Valkyrie44
11th May 2012, 11:34
Major Richard "Dick" D. Winters
http://image.ohozaa.com/i/5b5/JRtMd5.jpg
พันตรี Richard Winters มีชื่อเล่นว่า Dick เขาเป็นนายทหารประสบการณ์รบสูง เขาคุมกองพันทหารพล่มที่ 101 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขากระโดดลงในนอร์มังดีย์ (Normandy) ในฝรั่งเศส และไปรบทั่วฝรั่งเศส,เบลเยี่ยม,เนเธอร์แลนด์และเยอรมัน หลังสงคราม วินเทอร์ได้ขึ้นคุมสองกองพัน ต่อมาเขาออกจากกองทัพและกลับไปใช้ชีวิตเป็นพลเรือนและทำงานที่นิวเจอร์ซี่ ในปี 1951 ระหว่างสงครามเกาหลี เขาถูกเรียกตัวกลับไปกองทัพเป็นเวลาสั้นๆเพื่ออบรมทหารในฟอร์ตดิกซ์ในนิวเจอร์ซี่ ถึงแม้เขาจะได้รับคำสั่งจากกองทัพ แต่เขาก็ไม่ได้ถูกส่งไปเกาหลี ต่อมาหลังจากเขาออกจากกองทัพอีกครั้ง เขาไปทำงานหลายๆอย่าง ก่อนที่เขาจะก็ตั้งบริษัทขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของเขาเอง
ชีวะประวัติของวินเทอร์ถูกเขียนเป็นหนังสือบ่อยครั้งและถูกสร้างเป็นหนังจากค่าย HBO ในเรื่อง Band of Brothers โดย Damian Lewis เขาเป็นอาจารย์ในโรงเรียนทหารที่ West Point เขาเกษียณในปี 1997 เขาเป็นผู้บังคับบัญชาคนสุดท้ายในกองร้อย Easy
http://image.ohozaa.com/i/eaf/tfYwHW.jpg
มินิ ซีรี่ย์ เรื่อง Band of Brothers เป็นซี่รี่ย์ที่ได้รางวัลลูกโลกทองคำและรางวัลอื่นๆอีก 22 รางวัล
วินเทอร์ เกิดใน เอฟรา,รัฐเพนซิวาเนีย ในวันที่ 21 มกราคม 1918 เขาย้ายไปแลนแคสเตอร์ตอนอายุ 8 ขวบ เขาจบไฮลสคูลในปี 1937 ต่อมาเมื่อเกิดสงครามในยุโรป เขาได้เข้าร่วมกับกองทัพเพื่อต่อสู้กับนาซีที่รุกรานยุโรป
วินเทอร์เข้าร่วมกองทัพในวันที่ 25 สิงหาคม 1941 ในการลดเวลาในการประจำการของเขา ในเดือนกันยายนที่เขาเข้ารับการฝึกอบรมขั้นพื้นฐานที่ค่าย ครอฟ,เซาท์แคโรไลนา หลังจากนั้นเขายังคงอยู่ที่ค่ายครอฟเพื่อช่วยฝึกนาวิกและอาสาสมัครคนอื่นๆ ในขณะที่ส่วนที่เหลือของกองพันของเขาถูกส่งไปปานามา ในเดือนเมษายน ปี 1942 เขาถูกคัดเลือกให้ไปเข้าเรียนโรงเรียนนายทหารที่ ฟอร์ต เบนนิ่ง, จอร์เจีย ที่นั่นเขาได้พบกับ เลวิส นิกสัน (Lewis Nixon), เลวิส นิกสัน คือ เพื่อนที่ร่วมรับกับเขาตลอดสงคราม เขาได้รับการเลื่อนยศเป็นร้อยตรีหลังจากจบการศึกษาที่ OCS เมื่อ 2 กรกฎาคม 1942
ในระหว่างการฝึกอบรมของเขา วินเทอร์ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมกับทหารพลร่ม เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกอบรมเขากลับไปยังค่ายครอฟเพื่อไปอบรมคนอื่นเพื่อชักชวนให้เข้าร่วมกับทหารพลร่ม 101 หลังจากนั้น 5 สัปดาห์ เขาได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมกับกรมทหารพลร่มที่ 506 ที่ค่าย ทอคโค่ จอร์เจีย ในช่วงกลางเดือนสิงหาคมปี 1942 เขาได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมกับกองร้อย E, กองพันที่ 2 พลร่มที่ 506 ภายใต้การดูแลของผู้หมวดโซเบิล (Herbert Sobel) กองร้อย E รู้จักกันในนาม "Easy" ตอนแรกเขาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหมวดรับผิดชอบกองทหารหน่วย ที่ 2 แต่ต่อมาในเดือนตุลาคม 1942 เขาถูกเสนอให้ขึ้นเป็น ร้อยโท ขั้นที่ 1 และเป็นผู้ดูแลระดับสูงในกองร้อย E
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/ac/Capt_herbert_m_sobel_506e.jpg
Herbert Sobel ผู้คุมกองร้อย Easy คนแรก
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 1943 พลร่มที่ 506 ถูกรวมกับกองพัน 101 และย้ายไปยังอังกฤษเพื่อฝึกฝนและเตรียมตัวกับแผนบุกยุโรปในปี 1944 ในเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม 1943 กองร้อย E ได้เกิดการแข่งขันระหว่างวินเทอร์กับโซเบิลเพื่อจะเป็นหัวหน้าในการนำการรบของกองร้อย วินเทอร์มีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการนำการรบของโซเบิล หลายๆคนในกองร้อยมีความเคารพต่อวินเทอร์มากในความสามารถของวินเทอร์ วินเทอร์ยังคงกังวลเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของโซเบิล วินเทอร์กล่าวว่า เขาไม่ต้องการแข่งกับโซเบิลที่จะแข่งกันเป็นผู้นำกองร้อย E อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ก็กลับหน้ามือเป็นหลักมือ เมื่อโซเบิลพยายามจะเอาวินเทอร์ขึ้นศาลทหารโดยข้อหาไม่ได้ไปตรวจส้วมตามคำสั่งของโซเบิล เหตุที่วินเทอร์ไม่ได้ไปตรวจส้วมเป็นเพราะโซเบิลเลื่อนเวลาตรวจจาก 10:00น. มาเป็น 9:45น. แต่วินเทอร์ไม่ได้รับแจ้งการเปลี่ยนเวลาตรวจ โซเบิลจึงสั่งให้วินเทอร์ยอมรับโทษหรือไม่ก็ขึ้นศาลทหาร วินเทอร์เลือกที่จะขึ้นศาลทหาร ในขณะที่การสอบสวนก็กำลังดำเนินการ วินเทอร์ได้ถูกโอนไปยัง กองร้อยที่สำนักงานใหญ่และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่ระเบียบกองพัน การถูกย้ายของวินเทอร์เป็นเหตุให้ทหารชั้นประทวน 6 นายในกองร้อย E ทำการประท้วงลาออกจากตำแหน่ง โรเบิร์ด ซิ๊งค์ ทำการลงโทษโดยลดยศทหารทุกคนลง แต่ในขณะนั้น โซเบิลมีคำสั่งย้ายไปเป็นครูฝึกทหารพลร่มที่โรงเรียนฝึกพลร่มแทน ต่อมาเรื่องของวินเทอร์ถูกศาลทหารพักไว้และนำตัววินเทอร์กลับมายังกองร้อย E เพื่อเป็นหัวหน้าของหน่วย 1 วินเทอร์กล่าวว่า ความสำเร็จของกองร้อย E ก็มีผลมากจากการฝึกที่หนักหน่วงของโซเบิล ในเดือนกุมภาพันธ์ 1944 ร้อยโทมีแฮนถูกแต่งตั้งเป็นคนคุมกองร้อย E
มีแฮนยังคงอยู่ในคำสั่งของกองร้อยจนถึงการบุกนอร์มังดี เมื่อเวลาประมาณ 01:15 น. วันที่ 6 มิถุนายน 1944 C-47 Skytrain ลำที่แม่ทัพของกองร้อยถูกยิงตกโดยปืนต่อสู้อากาศยานเยอรมัน ทุกคนในเครื่องตายทั้งหมด คืนในวินเทอร์โดลงอย่างปลอดภัยใกล้ๆกับ Sainte-Mere-eglise ระหว่างกระโดด อาวุธของเขาหายไป เขาไปตามทางเรื่อยๆและรวบรวมพลร่มที่พบรวมถึงพลร่มจาก กองพัน 82 ด้วย เขาดำเนินภารกิจที่ได้รับมอบหมายต่อที่ Sainte-Marie-du-Mont โดยที่ไม่รู้ชาตะกรรมของมีแฮนว่าเป็นยังไงบ้าง วินเทอร์กลายเป็นผู้บัญชาการแทนในศึกนอร์มังดี
หลังจากวันนั้น วินเทอร์และกองร้อย E ได้บุกไปทำลายฐานปืน 88มม. ทางใต้ของ Brecourt ได้ด้วยคนเพียง 13 คน เนื่องจากตอนนั้น กองร้อย E มีพลร่มที่มาที่จุดนัดพบในเมืองเพียง 13 คนรวมทั้งตัววินเทอร์ด้วย วิธีที่เขาใช้โจมตีถูกขนานนามว่า The Brecourt Manor Assault และยังถูกนำไปใช้เป็นหลักสูตรการโจมตีในโรงเรียนทหารที่ West Point ด้วย
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1944 วินเทอร์ ได้รับการเสนอให้เลื่อนยศเป็นกัปตัน และวันต่อมาเขาได้รับของขวัญเป็นเหรียญ Distinguished Service Cross โดย นายพล โอมา แบรดลี่ (Omar N. Bradley) ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกที่ 1 ไม่นานหลังจากที่ 101 ถูกถอนออกจากฝรั่งเศสและกลับไป Aldbourne ในอังกฤษสำหรับการจัดกองร้อยใหม่
ในเดือนกันยายน 1944, กองพันพลร่ม 101 ได้เข้าร่วมปฏิบัติการ มาร์เก็ต การ์เด้น (Operation Market Garden) ปฏิบัติการ มาร์เก็ต การ์เด้น คือ ปฏิบัติการของพลร่มที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มีมาในประวัติศาสตร์ ปฏิบัติการ มาร์เก็ต การ์เด้น เริ่มขึ้นใน เนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 5 ตุลาคม 1944 กองกำลังเยอรมันเริ่มโอบล้อมโจมตีกองพันที่ 2 และขู่ว่าจะตีฝ่าแนวป้องกันของอเมริกาไป ในเวลาเดียวกัน ทหารลาดตระเวน 4 นายได้รับบาดเจ็บกลับมารายงานว่าพบเยอรมันที่สี่แยกห่างไปประมาณ 1,200 เมตรกำลังไปทางตะวันออกของกองร้อย วินเทอร์ไปกับหน่วยที่ 1 ไปยังสี่แยก พวกเขาสังเกตุเห็นปืนกลเยอรมันอยู่ทางใต้กำลังยิงใส่ศูนย์บรรชาการของกองพัน เขานำหน่วยของเข้าโจมตีปืนนั้น ไม่นานหลังจากยึดที่นั่น พวกเขายิงต่อสู้กับเยอรมันที่อยู่ฝั่งตรงข้าม วินเทอร์สู้กับพวกเยอรมันด้วยกำลังที่น้อยกว่ามาก เมื่อเขามีกำลังเสิรมจากหน่วย 1 ที่เหลือ เขาก็ทำการโจมตีทหารเยอรมัน หลังจากนั้นเขาพบว่า มีทหารเยอรมันอย่างต่ำ 300 นาย
http://28.media.tumblr.com/tumblr_llzr2eJSNV1qkwpobo1_500.jpg
วินเทอร์(คนซ้าย) กับ เลวิส นิกสัน(คนขวา) ในปฏิบัติการ มาร์เก็ต การ์เด้น
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม วินเทอร์ได้เป็นคนดูแลกองพัน 101 แต่เขายังคงเป็น กัปตันอยู่
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 1944 กองทัพเยอรมันเริ่มตอบโต้การรุกของฝ่ายสัมพันธมิตรทางตะวันตกในเบลเยียม หลังจากกองพัน 101 เคลื่อนพลเข้าไปในแบสโตน (Bastogne) ในวันที่ 18 ธันวาคม วินเทอร์เข้ามาร่วมในเขตป้องกันแบสโตนทางตะวันออกเฉียงเหนือใกล้ๆกลับเมืองฟอย(Foy) ศึกนั้นกลายเป็นที่รู้จักกันในนาม Battle of The Bulge กองพันพลร่ม 101 และ กองพลยานเกราะที่ 10 สู้กับกองทัพเยอรมัน 15 หน่วยที่สนับสนุนโดยปืนใหญ่หนักและยานเกราะ เกือบ 1 สัปดาห์กว่าที่ยานเกราะที่ 3 ของ แพตตัน จะบุกทะลวงเข้ามาช่วยจากวงปิดล้อมของเยอรมัน
หลังจากถูกช่วยมาจากวงล้อม กองพันที่ 2 ได้ทำการโจมตีเมืองฟอยในวันที่ 9 มกราคม 1945 ในวันที่ 8 มีนาคม 1945 กองพลที่ 2 เคลื่อนพลไปยัง Haguenau หลังจากนั้น วินเทอร์ก็ได้เลื่อนยศเป็นพันตรี
ในเดือนเมษายน กองพันที่ 2 ก็ถอยทัพออกจากเขตป้องกันใกล้ๆกับแม่น้ำไรน์ ต่อมาในเดือนพฤษภาคม กองพัน 101 มีคำสั่งให้ยึด เบิชเทสกาเดน กองพันที่ 2 เคลื่อนพลออกจากเทลแฮม ผ่านขบวนทหารเยอรมันที่ยอมจำนนเป็นพันๆคนและพักผ่อนที่เมืองอัพไฟน์ในตอนเที่ยงของวันที่ 5 พฤษภาคม 1945 พวกเขาอยู่ที่นั้นจนจบสงครามในยุโรปในวันที่ 8 พฤษภาคม 1945 หรือ เรียกง่ายๆว่า วัน"VE" (Victory in Europe Day) หลังจากสงครามสิ้นสุด วินเทอร์ยังคงอยู่ในยุโรป ถึงแม้ว่าเขาจะมีแต้มเพียงพอที่จะกลับบ้านได้ แต่เขายังไม่กลับ เขาบอกว่าเขาจำเป็นต้องอยู่เยอรมนี ต่อมาเขาถูกเสนอให้เลื่อนยศแต่เขาปฏิเสธ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจไปจากมาร์เซย์โดยไปกับเรือ Wooster Victory ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 1945 แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถูกปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการจนกว่าจะถึง 22 มกราคม 1946 แต่เขาออกจากสถานนีขนส่งไปซะแล้ว วินเทอร์ได้รับเหรียญเกียรติยศในการนำการรบที่ เบอร์คอร์ต มาเนอร์ แต่ด้วยโควต้าที่จำกัด ที่จะให้หนึ่งเหรียญต่อหนึ่งหน่วยเท่านั้น เพราะเขาเคยได้ไปแล้วเหรียญนึง พันโท โรเบิร์ต จี. โคล จึงลดระดับเหรียญเป็น Distinguished Service Cross เป็นรางวัลของความกล้า
หลงัจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบไป เขาไปทำงานกับเพื่อนของเขา เลวิส นิกสัน กับธุรกิจของครอบครัว นิกสัน ใน นิวเจอร์ซี่และเขากลายเป็นผู้จัดการในปี 1950 ในวันที่ 16 พฤษภาคม 1948 เขาแต่งงานกับ Ethel Estoppey ในเดือนมิถุนายน 1951 เขาถูกเรียกไปปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพในช่วงสงครามเกาหลี เขาได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมหน่วยพลร่มที่ 11 ที่ ฟอร์ตแคมป์เบลในเคนตั๊กกี้ เขาได้รับแจ้งว่าจะถูกส่งไปเกาหลี เขาจึงเดินทางไป วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อไปคุยกับ นายพล แมคคาลิฟ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องถูกส่งไปเกาหลี เขาอธิบายให้นายพลแมคคาลิฟ ฟังว่า เขาเห็นสงครามมามากพอแล้วและหวังว่านายพลแมคคาลิฟเองก็น่าจะเข้าใจ ซึ่งท่านนายพลก็เข้าใจแต่ด้วยความสามารถในการวางแผนการรบของวินเทอร์ นายพลแมคคาลิฟจึงสั่งให้วินเทอร์ไปยังฟอร์ด ดิกส์ เพื่อฝึกและอบรมทหารที่เข้าประจำการใหม่
ในฟอร์ด ดิกส์ วินเทอร์เริ่มอยากจะลาออก เขาบอกว่า คนที่มาฝึกมีความกระตือรือร้นน้อยและขาดระเบียบวินัยและไม่ยอมเข้าฝึกเป็นผลให้เขาไปเข้าเป็นครูฝึกของโรงเรียนสอนนาวิกโยธินแทน จากนั้นเข้ามีคำสั่งให้ไปเกาหลี เขาเดินทางไปซีเอตเติลในระหว่างเตรียมตัวเขาได้รับโอกาสให้ลาออกได้ ถ้าเขาต้องการ
เขาออกจากกองทัพและไปทำงานในโรงงานผลิตพลาสติกแห่งกนึ่งในนิวเจอร์ซี่ ในปี 1951 เขาและภรรยาซื้อฟาร์มเล็กๆและมีลูกด้วยกัน 2 คน ในปี 1972 เขาเริ่มธุรกิจของตัวเองโดยจำหน่ายผลิตภัณท์อาหารสัตว์ให้แก่เกษตรกรทั่วเพนซิลวาเนีย ต่อมาเขาเกษียณตัวเองในปี 1997
ในทศวรรษ 1990 วินเทอร์เป็นจุดเด่นในการทำหนังสือและทีวีซี่รี่ย์เกี่ยวกับประสบการณ์ของเขาและคนในกองร้อย Easy ในปี 1992 สตีเฟน แอมบรอส เขียนหนังสือชื่อ "Band of Brothers: Easy Company, 506th Regiment, 101st Airborne from Normandy to Hitler's Eagle's Nest" และถูกสร้างเป็นหนังโดยค่าย HBO ในชื่อ Band of Brothers และถูกเขียนเป็นหนังสืออีกครั้งในปี 2005 ชื่อว่า Biggest Brother : The Life of Major Dick Winters และ The Man Who Led the Band of Brothers โดย แลรี่ อเล็กซานเดอร์ วินเทอร์เขียนหนังสือจากไดอารี่ของตัวเองในชื่อ Beyond Band of Brothers : The War Memoirs of Major Dick Winters โดยเขียนร่วมกับนักประวัติศาสตร์ทางทหารและทหารที่เกษียณอายุ พันเอก โคล ซี. คิงซีด (Colonel Cole C. Kingseed) และถูกตีพิมในปี 2006 และเขายังไปเป็นวิทยากรในการบรรยายความเป็นผู้นำในโรงเรียนทหาร เวสท์ พอนท์ อีกด้วย
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/9/9e/Dick_Winters_army.mil-2007-03-30-190253_(cropped).jpg/200px-Dick_Winters_army.mil-2007-03-30-190253_(cropped).jpg
วินเทอร์ในงานชุมนุมกองร้อย Easy ในปี 2004
ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2009 Franklin and Marshall College มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ให้กับวินเทอร์
วินเทอร์ เสียชีวิตด้วยวัย 92 ปี เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2011 ในเฮอร์ชี่ย์ รัฐเพนซิวาเนีย เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคพาร์กินสันมาเป็นเวลาหลายปี งานศพของเขาถูกจัดขึ้นในวันที่ 8 มกราคม 2011
วินเทอร์ถูกฝังอยู่ในสุสานที่โบสถ์ Bergstrasse Evangelical Lutheran ที่เอฟรารัฐเพนซิวาเนีย หลุมศพของเขาถูกสลักว่า "Richard D. Winters WW II 101st Airborne" เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้กับเขา
เหรียญตราเกียรติยศที่เขาได้รับมี 16 เหรียญ ได้แก่
เหรียญ Combat Infantryman Badge
เหรียญ Parachutist Badge กับ 2 combat stars
เหรียญ Medal of the City of Eindhoven
เหรียญ Distinguished Service Cross
เหรียญ Bronze Star with one Oak Leaf Cluster
เหรียญ Purple Heart
เหรียญ Presidential Unit Citation with one Oak Leaf Cluster
เหรียญ American Defense Service Medal
เหรียญ National Defense Service Medal
เหรียญ European-African-Middle Eastern Campaign Medal กับ 3 service stars and arrow device
เหรียญ World War II Victory Medal
เหรียญ Army of Occupation Medal
เหรียญ Croix de guerre with palm
เหรียญ French Liberation Medal
เหรียญ War Cross with palm
เหรียญ Belgian WWII Service Medal
ในการสัมภาษณ์วินเทอร์ของซี่รี่ย์ Band of Brothers เขากล่าวว่า
"หลานของผมถามว่า ปู่ครับ ปู่ได้เป็นวีรบุรุษสงครามมั้ยครับ เขาตอบว่า ปล่าว แต่ปู่รบกับกองร้อยที่เป็นวีรบุรุษ"
http://www.deltasig.org/images/DickWinters.jpg
พันตรี ริชชาร์ด ดิก วินเทอร์ 1918-2011
กระทู้นี้ขอสดุดี พันตรี ริชชาร์ด ดิก วินเทอร์ และ กองร้อย Easy ที่ต้องการจะปลดปล่อยโลกจากความโหดร้ายของนาซีด้วยความเสียสละและความกล้าหาญ
Credits
http://en.wikipedia.org/wiki/Richard_Winters#Medals_and_decorations
http://image.ohozaa.com/i/5b5/JRtMd5.jpg
พันตรี Richard Winters มีชื่อเล่นว่า Dick เขาเป็นนายทหารประสบการณ์รบสูง เขาคุมกองพันทหารพล่มที่ 101 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขากระโดดลงในนอร์มังดีย์ (Normandy) ในฝรั่งเศส และไปรบทั่วฝรั่งเศส,เบลเยี่ยม,เนเธอร์แลนด์และเยอรมัน หลังสงคราม วินเทอร์ได้ขึ้นคุมสองกองพัน ต่อมาเขาออกจากกองทัพและกลับไปใช้ชีวิตเป็นพลเรือนและทำงานที่นิวเจอร์ซี่ ในปี 1951 ระหว่างสงครามเกาหลี เขาถูกเรียกตัวกลับไปกองทัพเป็นเวลาสั้นๆเพื่ออบรมทหารในฟอร์ตดิกซ์ในนิวเจอร์ซี่ ถึงแม้เขาจะได้รับคำสั่งจากกองทัพ แต่เขาก็ไม่ได้ถูกส่งไปเกาหลี ต่อมาหลังจากเขาออกจากกองทัพอีกครั้ง เขาไปทำงานหลายๆอย่าง ก่อนที่เขาจะก็ตั้งบริษัทขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของเขาเอง
ชีวะประวัติของวินเทอร์ถูกเขียนเป็นหนังสือบ่อยครั้งและถูกสร้างเป็นหนังจากค่าย HBO ในเรื่อง Band of Brothers โดย Damian Lewis เขาเป็นอาจารย์ในโรงเรียนทหารที่ West Point เขาเกษียณในปี 1997 เขาเป็นผู้บังคับบัญชาคนสุดท้ายในกองร้อย Easy
http://image.ohozaa.com/i/eaf/tfYwHW.jpg
มินิ ซีรี่ย์ เรื่อง Band of Brothers เป็นซี่รี่ย์ที่ได้รางวัลลูกโลกทองคำและรางวัลอื่นๆอีก 22 รางวัล
วินเทอร์ เกิดใน เอฟรา,รัฐเพนซิวาเนีย ในวันที่ 21 มกราคม 1918 เขาย้ายไปแลนแคสเตอร์ตอนอายุ 8 ขวบ เขาจบไฮลสคูลในปี 1937 ต่อมาเมื่อเกิดสงครามในยุโรป เขาได้เข้าร่วมกับกองทัพเพื่อต่อสู้กับนาซีที่รุกรานยุโรป
วินเทอร์เข้าร่วมกองทัพในวันที่ 25 สิงหาคม 1941 ในการลดเวลาในการประจำการของเขา ในเดือนกันยายนที่เขาเข้ารับการฝึกอบรมขั้นพื้นฐานที่ค่าย ครอฟ,เซาท์แคโรไลนา หลังจากนั้นเขายังคงอยู่ที่ค่ายครอฟเพื่อช่วยฝึกนาวิกและอาสาสมัครคนอื่นๆ ในขณะที่ส่วนที่เหลือของกองพันของเขาถูกส่งไปปานามา ในเดือนเมษายน ปี 1942 เขาถูกคัดเลือกให้ไปเข้าเรียนโรงเรียนนายทหารที่ ฟอร์ต เบนนิ่ง, จอร์เจีย ที่นั่นเขาได้พบกับ เลวิส นิกสัน (Lewis Nixon), เลวิส นิกสัน คือ เพื่อนที่ร่วมรับกับเขาตลอดสงคราม เขาได้รับการเลื่อนยศเป็นร้อยตรีหลังจากจบการศึกษาที่ OCS เมื่อ 2 กรกฎาคม 1942
ในระหว่างการฝึกอบรมของเขา วินเทอร์ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมกับทหารพลร่ม เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกอบรมเขากลับไปยังค่ายครอฟเพื่อไปอบรมคนอื่นเพื่อชักชวนให้เข้าร่วมกับทหารพลร่ม 101 หลังจากนั้น 5 สัปดาห์ เขาได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมกับกรมทหารพลร่มที่ 506 ที่ค่าย ทอคโค่ จอร์เจีย ในช่วงกลางเดือนสิงหาคมปี 1942 เขาได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมกับกองร้อย E, กองพันที่ 2 พลร่มที่ 506 ภายใต้การดูแลของผู้หมวดโซเบิล (Herbert Sobel) กองร้อย E รู้จักกันในนาม "Easy" ตอนแรกเขาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหมวดรับผิดชอบกองทหารหน่วย ที่ 2 แต่ต่อมาในเดือนตุลาคม 1942 เขาถูกเสนอให้ขึ้นเป็น ร้อยโท ขั้นที่ 1 และเป็นผู้ดูแลระดับสูงในกองร้อย E
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/ac/Capt_herbert_m_sobel_506e.jpg
Herbert Sobel ผู้คุมกองร้อย Easy คนแรก
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 1943 พลร่มที่ 506 ถูกรวมกับกองพัน 101 และย้ายไปยังอังกฤษเพื่อฝึกฝนและเตรียมตัวกับแผนบุกยุโรปในปี 1944 ในเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม 1943 กองร้อย E ได้เกิดการแข่งขันระหว่างวินเทอร์กับโซเบิลเพื่อจะเป็นหัวหน้าในการนำการรบของกองร้อย วินเทอร์มีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการนำการรบของโซเบิล หลายๆคนในกองร้อยมีความเคารพต่อวินเทอร์มากในความสามารถของวินเทอร์ วินเทอร์ยังคงกังวลเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของโซเบิล วินเทอร์กล่าวว่า เขาไม่ต้องการแข่งกับโซเบิลที่จะแข่งกันเป็นผู้นำกองร้อย E อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ก็กลับหน้ามือเป็นหลักมือ เมื่อโซเบิลพยายามจะเอาวินเทอร์ขึ้นศาลทหารโดยข้อหาไม่ได้ไปตรวจส้วมตามคำสั่งของโซเบิล เหตุที่วินเทอร์ไม่ได้ไปตรวจส้วมเป็นเพราะโซเบิลเลื่อนเวลาตรวจจาก 10:00น. มาเป็น 9:45น. แต่วินเทอร์ไม่ได้รับแจ้งการเปลี่ยนเวลาตรวจ โซเบิลจึงสั่งให้วินเทอร์ยอมรับโทษหรือไม่ก็ขึ้นศาลทหาร วินเทอร์เลือกที่จะขึ้นศาลทหาร ในขณะที่การสอบสวนก็กำลังดำเนินการ วินเทอร์ได้ถูกโอนไปยัง กองร้อยที่สำนักงานใหญ่และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่ระเบียบกองพัน การถูกย้ายของวินเทอร์เป็นเหตุให้ทหารชั้นประทวน 6 นายในกองร้อย E ทำการประท้วงลาออกจากตำแหน่ง โรเบิร์ด ซิ๊งค์ ทำการลงโทษโดยลดยศทหารทุกคนลง แต่ในขณะนั้น โซเบิลมีคำสั่งย้ายไปเป็นครูฝึกทหารพลร่มที่โรงเรียนฝึกพลร่มแทน ต่อมาเรื่องของวินเทอร์ถูกศาลทหารพักไว้และนำตัววินเทอร์กลับมายังกองร้อย E เพื่อเป็นหัวหน้าของหน่วย 1 วินเทอร์กล่าวว่า ความสำเร็จของกองร้อย E ก็มีผลมากจากการฝึกที่หนักหน่วงของโซเบิล ในเดือนกุมภาพันธ์ 1944 ร้อยโทมีแฮนถูกแต่งตั้งเป็นคนคุมกองร้อย E
มีแฮนยังคงอยู่ในคำสั่งของกองร้อยจนถึงการบุกนอร์มังดี เมื่อเวลาประมาณ 01:15 น. วันที่ 6 มิถุนายน 1944 C-47 Skytrain ลำที่แม่ทัพของกองร้อยถูกยิงตกโดยปืนต่อสู้อากาศยานเยอรมัน ทุกคนในเครื่องตายทั้งหมด คืนในวินเทอร์โดลงอย่างปลอดภัยใกล้ๆกับ Sainte-Mere-eglise ระหว่างกระโดด อาวุธของเขาหายไป เขาไปตามทางเรื่อยๆและรวบรวมพลร่มที่พบรวมถึงพลร่มจาก กองพัน 82 ด้วย เขาดำเนินภารกิจที่ได้รับมอบหมายต่อที่ Sainte-Marie-du-Mont โดยที่ไม่รู้ชาตะกรรมของมีแฮนว่าเป็นยังไงบ้าง วินเทอร์กลายเป็นผู้บัญชาการแทนในศึกนอร์มังดี
หลังจากวันนั้น วินเทอร์และกองร้อย E ได้บุกไปทำลายฐานปืน 88มม. ทางใต้ของ Brecourt ได้ด้วยคนเพียง 13 คน เนื่องจากตอนนั้น กองร้อย E มีพลร่มที่มาที่จุดนัดพบในเมืองเพียง 13 คนรวมทั้งตัววินเทอร์ด้วย วิธีที่เขาใช้โจมตีถูกขนานนามว่า The Brecourt Manor Assault และยังถูกนำไปใช้เป็นหลักสูตรการโจมตีในโรงเรียนทหารที่ West Point ด้วย
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1944 วินเทอร์ ได้รับการเสนอให้เลื่อนยศเป็นกัปตัน และวันต่อมาเขาได้รับของขวัญเป็นเหรียญ Distinguished Service Cross โดย นายพล โอมา แบรดลี่ (Omar N. Bradley) ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกที่ 1 ไม่นานหลังจากที่ 101 ถูกถอนออกจากฝรั่งเศสและกลับไป Aldbourne ในอังกฤษสำหรับการจัดกองร้อยใหม่
ในเดือนกันยายน 1944, กองพันพลร่ม 101 ได้เข้าร่วมปฏิบัติการ มาร์เก็ต การ์เด้น (Operation Market Garden) ปฏิบัติการ มาร์เก็ต การ์เด้น คือ ปฏิบัติการของพลร่มที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มีมาในประวัติศาสตร์ ปฏิบัติการ มาร์เก็ต การ์เด้น เริ่มขึ้นใน เนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 5 ตุลาคม 1944 กองกำลังเยอรมันเริ่มโอบล้อมโจมตีกองพันที่ 2 และขู่ว่าจะตีฝ่าแนวป้องกันของอเมริกาไป ในเวลาเดียวกัน ทหารลาดตระเวน 4 นายได้รับบาดเจ็บกลับมารายงานว่าพบเยอรมันที่สี่แยกห่างไปประมาณ 1,200 เมตรกำลังไปทางตะวันออกของกองร้อย วินเทอร์ไปกับหน่วยที่ 1 ไปยังสี่แยก พวกเขาสังเกตุเห็นปืนกลเยอรมันอยู่ทางใต้กำลังยิงใส่ศูนย์บรรชาการของกองพัน เขานำหน่วยของเข้าโจมตีปืนนั้น ไม่นานหลังจากยึดที่นั่น พวกเขายิงต่อสู้กับเยอรมันที่อยู่ฝั่งตรงข้าม วินเทอร์สู้กับพวกเยอรมันด้วยกำลังที่น้อยกว่ามาก เมื่อเขามีกำลังเสิรมจากหน่วย 1 ที่เหลือ เขาก็ทำการโจมตีทหารเยอรมัน หลังจากนั้นเขาพบว่า มีทหารเยอรมันอย่างต่ำ 300 นาย
http://28.media.tumblr.com/tumblr_llzr2eJSNV1qkwpobo1_500.jpg
วินเทอร์(คนซ้าย) กับ เลวิส นิกสัน(คนขวา) ในปฏิบัติการ มาร์เก็ต การ์เด้น
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม วินเทอร์ได้เป็นคนดูแลกองพัน 101 แต่เขายังคงเป็น กัปตันอยู่
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 1944 กองทัพเยอรมันเริ่มตอบโต้การรุกของฝ่ายสัมพันธมิตรทางตะวันตกในเบลเยียม หลังจากกองพัน 101 เคลื่อนพลเข้าไปในแบสโตน (Bastogne) ในวันที่ 18 ธันวาคม วินเทอร์เข้ามาร่วมในเขตป้องกันแบสโตนทางตะวันออกเฉียงเหนือใกล้ๆกลับเมืองฟอย(Foy) ศึกนั้นกลายเป็นที่รู้จักกันในนาม Battle of The Bulge กองพันพลร่ม 101 และ กองพลยานเกราะที่ 10 สู้กับกองทัพเยอรมัน 15 หน่วยที่สนับสนุนโดยปืนใหญ่หนักและยานเกราะ เกือบ 1 สัปดาห์กว่าที่ยานเกราะที่ 3 ของ แพตตัน จะบุกทะลวงเข้ามาช่วยจากวงปิดล้อมของเยอรมัน
หลังจากถูกช่วยมาจากวงล้อม กองพันที่ 2 ได้ทำการโจมตีเมืองฟอยในวันที่ 9 มกราคม 1945 ในวันที่ 8 มีนาคม 1945 กองพลที่ 2 เคลื่อนพลไปยัง Haguenau หลังจากนั้น วินเทอร์ก็ได้เลื่อนยศเป็นพันตรี
ในเดือนเมษายน กองพันที่ 2 ก็ถอยทัพออกจากเขตป้องกันใกล้ๆกับแม่น้ำไรน์ ต่อมาในเดือนพฤษภาคม กองพัน 101 มีคำสั่งให้ยึด เบิชเทสกาเดน กองพันที่ 2 เคลื่อนพลออกจากเทลแฮม ผ่านขบวนทหารเยอรมันที่ยอมจำนนเป็นพันๆคนและพักผ่อนที่เมืองอัพไฟน์ในตอนเที่ยงของวันที่ 5 พฤษภาคม 1945 พวกเขาอยู่ที่นั้นจนจบสงครามในยุโรปในวันที่ 8 พฤษภาคม 1945 หรือ เรียกง่ายๆว่า วัน"VE" (Victory in Europe Day) หลังจากสงครามสิ้นสุด วินเทอร์ยังคงอยู่ในยุโรป ถึงแม้ว่าเขาจะมีแต้มเพียงพอที่จะกลับบ้านได้ แต่เขายังไม่กลับ เขาบอกว่าเขาจำเป็นต้องอยู่เยอรมนี ต่อมาเขาถูกเสนอให้เลื่อนยศแต่เขาปฏิเสธ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจไปจากมาร์เซย์โดยไปกับเรือ Wooster Victory ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 1945 แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถูกปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการจนกว่าจะถึง 22 มกราคม 1946 แต่เขาออกจากสถานนีขนส่งไปซะแล้ว วินเทอร์ได้รับเหรียญเกียรติยศในการนำการรบที่ เบอร์คอร์ต มาเนอร์ แต่ด้วยโควต้าที่จำกัด ที่จะให้หนึ่งเหรียญต่อหนึ่งหน่วยเท่านั้น เพราะเขาเคยได้ไปแล้วเหรียญนึง พันโท โรเบิร์ต จี. โคล จึงลดระดับเหรียญเป็น Distinguished Service Cross เป็นรางวัลของความกล้า
หลงัจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบไป เขาไปทำงานกับเพื่อนของเขา เลวิส นิกสัน กับธุรกิจของครอบครัว นิกสัน ใน นิวเจอร์ซี่และเขากลายเป็นผู้จัดการในปี 1950 ในวันที่ 16 พฤษภาคม 1948 เขาแต่งงานกับ Ethel Estoppey ในเดือนมิถุนายน 1951 เขาถูกเรียกไปปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพในช่วงสงครามเกาหลี เขาได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมหน่วยพลร่มที่ 11 ที่ ฟอร์ตแคมป์เบลในเคนตั๊กกี้ เขาได้รับแจ้งว่าจะถูกส่งไปเกาหลี เขาจึงเดินทางไป วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อไปคุยกับ นายพล แมคคาลิฟ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องถูกส่งไปเกาหลี เขาอธิบายให้นายพลแมคคาลิฟ ฟังว่า เขาเห็นสงครามมามากพอแล้วและหวังว่านายพลแมคคาลิฟเองก็น่าจะเข้าใจ ซึ่งท่านนายพลก็เข้าใจแต่ด้วยความสามารถในการวางแผนการรบของวินเทอร์ นายพลแมคคาลิฟจึงสั่งให้วินเทอร์ไปยังฟอร์ด ดิกส์ เพื่อฝึกและอบรมทหารที่เข้าประจำการใหม่
ในฟอร์ด ดิกส์ วินเทอร์เริ่มอยากจะลาออก เขาบอกว่า คนที่มาฝึกมีความกระตือรือร้นน้อยและขาดระเบียบวินัยและไม่ยอมเข้าฝึกเป็นผลให้เขาไปเข้าเป็นครูฝึกของโรงเรียนสอนนาวิกโยธินแทน จากนั้นเข้ามีคำสั่งให้ไปเกาหลี เขาเดินทางไปซีเอตเติลในระหว่างเตรียมตัวเขาได้รับโอกาสให้ลาออกได้ ถ้าเขาต้องการ
เขาออกจากกองทัพและไปทำงานในโรงงานผลิตพลาสติกแห่งกนึ่งในนิวเจอร์ซี่ ในปี 1951 เขาและภรรยาซื้อฟาร์มเล็กๆและมีลูกด้วยกัน 2 คน ในปี 1972 เขาเริ่มธุรกิจของตัวเองโดยจำหน่ายผลิตภัณท์อาหารสัตว์ให้แก่เกษตรกรทั่วเพนซิลวาเนีย ต่อมาเขาเกษียณตัวเองในปี 1997
ในทศวรรษ 1990 วินเทอร์เป็นจุดเด่นในการทำหนังสือและทีวีซี่รี่ย์เกี่ยวกับประสบการณ์ของเขาและคนในกองร้อย Easy ในปี 1992 สตีเฟน แอมบรอส เขียนหนังสือชื่อ "Band of Brothers: Easy Company, 506th Regiment, 101st Airborne from Normandy to Hitler's Eagle's Nest" และถูกสร้างเป็นหนังโดยค่าย HBO ในชื่อ Band of Brothers และถูกเขียนเป็นหนังสืออีกครั้งในปี 2005 ชื่อว่า Biggest Brother : The Life of Major Dick Winters และ The Man Who Led the Band of Brothers โดย แลรี่ อเล็กซานเดอร์ วินเทอร์เขียนหนังสือจากไดอารี่ของตัวเองในชื่อ Beyond Band of Brothers : The War Memoirs of Major Dick Winters โดยเขียนร่วมกับนักประวัติศาสตร์ทางทหารและทหารที่เกษียณอายุ พันเอก โคล ซี. คิงซีด (Colonel Cole C. Kingseed) และถูกตีพิมในปี 2006 และเขายังไปเป็นวิทยากรในการบรรยายความเป็นผู้นำในโรงเรียนทหาร เวสท์ พอนท์ อีกด้วย
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/9/9e/Dick_Winters_army.mil-2007-03-30-190253_(cropped).jpg/200px-Dick_Winters_army.mil-2007-03-30-190253_(cropped).jpg
วินเทอร์ในงานชุมนุมกองร้อย Easy ในปี 2004
ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2009 Franklin and Marshall College มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ให้กับวินเทอร์
วินเทอร์ เสียชีวิตด้วยวัย 92 ปี เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2011 ในเฮอร์ชี่ย์ รัฐเพนซิวาเนีย เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคพาร์กินสันมาเป็นเวลาหลายปี งานศพของเขาถูกจัดขึ้นในวันที่ 8 มกราคม 2011
วินเทอร์ถูกฝังอยู่ในสุสานที่โบสถ์ Bergstrasse Evangelical Lutheran ที่เอฟรารัฐเพนซิวาเนีย หลุมศพของเขาถูกสลักว่า "Richard D. Winters WW II 101st Airborne" เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้กับเขา
เหรียญตราเกียรติยศที่เขาได้รับมี 16 เหรียญ ได้แก่
เหรียญ Combat Infantryman Badge
เหรียญ Parachutist Badge กับ 2 combat stars
เหรียญ Medal of the City of Eindhoven
เหรียญ Distinguished Service Cross
เหรียญ Bronze Star with one Oak Leaf Cluster
เหรียญ Purple Heart
เหรียญ Presidential Unit Citation with one Oak Leaf Cluster
เหรียญ American Defense Service Medal
เหรียญ National Defense Service Medal
เหรียญ European-African-Middle Eastern Campaign Medal กับ 3 service stars and arrow device
เหรียญ World War II Victory Medal
เหรียญ Army of Occupation Medal
เหรียญ Croix de guerre with palm
เหรียญ French Liberation Medal
เหรียญ War Cross with palm
เหรียญ Belgian WWII Service Medal
ในการสัมภาษณ์วินเทอร์ของซี่รี่ย์ Band of Brothers เขากล่าวว่า
"หลานของผมถามว่า ปู่ครับ ปู่ได้เป็นวีรบุรุษสงครามมั้ยครับ เขาตอบว่า ปล่าว แต่ปู่รบกับกองร้อยที่เป็นวีรบุรุษ"
http://www.deltasig.org/images/DickWinters.jpg
พันตรี ริชชาร์ด ดิก วินเทอร์ 1918-2011
กระทู้นี้ขอสดุดี พันตรี ริชชาร์ด ดิก วินเทอร์ และ กองร้อย Easy ที่ต้องการจะปลดปล่อยโลกจากความโหดร้ายของนาซีด้วยความเสียสละและความกล้าหาญ
Credits
http://en.wikipedia.org/wiki/Richard_Winters#Medals_and_decorations