PDA

ดูเวอร์ชั่นเต็ม : [อีกโลกหนึ่ง] ใครที่มีฝีมือในการวาดภาพก็อยากให้ช่วยออกแบบตัวละครให้หน่อยครับ



Vocaloid_BRS
28th May 2012, 21:26
ออกแบบตัวละครให้หน่อยครับ

อย่างที่ว่าเลยครับ คือผมไม่มีความสามารถในการวาดภาพเลย
ใครที่มีความสามารถในการวาดภาพช่วยออกแบบตัวละครหน่อยนะครับ
ผมอยากจะเห็นตัวละครที่แต่งขึ้นมามีตัวตนบ้าง
ไม่ต้องลงสีก็ได้

แนวไหน?

ธรรมดา นักเรียน ไม่ใช่ปีศาจบ้ากล้ามจากโลกอื่นครับ


ซาซายากะ เท็นมะ (Sasayaka Tenma)

kanji – 細屋化 天満
hiragana – ささやか てんま
คำที่ได้ใช้เรียกตัวเอง - ore
เพศ - ชาย
ส่วนสูง - 176
น้ำหนัก - 51
สีผม - เทา
นัยน์ตา - แดง


ซาซายากะ คุโรวมิ (Sasayaka Kuroumi)

kanji – 細屋化 黒海
hiragana – ささやか くろうみ
คำที่ใช้เรียกตัวเอง – boku
เพศ - หญิง
ส่วนสูง - 146
น้ำหนัก - 42
สีผม - เทา
นัยน์ตา - แดง


เซ็นโซวเรียวฮาคุ ทามากิ (Sensouryohaku Tamaki)

kanji – 千艘捛迫 玉樹
hiragana – せんそうりょはく たまき
คำที่ใช้เรียกตัวเอง - watashi
เพศ - หญิง
ส่วนสูง - 158
น้ำหนัก - 41
สีผม - ดำ
นัยน์ตา - น้ำเงิน
ทรงผม - ผมยาวไม่ได้มัด


เซ็นโซวเรียวฮาคุ ซาซามิ (Sensouryohaku Sasami)

kanji – 千艘捛迫 佐々美
hiragana – せんそうりょはく ささみ
คำที่ใช้เรียกตัวเอง – watashi
เพศ - หญิง
ส่วนสูง - 170
น้ำหนัก - 48
สีผม - ดำ
นัยน์ตา - น้ำเงิน
ทรงผม - ทวินเทล


ชิโนโนเมะ ริเสะ (Shinonome Rise)

kanji – 東雲 俚瀬
hiragana – しののめ りせ
คำที่ใช้เรียกแทนตัวเอง – watashi-sama
เพศ - หญิง
ส่วนสูง - 166
น้ำหนัก - 45
สีผม - น้ำเงิน
นัยน์ตา - เขียว
ทรงผม - มัดทวินเล็กๆ ปล่อยผมยาว


ฮัตซึยูกิ ชิโนบุ (Hatsuyuki Shinobu)

kanji – 初雪 凌武
hiragana – はつゆき しのぶ
คำที่ใช้เรียกแทนตัวเอง – ore, ore-sama
เพศ - ชาย
ส่วนสูง - 178
น้ำหนัก - 55
สีผม - เหลือง
นัยน์ตา - ฟ้า

เนื้อเรื่องส่วนหนึ่งนะครับ เอาไว้ว่าตัวละครบางตัวมีนิสัยอย่างไร

Chapter 1 – ไม่อยากให้ถึงตอนเช้า

“พี่(Onii-chan) วันนี้วันสุดท้ายของวันปิดเทอมหน้าร้อนแล้วนะ”
“อาๆ ช่างเถอะน่า”
“พี่เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องตั้งแต่ปิดเทอมแล้วนะ”
“ออกไปเถอะน่าทามากิ”
“พี่เท็นมะ!”
ทามากิเดินเข้ามาแล้วกระตุกผ้าห่มออกจนเท็นมะร่วงจากเตียง
“ว๊าก”
‘โครม!!’
เท็นมะจับหัวตัวเองแล้วลุกขึ้น
“ทำบ้าอะไรของเธอ?!”
“พรุ่งนี้จะต้องไปเรียนแล้วนะคะ”
“ฉันเกลียดการเรียนที่สุด”
“นั่นไม่ใช่ปัญหานะคะ หนูเข้าเรียนที่เดียวกับพี่เป็นวันแรกด้วย...”
“ไม่อยากให้ถึงพรุ่งนี้เลย”
เท็นมะเกาหัวตัวเองพร้อมหาวตามด้วยเดินออกไปนอกห้องปล่อยทามากิยืนถือสมุดบางอย่างในมือ
“พี่...บ้า...”
ถึงเวลาอาหารเย็น เท็นมะก็ทำอาหารตามปกติ ส่วนทามากินั่งกอดตุ๊กตาอ่านหนังสืออยู่
“ข้าวเย็นเสร็จแล้ว”
ทามากิยังอ่านหนังสือต่อไป
“ทามากิ”
ไม่มีเสียงตอบกลับ
“ทามากิ!?”
“เข้าใจแล้วน่า! โธ่!”
ทามากิพับหนังสือแล้วไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
ทั้งคู่นั่งทานอาหารพร้อมดูโทรทัศน์ไปด้วย ทามากิก็ทานไปเรื่อยๆในขณะที่เท็นมะได้แต่เอาซ่อมจิ้มไปมาไปมาโดยไม่ยอมเอาอะไรเข้าปาก ทามากิทำท่าอยากจะพูดอะไรบ้างแต่ก็อ้ำอึ้งจนตัวเองกินไม่ลงเหมือนกัน
“พะ-...พี่คะ...”
“ชุดนักเรียนของเธอฉันรีดไว้ให้แล้ว แขวนไว้ในห้องแต่งตัวนะ”
“ขะ-...ขอบคุณค่ะ...”
ทามากิถอนหายใจแล้วทำเป็นดื่มน้ำ เธอไม่ได้อยากได้ยินเรื่องแบบนี้สักหน่อย หลังจากนั้นไม่นานหลังอาหารเย็นเท็นมะก็ล้างจานอยู่ในขณะที่ทามากินอนกอดตุ๊กตาตัวเดิมอยู่บนโซฟา
“พี่คะ...ที่โรงเรียนน่ะ-”
“นี่ ทามากิ”
“...”
“เธออยู่ห้อง 3 สินะ ยังไงก็เข้ากับคนอื่นให้ได้ล่ะ-”
‘ปึ้ง!’
ทามากิลุกขึ้นและเอามือทุบโต๊ะที่อยู่ข้างหน้า เท็นมะชะงักแต่ก็ไม่ได้ตีสีหน้าใดๆ
“กำลังหนีอะไรอยู่เหรอคะพี่”
“...”
“ทำไมพี่ต้องเป็นแบบนี้ตลอดด้วย! หนูพึ่งพาไม่ได้เลยเหรอคะ! พี่บ้า พี่บ้า!!”
‘ตึกๆๆๆๆๆๆ’
ทามากิลากตุ๊กตาติดมือแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นสอง
‘ซาซายากะ เท็นมะ นักเรียนปี 3 โรงเรียนโอวกะเคียวคุ แม้จะอยู่มาถึง 3 ปีแล้วก็ตาม แต่ความสัมพันธ์กับคนอื่นในห้อง... ไม่สิ ความสัมพันธ์ภายในโรงเรียนมันไม่ได้มีขึ้นมากตามเลย โดยเฉพาะเมื่อเรื่องก่อนปิดเทอมหน้าร้อนตอนปีหนึ่ง พวกปีสองห้องสองดักซุ่มทำร้ายผมโดยเอาไม้ท่อนใหญ่ฟาดที่หัวจนหัวของผมแตกแล้วก็มารุมกระทืบ... แหงล่ะ เจอแบบนี้เข้าไปใครจะทนไหว แต่นิสัยไม่สู้ใครของตัวเองทำให้ไม่กล้าที่จะทำร้ายคนอื่นคืน จนตัวเองเหมือนไองั่งที่ดูไม่จืด ตัวผมหลังจากนั้นดูเหมือนของเล่นขยับได้ ทั้งโดนทำร้ายร่างกายและโดนแกล้งสารพัด ผมไปทำอะไรให้กันนะ’
***
“เหอ?!! อะไรวะไอ้หนู?!! คิดว่าผมสีเทาแล้วเจ๋งนักหรือไง-!”
‘พลัก!!!’
เท็นมะโดนชักเข้าที่แก้มจนกระเด็นออกไป
“-วะ!!”
***
‘แต่หลังจากนั้น เมื่อผมอยู่ปี 2 วันหนึ่งในเดือนสิงหา ขณะที่ผมกำลังจะกลับบ้านโดยขึ้นรถไฟ นักเรียนคนอื่นก็เข้ามาหาเรื่องผม ผมไม่คิดจะตอบโต้สักนิด ทำไมอย่างนั้นเหรอ ผมก็มีเหตุผล พวกนั้นรังแกผมสารพัด ในใจตอนนี้ผมอยากจะให้รถไฟมาให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ขึ้นรถไฟแล้วกลับบ้านสักที’
***“ไอหมอนี่อ่อนชะมัดเลยว่ะ ไม่เห็นจะตอบโต้อะไรเลย ได้ข่าวว่ามีน้องสาวด้วยนี่ ตอนกลับบ้านคงให้น้องสาวตัวเองโอ๋แหงๆเลย ฮ่าๆๆ”***
‘อารมณ์มันพุ่งขึ้น ตัวเองเริ่มกัดฟันและกำมัดแน่น’
***“โอยะๆ เจ้าหมอนี่โกรธเป็นด้วยว่ะ”***
***“ฮ่าๆๆ แกจะบ้าหรือไงวะ มันก็ทำหน้าเหมือนจะหาเรื่องคนอื่นตลอดเวลานั่นล่ะ”***
‘เขาเข้ามาแล้วเอานิ้วจิ้มหน้าผากของผม’
***“ว่าไงๆ ไม่ลองเอาน้องสาวมาโชว์ตัวที่โรงเรียนหน่อยเล่า”***
“หุบปากของแกซะ!!!”
‘พลัก!!’
‘ผมชกเข้าไปเต็มเบ้าตาของหมอนั่นเต็มๆ มันเซถอยไปและ...’
‘ครืน......’
‘พลั่ก!!!’
‘หมอนั่นร่วงลงไปในรางรถไฟ ยังไม่ทันที่หมอนั่นจะร่วงลงแตะขอบรางด้วยซ้ำ รถไฟชนร่างนั้นจนเละ เลือดส่วนหนึ่งกระเด็นมาเปื้อนตัวของผม’
***“หวะ-เหวอ! ฆาตกรล่ะ!”***
‘นักเรียนเกรียนที่เหลือต่างพากันกลัวผมและวิ่งหนีไป ผมได้แต่ตกตะลึงและค่อยๆแบมือตัวเองออกและมองอย่างช้าๆ คนอื่นๆต่างพากันกรี๊ดและร้องออกมาด้วยความตกใจ... มันเป็นแค่อุบัติเหตุ...’
‘หลังจากนั้นต่อมาหนึ่งอาทิตย์จากคนที่เจือจางในหมู่นักเรียน กลับกลายเป็นคนที่รู้จักไปทั่ว ไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด ไม่ว่าใครเจอหรือเผลอเข้าใกล้ต่างหวาดผวาและหลีกหนีไปกันหมด... ตัวผมในตอนนั้น ในสายตาของคนอื่นคือฆาตกร ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้เป็นคนทำ... มันไม่ใช่ความผิดของผมทั้งหมด ขอแค่สักคนที่เข้าใจเรื่องนี้’
‘หลังปีใหม่ไม่นาน ผมเดินอยู่ในระเบียงทางเดิน รุ่นพี่ดื่มน้ำผลไม้หมดแล้วตั้งใจขวางกระป๋องใส่หัวของผม’
***“เฮอะ ไอ้หัวเทาเอ้ย นึกว่าเท่หรือไง น่าหมั่นไส้ชะมัด”***
‘อย่าทำอะไร นี่คือสิ่งที่ผมคิดในใจ ผมไม่ใส่ใจสักนิด ที่ตัวเองโดนว่า แต่มาว่า ไอ้หัวเทา แบบนี้ เหมือนกับว่าน้องสาว... ครอบครัวที่เหลือเพียงคนเดียวของผม ผมให้อภัยไม่ได้ แต่ก็ต้องทำใจ ผมมองลงไปที่กระป๋องแล้วเตะมันเต็มแรงเพื่อระบายอารมณ์ กระป๋องนั้นกระเด็นไปกระแทกกับกระจกแล้วเปลี่ยนทิศไป’
‘ป๊อง!!’
‘ครึ่กๆๆๆๆๆ’
‘เสียงโวยวายและเสียงกรี๊ดตามมาทันที ผมรีบวิ่งไปดูทันที รุ่นพี่ที่พากระป๋องใส่หัวผมหน้าทิ่มกลิ้งลงบันไดไป อยู่ในสภาพเลือดออกไปที่หัวและคอหัก... นี่มันอะไร ผมคิดได้แค่ว่านี่มันเป็นแค่อุบัติเหตุ แต่คนอื่นจะคิดเหมือนผมไหมนะ...’
‘ฆาตกร... คนอื่นพากันหลีกห่างและหวาดกลัวกันหมด ยิ่งด้วยหน้าตาที่คิ้วขมวดและท่าทางไม่เป็นมิตรของผมทำให้ผมกลายเป็นตัวร้ายโดยแท้ ทำไมไม่มีใครเข้าใจเลยนะ ในวันนั้น เมื่อตกเย็น ผมก็โดนเพื่อนๆของรุ่นพี่ที่ตายไปทำร้าย โดนทั้งไม้และเหล็กกับมือและเท้า แม้ตัวเองจะอยู่ในสภาพปางตาย แต่สิ่งแรกที่ต้องทำคือกลับให้ถึงบ้าน... น้องสาว... ครอบครัวของผมคนเดียวที่ต้องดูแลไว้ให้ได้’
‘รถไฟหมด... สภาพเลือดออกและบาดเจ็บมันทำให้ทรมานเหลือเกิน แต่พอนึกถึงทามากิที่กำลังรออยู่ที่บ้านก็ทำให้ลืมอย่างอื่นไป ผมตัดสินใจเดินกลับบ้าน กว่าจะเห็นบ้านก็ดึกมาแล้ว คงจะ 3-4 ทุ่มได้ มีทามากิยืนมองหาอะไรบางอย่างอยู่หน้าบ้าน เธอหันมาเห็นผมแล้ววิ่งเข้ามาหาทันที’
“พะ-พี่คะ! เป็นอะไรอย่างนั้นเหรอ! ตายแล้ว!! ทำไมสภาพเป็นแบบนี้คะ!!”
“ไม่ต้องห่วง... ฉันตกบันได...”
ทามากิทำท่าโมโหและต่อว่าเท็นมะพร้อมพยุงเข้าบ้าน
“ทำไมพี่ต้องปิดบังด้วย!! รอยโดนของแข็งฟาดแบบนั้นเนี่ยนะคะ!! ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามสิบกว่าแล้วนะ!! ทำไมพี่ไม่เคยบอกอะไรหนูเลย!!”
‘ทำไมกัน... ขอแค่ไม่ต้องเป็นห่วงเท่านั้น ผมไม่อยากให้ทามากิเป็นห่วง แต่ทำไมทามากิต้องเดือดร้อนแทนด้วยนะ’
‘หลังจากนั้น... พอขึ้นปีสาม น้องสาวผมกำลังจะย้ายมาเรียนที่นี่ ผมต้องทำอะไรสักอย่าง ถ้าพี่ชายปกป้องน้องสาวไม่ได้ล่ะก็... ผมคงจะไม่มีหน้าไปพบทามากิได้อีก ผมเริ่มตอบโต้ ในการมีเรื่องแต่ละครั้ง ผมพยายามพัฒนาตัวเองด้วยการโต้กลับ ไม่ว่าจะชกต่อยหรือทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะหยิบทุกสิ่งรอบตัวเช่นเก้าอี้หรือโต๊ะทุ่มใส่ ผมต้องเก่งขึ้น เพื่อปกป้องน้องสาวเพียงคนเดียว...’
‘ฆาตกร... หลังจากนั้น เท่าที่นับได้ ทุกครั้งที่ผมชกต่อยมักจะมีคนตายสักคนสองคน... คนเหล่านั้นตายด้วยน้ำมือของผมไปกี่คนแล้วนะ... นี่เป็นเหตุผลที่ผมไม่อยากจะออกหมัดเพื่อตัวเอง แม้แต่เพื่อใครทั้งนั้น แต่มีเพียงเรื่องนี้ที่ผมยอมไม่ได้เท่านั้น ผมตั้งใจจะปกป้องคนที่ผมรักที่สุดในครอบครัวเท่านั้น... ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้ใครตาย... ทุกอย่าง... มันเป็นเพียง... อุบัติเหตุ อย่างนั้นเหรอ? ทำไมตัวเองเริ่มไม่มั่นใจว่ามันไม่ใช่แค่อุบัติเหตุ’
เท็นมะลืมตื่นขึ้นมา ไฟในบ้านปิดหมด ตัวเองกำลังนอนอยู่บนโซฟา ล่าสุดที่เขาจำได้คือหลังล้างจานก็มานอนพักบนโซฟาแล้วเผลอหลับ ส่วนผ้าที่ทามากิคงเอาลงมาให้ เท็นมะหันไปมองนาฬิกา ตีสองครึ่ง เขาหันไปอีกฝั่ง มีรูปขาดๆของคนสี่คนยืนถ่ายรูปกันอยู่ ในรูปนั้นมีเท็นมะกับทามากิอยู่คู่กัน และคนปริศนายืนอยู่สองคน เขาคือพ่อและแม่ของเท็นมะกับทามากิ แต่ส่วนบนโดนไฟไหม้ไป ไม่มีแม้แต่รูปส่วนลำตัวหรือใบหน้าด้วยซ้ำ
หลังเหตุการณ์เครื่องบินตก เท็นมะยังอายุแค่ 11 ขวบ เขารอดจากเครื่องบินตกมาได้กับทามากิ ส่วนคนอื่นๆก็รอดชีวิตมาได้บ้าง...ยกเว้นพ่อและแม่ของเขา
“พี่คะ พ่อกับแม่ล่ะ”
เท็นมะไม่ตอบอะไรและเข้าไปสวมกอดกับทามากิ
“ทามากิ... จากนี้ไปฉันจะดูแลเธอเอง”
“พ่อและแม่ล่ะ”
เท็นมะกอดทามากิแน่นขึ้นและร้องไห้ออกมา
.........
......
...
..
.
‘แก่ก...’
เท็นมะดึงกรอบภาพที่ติดอยู่ในห้องตัวเองออกแล้วยกล่องกระดาษมาวางไว้บนโต๊ะก่อนที่จะปิดรูปกลับเข้าไปเหมือนเดิม
‘ไม่มีทางเลือก... แต่เราต้องทำแบบนี้’
เขาทำคิ้วขมวดและเปิดกล่องออก ภายในมีปืนสั้น P99 กับแม็กกาซีนอีก 1 อันอยู่ข้างๆเขาหยิบมันขึ้นแล้วแล้วใส่แม็กซาซีนตามด้วยชักปืน ที่เก็บเสียงอยู่ใต้ที่วางเขาหยิบมันขึ้นมาไว้บนเตียงแต่ไม่ได้ใส่ปากกระบอกปืนไว้
‘ไม่ได้คิดจะยิงใครเลยสักนิด แต่ถ้าเวลาที่จะมีเรื่องล่ะก็คงขู่ให้ยอมถอยไปได้ล่ะนะ’
เท็นมะหันขวับไปที่ประตูทันที เขาหยิบปืนแล้วล็อคตัวลั่นไกไว้ก่อนเหน็บเข้าหลังเสื้อไปแล้วยัดกล่องไว้ใต้เตียงตามด้วยหยิบที่เก็บเสียงใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เมื่อทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมเขาก็นั่งบนเตียงเฉยๆในท่าก้มหน้าเอามือมาประสานกัน ผ่านไปไม่นานนักเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น
‘แก่ก...แอ๊ด...’
“...”
ทามากิค่อยๆโผล่หน้าเข้ามาเพื่อแอบมอง เมื่อเธอเห็นว่าเท็นมะอยู่บนห้องและยังไม่นอนก็เปิดเข้ามาแล้วปิดประตู
“พี่คะ”
“มีอะไร”
ทามากิทำหน้าไม่พอใจเท่าไหร่ที่เท็นมะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่นี่คือการพูดแบบปกติและเขาก็ทำแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทามากิเดินมานั่งข้างๆเท็นมะและหงายตัวลงไปบนเตียง จากนั้นเธอก็ไม่พูดอะไรเลย จนเท็นมะหันหน้าไปหาทามากินิดนึง
“ทำไมเธอถึงเลือกที่จะมาเข้าเรียนที่โรงเรียนโอวกะเคียวคุ เธอน่าจะรู้ดีว่าโรงเรียนนั้นมันเป็นยังไง”
“พี่น่ะ... อดทนมาตลอดเลยสินะ”
“...”
“ฉันเชื่อนะ ว่าพี่น่ะไม่ใช่ฆาตกรหรอก แต่ทำไมทุกคนถึงไม่เข้าใจกัน”
“ฉันฆ่าลงไป ฉันฆ่าพวกนั้นด้วยมือของฉันเอง-”
“ทั้งๆที่พี่ไม่ได้ตั้งใจ...สินะ พี่ก็เป็นคนสำคัญของฉันเหมือนกัน แม้พี่จะไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตาก็ตาม แต่พี่ก็เป็นคนๆเดียวในครอบครัว ฉันแค่อยากช่วยเหลืออะไรพี่บ้าง”
“เธอช่วยอะไรฉันไม่ได้”
“ขอแค่แก้ความเข้าใจผิดก็ยังดี! พี่ทนได้หรือไงที่ถูกว่าว่าเป็นฆาตกรหรืออย่างอื่นบ้างล่ะ! ฉันรู้ดีว่าพี่ไม่ใช่คนแบบนั้นแน่!!”
“เหลืออีกหนึ่งชั่วโมงจะตีสี่ ถึงตอนนั้นก็เช้าแล้ว เตรียมตัวออกจากบ้านตีห้า ถ้ายังนอนไม่พอล่ะก็กลับไปนอนให้พอซะ จะได้ไม่ง่วง”
“พี่น่ะ... เป็นแบบนี้ตลอดนั่นล่ะ”
ทามากิทำท่าไม่พอใจมากและพลิกตัวไปนอนบนเตียงของเท็นมะแล้วดึงผ้าห่มมาห่มแล้วข่มตาหลับไปเลย
‘ผมเป็นแบบไหน ผมไม่เคยเข้าใจความคิดของทามากิเลย เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ เธอไม่เข้าใจจริงๆหรือไงว่าโอวกะเคียวคุมันแย่แค่ไหน สภาพโดยรวมอาจจะไม่เป็นแบบนั้น แต่พวกนักเรียนที่แย่ๆก็มีเต็มไปหมด การเรียนในแต่ละวันของผม แม้ท้องฟ้าจะแจ่มใสแค่ไหน ผมก็เห็นแค่ท้องฟ้าที่มืดมิด เหมือนฝนจะตก... ตลอดเวลา... ทุกๆวัน... ถึงอย่างนั้นทามากิก็ดื้อดึงอยากย้ายมาให้ได้ แม้ผมจะไม่เข้าใจคนอื่น แต่ก็เข้าใจได้อย่างหนึ่งว่าทามากิกำลังสงสารผมอยู่... แม้จะไม่น่าพอนักแต่ทามากิก็ยังเป็นคนเดิม ขอแค่ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงก็พอ... ผมจะรักษาสัญญาไว้ จนกว่าคนๆนั้นจะกลับมา เราจะต้องปกป้องทามากิไว้ให้ได้’

Chapter 2 – สิ่งที่ไม่อยากทำเมื่อเจอสิ่งที่ไม่อยากทำ

[0400 Hours.]
“ยังตื่นอยู่สินะทามากิ”
“อือ...”
เท็นมะยังนั่งอยู่ท่าเดิมไม่ขยับไปไหนตลอดชั่วโมงจนถึงตีสี่ ทามากิพลิกตัวในผ้าห่มเพื่อหันมาหาเท็นมะ
“ทำไมพี่ไม่นอนล่ะ”
“พี่ก็แค่ไม่อยากให้ถึงพรุ่งนี้เช้า...”
ทามากิกำลังอ้าปากเพื่อที่พยายามจะเถียงแต่เท็นมะพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ก็แค่นั้น”
ทามากิทำหน้าเศร้าแล้วก็เงียบไปอีกสักพักจนหาเรื่องพูดขึ้นมาอีก
“พี่คะ เกี่ยวกับคุณพี่ซาซามิน่ะ”
เท็นมะหันหน้ากลับไป
“ช่วงนี้เขาไม่ได้ติดต่อมาเลยนะคะ”
“ซาซามิคงจะงานยุ่ง... เขาต้องคอยดูแลพวกเราสองคนด้วยนี่”
‘เซ็นโซวฮาเรียวคุ ซาซามิ... พี่สาวแท้ๆของทามากิ ชื่อของทามากิคือ เซ็นโซวฮาเรียวคุ ทามากิ เธอเป็นญาติของผม ผมมีน้องสาวแท้อยู่อีกคนหนึ่ง เธอชื่อว่าซาซายากะ คุโรวมิ... ซาซามิตัดสินใจรับคุโรวมิไปดูแลเพราะเธอยังเด็กเกินไปที่จะให้ผมดูแล แต่จะรับภาระอย่างคุโรวมิเพิ่มเข้าไปก็ลำบากเพิ่มเพราะอาวามิก็ต้องดูแลทามากิ ทามากิยอมเสียสละมาอยู่กับผมแทน แม้แรกๆซาซามิจะไม่เห็นด้วย แต่ทามากิก็ดื้อดึงจะมาให้ได้ ซาซามิจึงยอม ซาซามิเป็นห่วงทามากิมาก ดังนั้นผมจะปล่อยให้ทามากิเป็นอะไรไปไม่ได้ แม้ตัวเองจะเป็นอะไรไปก็ตาม’
“พี่คะ... พี่คะ...”
เท็นมะรู้สึกตัวแล้วหันมา
“เป็นอะไรไปคะ หนูเรียกตั้งหลายครั้ง แต่พี่ไม่รู้สึกตัวเลย”
“ขอโทษที พี่เหนื่อยนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมาก ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น”
“จะไม่ให้หนูห่วงได้ยังไงกันล่ะ!!”
ทามากิขึ้นเสียงและก้มหน้าลงไป
“ขอโทษนะ ทามากิ แต่พี่คงให้เธอยุ่งเรื่องของพี่มากไปกว่านี้ไม่ได้”
“ทำไมล่ะคะ!!”
เท็นมะคิ้วขมวดและไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ทามากิทำท่าผิดหวังและนั่งเฉยๆอยู่อย่างนั้น...
[0500 Hours.]
เท็นมะไปอาบน้ำและทำอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย ทามากิอาบน้ำเสร็จก็มานั่งทานอาหาร ช่วงนี้ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันเลย บรรยากาศรอบๆมีแต่ความเงียบงัน
หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็ออกจากบานเพื่อที่จะเดินไปโรงเรียน... ท้องฟ้ามืดมนสุดๆ ไม่ใช่เพราะว่ายังไม่เช้ามากเท่าไหร่ แต่มันมืดเพราะเหมือนมีเมฆฝนตั้งแต่เช้า แม้ทามากิจะรู้สึกว่าเหมือนฝนจะตก แต่สำหรับเท็นมะนี่คือเรื่องปกติของเขา... เท็นมะไม่เคยได้เห็นท้องฟ้าที่มีเมฆเปิดจนเห็นพระอาทิตย์ได้สักที
“อากาศวันนี้ไม่ดีเลยนะคะ...”
ทามากิพยายามพูดได้บรรยากาศดีขึ้นเพราะต่างคนต่างเดินแล้วเงียบเหลือเกิน แต่เท็นมะไม่พูดอะไรทั้งนั้น ตั้งแต่ออกจากบ้านมาเขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าด้วยซ้ำ แต่ยังไงก็ต้องเห็นท้องฟ้าอยู่ดีตราบใดที่ไม่ได้เดินก้มหน้า ซึ่งเท็นมะก็ไม่ได้ทำแบบนั้น
“โรงเรียนอยู่ไกลไหมคะ”
“เดินไปอีกไม่ถึงครึ่งไมล์ก็จะเจอที่รอรถประจำทาง เราจะขึ้นมันต่อไปจนเกือบถึงที่โรงเรียน”
“เห... อย่างนั้นเหรอคะ...”
เท็นมะไม่พูดอะไรต่อทำให้ทามากิใจเสียและเงียบไปซะดื้อ เท็นมะเองก็ไม่อยากทำแบบนี้แต่เขาไม่รู้จะพูดอะไร ความสามารถในการพูดคุยของเขาลดต่ำลงจนถึงขั้นย่ำแย่ อยู่ที่บ้านเขาก็ไม่ได้คุยกับใครมากนอกจากทามากิ ส่วนตอนอยู่ที่โรงเรียนเขาก็ไม่ได้คุยกับใครด้วยซ้ำออกจากอาจารย์ถามแล้วตอบ ในหนึ่งวันบางทีเปล่งเสียงออกมาไม่เกิน 30 คำด้วยซ้ำ
ผ่านไปสิบนาที ทั้งสองคนยืนรอรถประจำทางอยู่ ทามากิยืนและพยายามทำท่าทางอารมณ์ดีไว้ก่อน ส่วนเท็นมะมีท่าทีสนใจไปอีกคนที่อยู่ข้างๆห่างออกไปไม่มากกำลังยืนรอรถอยู่เช่นกัน ปกติเวลานี้ ที่นี่ จะมีเขายืนรอรถอยู่แค่คนเดียว เพราะช่วงก่อนหน้านี้ทามากิอยู่โรงเรียนประจำ แต่ในเวลานี้มีคนอื่นนอกจากทามากิยืนอยู่ด้วย เขาเป่าหมากฝรั่งปากออกมาแล้วหันมาทางเท็นมะด้วยความสงสัย แต่ก็หันกลับไปเพราะเท็นมะหันกลับไปก่อนเลยไม่สงสัยว่าหันมามอง
“ซาซายากะ...เท็นมะ... ฆาตกรเลือดเย็นผู้ปลิดชีพนักเรียนไปมากกว่า 30 ศพ...งั้นเหรอ ได้ข่าวว่ามายืนรอรถประจำทางแถวนี้ คนที่มาหาข่าวนี่กล้าเสี่ยงตายดีจริงๆ”
“...”
เท็นมะไม่ตอบอะไร แต่ทามากิมีท่าทีไม่พอใจมาก
“พี่เท็นมะน่ะ ไม่ได้เป็น!-”
เท็นมะเอามือมาขวางทามากิไว้
“นายมาดักรอฉันสินะ ฉันขอบอกไว้ก่อนว่าไม่อยากมีเรื่องชกต่อยกับใคร”
“หึหึ ทั้งๆที่เป็นหัวโจกแห่งการสร้างเรื่องทะเลาะวิวาทแท้ๆ”
“...”
“เปล่าหรอก อย่าเข้าใจผิด พอดีวันนี้รถที่บ้านฉันมันเสีย”
หลังจบบทสนทนานี้ทั้งสามคนก็เงียบไปจนรถคันแรกของตอนเช้ามาถึง บนรถไม่มีใครเลยนอกจากทั้งสามคนที่เพิ่งขึ้นไป ทามากิและเท็นมะนั่งอยู่หลังสุด และนักเรียนแปลกหน้าสำหรับเท็นมะก็มานั่งข้างๆทามากิ ทามากิกลัวและจับชายเสื้อของเท็นมะไว้
รถเริ่มวิ่งออกไป ตอนแรกบรรยากาศยังเงียบอยู่จนเท็นมะพูดออกมา
“ฉันขอเตือนให้นายออกห่างจากฉันสองคน”
“หือ?”
เขาหันมา
“เอะ ทำไม ฉันเพิ่มขึ้นรถประจำทางเป็นครั้งแรกก็โดนเกลียดซะแล้วรึ ก็แค่รู้สึกเหงาถ้านั่งอยู่ในรถคันใหญ่แบบนี้คนเดียว”
เท็นมะลากแขนทามากิให้ลุกขึ้นและไปนั่งอีกฝั่ง(ฝั่งซ้ายของเท็นมะ)
“เป็นห่วงน้องสาวน่าดูเลยนี่”
“ฉันไม่มีธุระกับนาย ไปนั่งที่อื่นซะ”
“โฮ้ยๆ นี่มันรถประจำทางนะ ไม่ใช่รถส่วนตัวของนาย อย่าบอกนะว่าถึงไม่ใช่รถของนายนายก็คิดจะออกคำสั่งกับคนอื่นในรถน่ะ หืม?”
“ถ้านายคิดว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ไม่ใช่คำสั่งล่ะก็นายคิดว่าเป็นอะไร”
ทั้งคู่เงียบไปอีกพักหนึ่ง บรรยากาศเริ่มแย่ลง
“เฮ้อ...”
เขาถอนหายใจและยืนตัวออกเพื่อคลายความง่วงจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
รถวิ่งต่อไปเรื่อยๆและหยุดที่จุดต่อไป นักเรียนอีกกลุ่มหนึ่งขึ้นมาบนรถประมาณ 5-6 คน นี่ก็เป็นเรื่องแปลกสำหรับเท็นมะ ปกติตั้งแต่บ้านจนถึงโรงเรียนจะมีอยู่บนรถแค่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่เท็นมะก็คิดในใจไว้ว่าเลื่อนชั้นปีแล้ว อะไรก็ต้องเปลี่ยนแปลงกันบ้าง ยกเว้น...
“เฮ้ ดูนั่นสิวะ สาวน้อยน่ารักนั่งอยู่ข้างนักฆ่าด้วยว่ะ”
“อุหวา สุดยอดไปเลย น่ารักสุดๆ ไม่คิดเลยว่าจะใจกล้าไปนั่งเสี่ยงตายอยู่แบบนั้น”
นักเรียน 3 คนเดินมาทางเท็นมะ คนที่นั่งข้างๆเริ่มคิ้วขมวด นักเรียนที่เพิ่งขึ้นมาอีกสองคนที่เหลือนั่งและหันกลับมามองพร้อมหัวเราะ
“น้องสาว ไปนั่งคุยกับพี่ดีกว่า น้องคงจะไม่รู้สินะว่าเจ้าหมอนี่เป็นฆาตกร”
ทามากิกอดเท็นมะแน่น ส่วนเท็นมะก็ไม่ได้ทำอะไร
“ฮ่าๆๆ รู้จริงๆด้วยว่ะ สุดยอดไปเลย เอาน่า! มาด้วยกันหน่อยเซ่สาวน้อย!”
นักเรียนอีกคนพุ่งมือจะมาจับแขนของทามากิ เท็นมะยกแขนขึ้นพยายามจะบังทามากิไว้ไม่ให้ถูกแตะต้องตัว
‘หมับ’
คนข้างๆลุกขึ้นมาจับแขนของนักเรียนคนที่เข้ามาหาเรื่องเท็นมะไว้
“ห้ามรังแกคนที่อ่อนแอนะ”
“หา?! อะไรของแกวะ! ไอ้หัวเหลือง! ไม่เคยเห็นหน้า สงสัยอยากตายนัก หรือว่าแกเป็นพวกเดียวกับไอ้หัวเทานั่นวะ!”
เท็นมะปล่อยหนึ่งหมัดออกไปทันที แต่คนๆนั้นก็ใช้อีกมือจับแขนของเท็นมะไว้จนหยุดสนิท
“ฉันบอกแล้วไง ว่าอย่ารังแกคนที่อ่อนแอกว่า”
“แกบอกใครกันแน่” [เท็นมะ]
“ก็ทั้งสองฝ่ายนั่นล่ะ!”
อีกหมัดหนึ่งของเท็นมะพุ่งมาปะทะเข้าแก้มของคนๆนั้นเต็มๆจนถลาออกไป นักเรียนที่เข้ามาหาเรื่องทั้งหลายก็พุ่งมาหาเพื่อที่จะเข้ามารุมเท็นมะ
“ตายซะเถอะแก!”
เท็นมะไม่หวั่นต่อคำพูดนั้นและพุ่งอีกหมัดไปกะจะชกเต็มแรง
‘หมับ!’
หมัดของเท็นมะถูกหยุดไว้อีกแล้ว เขาตกใจมากจนหยุดนิ่งไปจนหมัดหนึ่งปะทะเข้าแก้มข้างเดียวกันกับที่เท็นมะต่อยคนๆนั้นไป
“กระทืบพวกมันซะ!”
นักเรียนกลุ่มนั้นเข้ามาซัดเขาแต่ไม่ได้ผล แม้ว่าคนๆนั้นจะไม่ได้ต่อยแต่เขาก็หลบได้ทุกหมัด
“ฉันขอเตือนให้พวกแกหยุดแค่นี้”
“ต่อยพวกเราไม่ได้สักหมัดอย่ามาซ่าเลยว้อย!”
เขาหยิบเหรียญทองออกมาสิบเหรียญเลยดีดห้าเหรียญออกไปด้วยความแรงและรวดเร็ว เหรียญปะทะเข้าที่กลางคอของนักเรียนพวกนั้นเต็มแรง ที่สำคัญคือโดนขอบเหรียญอัดคอเต็มๆจนพวกนั้นกำที่คอและลงไปนอนกลิ้งกันหมด
“เอาล่ะ มาเล่นตอบคำถามกันดีกว่า”
นักเรียนพวกนั้นนอนเจ็บและทำท่าทีกลัวเขาคนนั้นมาก เขาเดินเข้าไปหาคนแรก
“ฉันชื่อฮัตซึยูกิ ชิโนบุ เอาล่ะ ไหนลองเรียกฉันว่าท่านฮัตซึยูกิ(ฮัตซึยูกิ-ซามะ)ทีซิ”
นักเรียนคนแรกมีท่าทีไม่อยากพูดอย่างสิ้นเชิง
“เอาล่ะ ในเมื่อไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร ฉันมีของรางวัลปลอบใจให้”
ชิโนบุเอาเหรียญยัดเข้าไปในปากของนักเรียนคนแรกและกระทืบเต็มปากของหมอนั่นเต็มๆจนมันร้องด้วยความเจ็บปวดและดิ้นไปมาเลยโดนชิโนบุเตะจนกลิ้งไป เขาเดินไปต่อคนที่สองและนั่งลงพร้อมเอาเหรียญชูขึ้นมาหนึ่งเหรียญ
“เอาล่ะ สำหรับแก คิดว่าเหรียญทองเหรียญนี้มีค่ากี่เยน”
คนที่สองมีท่าทีลุกลี้ลุกลนพยายามหาคำตอบแต่ชิโนบุก็ยัดเหรียญเข้าไปในปากของหมอนั่นแล้ว
“หมดเวลา เอาล่ะ”
‘พลั่ก!!’
เขากระทืบลงไปแบบเดียวกับคนแรก
“เอาเหรียญนั่นไปเป็นรางวัลและนำไปหาคำตอบด้วยล่ะ”
ขยับไปหาคนที่สามและนั่งลง
“ฉันยังเหลือเหรียญอยู่ในมืออีกกี่เหรียญ ฉันมีคำใบ้ให้นาย”
เขายัดเหรียญเข้าไปในปากของคนที่สามทันที
“ตอนนี้ฉันเหลือเหรียญอยู่ในมืออีกสองเหรียญ”
เท้าข้างขวากระทืบลงไปเต็มๆหน้า มันรุนแรงมากเพราะเลือดไหลออกมาจากส่วนต่างๆของหน้าเลย เขาขยับไปต่อและหยุดอยู่ระหว่างสองคน
“ฉันหมดคำถามแล้วล่ะ จะเอายังไงกับพวกแกดี”
ทั้งสองคนหันมามองกันด้วยท่าทีหวาดกลัว
“พวกแกรู้ไหม ว่าเหรียญทองสามารถช่วยให้คนที่ตายแล้วขึ้นเรือเพื่อเข้าไปยังนรกได้”
เขาแบ่งอีกเหรียญหนึ่งไปไว้ที่มือซ้าย
“ฉันจะให้แกคนละเหรียญ”
ทั้งสองคนเอามือมาปิดปากแต่ก็โดนชิโนบุทุบที่กลางหน้าอกจนมือปิดปากไม่อยู่ ชิโนบุใช้จังหวะนั้นยัดเหรียญเข้าไปในปากทั้งสองคนและกระโดดขึ้นตามด้วยใช้เท้าทั้งสองกระทืบทั้งคู่พร้อมกับ อีกสองคนขายกชี้ฟ้าจนพลิกไปเป็นคว่ำหน้าและเจ็บหนักกว่าคนก่อนๆเพราะการกระทืบแบบนี้น้ำหนักทั้งหมดจะถ่ายลงไปในจุดที่เหยียบทั้งหมด
“อีก 3 วันฉันจะถามคำถามพวกแกอีก ไม่อย่างนั้นจะโดนแบบนี้อีกรอบ แล้วก็อย่าลืมเอาเหรียญที่ดีดโดนคอพวกแกมาคืนฉันด้วยล่ะ ฉันจำได้หมดทุกเหรียญที่เป็นของฉัน จำเอาไว้ ถ้าไม่ทำตามที่บอกล่ะก็...”
ชิโนบุกระทืบเท้าลงพื้นและขยี้อย่างสะใจ
“ถ้าเข้าใจแล้วก็ไสหัวไปนั่งหน้ารถให้หมด อย่าให้เห็นหัวพวกแกจนกว่าจะลงรถ”
ทั้งห้าคนรีบไปทันทีโดยไม่รอและไปซุกอยู่หน้ารถจนมิดกันหมด ชิโนบุกลับมานั่งที่เดิมและหันไปพูดกับเท็นมะ
“เธอคนนั้นไม่บาดเจ็บนะ...”
ทามากิไม่ได้พูดอะไร ชิโนบุยิ้มและมองไปที่เท็นมะ
“ถ้านายทำแบบนี้ไม่นานคงโดนไล่ออก”
เท็นมะเตือนชิโนบุด้วยความไม่พอใจ
“ฉันจะไม่เป็นไร ตราบใดที่ฉันอยู่ที่โรงเรียนนี้”
เท็นมะไม่พูดอะไรต่อ
“ฉันชื่อฮัตซึยูกิ ชิโนบุ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ซาซายากะ เท็นมะ ฉันไม่ยินดีอะไรทั้งนั้น”
ชิโนบุเอามือมาประสานกันข้างหน้า
“ฉันรู้สึกได้ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก... นายเหมือนกับฉัน...”
เท็นมะเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจและหันไปหาชิโนบุ

Chapter 3 – เปิดเทอมใหม่ที่เหมือนได้ชีวิตใหม่

***

แค่นี้พอนะครับ

อยากเห็นหน้าตาตัวละครจริงๆ ใครที่มีความสามารถในการวาดภาพและว่างก็ช่วยหน่อยนะครับ ขอบคุณมากครับ

Vocaloid_BRS
29th May 2012, 08:10
อย่าปล่อยให้กระทู้ตกแบบนี้สิ :sweat

ตกลงอยู่ในช่วงไม่ว่างกันใช่ไหมเนี่ย - -*



นี่มันยังเช้าอยู่ท่าน แล้วเขาไปเรียนกันด้วย

ก็เข้าใจน่ะนะครับ =w="

กระทู้มันจะจมไปแล้ว ของัดมันขึ้นมาหน่อยแล้วกัน

Ekstemi
29th May 2012, 08:16
อย่าปล่อยให้กระทู้ตกแบบนี้สิ :sweat

ตกลงอยู่ในช่วงไม่ว่างกันใช่ไหมเนี่ย - -*

นี่มันยังเช้าอยู่ท่าน แล้วเขาไปเรียนกันด้วย

RlucksN
29th May 2012, 23:17
ผมวาดไม่เก่งเหมือนกันครับ

แต่มาช่วยดันกระทู้ให้นะ:bye

Retry
30th May 2012, 19:35
ตอนนี้หัดวาดอยู่ครับมาพยายามด้วยกัน