sattawat1979
23rd May 2012, 08:55
เนื่องจากกระทู้นี้ผมเห็นว่ามีประโยชน์ >>> http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=96229
เพิ่มเติมให้ครับ จากประสบการณ์ตรงของผมนะ
คำถามที่ถามบ่อยๆในห้องสัมภาษณ์ ขอเรียงตามลำดับเลยละกัน ทุกบริษัทถามแบบนี้เหมือนกันหมด
1. ช่วยแนะนำตัวของคุณให้ฟังหน่อยครับ??
เป็นคำถามพื้นฐานแป็นคำถามแรกที่ทุกที่ต้องถามคุณแบบนี้ และเป็นคำถามที่ตอบง่ายที่สุด
ถ้าเป็นบริษัทคนไทย ให้คุณพูดตามสบาย แต่ถ้าเป็นบริษัทต่างชาติให้คุณเตรียมฝึกแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะ
การแนะนำตัวที่ถูกต้องควรบอกชื่อ อายุ เรียนจบที่ไหน ประสบการณ์ทำงานที่ไหนบ้าง คร่าวๆก็พอ ให้กระชับที่สุด แต่ฟังรู้เรื่อง
2. คุณอยู่ตำแหน่งงานอะไรในที่เก่า?? และหน้าที่คุณทำอะไรบ้าง??
ให้คุณเตรียมบอกหน้าที่ของคุณ ซึ่งคำถามนี้เป็นคำถามที่สำคัญที่สุด เพราะผู้สัมภาษณ์สามารถพิจารณาได้เลยว่าคุณเหมาะกับงานที่จะทำหรือไม่
ถ้าคุณมีประสบการณ์ตรงกับงานที่สมัคร หลังจากจบคำถามนี่ คุณก็ได้งานไป 70-80% แล้วล่ะ แต่ถ้าประสบการณ์ไม่ตรง คุณต้องหาจุดขายอย่างอื่นในตัวคุณ
ที่สามารถจะอธิบายได้ว่าคุณเหมาะกับที่นี่อย่างไร
3. ทำไมถึงออกจากที่เก่าล่ะ??
เป็นคำถามที่อาจทำให้หลายคนลำบากใจที่จะตอบ โดยเฉพาะคนที่ประวัติการทำงานไม่สู้ดีนักอย่างผม
ไอ้การตอบว่า ต้องการหาประสบการณ์ใหม่ อะไรทำนองนี้ มันเกร่อไปแล้ว ผู้สัมภาษณ์เค้าเจอมาจนเบื่อแล้ว
ให้คุณตอบอะไรก็ได้ที่เป็นเหตุจำเป็นจริงๆที่คุณต้องออก ย้ำว่าต้องจำเป็นจริงๆนะ สำหรับคนที่หาเหตุผลไม่ได้ ก็ให้อ้างเรื่องนู้นเรื่องนี้
ที่ฟังดูแล้วมันโอเค อย่างเช่น ต้องย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ หรือ ต้องการเงินเดือนที่มากขึ้น หรือ ต้องการตำแหน่งงานที่สูงขึ้น
แต่อย่าตอบในแง่ลบกับบริษัทเดิม อย่างเช่น เงินเดือนน้อยเกิน เจ้านายงี่เง่า อะไรแบบนี้อย่าได้พูดเชียว
4. ทำไมถึงเลือกทำงานที่นี่??
คำถามนี้ตอบง่ายกว่าคำถามบน ให้ตอบแบบมีเหตุผลสนับสนุนกับข้อข้างบน
ถ้าเป็นบริษัทใหญ่หน่อยก็อาจบอกว่า อยากได้บริษัทที่มีความมั่นคง มีชื่อเสียง
ถ้าเป็นบริษัทที่มีลักษณะงานคล้ายๆกับที่เดิม ก็ให้ตอบว่า ผมคิดว่าประสบการณ์ของผมสามารถจะทำงานให้ที่นี่ได้ เป็นต้น
5. ไหนคุณลองยกตัวอย่าง ผลงานคุณในบริษัทเก่ามาซิ ที่คุณคิดว่าคุณประสบความสำเร็จที่สุด
คำถามนี้ผู้สัมภาษณ์ต้องการให้คุณแสดงจุดขายของคุณออกมาเต็มที่ มาถึงตอนนี้ คุณมีอะไรดี ให้คุณโชว์มาให้หมด
แต่สิ่งนั้นตองเกี่ยวข้องกับงานที่จะทำด้วยนะ ผลงานอะไรเล็กๆน้อยๆ ก็อย่าเก็บไว้ อธิบายมาให้มากที่สุด
ถ้าคุณมีผลงานเยอะ ผู้สัมภาษณ์จะมองว่าคุณมีความสามารถ คุณจะได้คะแนนเพิ่มมาทันที
6. ถ้างานเกิดมาปัญหาบางอย่าง เช่น ......อะไรก็ว่าไป คุณมีหลักในการแก้ปัญหาอย่างไร??
คำถามนี้ผู้สัมภาษณ์ต้องการรู้ ''กึ๋น'' ของคุณ บางครั้งผู้สัมภาษณ์อาจยกตัวอย่างสถานการณ์ให้คุณแก้ปัญหา
หลายคนมาตกม้าตายที่คำถามนี้ เพราะไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า
คุณควรตอบยกทฤษฎีหรือหลักการบางอย่าง
อย่างเช่นในงานวิศวกรรม ก็มี tool มากมายในการแก้ปัญหาเช่น FMEA , Control Plan , 5 Whys , DOE , Six Sigma เป็นต้น
ถ้าคุณยกหลักการดังกล่าวมา ผู้สัมภาษณ์จะมองว่าคุณทำงานเป็นระบบ ไม่สะเปะสะปะ มีหลักเกณฑ์ แบบนี้มันดูดีไงครับ อย่างนี้ก็ได้คะแนนเพิ่มมาอีก
7.คุณมีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร??
เป็นคำถามที่บริษัทดังๆมักยิงคำถามนี้เพื่อดูถึงบุคลิกของคุณ ดูเหมือนตอบง่ายนะ แต่ไม่ง่ายครับ ให้คุณเตรียมคำตอบไว้เลย
บางคนเจอคำถามนี้แล้วอึ้งนั่งคิดอยู่นาน มันดูไม่ดีครับ ก็ขนาดข้อดี-ข้อเสียของตัวเองยังไม่รู้เลย มันจะถูกตัดคะแนนได้ครับ
ข้อดีที่ควรตอบประมาณว่า
1. ผมเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีครับ
2. ผมเป็นคนพูดตรงไปตรงมาครับ
3. ผมเป็นคนที่ขยันครับ
4. ผมเป็นคนที่ตรงต่อเวลาครับ
อะไรประมาณนี้
ส่วนข้อเสีย ให้ตอบประมาณว่า
1. ผมเป็นคนใจร้อนครับ อยากให้งานเสร็จเร็วๆ
2. ผมเป็นคนค่อนข้างย้ำคิด ย้ำทำครับ บางครั้งทำให้งานเสร็จช้าไปบ้าง
ตอบประมาณว่าให้มันเป็นข้อเสียที่ฟังแล้วไม่เป็นอุปสรรคกับการทำงานน่ะครับ อย่างนี้ก็โอเค
8. จุดมุ่งหมายในการทำงานของคุณคืออะไร??
คำถามนี้ตอบง่ายครับ ส่วนใหญ่ก็ควรตอบว่า ต้องการทำงานในสายงานที่ตัวเองถนัด ต้องการอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของสายงานตัวเอง
อะไรประมาณนี้ ผู้สัมภาษณ์จะมองว่าเราเป็นคนรักความก้าวหน้า ก็จะได้คะแนนตรงนี้เพิ่มนะครับ
9. ต้องการเงินเดือนเท่าไหร่??
สำหรับผมถือว่าเป็นคำถามที่ตอบยากและอึดอัดที่สุด อะไรที่มันเกี่ยวกับเงินๆทองๆมันพูดยากครับ
แต่เป็นผมจะเรียกเงินเดือนเยอะๆไว้ก่อน เพราะยังไงฝ่ายบุคคลก็จะขอต่อลดลงมาประมาณ 20% อยู่แล้ว
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนเก่าเราด้วยว่ามันเท่าไหร่ จะขอขึ้นมันก็ต้องสมเหตุสมผลหน่อย
และควรจะชี้แจงว่าฐานเงินเดือนที่เก่า + สวัสดิการอื่นๆ เท่าไหร่ใส่มาให้หมด มันจะทำให้รายได้คุณดูเยอะไงครับ มันเอาไว้คุยต่อรองได้
อย่างกรณีผมที่ บ. Sony ผมฐานเงินเดือนออกมา 24000 บาท แต่ผมอ้างว่ามีค่าน้ำมันรายเดือนอีกประมาณ 5000 บาท ค่าโอทีอีก ค่าภาษาอีก
รวมๆแล้วเหยียบ 30000 ต้นเห็นจะได้ ถ้าเราอ้างแบบนี้ เราก็อาจได้ฐานเงินเดือนในที่ใหม่ขยับไปมากกว่าเดิมหลาย% ก็ได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของบริษัทด้วยว่าเค้าจะให้เราได้มากแค่ไหน อันนี้ต้องศึกษาหาข้อมูลกันล่วงหน้า
10. เริ่มงานได้เมื่อไหร่??
ถ้ามีคนยิงคำถามนี้ใส่คุณ ให้คุณสบายใจได้เลยว่าคุณได้งานเกือบ 100% แล้ว อันนี้ก็แล้วแต่คุณเลยว่าจะเริ่มงานเมื่อไหร่
แต่ถ้าให้แบบสบายๆก็ประมาณ 2-3 สัปดาห์ครับ บอกเหตุผลกับเค้าไปว่าขอเวลาเตรียมตัวซักหน่อย
เราอาจเอาเวลาช่วงนี้ไปพักผ่อน เพื่อชาร์ทไฟให้ตัวเองกับงานใหม่ก็ได้ ซึ่งตอนนี้ผมก็อยู่ :o
11. มีคำถามอะไรอีกมั๊ย??
คุณควรมีคำถามให้เค้าครับ เป็นคำถามอะไรก็ได้ แต่ควรให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานเช่น
บริษัทนี้ตั้งมานานแค่ไหนแล้วครับ?? ผังองค์กรเป็นอย่างไรครับ?? ตำแหน่งนี้รับกี่คนครับ?? อะไรประมาณนี้ อะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับงาน
มันจะทำให้คนสัมภาษณ์มากเราว่ามีความอยากทำงานที่นี่จริงๆนึป่าวน่ะครับ
พิมพ์เหนื่อยเลยครับ = =' จริงๆคำถามจะมีมากกว่านี้แต่ผมขี้เกียจพิมพ์แล้ว
นอกจากคุณต้องเตรียมตัวสัมภาษณ์ให้ดีแล้ว สิ่งหนึ่งที่คุณควรเตรียมมามห้ดีกว่าการสัมภาษณ์คือ Resume ครับ
การเขียน Resume ที่ดี จะทำให้ผู้สัมภาษณ์เข้าใจในตัวคุณมากขึ้น การยิงคำถามอาจจะสั้นลง
การเขียน Resume ที่ดีควรทำอย่างไร?? อันนี้ไปศึกษาเอาเองครับ เพราะตัวผมเองก็เขียนอยู่นานพอดู
เอาล่ะครับ ก็คร่าวๆประมาณนี้ ผมอธิบายจากประสบการณ์ตรงนะครับ จาการสัมภาษณ์งานมาเป็นสิบๆที่ ส่วนใหญ่จะได้ประมาณ 90% เลยครับ
จงจำไว้ว่า ''การสัมภาษณ์งานก็คือการขายตัวครับ ขายตัวคุณเอง ขายความสามารถของคุณเอง มันเป็นตัวบอกว่าคุณมีความสามารถในการถ่ายทอดออกมาให้ผู้ฟังได้ดีแค่ไหน??''
แต่หลังการได้งานทำไปแล้ว จะทำนานหรือไม่นั่นก็อีกเรื่องนะครับ 5555555
ปล. เครคิต ตัวผมเอง ^ ^''
เพิ่มเติมให้ครับ จากประสบการณ์ตรงของผมนะ
คำถามที่ถามบ่อยๆในห้องสัมภาษณ์ ขอเรียงตามลำดับเลยละกัน ทุกบริษัทถามแบบนี้เหมือนกันหมด
1. ช่วยแนะนำตัวของคุณให้ฟังหน่อยครับ??
เป็นคำถามพื้นฐานแป็นคำถามแรกที่ทุกที่ต้องถามคุณแบบนี้ และเป็นคำถามที่ตอบง่ายที่สุด
ถ้าเป็นบริษัทคนไทย ให้คุณพูดตามสบาย แต่ถ้าเป็นบริษัทต่างชาติให้คุณเตรียมฝึกแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะ
การแนะนำตัวที่ถูกต้องควรบอกชื่อ อายุ เรียนจบที่ไหน ประสบการณ์ทำงานที่ไหนบ้าง คร่าวๆก็พอ ให้กระชับที่สุด แต่ฟังรู้เรื่อง
2. คุณอยู่ตำแหน่งงานอะไรในที่เก่า?? และหน้าที่คุณทำอะไรบ้าง??
ให้คุณเตรียมบอกหน้าที่ของคุณ ซึ่งคำถามนี้เป็นคำถามที่สำคัญที่สุด เพราะผู้สัมภาษณ์สามารถพิจารณาได้เลยว่าคุณเหมาะกับงานที่จะทำหรือไม่
ถ้าคุณมีประสบการณ์ตรงกับงานที่สมัคร หลังจากจบคำถามนี่ คุณก็ได้งานไป 70-80% แล้วล่ะ แต่ถ้าประสบการณ์ไม่ตรง คุณต้องหาจุดขายอย่างอื่นในตัวคุณ
ที่สามารถจะอธิบายได้ว่าคุณเหมาะกับที่นี่อย่างไร
3. ทำไมถึงออกจากที่เก่าล่ะ??
เป็นคำถามที่อาจทำให้หลายคนลำบากใจที่จะตอบ โดยเฉพาะคนที่ประวัติการทำงานไม่สู้ดีนักอย่างผม
ไอ้การตอบว่า ต้องการหาประสบการณ์ใหม่ อะไรทำนองนี้ มันเกร่อไปแล้ว ผู้สัมภาษณ์เค้าเจอมาจนเบื่อแล้ว
ให้คุณตอบอะไรก็ได้ที่เป็นเหตุจำเป็นจริงๆที่คุณต้องออก ย้ำว่าต้องจำเป็นจริงๆนะ สำหรับคนที่หาเหตุผลไม่ได้ ก็ให้อ้างเรื่องนู้นเรื่องนี้
ที่ฟังดูแล้วมันโอเค อย่างเช่น ต้องย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ หรือ ต้องการเงินเดือนที่มากขึ้น หรือ ต้องการตำแหน่งงานที่สูงขึ้น
แต่อย่าตอบในแง่ลบกับบริษัทเดิม อย่างเช่น เงินเดือนน้อยเกิน เจ้านายงี่เง่า อะไรแบบนี้อย่าได้พูดเชียว
4. ทำไมถึงเลือกทำงานที่นี่??
คำถามนี้ตอบง่ายกว่าคำถามบน ให้ตอบแบบมีเหตุผลสนับสนุนกับข้อข้างบน
ถ้าเป็นบริษัทใหญ่หน่อยก็อาจบอกว่า อยากได้บริษัทที่มีความมั่นคง มีชื่อเสียง
ถ้าเป็นบริษัทที่มีลักษณะงานคล้ายๆกับที่เดิม ก็ให้ตอบว่า ผมคิดว่าประสบการณ์ของผมสามารถจะทำงานให้ที่นี่ได้ เป็นต้น
5. ไหนคุณลองยกตัวอย่าง ผลงานคุณในบริษัทเก่ามาซิ ที่คุณคิดว่าคุณประสบความสำเร็จที่สุด
คำถามนี้ผู้สัมภาษณ์ต้องการให้คุณแสดงจุดขายของคุณออกมาเต็มที่ มาถึงตอนนี้ คุณมีอะไรดี ให้คุณโชว์มาให้หมด
แต่สิ่งนั้นตองเกี่ยวข้องกับงานที่จะทำด้วยนะ ผลงานอะไรเล็กๆน้อยๆ ก็อย่าเก็บไว้ อธิบายมาให้มากที่สุด
ถ้าคุณมีผลงานเยอะ ผู้สัมภาษณ์จะมองว่าคุณมีความสามารถ คุณจะได้คะแนนเพิ่มมาทันที
6. ถ้างานเกิดมาปัญหาบางอย่าง เช่น ......อะไรก็ว่าไป คุณมีหลักในการแก้ปัญหาอย่างไร??
คำถามนี้ผู้สัมภาษณ์ต้องการรู้ ''กึ๋น'' ของคุณ บางครั้งผู้สัมภาษณ์อาจยกตัวอย่างสถานการณ์ให้คุณแก้ปัญหา
หลายคนมาตกม้าตายที่คำถามนี้ เพราะไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า
คุณควรตอบยกทฤษฎีหรือหลักการบางอย่าง
อย่างเช่นในงานวิศวกรรม ก็มี tool มากมายในการแก้ปัญหาเช่น FMEA , Control Plan , 5 Whys , DOE , Six Sigma เป็นต้น
ถ้าคุณยกหลักการดังกล่าวมา ผู้สัมภาษณ์จะมองว่าคุณทำงานเป็นระบบ ไม่สะเปะสะปะ มีหลักเกณฑ์ แบบนี้มันดูดีไงครับ อย่างนี้ก็ได้คะแนนเพิ่มมาอีก
7.คุณมีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร??
เป็นคำถามที่บริษัทดังๆมักยิงคำถามนี้เพื่อดูถึงบุคลิกของคุณ ดูเหมือนตอบง่ายนะ แต่ไม่ง่ายครับ ให้คุณเตรียมคำตอบไว้เลย
บางคนเจอคำถามนี้แล้วอึ้งนั่งคิดอยู่นาน มันดูไม่ดีครับ ก็ขนาดข้อดี-ข้อเสียของตัวเองยังไม่รู้เลย มันจะถูกตัดคะแนนได้ครับ
ข้อดีที่ควรตอบประมาณว่า
1. ผมเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีครับ
2. ผมเป็นคนพูดตรงไปตรงมาครับ
3. ผมเป็นคนที่ขยันครับ
4. ผมเป็นคนที่ตรงต่อเวลาครับ
อะไรประมาณนี้
ส่วนข้อเสีย ให้ตอบประมาณว่า
1. ผมเป็นคนใจร้อนครับ อยากให้งานเสร็จเร็วๆ
2. ผมเป็นคนค่อนข้างย้ำคิด ย้ำทำครับ บางครั้งทำให้งานเสร็จช้าไปบ้าง
ตอบประมาณว่าให้มันเป็นข้อเสียที่ฟังแล้วไม่เป็นอุปสรรคกับการทำงานน่ะครับ อย่างนี้ก็โอเค
8. จุดมุ่งหมายในการทำงานของคุณคืออะไร??
คำถามนี้ตอบง่ายครับ ส่วนใหญ่ก็ควรตอบว่า ต้องการทำงานในสายงานที่ตัวเองถนัด ต้องการอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของสายงานตัวเอง
อะไรประมาณนี้ ผู้สัมภาษณ์จะมองว่าเราเป็นคนรักความก้าวหน้า ก็จะได้คะแนนตรงนี้เพิ่มนะครับ
9. ต้องการเงินเดือนเท่าไหร่??
สำหรับผมถือว่าเป็นคำถามที่ตอบยากและอึดอัดที่สุด อะไรที่มันเกี่ยวกับเงินๆทองๆมันพูดยากครับ
แต่เป็นผมจะเรียกเงินเดือนเยอะๆไว้ก่อน เพราะยังไงฝ่ายบุคคลก็จะขอต่อลดลงมาประมาณ 20% อยู่แล้ว
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนเก่าเราด้วยว่ามันเท่าไหร่ จะขอขึ้นมันก็ต้องสมเหตุสมผลหน่อย
และควรจะชี้แจงว่าฐานเงินเดือนที่เก่า + สวัสดิการอื่นๆ เท่าไหร่ใส่มาให้หมด มันจะทำให้รายได้คุณดูเยอะไงครับ มันเอาไว้คุยต่อรองได้
อย่างกรณีผมที่ บ. Sony ผมฐานเงินเดือนออกมา 24000 บาท แต่ผมอ้างว่ามีค่าน้ำมันรายเดือนอีกประมาณ 5000 บาท ค่าโอทีอีก ค่าภาษาอีก
รวมๆแล้วเหยียบ 30000 ต้นเห็นจะได้ ถ้าเราอ้างแบบนี้ เราก็อาจได้ฐานเงินเดือนในที่ใหม่ขยับไปมากกว่าเดิมหลาย% ก็ได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของบริษัทด้วยว่าเค้าจะให้เราได้มากแค่ไหน อันนี้ต้องศึกษาหาข้อมูลกันล่วงหน้า
10. เริ่มงานได้เมื่อไหร่??
ถ้ามีคนยิงคำถามนี้ใส่คุณ ให้คุณสบายใจได้เลยว่าคุณได้งานเกือบ 100% แล้ว อันนี้ก็แล้วแต่คุณเลยว่าจะเริ่มงานเมื่อไหร่
แต่ถ้าให้แบบสบายๆก็ประมาณ 2-3 สัปดาห์ครับ บอกเหตุผลกับเค้าไปว่าขอเวลาเตรียมตัวซักหน่อย
เราอาจเอาเวลาช่วงนี้ไปพักผ่อน เพื่อชาร์ทไฟให้ตัวเองกับงานใหม่ก็ได้ ซึ่งตอนนี้ผมก็อยู่ :o
11. มีคำถามอะไรอีกมั๊ย??
คุณควรมีคำถามให้เค้าครับ เป็นคำถามอะไรก็ได้ แต่ควรให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานเช่น
บริษัทนี้ตั้งมานานแค่ไหนแล้วครับ?? ผังองค์กรเป็นอย่างไรครับ?? ตำแหน่งนี้รับกี่คนครับ?? อะไรประมาณนี้ อะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับงาน
มันจะทำให้คนสัมภาษณ์มากเราว่ามีความอยากทำงานที่นี่จริงๆนึป่าวน่ะครับ
พิมพ์เหนื่อยเลยครับ = =' จริงๆคำถามจะมีมากกว่านี้แต่ผมขี้เกียจพิมพ์แล้ว
นอกจากคุณต้องเตรียมตัวสัมภาษณ์ให้ดีแล้ว สิ่งหนึ่งที่คุณควรเตรียมมามห้ดีกว่าการสัมภาษณ์คือ Resume ครับ
การเขียน Resume ที่ดี จะทำให้ผู้สัมภาษณ์เข้าใจในตัวคุณมากขึ้น การยิงคำถามอาจจะสั้นลง
การเขียน Resume ที่ดีควรทำอย่างไร?? อันนี้ไปศึกษาเอาเองครับ เพราะตัวผมเองก็เขียนอยู่นานพอดู
เอาล่ะครับ ก็คร่าวๆประมาณนี้ ผมอธิบายจากประสบการณ์ตรงนะครับ จาการสัมภาษณ์งานมาเป็นสิบๆที่ ส่วนใหญ่จะได้ประมาณ 90% เลยครับ
จงจำไว้ว่า ''การสัมภาษณ์งานก็คือการขายตัวครับ ขายตัวคุณเอง ขายความสามารถของคุณเอง มันเป็นตัวบอกว่าคุณมีความสามารถในการถ่ายทอดออกมาให้ผู้ฟังได้ดีแค่ไหน??''
แต่หลังการได้งานทำไปแล้ว จะทำนานหรือไม่นั่นก็อีกเรื่องนะครับ 5555555
ปล. เครคิต ตัวผมเอง ^ ^''