♥♥♥ ตำนาน Alien และ Predator ♥♥♥ (เพิ่มเจาะลึกPrometheus)
ตำนาน Predator : "ย้วดจา" มฤตยูนักล่าจักรวาล
http://www.avp.siligon.com/avppics/p...b/promot50.jpg
"ย้วดจา(Yautja)" คำแปลกๆ แล้วเกี่ยวอะไรกับ พรีเดเตอร์(Predator) ? "ย้วดจา" ก็คือชื่อเรียกดั้งเดิมของเผ่าพันธุ์พรีเดเตอร์นั้นเอง เรียกขานกันในฉบับหนังสือการ์ตูนคอมมิค-นวนิยาย(ทำนองเดียวกับชื่อซีโนมอร์ฟของเอเลี่ยน)
ย้วดจาเป็นเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาต่างดาวที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง รูปร่างแขนขาคล้ายมนุษย์ หน้าตามีเขี้ยวกรามใหญ่ดูดุร้ายน่ากลัว เส้นผมเป็นปล้องลำคล้ายทรง Dreadlock ผิวหนังหนาหยาบมีลายคล้ายสัตว์เลื่อยคลานจำพวกพวกกิ่งกา เผ่าพันธุ์มันมีรสนิยมชื่นชอบและคลั่งไคล้การไล่ล่าเป็นชีวิตจิตใจ โดยหลักๆแล้วมันจะล่าและฆ่าเพื่อเป็นการพิสูจน์ฝีมือหรือพูดอีกอย่างว่าล่าเพื่อความบันเทิง!
ในสังคมของย้วดจาจะแบ่งเป็นแคลน(Clan)หรือเป็นก๊กเป็นเหล่าต่างๆ แต่ละแคลนจะมีผู้นำของตน โดยผู้นำก็คือย้วดจาที่กรำศึกล่ามาอย่างโชกโชน สังหารเหยื่อมาแล้วนับไม่ถ้วน พวกมันจะแยกย้ายกันไปยังดวงดาวต่างๆทุกแห่งทุกหนในห้วงจักรวาลเท่าที่มันสามารถไปถึง เพื่อแสวงหาคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งและคู่ควร มันจึงได้สมญานามว่า " มฤตยูนักล่าจักรวาล" โดยถ้ามันล่าและฆ่าได้สำเร็จก็จะทำการถลกหนังและเก็บกระดูกนำมาเป็นเครื่องประดับตกแต่งร่างกาย อีกทั้งยังคัดสรรเก็บสะสมหัวกระโหลกของเหยื่อพันธุ์ต่างๆเป็นที่ระลึก
หมายเหตุ : คำ "Predator" ฝรั่งออกเสียง "เพร็ดเดเตอร์" แต่ไทยเรานิยม "พรีเดเตอร์" เป็นคำกลางๆ เดิมหมายถึงสัตว์ที่ล่ากินสัตว์อื่นเป็นอาหาร อาจเป็น เสือ สิงโต จระเข้ แร้ง เหยี่ยว หมาป่า หมี ฉลาม มด เป็นต้น แต่เมื่อคำ “Predator” ถูกนำมาใช้เป็นชื่อเรียกเผ่าต่างดาว”ย้วดจา” ผ่านทางภาพยนตร์ คำๆนี้จึงติดปากกลายเป็นชื่อเรียกเฉพาะของย้วดจาไปโดยปริยาย(ทำนองเดียวกับคำ "Alien")
- เรายังไม่ทราบแน่ชัดว่าดาวบ้านเกิดของย้วดจาอยู่ตำแหน่งไหนของจักรวาลกันแน่? อารยธรรมบ้านเมืองจริงๆของพวกมันจะเป็นลักษณะเช่นใด? แต่เท่าที่มีข้อมูลจะพบว่าสาปัตยกรรมของพวกมันมีลักษณะทำนองเดียวกับพีระมิด! ภาพล่างนี้คือเป็นเพียงภาพสเก็ตจินตนาการและฉากแว็บหนึ่งใน AVP ภาคสอง(ซึ่งคาดว่าอาจเป็นดาวบ้านเกิดของมัน) -
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic92.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic77.jpg
ทางกายภาพย้วดจาเป็นนักปืนป่ายที่เก่งกาจ มีขนาดรูปร่างสูงใหญ่กว่ามนุษย์พอสมควร โดยเฉลี่ยสูงประมาณ 2.5-3 เมตร น้ำหนักอยู่ที่ระหว่าง 120 - 180 กิโลกรัม หูของมันแยกแยะเสียงได้ดีเยี่ยม มีกล้ามเนื้อและกระดูกที่แข็งแรงมาก สามารถใช้มือเปล่าต่อยกำแพงคอนกรีตให้พังทลายได้ อีกทั้งยังสามารถกระโดดได้สูงอีกด้วย พวกมันมีความคล่องแคล่วเป็นพิเศษในการเคลื่อนที่ผ่านที่สูงอย่างต้นไม้หรือหลังคาบ้าน การมองเห็นของย้วดจาเป็นการมองเห็นแบบจับคลื่นความร้อน มันจึงสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตได้แม้ในที่มืด และนวัตกรรมหน้ากากสุดแสนไฮเทคของย้วดจานอกจากช่วยในการหายใจให้คล่องขึ้นในถิ่นต่างดาวต่างๆแล้ว ยังสามารถช่วยในการปรับการมองเห็นเป็นโหมดต่างๆได้มากมายจึงช่วยให้มันไล่ล่าเหยื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งๆขึ้น
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic99993.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic79.jpg
คงสงสัยว่าถ้ามันไล่ล่าและฆ่าเพื่อความบันเทิงแล้ว แล้วยามปกติมันกินอะไรเป็นอาหาร? คำตอบมีอยู่ในภาคการ์ตูนคอมมิค นั้นคือ มันจะล่าสัตว์เล็กๆมากินเป็นอาหาร และก็กินแบบดิบๆ!
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic94.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic95.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic96.jpg
ร่างกายของพวกมันต้องการออกซิเจนมากกว่ามนุษย์เล็กน้อย แม้บรรยากาศบนโลกจะไม่ทำให้พวกมันลำบากถึงตาย แต่ย้วดจาบางตัวที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศอาจจะต้องสวมหน้ากากไว้ตลอดเวลา จุดเด่นอีกอย่างของมันคือมันมีเลือดเป็นสีเขียวอ่อน แถมยังเรืองแสงสวยงามทีเดียว ย้วดจาเมื่อมายังโลกส่วนมากมักจะแฝงตัวอยู่ในป่าลึกแต่บางทีมันก็นึกสนุกแวะเข้ามาเล่มเกมส์ไล่ล่าในเมืองใหญ่บ้างเหมือนกัน แต่เราจะไม่สามารถเห็นตัวมันได้ง่ายนัก เนื่องจากมันมีเทคโนโลยีพิเศษที่ช่วยในการอำพรางซ่อนเร้น โดยทำให้ตัวมันโปร่งใสเกือบ100%
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic02.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic49.jpg
อาวุธยุทโธปกรณ์ของย้วดจา
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic93.jpg
- คลิปวิดีโอด้านล่าง บรรยากาศ Predator ล่าเหยื่อ : จากเกมส์ Alien VS Predator -
http://www.youtube.com/watch?v=NUmefkLtqqU
พวกพรีเดเตอร์มีอาวุธและอุปกรณ์ไฮเทคทั้งลับและไม่ลับมากหมายเหลือที่คณานานับได้ เราจึงมักเห็นพวกมันพกโน้นพกนี่อีรุงตุงนังเต็มไปหมด ยุทโธปกรณ์หลักๆที่เห็นคุ้นตากันอยู่บ่อยๆทั้งในภาพยนตร์ การ์ตูนคอมมิค หรือในภาควิดีโอเกมส์ ก็อาทิเช่น
หน้ากากชีวภาพ(Bio Mask) เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญชิ้นหลักที่พรีเดเตอร์ทุกตัวต้องมี ภายในหน้ากากติดตั้งอุปกรณ์เสริมไว้มากมาย ทั้งเครื่องกันแก๊ซพิษ เครื่องช่วยหายใจ เครื่องแปลภาษา เครื่องขยายเสียง เครื่องช่วยระบบการมองเห็น เครื่องตรวจจับคลื่นความร้อน ฯลฯ และหน้ากากชีวภาพนี้ยังทำงานลิงค์กับอุปกรณ์อื่นๆอีกด้วย อาทิ ปืนหัวไหล่(ในข้อถัดไป)
ปืนหัวไหล่(Shoulder Cannon) เป็นอาวุธหลักสำคัญอีกชิ้น ใช้งานคู่กับหน้ากากชีวภาพ กระบอกปืนสามารถยิงกระสุนพลาสม่าโดยมีแสงเลเซอร์ เป็นจุดสีแดงสามจุดจากหน้ากากเล็งกำหนดเป้าหมายที่ต้องการ และยังสามารถชาร์จพลังงานก่อนยิง เพื่อเพิ่มหรือลดระดับความรุนแรงได้อีกต่างหาก
http://www.avp.siligon.com/predators10/predwea01.jpg
จานพิฆาต(Smart Disk) แผ่นจานกลมๆเล็กกระทัดรัด ดูเผินๆคงไม่มีพิษสงอะไรมาก แต่แท้จริงมันคือหนึ่งในไม้เด็ดของพรีเดเตอร์เลยทีเดียว เมื่อขว้างออกไปจะติดตามไล่ล่าตัวเหยื่ออย่างไม่ลดละจนกว่าจะได้แตะต้องเฉือนร่างเหยื่อเป้าหมาย แถมยังมีแรงตัดที่รุนแรงมากสามารถเฉือนร่างมนุษย์หรือเอเลี่ยนให้ขาดเป็นสองท่อนได้ในครั้งเดียว แล้วจึงค่อยหมุนวกกลับไปสู่มือมือเจ้าโดยอัตโนมัติทำนองเดียวกับบูมเมอแรง
กงจักรพิฆาต(Shuriken) เป็นจักรที่มีความคมและความเร็วสูง ทำงานคล้ายๆ จานพิฆาต หรือ Smart disc แต่ในแสนยานุภาพในการเฉือนจะด้อยกว่า Smart Disk
มีดสนับแขน(Wrist Blades) เป็นอาวุธพื้นฐานที่พรีเดเตอร์ทุกตัวต้องมี มันเป็นใบมีดสองคมติดอยู่ที่หลังมือและแขน แต่ละชิ้นจะมีใบมีดประกอบอยู่ 2 หรือ 3 ด้าม และมีความยาวประมาณ 1 ฟุต
http://www.avp.siligon.com/predators10/predwea02.jpg
เครื่องระเบิดตัวเอง(Self-Destruct Device) เมื่อพ่ายแพ้ในการต่อสู้ หรือมีเหตุจำเป็นบางประการ พรีเดเตอร์จะเปิดแผงอุปกรณ์ตรงข้อมือซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นระเบิดเวลาและสามารถตั้งค่าควบคุมระดับรัศมีความรุนแรงได้ตามที่ต้องการ โดยระดับแรงระเบิดสูงสุดจะพอๆกับระเบิดนิวเคลียร์เลยทีเดียว
แซตคอม(Sat-Com) อุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นเครื่องตรวจหาตำแหน่ง ทำงานคล้ายกับระบบ GPS ของเรานั่นเอง แต่มันล้ำกว่ามากตรงที่สามารถแสดงเป็นภาพ 3มิติแบบโฮโลแกรมหมุนได้รอบทิศทาง
หอก(Spear ) ถือได้ว่าเป็นอาวุธจู่โจมยอดนิยมของย้วดจา ภายในถูกออกแบบให้มีกลไกยืด-หดได้ สามารถเจาะทะลุทะลวงได้แม้กระทั่งแผ่นเหล็ก ทั้งยังสร้างจากวัสดุพิเศษที่ทนต่อการกัดกร่อนของเลือดอันเป็นกรดเข้มข้นของเอเลี่ยนได้อีกด้วย ตัวหอกยังติดตั้งอุปกรณ์อำพรางโปร่งแสงส่งผลให้เหยื่อมองไม่เห็นอีกต่างหาก
http://www.avp.siligon.com/predators10/predwea03.jpg
และอื่นๆอีกมากมาย… Fire trap(เป็นกับดักระเบิด), EMP mine(ใช้รบกวนเครื่องมือทางกลศาสตร์ทุกชนิดในบริเวณนั้น), Sonic trap(ระเบิดชนิดนี้จะทำให้เหยื่อเป็นอัมพาต และหมดสติ เป็นกับดักที่เลือกเป้าหมายเฉพาะเจาะจง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอื่นที่อยู่ใกล้เคียง), Plasma mine (ทำลายเป้าหมายจนสิ้นซาก และเหลือไว้แต่หัวกะโหลก), Remote bomb(เป็นระเบิดแบบขว้าง มีตะขอสำหรับยึดติดกับผนัง หรือพื้น โดยจะทำงานเมื่อกระทบเป้าหมาย หรือสั่งการผ่านรีโมทที่ข้อมือของพรีเดเตอร์)…ฯลฯ
จะเห็นว่ายุทโธปกรณ์ทุกอย่างของพรีเดเตอร์ล้วนร้ายกาจเต็มไปด้วยกลไกที่ซับซ้อนล้ำสมัย จนชาวโลกเราต้องตะลึงว่าสิ่งมีชีวิตประหลาดหน้าตาเยี่ยงสัตว์ดุร้ายเช่นนี้จะมีสมองอันชาญฉลาดสร้างเครื่องมือที่ซับซ้อนขนาดนี้ได้อย่างไร และนอกจากนี้พวกมันยังมีการพกพาอุปกรณ์การแพทย์ทั้งหยูกยาไว้ในยามเจ็บไข้หรือกรณีบาดเจ็บสาหัสฉุกเฉินอีกด้วย เรียกว่ารอบคอบไม่มีขาดตกบกพร่อง เตรียมพร้อมสำหรับการล่าอย่างเต็มอัตราศึก และอีกอย่างที่มันต้องพกพาอย่างขาดเสียไม่ได้ก็คือ เครื่องทำความสะอาดกะโหลก! ไว้ทำความสะอาดทั้งกระดูกและหัวกะโหลกงามๆของเหยื่อเพื่อใช้ประดับร่างกายหรือเก็บไว้เป็นของสะสม เครื่องทำความสะอาดกะโหลกนี้จะทำงานโดยการปล่อยสารเคมีพิเศษเพื่อย่อยสลาย เนื้อ ผิวหนัง และไขมัน จนเหลือแต่กะโหลก-กระดูกที่เกลี้ยงเกลาเป็นเงางาม
ยานอวกาศของย้วดจา
ยานอวกาศของพรีเดเตอร์มีเหลากหลายรูปแบบ ถ้าเป็นยานแม่จะมีขนาดใหญ่โตอย่างน่าเหลือเชื่อ ใหญ่พอๆกับดาวดวงหนึ่งเลยทีเดียว(ที่เราเห็นในภาพยนตร์ ส่วนใหญ่เป็นแค่ระดับยานลูก) ภายในยานแม่ที่ว่านี้เปรียบได้กับเมืองหลายเมืองรวมกัน มีท่าเทียบยาน มียานลูกนับพัน รวมไปถึงที่ทำการของแคลนต่างๆ โดยมีพรีเดเตอร์นับร้อยนับพันหมุนเวียนไปมาเข้าๆออกๆกันอยู่ตลอดเวลา จะเปรียบว่ายานแม่เป็นเหมือนดาวบ้านเกิดอีกดวงของพวกมันก็ว่าได้
ยานแม่ยังเป็นศูนย์กลางให้เหล่าย้วดจาสามารถหาซื้อเครื่องมือและอาวุธใหม่ๆสำหรับการไล่ล่า ด้วยการแลกเปลี่ยนกับหัวกระโหลกงามๆที่ได้ไปล่ามา โดยเฉพาะหัวกระโหลกของเอเลี่ยนและมนุษย์จะมีค่าสูงเป็นพิเศษสามารถแลกอาวุธล้ำๆชั้นสูงได้ ยานแม่ยังเป็นโรงเรียนฝึกการต่อสู้ เป็นศูนย์บัญชาการที่รวมพลเมื่อเกิดเหตุต้องทำสงครามต่างดาวกับมนุษย์ต่างดาวเผ่าอื่นๆ และรวมไปถึงเป็นที่แลกเปลี่ยนข่าวสาร สังสรรค์ระหว่างกัน ยานแม่จะไม่เคลื่อนที่ไปจากจุดเดิมบ่อยนักถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ โดยมักจะปักหลักอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งเป็นระยะเวลายาวนานนับสิบปีหรือถึงร้อยๆปีกันเลยทีเดียว และยังมีการติดตั้งเทคโนโลยีโปร่งแสงอำพรางยานทั้งลำเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตต่างดาวอื่นๆสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าอีกด้ว
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic58.jpg
ภาษาของย้วดจา
แม้พรีเดเตอร์จะมีรูปลักษณ์หน้าตาออกไปทางสัตว์ดุร้าย แต่อย่างที่ได้ทราบกันมาแล้วว่า มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอารยธรรม มีวิทยาการเทคโนโลยีชั้นสูงขนาดที่มนุษย์โลกเราในปัจจุบันเทียบไม่ติดเลยทีเดียว และที่มองข้ามไม่ได้เป็นอันขาดคือ มันมีการประดิษฐ์ตัวอักษรเป็นของตัวเองด้วย โดยรูปแบบจะเป็นสัญลักษณ์ตัวขีดคล้ายเป็นอักษรภาพ ส่วนการออกเสียงพูด ณ ขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าพวกมันมีสำเนียงภาษาเป็นเช่นใด ในยามปกติเราจะได้ยินเฉพาะเสียงของมันที่ฟังดูคล้ายๆการกรนอยู่ตลอด และเมื่อมันขู่คำรามจะมีเสียงน่าขนพองสยองเกล้าคล้ายๆเสียงคำรามของสิงโต แต่มันก็สามารถเลียนแบบเสียงพูดของมนุษย์ได้ โดยบางตัวสามารถพูดภาษามนุษย์(ภาษาอังกฤษ)ได้อย่างคล่องแคล่ว...
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic51.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic52.jpg
ย้วดจายุคใหม่
เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไปสภาพสังคมวัฒธรรม เทคโนโลยีย่อมปรับเปลี่ยนพัฒนาไปตาม พรีเดเตอร์ก็เช่นเดียวกัน ในการ์ตูนคอมมิค หรือเกมส์เวอร์ชั่นที่ออกมาใหม่ล่าสุดในระยะหลังๆ(2009-2010) เราจะเห็นพรีเดเตอร์ในชุดแต่งแบบใหม่ๆที่ดูเท่ห์หรูมีระดับยิ่งขึ้น ยานอวกาศ อาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือก็ดูพัฒนาล้ำสมัยแปลกหูแปลกตายิ่งขึ้นเช่นกัน แต่สิ่งที่พวกมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อยก็คือ หน้าตาอันแสนโหด กับวัฒนธรรมไล่ล่าสะสมกระโหลกนั่นเอง
ตำนาน Predator : เกียรติยศศักดิ์ศรีและจรรยาบรรณนักล่า
เมื่อพิจารณารูปแบบการล่าของพรีเดเตอร์โดยภาพรวมกว้างๆแล้ว ไม่ว่าจากฉบับภาพยนตร์หรือในฉบับการ์ตูนคอมมิค ถ้าไม่นับการล่าฆ่าเพื่อกินเป็นอาหาร(ซึ่งมักเป็นสัตว์เล็กๆ) เราจะเห็นได้ว่าเหยื่อส่วนใหญ่ที่พรีเดเตอร์ไล่ล่านั้นมักเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง ดุร้าย ถ้าเป็นมนุษย์ก็ต้องเป็นผู้ที่มีการฝึกฝนในการต่อสู้มาเป็นอย่างดี เช่น ทหาร ตำรวจ นักรบ หรือคนที่มีร่างกายกำยำแข็งแกร่ง เช่น นักกีฬา หรือไม่ก็เป็นพวกพกอาวุธร้ายแรง อาทิ พวกโจร พวกแก๊งนักเลงอันธพาลกร่างๆ เป็นต้น พวกมันจะไม่ล่าผู้ที่ประเมินแล้วว่าอ่อนแอไร้ทางสู้อย่างสิ้นเชิง อาทิ เด็ก คนป่วย คนชรา และสตรีมีครรภ์ ยกเว้นกรณีไปตอแยติดตามหรือท้าทายมันมากเกินไป หรือบังเอิญเกิดโชคร้ายไปอยู่ในที่ที่เกะกะขวางทางการล่าของมัน มันอาจจะฆ่าทิ้งให้สิ้นรำคาญเอาเสียดื้อๆได้ง่ายๆเช่นกัน นี้แสดงให้เห็นว่าถึงแม้จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่โฉด*****มเลือดเย็น แต่พวกมันก็มิได้ฆ่าอย่างไม่เลือกหน้าหรือไล่ล่าอย่างเลื่อนลอยไร้หลักการเสียทีเดียวถือว่ายังมีจรรยาบรรณอยู่บ้างพอสมควร ข้อนี้ต่างจากเอเลี่ยนซึ่งเจอใครก็เป็นอันฆ่า*****น! พรีเดเตอร์ยังมีข้อปฏิบัติที่น่าสนใจอีกอย่างคือ เมื่อมันฆ่าเหยื่อได้แล้ว โดยเฉพาะเหยื่อประเภทเดินตัวตรงสองขาอย่างมนุษย์ มันจะทำการถลกหนังแล้วนำไปแขวนบนที่สูงอย่างบนต้นไม้ เสา เพดาน ฯลฯ ในลักษณะห้อยหัวบนลงมา!
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic08.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic47.jpg
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic23.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic86.jpg
และพวกพรีเดเตอร์อาจตัดศรีษะเหยื่อเพื่อเอากะโหลกไปเป็นของสะสม อันเป็นการแสดงถึงเกียรติภูมิของตนให้พวกพ้องได้ประจักษ์ ยิ่งเหยื่อดุร้ายแข็งแกร่งมากเท่าไร เกียรติยศศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจก็ยิ่งเพิ่มมากตามไปด้วยเท่านั้น แต่ในกรณีที่พรีเดเตอร์เกิดพลาดท่าบาดเจ็บสาหัส มันอาจจะใช้ไม้เด็ดขั้นสุดท้ายนั้นคือการใช้เครื่องมือพิเศษทำการระเบิดตัวตายใส่คู่ต่อสู้ให้ตายตกไปด้วยกัน หรือ ฆ่าตัวตายล้างอายเสียดื้อๆก็มี
ประเภทและชนชั้นทางสังคมของย้วดจา
การจัดแบ่งประเภทของพรีเดเตอร์ต่อไปนี้ไม่ใช่การแบ่งชาติพันธุ์หรือเชื้อสาย แต่เป็นการจัดกลุ่มกว้างๆให้เห็นภาพรวมทางชนชั้นในเชิงสังคมพรีเดเตอร์เท่านั้น ไม่ใช่หลักเกณฑ์ตายตัวและก็ไม่ได้หมายความว่าสังคมพรีเดเตอร์จะสามารถแบ่งเป็นจำพวกต่างๆได้แต่เพียงเท่านี้ เช่นเดียวกับสังคมมนุษย์ที่มีคนร้อยแปดจำพวก
- 1. Non Hunters หรือ กลุ่มที่ไม่ใช่นักล่า ถึงในสังคมของย้วดจาส่วนใหญ่จะนิยมการไล่ล่า แต่ก็ใช่ว่าทุกตัวที่ชื่นชอบเกมส์การล่าอย่างที่พรีเดเตอร์ส่วนใหญ่นิยมกัน เผ่าพรีเดเตอร์จึงถูกแบ่งเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน คือพวกล่าและพวกไม่ล่า พวกไม่ล่าหรือ Non Hunters นี้จะออกล่าบ้างเฉพาะสัตว์เล็กๆมากินเป็นอาหารเท่านั้น ถึงออกท่องเดี่ยวต่างดาวอาจล่าเล่นบ้างแต่ไม่จริงจัง จะต่อสู้รุนแรงก็เพียงป้องกันตัวเท่านั้น จะมีใจเทไปทางโอบอ้อมอารีสมานฉันท์อีกต่างหาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกนี้ไม่มีฝีมือเอาเสียเลย บางตัวคมในฝักฝึกฝนทักษะการต่อสู้เช่นกันแต่เพียงเพื่อไว้ป้องกันตัว จัดเป็นชนกลุ่มน้อยที่ถูกเหยียดหยามมองว่าไร้ค่าและมีฐานะการยอมรับทางสังคมค่อนข้างต่ำ จึงมักเป็นขัดหูขัดตาพวกที่เป็นนักล่าบางกลุ่ม จนเกิดเรื่องเป็นประเด็นสงครามระหว่างกลุ่มล่ากับกลุ่มไม่ล่า ก็มีบ้างบางโอกาส แต่ถึงกระนั้น Non Hunters ก็ยังไม่ใช่กลุ่มที่สังคมรังเกียจและได้รับการประณามที่สุดของเผ่าพันธุ์ (อ่านต่อๆไป เดี๋ยวก็รู้ว่าพวกไหน ที่สังคมรังเกียจและสะพรึงกลัว!:)
http://www.avp.siligon.com/predators10/preds04.jpghttp://www.avp.siligon.com/predators10/preds05.jpghttp://www.avp.siligon.com/predators10/preds06.jpg
- พรีเดเตอร์ที่ถูกพรีเดเตอร์ด้วยกัน จับล่ามพันธนาการกับเสาเพื่อเป็นเป้าล่อเหยื่อมนุษย์ ที่ปรากฏใน Predators (ภาค 3 ปี 2010)นั้น ถือว่าอยู่ในพวก Non Hunters-
- 2. Unblooded เป็นย้วดจารุ่นเยาว์ที่ผ่านการฝึกฝนทักษะการล่าและการใช้อาวุธต่างๆมาบ้างแล้ว และเตรียมเข้าสู่พิธีบรรลุนิติภาวะ โดยพวกเขาจะต้องผ่านการล่า-ฆ่าฝูงเอเลี่ยนตัวจริงๆและรอดชีวิตมาได้ครั้งหนึ่งก่อน จึงจะได้รับการยกย่องเป็นพวก Blooded ในขั้นต่อไปอย่างเต็มตัว
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic07.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic38.jpg
- พรีเดเตอร์สามเกลอ ที่ยกขโยงกันมาใน AVP ภาค 1จัดอยู่ในกลุ่ม Unblooded -
- 3. Blooded เมื่อผ่านการทดสอบบรรลุนิติภาวะมาแล้ว ย้วดจาตนนั้นจะได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการและเต็มภาคภูมิ และถัดจากนี้พวกมันก็จะได้เริ่มต้นชีวิต ออกผจญภัยไล่ล่าไปยังดาวต่างๆในจักรวาลต่อไป แก้งค์พรีเดเตอร์ในหนัง Predators(ภาค 3) จัดอยู่ในพวกนี้ ซึ่งนอกจากมีการล่าเป็นทีมแล้วยังมีการใช้สัตว์เลี้ยงออกช่วยล่าสร้างสีสันอีกต่างหาก
http://www.avp.siligon.com/avppics/3pred10.jpg
- 4. Warriors ย้วดจาในกลุ่มนี้เป็นพวกนิยมความรุนแรงไล่ล่าอย่างบ้าเลือด แต่รักสันโดษ พวกเขาไม่ชอบยุ่งเกี่ยวสุงสิงกับสังคมหรือกลุ่มแคลนต่างๆ มักแยกบินเดี่ยวออกเล่นไล่ล่าแต่เพียงผู้เดียวแต่ยังมีศักดิ์ศรีประพฤติตัวอยู่ในจารีตประเพณีของสังคมย้วดจาอยู่มากทีเดียว และเมื่อเกิดสงครามกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวเผ่าอื่นๆพวกนี้อาจเข้าร่วมรบให้ความช่วยเหลือด้วย กลุ่ม Warriors นี้มักจะมีทักษะสูงส่ง และเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีอาวุธต่างๆอย่างดีเยี่ยม(ไม่งั้นคงไม่กล้าฉายเดี่ยว) พรีเดเตอร์ตัวที่ซัดกับอาร์โนลด์ใน Predator ภาคแรก จัดอยู่ในกลุ่มนี้
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic62.jpg
- 5. Honoured เป็นพวกย้วดจายอดฝีมือชั้นหัวกะทิ ย้วดจาในกลุ่มนี้ล้วนผ่านการล่ามานับร้อยๆครั้งมีประสบการณ์สูง และมักอยู่ร่วมเดินทางไล่ล่า-ติดต่อสัมพันธ์กับย้วดจาแคลนต่างๆ จะไม่แยกตัวโดดเดี่ยวอย่างพวก Warriors ยังคงมีการติดต่อประสานงานกับกลุ่มแคลนที่ตนร่วมสังกัด ส่วนฝีมือน่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกันกับ Warriors หน้ากากของพวกนี้มักจะเต็มไปด้วยรอยสลักแสดงถึงการผ่านศึกการล่ามาแล้วอย่างโชกโชน พรีเดเตอร์ตัวเขียวที่มาในหนัง AVP ภาค2 จัดอยู่ในกลุ่มนี้
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic40.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic56.jpg
- 6. Arbitrators ย้วดจาที่ทำหน้าป็นทั้งผู้พิพากษา เพชฌฆาต และเป็นตำรวจที่คอยดูแลรักษาความเรียบร้อยต่างๆ รวมทั้งคอยคุ้มกันเป็นองครักษ์อยู่เคียงข้างย้วดจาชั้น Elders หรือ King Predator ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกนักล่าฝีมือฉมังที่มาจากชั้น Honoured นั้นเอง หน้ากากและชุดของพวกมันจะดูเป็นชุดฟอร์มที่เป็นทางการ และมีตราบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นมือปราบผดุงความเรียบร้อย ภาพล่างก็คือ Arbitrator Predator ปรากฏในการ์ตูนคอมมิค ซีรี่ย์ "Bad bloods" ซึ่งลงมายังโลกเพื่อปราบพวกพรีเดเตอร์ที่นอกลู่นอกทาง
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic99997.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic99996.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic99998.jpg
- 7. Bad bloods พรีเดเตอร์ทั่วไปที่ว่าโคตรโหดเล้ว พวกนี้ยิ่งโหดกว่า! คือ กลุ่มที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ไม่สนใจในกฎเกณฑ์และศักดิ์ศรีใดๆทั้งสิ้น มักออกไล่ล่าแบบบินเดี่ยว เป็นพวกบ้าเลือดฆ่าไม่เลือกหน้าเจอสิ่งมีชีวิตใดเป็นฆ่า*****นแหลกราน! ผู้หญิง-ลูกเล็กเด็กแดงฆ่าเรียบ! มักไปไหนมาไหนคนเดียว ฆ่าและสะสมกะโหลกแม้กระทั้งกับพวกพ้องพันธุ์ย้วดจาด้วยกันเอง แถมบางตัวยังมีฝีมือการล่าที่ร้ายกาจไม่ธรรมดาเสียด้วย เผลอๆจะร้ายกาจกว่า Arbitrators หรือ Honoured บางตัวเสียอีก พวกมันคือจุดด่างของเผ่าพันธุ์ เป็นพวกที่โดนประณาม ถูกรังเกียจอย่างที่สุด และยังเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเหล่า Arbitrators ที่ต้องคอยตามล้างตามเช็ดกับพันธุ์นอกรีตเหล่านี้
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic99.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic991.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic992.jpg
- Bad bloods ปรากฏในการ์ตูนคอมมิคซีรี่ย์ "Bad bloods" (สังเกตุได้จาก มันจะประดับหัวกระโหลกของพรีเดเเตอร์ด้วยกัน) -
- 8. Elders หรือ King คือ นักล่าในระดับสุดยอดปรมาจารย์เป็นที่เคารพ-ยกย่องอย่างสูงสุดในสังคมของเหล่านักล่าย้วดจา เรียกว่า เป็น ไอดอลซุปเปอร์สตาร์ของเผ่าพันธุ์ก็ว่าได้ มักจะได้รับการสถาปนาให้เป็นผู้นำสูงสุดของแคลนต่างๆ แต่ละตนล้วนผ่านการล่าใหญ่ๆอย่างโชกโชนมาแล้วนับพันๆครั้ง เป็นผู้ที่มั่งคั่งไปกะโหลกเหยื่อนานาชนิด ย้วดจาพวกนี้ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะมีอายุเรียกว่ากรำศึกการล่ามาอย่างยาวนาน และมักแต่งตัวเต็มไปด้วยเครื่องประดับประดาหัวกระโหลกหรูหราโดยอาจสวมผ้าคลุมสีแดง พวก King หรือ Elders ปรากฏตัวให้เราเห็นในหนังมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกใน Predator ภาค2 และอีกครั้งใน AVP ภาคแรก
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic82.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic90.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic20.jpg
- โฉมหน้า King หรือ Elder Predator -
ย้วดจาพันธุ์ประหลาด!
ย้วดจาประหลาดที่ว่าก็คือ...พรีเดเตอร์ปาง 4 กร! ปรากฏในการ์ตูนภาคพิเศษจัดทำขึ้นเพื่อเล่าเรื่องราวต่อจากหนัง Predators ภาค3 (2010) ชื่อเล่มว่า "Predators Preserve the Game" ซึ่งนับว่านี่เป็นครั้งแรก ที่ได้มีการปรากฏตัวขึ้นของพรีเดเตอร์พันธุ์นี้ มันถูกส่งมาจากยานอวกาศ(คงเป็นยานของพวกพ้องพรีเดเตอร์ด้วยกันนั้นแหละ) แต่การ์ตูนก็ไม่ได้ให้ข้อมูลว่ามันมี 4 แขนได้ยังไง เป็นพันธุ์พิเศอะไร? หรือ จะการเกิดจากการใช้เทคโนโลยีตัดต่อพันธุกรรม? หรืออะไรกันแน่...
http://www.avp.siligon.com/predators10/pre4h01.jpg
http://www.avp.siligon.com/predators10/pre4h02.jpg
ย้วดจาเพศเมีย
ย้วดจาเพศเมียเรียกอีกชื่อเก๋ๆว่า "Predaty" มักไม่ค่อยถูกกล่าวขานถึงกันเท่าไร...ในสังคมย้วดจาเพศเมียจะทำหน้าที่เลี้ยงดูลูกอยู่บนดาวบ้านเกิด หรือบนยานแม่ แต่อย่าคิดว่า พวกเธอไล่ล่าไม่เป็น ในสังคมของย้วดจาก็เปิดโอกาสให้ผู้หญิงเหล่านี้ได้มีโอกาสล่าเหมือนกัน ในเว็บ(ฝรั่ง)แฟนพันธุ์แท้พรีเดเตอร์ บางท่านกล่าวว่า... ย้วดจาเพศเมียแข็งแรงกว่าเพศผู้เสียอีก แคลนของเพศเมียจะประกอบไปด้วยลูกสาว แม่ และย่า-ยาย และในกลุ่มแคลนนักล่าหลายกลุ่มมีเพศเมียเป็นผู้นำ เล่นเกมส์ไล่ล่าดุเดือดไม่แพ้พรีเดเตอร์เพศชาย (แต่บางพวกก็มีอุปนิสัยไปทางรักสงบ จึงจัดอยู่ในพวก Non Hunters และคาดว่าพรีเดเตอร์เพศเมียคงจะมีการตั้งครรภ์และคลอดลูกคล้ายๆกับมนุษย์ :)
http://www.avp.siligon.com/avppics/prefemale01.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/prefemale02.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic16.jpg
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic14.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/prefemale03.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic71.jpg
* ยังไม่มีการปรากฏตัวของบรรดากลุ่มย้วดจาเพศหญิงแบบตัวเป็นๆฉบับภาพยนตร์ ให้เราได้เห็นแบบจะๆแสดงบทบทาทเต็มที่แม้แต่ครั้งเดียว จะมีก็แต่ภาพสเก็ตในจินตนาการและโมเดลเท่านั้น ซึ่งล่าสุดทีมงานภาพยนตร์ Predators ภาค 2010 ได้ออกแบบสเก็ตไว้ใน Concept Art (สองรูปแรก) แต่ก็ไม่ได้ปรากฏในภาพยนตร์แต่ประการใด ดาดว่าหากมีการสร้างเป็นภาคต่อๆไป คงต้องมีเพศเมียโผล่มาให้เห็นกันบ้าง(มั๊ง)
ส่วนอันนี้ภาพหาดูยาก... "พรีเดเตอร์เพศเมีย" ปรากฏใน คอมมิค ชุด Witchblade, Aliens, Darkness & Predator - Mindhunter *น่าจะเป็นชุดนี้ชุดเดียวเท่านั้นที่มี เพศเมีย แสดงบทบาทล่าให้เราเห็น เธอมาล่าแบบบินเดี่ยว ใส่ยกทรงเกราะ ชุดแต่งเท่ห์ทีเดียว ดูจากลีลาการต่อสู้ไม่ก็ธรรมดา ผิวหนังสีเขียว หุ่นเฟิมกล้ามเป็นมัดๆ(หรือจะเป็นกระเทย!) แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็ยังไม่ได้เห็นโฉมหน้า เพราะเธอไม่ได้ถอดหน้ากาก
http://www.avp.siligon.com/avppics/avp_dvd/big93_2.jpg
ตำนาน Alien : จาก"Space jockey" ถีง Xenomorph "
ในเบื้องต้นโปรดทำความเข้าใจก่อนว่า ชื่อเดิมของเอเลี่ยนนั้นคือ " Xenomorph(ซีโนมอร์ฟ) " เพราะจริงๆแล้ว "Alien" เป็นคำกลางๆใช้เรียกสิ่งมีชีวิตต่างดาวทั้งหมด "Predator" ก็เป็นเอเลี่ยนชนิดหนึ่งเช่นกัน แต่เผอิญคำนี้ถูกนำมาใช้เรียกเจ้าตัวเอเลี่ยนพันธุ์ "ซีโนมอร์ฟ" ผ่านทางภาพยนตร์จนโด่งดังไปทั่วโลก เมื่อพูดถึงเอเลี่ยนเราจึงมักเข้าใจว่าคำนี้เป็นชื่อเฉพาะของซีโนมอร์ฟไปโดยปริยาย(เหมือน ผงซักฟอก "แฟ้บ" และ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "มาม่า" นั้นเอง)
http://www.avp.siligon.com/avppics/p...b/promot51.jpg
เอเลี่ยนพันธุ์ซีโนมอร์ฟดั้งเดิมนั้นมิได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอย่างสิ่งมีชีวิตทั่วไป แต่เกิดจากการสร้างขึ้นด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมเชิงกลชั้นสูง ที่เรียกว่า "Biomechanics" หรือ จักรกลชีวะ! ถ้าสังเกตดีๆเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเจ้าเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟนี้มีเค้าโครงกึ่งเครื่องจักรกึ่งสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะลักษณะผิวหนังที่ดูคล้ายเป็นท่อปล้องของเครื่องยนต์ และตามตำนานผู้ที่ให้กำเนิดนวัตกรรมล้ำเลิศชิ้นนี้ก็คือ " Space Jockey (สเปซ จ๊อกกี้)" เรียกสั้นๆว่า "Jockey" หรืออีกชื่อ "The Pilot"
http://www.avp.siligon.com/avppics/p...b/promot52.jpg
- คลิปวิดิโอ : วิเคราะห์รูปแบบชีวิตของเอเลี่ยน -
http://www.youtube.com/watch?v=5dzj4tMKsOM
Space Jockey เป็นใคร มาจากไหน ?
Space Jockey คือ ชื่อเรียกสปีชี่ส์ต่างดาวโบราณเผ่าหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณ สามพันล้านปีก่อนคริสตกาล! พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิทยาการ "Biomechanics" Jockey มีรูปร่างแขนขาคล้ายมนุษย์แต่ตัวโตสูงใหญ่กว่ากันมาก ความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4-6 เมตร และมีจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าพันธุ์คือ จมูกยาวเป็นงวงคล้ายงวงช้าง ในภาพยนตร์ Alien ภาค1เราจะเห็นซากฟอสซิลของJockeyตนหนึ่งหลงเหลืออยู่ภายในซากยาน "The Derelict Spacecraft" บน "ดาว LV-426" ซึ่งอยู่ในลักษณะท่านั้งกึ่งนอนโดยร่างกายดูเหมือนแทบจะติดกลืนเป็นเนื้อเดียวกันกับแท่นที่นั้งนั้น และเมื่อสังเกตดีๆก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า รูปลักษณ์พื้นผิวทั้งภายนอกและภายในของยาน Derelict กับซากSpace jockey มีรูปแบบเป็น Biomechanics กึ่งเครื่องจักรกึ่งชีวะเช่นเดียวกันกับ Alien
http://www.avp.siligon.com/avppics/Spacejockey04.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Spacejockey09.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Spacejockey06.jpg
ที่มาของการสร้างซีโนมอร์ฟเอเลี่ยน และจุดจบของ Space jockey กับยาน Derelict
- ซากยาน "The Derelict Spacecraft" ของ Space Jockey บนดาว "LV-426" -
http://www.avp.siligon.com/avppics/Spacejockey07.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/Spacejockey08.jpg
ที่มาของการสร้างAlien
เริ่มจากในช่วงประมาณตอนปลายแห่งยุคที่ Space Jockey รุ่งเรืองยิ่งใหญ่อยู่นั้น Jockey เกิดความขัดแย้งสู้รบทำสงครามกับศัตรูเผ่าต่างดาวเผ่าหนึ่ง(ไม่ปรากฏชื่อว่าเป็นพวกไหน แต่คงต้องยิ่งใหญ่เกรียงไกรพอๆกัน) สงครามดำเนินยืดเยื้อกินเวลายาวนานไม่มีทีท่าว่าจะแพ้ชนะกัน เนื่องจากต่างฝ่ายต่างแข็งแกร่ง พวก Space Jockey จึงระดมพลนักวิทยาศาสตร์ชั้นหัวกระทิ ทำการวิจัยทดลองพัฒนาเพื่อสร้างอาวุธมหาประลัยอย่างลับๆบนดาวเคราะดวงหนึ่งที่ชื่อว่าดาว " Proteus" หรือ "โปรทีอุส"
และแล้วในที่สุดการทดลองค้นคว้าของพลพรรคนักวิทยาศาสตร์ Jockey ก็ประสบความสำเร็จ ปรากฏผลออกมาเป็นนวัตกรรมอาวุธมีชีวิตอันแสนอัศจรรย์พันลึก ได้รับการขนานนามเริ่มแรกว่า "Xenomorph" หรือที่พวกเรารู้จักกันดีในนามตัว "Alien" นั้นเอง โดยตั้งชื่อเรียกรุ่นแรกที่ผลิตออกมาว่า รุ่น "Prototype(โปรโตไทป์)" ซึ่งมีลักษณะชีวิตที่ค่อนข้างซับซ้อนดังนี้
1 . ซีโนมอร์ฟโปรโตไทป์ ที่เป็นตัวเต็มวัยปกตินั้น เกิดมาจากการวางไข่ของซีโนมอร์ฟนางพญา โดยนางพญาสามารถวางไข่แพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วคราวละนับพันๆหมื่นๆฟองแล้วแต่การโปรแกรมสั่งการจาก Space Jockey
2 . ไข่ทั้งหมดที่เกิดจากนางพญามีตัวอ่อนอยู่ด้านใน มันจะออกจากไข่แล้วจู่โจมฆ่าเหยื่อที่อยู่ใกล้ๆตามการโปรแกรมของ Jockey ทำการเข้าไปฝังภายในร่างเพื่อฟักตัวและออกจากร่างเหยื่อนั้นเติบโตเป็นตัวเต็มวัยปกติต่อไป โดยพวกมันจะไม่เติบโตเป็นตัวนางพญาเสียเอง นั้นหมายถึงพวกมันเป็นหมันไม่สามารถวางไข่สืบพันธุ์ได้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจาก...(ข้อถัดไป)
3 . นางพญามีโครงสร้างทางชีวะเชิงกลที่ซับซ้อนกว่าตัวตัวเต็มวัยปกติมาก จึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ จะกำเนิดเป็นตัวตนขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อมีการเพาะเชื้อและโปรแกรมคำสั่งขึ้นใหม่โดยอาศัยกลไกวิทยาศาสตร์แบบBiomechanics ซึ่งกระทำโดยนักวิทยาศาสตร์ Jockey ผู้ชำนาญการจริงๆเท่านั้น และเหตุที่มีข้อจำกัดเช่นนี้ก็หาใช่ความบกพร่องของนักวิทยาศาสตร์ Jockeyไม่ แต่ทั้งนี้เป็นความจงใจเพื่อความสะดวกในการควบคุมจำนวนของเอเลี่ยนได้ตามต้องการนั้นเอง นี่คือความหลักแหลม รอบคอบและรัดกุมของ Space jockey
รูป Alien รุ่น Prototype จะเห็นว่ารูปลักษณ์ไม่เหมือนกับเอเลี่ยนที่เราคุ้นเคย พบหลักฐานแค่รูปนี้รูปเดียวเท่านั้น
http://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/aPrototype.jpg
รุ่นโปรโตไทป์ เป็นรูปลักษณ์ดั้งเดิมของซีโนมอร์ฟ แรกเริ่มนั้นพวกมันมีรูปลักษณ์ที่ตายตัว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมหรือลักษณะร่างกายสีสันไปตามพันธุ์เหยื่อที่มันฟักตัว เพราะยังไม่ได้วิวัฒนาการกลายพันธุ์ (รุ่นหลังๆที่กลายพันธุ์แล้ว จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปตามDNAของเหยื่อที่มันเข้าไปฟักตัว ซึ่งเป็นรุ่นที่คุ้นเคยกันดี ดังที่ได้ปรากฎในภาพยนตร์หรือฉบับการ์ตูนคอมมิคทั่วไปนั้นเอง) รุ่นโปรโตไทป์เดิมนั้นจะเชื่อฟังคำสั่งและอยู่ภายใต้การควบคุมของ Space Jockey ทุกประการ เพราะร่างกายของมันเป็นเสมือนโปรแกรมพันธุกรรมที่เป็นไปตามการโปรแกรมคำสั่งการจาก นักวิทยาศาสตร์ Space Jockey ทำงานคล้ายๆคอมพิวเตอร์ที่ต้องป้อนคำสั่งให้กระทำการต่างๆตามที่ต้องการ ส่วนจักรกลชีวะอย่างเอเลี่ยนจะใช้รหัสพันธุกรรมเป็นตัวโปรแกรมคำสั่งแทน
เมื่อได้ Xenomorph มาแล้ว Space Jockey ก็ไม่รอช้า ทำก่อการลอบนำไข่เอเลี่ยนจำนวนนับล้านๆใบไปทิ้งไว้บนดาวของศัตรูคู่สงคราม ในเวลาไม่ช้าดาวทั้งดวงนั้นจึงเต็มไปด้วยฝูงเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟ ศัตรูคาดไม่ถึงว่าจะมีอะไรพึลึกกึกกือแถมร้ายกาจเช่นนี้ ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถูกฆ่าล้างโคตรสูญพันธุ์เสียสิ้นหมดทั้งดาวภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เผ่า Space Jockey กำชัยชนะเหนือศัตรูได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าอาวุธที่เขาสร้างขึ้นมานั้นมัน นานวันเข้ากลับมีกลไกวิเศษเกินกว่าที่ได้ออกแบบไว้แต่แรกเสียอีก และในที่สุดมันจะนำจุดจบอันโหดร้ายมาสู่พวกเขาเองด้วยเช่นกัน!
จุดจบของ Space Jockey
ในระยะเวลาไม่นานนักหลังชนะสงคราม สัญญาณหายนะได้ก่อตัวขึ้น นักวิทยาศาสตร์ Space Jockey ค้นพบว่าบางพื้นที่บนดาวบ้านเกิดของพวกเขาเองนั้น ได้เกิดการแพร่ระบาดของเอเลี่ยนอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่ไม่ได้มีการโปรแกรมให้นางพญาผลิตไข่เพิ่มและก็ไม่ได้มีการนำไข่ออกไปทิ้งไว้ภายนอกแต่อย่างใด โดยปกติตัวเอเลี่ยนและไข่จะถูกกักไว้ให้อยู่แต่เฉพาะภายในห้องควบคุมที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษเท่านั้น แสดงว่าต้องมีไข่หรือตัวอ่อนบางตัวหลุดออกไปภายนอก! และที่น่าฉงนสนเท่ห์ก็คือ เอเลี่ยนตัวอ่อนรุ่นใหม่ๆที่หลุดออกไปบางส่วนนั้นได้เกิดการกลายพันธุ์เติบโตขึ้นเป็นตัวนางพญาได้เอง มันสามารถวางไข่แพร่พันธุ์ได้เยี่ยงสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติทั่วไปไม่ต้องผ่านการโปรแกรมของ นักวิทยาศาสตร์Jockey แถมที่พิเศษไปกว่านั้นลูกๆตัวเต็มวัยรุ่นใหม่อันเกิดจากเอเลี่ยนนางพญากลายพันธุ์นั้น มันสามารถมีรูปลักษณ์เปลี่ยนไปตามDNAตัวเหยื่อที่มันเข้าไปฟักตัว!(รายละเอียดการเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปตามDNAของเหยื่อ ดูวัฏจักรชีวิตเอเลี่ยน)
สัญญาณนี้ทำให้พวกJockeyเริ่มตระหนักถึงภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น และที่ยุ่งยากหนักขึ้นไปอีกก็คือ ไม่รู้ว่าเหล่านางพญาแพร่กระจายซุกซ่อนทำรังวางไข่อยู่ที่ไหนกันบ้าง พวกมันได้ทำการวางไข่ออกมาอย่างบ้าคลั่ง! จึงส่งผลให้เกิดเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งเหมือน กรรมตามสนอง! เหล่าเอเลี่ยนรุ่นใหม่นี้ได้ไล่ล่าฆ่าประชาชนชาวJockey ล้มตายอย่างรวดเร็ว นอกจากฆ่าแล้วมันยังทำการขนร่างเหยื่อไปไว้ที่รังนางพญาเพื่อให้ไข่ของพวกมันได้ฟักตัวเติบโตแพร่พันธุ์ต่อไปอีกต่างหาก มันจึงยิ่งแพร่พันธุ์รวดเร็วเป็นทวีคูณ! เหล่าพลพรรค Space Jockey พยายามทำทุกวิถีทางที่จะควมคุมและกำจัดพวกมัน แต่โชคร้ายพวกมันมีจำนวนมหาศาลเกินกว่าจะกำจัดให้หมดไปได้ง่ายๆภายในเวลาอันสั้นเสียแล้ว แม้อาวุธยุทโธปกรณ์ของJockeyจะทันสมัยร้ายแรงสักปานใดก็มิอาจยับยั้งทำลายล้างพวกมันให้หมดไปได้ในคราวเดียว เห็นทีจะมีแค่ทางเดียวเท่านั้นคือ ระเบิดล้างดาวทั้งดวง! ซึ่งไม่ใช่ทางออกที่ดีนักเพราะจะเป็นฆ่าประชาชนพี่น้องเผ่าพันธุ์ตัวเองให้ตายไปด้วย! Jockey จึงไม่เลือกวิธีนี้ ยังคงค่อยต่อสู้ยันทัพกับเอเลี่ยนต่อไปตามกำลังที่มี
ท้ายที่สุด พวก Jockey แก้ปัญหาโดยการส่งนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำจำนวนหนึ่งโดยสารยานที่ชื่อว่า "The Derelict Spacecraft" อพยพกันอย่างฉุกละหุกไปยังดวงดาวเป้าหมายดวงหนึ่ง(ไม่มีหลักฐานว่าชื่อดาวอะไร)เพื่อจะได้รอดพ้นจากการก่อกวนของพวกเอเลี่ยน โดยได้เก็บตัวอย่างเหล่าเอเลี่ยนทั้งที่เป็นไข่ ตัวเต็มวัยและนางพญาบางส่วนที่เกิดจากการวิวัฒนาการตัวเองรุ่นหลังนั้นไปด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อไปทำการศึกษาวิจัยหาทางแก้ไขสถานะการณ์แล้วจึงกลับมารับมือจัดการกับเอเลี่ยนอย่างเร่งด่วนที่สุดต่อไป แต่สุดท้ายยานลำนั้นก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะไปถึงยังดาวเป้าหมายดังที่ได้ตั้งใจไว้ เนื่องจากเอเลี่ยนได้เกิดหลุดออกมาจากห้องควบคุมภายในยาน และทำการอาละวาดจู่โจมนักบินบังคับยานเสียชีวิตแถมตัวอ่อนได้เข้าไปฟักตัวภายในร่าง(ก็คือ Jockey ตัวที่เหลือซากฟอลซิลให้เราได้เห็นกันในหนัง alien ภาค 1นั้นเอง) เมื่อปราศจากนักบินบังคับยานอย่างกระทันหันเช่นนี้ ยานจึงเสียหลักหลุดตกไปในดาวแคระลึกลับที่ถูกตั้งชื่อภายหลังโดยมนุษย์เราว่า ดาว "LV-426" แม้พลพรรคลูกยาน Jockey คนอื่นๆที่เหลืออยู่จะสามารถรับมือต่อสู้กับเอเลี่ยนที่หลุดออกมาได้บ้าง แต่ยานได้ร่อนลงกระแทกพื้นดาวLV-426 อย่างรุนแรง ยานจึงเสียหายอย่างหนักจนไม่อาจซ่อมแซมให้ใช้การได้อย่างทันท่วงที สิ่งที่พวกเขาทำได้มีเพียงส่งคลื่นสัญญาณออกไปรอบๆดวงดาวแห่งนั้นเพื่อขอความช่วยเหลือจากยานต่างดาวอื่นๆที่อาจจะผ่านมาในวงโคจรแต่ก็ไม่เป็นผลใดๆ ในท้ายที่สุดนักวิทยาศาสตร์ชาว Space Jockey ทุกชีวิตบนยาน Derelict ก็เป็นอันต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถด้วยจักรกลชีวะมหาประลัยที่พวกตนคิดค้นและสร้างมันขึ้นมาด้วยน้ำมือของตัวเอง
ส่วน ณ ดาวบ้านเกิด เหล่า Space jockey ก็ต้องเผชิญกับจุดจบอันน่าเศร้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน เอเลี่ยนทำลายล้างทุกชีวิตจนแทบสูญพันธุ์สิ้น อารยธรรม Space Jockey ที่เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกรก็เป็นอันต้องปิดฉากล่มสลายยุติลง ณ บัดนั้นเอง คงเหลือแต่พงศ์พันธุ์อสูรกายเอเลี่ยนเท่านั้นที่เป็นใหญ่ครอบครองดาวของ Jockey และในเวลาต่อมาเอเลี่ยนกลายพันธุ์รุ่นใหม่ก็ได้ฆ่ากินเอเลี่ยนรุ่นโปรโตไทป์ดั้งเดิมที่หลงเหลือให้สูญพันธุ์เสียสิ้นไปด้วยเช่นกัน นี่จึงเป็นเหตุที่ไม่มีเอเลี่ยนรุ่นดั้งเดิมโปรโตไทป์หลงเหลือให้เราได้ดูชมกันในยุคปัจจุบันเลยแม้แต่ตัวเดียว
ย้อนกลับไปอีกรอบเมื่อครั้งที่เอเลี่ยนกลายพันธุ์รุ่นใหม่ได้แพร่พันธุ์และอาละวาดไล่ฆ่าก่อความโกลาหลไปทั่วดาวSpace Jockey ในช่วงเวลานั้นนอกจากมีการส่งยาน The Derelict ลำแรกออกจากดาวดังที่ได้ทราบกันมาแล้ว ในเวลาต่อมาก็ยังมียาน The Derelcit ลำอื่นๆรวมทั้งยานเล็กยานน้อยย่อยๆอีกหลายลำได้ทยอยกันอพยพหนีตายเพื่อออกไปหาที่พำนักแห่งใหม่ ณ ดาวดวงอื่นๆ บ้างก็มุ่งไปยังดาวอาณานิคม บ้างก็มุ่งไปยังดาวที่ตนและพวกพ้องเคยรู้จัก บ้างก็ยังไม่มีจุดหมายขอแค่ให้รอดชีวิตพ้นออกจากดาวบ้านเกิดของตนก่อนเป็นพอ แต่ปรากฏว่ายานเหล่านั้นทุกลำล้วนมีเอเลี่ยนแฝงตัวอยู่ด้วยทั้งสิ้นน้อยบ้างมากบ้างต่างกันไป แต่ที่แน่ๆคงไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกJockeyในยานเหล่านั้นจะประสบชะตากรรมเช่นใด และยานเหล่านั้นบางลำก็ได้ล่องลอยหลุดเข้าไปยังชั้นบรรยากาศจนตกลงบนดาวเคราะห์น้อยใหญ่สุดแท้แต่เส้นทางที่มันได้ล่องลอยไป ด้วยเหตุนี้นอกจากบนดาวของSpace Jockeyแล้ว เอเลี่ยนจึงยังได้กระจายแพร่พันธุ์อยู่บนดาวที่ยานได้ตกลงไปอีกด้วย
เมื่อมฤตยูนักล่าจักรวาล "พรีเดเตอร์ " ค้นพบ อสูรอวกาศ "Xenomorph"
หลังจาก Space Jockey ได้ล่มสลายไปแล้วเป็นเวลายาวนาน ณ ดาวดวงแห่งหนึ่งในแกแลคซี่อันไกลโพ้น เกิดมีสปีชี่ส์ต่างดาวสายพันธุ์ใหม่วิวัฒนาการขึ้นเป็นเผ่าพันธุ์ทรงปัญญา มีอารยธรรมอันรุ่งเรืองเกรียงไกรและมีเทคโนโลยีล้ำสมัยไม่ด้อยไปกว่า Space Jockey อันชาวโลกเราคุ้ยเคยกันดีในนาม "Predator" พรีเดเตอร์ได้ถือกำเนิดขึ้นและค่อยๆพัฒนาสร้างอารยธรรมของตนเอง ณ ดาวบ้านเกิด และเมื่อพัฒนาก้าวหน้าถึงขีดสุดจึงได้ท่องเที่ยวล่าอาณานิคมต่างดาวแถมยังนิยมเล่นเกมส์ไล่ล่า แสวงหาเหยื่อสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งไปทั่วจักรวาล มีการตั้งข้อสันนิษฐานกันว่าพวกพรีเดเตอร์คงได้ไปพบเอเลี่ยน ณ ดาวเคราะห์ดวงใดดวงหนึ่งในจักรวาลหรือไม่ก็ที่ดาวของSpace Jockeyเดิมนั่น เลยทำการลอบจับเอานางพญาบางตัวและไข่บางส่วนไปเพาะเลี้ยงเพื่อใช้ในเกมส์ไล่ล่า ณ ดาวบ้านเกิดและดาวอันเป็นอาณานิคมอื่น( ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ตำนาน Predator )
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic60.jpg
วัฏจักรชีวิตของอสูรกายอวกาศ "เอเลี่ยน"
ในทุกขั้นทุกตอนของวัฎจักรชีวิตเอเลี่ยน เป้าหมายของมันมีเพียงสองประการเท่านั้นคือ ฆ่า และ ขยายพันธุ์ ณ บัดนี้ท่านจะได้พบกับขั้นตอนวัฎจักรชีวิตอันสุดแสนซับซ้อนมหัศจรรย์พันลึกอย่างที่จะไม่มีสปีชี่ส์พันธุ์ใดในจักรวาลเสมอเหมือน
เริ่มจาก
ขั้นที่ 1: ไข่ (EGG)
http://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/aegg03.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/aegg04.jpg
ไข่ เกิดจากการวางไข่ของเอเลี่ยนนางพญาหรือราชนี(Queen) มีรูปร่างทรงกลมรี ความสูงประมาณ 2 ฟุต มีจุกรอยแยกเป็นปากตรงปลายยอดด้านบน ภายในไข่มีตัวสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า "Facehugger (เฟชฮักเกอร์)" นอนจำศีลกบดานแน่นิ่งอยู่ และตัวเปลือกไข่จะมีการผลิตน้ำเมือกซึ่งเป็นสารอาหารคอยหล่อเลี้ยงให้ตัวเฟชฮักเกอร์สามารถมีชีวิตยืนยาวต่อไปได้ ว่ากันว่ามันสามารถอยู่ได้ยาวนานนับพันปี!เลยทีเดียว โดยเมื่อใดก็ตามที่เฟชฮักเกอร์รับรู้ถึงคลื่นความร้อนของร่างกายเหยื่อไม่ว่าเหยื่อนั้นจะเป็นสิ่งมีชีวิตพันธุ์ใดก็ตาม ขอแค่มีขนาดร่างกายที่โตพอไม่เล็กเกินไป จุกปากด้านบนเปลือกไข่ก็จะเปิดออกปล่อยให้ตัวเฟซฮักเกอร์นั้นได้ดีดตัวออกมาและทำการกระโจนเข้าไปเกาะติดใบหน้าเหยื่อสิ่งมีชีวิตนั้นๆอย่างรวดเร็ว
ขั้นที่ 2 : เฟซฮักเกอร์ (FACEHUGGER)
http://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/aface05.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/giger03.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/aface02.jpg
ก็คือตัวที่ออกมาจากไข่ดังที่เกริ่นไปบ้างแล้วในขั้นไข่นั้นเอง เรียกอีกอย่างเป็นคำไทยๆว่า "ตัวเกาะหน้า" เฟซฮักเกอร์ มีผิวเป็นซิลิโคน มีเท้าเป็นนิ้ว 8 แฉก มีถุงลม 2 ข้างและมีลำท่อเป็นงวงยาวซ่อนอยู่ภายในร่างกาย การจู่โจมขอมันเริ่มจากการพยายามกระโจนเข้าไปเกาะติดบนใบหน้าตัวเหยื่อไว้อย่างมั่นคง แล้วจึงสอดท่อหรืองวงเข้าทางปากเหยื่ออย่างรวดเร็ว พร้อมตัดขาดการรับอากาศจากภายนอกทำให้เหยื่อสลบไป จากนั้นจึงปล่อยน้ำเชื้อตัวอ่อนเคลื่อนลงไปฝังตัวในทรวงอกของร่างเหยื่อนั้น เมื่อปล่อยน้ำเชื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เฟซฮักเกอร์ก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป มันจะตายและหลุดออกจากใบหน้าเหยื่อแล้วเสื่อมสภาพเน่าสลายไปเองในที่สุด ส่วนตัวเหยื่อก็จะฟื้นขึ้นอีกครั้งและสามารถมีชีวิตปกติไปได้อีกระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งเชื้อที่ได้ฝังอยู่ในร่างเติบโตแข็งแรงขึ้น…ดูขั้นต่อไป
ขั้นที่ 3 : เชสเบิร์สเตอร์ (Chestburster)
http://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/achest02.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/achest04.jpg
http://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/achest03.jpg
"เชสเบิร์สเตอร์" หรือ "ตัวทะลวงอก" มันคือตัวเต็มวัยของเชื้อตัวอ่อนที่ถูกฝังไว้ในโพรงทรวงอกของร่างเหยื่อในขั้นที่แล้วนั้นเอง ซึ่งปกติจะเกิดขึ้นเพียง 1 ตัวต่อ 1 คนเท่านั้น(แต่ก็มีกรณีพิเศษ หลายตัวต่อหนึ่งคนเช่นกัน ไว้จะได้รู้กันในขั้นถัดๆไป) มันจะอาศัยพลังงานและสารอาหารจากร่างเหยื่อเสมือนเป็นดั่งทารกในครรภ์มารดา เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงโดยที่ตัวเหยื่อยังมีชีวิตอยู่และภายนอกก็ดูเป็นปกติดีทุกประการ จนเมื่อมันเติมโตสมบูรณ์มีขนาดใหญ่ขึ้นประมาณแขน มีหัวที่แข็งประหนึ่งเหล็กกล้าพร้อมเขี้ยวอันแหลมคมผนวกกับพละกำลังมหาศาล มันจึงสามารถทำการเจาะทะลุทรวงอกออกจากร่างนั้นและก็หาที่ปลอดภัยเพื่อหลบซ่อนอำพรางตัว จากนั้นจะค่อยๆลอกคราบทีละชั้นๆเติบโตเป็นตัวเต็มวัยอย่างรวดเร็วต่อไป(เหมือนกับการลอกคราบของงู) ส่วนเหยื่อผู้ประหนึ่งเป็นมารดานั้นก็เป็นอันสิ้นลมเป็นศพไปตามระเบียบ
ขั้นที่ 4 : ขั้นตัวเต็มวัย ขั้นนี้แยกย่อยได้ 3 ประเภท คือ
4.1 เซโนมอร์ฟหรือซีโนมอร์ฟ (XENOMORPH) ตัวเต็มวัยแบบมาตรฐาน
http://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/aadult01.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/aadult04.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/aadult03.jpg
คือตัวเต็มวัยอันเกิดจากการลอกคราบมาแล้วหลายครั้งจากขั้น เชซเบิร์สเตอร์ โดยจะได้รับคุณสมบัติทางพันธุกรรมหลายๆอย่างทั้งเด่นและด้อยจากร่างเหยื่อที่มันได้ใช้เป็นที่อาศัยฟักตัว อาทิเช่น ถ้าเหยื่อตัวสูงใหญ่หรือเตี้ยล่ำมันก็จะมีโครงสร้างรูปร่างตามนั้นเช่นกัน หรือถ้าหากเหยื่อเป็นสัตว์คลานสี่เท้าหรือว่ายน้ำมันก็จะสามารถคลานหรือว่ายน้ำไปไหนมาไหนได้อย่างคล่องแคล่วกว่าเอเลี่ยนที่มาจากร่างอื่นๆ หรือแม้แต่ในแง่ของสติปัญญาหากร่างเหยื่อเป็นมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาต่างดาวอื่นๆมันก็จะได้รับคุณสมบัติความเฉลียวฉลาดติดตัวตามไปด้วย แต่ทั้งนี้รูปลักษณ์โดยรวมก็ยังคงมีเอกลักษณ์ร่วมตามแบบฉบับของเอเลี่ยนมาตรฐานทั่วไป นั่นคือมีหัวเป็นโดมรียาว มีผิวหนังเป็นเปลือกแข็งสีโทนดำอันเต็มไปด้วยลักษณะท่อปล้องแง่เงี่ยง (อาจมีอมสีอื่นบ้างเช่นอมเขียว อมน้ำตาล อมน้ำเงินแต่ก็ยังคงโทนมืดดำใกล้เคียงกัน)
เอเลี่ยนตัวเต็มวัยสามารถทนทานต่อการบาดเจ็บรุนแรงทุกชนิด มันจึงไม่ตายง่ายๆแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส เลือดของมันมีสีเขียวอ่อนเป็นกรดเข้มข้นทำหน้าที่คล้ายน้ำกลั่นในหม้อแบตเตอร์รี่ที่หมุนเวียนชาร์ตพลังงานในตัวอยู่ตลอดเวลาจึงไม่ต้องหายใจแบบสิ่งมีชีวิตทั่วไป และสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ในทุกสภาพอากาศหรือแม้แต่ในสูญญากาศ และเมื่อเลือดไหลออกมาภายนอกก็สามารถกัดกร่อนทะลุทะลวงของแข็งทุกชนิดให้แหลกเหลวได้ในพริบตา
อาวุธประจำกายที่น่าสะพรึงกลัวของมันคือ ลิ้นเจาะ! ซึ่งซ่อนอยู่ภายในปาก ลักษณะเป็นท่อนยาวสามารถยืดหดหรือแข็งตัวได้ โดยส่วนปลายลิ้นเป็นหัวที่มีปากมีเขี้ยวคล้ายเป็นหน้าหรือหัวของมันซ้อนอยู่อีกหัวหนึ่ง ลิ้นเจาะนี้สามารถเฉาะทะลวงศรีษะหรือแม้แต่แผ่นเหล็กกล้าให้แตกทะลุได้อย่างง่ายดาย และมันได้ใช้ลิ้นเจาะที่มีหัวนี้เองในการเฉาะดูดกินทั้งเลือด เนื้อ มันสมองของเหยื่อเป็นอาหาร อีกทั้งมันยังมีหางปลายแหลมสามารถตวัดไปมาได้อย่างรวดเร็วใช้ทั้งฟาดและเสียบเหยื่อยามเผลอให้ตายคาที่มานักต่อนัก
4.2 ตัวเต็มวัยซีโนมอร์ฟนางพญา หรือ ราชินี (QUEEN)
http://www.avp.siligon.com/avppics/a...ienqueen02.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a...ienqueen03.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a...ienqueen06.jpg
เชื้อตัวอ่อนราวหนึ่งในร้อยตัวในขั้น เชซเบิร์สเตอร์ จะโตขึ้นเป็นตัวเต็มวัยนางพญา ถึงแม้ว่าพวกมันจะเริ่มต้นชีวิตในแบบที่เหมือนกับเชซเบิร์สเตอร์ทั่วไปดังที่ได้บรรยายไว้ข้างต้นทุกประการ แต่ตัวอ่อนนางพญาจะใช้เวลาในการฝังและฟักตัวอยู่ในร่างเหยื่อนานกว่าตัวอ่อนของตัวเต็มวัยมาตรฐาน นั้นคือจะอยู่นานถึงประมาณ 1 สัปดาห์ ตัวสิ่งมีชีวิตที่เป็นร่างเหยื่อนั้นจึงมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้นานขึ้นอีกหน่อย และเมื่อโตเต็มที่นางพญาจะตัวโตกว่าตัวเต็มวัยมาตรฐานประมาณครึ่งๆเลยทีเดียว โดยความสูงรวมอยู่ที่ประมาณ 15 ถึง 30 ฟุต ในขณะที่ตัวเต็มวัยมาตรฐานทั่วไปเมื่อยืนเต็มที่จะสูงประมาณ 9-12 ฟุต แถมนางพญายังมีแขนเล็กๆเพิ่มขึ้นที่หน้าอกอีกสองแขนเท่ากับมันมี 4 แขนนั้นเอง โครงสร้างส่วนหัวของนางพญามีลักษณะแตกต่างออกไปคือจะไม่เป็นโดมยาวแต่จะมีลักษณะแผ่บานเป็นแผ่นใหญ่ดูคล้ายกับหัวไดโนเสาร์พันธุ์ไทรเซอราทอปส์ และที่สำคัญจะมีเฉพาะแต่ตัวนางพญาเท่านั้นที่สามารถวางไข่ได้ มันสามารถปล่อยน้ำเมือกออกมาเป็นถุงไข่โปร่งแสงขนาดมหึมาซึ่งใช้ในการเพาะไข่ได้คราวละนับร้อยๆพันๆฟอง โดยจะมีตัวเต็มวัยแบบมาตรฐานคอยทำหน้าที่เป็นทหารปกป้องคุ้มภัยและช่วยล่าเหยื่อสิ่งมีชีวิตต่างๆมาไว้ในรังของนางพญาเพื่อได้เป็นทั้งอาหารของนางพญาเอง และสำหรับตัวเฟซฮักเกอร์ที่ออกจากไข่ได้ใช้เป็นร่างฝังเชื้อตัวอ่อนและฟักตัว-เจริญเติบโต หมุนเวียนต่อไปเป็นวัฏจักร
4.3 ! Hybrid Alien ! อสูรเลี่ยนพันธุ์ลูกผสม
เอเลี่ยนขั้นพิเศษ : ตัวเต็มวัยลูกผสม(Hybrid)
ความมหัศจรรย์อันสำคัญที่สุดของรูปแบบชีวิตอสูรกายเอเลี่ยนที่ไม่เหมือนสปีชี่ส์อื่นใดในจักรวาลก็คือ ตัวอ่อนสามารถฟักตัวในร่างเหยื่อสิ่งมีชีวิตพันธุ์ใดก็ได้ และเมื่อมันเกิดจากเหยื่อชนิดใดก็จะได้รับคุณสมบัติทางพันธุกรรมของเหยื่อนั้นผสมเข้าไปด้วย ดังได้ทราบกันแล้วในขั้นตัวเต็มวัยแบบมาตรฐานหรือขั้นซีโนมอร์ฟ
แต่เมื่อใดที่มันได้ฟักตัวจากสิ่งมีชีวิตที่มีคุณสมบัติและรูปลักษณ์ภายนอกแปลกประหลาดออกไปเป็นพิเศษ เช่นอยู่ในสัตว์เลื้อยคลานหรืออยู่ในสิ่งมีชีวิตต่างดาวประหลาดๆอื่นๆ มันก็จะมีรูปลักษณ์โดดเด่นแตกต่างจากตัวเต็มวัยมาตรฐานทั่วไปอย่างชัดเจนเป็นพิเศษจึงต้องจัดพวกมันให้อยู่ในขั้น "ลูกผสมขั้นพิเศษ" หรือ "Hybrid" โดยในขั้นไฮบริดนี้นอกจากเกิดขึ้นเองจากการฟักตัวตามธรรมชาติแล้ว ยังมีไฮบริดที่เกิดจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์โดยน้ำมือของมนุษย์หรือมนุษย์ต่างดาวอื่นๆอีกด้วย ซึ่งก็ส่งผลปรากฏให้มีรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดยิ่งขึ้นไป ตัวอย่างเอเลี่ยนไฮบริดพันธุ์ต่างๆที่เคยได้ปรากฎในภาพยนตร์ อาทิเช่น
http://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/adog03.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/adog02.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/adog01.jpg
* Dog Alien เอเลี่ยนเกิดจากร่างสุนัข ปรากฎในภาพยนตร์ Alien ภาค3 หุ่นผอมเพรียวและตัวเล็กกว่าเอเลี่ยนทั่วๆไปนิดหน่อย ทั้งมีการคลาน วิ่ง คล้ายสุนัข ตัวเป็นสีดำอมน้ำตาล เนื่องจากได้รับคุณสมบัติทางพันธุกรรมหรือ DNA จากร่างสุนัขที่มีตัวสีน้ำตาลนั่นเอง แต่ทั้งนี้ถ้ามองรูปลักษณ์โดยรวมแล้ว ก็ยังคงจัดได้ว่าเป็นเอเลี่ยนในขั้นตัวเต็มวัยซีโนมอร์ฟปกติได้อยู่
http://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/apre01.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/apre03.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/apre09.jpg
* Predalien หรือ พรีเดเลี่ยน เป็นเอเลี่ยนตัวเอกที่ปรากฎในภาพยนตร์ AVP-R หรือ AVP ภาค2 เป็นเอเลี่ยนที่ฟักตัวในร่างของพรีเดเตอร์ ส่งผลให้มันได้รับคุณสมบัติและรูปลักษณ์ของพรีเดเตอร์ผสมไปด้วย มันจึงมีลักษณะแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ถ้าอ้างอิงเฉพาะฉบับภาพยนตร์แล้ว มันเป็นเอเลี่ยนที่แข็งแกร่งและร้ายกาจที่สุดเท่าที่เคยปรากฏมาในจักรวาลเลยทีเดียว แต่หากรวมฉบับการ์ตูนคอมมิค หรือ นวนิยายและเกมส์เข้าไปด้วยแล้ว ยังมีเอเลี่ยนพันธุ์ไฮบริดอื่นๆที่น่าสะพรึงกลัวกว่าเจ้าPredalienนี้อีกมากมาย และคุณสมบัติพิเศษอันเป็นจุดเด่นที่สำคัญของพรีเดเลี่ยนก็คือ มันสามารถแพร่พันธุ์ได้เอง มันจึงเสมือนเป็นนางพญาไปด้วยในตัว(หรือจะจัดให้มันเป็น “นางพญาไฮบริด” ก็ได้) ในภาพยนตร์ได้แสดงให้เห็นว่า มันแพร่พันธุ์ด้วยการสอดลิ้นเจาะแล้วปล่อยเชื้อเข้าไปทางปากของเหยื่อมนุษย์ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเมื่อฟักตัวออกมาเป็น เชสเบิร์สเตอร์ ก็จะออกมาได้คราวละหลายๆตัวอีกด้วย(เอเลี่ยนปกติจะออกมาเพียงหนึ่งตัวเท่านั้น) โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการในขั้นวางไข่และเฟซฮักเกอร์เหมือนเอเลี่ยนนางพญาปกติแต่อย่างใด เรียกว่าลัดขั้นตอนไปสู่การปล่อยเชื้อจนเป็นขั้นเชสเบิร์สเตอร์ได้เลย แต่ยังไม่ปรากฏว่าลูกๆที่เกิดจากพรีเดเลี่ยนนี้ เมื่อโตเต็มวัยขึ้นมาจะมีลักษณะเป็นเช่นใดเพราะพวกมันโดนมนุษย์กำจัด โดยการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ล้างบางเสียก่อน
http://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/anew01.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/anew02.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/anew03.jpg
* Newborn เจ้าเอเลี่ยนไฮบริดนิวบอร์นนี่ เกิดจากการกระบวนทางวิทยาศาสตร์ฝีมือมนุษย์ โดยการตัดต่อพันธุกรรมจากตัวโคลนมนุษย์ที่ชื่อว่า "Ripley" อันเป็นนางเอกในภาพยนตร์Alien ทุกภาคนั้นเอง มันดูแตกต่างจากเอเลี่ยนแบบมาตรฐานค่อนข้างมากชนิดที่เกือบหน้ามือเป็นหลังมือ ถ้าไม่บอกอาจไม่รู้ว่าเป็นเชื้อสายเผ่าเดียวกันกับเอเลี่ยน ผิวหนังของมันเป็นผิวเนื้อคล้ายคน มันไม่มีลิ้นเจาะแบบเอเลี่ยนปกติ แต่มีพละพลังกำลังมหาศาล สามารถใช้ปากขบหัวมนุษย์ให้แหลกละเอียดได้ในชั่วอึดใจเดียว มันมีความเป็นมนุษย์ค่อนข้างสูง สังเกตดีๆจะเห็นดวงตาอันเศร้าสร้อยน่าสงสาร แต่ก็ยังคงมีสัญชาตญาณโฉดโหด*****มตามแบบฉบับของอสูรกายเอเลี่ยนอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
* Hybrid อื่นๆ นอกจากตัวอย่างจากภาพยนตร์แล้ว ยังมีเอเลี่ยนไฮบริดรูปแบบประหลาดๆปลีกย่อยอีกมากมาย โดยเฉพาะที่ปรากฏในอยู่ภาคการ์ตูนคอมมิค ตัวอย่างเช่น
http://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/ajokey02.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/ajokey03.jpg
ถ้าได้อ่านหัวข้อ Space jockey มาแล้ว หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วตัว Alien ที่เกิดจาก Space jockey จะมีรูปลักษณ์อย่างไร
นี่คือตัวอย่าง Alien Hybrid ที่เกิดจาก Space jockey ปรากฎในการ์ตูนคอมมิค "Alien Apocalypse the Destroying Angels"
ตัวใหญ่โมโหฬาร มันแสนบ้าเลือดฆ่าทุกอย่างที่ขวางหน้าไม่เว้นแม้แต่ Alien พวกเดียวกันเอง
http://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/atoon10.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/atoon04.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/atoon08.jpg
Alien ที่เกิดจากจระเข้ก็มีมาแล้ว เป็นพันธุ์จระเข้ยักษ์เสียด้วย ตัวล่างนี้นามว่า "Croc Alien"
ปรากฏในการ์ตูนคอมมิคชุด "Batman vs Aliens" อลังการงานสร้างจริงๆ :)
http://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/acy0110.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/acy0112.jpg
Bracken’s Terror เป็นเอเลี่ยนไฮบริดที่แปลกพิสดารที่สุด ดำรงชีวิตอยู่ในท้องทะเลบนดาว “Bracken” คาดว่าตัวเหยื่อที่มันฟักตัวคงเป็นสัตว์น้ำที่อยู่ในดาวBrackenนั้นเอง ทางกายภาพมีผิวสีดำอมน้ำเงิน มีแขนมีมือแต่ไม่มีขาแต่มีเป็นหางกับครีบแทน ตัวของมันใหญ่มากขนาดประมาณปลาวาฬ! : ปรากฎในการ์ตูนคอมมิค "Aliens : Colonial Marines"
http://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/acy0113.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/acy0114.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/acy0115.jpg
Red Army ในส่วนรูปลักษณ์ก็ดูเหมือนกับเอเลี่ยนตัวเต็มวัยมาตรฐานทั่วไป แต่ Red Army จะมีตัวสีแดงสด มันอาศัยอยู่บนดาวที่ชื่อว่า “CLA” เป็นเอเลี่ยนปริศนา! เพราะไม่ทราบที่มาที่ชัดเจนว่า เหตุที่มีผิวสีแดงนั้นเกิดมาจากอะไรกันแน่ ระหว่างการฟักตัวจากสิ่งมีชีวิตสีแดง? หรือ จากการทดลองทางวิทยาศาตร์? หรือจะเป็นด้วยเหตุอื่นๆ ? แล้วมันยังเป็นปรปักษ์กับเอลี่ยนแบบมาตรฐานอันมีตัวสีดำอีกต่างหาก จึงได้เกิดเป็นสงครามล้างผลาญระหว่างเอเลี่ยนด้วยกันเองขึ้น สู้รบประหัตประหารกันอย่างดันดุเดือดเลือดพล่าน แต่ผลสุดท้ายชัยชนะตกเป็นของเอเลี่ยนสีดำ : ปรากฏในการ์ตูนคอมมิค "Alien : Genocide"
ลูกผสมอื่นๆอีกมาย... แต่ละตัวล้วนเต็มไปด้วยพิษสงอันร้ายกาจที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตัว
(หากสนใจรายละเอียด...หาอ่านในการ์ตูนคอมมิคนะครับ)
http://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/atoon06.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/aadult10.jpghttp://www.avp.siligon.com/avppics/a_egg/atoon07.jpg
เจาะลึกปริศนา? จากภาพยนตร์ "Prometheus"
...ด้วยหนังทิ้งประเด็นปริศนาต่างๆไว้อย่างน่าสนใจ เล่นเอาผู้ชมหลายคนงงเต็ก! ส่งผลให้กลายเป็นหนังที่มีการถก-วิเคราะห์กันมากที่สุดแห่งปี 2012 ไปแล้ว! โดยเฉพาะตามเว็บบอร์ดดังอย่างพันทิพ โซเชียลเน็ตเวิร์คและสังคมออนไลน์ต่างๆ...ปริศนาต่างๆ มันอะไรกันแน่ ?
ภาพยนตร์ Prometheus กำกับโดย "ริดลีย์ สก็อตต์" (Ridley Scott ก็คือผู้กำกับ Alien ภาค1)...ในภาพยนตร์โพรมีธีอุส เราจะได้เห็นตัวละครต่างดาวอันมีรูปลักษณ์ภายนอกทำนองเดียวกับ "สเปซ จ็อคกีย์" (Space Jockey) ที่ได้เคยปรากฏใน Alien ภาค1(1979) มาแล้ว รวมไปถึง "ยานลึกลับ" รูปทรงประหลาดแบบเดียวกับยาน "The Derelict Spacecraft" อันปรากฎเป็นฉากสั้นๆเท่านั้นใน Alien 1 ด้วยเพราะเนื้อเรื่องโฟกัสอยู่ที่ตัว Alien เป็นหลักอย่างที่แฟนภาพยนตร์ทราบกันดี *(เกี่ยวกับ Space Jockey - ยาน Derelict จากภาคหนังสือการ์ตูน-นวนิยาย ดูที่ ตำนาน Alien : Space Jockey )
จึงกล่าวได้ว่าหนัง Prometheus ถูกจุดประกายถือกำเนิดขึ้นมาจากซาก Space Jockey ใน Alien 1 นั่นเอง...ด้วยหนัง Alien ได้ทิ้งปริศนาที่ค้างคาใจแฟนภาพยนตร์มานานโขกว่า 30 ปี ว่า...แท้จริงๆแล้ว ซาก Space Jockey ลึกลับนั้น เขาเป็นใคร?-มาจากไหน? - มาทำอะไรบนดาวดวงนั้น(ดาว LV-426) และที่สำคัญไปเกี่ยวอะไรกับเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟ...แต่ใน Prometheus มีการเรียก Space Jockey ในอีกชื่อว่า "The Engineer" แถมในเรื่องตัวละครหลักอย่าง "ปีเตอร์ เวย์แลนด์" และ "เอลิซาเบธ ชอว์" เชื่อมั่นอย่างสนิทใจว่า พวก Engineer-Space Jockey นี้แหละ คือพระเจ้าวิศวกรต่างดาว! ผู้ให้กำเนิดเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ!...และเมื่อได้ชมภาพยนตร์จบ กลับกลายเป็นว่าแทนที่จะไขปริศนาให้้ได้ตาสว่าง แต่กลับสร้างปมปริศนาใหม่ให้ผู้ชมจินตนาการต่อหนักข้อยิ่งขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง!(เหมือนจะทิ้งเชื้อไว้สานต่อใน Prometheus ภาค2 ? :)...และที่พลิกล็อคก็คือ Prometheus ก็ไม่ได้เป็น Alien Begin อย่างที่แฟนทั้วโลกคาดหวังกัน แต่หากมีแววจะแยกตัวออกเป็นอีกจักรวาลหนึ่งไปเลย! และก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีอสูรกายรูปลักษณ์แบบ เอเลี่ยนซีโนมอร์ฟ เป็นพระเอกของเรื่องอีกต่อไป...แต่มันเป็นไซ-ไฟสยองฝันแนวใหม่อันมีส่วน ผสมของปรัชญาอันลี้ลับทำนอง...ปริศนาของพระเจ้าผู้สร้าง, ทฤษฎีวิวัฒนาการ, สัญชาตญาณสิ่งมีชีวิต, มนุษย์ต่างดาวผู้ทรงภูมิปัญญา กับ ชะตากรรมมนุษยชาติ ฯลฯ...และแน่นอนว่า จินตนาการ นวัตกรรม-เทคโนโลยีล้ำเลิศแห่งโลกอนาคต ย่อมเป็นส่วนผสมสำคัญในเนื้อภาพยนตร์
:: ปริศนา ชื่อยาน "โพรมีธีอุส" กับ "สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาต่างดาว"
Prometheus...ชื่อ "โพรมีธีอุส" ก็คือ เป็นเทพไททันองค์หนึ่งในเทพปกรณัมกรีก(Greek Mythology) ที่มีความเฉลียวฉลาด เป็นผู้ขโมยไฟจากเฮสเทีย เทพีแห่งเตาไฟลงไปให้มนุษย์ เป็นเหตุให้มนุษย์รู้จักใช้ไฟในการหุงหาอาหาร และใช้เพื่อแสงสว่างจนสามารถต่อยอดพัฒนาเป็นอารยธรรมอันตรุ่งเรื่องขึ้นมาได้ แต่เทพซุสผู้ยิ่งใหญ่พิโรธ และลงโทษโพรมีธีอุสด้วยการขังไว้ในถ้ำบนเทือกเขาคอเคซัส ทั้งให้นกยักษ์มาจิกกินตับของโพรมีธีอุสทุกวัน โดยที่ไม่ตาย และทุกคืนตับของพรอมิธีเอิสจะงอกใหม่ เพื่อให้นกยักษ์จิกกินในวันรุ่งขึ้น!...แต่สำหรับมนุษย์แล้ว โพรมีธีอุสถือว่าเป็นเทพที่กล้าหาญ และเป็นเทพที่ดีต่อมนุษยชาติ จึงได้รับการยกย่องและนับถือ
ในเชิงศาสนา-คัมภีร์ฤคเวทย์พรามหมณ์-ฮินดูในอินเดีย หรือลัทธิศาสนาเก่าแก่อย่าง "โซโรอัสเตอร์"ของชาวเปอร์เซีย กล่าวถึง การบูชาไฟ ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่เด่นที่สุดเพื่อขอพรจากพระเป็นเจ้าให้ทรงมอบความสุขและความโชคดีให้แก่ผู้ที่บูชานั้น และพิธีกรรมยังคงสืบทอดและดำเนินอยู่ในยุคปัจจุบันศตวรรษที่ 21
หลักฐานทางโบราณคดี-วิทยาศาสตร์ ให้ทฤษฎีว่า มนุษย์รู้จักใช้ไฟเมื่อมีการระเบิดของภูเขาไฟในอัฟริกา ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 4 แสนปีมาแล้ว นับเป็นการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกของมนุษย์ หลังจากนั้นความเป็นอยู่ของมนุษย์ก็เริ่มดีขึ้น และไฟถูกนำมาใช้ประโยชน์สืบต่อกันมาจนพัฒนาต่อยอดเจริญก้าวหน้าเป็นอารยธรรมจวบจนทุกวันนี้...*ไฟ คือ วิทยาศาสตร์ และไฟมีคุณสมบัติทั้ง ให้แสงสว่าง-ความร้อน-การเผาทำลาย...ในสายตาของ โพรมีธีอุส กับ ซุส อาจเห็นในมุมที่ต่างกัน โพรมีธีอุส มอง -ไฟ- คือ เครื่องมือในการพัฒนาชีวิตของมนุษย์ แต่ ซุส มองต่าง -ไฟ- คือความเร้าร้อน จะเผาทำลายทั้งตัวมนุษย์เองรวมไปถึงพระเจ้าผู้สร้าง!...ซุสผู้มีอำนาจเหนือกว่าจึงสำเร็จโทษ โพรมีธีอุส ซะ!
นอกจากนี้ยังมีอีกทฤษฎีหนึ่งที่น่าจะเป็นแรงบันดาลใจสำคัญของหนัง Prometheus (อันดูจะลงตัวกับธีมที่ว่าด้วยการท้าทาย-ปฏิเสธ ความเชื่อพระเจ้าสร้างโลกในเชิงคติทางศาสนา โดยเฉพาะศาสนาคริสต์) นั่นคือ "Ancient Astronauts" หรือทฤษฎีที่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาต่างดาว(Extraterrestrial Beings) ได้เคยมาเยือนโลกในช่วงประวัติศาสตร์ยุคโบราณ หรือยุคก่อนประวัติศาสตร์(Prehistory) และติดต่อกับมนุษย์มาแล้ว(หนังไซ-ไฟหลายๆเรื่องก็เอาประเด็นนี้มาเล่น อาทิ 2001 A Space Odyssey, Star Trek, Mission to mars, Alien VS Predator หรือ Transformers ฯลฯ) *และสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาต่างดาวนั่นเองอาจเป็น พระเจ้าผู้มนุษย์ต่างดาว! ผู้สร้าง-ต้นกำเนิดมนุษย์ ?...ผู้เสนอทฤษฎีนี้เชื่อว่าการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวดังกล่าวได้ส่งอิทธิพลต่อการพัฒนาของมนุษยชาติทั้งใน มิติทางวัฒนธรรม, เทคโนโลยี-นวัตกรรมใหม่ๆ หรือแม้แต่ในด้านศาสนา ทฤษฎีนี้ถูกเสนอมาตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19-ต้นศตวรรษที่ 20 ก่อนจะถูกพูดถึงอย่างจริงจังและแพร่หลายในครึ่งหลังศตวรรษที่ 20 โดยนักเขียนหลายคน ตัวอย่างสำคัญหนึ่งในนั้นก็คือ "อีริช ฟอน ดานิเกน" (Erich von Däniken) นักเขียนชาวสวิส ในหนังสือชื่อ Chariots of the Gods (1968) - รถม้าของพระเจ้า!
- หนังสารคดี "ANCIENT ALIENS" โดย History channel สร้างตามแนวทางจาก หลักฐาน-ข้อมูลในหนังสือของ Chariots of the Gods ของ Erich von Däniken นั่นเอง -
http://www.avp.siligon.com/avppics/p...b/promot07.jpg
- Alien VS Predator ภาคแรก(2004) ก็เล่นกับประเด็น Ancient Astronauts...ในรูป อารยธรรมของพวก Predator บนโลกมนุษย์ -
http://www.avp.siligon.com/avppics/Predpic993.jpg
- รูปซ้าย คือ ตัวอย่างภาพวาดโบราณพบในหุบเขา วาล คามอนิกา(Val Camonica) ประเทศอิตาลี สันนิษฐานว่าวาดไว้ตั้งแต่ราว 10,000ปี! ก่อนคริสตกาล ซึ่งผู้เสนอทฤษฎี Ancient Astronaut อ้างว่าภาพเหล่านี้รูปลักษณ์คล้ายกับมนุษย์อวกาศสมัยใหม่ (บนหัวเหมือนจะเป็นหมวกอวกาศ-ในมือถือเครื่องมือบางอย่าง?)...ส่วนภาพกลาง-ขวา สิ่งทรงผู้ปัญญาต่างดาวตัวสีขาวโพลน รูปลักษณ์คล้ายมนุษย์ ที่ปรากฏในหนัง Prometheus -
http://www.avp.siligon.com/avppics/p...b/promot09.jpg
- หลักฐานโบราณคดีในหนัง Prometheus ทุกชิ้นมีส่วนที่เหมือนกันคือ มีรูปซ่อนรหัสบางอย่างเป็น มนุษย์ตัวใหญ่ชี้ไปยังกลุ่มดาวลึกลับ มันคือ "ดาว LV-223" (*แต่ใน Alien 1 เป็น ดาว LV-426...*LV เหมือนกัน คาดว่าคงอยู่ในระบบแกแลคซีเดียวกัน) จึงถูกตีความว่าผู้สร้างต่างดาวเชื้อเชิญให้มนุษย์ไป
http://www.avp.siligon.com/avppics/p...b/promot10.jpg
:: ปริศนา The Engineer - Space Jockey - พระเจ้าต่างดาวผู้ให้กำเนิดมนุษย์ ?
เปิดฉากแรกของ Prometheus ผู้ชมจะได้เห็นฉากภูมิประเทศหุบเขา พื้นน้ำอันเวิ้งว้าง ยานอวกาศได้บินมาสู่น้ำตกยักษ์แห่งหนึ่ง แต่แปลกที่รูปลักษณ์ยานไม่ใช่ยานทรงโค้งแบบยาน Derelict แต่เป็นจานบินกลมดำทะมึน และแล้ว Engineer ก็ปรากฏตัว ดื่มสารเหลวสีดำปริศนา? ทันใดร่างก็แหลกหัก ตกลงสู่หุบเหวน้ำตก...ภาพยนตร์แสดงให้เห็นว่า สารเหลวสีดำได้ทำปฏิกิริยากับเซลล์-DNAของร่าง Engineer จนกลายเป็นเซลล์-DNAใหม่ เข้าใจว่ามันคงเป็นเซลล์-DNA ต้นแบบของมนุษยชาติ?... *น้ำ คือ ชีวิต! (*ทั้งอาจสื่อถึงว่า เซลล์-DNAของร่าง Engineer ในหนังเป็นเซลล์ต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงบนโลก ตามสมมติฐานจากทฤษฎีวิวัฒนาการของสัตว์ > สิ่งมีชีวิตเริ่มแรกยุคดึกดำบรรพ์นั้น กำเนิดในน้ำ เป็นสัตว์เซลล์เดียว > แล้วจึงวิวัฒนาการแยกสายพันธุ์เป็นสัตว์-สิ่งมีชีวิตต่างๆต่อไป > จนมาถึงมนุษย์) และด้วยตอนหลัง ลูกยาน Prometheus ชันสูตรซากหัว Engineer บนดาว LV-223 พบว่ามีรหัสพันธุกรรมตรงกับของมนุษย์ทุกประการ!...ลูกยานโดยเฉพาะ "ปีเตอร์ เวย์แลนด์" และ "เอลิซาเบธ ชอว์" จึงยิ่งเชื่ออย่างสนิทใจว่าพวก Engineer นี่แหละคือพระเจ้าต่างดาวผู้สร้างมนุษย์! กรณีนี้หนังได้ผนวกหลอมรวม ปม! ความเชื่อพระเจ้าผู้สร้างในเชิงศาสนา(คริสต์-และอื่นๆ)กับพระเจ้ามนุษย์ต่างดาว ไว้อย่างเฉียบแหลม โดยเฉพาะกับตัวละคร เอลิซาเบธ ชอว์ ในหนังสื่อบุคลิก(อันขัดแย้ง)ของเธอออกมาชัดเจน เธอศรัทธาเต็มเปี่ยมในพระเจ้าศาสนา สวมไม้กางเขนติดตัวตลอด แต่อีกด้านเป็นเธอนักโบราณคดี-นักวิทยาศาสตร์ผู้ต้องการพิสูจน์ความจริงแท้...(*ปฐมกาล 1:1, สดุดี 24:1... "พระเจ้าตรัสว่ามนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาตามพระฉายของพระองค์" > Engineer สร้างมนุษย์เหมือนรูปลักษณ์ของตน!)
แต่แล้วในท้องเรื่อง กลับเกิดโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครคาดคิด ปีเตอร์ เวย์แลนด์ ถูก Engineer ฆ่าตายเอาดื้อๆ ลูกยานก็โดนอสูรกายเอเลี่ยนกลายพันธุ์(อันจากสารเหลวดำ) ฆ่าเรียบ ที่เหลือรอดก็มีเฉพาะ เอลิซาเบธ ชอว์ กับ หุ่นแอนดรอยด์ "เดวิด" หรือ David 8 (หุ่นปัญญาประดิษฐ์ AI หรือ Artificial Intelligence รูปลักษณ์ภายนอก-มีความคิดริเริ่ม ใกล้เคียงมนุษย์) ซึ่งเดวิดก็โดน Engineer ฉีกร่างหัวขาด แต่ก็ยังมีความทรงจำ-ทำงานได้อยู่ เอลิซาเบธ ชอว์ จึงสรุปว่าเหตุที่ Engineer มีโปรแกรมจะเดินทางไปยังโลกนั่นหาใช่อื่นใด แต่เพื่อทำลายมนุษยชาติ ด้วยสารเหลวดำปริศนาในไหจำนวนมากนั้นเป็นแน่แท้
*ข้อสังเกตเบื้องต้น กรณี Engineer...
- ในหนัง คุณเวย์แลนด์+ทีมลูกยานนักบินอวกาศ สันนิษฐานจากหลักฐานโบราณคดีเก่าแก่ และเชื่อว่าพวก Engineer นี่แหละคือพระเจ้ามนุษย์ต่างดาวผู้สร้างมนุษย์ ที่สำคัญรหัสพันธุกรรมตรงกับของมนุษย์ทุกประการดังได้กล่าวไปแล้วนั่นเอง แต่หนัง Prometheus ถึงแม้เหมือนจะสื่อเป็นนัยๆว่า Engineer เป็นต้นกำเนิดมนุษย์แต่ก็ไม่ได้สรุปแบบฟันธง 100% ว่ามันจริงตามนั้น?...และ Engineer ก็ไม่มีบทพูดใดๆสนทนาโต้ตอบใดๆทั้งสิ้น แถมฆ่า เวย์แลนด์-ฉีกหัวเดวิด เอาดื้อๆแบบไม่อธิบายพูดพล่ามทำเพลงใดๆ... Engineer อาจเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตอีกสายพันธุ์อันเป็นญาติสนิทกับสายพันธุ์มนุษย์ก็เป็นได้? และพระเจ้าผู้สร้างที่แท้จริงอาจเป็นตัวอะไรอีกตัวที่อยู่บนยานจานบิน? หรืออาจจะเป็นอย่างอื่นๆที่ไม่ใช่หรือไม่เกี่ยวกับพระเจ้าเลย?
- ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า Engineer จะไปโลกเพื่อจะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงๆ เพราะ Engineer ยังไม่ได้ไปโลกแต่อย่างใด ด้วยโดนขัดขวางโดยทีมนักบินยาน Prometheus ขับพุ่งชนยาน Derelict ของ Engineer ตกเสียก่อน และตัว Engineer เองแม้รอดชีวิตแต่ภายหลังตอนท้ายเรื่องก็ถูกเอเลี่ยน Trilobite (ปลาหมึกกลายพันธุ์) เขมือบสิ้นชีพในที่สุดเช่นกัน...การจะไปโลกเพื่อล้างทำลายมนุษย์ จึงเป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานจากโศกนาฏกรรมที่ได้ประสบหายนะจากสารเหลวดำ อันบรรจุอยู่หม้อไหจำนวนมหาศาลในยานของ Engineer ซึ่งก่อให้เกิดการกลายพันธุ์เป็นอสูรกาย...แต่ก็ไม่แน่สารเหลวดำอาจมีคุณสมบัติอื่นๆนอกเหนือจากนั้น? หรือ Engineer อาจมีองค์ความรู้-ภูมิปัญญาในการใช่สารเหลวดำเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆที่ไม่ใช่แค่ให้กลายพันธุ์?...
- Engineer กับ Space Jockey(ใน ALien1) อาจไม่ใช่พวกเดียวกัน?...สังเกต Engineer ตนแรกตอนเปิดเรื่อง ร่างกายเป็นคนเปลือยเปล่าไม่มีชุดเกราะ แต่ภายในเรื่องตอนหลังๆนั้นจะเห็นเป็นพวกที่ใส่ชุดเกราะ โดยหมวกเกราะครอบที่สวมมีลักษณะเหมือนหัวกะโหลก Space Jockey ใน ALien1...และพวกที่ตายเป็นศพแห้ง ชุดเกราะก็ประหนึ่งแห้งไปกับร่างกายด้วย? ราวกับชุดเกราะเป็นผิวหนังติดกับร่างกายเป็นเนื้อเดียวกัน อันสอดคล้องกับพันธุวิศวกรรมเชิงกล หรือ ชีวภาพเชิงกลชั้นสูง("Biomechanics")...ทำนองเดียวกับร่างกายของเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟ ...หรือเป็นได้ไหมว่า Engineer อาจแบ่งได้เป็นหลาย Class ?...และ Engineer มีความสัมพันธ์บางประการกับ Space Jockey ทางใดทางหนึ่ง?...หรือ Space Jockey คือผู้สร้าง Engineer อีกที?...ฯลฯ
- สังเกต ดาว LV-223 ที่เหล่า Engineer ในหนังอาศัยอยู่นั่น ถูกทิ้งร้างเป็นที่ที่ค่อนข้างกันดารมาก สามัญสำนึกแล้วไม่สมกับความเชื่อที่ว่าพวกเขาเป็นพระเจ้าต่างดาวผู้มีอารยธรรมสูงส่งถึงขั้นสร้างมนุษย์ได้ ทั้งดูเหมือนจะเป็นฐานลับที่ซ่องสุม-หลบซ่อนมากกว่า จึงอาจคิดอีกมุมได้ว่า Engineer กลุ่มนี้อาจเป็นเพียง ชมกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่งของชาวต่างดาวเผ่าหนึ่งที่เรียกกันไปพลางๆก่อนในหนังว่าพวก Engineer อันอาจไม่เกี่ยวกับประเด็นพระเจ้าต่างดาวอะไรเลย?
ในหนังแสดงให้เราได้เห็นว่า สารเหลวสีดำลึกลับที่บรรจุอยู่ในหม้อไหภายในถ้ำ-ยานของ Engineer มีคุณสมบัติพิเศษคือก่อให้เกิดปฏิกิริยากับสิ่งมีชีวิต เมื่อสัมผัสหรือไปอยู่ในร่างกายสิ่งมีชีวิตใดๆแล้วจะส่งผลให้มีการกลายพันธุ์! โดยจะทำปฏิกิริยาให้ผลต่างๆกันไปตามแต่ปัจจัยของสภาพบรรยากาศดาว ณ ขณะนั้น และโดยเฉพาะขึ้นอยู่โครงสร้างทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตนั้นๆด้วย (ทำนองเดียวกับการฟักตัวของเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟ) แต่โดยส่วนใหญ่ที่เหมือนกันก็คือ มันให้ผลออกมาในออกจะเป็นในแง่การกลายเป็นอสูรกายร่างวิปริตที่น่าสยดสยอง...รูปแบบการกลายพันธุ์หลักๆเท่าที่ปรากฏในภาพยนตร์ Prometheus จำแนกได้ดังนี้
1. Hammerpedee (อสูรกายงู) ในร่างลูกยานนาม "มิลเบิร์น"(Milburn) : หนอนตัวเล็กๆบนดาวนั้น? ไปโดนสารของเหลวสีดำ > กลายพันธุ์เป็น Hammerpede > เข้าสู่ร่างกายมนุษย์(มิลเบิร์น) กลายเป็นตัวหนอนใหญ่?ออกมาจากร่างกายอีกที > ออกมาแล้วอาจโตเต็มวัยเป็นอะไรต่อไปอีก?...*และที่น่าสนใจคือ Hammerpede มีเลือดเป็นกรดเช่นเดียวกับเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟ
2. Zombie? (อสูรกายผีดิบ) "ไฟฟิลด์" : > ลูกยานนาม ไฟฟิลด์ ติดเชื้อจากน้ำเลือดกรดของ Hammerpede (อาจได้รับเชื้อปฏิกิริยาจากสารเหลวสีดำไปด้วยในตัว) > ติดเชื้อแล้ว หน้าตา-ร่างกาย พุพอง-บิดเบี้ยว สติสัมปชัญญะเลอะเลือน กลายเป็นอสูรกายแบบผีดิบ!
3. "ชาลี ฮอลโลเวย์"กลายพันธุ์ ??? : เมื่อหุ่นเดวิดแอบหยดสารเหลวสีดำในน้ำดื่มให้นักวิทยาศาสตร์ลูกยานนาม ฮอลโวเวย์ ดื่ม > ผลคือร่างกายฮอลโลเวย์ค่อยๆเปลี่ยนแปลงผิดปกติไป ตาแดงก่ำ ตัวเริ่มซีดขาว แนวเส้นเลือดบนผิวหนังเริ่มไหม้คล้ำ ผิวหนังพุอง > ฮอลโวเวย์อาจกลายเป็นตัวอะไรต่อ? ถ้าไม่ถูกเผาตายเสียก่อน...(คงออกมาเป็นแนว Zombie ทำนองเดียวกับที่ไฟฟิลด์เป็น?)
4.1. Trilobite (อสูรกายปลาหมึก) กำเนิดจากครรภ์ของ เอลิซาเบธ ชอว์ : ในท้องเรื่องชอว์กับฮอลโวเวย์เป็นคู่รักกัน และเมื่อหลังจากฮอลโวเวย์ดื่มน้ำที่มีสารเหลวดำผสม ดันไปมีเพศสัมพันธ์กับ ชอว์ > สารเหลวดำถ่ายทอดสู่ตัวชอว์(ทางตัวสเปิร์ม) > เกิดปฏิสนธิ ชอว์จึงตั้งครรภ์อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ตัวอ่อนเด็กทารกมนุษย์ตามปกติ แต่มันเป็นอสูรกายมีหางรูปร่างคล้ายปลาหมึก > เมื่อถูกเอาออกจากท้องแล้วก็ไม่ตายง่ายๆ > แต่เติบโตกลายพันธุ์เป็นเอเลี่ยน Trilobite Adult ต่อไป... *ประเด็นนี้มีข้อน่าสังเกตสำคัญ นั่นคือหนังระบุไว้ชัดเจนว่านางเอกของเรานั้นเป็นหมัน ไม่อาจสืบทายาทโดยวิถีธรรมชาติ! ชวนให้คิดลงลึกว่าครรภ์สยองนี้ เป็นผลพวงจากสารเหลวสีดำโดยตรง(น่ากลัว - -'' ) หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงโดยสภาวะอย่างอื่นกันแน่ --- แล้วในอนาคตข้างหน้าล่ะ? เธอจะสามารถตั้งครรภ์ด้วยตนเองได้หรือไม่ !?!
4.2. Trilobite Adult (อสูรกายปลาหมึกยักษ์) : คือ Trilobite ที่เจริญเติบโตเป็นร่างยักษ์ ซึ่งต่อมาได้โจมตี Engineer พลาดถึงตาย! (แม้แต่ Engineer เองยังเอาไม่อยู่)...*สังเกต ในหนัง Trilobite Adult เข้าจัดการ Engineer อาจเพราะต้องการปกป้อง เอลิซาเบธ ชอว์ จากการทำร้ายของ Engineer หรือเปล่า? มันอาจมีสัญชาตญาณ-จิตสำนึกลึกๆรู้ว่า เอลิซาเบธ ชอว์ คือ แม่ ผู้ให้กำเนิด!?
5. Deacon : เกิดจาก Trilobite Adilt จู่โจม Engineer และปล่อยน้ำเชื้อเข้าสู่ร่าง > ฟักตัวเติบโตกลายเป็นอสูรกาย Deacon เลยในทันใด *โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการฟักตัวแล้วเป็น เชสเบิร์สเตอร์ ก่อนแบบเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟ...ซึ่งดูรูปลักษณ์จะพบว่าจะมีเค้าโครงรูปลักษณ์คล้ายๆกับเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟ พอสมควรทีเดียว
อาจกล่าวได้ว่า สารเหลวสีดำในไหนั้น เป็นสารพิเศษลึกลับที่ก่อปฏิกิริยาทางเคมีต่อสิ่งมีชีวิต ซึ่งให้ผลออกมาได้กว้างมาก ยากที่จะคาดเดาว่าจะวิวัฒนาการต่อลงเอยได้ผลเป็นตัวอะไร(ขึ้นอยู่กับตัวแปรโครงสร้างทางชีวิภาพ + บริบทสิ่งแวดล้อม + ฯลฯ)...*ส่วนจะเกี่ยวของกับเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟหรือไม่นั้นไม่มีใครทราบได้ แต่คาดว่าคงมีเกี่ยวข้องบ้างไม่มากก็น้อย?...กำเนิดซีโนมอร์ฟในเริ่มแรกสุดอาจเกิดมาจากปฏิกิริยาจากสารเหลวสีดำด้วยก็เป็นได้?
................................................................................
:: ปริศนา วาระซ่อนเร้น นายทุนเฒ่าเวย์แลนด์-หุ่นเดวิด ?
ในเรื่องเราจะพบว่า คุณ ปีเตอร์ เวย์แลนด์ นายทุนเฒ่าเจ้าของ Weyland Industries ต้มลูกยานทั้งหมดว่าตนตายไปแล้ว 2 ปี แต่ที่ไหนได้ ที่่แท้ก็ยังมีชีวิตอยู่และยังได้ร่วมเดินทางมากับยาน Prometheus ด้วยอย่างลับๆอีกต่างหาก...พอถึงจุดไคลแมกซ์ เวย์แลนด์ ก็ปรากฏตัว ตื่นจากภาวะหยุดนิ่ง(หลับจำศีลในแคปซูล) เล่นเอาทุกคนอึ้งตามๆกัน ดูจากบริบทต่างๆในหนังแล้วแน่นอนว่าเรื่องนี้ "หุ่นเดวิด" รู้วาระซ่อนเร้นของเวย์แลนด์ดีกว่าใคร ด้วยมีฉาก เดวิด คุยกับ เวย์แลนด์ ผ่านอุปกรณ์หมวกครอบเรืองแสงพิเศษชนิดหนึ่งใน ช่วงที่เวย์แลนด์ยังอยู่ในแคปซูล...ส่วนอีกคนที่น่าจะล่วงรู้วาระซ่อนเร้นของเวย์แลนด์และแผนปฏิบัติการของยานโพรมีทีอุสครั้งนี้เป็นอย่างดีอีกคน อันเป็นผู้จัดการใหญ่ของยานโพรมีธีอุส ก็คือ "เมเรดิธ วิคเกอร์ส" ซึ่งเธอเรียกเวย์แลนด์ว่า "Father" เธอจึงไม่ใช่คนอื่นคนไกล...เธอเตือนสติพ่อของเธอ กรณี ความตาย! ไว้อย่างคมคายว่า...
"A king has his reign, and then he dies. It's inevitable." : ราชันย์ได้ครองบัลลังก์ จากนั้นย่อมสิ้นพระชนม์ ไม่อาจเหลี่ยกเลี่ยงได้.
ลูกยาน Prometheus แบ่งได้เป็น 4 กลุ่มหลักๆ สะท้อนให้เห็น...มนุษย์แต่ละคนในการเดินทางร่วมกันสู่จุดหมายเดียวกัน แต่กลับมีความมุ่งหมายแรงจูงใจต่างกัน
- นายทุน-นายจ้าง เจ้าขององค์กรและยาน ผู้มีอำนาจ-กุมความลับความมุ่งหมายทั้งหมดทั้งปวงของภารกิจนี้ เป็นใครไม่ได้นอกจาก ปีเตอร์ เวย์แลนด์ ผนวกด้วยหุ่นยนต์เสมือนลูกรักอีกคนอย่าง เดวิด
- ผู้จัดการผู้เข้มงวด ทำหน้าที่คุมงานอย่างเคร่งครัดนั่นคือ เมเรดิธ วิคเกอร์ส *ซึ่งดูเหมือนเธอไม่ได้อยากเดินทางมาด้วยเลยแต่ด้วยเหตุจำเป็นนั่นคือ พ่อ
- นักวิทยาศาสตร์ ผู้กระหายในคำตอบที่ตนสงสัย ชีวิตทั้งหมดเพื่อเสาะหาให้จงได้ นั้นคือ เอลิซาเบธ ชอว์ และ ชาลี ฮอลโลเวย์
- ช่างเทคนิค-พนักงาน ผู้มาตามคำสั่ง-ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แรงจูงใจคือเงินค่าจ้างเป็นหลัก *สะท้อนภาวะความเป็นพนักงาน-ลูกจ้างบริษัท-องค์กร(บางคน ใช่ทุกคน :) ในยุคอุตสาหกรรม-ทุนนิยมเงินตรา โลกปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
* สำหรับ ปีเตอร์ เวย์แลนด์(Peter Weyland) แน่นอนว่าเขาต้องเป็นเศรษฐีทายาทของ " ชาร์ส์ บิชอป เวย์แลนด์"(Charles Bishop Weyland) ผู้เคยปรากฏตัวในฐานะของเจ้าของบริษัท Weyland คนก่อน ในหนังเฟรนไชส์ชุด Alien นี้เอง รวมทั้ง Alien VS Predator ด้วย
ถ้าสังเกต-นึกออก ในหนัง Prometheus มีฉากสั้นๆ หุ่นยนต์เดวิด ฝึกพูดภาษากับอาจารย์โฮโลกแกรม(เหมือนจะเป็นอาหรับมุสลิม) แต่ต่อมาก็ไปดูภาพยนตร์คลาสสิก(ที่สร้างจากเรื่องจริง) ชื่อดังเรื่อง "Lawrence of Arabia"...ฉากมีคนโดนไฟเจ็บ แล้วประโยคสำคัญตอนท้ายสรุปว่า "The trick is not minding that it hurts" : เคล็ดลับคือต้องไม่สนใจว่ามันเจ็บ...เดวิด ถูกใจประโยคนี้ท่องไม่ขาดปาก...อาจเป็นนัยยะสื่อว่า ถึงแม้โดนไฟ(วิทยาศาสตร์)แผดเผา ก็อย่าไปสนใจว่ามันเจ็บ!...ฤๅ ปีเตอร์ เวย์แลนด์ ได้แรงบันดาลใจสร้าง David จาก T. E. Lawrence? :) -
และกับกรณีทำไม เดวิด ถึงใช้ ฮอลโวเวย์ เป็นหนูทดลองนั้น อาจเพราะว่า เดวิด นั้นถูกโปรแกรมให้ทำทุกอย่างตามความประสงค์(ลับๆ)ของ เวย์แลนด์ โดยการทดสอบว่าสารเหลวสีดำนั้นจะเกิดปฏิกิริยายังไงกับมนุษย์...แต่กระนั้น เดวิด ก็ถามหยั่งเชิงความเห็น-ทัศนะคติของ ฮอลโวเวย์ ก่อนลงมือว่า "เพื่อปฏิบัติการครั้งนี้คุณจะเดิมพัน เสียสละ ยอมทำขนาดไหน" และเมื่อ ฮอลโวเวย์ ตอบกลับทำนองหมดหน้าตัก ไม่ว่าอะไรและทำได้ทุกอย่าง "Anything and everything" ตอบมาอย่างนี้ เดวิดจึงปฏิบัติการโดยไม่ลังเล...ตอนนี้สะท้อน บางทีความกระหายต่อคำตอบของมนุษย์ กลับกลายมาเป็นอาวุธที่ฆ่าตัวเองในภายหลังโดยไม่รู้ตัว! (*บริษัท Weyland ปกติมีนโยบายหลักอันต้องการทดลองทางชีวภาพ-ค้นคว้าวิทยาการใหม่ๆมาตลอด โดยเฉพาะเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่างดาว ดังที่ได้เห็นกันในหนังเฟรนไชส์เอเลี่ยนทุกภาค)
ที่น่าสนและเป็นปริศนาลี้ลับอีกกรณี คือ เดวิด ไปพูดอะไรกับ Engineer ข้อนี้ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลย เพราะคุยเป็นภาษาโบราณ-ภาษาต่างดาว? แต่ผลที่ออกมาและทุกคนฉงนอย่างไม่ทันตั้งตัวนั่นคือ...Engineer นิ่งเงียบไม่พูดตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น กลับออกอาการพิโรธเป็นฟืนเป็นไฟ! กระชากหัว-หักคอ! เดวิด หลุดเอาดื้อๆ ทั้งเหวี่ยงฆ่า เวย์แลนด์ และทีมงามติดตามตายคาที่ แล้วก็รีบบังคับยาน Derelict เพื่อออกจากดาว(มุ่งหน้าสู่โลก?)ในบัดดล...กรณีนี้มีความเห็นต่างๆนานาว่า นี่มันอะไรกัน-ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?...
- เดวิด อาจจะถามเรื่องการมีชีวิตอมตะ-รอดพ้นจากความตาย เพราะมันคือความใฝ่ฝันสูงสุดของ เวย์แลนด์ และเป้าหมายเบื้องลึกแท้จริงของ เวย์แลนด์ กับภาระกิจยานโพรมีธีอุสครั้งนี้ ก็คือ ค้นหาวิธีการมีชีวิตอมตะ-ยาอายุวัฒนะ!...Engineer จึงโกรธในความทะเยอทะยาน-อหังการของมนุษย์? (*ตัว Engineer เองก็ เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยเช่นกัน หลีกหนีกฏนี้ไม่พ้น!)
- แต่ Engineer อาจไม่สนใจคำพูดของเดวิด หรือฟังไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ? แต่โกรธเพราะมมนุษย์และหุ่นเดวิด บังอาจ-บุกรุก-ล่วงล้ำ-ลามปาม เข้ามาในฐานลับ-ยานของตน ทั้งปลุกตนตื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต?
- Engineer อาจรำคาญ-โกรธ ที่เมื่อตนเพิ่งตื่นหมาดๆไม่ทันตั้งตัว ทั้ง เอลิซาเบธ ชอว์, เวย์แลนด์ และก็เดวิด เสียมารยาทประเดประดัง พล่ามคำถามสารพัด?...โดยเฉพาะ เอลิซาเบธ ชอว์ แสดงอารมณ์อาการฉุนเฉียว ไม่ให้เกียรติกัน?
- เมื่อ Engineer สัมผัสหัวของเดวิด รู้สึกโมโหที่ไม่ใช่รูปแบบเชิงชีวภาพ หรือ พันธุวิศวกรรมเชิงกล(Biomechanics) แต่เป็นสิ่งประดิษฐ์เทียม 100%...หรือพวก Engineer นิยมสิ่งประดิษฐ์แบบชีวภาพเชิงกล แอนตี้ รังเกียจหุ่นยนต์-เครื่องจักรแบบเดวิดเป็นที่สุด?...*สังเกต สิ่งประดิษฐ์-ยานของพวก Engineer รูปแบบ ดูแปลกประหลาดต่างจากของมนุษย์มาก อาทิยาน Derelict จะเห็นว่ารูปทรงออกไปทางรูปทรงอินทรีย์ หรือ Organic Form (คล้ายกับสิ่งมีชีวิต) และเหมือนจะเป็น Biomechanics เสียส่วนใหญ่?
- ฯลฯ...อื่นๆอีกมากมาย สุดแท้แต่ผู้ชม-แฟนๆจะจินตนาการต่อยอดเอง... *แต่ที่สุดติสต์(แกมรำคาญ)ก็คือ ริดลี่ย์ ผู้กำกับได้ให้สัมภาษณ์กรณีนี้ แบบห้วนๆว่า "ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าเดวิดพูดอะไรกับ Engineer" +_+
- เทคโนโลยีเครื่องสภาวะหยุดนิ่งของ Engineer ที่ท่านนอนจำศิลอยู่นั้นก็เป็นอีกปริศนา มันอาจทำอะไรได้มากกว่าแค่การหยุดนิ่งจำศีล ? *มีทฤษฎีหนึ่งน่าสนใจ คือ อาจเป็นเครื่องสร้างโลกเสมือนแบบที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ The Matrix ได้ด้วยในตัว และยังเป็นอะไรได้อีกมากมาย...!? -
http://www.avp.siligon.com/avppics/p...b/promot55.jpg
ตัวอย่างปริศนาดังที่ได้ยกกล่าวมาทั้งหมดทั้งปวง ณ ที่นี้ เป็นเพียงแค่ข้อมูลเบื้องต้น(+แชร์ความเห็นและข้อสังเกตส่วนตัว)ส่วนหนึ่งเท่านั้น (ผิดพลาดประการใดก็ขออภัย)...ยังมีปริศนา-นัยยะ แง่มุมปลีกย่อยน่าสนใจ-น่าค้นหาอื่นๆอีกมากมายซุกซ่อนภายในภาพยนตร์ Prometheus...อาจเป็นความจงใจของผู้กำกับและทีมงานสร้าง ที่ให้ภาพยนตร์ไร้บทสรุป-ปลายเปิดบานปลาย!...เปิดช่องให้ผู้ชมจินตนาการ(เดา) สานต่อกันเองตามสะดวก...แต่บางทีกับคำถามปริศนาต่างๆที่เราครุ่นคิดสันนิษฐานกันหัวแทบระเบิดต่างๆนานา และคาดหวังว่ามันต้องเป็นมีคำตอบที่น่าทึ่งและซับซ้อน อาทิ กรณีพระเจ้าผู้สร้าง-ความลี้ลับของชีวิต-โลก-จักรวาล ฯลฯ สุดท้ายเราอาจได้รับคำตอบที่เรียบง่าย (แถมกวนโอ้ย!) ดังบทสนทนาตอนหนึ่ง ระหว่าง ชาลี ฮอลโลเวย์ ตอบคำถาม เดวิด...แม้แต่หุ่นยนต์อารมณ์เย็นชาอย่างเดวิด ถึงกับออกอาการเซ็ง...^^
หุ่นเดวิด : Why do you think your people made me?
คุณคิดว่า ทำไมพวกคุณ ถึงสร้างผมขึ้นมา
ชาลี ฮอลโลเวย์ : We made you cause we could.
+_+ เราสร้างคุณ เพราะเราทำได้ +_+
หุ่นเดวิด : Can you imagine how disappointing it would be for you to hear the same thing from your creator?
คุณคิดดูนะว่า มันน่าผิดหวังแค่ไหน ถ้าคุณได้รับคำตอบแบบนี้บ้างจากพระเจ้าของคุณ?
ปล. ต้องยอมรับว่า Prometheus เป็นอีกหนึ่งหนังไซ-ไฟระดับ Masterpiece ของโลกยุคใหม่ 2012 อันมีลูกเล่น-จินตนาการแพรวพราวสดใหม่ ฉากCG-VFX เท่ๆอันพิถีพิถันประณีต สร้างความบันเทิงตื่นตาตื่นใจได้มากทีเดียว น่าจะสาแก่ใจคอไซ-ไฟ ทุกหมูเหล่า :)...แถมตอนท้ายเรื่องยังได้ทิ้งเชื้อไว้...เอลิซาเบธ ชอว์ มนุษย์ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายของยานโพรมีธีอุส กล่าวไว้อย่างหาญกล้า สะท้อนจิตวิญญาณอันมุ่งมั่นในความปราถนาใครรู้-การแสวงหาคำตอบที่ตนสงสัยของมนุษย์นักวิทยาศาสตร์ได้เป็นอย่างดี...
"I don't want to go back to where I came from. I want to go where they came from."
ฉันไม่อยากกลับไปสู่ที่ที่เราจากมา ฉันอยากไปที่ที่พวกเขา(Engineers)มา
เอลิซาเบธ ชอว์ กับ หุ่นแอนดรอยด์ เดวิด กำลังปฏิบัติการสานต่อภารกิจใหม่ มุ่งหน้าแสวงหาดาวบ้านเกิดที่แท้จริงของพวก Engineer-Space Jockey?...หรือว่าจะมี ภาค 2 ?...แล้วถ้ามีจะใช้ชื่อ Prometheus หรือเปล่า รอดูกันต่อไป :)...*มีแฟนภาพยนตร์เสนอว่า ถ้ามีภาคต่อควรใช้ชื่อว่า "Epimetheus" เอพิมีธีอุส คือ น้องชายฝาแฝดของโพรมีธีอุส...โพรมีธีอุส เป็นผู้มีปัญญาและมีวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ในขณะที่ เอพิมีธีอุส ที่แปลว่า การทำก่อนคิด เบาปัญญา และมีวิสัยทัศน์ที่แคบ!