครเพื่อน พี่ชายได้ร้องตะโกนออกมาสุดเสียง

" เนย แม่ เข้าไปในห้อง ผมจะฆ่าไอ่*****นี่เอง" พี่ชายพูดจบก็ปราดเข้าไปฉวยดาบของสะสมที่อยู่บนตู้เย็นออกมา แต่ก่อนที่จะชักดาบนั้น มันก็โผเข้ามารวบพี่ชายลงกับพื้น

"ตามหลักของการวิวาทแล้ว ถ้าใครได้อยู่ด้านบน คนนั้นชนะ" จู่ๆสิ่งที่พี่ชายข้างบ้านเคยพูดเอาไว้ก็แว่วเข้ามาในโสตประสาท

และมันก็เป็นจริงอย่าที่พี่ตั้มพูด มันกดพี่ชายของฉันไว้ และพยายามกัดเข้าที่ต้นคอ แต่พี่ชายกลับใช้แขนซ้ายขึ้นมาบังไว้ มันเลยกัดเข้าที่แขนซ้ายแทน

ส่วนมือข้างขวาของพี่ชายนั้นได้ควานหาดาบเจอ จึงได้ทุบเข้าที่หัวมันด้วยฝักดาบ แค่นั้นก็เพียงพอที่มันจะกระเด็นออกไป และเพียงพอที่จะทำให้พี่ชายหันหน้ามาตั้งหลักได้

"*** ***กัดพ่อกู" พี่ชายชักดาบออกมา พ้อมกับฟันเข้าไปที่ต้นคอ ทำไมถึงต้องเล่นกันที่ต้นคอทุกทีเลยนะ !!!

ดาบแรกที่ฟาดลงไปนั้น ยังไม่ทำให้คอของมันขาดสนิทในทันที และมันก็เดินเซไปมาเหมือนกับเรือไร้หางเสือ

พี่ชายก้าวไปหามันอย่างใจเย็น และฟันดาบสองลงไปทันที

มันนอนนิ่งอยู่กับพื้น และพี่ชายก็ยิ้มอย่างสะใจ ก่อนจะร้องบอกเราสองแม่ลูกให้ออกมาจากห้องนอน

แต่เมื่อเราออกมา เราก็ต้องตกใจกับภาพตรงหน้า..........

พี่ชายยังคงยืนยิ้มให้กับเรา แต่.......พ่อ.....พ่อค่อยๆลุกขึ้นมา !!!

นั่นทำให้แม่ถึงกับต้องหวีดร้อง เพราะพ่อค่อยๆเดินมาหาพี่ชาย ท่าทางของพ่อเหมือนกับชายที่เข้ามาเมื่อกี้ไม่มีผิดเพี้ยน

"พะ.....พ่อ" ทั้งๆที่มีโอกาส แต่พี่ชายกลับไม่กล้าเงื้อดาบ ร่างของพ่อใช้ความใจอ่อนนั้นเองเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าพี่ชายจะตัวสูงกว่าพ่อเป็นไหนๆ แต่ก็ถูกพ่อรวบลงไปก่อนจะระดมเขี้ยวลงไปฝังทั่วร่างกาย

แต่พี่ชายยังคงแข็งใจพูดคำสุดท้ายกับเรา

"ไป เข้าไปในห้อง"

สิ้นเสียงคำสั่ง ฉันก็รีบเข้าไปในห้องทันที แต่แม่ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง

"แม่ แม่ เข้ามาสิ"

แม่ยังคงนิ่ง ก่อนจะหันหน้ามาหา ใบหน้าของแม่นั้นเต็มไปด้วยน้ำตา เหมือนแม่จะกล้ำกลืนคำพูดมากๆ

"เข้าไปซะ แม่จะอยู่กับพ่อ แม่จะถ่วงเวลาไว้ให้"

ถ่วงเวลา คำนั้นฉันเองก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร !!! แม้ว่าฉันจะพยายามดึงให้แม่เข้าไปกับฉัน แต่แม่ก็ยังคงยืนกรานคำเิดิม พร้อมทั้งผลักประตูของฉันให้มันปิดลง

ตอนนั้นโลกทั้งใบของฉันมืดหม่นลงไป ฉันล๊อกกลอนอย่างแน่นหนา และทรุดกายลงร้องไห้โดยใช้หลังพิงประตูเอาไว้ โลกทั้งใบมันดูดับวูบลงไปจริงๆ

จนกระทั่ง..............

มีเสียงทุบประตูดังสนั่น ไม่ใช่เสียงของใครหรอก ของคนในครอบครัวฉันทั้งสามคนนั่นเอง ฉันเองก็รู้ดี ว่า ไม่นานถ้าฉันยังอยู่แบบนี้ ฉันคงจะได้เป็นอย่างทั้งสาม

แต่บางอย่างกลับบอกให้ฉันเปิดหน้าต่างแล้วโดดลงไป และฉันก็ทำตามที่สัญชาติญาณบอกจริงๆ !!

แต่พอโดดลงไปนั้น ส้นเท้าของฉันก็กระทบกับพื้นอย่างรุนแรง จนทำให้มันรู้สึกเจ็บแปลบ เหมือนมีไฟฟ้าช๊อตทั่วๆข้อเท้า

และเมื่อทั้งสามได้ยินเสียงฉัน ต่างก็กรูกันลงมาจากทางเดียวกับที่ฉันลง

ในตอนนี้ ฉันรู้ดี ว่า จะช้าไม่ได้ จึงรีบกะเผลกๆไปยังประตูรั้ว หลังจากที่ออกไปนอกบ้าน ฉันก็จัดการล๊อกมันซะ แล้วรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากบ้านหลังข้างๆ

แต่ก็ปรากฏว่ามันว่างเปล่า ฉันจึงฉวยโอกาสหลบอยู่ในบ้านหลังนั้นจนกระทั่งฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง......................

แสงแดดยามเช้าอันสดใสช่วยปลุกฉันให้ตื่นขึ้นมาจากสิ่งที่ฉันคิดว่าเป็นฝันร้าย

แต่เมื่อมองไปข้างนอกหน้าต่าง ทุกอย่างดูเลวร้ายยิ่งกว่าเก่า ฉันพยายามตบหน้าตัวเองเพื่อให้ตื่นจากฝันร้าย แต่ยิ่งตบ ทุกอย่างก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม

ฉันลองลุกขึ้นเดินช้าๆ แต่อาการบาดเจ็บข้อเท้าจากเมื่อวานก็กำเริบขึ้นอีกครั้ง ข้อเท้าของฉันปวมเป่ง และท้องก็เริ่มร้องเข้าไปทุกทีๆแล้ว

และทันใดนั้น สายตาของฉันก็เหลือบไปเจอกับมาม่าซองสีเหลือง2-3ซอง ฉันจึงรีบฉวยมาบีบให้ละเอียดแล้วกินด้วยความหิวกระหาย

หลังจากที่ท้องอิ่มแล้ว ฉันก็เอาแต่นั่งคิด ว่า ทุกอย่างมันเริ่มมาจากที่ไหน เมื่อไหร่้ และอย่างไร

เมื่อฉันคิดถึงครอบครัวของฉัน ภาพที่พ่อและพี่ถูกขย้ำต่อหน้าต่อตา น้ำตาก็ค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาของฉัน เท่าที่จำได้ ฉันเอาแต่ร้องไห้ ร้องไห้

และร้องไห้ จนทุกๆอย่างวูบดับไป

ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งในยามที่ท้องฟ้าเริ่มมืดค่ำ และ ลองเดินไปควานหาสวิตซ์ไฟ

พระช่วย ! ฉันเจอสวิตซ์ไฟจริงๆ เลยลองกดเปิดดู แต่ผลของมันคือ.....มืดมิดเหมือนเดิม แต่หลังจากที่ฉันมองไปมาเพื่อหาสิ่งที่สร้างความสว่างได้

สายตาก็พลันไปสะดุดกับนาฬิกาเข็มพรายน้ำที่วางอยู่....เหมือนจะวางอยู่บนโต๊ะอะไรซักอย่าง ฉันเลยคว้ามันมาสวมไว้ แล้วควานหาปุ่มไฟของนาฬิกา

มันมีไฟ !!! ฉันอยากจะกรีดร้องดังๆ ด้วยความดีใจ แต่แสงไฟก็ไม่ได้สว่างอะไรมากมาย ในตอนนี้ ฉันเริ่มอยากจะเดินออกไปด้านนอกเต็มที

แต่ข้อเท้าของฉัน ยังคงไม่เอื้ออำนวย มันยังคงปวดแปลบๆ ทุกครั้งที่ฉันทิ้งน้ำหนักลงที่เท้าด้านนั้น ทำให้ฉันต้องอยู่เงียบๆ ในห้อง ไม่กล้าแม้แต่จะออกจากห้องไป

เวลาเริ่มเดินไปเรืื่อยๆ จนเข็มสั้นแต้มพรายน้ำชี้ไปที่เลข9 3ทุ่มแล้ว !!!

และฉันก็ได้ยินเสียงแปลกๆ เมื่อเงี่ยหูฟังดูดีๆ มันเป็นเสียงร้องไห้ของผู้หญิง อาจจะเป็นคนตรงข้ามกับบ้านหลังนี้ก็เป็นได้

ฉันเลยค่อยๆเดินไปที่ประตูห้องเพื่อจะออกไปจากบ้าน เดินไปไม่กี่ก้าว เท้าของฉันก็สัมผัสกับอะไรบางอย่าง ลื่นๆ มันพุ่งผ่านฉันไปอย่ารวดเร็ว

นั่นทำให้เสียหลักล้มลงไป และเมื่อฉันล้มลงไป ฉันก็เห็นดวงตาสีแดงที่สว่างเรืองจากความมืิด มันส่งเสียงร้องจี๊ดๆ หนู สิ่งที่ฉันเกลียดกลัวที่สุดในชีวิต !

"กรี๊ดดดดดดดด!!!!!!!!!" ฉันแผดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจกลัว และมันเองก็คงตกใจเช่นกัน เลยวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

และเมื่อฉันรวบรวบขวัญกำลังใจได้ ก็เลยค่อยๆ เดินไปที่ประตูอีกครั้ง ฉันได้ยินเสียงคำรามของผู้ติดเชื้อสักคน เสียงนี้มันช่างคุ้นหูของฉันจริงๆ

ไม่กี่อึดใจ เสียงทุบประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง โอ้.....นี่ฉันต้องโดดลงจากหน้าต่างอีกแล้วเหรอเนี่ย ???

ไม่มีเวลาให้คิดแล้ว ฉันเปิดหน้าต่างพร้อมๆกับที่ประตูหน้าบ้านถูกพังเข้ามาได้ และเสียงฝีเท้าก็วิ่งมาที่ประตูห้องของฉัน

"เอาละะ เป็นไงเป็นกัน" ฉันสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะโดดลงมาที่พื้นหญ้า โชคดีที่มันไม่ได้สูงอะไรมาก ข้อเท้าของฉันเลยไม่ได้เจ็บเพิ่มเติม

ฉันพยายามเขย่งๆ เดินไปที่ประตู แต่มันคงไกลเกินไป ถ้าอยากรอด ฉันคงต้องปีนข้ามรั้วเล็กๆ นี้

"เราต้องรอด" ฉันปลอบใจตัวเองและค่อยๆ ปีนรั้ว ข้ามได้แล้วสายตาของฉันก็ไปสบเข้ากับซอมบี้สองตัวที่อยู่บนบ้าน นั่นก็คือ พ่อ กัีบ พี่ชายของฉันนั่นเอง

ร่างทั้งสองคำรามก้องหลังจากนั้นทั้งสองก็รีบกระโจนออกมาจากหน้าต่างอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้ฉันต้องรีบวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

แม้ว่าฉันอยากจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือเพียงใดแต่ร่างกายของฉันไม่ไ่ด้กินน้ำมาตั้งแต่เมื่อวาน จึงทำให้ไม่สามารถเปล่งเสียงร้องออกมาได้

ร่างกายฮันเริ่มจะเหนื่อยล้า แม้ว่าจะเพิ่งออกวิ่งมาได้ไม่กี่อึดใจเท่านั้นเอง และที่สำคัญ ข้อเท้าของฉันก็เริ่มปวดขึ้นมาอีกครั้ง

ครั้งนี้แทบจะทำให้ฉันหยุดวิ่ง แต่สัญชาติญาณร่างกายกลับบังคับให้วิ่งต่อไป จนถึงที่รั้วหน้าบ้าน

แต่แล้ว ร่างกายของฉันก็มาถึงจุดขีดสุด ฉันไม่สามารถจะปีนรั้วได้อีกแล้ว จึงได้ตัดสินใจล้มตัวลง และคลานไปยังพงหญ้าที่อยู่ข้างๆบ้าน

เพื่อหวังว่ามันจะช่วยซ่อนตัวฉันจากผู้ติดเชื้อทั้งสองได้บ้าง และมันก็จริงอย่างที่คาดไว้ พงหญ้ารกๆนี่ช่วยซ่อนได้เป็นอย่างดีเลย

มันค่อยๆ ดมกลิ่นและเดินหนีไปทางอื่น นั่นทำให้ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

(จะมาต่อตอนที่ลงตอน9เสร็จแล้วนะคะ อาจจะเป็น 1-2วัน ทิ้งให้คนอ่านลุ้นกันหน่อย)

Stormwind
26th September 2011, 02:34
ลงตอน9แล้วนะคะ แต่ยังไม่จบตอน อยากให้คนอ่านทุกๆคนช่วยกันโหวตหน่อยค่ะ ว่าจะให้ลง Little Chapter ก่อนให้จบ หรือว่าจะให้ลงตอนหลักไปเลย

ช่วยกันโหวตหน่อยนะคะ ปิดผลโหวต วันพฤหัสนะคะ รับรองว่า Little Chapter ตอนจบทุกคนคาดไม่ถึงแน่นอน และตอนหลัก ก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน

แหม่มสปอยนิดนึงนะ ว่า จะมีตัวละครตัวหนึ่งที๋โผล่มา ไม่บอกละดีกว่า

โหวตกันหน่อยน๊าาา


By STORMWIND [Female]

pza00007
26th September 2011, 08:20
ลงตอนหลักไปเยยครับ ^ ^

LoveSeeker
27th September 2011, 07:53
ลงพร้อมกันทั้ง 2 อันแหละ
นี่คือคำสั่ง!

krit0099
27th September 2011, 19:36
ลงพร้อมกันทั้ง 2 อันแหละ
นี่คือคำสั่ง!
ถูกต้องเลยพี่ แต่ถ้าไม่ได้ลงLittle Chapter ก่อนๆ

LoveSeeker
27th September 2011, 20:44
ถูกต้องเลยพี่ แต่ถ้าไม่ได้ลงLittle Chapter ก่อนๆ

ไม่มีคำว่าไมไ่ด้ เพราะสั่งไปแล้ว 55+

5day-ago
27th September 2011, 22:22
ลงทั้งสองอัันตามท่าน LoveSeeker ครับ 55555+ (จะโดนฆ่าหมกส้วมไหมเนี้ย)

LoveSeeker
28th September 2011, 16:26
ลงทั้งสองอัันตามท่าน LoveSeeker ครับ 55555+ (จะโดนฆ่าหมกส้วมไหมเนี้ย)

คงไม่โดน
แค่อาจจะจับหัว แขน ขา ผูกกับม้าหาตัว แล้ววิ่งไปคนล่ะทาง (เขาเรียกว่าอะไรใน ในหนังจีน)
หรือไม่ก็โดนจับเล่นแฮงค์แมน
หรือไม่ก็ถูกถีบออกไปในอวกาศโดยปราศจาชุด ให้ตัวระเบิดตายไปข้างนึง
หรือไม่ก็ โดนตัดน้องชายไปให้เป็นกิน

และที่ร้ายแรงที่สุด~~~~ โดนจับขาบบาร์เกย์

Stormwind
28th September 2011, 20:37
เอามันไปเผา !!!!!

5day-ago
30th September 2011, 14:42
เอามันไปเผา !!!!!

โหดร้ายจัง ว่าแต่ใครเหรอ :)

LoveSeeker
30th September 2011, 15:14
โหดร้ายจัง ว่าแต่ใครเหรอ :)

ไม่ผมก็ผมนี่แหละครับ
(สรุป ผมเอง):o

Stormwind
2nd October 2011, 21:18
ลงตอน8แล้วนะคะ ใครที่อ่านแล้วก็ขอให้กลับไปอ่านใหม่ มีตอนท้ายแถมมานิดหน่อยเจ้าค่ะ

By STORMWIND [Female]

pongput1995
3rd October 2011, 00:31
แต่งใหม่เลยนะครับเนี่ย สนุกดีครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
ขอสมัครตัวละครเพิ่มได้ไหมครับเนี่ย

Stormwind
3rd October 2011, 11:06
แต่งใหม่เลยนะครับเนี่ย สนุกดีครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
ขอสมัครตัวละครเพิ่มได้ไหมครับเนี่ย

ขอบคุณมากๆเลยครับ สำหรับกำลังใจ
ส่วนเรื่องตัวละคร สมัครได้เลยครับผม ตัวละครทุกตัวจะมี 'จุดจบ' ที่ไม่เหมือนกันครับ

By STORMWIND [Male]

Nut_crazyboy
4th October 2011, 23:27
สมัครตัวละครครับ

นัท
ชื่อ : ณัฐพงษ์
นามสกุล : ธิเชื้อ
อาชีพ : นักศึกษาคอมธุระกิจ (กำลังฝึกงาน)
อายุ : 25
ส่วนสูง : 170 หนัก : 56
ลักษณะทั่วไป : สมส่วน สูง มีกล้ามนิดๆ ผิวสีน้ำตาลแดง ตัดผมรองทรงเบอร์สูง ใส่เสื้อ แจ็คเก็ตเก่าๆสีดำ เสื้อเชิตลายทหาร กางเกงสามส่วนลายสก็อตสีดำ ใส่สร้อย dogtag ลายอเมริกา ใส่แว่นตาดำ ผ้าปิดจมูกสีน้ำตาล
นิสัย : เป็นคน ที่ชอบอยู่คนเดียว เงียบแต่เฮฮานิดๆ แต่ถ้าสนิทกับก็พูดมากกับคนนั้น พูดตรง เก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ และเรื่องสะเดาะกลอนประตู เค้าอยากเป็นทหารมากเเละฝันว่าอยากใส่ชุดทหารอเมริกันมาก
ชอบเล่น มีด และ ชอบเล่น ปืนต่างๆและสไนเปอร์ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น อีกอย่างเค้าสามารถนำทุกอย่างมาประดิษฐเป็นอาวุธได้
อาวุธ : มีดพกของพ่อ ปืนสไนเปอร์ไม้ เเละ ปืน พกขนาด 9mm.

Stormwind
5th October 2011, 22:10
สมัครตัวละครครับ

นัท
ชื่อ : ณัฐพงษ์
นามสกุล : ธิเชื้อ
อาชีพ : นักศึกษาคอมธุระกิจ (กำลังฝึกงาน)
อายุ : 15
ส่วนสูง : 170 หนัก : 56
ลักษณะทั่วไป : สมส่วน สูง ผิวสีน้ำตาลแดง ตัดผมรองทรงเบอร์สูง ใส่เสื้อ แจ็คเก็ตเก่าๆสีดำ เสื้อเชิตลายทหาร กางเกงสามส่วนลายสก็อตสีดำ ใส่สร้อย dogtag ลายอเมริกา ใส่แว่นตาดำ ผ้าปิดจมูกสีน้ำตาล
นิสัย : เป็นคน ที่ชอบอยู่คนเดียว เงียบแต่เฮฮานิดๆ แต่ถ้าสนิทกับก็พูดมากกับคนนั้น พูดตรง เก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ และเรื่องสะเดาะกลอนประตู เค้าอยากเป็นทหารมากเเละฝันว่าอยากใส่ชุดทหารอเมริกันมาก
ชอบเล่น มีด และ ชอบเล่น ปืนต่างๆและสไนเปอร์ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น อีกอย่างเค้าสามารถนำทุกอย่างมาประดิษฐเป็นอาวุธได้
อาวุธ : มีดพกของพ่อ ปืนสไนเปอร์ไม้ เเละ ปืน พกขนาด 9mm.


แก้อายุหน่อยก็น่าจะเวิร์คนะคะ

By STORMWIND [Female]

pongput1995
6th October 2011, 00:47
มาสมัครตัวละครครับผม
ชื่อ พงษ์พัฒน์
นามสกุล ดำริทรัพย์
ชื่อเล่น กราฟ
อาชีพ นักเรียนม.ปลาย
ส่วนสูงน้ำหนัก สูง175 หนัก59
อายุ 17 ปี
ลักษณะ ผิวขาว ผมาสั้นสัดำ รูปร่างดี หน้าตาใช้ได้ ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ ใส่รองเท้าบูทของตำรวจ(แบบพวกหน่วยs.w.a.t.) ดูเป็นคนเงียบๆสุภาพ
นิสัย เป็นคนสุภาพ แต่มีความโหดอยู่ในตัว นิสัยดี ชอบเรื่องซอมบี้มานาน เป็นคนนิ่งมีสติอยู่ตลอดเวลา เมื่อถึงเวลาที่จำเป็นจะจริงจังมากใช้ความสามรถที่ตรเองมีได้ถึงที่สุด
ออกแนวเย็นชากับทุกสิ่ง แต่ยังสุภาพอยู่ ไม่กลัวพวกซอมบี้ สามารถจัดการคนผู้เป็นที่รักได้เมื่อยามจำเป็นโดยไม่ลังเล มีนิสัยง่ายๆ อะไรยังไงก็ได้
ความสามรถพิเศษ ได้รับการฝึกดาบมาก่อนจะถนัดการใช้ดาบมีดและศิลปะการป้องกันตัวระยะประชิด ยิงปืนพอเป็น ทำอาหารและเรื่องเย็บปักถักร้อยเก่ง มีความรู้เรื่องการรักษาพยาบาลจากพ่อ
อาวุธที่ติดตัวมา ดาบไม้ มีดพก และ มีปลอกแขนขาแบบตำรวจใส่ไว้อยู่(อย่างอื่นหาเอาเองในเรื่อง ฮ่าๆ)
ประวัติ พ่อแม่ครอบครัวติดเชื้อกันหมดจึงจัดการพวกเขาด้วยตนเองหมดแล้ว ทำให้ไม่มีห่วงอะไร

BuGMaP
6th October 2011, 10:07
ยาว จัง เหนื่อย

Nut_crazyboy
6th October 2011, 10:39
แก้อายุหน่อยก็น่าจะเวิร์คนะคะ

By STORMWIND [Female]

แก้แล้วนะครับ

saphira
6th October 2011, 19:59
นี่ ว่าแต่แก้มแหม่มเปแ็นตัวของใครอ่ะ ว่าจะขอยืมตัวไปเป็นดารารับเชิญในเรืองของเราหน่อยนึงอ่ะจะได้ไหมอ่ะ

Stormwind
7th October 2011, 22:23
นี่ ว่าแต่แก้มแหม่มเปแ็นตัวของใครอ่ะ ว่าจะขอยืมตัวไปเป็นดารารับเชิญในเรืองของเราหน่อยนึงอ่ะจะได้ไหมอ่ะ

แก้มแหม่ม คือ แฟนของผมครับ ว่าแต่ จะเอาไปเป็นตัวอะไรเหรอครับ
(ตัวตลกผมจะรับไว้พิจารณา)

By STORMWIND [Male]

Stormwind
8th October 2011, 00:26
มาสมัครตัวละครครับผม
ชื่อ พงษ์พัฒน์
นามสกุล ดำริทรัพย์
ชื่อเล่น กราฟ
อาชีพ นักเรียนม.ปลาย
ส่วนสูงน้ำหนัก สูง175 หนัก59
อายุ 17 ปี
ลักษณะ ผิวขาว ผมาสั้นสัดำ รูปร่างดี หน้าตาใช้ได้ ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ ใส่รองเท้าบูทของตำรวจ(แบบพวกหน่วยs.w.a.t.) ดูเป็นคนเงียบๆสุภาพ
นิสัย เป็นคนสุภาพ แต่มีความโหดอยู่ในตัว นิสัยดี ชอบเรื่องซอมบี้มานาน เป็นคนนิ่งมีสติอยู่ตลอดเวลา เมื่อถึงเวลาที่จำเป็นจะจริงจังมากใช้ความสามรถที่ตรเองมีได้ถึงที่สุด
ออกแนวเย็นชากับทุกสิ่ง แต่ยังสุภาพอยู่ ไม่กลัวพวกซอมบี้ สามารถจัดการคนผู้เป็นที่รักได้เมื่อยามจำเป็นโดยไม่ลังเล มีนิสัยง่ายๆ อะไรยังไงก็ได้
ความสามรถพิเศษ ได้รับการฝึกดาบมาก่อนจะถนัดการใช้ดาบมีดและศิลปะการป้องกันตัวระยะประชิด ยิงปืนพอเป็น ทำอาหารและเรื่องเย็บปักถักร้อยเก่ง มีความรู้เรื่องการรักษาพยาบาลจากพ่อ
อาวุธที่ติดตัวมา ดาบไม้ มีดพก และ มีปลอกแขนขาแบบตำรวจใส่ไว้อยู่(อย่างอื่นหาเอาเองในเรื่อง ฮ่าๆ)
ประวัติ พ่อแม่ครอบครัวติดเชื้อกันหมดจึงจัดการพวกเขาด้วยตนเองหมดแล้ว ทำให้ไม่มีห่วงอะไร

เฮ้ยยยยยย หรือว่า นี่จะเป็น Graph จากบอร์ดเก่าครับ???

By STORMWIND [male]

Stormwind
8th October 2011, 03:00
สำหรับตอนที่10 ลงแล้วนะครับ แต่ยังไม่สมบูรณ์ 100 % นะครับ

สองสามวันผมจะมาลงใหม่ครับ วันนี้ขอคุยกับแฟนให้รู้เรื่องก่อน

By STORMWIND [Male]

jomemy
8th October 2011, 03:05
สู้ๆ ครับผ๋ม

pongput1995
9th October 2011, 05:18
เฮ้ยยยยยย หรือว่า นี่จะเป็น Graph จากบอร์ดเก่าครับ???

By STORMWIND [male]

ถูกต้องแล้วครับผม 5555+

LoveSeeker
9th October 2011, 08:35
ถูกต้องแล้วครับผม 5555+
welcome back comrade!

Just like the old time already.

saphira
9th October 2011, 16:13
ถ้สเราบอกว่าเอาไปเป๋็น มาม่าซัง ร้านอาหารของกิล ละจะว่าไรไหมละ(แบบหญิงแกร่งใน กิล เลยโดนตั้งฉายาว่า มาม่าซัง)

Stormwind
10th October 2011, 21:49
ตามสะดวกเลยครับผม

By STORMWIND [Male]

Stormwind
14th October 2011, 13:24
ตอนที่ 10 ครบแล้วครับผม

By STORMWIND [Male]

LoveSeeker
14th October 2011, 13:59
โอว์ ตัวละครโผล่เข้ามาอีก 1

Stormwind
14th October 2011, 14:05
โอว์ ตัวละครโผล่เข้ามาอีก 1

ครับผม ตัวละครชาย-หญิงจะได้บาลานซ์กัน แต่ก็แต่งยากกว่าเดิมนิดหน่อยนะครับ

By STORMWIN [Male]

Nut_crazyboy
15th October 2011, 21:21
มาดันๆๆ ให้ครับ ^_^

ว่าแต่ตัวละครผมจะตายยังไงเนี่ย ปล.ขอตายแบบศพสวยนะครับ แหะๆ

Stormwind
16th October 2011, 00:17
มาดันๆๆ ให้ครับ ^_^

ว่าแต่ตัวละครผมจะตายยังไงเนี่ย ปล.ขอตายแบบศพสวยนะครับ แหะๆ

อีกนานโขเลยครับกว่าโผล่มา ผมสปอยนิดหนึ่งครับ อีกสองตอนจะมีตัวละครโผล่มาอีกตัวหนึ่ง 5555

By STORMWIND [Male]

Nut_crazyboy
16th October 2011, 12:21
ครับ อ่านตอนสิบ ใจหายหมดเลย นึกว่า เต้โดนกัด 5555+

5day-ago
16th October 2011, 20:51
ครับ อ่านตอนสิบ ใจหายหมดเลย นึกว่า เต้โดนกัด 5555+

ใจหายเหมือนกันครับ นึกว่ามาได้แค่นี้แล้ว :heat

ปล.เหมือนตัวจริงเลย เห็นผู้หญิงแล้วฟิต :hehe

Nut_crazyboy
16th October 2011, 20:53
ใจหายเหมือนกันครับ นึกว่ามาได้แค่นี้แล้ว :heat

ปล.เหมือนตัวจริงเลย เห็นผู้หญิงแล้วฟิต :hehe

555+ เป็นธรรมดาของผู้ชายเราครับ

diippyjas
17th October 2011, 09:38
อุโฮะ!! เพิ่งมาได้เข้าอัพเดทมาอีกแล่ว เดี๋ยวอ่านจบผมไปอัพเดทของผมมั่ง กระดาษเริ่มเหลืองแล้ว:D

Stormwind
18th October 2011, 19:40
แก้ไขตอน8 กับ 9 นิดหน่อยครับ ถ้าไม่อ่านแล้วจะพลาดกับตอนต่อไปครับผม ไม่อยากให้พลาดจริงๆ

By STORMWIND [Male]

Jardet
19th October 2011, 21:19
1ตัว ใช่ เพลิงรึเปล่าเนี่ย^^

StormRain
20th October 2011, 15:44
ขอสมัคร อีกคน ได้ รึ เปล่าครับ

Stormwind
21st October 2011, 14:11
1ตัว ใช่ เพลิงรึเปล่าเนี่ย^^

รออ่านต่อไปน่า แต่รับรอง ออกทุกตัวค่ะ


ขอสมัคร อีกคน ได้ รึ เปล่าครับ

ด้วยความยินดีเลยค่ะ

By STORMWIND [Female]

StormRain
21st October 2011, 20:08
ชื่อ-นามสกุล วิศนะ สินทิพย์
ชื่อเล่น วิท
อาชีพ นักศึกษาคอมพิวเตอร์
อายุ 18
ส่วนสูง 173 หนัก 55
ลักษณะทั่วไป ผมสีดำ ผิวสีดำแดง มีกล้าม นิดหน่อย
นิสัย เป็น คนเงียบๆ ชอบคิดมาก แต่ก็ออกร่าเริงหน่อยๆ
ความถนัด ถนัดในด้าน เทคโนโลยี และสะเดาะกลอน
อาวุธ ปืนลูกโม่ มีดพก และกระสุนอีก20นัด

Stormwind
27th October 2011, 23:20
ตอนใหม่ลงแล้วครับ แต่ลงไม่หมดนะครับ อีกสามวันผมจะมาลงใหม่ครับผม

by stormwind [male]

nicenice001
28th October 2011, 04:31
เนื้อเรื่องใหม่นั่งอ่านเพลินเลยครับ สนุกมากอ่านไปขำไปตื่นเต้นไป:rofl
(ผมเองwijit001บอร์ดเก่าอัพไอดีเก่าใช้ไม่ได้ครับแถมสมัครด้วยไอดีเดิมไม่ได้อีก:sweat)
คนสมัครตัวละครเยอะจังเลยนะครับคึกคักจริงๆ แหะๆไม่ได้มาดูแค่1-2เดือนเอง:sweat
สู้ต่อไปครับ จะติดตามต่อไปเรื่อยๆนะครับ:)
____________________________________________________
อ๊ะ!ตอนที่9ตรงที่ว่า “ไนท์จะร้องเพลงให้ฟังนะ เพลงที่แพรชอบไง”
:askไนท์ที่ว่าเหมือนจะเป็นตัวละครผมใช่ไหมเอ่ย? :blush
แต่ในListตัวละครไม่เห็นจะมีตัวละครชื่อไนท์เลยนี้ครับ:sweat
________________________________________________
2วันผ่านไปไร้การเคลื่อนไหวเงียบหงาไปเลย:eek:

Stormwind
30th October 2011, 16:16
ลงตอน 11 ต่อแ้ล้วนะคะ ตอนนี้อาจจะจบลงแค่ตรงนี้ หรือว่าจะให้แต่งยาวกว่านี้ดี ถ้าแต่งยาวกว่านี้ก็จะได้รู้ความลับของนิค(ในตอนท้ายของบท11)
แล้วก็วิธีจีบสาวแป้กๆของเต้ แต่ถ้าจะให้จบตอนนี้แค่นี้ ตอนใหม่ก็จะเป็นตอนเช้าเยนะคะ
เพื่อนๆว่าไงดีเอ่ย ??
ช่วยแหม่มกับพี่ตั้มคิดหน่อย

By STORMWIND [Female]


ส่วนของพี่ wijit


เนื้อเรื่องใหม่นั่งอ่านเพลินเลยครับ สนุกมากอ่านไปขำไปตื่นเต้นไป:rofl
(ผมเองwijit001บอร์ดเก่าอัพไอดีเก่าใช้ไม่ได้ครับแถมสมัครด้วยไอดีเดิมไม่ได้อีก:sweat)
คนสมัครตัวละครเยอะจังเลยนะครับคึกคักจริงๆ แหะๆไม่ได้มาดูแค่1-2เดือนเอง:sweat
สู้ต่อไปครับ จะติดตามต่อไปเรื่อยๆนะครับ:)
____________________________________________________
อ๊ะ!ตอนที่9ตรงที่ว่า “ไนท์จะร้องเพลงให้ฟังนะ เพลงที่แพรชอบไง”
:askไนท์ที่ว่าเหมือนจะเป็นตัวละครผมใช่ไหมเอ่ย? :blush
แต่ในListตัวละครไม่เห็นจะมีตัวละครชื่อไนท์เลยนี้ครับ:sweat
________________________________________________
2วันผ่านไปไร้การเคลื่อนไหวเงียบหงาไปเลย:eek:

ตัวละคร ไนท์ ก็คือตัวละครจากเรื่องเก่านั่นแหละค่ะ เพราะว่าตัวละครนี้จะมีบทบาทพอๆกับตัวละครอื่นเลยทีเดียวเชียว

5day-ago
30th October 2011, 17:32
ลงตอน 11 ต่อแ้ล้วนะคะ ตอนนี้อาจจะจบลงแค่ตรงนี้ หรือว่าจะให้แต่งยาวกว่านี้ดี ถ้าแต่งยาวกว่านี้ก็จะได้รู้ความลับของนิค(ในตอนท้ายของบท11)
แล้วก็วิธีจีบสาวแป้กๆของเต้ แต่ถ้าจะให้จบตอนนี้แค่นี้ ตอนใหม่ก็จะเป็นตอนเช้าเยนะคะ
เพื่อนๆว่าไงดีเอ่ย ??
ช่วยแหม่มกับพี่ตั้มคิดหน่อย

By STORMWIND [Female]


ส่วนของพี่ wijit



ตัวละคร ไนท์ ก็คือตัวละครจากเรื่องเก่านั่นแหละค่ะ เพราะว่าตัวละครนี้จะมีบทบาทพอๆกับตัวละครอื่นเลยทีเดียวเชียว

ต่ออีกเลยก็ดีนะครับ อยากรู้วิธีจีบสาว เผื่อได้นำไปใช้ในชีวิตจริง :blush

Stormwind
30th October 2011, 18:03
ต่ออีกเลยก็ดีนะครับ อยากรู้วิธีจีบสาว เผื่อได้นำไปใช้ในชีวิตจริง :blush

ข้าวสารเสก(โลโซ) 555555

By STORMWIND [Female]

nicenice001
30th October 2011, 19:38
ลงตอน 11 ต่อแ้ล้วนะคะ ตอนนี้อาจจะจบลงแค่ตรงนี้ หรือว่าจะให้แต่งยาวกว่านี้ดี ถ้าแต่งยาวกว่านี้ก็จะได้รู้ความลับของนิค(ในตอนท้ายของบท11)
แล้วก็วิธีจีบสาวแป้กๆของเต้ แต่ถ้าจะให้จบตอนนี้แค่นี้ ตอนใหม่ก็จะเป็นตอนเช้าเยนะคะ
เพื่อนๆว่าไงดีเอ่ย ??
ช่วยแหม่มกับพี่ตั้มคิดหน่อย

By STORMWIND [Female]


ส่วนของพี่ wijit



ตัวละคร ไนท์ ก็คือตัวละครจากเรื่องเก่านั่นแหละค่ะ เพราะว่าตัวละครนี้จะมีบทบาทพอๆกับตัวละครอื่นเลยทีเดียวเชียว

ถ้างั้นก็ตัวละครผมอะดิ
ขอแก้หน่อยนึงนะตรงที่ว่ายิงปืนขึ้นฟ้าอะครับ
M110สไนเปอร์ไรเฟิลของผมมันเป็นแบบเก็บเสียงนะ
(เหมือนจะลืมปืนพกดิเซริสอีเกิลติดกล้องของตัวเองวุ้ย)
สรุปว่าตอนนั้นใช้ปืนพกดิเซริสอีเกิลยิงขึ้นฟ้าละกันนะครับ
(ไม่ต้องไปแก้หรอกครับแค่อยากบอกว่าM110สไนเปอร์ไรเฟิลมันเก็บเสียง:p)
(แอบเรื่องมาก:o)

LoveSeeker
30th October 2011, 20:19
ลงๆมาให้จบเถิด อารมณ์ค้าง

nicenice001
1st November 2011, 16:29
แวะมาวันละครั้ง2ครั้ง
แบบว่าถ้าไม่ได้เข้ามันจะค้างๆคาๆอย่างไงไม่รู้
:pardon

Stormwind
1st November 2011, 20:52
วันนี้วันเกิดผมครับผม ผมสัญญาครับ ว่าจะไม่ทิ้งงานแล้วก็จะไม่ทิ้งผู้ช่วยสุดที่รักของผมครับ
ส่วนเรื่องนิยาย ก็จะปรับปรุงส่วนที่ไม่ดี และจะคงส่วนที่ดีๆเอาไว้ครับผม
ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจครับ ผมคนนี้จะรับฟังทุกๆความเห็นของผู้อ่านทุกท่านครับ
แล้วจะนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีที่สุดครับผม ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจ
แลัขอบคุณแก้มแหม่ม สำหรับทุกๆอย่าง ขอบคุณสำหรับความรักครับ
พี่รักแหม่มนะครับ รักคนเดียวในโลกเลยแหละ

ส่วนที่ค้างลงตอน11นั้น จะลงวันศุกรนะครับผม

By STORMWIND [Male]

5day-ago
1st November 2011, 21:27
วันนี้วันเกิดผมครับผม ผมสัญญาครับ ว่าจะไม่ทิ้งงานแล้วก็จะไม่ทิ้งผู้ช่วยสุดที่รักของผมครับ
ส่วนเรื่องนิยาย ก็จะปรับปรุงส่วนที่ไม่ดี และจะคงส่วนที่ดีๆเอาไว้ครับผม
ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจครับ ผมคนนี้จะรับฟังทุกๆความเห็นของผู้อ่านทุกท่านครับ
แล้วจะนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีที่สุดครับผม ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจ
แลัขอบคุณแก้มแหม่ม สำหรับทุกๆอย่าง ขอบคุณสำหรับความรักครับ
พี่รักแหม่มนะครับ รักคนเดียวในโลกเลยแหละ

ส่วนที่ค้างลงตอน11นั้น จะลงวันศุกรนะครับผม

By STORMWIND [Male]

HBD ครับผม ^^

nicenice001
1st November 2011, 21:31
็HBDครับ
แก่ไปอีกปีแล้วสินะครับ(อิอิ)

Axlrose
2nd November 2011, 08:25
ชอบนะครับน่าติดตามดี

Axlrose
2nd November 2011, 08:26
วันนี้วันเกิดผมครับผม ผมสัญญาครับ ว่าจะไม่ทิ้งงานแล้วก็จะไม่ทิ้งผู้ช่วยสุดที่รักของผมครับ
ส่วนเรื่องนิยาย ก็จะปรับปรุงส่วนที่ไม่ดี และจะคงส่วนที่ดีๆเอาไว้ครับผม
ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจครับ ผมคนนี้จะรับฟังทุกๆความเห็นของผู้อ่านทุกท่านครับ
แล้วจะนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีที่สุดครับผม ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจ
แลัขอบคุณแก้มแหม่ม สำหรับทุกๆอย่าง ขอบคุณสำหรับความรักครับ
พี่รักแหม่มนะครับ รักคนเดียวในโลกเลยแหละ

ส่วนที่ค้างลงตอน11นั้น จะลงวันศุกรนะครับผม

By STORMWIND [Male]

HBD ย้อนหลังด้วยคนครับ

LoveSeeker
2nd November 2011, 16:37
วันนี้วันเกิดผมครับผม ผมสัญญาครับ ว่าจะไม่ทิ้งงานแล้วก็จะไม่ทิ้งผู้ช่วยสุดที่รักของผมครับ
ส่วนเรื่องนิยาย ก็จะปรับปรุงส่วนที่ไม่ดี และจะคงส่วนที่ดีๆเอาไว้ครับผม
ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจครับ ผมคนนี้จะรับฟังทุกๆความเห็นของผู้อ่านทุกท่านครับ
แล้วจะนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีที่สุดครับผม ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจ
แลัขอบคุณแก้มแหม่ม สำหรับทุกๆอย่าง ขอบคุณสำหรับความรักครับ
พี่รักแหม่มนะครับ รักคนเดียวในโลกเลยแหละ

ส่วนที่ค้างลงตอน11นั้น จะลงวันศุกรนะครับผม

By STORMWIND [Male]

หวานซะ ฮิ้ววว อิฉฉาอะ~~~

diippyjas
2nd November 2011, 17:22
สุดยอดมากครับผม HBD ย้อนหลังนะครับ

Nut_crazyboy
3rd November 2011, 16:29
วันนี้วันเกิดผมครับผม ผมสัญญาครับ ว่าจะไม่ทิ้งงานแล้วก็จะไม่ทิ้งผู้ช่วยสุดที่รักของผมครับ
ส่วนเรื่องนิยาย ก็จะปรับปรุงส่วนที่ไม่ดี และจะคงส่วนที่ดีๆเอาไว้ครับผม
ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจครับ ผมคนนี้จะรับฟังทุกๆความเห็นของผู้อ่านทุกท่านครับ
แล้วจะนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีที่สุดครับผม ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจ
แลัขอบคุณแก้มแหม่ม สำหรับทุกๆอย่าง ขอบคุณสำหรับความรักครับ
พี่รักแหม่มนะครับ รักคนเดียวในโลกเลยแหละ

ส่วนที่ค้างลงตอน11นั้น จะลงวันศุกรนะครับผม

By STORMWIND [Male]

HBD นะครับ

http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/711/35711/blog_entry1/blog/2009-12-09/comment/532943_images/22_1260323752.jpg

Stormwind
6th November 2011, 20:47
เอ่อ......แฟนๆนิยายทุกท่านครับ เนื่องจากว่าต้นฉบับตอนที่ 11 เสร็จหมดแล้ว แต่คนพิมพ์(แก้มแหม่มหรือ stormwind[female] เป็นไข้
ต้นฉบับตอนนี้ก็อยู่ที่แก้มแหม่มเลยพิมพ์ไม่ได้ครับลยขอเลื่อนไปเป็นวันอังคารนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับผม

By STORMWIND [Male]

diippyjas
6th November 2011, 21:11
เอ่อ......แฟนๆนิยายทุกท่านครับ เนื่องจากว่าต้นฉบับตอนที่ 11 เสร็จหมดแล้ว แต่คนพิมพ์(แก้มแหม่มหรือ stormwind[female] เป็นไข้
ต้นฉบับตอนนี้ก็อยู่ที่แก้มแหม่มเลยพิมพ์ไม่ได้ครับลยขอเลื่อนไปเป็นวันอังคารนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับผม

By STORMWIND [Male]
ฝากบอกพี่แหม่มว่าหายเร็วๆนะครับจากดิปครับผม

Stormwind
8th November 2011, 02:51
http://www.youtube.com/watch?v=548Rr6E7vJQ

เพลงนี้เป็นเพลงที่โรคจิตได้ใจแหม่มมากๆเลยเจ้าค่ะ 5555555 ดูแล้วเกลียดผู้ชายแฮะ
จะบังคับให้พี่ตั้มเป็๋นมาวินละ
ปล. ตอนสุดท้ายกรี๊ดจนบอลระเบิด
แล้วตอนที่ตบนี่ ิเหมือนแหม่มดูหนังสามมิติเลย ปากเปิกนี่ บึนออกมาด้วย แอบฮาเบาๆ

By STORMWIND [Female]

Stormwind
8th November 2011, 03:57
ถึงเวลาปั้มกระทู้ 55555555555555555555555555555555555555555

Stormwind
8th November 2011, 04:04
ปั้ม(เบาๆ) เดี๋ยวปั้มเสร็จจะลงนิยายแล่ว

Stormwind
8th November 2011, 04:12
ที่ปั้มเนี่ย ก็เพราะจะจองพื้นที่นะคะ อย่าโกรธกันน๊า

Stormwind
8th November 2011, 04:29
จองพื้นที่ค่าาาาาาา

Stormwind
8th November 2011, 04:49
จองๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อันนี้อันสุดท้าย ลงนิยายแล้วนะคะ แต่ยังไม่เสร็จจริงนะ เพราะว่าแหม่มยังไม่หายดีเลย ขอพรุ่งนี้ ตื่นมาแล้วจะลุยต่อนะเจ้าคะ

By STORMWIND [Female]

Rex
8th November 2011, 12:08
ฟิตจังแว๊ะ........... Thank ให้ล่ะนะ แก้ได้ล่ะ

Stormwind
8th November 2011, 12:49
ฟิตจังแว๊ะ........... Thank ให้ล่ะนะ แก้ได้ล่ะ

เย๊ รักพี่ REX ******ยยยย

By STORMWIND [Female]

ปล.ไอ่แก่ อย่าโกรธนะๆ

Stormwind
8th November 2011, 14:37
และแล้ว ตอนที่11 ก็ลงเรียบร้อยหมดแล้ว แต่ก็จำเป็นต้องตัดตอนบางตอนออกไป เพราะไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชนมากมาย

By STORMWIND [Female]

ปล.ตอนต่อไปก็ใช้วิจารณ์ญาณด้วยนะคะ

saphira
8th November 2011, 23:13
ชื่อ มาซากิ ฮิรูมิ

อาชีพ ผู้บันชาการทหาร/นักบินประจำกองทัพ

อายุ 49 ปี
สวนสูง 190 เซ็น หนัก 75 กิโล สัดสวน 35 30 32
สัยชาติ ไทย ญิปุ้ม EMG

ลักษณะทั้วไป ผมยาวถึงกลางหลังสีเหลืองอมฟ้า มีใบหน้ารูปไข่ดวงตา
สีฟ้าอ่อน บริเวณแขนขวามีรอยถูกมีดฟันยาวตั้งแต่ข้อศอกเกือบถึงข้อมือ
สวมเสือสุภาพสีฟ้ากางเกงขาสสั้นสีน้ำตาลแดงสวมรองเท้าบูทที่เธอดัดแปลง
ให้ซ้อนใบมีดเอาใว้ทมั้ง 2 ข้าง

นิสัย เรือยๆสบายๆเวลาทำงานเธอจะจิงจีงเอามากๆและไม่ชอบให้ใครเล่นตลกเวลาทำงาน
แต่เธอก็รักลูกน้อง และเป็ฌนห่วงสุขภาพของลูกน้องและเป็นกันเองจนทำให้ ลูกน้องของเธอ
นับถือทุกคน เธอก็ยังชื้นชอบของหวานๆประเภทช็อคโกแลต น้ำผึ่ง เอามากๆ
ถ้ามีของ 2 สิ่งนี้เธอจะไม่ให้ใครทั้งนั้นหากอยู่ในมือเธอแล้วไม่ว่าลูกน้องหรือเพทื้อนเธอจะไม่แบ่งเลย
และเธอก็ยังชื้นชอบสัตว์แทบทุกชนิดอีก แต่เธอเห็นแมลงสาททีไรเป็นต้องวีดแตกทุกที(ถ้ามีคนอยู่เธอจะเก็บอาการใว้และเดินหาที่ๆปลอดคน แล้วก็วีดแตก)แฟนหลุ่มของเธอหายตัวไปอย่างไรร้องรอยที่ไทยได้ 2ปีแล้วจนเธอได้รับภาระกิจนี้เธอจิงเดินทางมาด้วย ฮ.มาhttp://www.snhobbies.com/images/S022/S022-6.jpg เพื้อตามหาแฟนหนุ่ม และทำภาระกิจที่ได้รับมอบหมายจากทางการ
มีลุกน้องมาด้วยกัน 40 คน และเป็นนายทหารระดับ 3-4 ดาว ทั้งหมด
มีนักบิน ประจำเครือง 8 เครืองละ 2 คน

แต่ละลำจะมีกล่องบันจุอาวูธกระสุนทุกอย่าง และกล่องบันจุสเบียงอาหารสับหรับ 1 เดือนครึ่ง

นังได้ 10 คน นำมา 4 ลำ/ 10 คน
งานที่ได้รับมอบหมาย
1 ช้วยเหลือผู้รอดชีวิตทั้งหมด
2 สืบหาต้นตอของเชือโรค
3 สังหารคนที่รู้ความลับทั้งหมดเกียวกับเชือโรค
4 ประชาชน ตำหรวจ ทหารที่คนที่ยังรอดชีวิต ต้องพาไปยังสถานที่นัดพบ
5 เวลาเทียงคืน วันที่ ......... เดือน...... ให้ไปพบกันที่จุดนัดทันทีไม่ว่าภาระกิจ
จะสำเร็จหรือล้มเหลวพาทุกคนที่ไม่ได้ติดเชือมาที่ปลอดภัย
6 หาติดเชือ ไม่ว่าตนเองหรือเพื้อนให้ทำการปลิดชีวิตเสีย
7 หากทางการไม่ได้รับการติดต่อเป็นเวลา 3-10 วันจะวิทยุมาที่ผู้ดูแลวิทยุ
8 หากเกินกว่า 30 วัน ทางการจะสังยิงมิสไซร์ ทันที
9 ผู้ประติบัติงานจะต้องนำเครืองตรวจจรวดมิสไซร์ติดตั้วเสมอ

ความถนัด
เธอถนัน อาวุธ ปืนไรเฟิ้ลบันจุกระสุน 6 นัด และเธอก็สามารถยิงลงมาจากบน ฮ.โดนศตรูแทบทุกครั้ง
http://www.igetweb.com/www/ponggunner/private_folder/x6153103-17.jpg

และหากเธอเข้าตาจนเมือไร (โดนซอมบี่ล้อม เธอจะใชข้ระเบิด ระเบินตัวเองตายทันที ไม่ว่าเธอจะได้สอน คนอื้นขับ ฮ.หรือไม่ก็ตาม
)

ฮ ที่ใช้บินมา ไทยเพื้อช้วยเหลือผู้รอดชีวิต


ปล ถ้าหากไม่ชนะใจฮิรูมิ ก่อนเธอจะไม่ยอมสอนขับ ฮ ให้ และ คนคับฮ อีก 3 ลำจะแยกกันลงจอดกันคนละจุดเพื้อ
ง่ายต่อการ ช้วยเหลือ ผู้คน และ
เธอ ได้สังการนัด ทุกคนให้ไปรอในที่ๆ นึงและจะใช้ สัญญาของเครืองตรวจจับมิสไซร์ เป็นตัวบงบอกว่าจบภาระกิจ
ทหารของเธอทุกคนจะมีเครืองสงสัญญานที่ระบุจุดที่ ฮ จอดอยู่

พอได้ไหม หว่า

ขออย่างเดียวถ้าได้ ให้ระเบิดตัวตายนะถ้าถึงบทที่จะตาย
เอาแบบตายแบบทหาร ญิปุ่น นะ

Stormwind
9th November 2011, 00:07
ชื่อ มาซากิ ฮิรูมิ



ตัวละครตัวนี้ ต่อให้พี่saphira ไม่ขอมา ผมก็จะจัดให้เลยครับผม มีอยู่ในเรื่องนี้นานแล้วแหละนะ 5555
แต่รอไปก่อนนะครับ

By STORMWIND [Male]

nicenice001
9th November 2011, 03:00
มีมือสไนเปอร์มาวัดความแม่นแข่งกับผมแล้ว !
ก็ยังขอยืนยันว่า M110 สไนเปอร์ไรเฟิลของผม "เดอะเบส!"

saphira
9th November 2011, 09:22
มีมือสไนเปอร์มาวัดความแม่นแข่งกับผมแล้ว !
ก็ยังขอยืนยันว่า M110 สไนเปอร์ไรเฟิลของผม "เดอะเบส!"

เราเป็นนักบินนัครีบ ถึงใช้สไนร์เป็อร์ได้แต่เรืองขับ ฮ ต้องมาก่อน

diippyjas
9th November 2011, 19:59
ตัวผมตกงาน ฮ่าๆ

nicenice001
10th November 2011, 16:19
เราเป็นนักบินนัครีบ ถึงใช้สไนร์เป็อร์ได้แต่เรืองขับ ฮ ต้องมาก่อน
ส่วนผมพวกมือสไนเปอร์ซุ่มยิงของแท้เลยหล่ะครับ
(เคยเป็นมือสไนเปอร์ในสนาม BB gun ครับได้อารมณ์พลซุ่มยิงมาก)

5day-ago
12th November 2011, 17:04
และแล้ว ตอนที่11 ก็ลงเรียบร้อยหมดแล้ว แต่ก็จำเป็นต้องตัดตอนบางตอนออกไป เพราะไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชนมากมาย

By STORMWIND [Female]

ปล.ตอนต่อไปก็ใช้วิจารณ์ญาณด้วยนะคะ

ต่อมอยากรู้เริ่มทำงาน ^^

5day-ago
12th November 2011, 23:34
อ๊ากกก ตอนใหม่จะมาเมื่อไรเนี้ย อารมณ์ค้าง :dash:)

diippyjas
13th November 2011, 18:44
ของผมจะอัพเดทแล้วนะ ร้างมานานแล้ว T T

Stormwind
13th November 2011, 22:16
ผมไม่ได้เข้ามาเยี่ยมบอร์ดซะนาน หวังว่าทุกคนยังคงอยากอ่านนิยายของผมนะครับ
สำหรับตอนหน้า ผมยังแต่งไปไม่ถึงไหนเลยครับ เพราะว่าช่วงนี้ผมมีคิวคัดตัวนักบอล แข่ง แล้วก็ต้องมาออดอ้อนแฟนผมอีก
อาจจะแปลกใจนะครับ ที่ผมไม่ได้ออนเอ็มเลย เพราผมขี้เกียจครับผม 5555
จริงๆแล้ว ผมก็อยากให้แก้มแหม่มแต่งตอนต่อไปนะครับ แต่ก็อย่างว่า เพราะว่าต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านจริงๆ
ถ้าแก้มแหม่มแต่งแล้ว ผมกลัวออกมาไม่ค่อยดีครับ เลยขอแต่งเอง อาจจะนานหน่อย แต่ไม่นานเกินรอครับผม
แล้วทุกคนจะรู้ ว่า เห็นภาพ มันเป็นยังไง

By Stormwind [Male]

nicenice001
14th November 2011, 17:15
ผมไม่ได้เข้ามาเยี่ยมบอร์ดซะนาน หวังว่าทุกคนยังคงอยากอ่านนิยายของผมนะครับ
สำหรับตอนหน้า ผมยังแต่งไปไม่ถึงไหนเลยครับ เพราะว่าช่วงนี้ผมมีคิวคัดตัวนักบอล แข่ง แล้วก็ต้องมาออดอ้อนแฟนผมอีก
อาจจะแปลกใจนะครับ ที่ผมไม่ได้ออนเอ็มเลย เพราผมขี้เกียจครับผม 5555
จริงๆแล้ว ผมก็อยากให้แก้มแหม่มแต่งตอนต่อไปนะครับ แต่ก็อย่างว่า เพราะว่าต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านจริงๆ
ถ้าแก้มแหม่มแต่งแล้ว ผมกลัวออกมาไม่ค่อยดีครับ เลยขอแต่งเอง อาจจะนานหน่อย แต่ไม่นานเกินรอครับผม
แล้วทุกคนจะรู้ ว่า เห็นภาพ มันเป็นยังไง

By Stormwind [Male]
แน่นอนครับยังอยากติดตามผมงานคุณตั้มและคุณแก้มแหม่มต่อไป
ไม่ว่าจะนานขนาดไหน(แต่ไม่เอานานสัก1-2ปีนะครับอิอิ)ก็จะติดตามครับ
ส่วนเรื่องบอลก็ขอให้ได้อย่างที่ต้องการนะครับ

จะติดตามผลงานต่อไปนะครับ ^ ^/~

diippyjas
14th November 2011, 20:04
ทั้งบอลทั้งนิยาย สู้ๆนะพี่ สำหรับผมตัวสำรองเล่นบาส T T

5day-ago
23rd November 2011, 17:41
ตอนใหม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :dance

nicenice001
24th November 2011, 23:04
:party๑~! อัพเดท อัพเดท อัพเดท !~๑:party
(อยากอ่านต่อแล้ว)

Nut_crazyboy
25th November 2011, 22:55
ว่างๆ มาดันให้ครับ

Stormwind
29th November 2011, 01:32
อิอิ ว่างๆแวะมาลงนิยายค่า แม้ว่าจะลงนิดเดียวก็เถอะนะ
ถ้าแหม่มว่างๆจะมาลงต่อนะคะ ช่วงนี้งานยุ่งมากมาย ต้องเตรียมสอบอีก
จะบอกว่า ฉากต่อๆไปนี้จะเห็นภาพลึกซึ้งมากกว่านี้เยอะเลยค่ะ

By Stormwind [Female]

5day-ago
29th November 2011, 06:52
โอ้ว ทรมาณคนอ่าน ให้อารมณ์ค้างและก็หายไป... TT

nicenice001
29th November 2011, 19:59
ว๊าก! อารมณ์ค้าง!

5day-ago
30th November 2011, 21:23
ต่อๆ คู่เต้กับนิคน่ารักดี ชอบๆ :blush

Nut_crazyboy
3rd December 2011, 17:05
ดันๆๆๆๆ ว่างๆ มาช่วยดันให้ครับ

saphira
3rd December 2011, 20:28
ดันๆๆๆๆด้วยจ้า

pongput1995
5th December 2011, 12:21
อ๊ากกก อ่านแล้วค้างมาก 5555

มาเป็นกำลังใจให้ครับผม ^^

LoveSeeker
5th December 2011, 19:17
โผล่ออกมา ดูๆ แล้วก็ ไปดีกว่าาาา~~~

Stormwind
6th December 2011, 21:16
ลงไปอีกนิดนึงแล้วนะคะ ทนหน่อยๆ เดี๋ยวไปกินข้าวฝีมือพี่ตั้มก่อนนะเจ้าคะ

By STORMWIND [Female]

Nut_crazyboy
6th December 2011, 21:19
ฝาก ซีรี่ย์ The walking dead Season 1-2 ผมด้วยนะครับ Update ตลอดถ้าว่างครับ --*
http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=35441
เดี๋ยวมาอ่านนะครับ ^_^

5day-ago
6th December 2011, 21:52
ลงไปอีกนิดนึงแล้วนะคะ ทนหน่อยๆ เดี๋ยวไปกินข้าวฝีมือพี่ตั้มก่อนนะเจ้าคะ

By STORMWIND [Female]

โอ้ว~ อารมณ์ค้างจนสอยลงมาไม่ได้แล้ว

Stormwind
6th December 2011, 23:06
ลงต่ออีกหน่อยแล้วววว พรุ่งนี้มาต่อค่ะ

By Stormwind [Female]

Stormwind
8th December 2011, 17:51
ลงตอนที่ 12 ครบ100%แล้วนะคะ ติดตามกันได้เลย

By Stormwind [Femle]

ปล.ตอนท้ายนี่ใเด็กๆไม่ควรอ่านนะจ๊ะ

5day-ago
8th December 2011, 21:14
ตอนใหม่ๆๆๆๆ :o

Piussun
8th December 2011, 21:45
มาส่อง.... = =

ฝากเตือนเล็กๆน้อยๆ ให้กับคนที่อยู่ในนี้ถ้วนหน้านะจ๊ะ

เนื้อเรื่องไหนที่มีเรทๆฉาวๆ แบบเน้นซะเห็นภาพแต่ไม่มีอะไรเลยนอกจากฉากอย่างว่าล่ะก็ หากคิดจะใส่ในนี้ก็ขอห้ามนะครับ เพราะผิดกฎบอร์ดอยู่
แต่ถ้าอยากใส่จริงๆ แล้วก็อยากเอาผลงานมาลงด้วย ผมว่าควรคลีนเนื้อเรื่อง ตัดส่วนที่เรทออกไปแล้วค่อยเอามาแปะครับ
ส่วนเนื้อเรื่องเต็มๆอะไรนี่เชิญไปแจกกันหลังไมค์อะไรก็สุดแต่ท่านจะทำเถิด = =

ไม่ได้ชี้โพรงให้กระรอก แต่อย่างน้อยก็อยากเตือนไว้ก่อนเพราะบางทีผู้แต่งอาจทนเสียงเชียร์คนอ่านไม่ไหวมือเลยพาไป
แต่อย่าลืมนะว่า กฏก็ต้องเป็นกฏ หากไม่ทำตามกฏซักคนมันก็จะแหกคอกกันจนคุมไม่ได้ แล้วหลังจากนี้ก็....เละ

ดังนั้นควรระวังเรื่องนี้หน่อย เพราะคนอื่นๆที่ไม่ใช่แฟนๆตั้งแต่แรกมาอ่านเจอเข้าอาจจะคิดว่าหมวดนี้แต่งเรื่องแนวนี้ได้
เลยเเต่งมามั่งแถมจัดซะเต็มประตู เจอแบบนี้ไม่ไหวเหมือนกันนะพี่น้อง

LoveSeeker
9th December 2011, 06:48
ส่งมาทางหลังไมค์หน่อยดิ Stormwind

Stormwind
10th December 2011, 13:40
มาส่อง.... = =

ฝากเตือนเล็กๆน้อยๆ ให้กับคนที่อยู่ในนี้ถ้วนหน้านะจ๊ะ

เนื้อเรื่องไหนที่มีเรทๆฉาวๆ แบบเน้นซะเห็นภาพแต่ไม่มีอะไรเลยนอกจากฉากอย่างว่าล่ะก็ หากคิดจะใส่ในนี้ก็ขอห้ามนะครับ เพราะผิดกฎบอร์ดอยู่
แต่ถ้าอยากใส่จริงๆ แล้วก็อยากเอาผลงานมาลงด้วย ผมว่าควรคลีนเนื้อเรื่อง ตัดส่วนที่เรทออกไปแล้วค่อยเอามาแปะครับ
ส่วนเนื้อเรื่องเต็มๆอะไรนี่เชิญไปแจกกันหลังไมค์อะไรก็สุดแต่ท่านจะทำเถิด = =

ไม่ได้ชี้โพรงให้กระรอก แต่อย่างน้อยก็อยากเตือนไว้ก่อนเพราะบางทีผู้แต่งอาจทนเสียงเชียร์คนอ่านไม่ไหวมือเลยพาไป
แต่อย่าลืมนะว่า กฏก็ต้องเป็นกฏ หากไม่ทำตามกฏซักคนมันก็จะแหกคอกกันจนคุมไม่ได้ แล้วหลังจากนี้ก็....เละ

ดังนั้นควรระวังเรื่องนี้หน่อย เพราะคนอื่นๆที่ไม่ใช่แฟนๆตั้งแต่แรกมาอ่านเจอเข้าอาจจะคิดว่าหมวดนี้แต่งเรื่องแนวนี้ได้
เลยเเต่งมามั่งแถมจัดซะเต็มประตู เจอแบบนี้ไม่ไหวเหมือนกันนะพี่น้อง

โอเชเลยค่ะ ตัดออกหมดแล้วแหละ ขอโทษด้วยนะคะ
ปล. แหม่มไม่ได้แต่งนะ แต่ฉากนี้ก็สำคัญนิดๆกับอนาคตด้วยสิเนี่ย ที่ตอนสุดท้ายเลยอ่ะค่ะ นิ้วกระดิกๆ

ตอนต่อจากนี้นะคะ ถ้าตอนไหนมีฉากตัดตอน stormwind จะมาแจ้งบอก ส่วนใครที่อยากกได้ตัวเต็มก็แอดเมลมาเลยค่ะ

thuwachit_tumnoop@hotmail.com

ขอบคุณมากๆค่ะ

ว่าแต่......เห็นเลือด สมองกระจุยนี่ พอได้มั้ยคะ?

Piussun
12th December 2011, 14:21
เห็นเลือด สมองกระจุย นี่ถามว่าเรทมั้ย ก็เรทในระดับหนึ่งแต่ในโลกของนิยายนี่ความรุนแรงมันจะน้อยกว่าฉากบนเตียงน่ะ
เลยไม่เป็นไร เพราะว่ามันเห็นภาพยากกว่าฉากอย่างว่าอยู่แล้ว ก็ใครจะคุ้นเคยกับการเห็นอวัยวะภายในบ่อยจนจินตนาการออกชัดเจนขนาดนั้นล่ะ คงไม่มีใช่มั้ยเอ่ย =w='
อีกอย่างฉากเห็นเครื่องในนี่มันผ่านไปแป๊บๆ แต่ถ้าฉากบนเตียงการบรรยายมันจะค่อนข้างต่อเนื่องจนเห็นภาพชัดขึ้น ๆ ๆ ดีว่าเรื่องนี้ไม่ถึงขั้นนิยายมืดสายมืออาชีพ ไม่งั้นสติคนอ่านกระจุยไปไหนต่อไหนแล้ว ก็เป็นอันจบข่าวกันพอดี =w=

แต่ยังไงก็ควรระวังๆ จะเอาลงที่นี่ก็อย่าแพล่มออกมามากเกินไปนะจ๊ะ แค่กอดจูบนี่พออณุโลมแล้วล่ะ

Stormwind
19th December 2011, 20:10
ว่าแต่........ไม่มีใครสังเกตุถึงความเปลี่ยนไปของตอนใหม่จริงๆ (หมายถึงตอนที่ 12 อ่ะนะคะ)

By Stormwind [Female]

LoveSeeker
19th December 2011, 20:16
ว่าแต่........ไม่มีใครสังเกตุถึงความเปลี่ยนไปของตอนใหม่จริงๆ (หมายถึงตอนที่ 12 อ่ะนะคะ)

By Stormwind [Female]

เหมือนจะยังไม่ได้อ่าน มัวแต่อ่านหนังสือสอบ~~~~
จะไปตบหัวใครบางคนที่ เชียงใหม่:p

Stormwind
21st December 2011, 20:46
ประกาศสำหรับการลงนิยายตอนใหม่ (ตอนที่ 13) ที่แน่นอนครับผม
ผมจะลงในวันเสาร์นี้แน่นอนครับพ่อแม่พี่น้อง แต่ตอนนี้ขอผมไปทำใจเรื่อง พี่เสก โลโซ ไอดอลผมก่อนครับ

ขอบคุณที่ช่วยกันอ่านจนนิยายผมมียอดคนอ่าน 8812 คน ผมดีใจมากๆครับ
ย้ำอีกครั้งว่านิยายจะลงวันเสาร์ครับ ส่วนตอนที่ 14 สำเนียง ภาษาอาจจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยครับผม

By Stormwind [Male]

LoveSeeker
30th December 2011, 18:49
ประกาศสำหรับการลงนิยายตอนใหม่ (ตอนที่ 13) ที่แน่นอนครับผม
ผมจะลงในวันเสาร์นี้แน่นอนครับพ่อแม่พี่น้อง แต่ตอนนี้ขอผมไปทำใจเรื่อง พี่เสก โลโซ ไอดอลผมก่อนครับ

ขอบคุณที่ช่วยกันอ่านจนนิยายผมมียอดคนอ่าน 8812 คน ผมดีใจมากๆครับ
ย้ำอีกครั้งว่านิยายจะลงวันเสาร์ครับ ส่วนตอนที่ 14 สำเนียง ภาษาอาจจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยครับผม

By Stormwind [Male]

ปูเสื่อรออ่าน

saphira
31st December 2011, 22:29
http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=55491
ฝากแปะด้วนครับ

Stormwind
3rd January 2012, 14:26
ลองตอนต่ออีกนิดหน่อยแล้วนะคะ

By Stormwind [Female]

ปล. จะเปิดFanpage บ้างดีมั้ยเนี่ย? ใครจะมาติดตามบ้างเนี่ย?

Nut_crazyboy
3rd January 2012, 14:28
ลองตอนต่ออีกนิดหน่อยแล้วนะคะ

By Stormwind [Female]

ปล. จะเปิดFanpage บ้างดีมั้ยเนี่ย? ใครจะมาติดตามบ้างเนี่ย?
ดีเลยครับ ^_^

LoveSeeker
3rd January 2012, 17:31
ลองตอนต่ออีกนิดหน่อยแล้วนะคะ

By Stormwind [Female]

ปล. จะเปิดFanpage บ้างดีมั้ยเนี่ย? ใครจะมาติดตามบ้างเนี่ย?

โผล่มาส่อง~~~

ปัจฉิมลิขิต ก็เปิดสิ!

StormRain
5th January 2012, 19:39
รอ อ่าน อยู่ ครับ

nicenice001
5th January 2012, 21:16
มันเป็นอะไรที่ดูลุ้นๆแหะ รอกันแบบว่าใจจดใจจ่อ

5day-ago
6th January 2012, 23:40
จงลงต่อๆๆๆๆ

Tiair
11th January 2012, 14:47
เอ่อ ผมมาขออนุญาติ นำเรื่องของคุณไปทำอนิเมชั่นนะครับ ผมจะให้เครดิต นะครับ
(อาจจะมีการแก้ไปดัดแปลงเล้กน้อย นะครับ )

pongput1995
15th January 2012, 16:43
มาเป็นกำลังใจให้ครับ ไม่ได้เข้ามานาน เมื่อไหร่ตัวละครผมจะมาน๊าาา 555+

Stormwind
27th January 2012, 20:48
กลับมาพร้อมกับการอัปเดทเล็กๆน้อยๆค่า
ขอโทษจริงๆนะคะ ช่วงนี้มีแต่งาน มีปัญหาวุ่นๆเข้ามาเยอะแยะมากมาย เลยไม่มีเวลาได้พิมพ์นิยายเลยค่ะ แหะๆ

By Stormwind [Female]

LoveSeeker
27th January 2012, 20:57
กลับมาพร้อมกับการอัปเดทเล็กๆน้อยๆค่า
ขอโทษจริงๆนะคะ ช่วงนี้มีแต่งาน มีปัญหาวุ่นๆเข้ามาเยอะแยะมากมาย เลยไม่มีเวลาได้พิมพ์นิยายเลยค่ะ แหะๆ

By Stormwind [Female]

ยุ่งพอๆกันแหละ

Stormwind
28th January 2012, 09:18
ตอน 13 จบแล้วนะคะ ตอนต่อไป อยากให้เป็นฉากบู๊ของใึครคะ?
ระหว่าง.....กลุ่มตัวเอก กับกลุ่มคนปริศนา รับรอง....บู๊เลือดสาดแน่เจ้าค่ะ

ยังไงๆก็ ช่วยกันโหวตหน่อยนะคะ

By STORMWIND [Female]

Stormwind
28th January 2012, 15:55
Teaser ของตอนใหม่นะคะ (เอามายั่วน้ำลายเล่นๆ)

"เฮ้ยๆๆๆ บุกเข้าไป ยิงมันเข้าไป ฆ่าไอ่พวก****ให้หมด" เสียงห้าวของชายหนุ่มผิวสีทองแดงแผดร้องขึ้นท่ามกลางเสียงปืนและเสียงครวญครางของผู้ติดเชื้อที่เริ่มดังขึ้นมาแทนที่เสียงปืน
ทันทีที่เขาตะโกนสั่งเสร็จก็ยกปืนกลเบาของเขาขึ้นมาประทับบ่าก่อนจะระเบิดกระสุนกราดออกไปใส่เป้าหมายหลายๆตัว เสียงกระสุนดังขึ้นชัดเจนในมโนความคิด เลือดสีคล้ำพุ่งออกมาจากหน้าผาก ขมับ หลังหัวของผู้ติดเชื้อที่ถูกคมกระสุนเจาะกระโหลก แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะยังคงมากันเรื่อยๆไม่หมดสิ้นราวกับกรงสัตว์แตก เขาถอนหายใจก่อนจะหยิบวิทยุขึ้นมาจ่อปากแล้วกดปุ่ม

"วอ1 อินทรีย์เรียกหมาป่า อินทรีย์เรียกหมาป่า"

ไม่กี่อึดใจก็มีเสียงตอบกลับมาจากวิทยุสื่อสารเครื่องจิ๋ว ทำเอาเขาเกิดรอยยิ้มที่เรียกได้ว่ายินดีที่สุดในชีวิต อย่างน้อยก็ตอนนี้!

"หมาป่าตอบ เปลี่ยน."

"ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง"

เสียงของวิทยุคู่สนทนาเงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา "ยุ่งยากพอตัว จะถอยหรือจะแทรกซึมเข้าไป?"

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางคิด....แทรกซึมเหรอ? จะพากันไปตายเสียเปล่าน่ะสิ

ไม่มีเวลามากพอให้ตอบ เพราะว่าฝูงซอมบี้เริ่มดาหน้ามาจากทั่วทุกทิศทางและเหล่านักรบก็เริ่มจะเดินถอยหลังช้าๆแล้ว เหงื่อกาฬเม็ดโป้งผุดขึ้นมาจากหน้าผากก่อนจะกรอกเสียงใส่วิทยุอีกครั้ง

"ถอยก่อน ถอยมารวมกันที่จุดนัดพบก่อน"

ไม่นานเสียงของ 'หมาป่า' ก็ตอบกลับมา

"รับทราบ แต่สภาพเราไม่ได้ดูดีนัก" เสียงของปลายสายแผ่วเบาลงจนเขาแทบจะกดวิทยุให้แนบติดกับหู ก่อนจะพูดต่อ "รีบมาให้เร็วที่สุด จะให้หน่วยพิราบเคลียร์ทางถอยให้ เลิกกัน"

สิ้นเสียงวิทยุ ชายหนุ่มก็เหน็บมันไว้ที่กระเป๋าเสื้อลายพรางสีใบไม้เข้มของเขา สายตามองไปที่ดาวสามดวงบนบ่าด้วยความหนักใจสลับกับมองเหล่านักรบใต้บังคับบัญชา

"ถอย !!! ถอยไปที่จุดนัดพบก่อน เร็วเข้า 2คน ขอ2คน สกัดมันไว้"

ทันทีที่ได้ยินเสียงสั่งของหัวหน้า บรรดาลูกน้องใต้บังคับบัญชาก็เริ่มลดปืน ถอยหลังช้าๆ โดยมีทหารอีกสองนายยังคงยิงพลาง ถอยพลาง

ซากศพเบื้องหน้าเริ่มกองสุมกันสูงขึ้นทำให้พวกมันเริ่มเดินเข้ามาช้าลงเรื่อยๆ เขาจึงกระชับปืนในมือ ประทับบ่าอีกครั้งแล้วค่อยๆเล็งอย่างประณีต กระสุน 3แม๊กกาซีนสุดท้ายนี้ต้องคุ้มค่าที่สุด จนกระทั่งทหารที่ทำหน้าที่ยิงสกัดทางถอยเดินมาจนได้ระดับ เขาจึงเดินออกมาพร้อมๆ กันกับทหารทั้งสอง

"ผู้กอง ยังไม่ถอยอีกเหรอครับ?" ทหารยศน้อยกว่าตบเท้ากำลังจะทำท่าวันทยาหัตถ์ก็ถูกชายหนุ่มยกเท้าขึ้นถีบแรงๆที่หน้าท้อง

"ไม่ต้องทำความเคารพ จะเป็นจะตายยังไม่รู้ พวก***เป็นลูกน้องของกู ก็ต้องรอดไปพร้อมๆกับกู" เขาตะโกนใส่แล้วหันหน้าไปยิงเหล่าผุ้ติดเชื้อต่อ พลาง ถอยพลางต่อ ในหัวก็คิดว่า ถ้ากระสุนหมดแล้ว จะโกยอ้าวเลยดีรึเปล่า

แต่สายตาเจ้ากรรมดันไปเหลือบเห็นฝูงซอมบี้ที่เฮโลกันมาจากอีกซอยหนึ่ง ทำให้เขารู้ได้โดยสัญชาตญาณทันทีว่า 'ไม่ไหว'

"ถอย วิ่งเลย วิ่งเลยโว้ย !!!!" ร่างกำยำสะพายปืนแล้วรีบตะโกนบอกคนใต้บังคับบัญชาทั้งสอง ซึ่งทั้งสองก็ปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย ทั้งสองนั้นโยนปืนลงแล้วรีบใส่เกียร์หมาทันที ซึ่งเขาก็รีบวิ่งตามไปเช่นกัน

คงจะต้องขอบคุณการฝึกหนักที่เขามักจะฝึกร่วมกับลูกน้องเสมอ ทำให้วิ่งได้แรงไม่มีตกแบบนี้ เพราะทั้งสามคนวิ่งมาจนถึงแผงรั้วเหล็กที่มีทหารสี่นายยืนคุมอยู่

"เปิดประตูสิวะ ไอ่***** !!!" เขาผรุสวาทด่ามาแต่ไกลจนทหารทั้งสี่ตกใจรีบกุลีกุจอเปิดประตูให้ เมื่อเขาและลูกน้องวิ่งเข้าไปในประตูแล้ว รั้วเหล็กก็ถูกปิดลงก่อนที่พวกผู้ติดเชื้อจะเข้ามาทัน

เขายืนหอบฮักราวกับหมาหอบแดดก่อนจะดึงวิทยุขนาดจิ๋วออกมากดปุ่ม

"อินทรีถึงจุดนัดพบแล้ว หมาป่าทราบแล้วเปลี่ยน"

"หมาป่าทราบแล้ว" เสียงปลายสายเองก็ดูเหมือนะอิดโรยอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน

ไม่นานนักก็มีทหารสองถึงสามนายออกมาจากกระโจมเล็กๆสีเขียวเข้ม พร้อมๆกับคนใต้บังคับบัญชาที่เดินออกมาจากข้างๆกระโจม ชายในชุดลายพรางสีใบไม้อ่อนนั้นเดินตรงรี่เข้ามาใกล้เขา แล้วตบบ่าหนักๆ เป็นการทักทาย

"งานต่อไป เหนื่อยหน่อยนะ"

StormRain
28th January 2012, 20:20
ขอบอกคำเดียวว่า สนุกมากครับ

5day-ago
28th January 2012, 22:17
ตอนใหม่ๆๆๆๆๆ

nakiann123
29th January 2012, 15:21
มีเพลงของ Elton John ด้วยแหะ ว่างๆละจะลองอ่านดูครับ

Nut_crazyboy
29th January 2012, 23:22
ว่างๆ มาดันให้ครับ รออ่านตอนที่ 14 อยู่นะครับและที่สำคัญเป็นกำลังให้พี่ตั้มกับพี่สวย ครับ ^_^

Stormwind
30th January 2012, 20:15
เอ่อ ผมมาขออนุญาติ นำเรื่องของคุณไปทำอนิเมชั่นนะครับ ผมจะให้เครดิต นะครับ
(อาจจะมีการแก้ไปดัดแปลงเล้กน้อย นะครับ )

อนิเมชั่น? แบบไหนล่ะครับ? ลองทำมาให้ผมดูก่อน ทำเสร็จแล้วก็แปะลงในนิยายเนี่ยแหละครับ ถ้ามันโอเคผมจะบอก
แต่ขอบอกว่า ผมไม่ให้ผ่านง่ายๆแน่ครับ 5555



มาเป็นกำลังใจให้ครับ ไม่ได้เข้ามานาน เมื่อไหร่ตัวละครผมจะมาน๊าาา 555+

มาแน่นอนครับ แต่ว่าจะไม่ได้อยู่กับพระเอกนะครับ จะอยู่กับตัวละครอีกตัวที่จะโผล่มาในตอนใหม่แทน


ขอบอกคำเดียวว่า สนุกมากครับ

ครับผม ตอนใหม่จะสนุกกว่านี้เยอะเลยครับ ตามTeaser ที่ให้แก้มแหม่มลงไปแล้วครับ


ว่างๆ มาดันให้ครับ รออ่านตอนที่ 14 อยู่นะครับและที่สำคัญเป็นกำลังให้พี่ตั้มกับพี่สวย ครับ ^_^

ขอบคุณมากๆครับ ตอนใหม่อีกไม่นานเกินรอครับ ขอพี่หาข้อมูลเล็กๆน้อยๆ เก็บรายละเอียดอีกหน่อย ให้มันเป๊ะๆ ก่อนครับ


ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจครับ นี่ยอดคนดูก็ใกล้จะหมื่นแล้ว ต้องหาอะไรมาเซอร์ไพร์สคนอ่านแล้วสินะเนี่ย

By Stormwind [Male]

StormRain
2nd February 2012, 17:56
คลิบสุดยอดมากเลยครับ

Stormwind
2nd February 2012, 19:34
คนอ่านถึงหนึ่งหมื่นอีกครั้งแล้วนะครับผม ดีใจมากๆครับ
เดี๋ยวซัก 5 ทุ่มผมจะลง STORMWIND Exclusive นะครับ
ใครมีอะไรข้องใจ สงสัย ก็โพสไว้ได้เลยนะครับ ถ้าไม่มีก็จะให้แก้มแหม่มเป็นคนสัมภาษณ์เหมือนเดิมครับผม

ขอบคุณสำหรับทุกๆเสียงเชียร์และกำลังใจครับ

By STORMWIND [Male]

saphira
2nd February 2012, 23:30
แล้วจะลงที่หน้าไหนอ่ะ

Stormwind
3rd February 2012, 00:03
Stormwind’s Exclusive

Poom : สวัสดีครับ สอง Stormwind

Stormwind : สวัสดีครับ / ค่ะ

Poom : เอาล่ะ วันนี้ก็จะมาสัมภาษณ์นะครับ เริ่มกันเลยดีกว่า

Stormwind : โอเคเลย

Poom : ดีใจมั้ย คนอ่านเกินหมื่นคนแล้ว

Stormwind : (นั่งยิ้มก่อนจะมองหน้าแก้มแหม่ม)

Stormwind [Famale] : ดีใจๆเร็วกว่าที่คิดไว้เยอะค่ะ

Poom : แต่งเรื่องใหม่ มีส่วนอะไรเปลี่ยนแปลงมั้ย ?

Stormwind : มีแน่นอน จากเรื่องเก่า ฉากในค่ายทหารถูกตัดไป แล้วจะปล่อยให้ตัวละครใหม่เข้ามาอยู่ในค่ายแทน แล้วเนื้อหาจะเริ่มละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะจะแสดงให้เห็นว่าในเวลาคับขัน อาการของแต่ละคนเป็นยังไง

Stormwind [Famale] : แน่นอนว่า ต้องตัดฉากอย่างว่าออกไปด้วย

Poom : แล้วตัวละครที่ชอบล่ะ ชอบใครบ้าง?

Stormwind : ส่วนตัวแล้วชอบตัวละคร พี่ต้น นะ ที่เป็นพี่ชายของตั้มน่ะเพราะวาดฝันไว้ว่าอยากมีพี่ชายแบบนี้บ้าง แล้วตัวละครนี้ก็มีบทบาทมากในตอนต่อๆไป

Stormwind [Famale] : แหม่มชอบพี่เต้ 555555 (พร้อมกับปรายหางตาไปยังตั้ม)

Poom : รู้นะ ว่าชอบเพราะอะไร 55555 มาต่อๆ แล้วเห็นว่าบรรดาตัวละครสมัครกันเยอะเหลือเกิน จะโผล่มาเมื่อไหร่เนี่ย

Stormwind : ตอนต่อไปก็มีโผล่มาสองคน ไม่รวมกับตัวละครอีกกลุ่มนะ ส่วนคนอื่นๆ ก็รอลุ้นนะครับ

Poom : แล้วจะมีตายบ้างมั้ย?

Stormwind [Famale] : แน่นอน เดี๋ยวแหม่มจัดท่าตายให้เลย เอาแบบเจ๋งๆ เลย

Poom : อู่ย แบบนั้นก็คงศพไม่สวยล่ะพี่น้องครับ ว่าแต่ ตั้มไม่ค่อยอยู่ ให้แก้มแหม่มแต่งแทนบ้างมั้ย?

Stormwind : ยอมรับว่ามีบ้าง แต่ไม่บ่อยหรอก เพราะว่าตอนนี้ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนแล้ว

Poom : นิยายจะจบอีกนานมั้ย?

Stormwind [Famale] : นานแท้แน่นอนหวังว่าคนอ่านจะติดตามกันจนสุดทางนะคะ

Poom : เอ้อ นอกเรื่องนิดนึงนะ คิดยังไงกับ Saphira ที่โผล่มาสมัครซะทุกเรื่องเลย

Stormwind [Famale] : ขอแหม่มไปเอาน้ำนะ (หาเรื่องหนีชัดๆ)

Stormwind : (ส่ายหน้าแล้วไม่พูดอะไร)

Poom : เอ้า ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ส่วนเรื่องลูกเล่นต่างๆในนิยายล่ะ จะให้มีแค่ซอมบี้เดินกากๆ แบบนี้อ่ะเหรอ?

Stormwind : ไม่หรอกน่า รอติดตามต่อไปละกัน มันส์กว่าเรื่องเก่าแน่

Poom : แล้วไอ่ตัว “ติ๊ก” จากภาคเก่าล่ะ? จะเอามาอยู่มั้ย?

Stormwind : (พยักหน้า) ไม่มีมันแล้วไม่รู้จะไปหาตัวร้ายจากไหนว่ะ 55555 (แล้วหันไปตะโกน “น้ำได้รึยังครับ”)

ไม่นานแก้มแหม่มก็ยกน้ำสามแก้วมาเสริฟ ของผมเป็นเป๊บซี่ ของตั้มเป็น นมผสมน้ำผึ้ง ของแหม่มเป็นน้ำส้ม

(ตั้มยกนมน้ำผึ้งขึ้นดื่มแล้วบอกแก้มแหม่ม) "หวานไปรึเปล่า?"

Stormwind [Female] : เพราะเราอยู่ด้วยกันล่ะมั้ง ฮิฮิ

Poom : เอาล่ะ วกมาเข้าเรื่องนิยายต่อนะ รู้สึกว่าบรรยากาศบ้านของตั้มนี่จะดู ชิลๆ มากเลยนะ

Stormwind : เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวบ้านก็มีอะไรเปลี่ยนแปลง รอไปก่อนครับ

Poom : เปลี่ยนแปลง? หมายความว่าไง?

Stormwind : จะมีการสับเปลี่ยนตัวพระเอกนิดหน่อย รอดูต่อไปละกัน

Poom : โห....พูดซะกูอดใจไม่ไหวเลยนะ (พร้อมหัวเราะเสียงดัง)

Stormwind [Famale] : นี่ตกลงจะถามแต่พี่ตั้มใช่มะ? (แก้มแหม่มเริ่มทำหน้าโหดแบบมุขของ 9gag ในเฟสบุค)

Poom : เปล่าๆๆๆๆ แล้วแหม่มคิดยังไงกับการแต่งแทนพี่ตั้ม

Stormwind [Famale] : ไม่ยาก แต่ก็ต้องอ่านความคิดของพี่แกให้ออกด้วย เพราะถ้าแต่งแล้วความเห็นไม่ตรงกันก็ตายเลย ส่วนมากแหม่มจะแต่งฉากฆ่าๆ บู๊ๆซะมากกว่า เพราะส่วนตัวแล้วชอบอ่ะนะ

Poom : อ่ะนะ ก็......(กำลังจะพูดแต่ตั้มพูดแทรก)

Stormwind : สามทุ่มแล้วนะเว้ย เดี๋ยวกูจะไปส่งแหม่มละ ส่ง***ด้วย ไม่ต้องทำแล้ว ป่ะกลับเหอะ

Poom : อ่า....ก็ได้ งั้นขอบจบบทสนาเท่านี้นะครับ ดีใจด้วยนะสำหรับยอดคนอ่านหมื่นกว่า หวังว่าจะมากกว่านั้นไปเรื่อยๆนะเว้ย

Stormwind [Famale] : ด้วยความยินดีค่ะ

LoveSeeker
3rd February 2012, 17:47
เก็บรายล่ะเอียด และเริ่มค้นหาสิ่งที่จะเกิดขึ้นในตอนต่อไป

5day-ago
3rd February 2012, 19:28
"ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีเบื้ืองหลัง" 5 Day ago กล่าว

ปล.ตอนใหม่ๆๆๆๆๆๆ

saphira
3rd February 2012, 20:00
แล้ว ถามถึงเรา แล้วหนีไป หมายความว่าไง ฟร่ะ เดียวกด็หม่ำซะหรอก

Stormwind
4th February 2012, 03:31
http://upic.me/i/yb/200884_1783778287728_1637610151_1669135_4870802_o.jpg

แหะๆ ของขวัญครบรอบหนึ่งหมื่นคนจากแก้มแหม่มค่ะ เห็นว่าบ่นกันจัง ว่าอยากเห็นตัวจริง

By STORMWIND [Female]

StormRain
4th February 2012, 21:10
http://upic.me/i/yb/200884_1783778287728_1637610151_1669135_4870802_o.jpg

แหะๆ ของขวัญครบรอบหนึ่งหมื่นคนจากแก้มแหม่มค่ะ เห็นว่าบ่นกันจัง ว่าอยากเห็นตัวจริง

By STORMWIND [Female]
ใครอ่ะครับ