[WWII HISTORY] STG44 ต้นกำเหนิด AK-47

[Valkyrie44]

Sturmgewehr 44

http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/84/MP44_-_Tyskland_-_8x33mm_Kurz_-_Arm%C3%A9museum.jpg/640px-MP44_-_Tyskland_-_8x33mm_Kurz_-_Arm%C3%A9museum.jpg

ประเภท : ปืนไรเฟิลจู่โจม
ประเทศออกแบบ : นาซีเยอรมัน
ประจำการกองทัพ : 1943-1945
สงครามที่ใช้ : World War II
ผู้ออกแบบ : C. G. Haenel Waffen และ Fahrradfabrik
ออกแบบปี : 1942
ขนาดกระสุน : 7.92x33mm Kurz
เรทการยิง : 500 นัด/นาที
ระยะหวังผล : 300 เมตร
จำนวนกระสุนของแม็กกาซีน : 30

Stg44/Mp43/Mp44 เป็นปืนไรเฟิลจู่โจม คิดค้นโดย C. G. Haenel Waffen และ Fahrradfabrik เพื่อใช้ในการสงคราม เป็นที่กล่าวกันว่าเป็นปืนของหน่วย SS เท่านั้น แต่ตอนหลังก็ถูกส่งให้ Wehrmacht ใช้

http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/1/1e/Bundesarchiv_Bild_101I-676-7996-13%2C_Infanterist_mit_Sturmgewehr_44.jpg/396px-Bundesarchiv_Bild_101I-676-7996-13%2C_Infanterist_mit_Sturmgewehr_44.jpg
ทหารราบเยอรมันกับปืน Stg44 ในชุดพราง

ในช่วงแรก ฮิตเลอร์ต้องการอาวุธประจำกายทหารราบที่มีระยะยิงไกลกว่า 2,000 หลา ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่นิยมKar98 ฮิตเลอร์จึงไม่สนใจที่จะให้ผลิตปืน MP43 ขึ้น แต่อัลเบิร์ต สเปียร์ รัฐมนตรีกระทรวงอาวุธของนาซีเยอรมันในขณะนั้น เห็นว่าเยอรมันมีความต้องการปืนรุ่นนี้เป็นอย่างมาก จึงทำการผลิตปืนรุ่นนี้ขึ้น โดยที่ฮิตเลอร์ไม่รู้ และส่งออกไปให้ทหารเยอรมันในแนวรบด้านรัสเซียได้ทดลองใช้ ปรากฏว่า ทหารราบเยอรมันต่างพอใจในสมรรถนะของปืนรุ่นนี้ ถึงขนาดที่ผู้บัณชาการกองพลของเยอรมันบางกองพล ได้พูดกับฮิตเลอร์ถึงประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมของปืนกลมือ MP43 ความจริงเลยปรากฏต่อฮิตเลอร์ว่า ปืนรุ่นนี้ได้ถูกผลิตออกมาแล้ว อย่างไรก็ตาม ฮิตเลอร์ก็ได้รับการโน้มน้าวจากฝ่ายเสนาธิการของเขาว่า ปืนกล MP43 มีประสิทธิภาพมาก และเป็นที่ต้องการของทหารในแนวหน้า ทำให้ฮิตเลอร์ เปลี่ยนใจ และสั่งให้ผลิตปืน MP43 ออกมาใช้อย่างเต็มที่ โดยมอบหมายให้โรงงาน 3 โรงงานรับผิดชอบในการผลิต ตลอดจนมีการปรับเปลี่ยนภายในเล็กน้อย และเปลี่ยนชื่อเป็นปืน Stg44 (Sturmgewehr 44) สายการผลิตของปืนรุ่นนี้มีอยู่จนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองในปี 1945 ถือว่าอยุ่ได้ไม่นานถ้าเทียบกับ MP40

เมื่อจบสงคราม รัสเซียได้แบบของStg44ไป และนำไปพัฒนาไปเป็นของตัวเองแล้วใช้ชื่อ AK-47 ในปี 1947
ก่อนจะใช้ชื่อเป็นStg44 ก็ใช้ชื่อเป็นMP44มาก่อน สังเกตจากการออกแบบที่อิงระบบปืนกลมือนั่นคือตัวเลือกระบบ แทนที่จะเป็น safe-semi-auto แต่Stg44 จะเป็น safe-auto-semi ซึ้งการเลือกระบบแบบนี้ยังตกมาถึง AK-47 อีกด้วย

เมื่อเทียบStg44กับปืนไรเฟิลจู่โจมสมัยใหม่Stg44ก็ยังมีข้อบกพร่องมากมาย เช่น มีน้ำหนักมากเกินไป ไม่มีความสะดวกสบายในท่านอนยิง ส่วนพานท้ายปืนก็ไม่แข็งแรงและสามารถหักได้ด้วยมือเปล่า(พานท้ายปื้นทำมาจากไม้)

http://www.imfdb.org/w/images/f/fc/Downfall_MP44a.jpg
เหล่าทหาร SS กับปืน Stg44

ร่นต่างๆของ Stg44

http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/b/ba/Haenel_Mkb_42%28H%29.jpg
Maschinenkarabiner 1942 หรือ MKb 42 เป็นรุ่นแรกที่ออกมา แต่ถูกฮิตเลอร์ปฏเสธไป

http://www.imfdb.org/w/images/4/47/Sturmgewehr_44.jpg
Stg44/Mp43/Mp44 เป็นรุ่นที่ถูกอนุมัติแล้ว และ ถูกผลิตใช้อย่างจริงจังในการรบฝั่งตะวันออกของยุโรป

Credits
http://en.wikipedia.org/wiki/Sturmgewehr_44

[lone cat]

จริงอยู่ ปืนอาก้าหน้าตาเหมือน StG44 จริง (เวลาเขียนชื่อปืนรุ่นนี้นิ ตัว t หนะ t เล็ก นะครับ เพราะย่อมาจากคำว่า Sturm) แต่ฝรั่งนักสะสมปืนบอกผมว่า กลไกของปืนอาก้า ใกล้เคียงกับปืน ปลยบ 88 (M1 Garand) มากกว่า (และผลิตง่ายกว่า StG44 ด้วย)

Mikhail Kalashinikov คนออกแบบอาก้านิก็เคยรบในศึก Stalingrad มาแล้ว และก็เจ็บครับ (ถ้าจำไม่ผิด เขาได้รับบาดเจ็บในปี 1941 และเข้าโรงพยาบาลหลายสัปดาห์ ระหว่างนั้นเขาเริ่มออกแบบปืนยาวทางทหาร ที่รวม function ยิงเร็ว คล่องตัว ของปืนกลมือ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PPSh-41) กับความแรง ความแม่น และระยะยิงของปืนยาวลูกเลื่อน (โดยเฉพาะ Mosin Nagant) เข้าด้วยกัน

แต่กว่าโซเวียตจะเผยโฉมปืนอาก้านิก็ปี 1947 หลังจากสงครามจบไปแล้ว 2 ปี ปัญหาน่าจะมาจากเรื่องของกระสุน
1. โซเวียตชอบใช้กระสุนขนาด .30 โดยมีทั้งสองแบบ คือ กระสุน 7.62X25mm ใช้กับปืนสั้น และปืนกลมือ PPSh-41 กับ 7.62x54mm ซึ่งใช้กับปืนยาว ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 กระสุน 7.62X25mm ถือว่า "ตกรุ่น" แล้ว เพราะกองทัพยุโรปทั้งหลายหันมาใช้กระสุนปืนสั้น แบบ 9mm Parabellum ตามพวกเยอรมัน (ซึ่งใช้กระสุนแบบนี้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 โน่นเลย!) และกองทัพสหรัฐฯ ใช้กระสุนปืนสั้น ขนาด .45 ACP (กระสุนทั้งสองแบบนี้ไม่เคยล้าสมัยเลย แต่จริงๆ ผมชอบ .45 ACP มากกว่า เพราะ "แรง" มาก ยิงเข้าลำตัวคนนิ เขา "ล้ม" ลงได้เลย คนยิงนิซ้ำต่อได้เพื่อให้มั่นใจว่าตายสนิท) หากนำมาใช้กับปืนยาวรุ่นใหม่ ปืนก็จะแรงไม่พอ (กองทัพบัลกาเรียเคยลองเอากระสุน 7.62x25mm มาอัดดินขับจนเต็ม แล้วเอามาใช้กับปืน PPSh-41 มาแล้ว ผมไม่ทราบว่ามัน work รึเปล่า? แต่ที่แน่ๆ ปืนอาจจะพังได้!) ครั้นจะเอากระสุน 7.62X54mm (ยาว) มาใช้ ปืนแบบใหม่จะถีบแรงเกินไปจนเสียความแม่นยำได้ ดังนั้นต้องรอจนกว่าจะมีคนออกแบบปืนกลเล็กรุ่นใหม่ ใช้กระสุนสั้นลงมาหน่อย ถึงจะเหมาะ
2. และโซเวียตเองก็มีปืนคล้ายๆ M1 Garand ด้วย! ผมไม่ทราบว่า Mikhail Kalashinikov ต้องคุยกับ Stalin นานขนาดใหนถึงจะได้นำปืนอาก้าเข้าประจำการ
ผมไม่มั่นใจว่าเขาเคยเห็น StG44 รึเปล่า? แต่ปืนแบบนี้ต้องวางท่อแก้สขัดกลอนไว้ด้านบนโครงปืน จึงจะเหมาะสม

[Valkyrie44]

จริงอยู่ ปืนอาก้าหน้าตาเหมือน StG44 จริง (เวลาเขียนชื่อปืนรุ่นนี้นิ ตัว t หนะ t เล็ก นะครับ เพราะย่อมาจากคำว่า Sturm)
ชื่อหัวข้อผมจะใช้ ตัวอักษรใหญ่หมดครับ พอในกระทู้ถึงจะเขียนชื่อจริง