Rockerman
26th April 2012, 00:00
สวัสดีครับ วันนี้ผมก็ได้ตั้งกระทู้ ทางทหารเกี่ยวกับกองทัพนาซี-เยอรมัน ซึ่งผมคลั่งไคล้มาก ซึ่งกระทู้ที่ผมได้ตั้งก็มาจากการรวบรวมข้อมูลจากท่านอื่นมา เรียบเรียง เสริมเติมแต่งเข้าไปบ้างตาม ข้อมูลที่ผมมีครับ
Wehrmacht(หมายถึง กองทัพเยอรมัน)
http://images3.wikia.nocookie.net/__cb20100923195126/assassinscreed/images/c/c5/Nazi_flag_375.jpg
กองทัพเยอรมันนั้น ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 เรียกได้ว่าเป็นกองทัพที่มีแสนยาณุภาพมากที่สุดในโลก วิทยาการที่ก้าวล้ำ ทหารที่แข็งแกร่ง มีระเบียบวินัย
นายพลที่แสนจะปราดเปรื่อง ถึงแม้ว่าเยอรมันจะพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่2 ซึ่งสาเหตุมาจากการที่ ฝ่ายพัธมิตรมีทหารที่มากกว่าเกือบ2 เท่า และมีอำนาจ
การผลิตที่รวมกันสูงกว่าฝ่ายเยอรมันมาก การที่เยอรมันสามาร๔ต่อสู้ได้ขนาดนี้ก็นับว่าแข็งแกร่งมากแล้ว
กองทัพเยอรมัน ก็จะแบ่งออกเป็น3 เหล่าทัพ คือ
-Heer คือ กองทัพบก(น่าจะรวมหน่วย ss ด้วยนะครับ)
-Kriegsmarine คือ กองทัพเรือ
-luftwaffe คือ กองทัพอากาศ(อันทรงแสนยาณุภาพมาที่สุดในโลก)
Heer
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/1f/Balkenkreuz.svg/200px-Balkenkreuz.svg.png
หากจะกล่าวถึง กองทัพบกแห่งWehrmacht คงพลาดไม่ได้ที่จะกล่าวถึงกองกำลังยานเกราะ เพราะถือว่ามีประสิธิภาพมาก โดยที่จะกล่าวหลักๆก็มีดังนี้ ครับ
Pzkw(Panzerkampfwagen)I (แพนเซอร์ มาร์ค 1)
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/pzkpfw_ib_01.jpg?t=1196325668
รถถังเบาสำหรับสนับสนุนทหารราบของกองทัพนาซีเยอรมัน ที่ได้สร้างหลังจากการถูกจับเซนต์สนธิสัญญาแวร์ซายส์ เยอรมันได้ออกแบบในช่วงทศวรรษที่1930 และได้ทำการผลิตแบบจำนวนมากเมื่อปี1934 และเยอรมันยังได้ส่งแพนเซอร์ 1 ไปรบเพื่อเป็นการทดสอบประสิทธิภาพในสงครามกลางเมืองสเปน และ จีน ยังได้ซื้อไปใช้ในสงครามจีน-ญี่ปุ่นด้วย
หลังการประเมินผลในการรบในสเปน แพนเซอร์ 1 รบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อสงครามโลกระเบิดขึ้น จึงได้เข้าร่วมสมรภูมิหลายแห่ง แต่ช่วงกลางสงคราม รถถังรุ่นใหม่ๆของกองเยอรมันมีอานุภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ แพนเซอร์ 1 จึงลดบทบาทลง และมีการนำตัวถังรถ มาติดตั้งปืนขนาด75มม. เพื่อเป็นปืนใหญ่อัตตาจรและรถพิฆาติรถถังด้วย
Pzkw II (แพนเซอร์ 2)
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/pzkpfw_ii_03.jpg?t=1196325704
รถถังรุ่น2ของกองทัพเยอรมันเพื่อทดแทนรถถังแพนเซอร์ 1 มีความแข็งแกร่งกว่าแพนเซอร์ 1 ทำการผลิตในปี1934 โดยศึกษาจากการทดลองใช้แพนเซอร์ 1 รุ่นติดปืน20มม.ในสงครามกลางเมืองสเปน แพนเซอร์2 จึงติดตั้งปืนต่อสู้รถถัง20มม. เพื่อใช้ในการต่อต้านยานยนต์ของข้าศึก แพนเซอร์ 2 เป็นกำลังหลักของเยอรมันในการรบที่โปแลนด์ในปี1939 และเป็นกำลังสำคัญในการรุกสู่ฝรั่งเศสในปี1940
สายการผลิตของแพนเซอร์2 ปิดลงในปี1942 เมื่อเยอรมันรุกสุ่ตะวันออก อีกทั้งการปรากฏตัวของรถถังรุ่นใหม่ของเยอรมัน และประสิทธิภาพอันน่ากลัวของรถถังโซเวียต แพนเซอร์ 2 จึงไม่ได้ใช้ในการรบแนวหน้า แต่มีการเอาตัวถังรถถมาติดปืนใหญ่75มม. เพื่อเป็นรถพิฆาติรถถัง และติดปืนใหญ่สนาม105มม. เพื่อใช้เป็นปืนใหญ่อัตตาจร ในชื่อ เวปส์(Weps)
Pzkw III (แพนเซอร์ 3 )
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/pzkpfw_iii_10.jpg?t=1196325732
รถถังแบบ3ของกองทัพเยอรมัน ออกแบบในทศวรรษที่1930 และเป็นกำลังหลักของเยอรมันแทบในทุกสมรภูมิ มันถูกออกแบบมาให้ใช้งานในการต่อต้านรถถัง ซึ่งต่างจาก แพนเซอร์ 1 และ แพนเซอร์ 2 ที่เน้นการใช้งานในด้านสนับสนุนทหารราบ ด้วยอาวุธทรงอานุภาพขึ้น คือ ปืนต่อสู้รถถัง37มม. และต่อมาติดปืน50มม. จึงทรงอานุภาพมากในการต่อสู้กับรถถังข้าศึก
ปี1934 นายพลไฮนซ์ กูเดเรียน แห่งกองทัพบกเยอรมัน ต้องการรถถังที่น้ำหนักไม่เกิน24ตัน ความเร็ว35กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อเป็นรถถังหลักของหน่วยแพนเซอร์ แพนเซอร์ 3 จึงผลิตออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการนั้น และแพนเซอร์ 3 ยังมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งคือ มีการใช้ระบบแหนบรองรับน้ำหนักตัวรถแบบ ทอร์ชั่น บาร์ หรือแหนบรูปปีกนก ซึ่งเป็นระบบใหม่ล่าสุดของโลกในยุคนั้น และเป็นรถถังรุ่นแรกของโลกที่ใช้ระบบนี้ด้วย
แพนเซอร์ 3 เป็นกำลังหลักของเยอรมัน ใช้ในการรบตั้งแต่โปล์แลนด์ นอร์เวย์ ฝรั่งเศส แอฟริกาเหนือ และแนวรบด้านรัสเซีย ซึ่งในด้านรัสเซียนี่เอง แพนเซอร์ 3 ต้องเผชิญหน้ากับ T-34 รถถังกลางของโซเวียต ซึ่งมีอานุภาพสูงกว่า เยอรมันจึงต้องนำ แพนเซอร์ 3 ไปติดตั้งปืนต่อสู้รถถังขนาด75มม. เพื่อต้านทานรถถังโซเวียตร่วมกับรถถังรุ่นใหม่ๆที่มีจำนวนน้อยของเยอรมันในช่วงนั้น โดยได้สร้างเป็นรถถังแบบไม่มีป้อม ติดปืน75มม. ใช้ชื่อว่า Stug III
ถึงแม้ในช่วงกลางถึงปลายสงคราม จะมีรถถังรุ่นใหม่ๆมาช่วงชิงสมรรถนะของแพนเซอร์3 แต่รถรุ่นนี้ก็ได้ถูกใช้งานต่อไปจนจบสงคราม
Pzkw IV (แพนเซอร์ 4)
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/pzkpfw_iv_09.jpg?t=1196325768
เป็นรถถังที่เป็นกระดูกสันหลังแห่งกองทัพรถถังของเยอรมันอย่างแท้จริง มีความคล่องตัวสูง มีอานุภาพทำลายสูง
รถรุ่นนี้เริ่มออกแบบในปี1934 เมื่อนายพลเอก ไฮนซ์ กูเดเรียน เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบกเยอรมัน ต้องการรถถังหลักที่มีน้ำหนักไม่เกิน24ตัน ความเร็วไม่ต่ำกว่า35กม./ชม. เพื่อใช้ในภารกิจต่อต้านทหารราบและยานยนต์ และติดตั้งปืนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งผลที่ได้ขั้นแรกคือ แพนเซอร์ 3 และแพนเซอร์ 4 ก็ปรากฏตัวออกมาในปี1937 ในรุ่นผลติจำนวนแรกๆ37คัน และก็มีการผลิตเป็นจำนวนมากตั้งแต่ปี1939
นอกจากจะใช้ระบบแหนบรองรับตัวถังแบบทอร์ชั่น บาร์ แบบแพนเซอร์ 3 แล้ว แพนเซอร์4 นั้น ได้ติดตั้งปืนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยช่วงแรกได้ติดปืนใหญ่ลำกล้องสั้นขนาด75มม. L24ซึ่งได้ใช้เป็นหัวหอกในการบุกฝรั่งเศสในปี1940 โดยแพนเซอร์ 4 มีอานุภาพสูงกว่ารถถังแบบเรอโนลและโซมัวของฝรั่งเศส และยังมีอำนาจการยิงที่สูงกว่ารถถังแบบ ชาร์ล BI ของฝรั่งเศสและรถถังแบบมาทิลด้าของอังกฤษด้วย แพนเซอร์ 4 รุ่นนี้ก็ยังได้ปฏิบัติการในแอฟริกาเหนือด้วย
ตั้งแต่ปี1941 แพนเซอร์ 4 ได้ติดตั้งปืนใหญ่75มม. L40 ที่มีลำกล้องยาวกว่าเดิมเพื่อเพิ่มระยะยิงและอำนาจการทำลาย แต่หลังจากการบุกรัสเซียในปี1941 เยอรมันได้เผชิญหน้ากับรถถังหนักแบบ เควี-1ซึ่งมีขนาดใหญ่และเกราะหนากว่าแพนเซอร์4 และรถถังกลางแบบ ที-34 ของโซเวียต ซึ่งมีอานุภาพสูงจนน่าตกใจ ฝ่ายเยอรมันจึงได้พัฒนาปืนใหญ่ลำกล้องยาว 75มม. L48 มาใช้งานในแพนเซอร์ 4 ซึ่งมีอานุภาพสูงกว่าปืนของรถถังโซเวียต จนกระทั่งเวลาต่อมาเยอรมันได้ผลิตรถถังแบบ แพนเธอร์ มาทดแทนแพนเซอร์4
แพนเซอร์ 4 ถือว่าเป็นรถถังกำลังหลักของเยอรมันอย่างแท้จริง เพราะมีอานุภาพสูง ใช้งานง่าย เครื่องยนต์คงทน ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับรถถังหลักของอเมริกาแบบ M-4 เชอร์แมน และรถถัง ที-34 ของรัสเซีย และถูกผลิตออกมาเรื่อยๆจนจบสงครามเป็นจำนวนกว่า9,000คัน และกองทัพบกซีเรีย ยังได้ใช้รถถังรุ่นนี้ในช่วงหลังสงครามต่อมาด้วย
Pzkw V Panther (แพนเซอร์ 5 แพนเธอร์)
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/pzkpfw_v_08.jpg?t=1196325794
หนึ่งในตำนานรถถังของนาซีเยอรมัน โดยการออกแบบเริ่มในปี1941 มีคุณสมบัติเหมือนที-34 แต่สิ่งที่เหนือกว่าคือ ขนาดที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย เกราะที่หนากว่า และติดตั้งปืนใหญ่75มม. L70 ลำกล้องยาว ซึ่งมีอานุภาพการทำลายล้างที่เหนือจินตนาการอย่างมาก สามารถยิงเจาะเกราะได้ลึกมาก และยิงต่อต้านรถถังได้ไกลกว่า2,000เมตรอย่างแม่นยำ ในแนวรบด้านตะวันตก แพนเธอร์ กลับมีประสิทธิภาพสูงมาก โดยรถถังหลักของพันธมิตรไม่อาจต้านทานได้เลย แต่เนื่องจากรถถังเป็นรถถังที่ออกแบบดีมาก ทำให้ต้องการช่างเทคนิคที่มีความชำนาญสูง ทำให้ผลิตรถถังแพนเธอร์ได้ไม่มากนัก
Pzkw VI Tiger (แพนเซอร์ 6 ไทเกอร์)ยาวหน่อยนะครับ
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/pzkpfw_vi_e_12.jpg?t=1196325830
สุดยอดแห่งตำนานรถถังของนาซีเยอรมันและของโลก ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นรถถังที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลก ถ้าเทียบเรื่องจำนวนในการสังหารรถถังด้วยกัน
คำสั่งการออกแบบไทเกอร์ เริ่มในวันที่26พฤษภาคา ปี1941 1เดือนก่อนบุกรัสเซีย โดยมีบริษัทเอกชนสองบริษัทคือ ปอร์เช่ และเฮนเซล เข้าร่วมการแข่งขันออกแบบรถถังไทเกอร์ แต่ว่าป้อมปืนนั้น ถูกแยกไปผลิตและพัฒนาโดยบริษัทกรุ๊ปป์ การออกแบบไทเกอร์นั้น ช่วงล่างและตัวถังผลิตจากเหล็กกล้าแผ่นเรียบขนาดใหญ่ นำมาเชื่อมประสานด้วยไฟฟ้า และยังมีระบบสลักคล้องเหล็กแต่ละชิ้นทำให้มีความคงทนกว่าเดิม และเหล็กชิ้นใหญ่ ทำให้ไทเกอร์ทนต่อการยิงของปืนแทบทุกชนิด
ไทเกอร์ ได้ออกรบในสมรภูมิสำคัญทั้งด้านตะวันออกและด้านตะวันตก แอฟริกาเหนือ และอิตาลี โดยในแอฟริกาเหนือ กองทัพน้อยแอฟริกา ครอล์ฟ ของนายพลรอมเมล ได้ใช้รถถังไทเกอร์จำนวนน้อย เข้าต่อสู้กับกองทัพรถถังจำนวนมหาศาลของกองทัพพันธมิตรอังกฤษ-อเมริกา และทำลายรถถังพันธมิตรได้เป็นจำนวนมาก ในแนวรบด้านตะวันออก ไทเกอร์ก็ได้แสดงพลังฝังรถถังโซเวียตจมดินเป็นจำนวนมาก โดยที่รถถังหนักของโซเวียตแบบKV-1 และ KV-2 ไม่อาจต้านทานได้ แม้ช่วงปี1944 โซเวียตจะผลิตรถถังหนักรุ่นใหม่แบบ โจเซฟ สตาลิน-2 (JS-2) ติดปืนขนาด122มม. ซึ่งใหญ่กว่าไทเกอร์ได้ก็ตาม แต่ก็หาต้านทานไทเกอร์ได้ไม่ โดยข้อมูลการรบในวันที่2มกราคม 1945 กองพันรถถังหนักที่507ของเยอรมันที่มีรถถังไทเกอร์เป็นกำลังหลัก ได้ปะทะกับกองพลยานเกราะของโซเวียตที่มี JS-2 จำนวนมาก ผลคือ รถถังไทเกอร์1 คัน สามารถทำลายรถถังJS-2ได้ถึง22คัน ด้วยปืน88มม. ที่ยิงได้ไกล แม่นยำ และรวดเร็วกว่าโดยที่รถถังของโซเวียตไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่รถถังไทเกอร์ได้เลย ทำให้กำลังพลโซเวียตต้องถอยกลับไปตั้งหลักใหม่
จุดอ่อนอันน่ากลัว ของไทเกอร์คือ เครื่องยนต์ที่มีปัญหา(เป็นความผิดพลาดในการออกแบบรถต้นแบบของเฮนเซล) ความเชื่องช้า เพราะน้ำหนักที่มาก
88mm.Antiaircraft Gun (ปืนต่อสู้อากาศยาน 88มม. ฉายาราชินีแห่งทะเลทราย)อันนี้แนะนำ ในเกมส์company of heroครับ
https://encrypted-tbn0.google.com/images?q=tbn:ANd9GcRbzxAulLEE1dV3OKB4vYX-51UaXRLMBxwOvra0N5CwhLkOxROn
มันคืดปืนใหญ่ที่ทรงอานุภาพที่สุดรุ่นหนึ่งของเยอรมัน มันสามารถยิงได้ ทั้งต่อสู้อากาศยาน และยิงต่อสู้รถถัง โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่ปืน แค่เปลี่ยนกระสุนเท่านั้น
โดยปืนใหญ่นี้ถือว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดในสงคราม สามารถทำลายรถถังได้ดีที่สุด เพราะวิถีกระสุนที่ตรงและความเร็วปากลำกล้องที่มาก
สำหรับกองทัพบกนั้นยังมีอาวุธ อีกมากมายก่ายกองคิดว่าถ้าจะให้กล่าวทั้งหมดกระทู้คงจะยาวมากงั้นผมขออณุญาติตัดมาที่ Kriegsmarine เลยนะครับ
Kriegsmarine(ขอโทษนะครับเรื่องนี้ผมมีข้อมูลน้อยจริงๆหากท่ายใดจะเสริม ก็จะขอบคุณมากครับ)
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/8c/War_Ensign_of_Germany_1938-1945.svg/200px-War_Ensign_of_Germany_1938-1945.svg.png
Graf Zeppelin class aircraft carrier
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/9/99/Graf-Zeppelin-2.jpg/300px-Graf-Zeppelin-2.jpg
เธอ คือเรือบรรทุกเครื่องบินเพียงลำเดียวของเยอรมัน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ซึ่โคลงการนี้ถูกคิดค้น เพื่อที่จะมีอำนาจคลองอากาศ ในทะเลบอลติก และทะเลหนือ
โดย ได้เปิดตัวในวันที่ 8 ธันวาคม 1938 แต่ตัวเรือยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และไม่เคยได้ออกปฎิบัติการเลย
ีU-Boat(อู-โบท) class submarine
http://tk.files.storage.msn.com/x1pM0jCSUoiRhABOECl6nXZgUi9achyz6u4FdtpoFFGqCJhhOI3EN_wHJuQolot0-D2hPOovi5PTuqrxRBi-dQ0DWP8igthcg98cD52LxekTmTEpWRCq7T9_Kv_xrMexpEDgW5t0ZnQtlU
ลำเล็กไทพ์-2-คลาสใช้ลาดตระเวนชายฝั่งและวางทุ่นระเบิด
http://tk.files.storage.msn.com/x1pM0jCSUoiRhABOECl6nXZgbT098-qR0K8bVRv3UUJw1PBFVueZ_aoKmb5GHGGxWlzmG5E3Osv5c-zkEQtQcbxVwVWE4Rq68ueyWy3ZWpmTrVnHjHKncWGCQ_frSiRyz9sSVYuK7wHg90
ไทพ์-7 ใช้ในปฏิบัติการระดับกลาง
http://tk.files.storage.msn.com/x1pM0jCSUoiRhABOECl6nXZga0p9uf-DEOql9LRY5GXKyNnMH_B8G79WTGYT0UAQdPeS37YzM5KgrsZ6AcfN7SBoXlzeIVZqRmGs2q4kOFtB1-b6cNZqa8BKoIJw9PfhYV5QLYLGmNnaCk
และขนาดใหญ่ไทพ์-9 สำหรับการรบในมหาสมุทร
http://tk.files.storage.msn.com/x1pM0jCSUoiRhABOECl6nXZgd4hP4xRJJzTYV10dwX-Fhnl-NjEpoFJTenFapvwQYDjt5bTd7xEG-VwxshkD-vMtIxI3_y34T6ejM30GJx8fAj5H9FOlPsl-YO8T2JRrkvyZjyfnESI-JA
เรือบิสมาก และ u-556
Bismarck class Battleship(เรือที่ วินตัส เชอชิล ถึงกับกล่าวว่า"อังกฤษจะเสียเท่าไรก็ต้องจม บิสมาร์คใ ห้ได้")
https://encrypted-tbn3.google.com/images?q=tbn:ANd9GcRc6cpJ1_hKoQr-5m4n6X7dQeLS52y94h04MqPcu95v5KguHBb3_g
บิสมาร์ค เป็นเรือประจัญบานของเยอรมนี และหนึ่งในเรือรบที่มีชื่อเสียงที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สอง บิสมาร์คเป็นเรือลำแรกในเรือประจัญบานชั้นบิสมาร์ค ซึ่งตั้งตามชื่อนายกรัฐมนตรีของเยอรมนีสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 ออตโต ฟอน บิสมาร์ค บิสมาร์คมีระวางขับน้ำเต็มที่ถึง 50,000 ตัน และเป็นเรือประจัญบานขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่เข้าประจำการในสมัยนั้น
บิสมาร์คได้ปฏิบัติการเพียงครั้งเดียวตลอดอายุการใช้งานอันสั้นของมัน โดยจมลงในตอนเช้าของวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1941 ระหว่างปฏิบัติการไรนือบุง ซึ่งบิสมาร์คและเรือลาดตระเวนหนักอีกลำหนึ่งพยายามที่จะขัดขวางและทำลายขบวนเรือซึ่งแล่นระหว่างอเมริกาเหนือและสหราชอาณาจักร ขณะที่บิสมาร์คและเรือรบเยอรมันอีกลำหนึ่งกำลังพยายามที่จะแล่นออกไปยังมหาสมุทรแอตแลนติก เรือรบทั้งสองถูกค้นพบโดยกองทัพเรืออังกฤษ และถูกดึงเข้าสู่ยุทธนาวีช่องแคบเดนมาร์ก ระหว่างการรบเวลาสั้น ๆ เรือลาดตระเวนประจัญบานฮู้ด เรือธงของกองเรือหลวงและความภาคภูมิใจของกองทัพเรืออังกฤษ ถูกจมลงหลังจากถูกยิงเพียงไม่กี่นาที นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร วินสตัน เชอร์ชิลล์ ออกคำสั่ง "อังกฤษจะเสียเท่าไรก็ต้องจม บิสมาร์ค ให้ได้" ซึ่งกระตุ้นให้กองทัพเรืออังกฤษติดตามเรือบิสมาร์คไปอย่างไม่ลดละ
สองวันถัดมา เมื่อบิสมาร์คเกือบจะไปถึงน่านน้ำที่ปลอดภัยแล้ว เครื่องบินปีกสองชั้นของกองทัพเรืออังกฤษได้ยิงตอร์ปิโดถล่มเรือและทำให้หางเสือเรือขัดของ ทำให้เรือรบหนักของอังกฤษสามารถตามทันบิสมาร์คได้ ในการรบที่เกิดขึ้นตามมาในช่วงเช้าของวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1941 บิสมาร์คถูกโจมตีอย่างหนักเป็นเวลานานเกือบสองชั่วโมงก่อนที่จะจมลงสู่ก้นทะเล การจมของบิสมาร์คได้รับการรายงานบนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์หลายฉบับทั่วโลก
luftwaffe
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/0e/Roundel_of_the_German_Air_Force_border.svg/300px-Roundel_of_the_German_Air_Force_border.svg.png
Junkers (JU) 87 Stuka
https://encrypted-tbn0.google.com/images?q=tbn:ANd9GcS4ReQInhyZ3cjpmKaeMEK3BjHp6BT2p3rlDOO03iEdjoC8d3yl
ชตูก้า ย่อมาจาก ชตูล์ซคามพ์ฟลูซอยก์ (Sturzkampfflugzeug) ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Drive Bomber หรือเครื่องบินดำทิ้งระเบิด มันคือเครื่องบินรบที่มีบทบาทสำคัญในการรบสายฟ้าแลบของเยอรมันตั้งแต่ปี1936ถึง1944 มีชตูก้าถูกผลิตออกมามากว่า6,000เครื่อง ถึงแม้ว่าช่วงกลางสงครามเยอรมัน จะสามารถสร้างเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด ซึ่งใช้งานได้หลากหลายและประสิทธิภาพสูงกว่าชตูก้ามาใช้งานได้ แต่เยอรมัน ก็ได้ใช้งานชตูก้าในภารกิจโจมตีภาคพื้นดิน จนจบสงคราม
Messerschmitt Bf 109
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/800px-Messerschmitt_Bf_109G-21.jpg?t=1194508470
ครื่องบินขับไล่ที่เป็นตำนานการสู้รบแห่งท้องฟ้าของกองทัพอากาศเยอรมัน มันเป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นผลิตจำนวนมากของกองทัพอากาศเยอรมัน มีความเร็วและคล่องตัวสูง ติดอาวุธได้หลากหลาย และใช้งานตั้งแต่ต้นสงครามจนจบสงคราม บีเอฟ 109 ได้มีการพัฒนาต่อยอดมากมายหลายรุ่น ทั้งรุ่นโจมตีทิ้งระเบิด รุ่นโจมตีเรือรบ รุ่นปฏิบัติการทางทะเล รุ่นประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน(แต่เรือบรรทุกเครื่องบินซึ่งคืต่อไม่เสร็จจากที่กล่าวไปก่อนหน้านี้นะครับ จึงยกเลิกการสร้าง) และยังติดอาวุธได้หลากหลาย
Heinkel He 111
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/98/Heinkel_HE111K.jpg
เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดกลางที่โด่งดังที่สุดรุ่นหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมันได้ใช้ในการรบทางอากาศครั้งสำคัญๆมากมาย ไฮน์เกล 111 ได้เข้ารบในหลายสมรภูมิ ตั้งแต่การบุกโปแลนด์ การบุกฝรั่งเศส และการบุกเกาะอังกฤษ ซึ่งในการรบเหนือเกาะอังกฤษนี่เองอัตราการสูญเสียของไฮน์เกล 111 มีมากขึ้นอย่างน่าตกใจ เพราะการขาดเครื่องบินขับไล่คุ้มกัน ในการรบเหนือเกาะอังกฤษ เยอรมันได้พัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิด ยุงเกอร์ส์ 88 ที่บรรทุกได้มากกว่าและมีความเร็วสูงกว่าได้ แต่ก็มีจำนวนน้อย จึงต้องใช้ไฮนเกล 111 ที่ปรับให้บรรทุกระเบิดได้5,000ปอนด์ปฏิบัติการไปก่อน
Junkers Ju-88
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/Junkers_88_1.jpg?t=1194510510
นี่เป็นเครื่องบินที่เรียกได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของกองทัพอากาศเยอรมันเลยทีเดียว เพราะมันเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ใช้งานได้มากมาย ทั้งทิ้งระเบิด ตรวจการณ์ ขับไล่ทั้งกลางวันและกลางคืน โจมตีภาคพื้นดิน ลำเลียงพล ลาดตระเวณและเป็นเครื่องบินทิ้งตอร์ปิโดด้วย ในการรบเหนือเกาะอังกฤษ เจยู88 เป็นหนึ่งในเครื่องบินทิ้งระเบิดที่เข้าโจมตีอังกฤษและสามารถทำลายเมืองในอังกฤษได้มากมาย แต่อัตราการสูญเสียก็มากเช่นเดียวกันเพราะขาดเครื่องบินขับไล่คุ้มกัน(อีกเช่นเคย)
Focker-Wolf FW-190
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/6/6b/Focke-Wulf_Fw_190_050602-F-1234P-005.jpg/300px-Focke-Wulf_Fw_190_050602-F-1234P-005.jpg
เครื่อง บินขับไล่รุ่นใหม่ของกองทัพอากาศเยอรมันที่มาแทนที่BF-109 นับเป็นเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดแบบหนึ่งของโลกในยุคนั้น มีความเร็วและความคล่องตัวสูง ติดตั้งอาวุธจำนวนมากและอำนาจทำลายสูง สมรรถนะทัดเทียมและ/หรือเหนือกว่าเครื่องบินของชาติพันธมิตรในคลาสเดียวกัน และเป็นเครื่องบินที่สามารถคงไว้ซึ่งสมรรถนะอันสูงส่งไปจนจบสงครามได้
Messerschmitt Me 262
https://encrypted-tbn1.google.com/images?q=tbn:ANd9GcRjEltlAIMypHw1u8AeGvp_H9a9-l6YLh2uI3350rK9OBxfT13P
เครื่องรุ่นนี้นั้นนาซีมีความต้องการที่จะใช้อากาศยานที่บินเร็ว กว่าข้าศึก มีสมรรถนะเหนือกว่า จึงได้เกิดการพัฒนาเครื่องยนต์ Jet
ซึ่งได้นำไปติดตั้งกับ Me 262 ของเยอรมัน ถือว่าเป็นเครื่องบินเจ็ทลำแรกของโลกในการสงคราม Me262 สามารถทำความเร็วได้ถึง 600 กม./ชม. เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย
คือกินน้ำมันในปริมาณที่มากมายมหาศาล และเนื่องด้วยความเร็วที่มากมายนักบินจึงไม่คุ้นเคย ยากต่อการควบคุม
แถมๆ Weapon Vergeltungswaffen(เวอ-เกล-ทุน-วาฟ-เฟิล)series
V-1 flying bomb
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/1e/V1-20040830.jpg/267px-V1-20040830.jpg
V-2 rocket
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/6/6d/Fus%C3%A9e_V2.jpg/300px-Fus%C3%A9e_V2.jpg
V-3 Supergun
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/87/Bundesarchiv_Bild_146-1981-147-30A%2C_Hochdruckpumpe_V-3.jpg/200px-Bundesarchiv_Bild_146-1981-147-30A%2C_Hochdruckpumpe_V-3.jpg
ปืนใหญ่ที่ยิ่งได้ไกลมากๆ โดยเยอรมันยิงจากเมืองมิโมเยค ฝรั่งเศษไปยังใจกลางกรุงลอนดอนกว่า 600 นัด
http://youtu.be/q_V-WLPbSuc
ขอขอบคุณข้อมูลจาก:http://th.m.wikipedia.org,ท่าน Yuri Alexandrovish Orlov จากhttp://hun-yuri.exteen.com และhttp://www.thaigaming.com
อยากรู้ เรื่อง กองกำลัง ของพี่ จีน 555+
ได้เลยครับ ขอเวลารอบรวมข้อมูลหน่อยนะครับ
Wehrmacht(หมายถึง กองทัพเยอรมัน)
http://images3.wikia.nocookie.net/__cb20100923195126/assassinscreed/images/c/c5/Nazi_flag_375.jpg
กองทัพเยอรมันนั้น ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 เรียกได้ว่าเป็นกองทัพที่มีแสนยาณุภาพมากที่สุดในโลก วิทยาการที่ก้าวล้ำ ทหารที่แข็งแกร่ง มีระเบียบวินัย
นายพลที่แสนจะปราดเปรื่อง ถึงแม้ว่าเยอรมันจะพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่2 ซึ่งสาเหตุมาจากการที่ ฝ่ายพัธมิตรมีทหารที่มากกว่าเกือบ2 เท่า และมีอำนาจ
การผลิตที่รวมกันสูงกว่าฝ่ายเยอรมันมาก การที่เยอรมันสามาร๔ต่อสู้ได้ขนาดนี้ก็นับว่าแข็งแกร่งมากแล้ว
กองทัพเยอรมัน ก็จะแบ่งออกเป็น3 เหล่าทัพ คือ
-Heer คือ กองทัพบก(น่าจะรวมหน่วย ss ด้วยนะครับ)
-Kriegsmarine คือ กองทัพเรือ
-luftwaffe คือ กองทัพอากาศ(อันทรงแสนยาณุภาพมาที่สุดในโลก)
Heer
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/1f/Balkenkreuz.svg/200px-Balkenkreuz.svg.png
หากจะกล่าวถึง กองทัพบกแห่งWehrmacht คงพลาดไม่ได้ที่จะกล่าวถึงกองกำลังยานเกราะ เพราะถือว่ามีประสิธิภาพมาก โดยที่จะกล่าวหลักๆก็มีดังนี้ ครับ
Pzkw(Panzerkampfwagen)I (แพนเซอร์ มาร์ค 1)
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/pzkpfw_ib_01.jpg?t=1196325668
รถถังเบาสำหรับสนับสนุนทหารราบของกองทัพนาซีเยอรมัน ที่ได้สร้างหลังจากการถูกจับเซนต์สนธิสัญญาแวร์ซายส์ เยอรมันได้ออกแบบในช่วงทศวรรษที่1930 และได้ทำการผลิตแบบจำนวนมากเมื่อปี1934 และเยอรมันยังได้ส่งแพนเซอร์ 1 ไปรบเพื่อเป็นการทดสอบประสิทธิภาพในสงครามกลางเมืองสเปน และ จีน ยังได้ซื้อไปใช้ในสงครามจีน-ญี่ปุ่นด้วย
หลังการประเมินผลในการรบในสเปน แพนเซอร์ 1 รบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อสงครามโลกระเบิดขึ้น จึงได้เข้าร่วมสมรภูมิหลายแห่ง แต่ช่วงกลางสงคราม รถถังรุ่นใหม่ๆของกองเยอรมันมีอานุภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ แพนเซอร์ 1 จึงลดบทบาทลง และมีการนำตัวถังรถ มาติดตั้งปืนขนาด75มม. เพื่อเป็นปืนใหญ่อัตตาจรและรถพิฆาติรถถังด้วย
Pzkw II (แพนเซอร์ 2)
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/pzkpfw_ii_03.jpg?t=1196325704
รถถังรุ่น2ของกองทัพเยอรมันเพื่อทดแทนรถถังแพนเซอร์ 1 มีความแข็งแกร่งกว่าแพนเซอร์ 1 ทำการผลิตในปี1934 โดยศึกษาจากการทดลองใช้แพนเซอร์ 1 รุ่นติดปืน20มม.ในสงครามกลางเมืองสเปน แพนเซอร์2 จึงติดตั้งปืนต่อสู้รถถัง20มม. เพื่อใช้ในการต่อต้านยานยนต์ของข้าศึก แพนเซอร์ 2 เป็นกำลังหลักของเยอรมันในการรบที่โปแลนด์ในปี1939 และเป็นกำลังสำคัญในการรุกสู่ฝรั่งเศสในปี1940
สายการผลิตของแพนเซอร์2 ปิดลงในปี1942 เมื่อเยอรมันรุกสุ่ตะวันออก อีกทั้งการปรากฏตัวของรถถังรุ่นใหม่ของเยอรมัน และประสิทธิภาพอันน่ากลัวของรถถังโซเวียต แพนเซอร์ 2 จึงไม่ได้ใช้ในการรบแนวหน้า แต่มีการเอาตัวถังรถถมาติดปืนใหญ่75มม. เพื่อเป็นรถพิฆาติรถถัง และติดปืนใหญ่สนาม105มม. เพื่อใช้เป็นปืนใหญ่อัตตาจร ในชื่อ เวปส์(Weps)
Pzkw III (แพนเซอร์ 3 )
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/pzkpfw_iii_10.jpg?t=1196325732
รถถังแบบ3ของกองทัพเยอรมัน ออกแบบในทศวรรษที่1930 และเป็นกำลังหลักของเยอรมันแทบในทุกสมรภูมิ มันถูกออกแบบมาให้ใช้งานในการต่อต้านรถถัง ซึ่งต่างจาก แพนเซอร์ 1 และ แพนเซอร์ 2 ที่เน้นการใช้งานในด้านสนับสนุนทหารราบ ด้วยอาวุธทรงอานุภาพขึ้น คือ ปืนต่อสู้รถถัง37มม. และต่อมาติดปืน50มม. จึงทรงอานุภาพมากในการต่อสู้กับรถถังข้าศึก
ปี1934 นายพลไฮนซ์ กูเดเรียน แห่งกองทัพบกเยอรมัน ต้องการรถถังที่น้ำหนักไม่เกิน24ตัน ความเร็ว35กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อเป็นรถถังหลักของหน่วยแพนเซอร์ แพนเซอร์ 3 จึงผลิตออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการนั้น และแพนเซอร์ 3 ยังมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งคือ มีการใช้ระบบแหนบรองรับน้ำหนักตัวรถแบบ ทอร์ชั่น บาร์ หรือแหนบรูปปีกนก ซึ่งเป็นระบบใหม่ล่าสุดของโลกในยุคนั้น และเป็นรถถังรุ่นแรกของโลกที่ใช้ระบบนี้ด้วย
แพนเซอร์ 3 เป็นกำลังหลักของเยอรมัน ใช้ในการรบตั้งแต่โปล์แลนด์ นอร์เวย์ ฝรั่งเศส แอฟริกาเหนือ และแนวรบด้านรัสเซีย ซึ่งในด้านรัสเซียนี่เอง แพนเซอร์ 3 ต้องเผชิญหน้ากับ T-34 รถถังกลางของโซเวียต ซึ่งมีอานุภาพสูงกว่า เยอรมันจึงต้องนำ แพนเซอร์ 3 ไปติดตั้งปืนต่อสู้รถถังขนาด75มม. เพื่อต้านทานรถถังโซเวียตร่วมกับรถถังรุ่นใหม่ๆที่มีจำนวนน้อยของเยอรมันในช่วงนั้น โดยได้สร้างเป็นรถถังแบบไม่มีป้อม ติดปืน75มม. ใช้ชื่อว่า Stug III
ถึงแม้ในช่วงกลางถึงปลายสงคราม จะมีรถถังรุ่นใหม่ๆมาช่วงชิงสมรรถนะของแพนเซอร์3 แต่รถรุ่นนี้ก็ได้ถูกใช้งานต่อไปจนจบสงคราม
Pzkw IV (แพนเซอร์ 4)
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/pzkpfw_iv_09.jpg?t=1196325768
เป็นรถถังที่เป็นกระดูกสันหลังแห่งกองทัพรถถังของเยอรมันอย่างแท้จริง มีความคล่องตัวสูง มีอานุภาพทำลายสูง
รถรุ่นนี้เริ่มออกแบบในปี1934 เมื่อนายพลเอก ไฮนซ์ กูเดเรียน เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบกเยอรมัน ต้องการรถถังหลักที่มีน้ำหนักไม่เกิน24ตัน ความเร็วไม่ต่ำกว่า35กม./ชม. เพื่อใช้ในภารกิจต่อต้านทหารราบและยานยนต์ และติดตั้งปืนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งผลที่ได้ขั้นแรกคือ แพนเซอร์ 3 และแพนเซอร์ 4 ก็ปรากฏตัวออกมาในปี1937 ในรุ่นผลติจำนวนแรกๆ37คัน และก็มีการผลิตเป็นจำนวนมากตั้งแต่ปี1939
นอกจากจะใช้ระบบแหนบรองรับตัวถังแบบทอร์ชั่น บาร์ แบบแพนเซอร์ 3 แล้ว แพนเซอร์4 นั้น ได้ติดตั้งปืนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยช่วงแรกได้ติดปืนใหญ่ลำกล้องสั้นขนาด75มม. L24ซึ่งได้ใช้เป็นหัวหอกในการบุกฝรั่งเศสในปี1940 โดยแพนเซอร์ 4 มีอานุภาพสูงกว่ารถถังแบบเรอโนลและโซมัวของฝรั่งเศส และยังมีอำนาจการยิงที่สูงกว่ารถถังแบบ ชาร์ล BI ของฝรั่งเศสและรถถังแบบมาทิลด้าของอังกฤษด้วย แพนเซอร์ 4 รุ่นนี้ก็ยังได้ปฏิบัติการในแอฟริกาเหนือด้วย
ตั้งแต่ปี1941 แพนเซอร์ 4 ได้ติดตั้งปืนใหญ่75มม. L40 ที่มีลำกล้องยาวกว่าเดิมเพื่อเพิ่มระยะยิงและอำนาจการทำลาย แต่หลังจากการบุกรัสเซียในปี1941 เยอรมันได้เผชิญหน้ากับรถถังหนักแบบ เควี-1ซึ่งมีขนาดใหญ่และเกราะหนากว่าแพนเซอร์4 และรถถังกลางแบบ ที-34 ของโซเวียต ซึ่งมีอานุภาพสูงจนน่าตกใจ ฝ่ายเยอรมันจึงได้พัฒนาปืนใหญ่ลำกล้องยาว 75มม. L48 มาใช้งานในแพนเซอร์ 4 ซึ่งมีอานุภาพสูงกว่าปืนของรถถังโซเวียต จนกระทั่งเวลาต่อมาเยอรมันได้ผลิตรถถังแบบ แพนเธอร์ มาทดแทนแพนเซอร์4
แพนเซอร์ 4 ถือว่าเป็นรถถังกำลังหลักของเยอรมันอย่างแท้จริง เพราะมีอานุภาพสูง ใช้งานง่าย เครื่องยนต์คงทน ประสิทธิภาพเทียบเท่ากับรถถังหลักของอเมริกาแบบ M-4 เชอร์แมน และรถถัง ที-34 ของรัสเซีย และถูกผลิตออกมาเรื่อยๆจนจบสงครามเป็นจำนวนกว่า9,000คัน และกองทัพบกซีเรีย ยังได้ใช้รถถังรุ่นนี้ในช่วงหลังสงครามต่อมาด้วย
Pzkw V Panther (แพนเซอร์ 5 แพนเธอร์)
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/pzkpfw_v_08.jpg?t=1196325794
หนึ่งในตำนานรถถังของนาซีเยอรมัน โดยการออกแบบเริ่มในปี1941 มีคุณสมบัติเหมือนที-34 แต่สิ่งที่เหนือกว่าคือ ขนาดที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย เกราะที่หนากว่า และติดตั้งปืนใหญ่75มม. L70 ลำกล้องยาว ซึ่งมีอานุภาพการทำลายล้างที่เหนือจินตนาการอย่างมาก สามารถยิงเจาะเกราะได้ลึกมาก และยิงต่อต้านรถถังได้ไกลกว่า2,000เมตรอย่างแม่นยำ ในแนวรบด้านตะวันตก แพนเธอร์ กลับมีประสิทธิภาพสูงมาก โดยรถถังหลักของพันธมิตรไม่อาจต้านทานได้เลย แต่เนื่องจากรถถังเป็นรถถังที่ออกแบบดีมาก ทำให้ต้องการช่างเทคนิคที่มีความชำนาญสูง ทำให้ผลิตรถถังแพนเธอร์ได้ไม่มากนัก
Pzkw VI Tiger (แพนเซอร์ 6 ไทเกอร์)ยาวหน่อยนะครับ
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/pzkpfw_vi_e_12.jpg?t=1196325830
สุดยอดแห่งตำนานรถถังของนาซีเยอรมันและของโลก ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นรถถังที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลก ถ้าเทียบเรื่องจำนวนในการสังหารรถถังด้วยกัน
คำสั่งการออกแบบไทเกอร์ เริ่มในวันที่26พฤษภาคา ปี1941 1เดือนก่อนบุกรัสเซีย โดยมีบริษัทเอกชนสองบริษัทคือ ปอร์เช่ และเฮนเซล เข้าร่วมการแข่งขันออกแบบรถถังไทเกอร์ แต่ว่าป้อมปืนนั้น ถูกแยกไปผลิตและพัฒนาโดยบริษัทกรุ๊ปป์ การออกแบบไทเกอร์นั้น ช่วงล่างและตัวถังผลิตจากเหล็กกล้าแผ่นเรียบขนาดใหญ่ นำมาเชื่อมประสานด้วยไฟฟ้า และยังมีระบบสลักคล้องเหล็กแต่ละชิ้นทำให้มีความคงทนกว่าเดิม และเหล็กชิ้นใหญ่ ทำให้ไทเกอร์ทนต่อการยิงของปืนแทบทุกชนิด
ไทเกอร์ ได้ออกรบในสมรภูมิสำคัญทั้งด้านตะวันออกและด้านตะวันตก แอฟริกาเหนือ และอิตาลี โดยในแอฟริกาเหนือ กองทัพน้อยแอฟริกา ครอล์ฟ ของนายพลรอมเมล ได้ใช้รถถังไทเกอร์จำนวนน้อย เข้าต่อสู้กับกองทัพรถถังจำนวนมหาศาลของกองทัพพันธมิตรอังกฤษ-อเมริกา และทำลายรถถังพันธมิตรได้เป็นจำนวนมาก ในแนวรบด้านตะวันออก ไทเกอร์ก็ได้แสดงพลังฝังรถถังโซเวียตจมดินเป็นจำนวนมาก โดยที่รถถังหนักของโซเวียตแบบKV-1 และ KV-2 ไม่อาจต้านทานได้ แม้ช่วงปี1944 โซเวียตจะผลิตรถถังหนักรุ่นใหม่แบบ โจเซฟ สตาลิน-2 (JS-2) ติดปืนขนาด122มม. ซึ่งใหญ่กว่าไทเกอร์ได้ก็ตาม แต่ก็หาต้านทานไทเกอร์ได้ไม่ โดยข้อมูลการรบในวันที่2มกราคม 1945 กองพันรถถังหนักที่507ของเยอรมันที่มีรถถังไทเกอร์เป็นกำลังหลัก ได้ปะทะกับกองพลยานเกราะของโซเวียตที่มี JS-2 จำนวนมาก ผลคือ รถถังไทเกอร์1 คัน สามารถทำลายรถถังJS-2ได้ถึง22คัน ด้วยปืน88มม. ที่ยิงได้ไกล แม่นยำ และรวดเร็วกว่าโดยที่รถถังของโซเวียตไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่รถถังไทเกอร์ได้เลย ทำให้กำลังพลโซเวียตต้องถอยกลับไปตั้งหลักใหม่
จุดอ่อนอันน่ากลัว ของไทเกอร์คือ เครื่องยนต์ที่มีปัญหา(เป็นความผิดพลาดในการออกแบบรถต้นแบบของเฮนเซล) ความเชื่องช้า เพราะน้ำหนักที่มาก
88mm.Antiaircraft Gun (ปืนต่อสู้อากาศยาน 88มม. ฉายาราชินีแห่งทะเลทราย)อันนี้แนะนำ ในเกมส์company of heroครับ
https://encrypted-tbn0.google.com/images?q=tbn:ANd9GcRbzxAulLEE1dV3OKB4vYX-51UaXRLMBxwOvra0N5CwhLkOxROn
มันคืดปืนใหญ่ที่ทรงอานุภาพที่สุดรุ่นหนึ่งของเยอรมัน มันสามารถยิงได้ ทั้งต่อสู้อากาศยาน และยิงต่อสู้รถถัง โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่ปืน แค่เปลี่ยนกระสุนเท่านั้น
โดยปืนใหญ่นี้ถือว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดในสงคราม สามารถทำลายรถถังได้ดีที่สุด เพราะวิถีกระสุนที่ตรงและความเร็วปากลำกล้องที่มาก
สำหรับกองทัพบกนั้นยังมีอาวุธ อีกมากมายก่ายกองคิดว่าถ้าจะให้กล่าวทั้งหมดกระทู้คงจะยาวมากงั้นผมขออณุญาติตัดมาที่ Kriegsmarine เลยนะครับ
Kriegsmarine(ขอโทษนะครับเรื่องนี้ผมมีข้อมูลน้อยจริงๆหากท่ายใดจะเสริม ก็จะขอบคุณมากครับ)
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/8c/War_Ensign_of_Germany_1938-1945.svg/200px-War_Ensign_of_Germany_1938-1945.svg.png
Graf Zeppelin class aircraft carrier
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/9/99/Graf-Zeppelin-2.jpg/300px-Graf-Zeppelin-2.jpg
เธอ คือเรือบรรทุกเครื่องบินเพียงลำเดียวของเยอรมัน ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ซึ่โคลงการนี้ถูกคิดค้น เพื่อที่จะมีอำนาจคลองอากาศ ในทะเลบอลติก และทะเลหนือ
โดย ได้เปิดตัวในวันที่ 8 ธันวาคม 1938 แต่ตัวเรือยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และไม่เคยได้ออกปฎิบัติการเลย
ีU-Boat(อู-โบท) class submarine
http://tk.files.storage.msn.com/x1pM0jCSUoiRhABOECl6nXZgUi9achyz6u4FdtpoFFGqCJhhOI3EN_wHJuQolot0-D2hPOovi5PTuqrxRBi-dQ0DWP8igthcg98cD52LxekTmTEpWRCq7T9_Kv_xrMexpEDgW5t0ZnQtlU
ลำเล็กไทพ์-2-คลาสใช้ลาดตระเวนชายฝั่งและวางทุ่นระเบิด
http://tk.files.storage.msn.com/x1pM0jCSUoiRhABOECl6nXZgbT098-qR0K8bVRv3UUJw1PBFVueZ_aoKmb5GHGGxWlzmG5E3Osv5c-zkEQtQcbxVwVWE4Rq68ueyWy3ZWpmTrVnHjHKncWGCQ_frSiRyz9sSVYuK7wHg90
ไทพ์-7 ใช้ในปฏิบัติการระดับกลาง
http://tk.files.storage.msn.com/x1pM0jCSUoiRhABOECl6nXZga0p9uf-DEOql9LRY5GXKyNnMH_B8G79WTGYT0UAQdPeS37YzM5KgrsZ6AcfN7SBoXlzeIVZqRmGs2q4kOFtB1-b6cNZqa8BKoIJw9PfhYV5QLYLGmNnaCk
และขนาดใหญ่ไทพ์-9 สำหรับการรบในมหาสมุทร
http://tk.files.storage.msn.com/x1pM0jCSUoiRhABOECl6nXZgd4hP4xRJJzTYV10dwX-Fhnl-NjEpoFJTenFapvwQYDjt5bTd7xEG-VwxshkD-vMtIxI3_y34T6ejM30GJx8fAj5H9FOlPsl-YO8T2JRrkvyZjyfnESI-JA
เรือบิสมาก และ u-556
Bismarck class Battleship(เรือที่ วินตัส เชอชิล ถึงกับกล่าวว่า"อังกฤษจะเสียเท่าไรก็ต้องจม บิสมาร์คใ ห้ได้")
https://encrypted-tbn3.google.com/images?q=tbn:ANd9GcRc6cpJ1_hKoQr-5m4n6X7dQeLS52y94h04MqPcu95v5KguHBb3_g
บิสมาร์ค เป็นเรือประจัญบานของเยอรมนี และหนึ่งในเรือรบที่มีชื่อเสียงที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สอง บิสมาร์คเป็นเรือลำแรกในเรือประจัญบานชั้นบิสมาร์ค ซึ่งตั้งตามชื่อนายกรัฐมนตรีของเยอรมนีสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 ออตโต ฟอน บิสมาร์ค บิสมาร์คมีระวางขับน้ำเต็มที่ถึง 50,000 ตัน และเป็นเรือประจัญบานขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่เข้าประจำการในสมัยนั้น
บิสมาร์คได้ปฏิบัติการเพียงครั้งเดียวตลอดอายุการใช้งานอันสั้นของมัน โดยจมลงในตอนเช้าของวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1941 ระหว่างปฏิบัติการไรนือบุง ซึ่งบิสมาร์คและเรือลาดตระเวนหนักอีกลำหนึ่งพยายามที่จะขัดขวางและทำลายขบวนเรือซึ่งแล่นระหว่างอเมริกาเหนือและสหราชอาณาจักร ขณะที่บิสมาร์คและเรือรบเยอรมันอีกลำหนึ่งกำลังพยายามที่จะแล่นออกไปยังมหาสมุทรแอตแลนติก เรือรบทั้งสองถูกค้นพบโดยกองทัพเรืออังกฤษ และถูกดึงเข้าสู่ยุทธนาวีช่องแคบเดนมาร์ก ระหว่างการรบเวลาสั้น ๆ เรือลาดตระเวนประจัญบานฮู้ด เรือธงของกองเรือหลวงและความภาคภูมิใจของกองทัพเรืออังกฤษ ถูกจมลงหลังจากถูกยิงเพียงไม่กี่นาที นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร วินสตัน เชอร์ชิลล์ ออกคำสั่ง "อังกฤษจะเสียเท่าไรก็ต้องจม บิสมาร์ค ให้ได้" ซึ่งกระตุ้นให้กองทัพเรืออังกฤษติดตามเรือบิสมาร์คไปอย่างไม่ลดละ
สองวันถัดมา เมื่อบิสมาร์คเกือบจะไปถึงน่านน้ำที่ปลอดภัยแล้ว เครื่องบินปีกสองชั้นของกองทัพเรืออังกฤษได้ยิงตอร์ปิโดถล่มเรือและทำให้หางเสือเรือขัดของ ทำให้เรือรบหนักของอังกฤษสามารถตามทันบิสมาร์คได้ ในการรบที่เกิดขึ้นตามมาในช่วงเช้าของวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1941 บิสมาร์คถูกโจมตีอย่างหนักเป็นเวลานานเกือบสองชั่วโมงก่อนที่จะจมลงสู่ก้นทะเล การจมของบิสมาร์คได้รับการรายงานบนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์หลายฉบับทั่วโลก
luftwaffe
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/0e/Roundel_of_the_German_Air_Force_border.svg/300px-Roundel_of_the_German_Air_Force_border.svg.png
Junkers (JU) 87 Stuka
https://encrypted-tbn0.google.com/images?q=tbn:ANd9GcS4ReQInhyZ3cjpmKaeMEK3BjHp6BT2p3rlDOO03iEdjoC8d3yl
ชตูก้า ย่อมาจาก ชตูล์ซคามพ์ฟลูซอยก์ (Sturzkampfflugzeug) ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Drive Bomber หรือเครื่องบินดำทิ้งระเบิด มันคือเครื่องบินรบที่มีบทบาทสำคัญในการรบสายฟ้าแลบของเยอรมันตั้งแต่ปี1936ถึง1944 มีชตูก้าถูกผลิตออกมามากว่า6,000เครื่อง ถึงแม้ว่าช่วงกลางสงครามเยอรมัน จะสามารถสร้างเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด ซึ่งใช้งานได้หลากหลายและประสิทธิภาพสูงกว่าชตูก้ามาใช้งานได้ แต่เยอรมัน ก็ได้ใช้งานชตูก้าในภารกิจโจมตีภาคพื้นดิน จนจบสงคราม
Messerschmitt Bf 109
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/800px-Messerschmitt_Bf_109G-21.jpg?t=1194508470
ครื่องบินขับไล่ที่เป็นตำนานการสู้รบแห่งท้องฟ้าของกองทัพอากาศเยอรมัน มันเป็นเครื่องบินขับไล่รุ่นผลิตจำนวนมากของกองทัพอากาศเยอรมัน มีความเร็วและคล่องตัวสูง ติดอาวุธได้หลากหลาย และใช้งานตั้งแต่ต้นสงครามจนจบสงคราม บีเอฟ 109 ได้มีการพัฒนาต่อยอดมากมายหลายรุ่น ทั้งรุ่นโจมตีทิ้งระเบิด รุ่นโจมตีเรือรบ รุ่นปฏิบัติการทางทะเล รุ่นประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน(แต่เรือบรรทุกเครื่องบินซึ่งคืต่อไม่เสร็จจากที่กล่าวไปก่อนหน้านี้นะครับ จึงยกเลิกการสร้าง) และยังติดอาวุธได้หลากหลาย
Heinkel He 111
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/98/Heinkel_HE111K.jpg
เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดกลางที่โด่งดังที่สุดรุ่นหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมันได้ใช้ในการรบทางอากาศครั้งสำคัญๆมากมาย ไฮน์เกล 111 ได้เข้ารบในหลายสมรภูมิ ตั้งแต่การบุกโปแลนด์ การบุกฝรั่งเศส และการบุกเกาะอังกฤษ ซึ่งในการรบเหนือเกาะอังกฤษนี่เองอัตราการสูญเสียของไฮน์เกล 111 มีมากขึ้นอย่างน่าตกใจ เพราะการขาดเครื่องบินขับไล่คุ้มกัน ในการรบเหนือเกาะอังกฤษ เยอรมันได้พัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิด ยุงเกอร์ส์ 88 ที่บรรทุกได้มากกว่าและมีความเร็วสูงกว่าได้ แต่ก็มีจำนวนน้อย จึงต้องใช้ไฮนเกล 111 ที่ปรับให้บรรทุกระเบิดได้5,000ปอนด์ปฏิบัติการไปก่อน
Junkers Ju-88
http://i222.photobucket.com/albums/dd319/Arlucardhellsing/Junkers_88_1.jpg?t=1194510510
นี่เป็นเครื่องบินที่เรียกได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของกองทัพอากาศเยอรมันเลยทีเดียว เพราะมันเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ใช้งานได้มากมาย ทั้งทิ้งระเบิด ตรวจการณ์ ขับไล่ทั้งกลางวันและกลางคืน โจมตีภาคพื้นดิน ลำเลียงพล ลาดตระเวณและเป็นเครื่องบินทิ้งตอร์ปิโดด้วย ในการรบเหนือเกาะอังกฤษ เจยู88 เป็นหนึ่งในเครื่องบินทิ้งระเบิดที่เข้าโจมตีอังกฤษและสามารถทำลายเมืองในอังกฤษได้มากมาย แต่อัตราการสูญเสียก็มากเช่นเดียวกันเพราะขาดเครื่องบินขับไล่คุ้มกัน(อีกเช่นเคย)
Focker-Wolf FW-190
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/6/6b/Focke-Wulf_Fw_190_050602-F-1234P-005.jpg/300px-Focke-Wulf_Fw_190_050602-F-1234P-005.jpg
เครื่อง บินขับไล่รุ่นใหม่ของกองทัพอากาศเยอรมันที่มาแทนที่BF-109 นับเป็นเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดแบบหนึ่งของโลกในยุคนั้น มีความเร็วและความคล่องตัวสูง ติดตั้งอาวุธจำนวนมากและอำนาจทำลายสูง สมรรถนะทัดเทียมและ/หรือเหนือกว่าเครื่องบินของชาติพันธมิตรในคลาสเดียวกัน และเป็นเครื่องบินที่สามารถคงไว้ซึ่งสมรรถนะอันสูงส่งไปจนจบสงครามได้
Messerschmitt Me 262
https://encrypted-tbn1.google.com/images?q=tbn:ANd9GcRjEltlAIMypHw1u8AeGvp_H9a9-l6YLh2uI3350rK9OBxfT13P
เครื่องรุ่นนี้นั้นนาซีมีความต้องการที่จะใช้อากาศยานที่บินเร็ว กว่าข้าศึก มีสมรรถนะเหนือกว่า จึงได้เกิดการพัฒนาเครื่องยนต์ Jet
ซึ่งได้นำไปติดตั้งกับ Me 262 ของเยอรมัน ถือว่าเป็นเครื่องบินเจ็ทลำแรกของโลกในการสงคราม Me262 สามารถทำความเร็วได้ถึง 600 กม./ชม. เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย
คือกินน้ำมันในปริมาณที่มากมายมหาศาล และเนื่องด้วยความเร็วที่มากมายนักบินจึงไม่คุ้นเคย ยากต่อการควบคุม
แถมๆ Weapon Vergeltungswaffen(เวอ-เกล-ทุน-วาฟ-เฟิล)series
V-1 flying bomb
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/1e/V1-20040830.jpg/267px-V1-20040830.jpg
V-2 rocket
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/6/6d/Fus%C3%A9e_V2.jpg/300px-Fus%C3%A9e_V2.jpg
V-3 Supergun
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/87/Bundesarchiv_Bild_146-1981-147-30A%2C_Hochdruckpumpe_V-3.jpg/200px-Bundesarchiv_Bild_146-1981-147-30A%2C_Hochdruckpumpe_V-3.jpg
ปืนใหญ่ที่ยิ่งได้ไกลมากๆ โดยเยอรมันยิงจากเมืองมิโมเยค ฝรั่งเศษไปยังใจกลางกรุงลอนดอนกว่า 600 นัด
http://youtu.be/q_V-WLPbSuc
ขอขอบคุณข้อมูลจาก:http://th.m.wikipedia.org,ท่าน Yuri Alexandrovish Orlov จากhttp://hun-yuri.exteen.com และhttp://www.thaigaming.com
อยากรู้ เรื่อง กองกำลัง ของพี่ จีน 555+
ได้เลยครับ ขอเวลารอบรวมข้อมูลหน่อยนะครับ