ข้อตกลงสันติภาพปารีส ค.ศ. 1973 ความพ่ายแพ้ในสงครามเวียดนามของสหรัฐอเมริกาอย่างมีเกียรติ 27 มกราคม 2516
ข้อตกลงสันติภาพปารีส ค.ศ. 1973 ความพ่ายแพ้ในสงครามเวียดนามของสหรัฐอเมริกาอย่างมีเกียรติ 27 มกราคม 2516
นับตั้งแต่ที่สหรัฐอเมริกากระโจนเข้าร่วมสงครามเวียดนามอย่างเป็นทางการในปี 2510 ความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินก็เกิดขึ้นกับทั้งแนวรบ 2 ฝ่าย อเมริกาและพันธมิตรสูญเสียชีวิตทหารรวมกันมากมายจนน่าใจหาย ตัวเลขของทหารอเมริกันตายมากสุดช่วงปี 2511 ซึ่งเป็นช่วงยุทธการณ์วันรุกใหญ่เต็ต ของกองกำลังผสมเวียดนามเหนือและเวียดกง
จากความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงของอเมริกาที่ดูไม่มีทีท่าจะลดลงเลย ทำให้ประชาชนอเมริกันพากันออกมาประท้วงเพื่อให้รัฐบาลสหรัฐฯถอนทหารออกจากเวียดนาม ประชาชนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ลูกหลานของตัวเองไปตายอย่างไร้ค่าที่เวียดนาม กระแสการต่อต้านสงครามทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองไปอยู่กับฝ่ายพรรคริพับลิกันที่มีนโยบายต่อต้านสงครามเวียดนาม ดังนั้นรัฐบาลที่มาจากพรรคริพับลิกันซึ่งนำโดยประธานาธิบดีนิกสัน จึงมีโครงการถอนทหารและลดงบประมาณการช่วยเหลือให้กับภูมิภาคอินโดจีนซึ่งกำลังเป็นสนามรบของสงครามเย็นอย่างดุเดือด แต่ในขณะเดียวกันสหรัฐก็ไม่ต้องการให้อินโดจีนกลายเป็นคอมมิวนิสต์ สหรัฐฯจึงงัดไม้เด็ดเพื่อให้ตัวเองถอนตัวออกจากอินโดจีนอย่างสมเกียรติ และชะลอการขยายอิทธิพลของคอมมิวนิสต์ให้ช้าลงด้วยด้วยวิธีการทำสัญญาสันติภาพ
สหรัฐอเมริกาเริ่มมีการเจรจาเพื่อสร้างสันติภาพในอินโดจีนแบบลับๆกับรัฐบาลคอมมิวนิสต์เวียดนามเรื่อยมานับตั้งแต่หลังเหตุการณ์วันรุกใหญ่เต็ต การเจรจาล้มเหลวจนไม่สามารถตกลงกันได้หลายครั้ง แต่ในที่สุดหลังเกิดความล้มเหลวของการเจรจาตลอดระยะเวลา 4 ปีกับอีก 8 เดือน ในที่สุดสันติภาพที่หลายฝ่ายต้องการก็เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2516
ข้อตกลงปารีสได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ จากการตกลงลงนามของผู้แทนที่มาจากประเทศคู่สงคราม 4 ฝ่าย ประกอบด้วย
1.เฮนรี จูเนียร์ ผู้นำคณะผู้แทนฝ่ายสหรัฐอเมริกา
2.วิลเลียม โรเจอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา
3.ตรันวันลัม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐเวียดนาม (เวียดนามใต้)
4.เหงียนถี่บิ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาลสาธารณรัฐภาคใต้เวียดนาม (เวียดกง)
5.เหงียนดึยตรินห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม (เวียดนามเหนือ)
บทบัญญัติของข้อตกลงปารีส 1973 มีใจความสำคัญคือ
1.ให้ทุกฝ่ายหยุดยิงอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่เวลา 8.00 ตามเวลานครไซ่ง่อน
2.หลังการหยุดยิง ทุกประเทศที่ไม่ใช่เวียดนาม ทั้งสหรัฐและชาติพันธมิตร (ไทย ,ฟิลิปปินส์ ,เกาหลีใต้ ,ออสเตรเลีย) ต้องถอนทหารออกจากเวียดนามภายใน 60วัน และจะต้องมีการส่งตัวเชลยคืนกลับมาด้วย
3.ให้รัฐบาลเวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ เปิดเจรจากันเองเพื่อตัดสินอนาคตว่าจะให้มีการรวมชาติหรือไม่
ก่อนข้อตกลงสัญญาจะเกิดขึ้นไม่กี่วัน สหรัฐฯได้ให้คำสัญญาทิ้งท้ายกับรัฐบาลเวียดนามใต้ว่าถ้าหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงกับเวียดนามใต้ สหรัฐฯจะส่งทหารกลับมาช่วยเหลือทันที (แต่จริงๆแล้วสหรัฐแค่พูดปลอบใจเวียดนามใต้เฉยๆ เพราะในความเป็นจริงสหรัฐตั้งใจจะไม่กลับมาช่วยเวียดนามลาวและกัมพูชาอีกต่อไปแล้ว)
หลังการลงนามข้อตกลงปารีสเสร็จสิ้น สถานการณ์ในเวียดนามใต้ก็ยังคงไม่สงบ 100% มีการปะทะอยู่บ่อยครั้ง ทั้งบริเวณชายแดนที่ติดกับกัมพูชา ซึ่งตอนนั้นเวียดนามใต้ต้องพึ่งพาตัวเองเป็นหลัก และมีการสะสมกำลังพลหลักมากถึง 1 ล้านนายซึ่งมีจำนวนมากสุดในปี 2517 โดยมีแค่ที่ปรึกษาทางทหารของสหรัฐประจำการในเวียดนามใต้เพียงไม่กี่คน แต่ด้วยการคอรัปชั่นของรัฐบาลเวียดนามใต้ และความหย่อนยานของระเบียบกองทัพเวียดนามใต้ จึงเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เวียดนามใต้อ่อนแอลง จนเวียดนามเหนือสามารถบุกยึดนครไซ่ง่อนเมืองหลวงเวียดนามใต้ในปี 2518
รูป1 ประชาชนอเมริกันประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนาม
รูป2 คณะผู้แทนเจรจาของรัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาลสาธารณรัฐภาคใต้เวียดนาม (เวียดกง) นำโดยนางเหงียนถี่บิ่ง
รูป3 ธงชาติของประเทศคู่สงคราม เวียดนามใต้ สหรัฐฯ เวียดนามเหนือ และรัฐบาลปฏิวัติเฉพาะกาลสาธารณรัฐภาคใต้เวียดนาม (เวียดกง)
https://www.img.in.th/images/b469256...5dbd6a6e63.jpg
https://www.img.in.th/images/b35789f...b53216f44a.jpg
https://www.img.in.th/images/95f7041...e5053cd368.jpg
**หลายๆคนเข้าใจผิดว่าในปี 1975 ที่ไซง่อนแตก คืออเมริกาแพ้หมดรูป แต่จริงๆแล้วถอนไปหมดตั้งแต่ 1973 แล้ว**
**อ่านประวัติศาสตร์กันบ้าง มัวแต่เล่นเกมส์อิอิ**
**เครดิต: คุณกิตติบดี คะเณย์**