เราจะพอมีวิธีเช็คสายตาด้วยตัวเองไหมอ่ะครับ ว่าเราควรไปตัดแว่นหรือเปล่า
Printable View
เราจะพอมีวิธีเช็คสายตาด้วยตัวเองไหมอ่ะครับ ว่าเราควรไปตัดแว่นหรือเปล่า
ง่าย ๆครับ เพล่งสายตาหรือเปล่าว รู้สึกมึนๆมั้ยเวลาเดินหรือวิ่ง ภาพที่เคยมองเห็นได้ไกล ๆจะมัว ๆ
ผมปวดปัดสาวะ บ่อยมาก ถ้ากินน้ำเพียง แก้วเดียว ก็ ปัดสาวะ หลายลอบมากเกิดจากอะไรครับ
ต่อมลูกหมาก อ๊ะป่าว - 0 - ต่อมลูกหมากนายอาจจะเล็กก็ได้นะครับ 5555+ อยากทราบว่า กินนํ้าแล้วอีกกี่นาทีจะปัสสาวะ
ถ้ากิน น้ำแก้วใหญ่ในโรงหนัง ก็ 4 5 ที ละ ไม่เกิน 30 นาทีครั้ง หนะ
ก่อนนอน 2 ชม ไม่กินน้ำเลย ก็ตื่นมา ปัสสาวะ 1-2 ครั้งตอนกลางดึก ช่วงประมาน ตี 3 - - ทุกวันเลย
ต่อมลูกหมากไม่บีบท่อปัสสาวะมั้ง-*- ของ โอโบ๊ธจาม๊ะ นายอะ เป็นตั้งแต่เด็กปะ
- - จำไม่ได้แล้ว แต่น่าจะเด็กแล้วละ เพราะไม่ได้ใส่ใจ แต่ผมก็เป้นมานานแล้วหละ
55555+ ครับผม แต่ไม่ควรลดปริมาณในการดื่มนํ้านะครับ เพราะสารเคมี หรือการแพร่ของสารเคมี หรือสภาพการทำงานเลือด และอีกมากมาย ก็ต้องใช้นํ้าทั้งสิ้นนะครับ ฝากไว้
เจิมกระทู้ซักหน่อย ^^
ใต้ตาบวมอ่ะครับรอยคล้ำใต้ตา ปัญหานี้เกี่ยวกับอะไรหรอครับ ?
พักผ่อนเพียงพอรึเปล่าวครับ บวมไปโดนอะไรเข้าตารึเปล่าวครับ หรือ อะไรกระแทก
ยิ่งดื่ม ยิ่ง ทรมาน :sweat ปัสสาวะก่อนนอน ระหว่างนอน ตื่นนนอน ถ้ากินน้ำ 1 แก้ว ก่อนนอนนี้ผม ตื่น มา 2 3 รอบเลย (แก้วประมาน ร้านขายอาหารอะครับ)
ไปนอนละดีกว่า ก่อนนอนต้อง . . . 555+
5555+ ฝากไว้อีกนะครับ การซํ้มไม่ได้ทำให้หยุดสูง ^^ ก็ดื่มนํ้าที่ไม่ใช่เวลาก่อนนอนสิท่าน - 0 - ตื่นนอนมาก็ดื่มเลยมันจะได้ล้างลำไส้ได้สดวก ดื่มไปเรื่อย ๆเว้นเป็นช่วง ๆจนถึงเย็นก็หยุดแค่นั้นแหละครับผม
ไม่กินน้ำเลย 2 ชม ผ่านไป ก็ ห้องน้ำ เกือบ ทุก ชม เลย นะ ปกติ เค้าเข้ากัน 2- 4 ชม ครั้งนิ (อ่านมา)
วันละ 2-3แก้วก็ได้ครับ
ช่วงนี้อ่อนเพลียมากครับสงสัยเกี่ยวกับงาน
มีวิธีแก้ให้หายเครียดหรือบรรเทาบ้างไหมครับ ?
ทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบครับ เล่นดนตรีเป็นก็เล่นครับ บรรเทาได้ดีมาก แล้วก็นอนให้เพียงพอครับ ฟังเพลงเบาๆครับอย่าไปฟังrockมากเดี๋ยวจะมึนเข้าไปใหญ่ เพลงเบาๆผมแนะนำ Your guardian angel ครับ ถ้าเป็นไปได้ให้ ซื้อยา Fish oil hi DHA แล้วก็ Vitamin B รวม มันจะช่วยเกี่ยวกับระบบประสาทได้ดี ถ้าคุณเป็นคนสูงอายุ 30+ ก็แนะนำ Shark oil hi omega3 มันจะช่วยลดคอลเลสเตอร่อ เพื่อให้เส้นเลือดสะดวกต่อการส่งเลือดและช่วยไม่ให้ขี้ลืม ยาพวกนี้ช่วยได้เวลาทำงานครับ ที่เหลือก็ให้เวลาตัวเองตามที่กล่าวมาครับ
ครับ งานสำคัญครับแต่สุขภาพนั้นควบคู่ครับ
สนครับ ช่วงนี้มันเครียดๆไงไม่รู้อ่ะครับ ผมขออยู่ตอบกระทู้นี้ด้วยคนนะพอดีมีสาระ^^
ยืนนาน ปวดขา มีวิธีแก้ มั้ยครับ
พอดีผมไปดู PSI CHANAL มานะครับ
วิธีลดความอ้วน
แค่นี้ก็น่าจะลดได้บ้างขอบคุณครับอ้างถึง:
1.ไม่ควรทานอาหารที่มีไขมันมากจนเกินไป เช่น มันผรั่งทอด เค้ก
2.เวลาทานอาหารเมื่อรู้สึกอิ่มแล้วให้หยุดทันที
3.ก่อนนอนควรดื่มน้ำอย่างน้อย 2 แก้ว
4.ในแต่ละวัน ทั้งวันควรดื่มน้ำด้วย ซึ่งต้องเป็นน้ำอุ่นด้วยนะครับ
5.ไม่ควรทานขนมหวานพร้อมทานขาวไปด้วย และ ไม่ควรทานหวานมากจนเกินไป
6.คุณสามารถทาน ขนมหวานในเวลา 3 โมงเย็นได้(15.00 น.)ในปริมาณที่น้อยๆ เช่น ทาน ช๊อคโกแลด สักแผ่นนึง แผ่นเล็กๆนะ พอหอมปากหอมคอพอ
7.เวลานอนไม่ควรนอนเกิน เที่ยงคืน แต่ถ้าคุณจัดสรรเวลาได้ดีเยี่ยมควรเข้านอนก่อนจะดีมากเลยครับ เพราะ เวลานอนก็สำคัญเหมือนกัน
8.ควรดื่มน้ำก่อนทานอาหารเพราะจะทำให้อิ่มจากการดื่มน้ำมาก่อน
9.เวลาทานอาหารเสร็จแล้ว ไม่ควรไปนั่งหรือไปนอนครับ เพราะทำให้ไม่มีการเผาผลาญของอาหารทำให้ พุงออก สะสมไขมันมากขึ้น
10.ออกกำลังกายทุกวัน วันละ 30 นาที(ครึ่งชม.)
Credit: www.thailabonline.comอ้างถึง:
ท้องผูก หมายถึง อาการถ่ายอุจจาระลำบาก ซึ่งมักร่วมด้วยการมีอุจจาระแข็ง กากอาหารที่เคลื่อนมาถึง
ลำไส้ใหญ่ใหม่ๆ จะยังค่อนข้างเหลวและมีน้ำอยู่มาก สำไส้ใหญ่จะดูดน้ำและสารบางอย่างกลับเข้าสู่ร่างกาย
ทำให้อุจจาระแห้งขึ้นและเป็นรูปร่างหรือเป็นก้อนมากขึ้น ถ้าอุจจาระค้างอยู่ในลำไส้นานๆ หรือร่างกายมี
ภาวะขาดน้ำ น้ำในลำไส้ใหญ่จะถูกดูดกลับมากขึ้น ทำให้อุจจาระแข็งยิ่งขึ้น
อาการท้องผูกอาจเกิดได้จากสาเหตุหลายประการ เช่น อุปนิสัยในการถ่ายอุจจาระ การขาดการ เคลื่อนไหว
หรือออกกำลังกาย (เช่น ผู้ที่นั่งทำงานอยู่กับที่ทั้งวัน ผู้ป่วยที่นอนอยู่กับเตียงเป็นเวลานานๆ) รับประทาน
อาหารหรือยาบางอย่างที่ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ ขาดฮอร์โมนบางอย่าง (เช่น ฮอร์โมนของต่อมธัยรอยด์)
ภาวะขาดน้ำ เป็นต้น
ประเด็นสำคัญ
พบว่ามีความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับอาการท้องผูกมาก กล่าวคือ ส่วนใหญ่ฝังใจการการเรียนว่า ควรถ่ายอุจจาระ
เป็นประจำทุกวัน แต่ความจริงมีว่า ท้องผูกคืออาการที่อุจจาระแห้ง แข็ง ถ่ายลำบาก การใช้ยาถ่าย ยาระบาย
มากเกินไป ทำให้เกิดการติดเป็นนิสัยได้ มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นสาเหตุของท้องผูกได้เช่นกัน เพราะก้อนเนื้อโต
ขวางทางไว้
การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารเป็นประจำ มีผลดีต่อการทำงานของลำไส้ใหญ่ แก้ปัญหาท้องผูกได้
ดีมาก
ท้องผูกคืออะไร ?
ท้องผูกคือสภาพที่การถ่ายอุจจาระเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากอุจจาระอยู่ในสภาพที่แห้ง แข็ง
เป็นก้อนเล็กก้อนน้อยเหมือนขี้แพะ
จะเห็นว่า ความสำคัญอยู่ที่สภาพของอุจจาระมากกว่าที่จะเป็นความถี่ในการอุจจาระ คนมักจะเข้าใจว่า
คนเราควรถ่ายอุจจาระเป็นประจำทุกวัน ซึ่งความจริงไม่จำเป็น ตราบใดที่การถ่ายอุจจาระแต่ละครั้งเป็นไป
อย่างราบรื่น ไม่สร้างความทรมาน เจ็บปวดแก่ผู้นั้น
สาเหตุของท้องผูก
- การอั้นอุจจาระเป็นประจำ ทำให้นิสัยการถ่ายเสียไป เพราะตามปกติ เมื่อมีอุจจาระไปรอที่บริเวณลำไส้ใหญ่
ส่วนปลาย จะมีกระแสประสาทกระตุ้นเตือนให้เกิดการถ่าย แต่ถ้าอั้นไว้บ่อยๆ ระบบนี้ก็จะเสียไป ทำให้อุจจาระ
สะสมในลำไส้ใหญ่นานเกินไป น้ำในอุจจาระจะถูกดูดกลับมากเกินไป ทำให้อุจจาระแห้งแข็ง
- รับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารน้อยเกินไป
- การใช้ชีวิตแบบเฉยๆ เฉื่อยๆ นั่งๆนอนๆ ขาดการออกกำลังกาย หรือผู้ป่วยที่ต้องนอนพักบนเตียงติดต่อกัน
นานๆ
- รับประทานน้ำน้อยเกินไปในแต่ละวัน
- ความเครียด ข้อนี้ค่อนข้างแปลก เนื่องจากในบางคนความเครียดทำให้ท้องเสียได้เช่นกัน
- ยาบางชนิด ได้แก่
ยาแก้ปวดผสมโคเดอีนหรือฝิ่น
ยาแก้โรคซึมเศร้า เช่น Amitriptylene, Fluoxetine, Imipramine
ยาแก้ชัก เช่น Phenytoin, Carbamazepine
ยาบำรุงเลือด ประเภทธาตุเหล็ก
ยารักษาโรคหัวใจ เช่น Diltiazem, Nifedipine
ยาลดกรดที่มีเกลืออลูมิเนียม
การใช้ยาระบายประเภทที่กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่เป็นประจำ จนกระทั่งเกิดการติดยา ไม่สามารถ
หยุดยาได้ มีแต่จะต้องเพิ่มปริมาณยามากขึ้นเรื่อยๆ
- โรคภัยไข้เจ็บบางชนิด เช่น Diverticulosis, Irritable Bowel Syndrome, มะเร็งลำไส้ใหญ่,
โรคของต่อมธัยรอยด์
การรักษาอาการท้องผูก
ควรพิจารณาจากสาเหตุข้างบน และแก้ไข โดยมีแนวทางดังนี้
ทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารมากๆ ได้แก่ ผัก ผลไม้ ซึ่งนอกจากจะแก้ปัญหาท้องผูกแล้ว ยังมีผลดีต่อการลด
โอกาสการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และช่วยควบคุมโรคเบาหวาน ไขมันในเส้นเลือดสูง ด้วย กรณีที่ไม่
สามารถทานได้ ก็ควรเสริมด้วยผลิตภัณฑ์อาหารเสริมประเภทเส้นใยอาหาร ออกกำลังกายเป็นประจำ
ดื่มน้ำให้เพียงพอ ฝึกการถ่ายให้เป็นนิสัย ไม่อั้น ถ้ามีสัญญาณการถ่ายควรรีบถ่ายอุจจาระทันที เมื่อถึงเวลา
ถ่ายอุจจาระ ไม่ควรอ่านหนังสือ หรือทำอะไรอย่างอื่นๆ
จัดท่านั่งถ่ายให้ถูกต้อง คือ กรณีที่เป็นส้วมชักโครก ควรโค้งตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อให้มีแรงเบ่งมากขึ้น
เปลี่ยนทัศนคติเรื่อง การถ่ายอุจจาระทุกวัน เพราะท้องผูกขึ้นกับสภาพอุจจาระไม่ใช่ความถี่
พิจารณาใช้ยาระบายที่เหมาะสม โดยถือเป็นทางเลือกสุดท้าย ถ้าจำเป็นต้องใช้ ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
การรักษาอาการท้องผูกให้หายขาด คงต้องพิจารณาหาสาเหตุและแก้ไขให้ตรงจุดเป็นกรณีๆ ไป
การรักษาเฉพาะหน้าอาจทำได้โดย เพิ่มอาหารที่มีกากหรือเส้นใยมากขึ้น หรือ รับประทานยาระบาย หรือ
สวนอุจจาระหรือเหน็บยาระบายทางทวารหนัก ไม่ควรรับประทานยาระบายบ่อยๆ เพราะจะทำให้ลำไส้
เคยชินต่อยากระตุ้นได้ง่าย ทำให้ต้องรับประทานเป็นประจำและอาจต้องเพิ่มขนาดของยา ถ้าจำเป็นควรใช้
การสวนหรือยาเหน็บทางทวารหนักจะดีกว่า
ผักและผลไม้ที่มีกากใยอาหารมากและเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย คือ พรุน ส้ม มะละกอ ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง
ผักโขม ข้าวกล้อง ฯลฯ โดยเฉพาะพรุนนั้น เป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์มากเป็นพิเศษ และยังเป็นไฟเบอร์ชนิดละลาย
น้ำได้ ทางการแพทย์จึงนิยมใช้พรุน ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายตามธรรมชาติแก้ไขอาการท้องผูก
นอกจากนี้ พรุนยังเป็นผลไม้ที่ให้ผลทางด้านโภชนบำบัด สำหรับคนที่มีปัญหาทางระบบขับถ่ายริดสีดวงทวาร
และโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคลำไส้โป่งพองได้เป็นอย่างดี การรับประทานลูกพรุนนั้น ไม่ว่าจะรับ
ประทานเป็นพรุนสด หรือพรุนสกัดเข้มข้นก็มีส่วนช่วย ให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติได้ แต่แพทย์ไม่แนะนำให้รับ
ประทานพรุนแห้ง เนื่องจากในพรุนแห้ง จะมีส่วนผสมของน้ำตาลค่อนข้างมาก ซึ่งถ้าบริโภคมากอาจทำให้เกิด
โรคอ้วนตามมาได้
ส่วนข้อดีของการรับประทานพรุน นอกจากจะช่วยในเรื่องระบบการขับถ่ายแล้ว คุณแม่ยังจะได้รับวิตามินและ
เกลือแร่ต่างๆ อีกหลายชนิด ซึ่งสามารถช่วยป้องกัน และแก้ไขอาการของโรคอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น ช่วยลด
โคเลสเตอรอล ช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขจัดสารพิษที่ตกค้างในลำไส้ ให้ออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น
ช่วยป้องกันโรคลำไส้ใหญ่อักเสบ และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้พรุนยังมีธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันภาวะ
โลหิตจางในคุณแม่หลังคลอดด้วย
นอกเหนือจากจะเพิ่มการรับประทานอาหาร ที่มีกากใยอาหาร ให้มากขึ้นแล้ว ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย
วันละ 6-8 แก้ว เพื่อให้กากใยอาหารที่ได้รับเข้าไปทำงานได้ดีขึ้น ควบคู่กับ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อที่ลำไส้จะได้มีการเคลื่อนไหว และสามารถขับเอากากอาหารออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญคือ ต้อง
พยายามฝึกตนเองให้ขับถ่ายเป็นเวลา จะเป็นช่วงเช้าหรือเย็นก็ได้ เพื่อที่ลำไส้จะได้เกิดความเคยชินกับการ
ขับถ่ายเป็นเวลา
การป้องกันอาการท้องผูก
- ฝึกถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา จะช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้
- รับประทานอาหารที่มีกากหรือเส้นใย เช่น ผัก ผลไม้ มากขึ้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้ามเนื้อบริเวณท้อง
- การไม่ถ่ายอุจจาระเพราะไม่มีกากอาหาร เนื่องจากรับประทานอาหารไม่ได้ หรือ รับประทานอาหารที่ไม่มีกาก
ไม่เรียกว่าท้องผูก