มารู้จัก"ซามูไร" ยอดนักรบจากญี่ปุ่น ผู้รักศักดิ์ศรีและประเทศชาติยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
เมื่อสิ้นสุดยุคแห่งการต่อสู้ด้วยคมดาบ การเข้ามาแทนที่ของอาวุธยุคใหม่ที่มีอานุภาพในการปลิดชีวิตศัตรูในชั่วพริบตา กองทัพนับพันหมื่นแสนของนักรบผู้ถือดาบ ทวน ธนู ในนามของซามูไรก็แตกพ่ายแม้จะตรึกจิตวิญญาณแห่งบูชิโด หรือวิถีแห่งนักรบ ยุคแห่งซามูไรก็สิ้นสุดลงไปในที่สุด
แม้ในปัจจุบันนี้ดินแดนซามูไรจะไม่มีทหารที่สวมชุดเกราะอันงดงามและน่าเกรงขามเช่นเมื่อก่อนแล้วแต่จิตวิญญาณแห่งซามูไรยังคงสืบทอดอยู่ในประเทศแห่งนี้ไม่เคยขาด บางทีจิตวิญญาณแห่งซามูไรที่ฝังลึกในรากเหง้าของคนญี่ปุ่น อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นเจริญล้ำหน้ากว่าใครๆในโลก และสิ่งหนึ่งที่เห้นได้อย่างชัดเจนว่า คนญี่ปุ่นถูกปลูกฝังจิดสำนึกเดียวกับซามูไรคือการรักชาติ รักพวกพ้องสามัคคี การเสียสละตน พร้อมทำเพื่อแผ่นดินเมื่อถึงเวลา นี่เป็นเหตุผลที่เราจะมาย้อนอดีตเพื่อเรียนรู้วิถีอันลึกลับของนักสู้ที่ชื่อว่า ซามูไร(Samurai)
กำเนิดซามูไร
ในยุคโบราณถือเป้นยุคแห่งการแย่งชิงอำนาจและเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกๆชาติ ซึ่งผู้ที่เรืองอำนาจย่อมเป็นผู้ที่อยู่รอดและอยู่เหนือทุกขื่อแป ในประเทศญี่ปุ่นก็มียุคที่มีการแก่งแย่งอำนาจกันเองเช่นกัน
ในปลายศตวรรษที่ 8 ยุคที่จักรพวรรดิคังมุเรืองอำนาจพระองค์ทรงมีความพยายามที่จะแผ่อำนาจของตนเองเข้าครอบคลุมทางตอนเหนือของเกาะฮอนซู แต่ทว่าเกิดมีกบฏกลุ่มเอมิชิที่ทำตัวกระด้างกระเดื่องขึ้น ทำให้ต้องเรียกตัวหน่วยคิวโดะหรือพลแม่นธนูมาปราบ จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป อำนาจที่พยายามประคับประคองของจักรพรรดิคังมุก็เริ่มจะเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ ผู้มีอำนาจและอิทธิพลต่างๆ ก็เริ่มแทรกแซงกุมอำนาจการปกครองบ้านเมือง บ้างอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรี บ้างก็เป็นขุนนางและกลุ่มตระกูลพวกนี้ก็ทำตัวราวกับโจรคอยเก็บภาษีอากรชาวบ้านอย่างขูดเลือดขูดเนื้อ ปัญหาบ้านเมืองในยุคสมัยนั้นเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ชาวบ้านจำนวนมากไร้ที่อยู่อาศัยและที่ทำกินจนต้องตั้งตัวเป็นโจรเที่ยวปล้นข้าวของชาวบ้าน
ผู้ปกครองจึงคิดหาวิธีปราบโจรที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในทุกวัน โดยการรับสมัครคนที่ถูกเนรเทศในเขตคันโตมาฝึกการต่อสู้และการใช้อาวุธ เพื่อทำหน้าที่ปราบโจรรวมถึงรักษาความเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยหน่วยรบนี้ถูกเรียกว่า ซาบุไร (Saburai) (ปลายศตวรรษที่ 16 และต้นศตวรรษที่ 17 เปลี่ยนมาใช้คำว่า ซามูไร Samurai) หมายถึงผู้รับใช้ รับสนองคำสั่ง โดยคนที่เข้ามาอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวแล้วจะมีศักดินาที่สูงส่ง และมีอำนาจอิทธิพลต่างจากชาวบ้านธรรมดา
เมื่อเข้าสู่ยุคเฮอังตอนกลาง มีซามูไรซึ่งเกิดจาก กลุ่มของชาวนาชาวไร่ธรรมดาที่ตั้งตัวเป็นซามูไร เพื่อ ป้องกันตนจากซามูไรที่คอยเก็บภาษี ทำให้ต่อมาซามูไร กลุ่มนี้เองได้นำเอาลักษณะพิเศษของชุดเกราะและอาวุธต่างๆของญี่ปุ่นมาวางไว้เป็นพื้นฐานของกฎแห่งบูชิโด อันเป็นกฏที่ประมวลรวมหลักจรรยาต่างๆ ของซามูไรขึ้น
ในศตวรรษที่ 11 มีการปฏิรูปแนวคิด โดยซามูไรจะต้องมีความรู้มากกว่าแค่เพียงสู้รบได้ ซึ่งแนวคิดที่ว่าคือ ความกลมกลืนแห่งพู่กันและดาบ หรือ บุง บึ เรียว โดะ ทำให้ซามูไรไม่เพียงแต่เป็นบุคคลที่มีศักดินาพิเศษมีสิทธิในการพกพาอาวุธในขณะที่ชาวบ้านทั่วไปทำไม่ได้เพราะซามูไรยังเป็นผู้มีภูมิความรู้อีกด้วย
วิถีบูชิโด จิตวิญญาณซามูไร
คำว่าบูชิโด และ ซามูไร แทบจะเรียกว่าเป็นสิ่งเดียวกันสำหรับคนญี่ปุ่น โดยลัทธิบูชิโด คือลัทธิที่ยอมรับและยกย่องวิถีแห่งคนกล้า หรือแปลตามตัวว่า หนทางของอัศวินนักต่อสู้ (the way of the fighting knight) ดดยจุดกำเนิดนั้นมีการผสมผสานความเชื่อทางพุทธศาสนานิกายเซน คำสอนของขงจื๊อ และศรัทธาในลัทธิชินโตซามูไรจึงไม่กลัวอันตรายและความตาย นิกายเซนเน้นทำสมาธิเพื่อนบรรลุนิพพาน สอนให้คนรู้จักตนเองและไม่ยึดติดกับตัวตน ซามูไรใช้เซนฝึกเพื่อขับไล่ความกลัว หรืออีกความหมายหนึ่ง บูชิโดจะหมายรวมถึงจารีตหรือหลักปฏิบัติเพื่อควบคุมซามูไรให้ยึดหลัก ความจงรักภักดี การเสียสละ ความละอาย ความมีมารยาท ความอ่อนน้อม เกียรติยศ และความรักผูกพัน โดยมีการใช้อย่างเป็นทางการในยุคสมัยเอโดะ
ซามูไรนั้นมีข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยอาจสรุปได้ดังนี้
ซามูไรอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้านายซึ่งจะต้องสังกัดเจ้านายในระดับศักดินา ซามูไรต้องมีความซื่อสัตย์ ภักดีต่อเจ้านายด้วยชีวิต แม้จะต้องละทิ้งสิ่งที่ตนรัก
ซามูไรไม่หวั่นเกรงต่อความตาย โดยซามูไรเชื่อว่าการตายอย่างมีเกียรติคือ การทำฮาระคิริ หรือ เซ็ปปุกุ หรือก็คือการคว้านท้อง
ซามูไรจะต้องมีความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนต่อเจ้านาย โดยเป็นอิทธิพลทางความคิดของลัทธิขงจื๊อในเรื่องของระเบียบวินัยและความจงรักภักดี
ซามูไรจะต้องเป็นผู้มีความเที่ยงธรรม ละช่วยเหลือผุ้ตกทุกข์ได้ยาก มีเมตตาจิต รักความยุติธรรม ไม่นิ่งดูดาย เมื่อเห็นคนตกทุกข์ได้ยาก ต้องรีบช่วยเหลือทันที
ยุคเพื่องฟู ของซามูไร
ค.ศ. 1735 เป็นช่วงสมัยที่ซามูไรมีความเฟื่องฟูที่สุดโดยซามูไรเสริมสร้างอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดสามารถยึดอำนาจปกครองสูงสุด แล้วตั้งกลุ่มซามูไรเป็นผู้ปกครองประเทศสามารถรวบรวมพันธมิตรต่างๆ พร้อมกับปราบกลุ่มกบฏที่ต่างตั้งตัวกระด่างกระเดื่องจนสิ้น ในขณะเดียวกันซามูไรเองก็มีการแก่งแย่งอำนาจ โดยตระกูลต่างๆสุดท้ายมินาโมะโตะ โนะ โยริโตโมะ แห่งตระกูลมินาโมโตะก็เป้นผู้ชนะ และได้สถาปนาตนเองเป็นโชกุน รวมถึงตั้งเมืองคามากึระขึ้น
โอดะ โนบูนางะ ซามูไรในตำนาน กับการสิ้นยุคซามูไร
โอดะ โนบูนางะ เป็นนักรบแห่งตำนานที่อยู่คู่กับตำนานซามูไรเพราะเขาเป็นนักรบที่กล่าวกันว่า แค่เพียงซามูไรได้ยินชื่อก็ขวัญกระเจิงแล้ว เขาได้รับการจดจำจากการสร้างวีรกรรมอันน่าตื่นตะลึงด้วยการใช้นักรบเพียง 3,000 คน ยืนหยัดต่อสู้และพิชิตกองทักขนาด 25,000 คนของกบฏผู้คิดการใหฐ่ โดยเขาใช้กลยุทธ์หลอกเอากองทัพของอิมะงาวะ ไปติดในซอกเขาท่ามกลางหมอกหนาแล้วจึงใช้ทหารของเขาพิชิตศึดได้ และเขายังเป็นนักรบญี่ปุ่นที่คิดกลยุทธ์การรบสมัยใหม่ขึ้น จากเดิมที่การรบแบบซามูไรคือการควบม้าเข้ารบพุ่งชนกัน แต่กลยุทธ์ใหม่ของโนบูนางะนั้นมีการวางพลปืนจำนวน 3,000 คนของเขา เพื่อรับมือทหารม้าซามูไร โดยตั้งเป็นแนวชั้นๆ ก่อนจะสลับกันยิงและบรรจุกระสุนเป็นแถวๆไป เขาจึงกลายเป็นบุคคลสำคัญที่มักถูกกล่าวถึงแม้จะไม่มีซามูไรแล้วในปัจจุบัน
และในยุดสมัยเมจิ การสิ้นสุดของซามูไรก็เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อจักรพรรดิเมจิได้สั่งยุติสิทธิของซามูไร เพื่อการปรับปรุงกองทัพของประเทศญี่ปุ่น โดยถือว่าเป็นการสนับสนุนให้มีรูปแบบกองทัพแบบชาวตะวันตก จึงทำให้ตำนานแห่งซามูไรต้องถึงจุดสิ้นสุดลง ซามูไรไม่มีสิทธิในการพกพาดาบคาตะนะ และซามูไรก็ได้กลายเป็นชนชั้นเดียวกับประชาชนในที่สุด
โอดะ โนบูนางะ
จิตวิญญาณบูชิโด สู่ฝูงบินกามิกาเซ
ถึงแม้ยุคแห่งการต่อสู้แบบซามูไรจะจบลงในสมัยเมจิแต่ทว่าญี่ปุ่นยังคงรักษาปรัชญาบูชิโดให้อยู่คู่สังคมเสมอในสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้สร้างนักบินหน่วยกามิกาเซะ ซึ่งแปลว่า ลมแห่งเทวะ ซึ่งมีการฝึกเช่นเดียวกับซามูไรคือมีการสอนให้รู้จักจิตวิญญาณของบูชิโด ฝังความจงรักภักดีต่อชาติในจิตใจของนักบินกามิกาเซะ ทำให้สามารถสละชีวิตเพื่อแผ่นดินเกิดได้ และครั้งนั้นโลกก็ต้องตะลึงเมื่อญี่ปุ่นทำในสิ่งที่โลกไม่อาจคาดคิด เพราะพวกเขาได้ทำเช่นในยุคสมัยของซามูไร นั่นคือการสละชีพเพื่อกองทัพของพระจักรพรรดิ
การแพ้สงครามและถูกสั่งให้ปิดประเทศกลับไม่ได้ทำให้ญี่ปุ่นลืมวิถีแห่งบูชิโดไปเลย การมีวินัย การรักชาติ ถูกปลูกฝังใรคนญี่ปุ่นทุกคน ทำให้กล่าวกันว่าการสู้รบยุคใหม่ที่เกิดขึ้นนั้น ญี่ปุ่นเอาชนะข้าศึกนอกประเทศด้วยนักธุรกิจที่ยึดถือหลักจิตวิญญาณบูชิโดนั่นเอง การผงาดขึ้นเป็นประเทศแห่งผุ้นำหลายๆอย่างนั้นคงไม่ได้เกินจริงหากจะกล่าวว่า ซามูไรคือนักรบผู้สร้างต้นแบบและสอนจิตวิญญาณแห่งนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่แก่ญี่ปุ่น
cr.www.flagfrog.com