PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : ถามเรื่องโน๊ตบุ๊ตที่เสียบแบตแล้วก็เสียบชาร์จไฟบ้านไปด้วยครับ



seawayyss
11th May 2012, 22:50
ตามหัวข้อเลยครับ ถ้าทำแบบนั้นแบตจะเสื่อมไหมครับ
-บ้างคนบอกว่าควรถอดแบตออกแล้วเสียบไฟบ้านครับ
-บ้างคนบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ถ้าไฟดับมันจะเปลี่ยนมาใช้แบตแทน

SURIYATEWAPITUK
11th May 2012, 23:36
ตามหัวข้อเลยครับ ถ้าทำแบบนั้นแบตจะเสื่อมไหมครับ
-บ้างคนบอกว่าควรถอดแบตออกแล้วเสียบไฟบ้านครับ
-บ้างคนบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ถ้าไฟดับมันจะเปลี่ยนมาใช้แบตแทน
วิธีการชาร์จแบตเตอร์รี่ใช้ได้กับnotebook และใช้กับมือถือและอีกหลายอย่างได้
1 เสียบที่ชาร์จเข้ากับปลั๊กไฟบ้านก่อน ( ที่ให้ทำอย่างนี้คุณเคยสังเกตุเวลาเสียบปลั๊กไหมไฟมันจะสปาร์คแรงมาก )
2 เสียบเข้ากับnotebook( ใช้กับมือถือและอีกหลายอย่างได้ )
3 เมื่อไฟเต็มควรถอดที่ชาร์จออกเพื่อให้แบตเตอรี่คลายประจุไฟ
4 พอไฟแบตเหลือสัก 50-60% ควรชาร์จต่อเนื่องจากถ้าบ่อยให้แบตเตอรี่หมดเลย เวลาชาร์จไฟเครื่องจะร้อนมากจะทำให้อุปกรณ์เสื่อมเร็ว
5 แบตถ้าถอดทิ้งไว้นานๆโดยไม่มีการชาร์จไฟเลยแบตมันจะเสื่อมเร็วเหมือนกันครับ

Cutto23
11th May 2012, 23:40
แบตเสื่อมเร็วนะผมว่า เครื่องเก่าผม เล่นได้ 15 นาทีก็หมดแล้ว ถอดเล่นดีกว่า
ปล.แบตที่ถอดไว้ก็เอามาชาร์จไว้ด้วย ไม่ได้ใช้นานก็เสื่อมได้เหมือนกัน

seawayyss
12th May 2012, 00:59
ขอบคุณทั้ง 2 คนเลยน่ะครับ :)

Winchesters
12th May 2012, 01:26
ผมเสียบตลอด เพราะว่าถ้าไฟตก หรือไฟกระชาก เครื่องดับโดยไม่ได้ shutdown จะทำให้เมนบอร์ดพังได้ กลัวแบตเตอรี่เสื่อมเหมือนกัน เครื่องเก่า เสียบทิ้งไว้ใช้ได้ 4 ปี หลังจากนั้น ชาร์จไม่เข้าเลย ต้องถอดออก แต่แบตโน็ตบุ็คกับมือถือต่างกันนิดหน่อย แบตมือถือจะตัดไฟเมื่อชาร์จเต็ม ใช้แบตเตอรี่แทน ส่วน โน็ตบุ็ค ถ้าชาร์จเต็ม เสียบปลั๊กไว้ ใช้ไฟบ้านตลอด ตัดการชาร์จแบตออกอัตโนมัติ จึงไม่ค่อยทำให้แบตเสื่อม แต่เรื่องความร้อนก็มีส่วนครับ บางทีก็ลำบาก

ข้อต่างกันคือ โน็ตบุ็ค เราเสียบปลั๊กเป็นประจำ ถ้าใช้แบตใช้งานหนักไม่ได้ และแบตหมดเร็ว เพราะมันกินไฟเยอะ
มือถือ เราเสียบเพื่อใช้แบตเตอร์รี่ ยังไงก็ต้องชาร์จบ่อย และชาร์จได้จำนวนครั้งเยอะกว่าโน็ตบุ็ค กินไฟน้อยกว่า และใช้ แบตเกือบตลอด ที่แบตเสื่อมเร็วเพราะเราเล่นแอพกันเยอะครับ รุ่นใหม่ Windows Phone,iPhone,Android วันต่อวัน บางทีไม่ถึงวัน

GUBOSS
12th May 2012, 01:32
ผมนี่ตอนนี้ก็ยังทำอยู่เสื่อมเร็วมากเครื่องใหม่ซื้อมาได้ประมาณ 3 เดือน ตอนแรกเล่นเฉพาะแบ็ตก็ได้ประมาณ 2-3ชั่วโมง แต่พอเล่นไปด้วยชาร์จไปด้วยผ่านไป3เดือนเล่นได้ 30 นาทีก็หรูแล้ว

hpz
12th May 2012, 02:12
อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์สำหรับพกพา เช่น Notebook, กล้องดิจิตอล และมือถือ ในปัจจุบันจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบ lithium แทบทั้งสิ้น ซึ่งแบตเตอรี่แบบ lithium นั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา และไม่ต้องดูแลรักษามากนัก ซึ่งจะต่างจากแบตเตอรี่แบบชาร์ตไฟใหม่ได้ในสมัยก่อนๆอย่างสิ้นเชิง ทั้งในด้านวิธีใช้งาน และการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง

http://www.techxcite.com/image/content/id1426/lithium_ion_battery_5.jpg

แบตเตอรี่แบบ lithium ที่พบเห็นบ่อยๆ ในปัจจุบันมีด้วยกัน 2 แบบ คือ

1. lithium-ion หรือตัวย่อว่า Li-ion เป็นแบตเตอรี่ที่พบเห็นมากที่สุด ถือว่าเป็นแบตเตอรี่มาตรฐานสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในทุกวันนี้

2. lithium-ion polymer หรือตัวย่อว่า Li-Poly เป็นแบตเตอรี่ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Li-ion โดยจะมีความจุไฟฟ้ามากว่า Li-ion ถึง 20% ในขนาดแบตเตอรี่ที่เท่ากัน แบตเตอรี่แบบนี้มีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือมีข้อจำกัดเรื่องรูปร่างของเบตเตอรี่น้อยมาก จึงทำให้สามารถสร้างแบตเตอรี่แบบ Li-Poly ให้มีขนาดเล็กและบางได้ รวมทั้งสามารถสร้างให้มีรูปทรงแปลกๆ ที่ไม่ใช่ทรงกระบอกหรือทรงสี่เหลื่ยมเหมือนแบตเตอรี่แบบเดิมๆได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามต้นทุนการผลิตของ Li-Poly ยังจัดว่ามีต้นทุนสูง ดังนั้นความนิยมจึงยังมีไม่มากเท่าแบตเตอรี่แบบ Li-ion

ทีนี้ลองพลิกดูแบตเตอรี่ของคุณๆ ดูว่าใช่แบตเตอรี่แบบ lithium กันรึเปล่า ถ้าใช่แล้ว เรามาไขข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแบตเตอรี่ lithium กันเลยดีกว่าครับ

1. ตารางเจ้าปัญหา ความจริงที่ถูกบิดเบือน

http://www.techxcite.com/image/content/id1426/parttwo_34.jpg

หลายๆคนอาจจะเคยเห็นตารางอย่างในรูปข้างบนมาแล้วใช่ไหมครับ มีบทความหนึ่งนำตารางข้างบนนี้ไปอ้างอิง(บทความที่ชื่อ "เทคนิคการชาร์จแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กให้คุ้มค่า") แต่กลับบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยอ้างว่ากราฟที่เห็นเป็นกราฟ การชาร์ตไฟที่ % แบตเตอรี่ต่างๆกัน เช่น ที่ 1C ก็อ้างไปว่าเป็นการชาร์ตไฟที่แบตเตอรี่เหลือไฟอยู่ 65-70% ซึ่งเป็นข้อมูลที่บิดเบือนและผิดชนิดที่ว่าเป็นคนละเรื่องกันเลย

ต้นฉบับที่แท้จริงของตารางข้างบนมาจากเว็บ http://www.batteryuniversity.com/parttwo-34.htm ครับ ซึ่งในเว็บ และบนหัวตารางก็ระบุไว้อย่างชัดเจนมันคือตาราง charge/discharge rateซึ่งคำว่า charge rate ไม่ได้หมายความว่าใช้แบตไปหมดไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้วค่อยชาร์ตไฟกลับคืนเป็น 100% แต่ charge rate หมายถึงอัตราของกระแสไฟฟ้าที่ใช้ชาร์ตแบตเตอรี่ในช่วงเวลา เช่น

ถ้าเรามีแบตเตอรี่ขนาด 10 Ah(ampere-hour) แต่เราชาร์ตไฟด้วยแท่นชาร์ตที่ปล่อยไฟชั่วโมงละ 2 แอมแปร์(ampare) ก็จะต้องใช้เวลาชาร์ตไฟเข้าไปในแบตเตอรี่ที่ว่างเปล่าจนไฟเต็มด้วยเวลา 5 ชั่วโมง อัตราการชาร์ตระดับนี้เราเรียกว่าอัตรา C/5 หรือ 0.2C
ส่วนอัตรา 1C ก็คือ ถ้าชาร์ตแบตเตอรี่ขนาด 10Ah ก็ต้องใช้แท่นชาร์ตที่ปล่อยไฟชั่วโมงละ 10 แอมแปร์ก็จะชาร์ดไฟได้เสร็จใน 1 ชั่วโมง
เช่นเดียวกับอัตรา 2C ก็คือ ชาร์ตแบตเตอรี่ขนาด 10Ah ด้วยแท่นชาร์ตที่ปล่อยไฟชั่วโมงละ 20 แอมแปร์ก็จะชาร์ตไฟได้เสร็จใน 30 นาที

และคำว่า discharge rate ก็จะคล้ายๆกับ charge rate ครับแต่เป็นในทางกลับกันคือเป็นอัตราการใช้ไฟ

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าตารางข้างต้นแสดงถึงว่าถ้าเราชาร์ตไฟด้วยกระแสไฟสูงในเวลาสั้นหรือใช้ไฟจากแบตในปริมาณมากในระยะเวลาอันสั้น จะทำให้แบตเตอรี่แบบ lithium เสื่อมเร็วขึ้น (จำนวน cycle ลดลง)

2. นับจำนวน Cycle อย่างไร

จำนวน Cycle คือตัวเลขที่บ่งบอกอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ว่าแบตฯจะเริ่มเสื่อมเมื่อผ่านการชาร์ตไปนานแค่ไหน ถ้าแปลตรงๆตัวคำว่า cycle ก็คือรอบ คำว่ารอบไม่ได้เท่ากับคำว่าครั้ง ดังนั้นการชาร์ต 1 ครั้งจึงไม่เท่ากับ 1 cycle ซะทีเดียว

จำนวน 1 Cycle จะวัดจากปริมาณการชาร์ตไฟที่รวมๆแล้ว เท่ากับปริมาณการชาร์ตไฟจากแบตเตอรี่ที่ไม่มีไฟ(0%) จนแบตเตอรี่มีไฟเต็ม(100%) 1 ครั้ง

เช่น ถ้าเราชาร์ตครั้งแรกจากแบตเตอรี่ 50%=>100% การชาร์ตครั้งนี้ก็จะนับเท่ากับ 0.5 cycle
หรือถ้าชาร์ตครั้งต่อมาอีก 80%=>100% เมื่อรวมกับครั้งแรกก็จะได้เท่ากับ 0.5+0.2 = 0.7 cycle



http://www.techxcite.com/image/content/id1426/cycle.gif

ตารางแสดงจำนวน Cycle Life (จำนวน Cycle ก่อนแบตจะเสื่อม) จาก http://www.batteryuniversity.com/partone-3.htm

3. ชาร์ตอย่างไรถึงจะดี

http://www.techxcite.com/image/content/id1426/lithium_ion_battery_4.jpg

หลายคนคงเคยได้ยินว่าต้องชาร์ตแบตเตอรี่ครั้งแรกเท่านั้นเท่านี้ชั่วโมงแล้วจึงจะเริ่มใช้งานได้ หรือว่าต้องหมั่นชาร์ตบ่อยๆ หรือไม่ก็ใช้ให้ไฟหมดก่อนแล้วค่อยชาร์ต ซึ่งข้อความทั้งหมดนี้ก็มีข้อจริงและเท็จปนๆกัน อันที่จริงแล้วสำหรับแบตเตอรี่แบบ lithium (ย้ำว่าแบบ lithium เท่านั้น) จะชาร์ตอย่างไรก็ได้ไม่มีผลต่ออายุการใช้งานครับ

ข้อมูลตรงนี้เป็นที่ยืนยันจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ(ทั้งที่อ้างอิงไว้ข้างล่าง และที่อื่นๆ) มีใจความตรงกันว่าการชาร์ตมาชาร์ตน้อย ชาร์ตนาน ชาร์ตถี่ ชาร์ตบ่อย มีผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่น้อยมากส่วนข้อความข้างต้นที่ยกมานั้นเป็นคำแนะนำสำหรับแบตเตอรี่ชนิดอื่นๆที่ไม่ใช่ lithium ครับ


การที่แบตเตอรี่แบบ lithium จะเสื่อมจากการใช้งานนั้นมีอยู่ด้วยกัน 4 เงื่อนไข คือ

1. เมื่อใช้งานจนถึงจำนวน Cycle ที่แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมเองตามปกติ
2. เมื่อถึงเวลาที่แบตเตอรี่จะเสื่อมมันก็จะเรี่มเสื่อมเอง โดยเวลาที่ว่าเป็นเวลาที่นับตั้งแต่การผลิต ไม่ใช่เวลาในการใช้งาน
3. การชาร์ตไฟของตัวชาร์ต (ดังที่กล่าวไปแล้วในข้อ 1)
4. อุณหภูมิของแบตเตอรี่ ถ้าแบตเตอรี่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิสูงก็จะส่งผลให้ แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าปกติได้

4. ได้ยินว่าชาร์ตไฟ 40% แบตจะอยู่ได้นานกว่าจรึงรึเปล่า

สำหรับแบตเตอรี่แบบ lithium ถ้าชาร์ตไฟที่ 40% แล้วเก็บเอาไว้โดยไม่ใช้งานเป็นระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป ตัวแบตจะเสื่อมน้อยกว่าการชาร์ตไฟที่ 100% แล้วเก็บไว้นาน 1 ปีขึ้นไป แต่สำหรับแบตเตอรี่ที่ไม่ได้เก็บไว้นานเกิน 1 ปี หรือแบตเตอรี่ที่ใช้งานตามปกติ(ไม่ได้เก็บเข้ากรุ) อัตราการเสื่อมของแบตเตอรี่ไม่ว่าจะมีไฟที่ 40% หรือ 100% นั้นแทบจะไม่ต่างกัน

http://www.techxcite.com/image/content/id1426/parttwo_34.gif

5. แล้วเวลาใช้งาน Notebook เมื่อเสียบปลั๊กแล้วควรจะถอดแบตหรือไม่

คำตอบนี้ตอบได้ทั้งควร และไม่ควรครับ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานจะเลือกแบบไหน

1. เสียบปลั๊กแล้วแต่ไม่ถอดแบตฯ

ข้อดี
- หากระบบไฟฟ้ามีปัญหา ก็จะไม่ส่งผลต่อการทำงาน และงานที่ทำในเครื่อง Notebook เปรียบเหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ UPS อยู่
- ขั้วแบตเตอรี่จะไม่เกิดปัญหา ฝุ่นผงหรือความชื้นไปเกาะ
- มีความสะดวก สบายในการใช้งาน ไม่ต้องถอดๆใส่ๆ

ข้อเสีย
- แบตเตอรี่จะได้รับความร้อนจากตัวเครื่อง ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าปกติเล็กน้อย

2. เสียบปลั๊กแล้วถอดแบตฯ

ข้อดี
- แบตเตอรี่จะปลอดภัยต่อความร้อนที่มาจากตัวเครื่อง notebook แน่นอน

ข้อเสีย
- ขั้วแบตเตอรี่อาจเกิดฝุ่นผงหรือมีความชื้นไปเกาะทำให้เกิดคราบออกไซด์ อาจส่งผลให้เกิดอาการเสียบแบตเตอรี่แล้วไฟไม่เข้าเครื่องได้
- หากระบบไฟมีปัญหา เครื่อง notebook จะดับ ทำให้งานในเครื่องเสียหาย และอาจทำให้อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ในเครื่องเสียหายได้

โดยส่วนตัวผมจะแนะนำให้เสียบแบตฯทิ้งเอาไว้ครับ เพราะข้อดีมีเยอะกว่าข้อเสีย และที่สำคัญคือ ถึงแม้การเสียบแบตฯไว้อาจจะทำให้แบตฯเสื่อมจากความร้อนได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว Notebook ทุกวันนี้ออกแบบมาให้ตรงส่วนที่เป็นแบตเตอรี่เป็นฉนวนความร้อนครับ ดังนั้นความร้อนก็จะส่งไปถึงแบตเตอรี่ได้ไม่มากนัก เรียกง่ายๆว่าถ้าเครื่องมันร้อนมาก คนใช้ Notebook จะร้อนมือก่อนที่แบตจะร้อนเสียอีกด้วยซ้ำครับ

สรุปสุดท้ายด้วยคำแนะนำสั้นๆ สำหรับแบตเตอรี่ lithium ดังนี้ครับ

1. พยายามหลีกเลี่ยงการใช้แบตเตอรี่จนหมดแล้วค่อยชาร์ตครับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด discharge rate ในอัตราที่สูง (ใช้ไฟเยอะในเวลาอันสั้น) ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว เช่น กรณีที่ต้องการใช้งานเครื่องหนักๆ(กินแบตฯเยอะๆ) ก็ควรใช้แค่ช่วงเวลาไม่นาน และไม่ควรใช้จนแบตหมดครับ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆให้หาโอกาสชาร์ตไฟเป็นระยะๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิด discharge rate ในอัตราที่สูงได้

และที่สำคัญที่สุดคือการชาร์ตบ่อยๆ จะช่วยป้องกันการลืมชาร์ตไฟ ซึ่งถ้าหากปล่อยให้แบต lithium ไฟหมดเป็นเวลานานแบตจะเสีย ไม่สามารถชาร์ตไฟได้อีก

2. ระลึกไว้เสมอว่าแบตฯแบบ lithium ความร้อนมีผลต่อการเสื่อมมากกว่ารูปแบบการชาร์ตไฟครับ ดังนั้นพยายามดูแลอย่าให้แบตฯร้อน จะได้ผลดีกว่ามัวกังวลเรื่องชาร์ตบ่อย ชาร์ตมาก ชาร์ตน้อย

3. เก็บแบตเตอรี่ไว้ในที่เย็นๆ ถ้าจำเป็นจะต้องเก็บ Notebook ไว้ในรถที่จอดตากแดด ก็ควรถอดแบตเตอรี่แยกติดตัวออกมาด้วยครับ จะช่วยให้แบตฯเสื่อมช้าลง

4. ถ้าจำเป็นจะต้องเก็บแบตไว้เป็นเวลานาน โดยไม่ได้ใช้งาน ให้ชาร์ตไฟไว้ที่ประมาณ 40% ของความจุ แล้วเก็บไว้ในที่เย็นๆ จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้

5. ไม่ควรซื้อแบตเตอร์แบบ lithium มาเก็บใว้เผื่อใช้งานครับ เพราะแบตแบบ lithium มีอายุการเสื่อมสภาพนับจากวันผลิต(ไม่ใช่วันที่ใช้นะครับ) ดังนั้นถ้าเก็บไว้นานโดยไม่ใช่มันก็จะเสื่อมไปเองได้ครับ และเช่นเดียวกันกับการเลือกซื้อแบตแบบ lithium ไม่ควรซื้อแบตฯแบบเก่าเก็บครับ เพราะซื้อมาแล้วใช้ได้ไม่นานแบตฯมันจะเสื่อมตามอายุของมันเองครับ

แหล่งข้อมูล www.techxcite.com

:lala:lala:lala:lala

-[W]annapira-
12th May 2012, 02:19
ผมเว้น เป็นอาทิตย์ :yes

chikuva
12th May 2012, 02:42
ตามหัวข้อเลยครับ ถ้าทำแบบนั้นแบตจะเสื่อมไหมครับ
-บ้างคนบอกว่าควรถอดแบตออกแล้วเสียบไฟบ้านครับ
-บ้างคนบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ถ้าไฟดับมันจะเปลี่ยนมาใช้แบตแทน

ตอนนี้โน๊ตบุคส่วนใหญ่เปลี่ยนเทคโนโลยีที่ใช้กันหมดแล้ว
เมื่อก่อนเวลาที่ชาร์ตแบทอยู่แล้วเปิดเครื่องไปด้วยไฟจะไม่สามารถวิ่งเข้าตัวเครื่องได้โดยตรงนั้นก็คือไฟจะวิ่งผ่านแบตแล้วค่อยวิ่งไปยังเครื่องดังนั้นจึงเหมือนกับแบตทำงานหรือคลายประจุอยู่ตลอดเวลาทำให้แบตเสื่อมเร็วกว่ากำหนด

ปัจจุบันหากมีการเสียบสายชาร์ตขณะเปิดเครื่องตัวเครื่องสามารถแยกจ่ายไฟไปชาร์ตแบทแล้วเปิดเครื่องได้โดยที่ไม่ต้องผ่านแบต หากแบตเต็มก็จะตัดไฟที่ชาร์ตไปยังแบตแล้วต่อเข้าตรงโดยไม่ผ่านแบตโดยอัตโนมัติ จะสังเกตุได้จากไฟสถาณะตอนชาร์ตแบตหากแบตเต็มไฟแสดงสถานะจะดับไป

ดังนั้นสำหรับโน็ตบุคในปัจจุบันการเสียบไฟชาร์ตแบทไปด้วยเล่นไปด้วยจึงไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้แบตเสื่อมครับ