เรื่องสั้นหลายตอน Day Of Revenge : วันล้างแค้นระห่ำนรก
Day of Revenge : วันล้างแค้นระห่ำนรก
Day 1 : Prepare
ท้องฟ้ายามเที่ยงวันนี้อึมครึมไปด้วยเมฆสีดำราวกับต้องการจะสื่อนัยยะบางอย่าง ฝนที่ตั้งเค้าจะตกมาได้สักพักก็ค่อยๆลงเม็ดทีละช้าๆ และเพิ่มจำนวนหนาขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้นยังคงมีมอเตอร์ไซด์บิ๊คไบค์สีดำวิ่งฝ่าสายฝนไปด้วยความเร็วสูง สองล้อสองสูบร้องคำรามแข่งจนกลบเสียงอื่นรอบกาย มันวิ่งตรงไปยังที่หมายที่โดดเด่นไม่ไกล ไม่กี่อึดใจ คาวาซากิ นินจา 650 (*1) ก็นำผู้ขับมาถึงที่หมาย
เป็นวัดที่ไม้เก่าเล็กๆที่เป็นศูนย์กลางชุมชน ในกุฏิหลังเดียวของวัดมีไฟดวงหนึ่งด้านบนค่อยๆเปิดขึ้นราวกับเชื้อเชิญให้แขกผู้มาเยือนได้เข้ามาหลบฝนข้างใน ผู้ขับไม่รอช้าลงจากรถแล้วรีบย่ำเท้าขึ้นด้านบนของกุฏิ
ก็ปรากฏร่างของพระภิกษุชรารูปหนึ่งที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมาจากการท่องกรรมฐาน ร่างสูงเบื้องหน้าคุกเข่าลงก้มกราบสามครั้ง แล้วไม่ได้พูดอะไร หลวงพ่อจึงเริ่มเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
โยม มาหาใครหรือ? น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยือกเย็นอ่อนโยน แต่ทว่าไม่สามารถดับความร้อนในดวงใจของเขาได้เลย
ผมมาหาสัปเหร่ออินครับ ชายในเสื้อแจ๊กเก๊ตสีดำตอบง่ายๆได้ใจความ หลวงพ่อนิ่งไปสักอึดใจก่อนจะพูดต่อ
โยมอิน อยู่ที่กระท่อมท้ายวัดโน่นแน่ะ
ขอบคุณครับ
ร่างสูงนั้น ก้มกราบลาอีกสามครั้งก่อนจะเดินลงบันไดไป สองเท้าตรงดิ่งไปยังสถานที่ที่คุ้นเคย...แต่ทว่าไม่เคยแม้แต่คิดอยากกลับมาอีก สายฝนยังคงกระหน่ำลงมา แต่นั่นไม่สามารถจะหยุดเขาได้แม้แต่นิดเดียว
จ้ำเท้าไม่กี่อึดใจก็มาถึงบ้านปูนหลังเล็ก เขายกมือขึ้นเคาะประตูไม้เบาๆเป็นจังหวะสัญญาณ
ก๊อก เสียงเคาะตอบกลับจากด้านในดังออกมา แล้วประตูไม้บานเก่าจึงเปิดออกช้าๆเผยให้เห็นถึงร่างคนที่อยู่ข้างใน เป็นชายชราร่างเล็กแกร็น ดวงตาแข็งแกร่งทว่าเป็นประกายจับจ้องมาที่อาคันตุกะที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกแล้ว
ก่อนที่สัปเหร่อเฒ่าจะได้พูดอะไรชายชุดดำก็เอ่ยขึ้นก่อน
พาผมไปที่เก็บของหน่อยครับลุง ผมต้องใช้มันแล้วล่ะครับ
ผู้ฟังเพียงแต่พยักหน้าแล้วเดินกระงกกระเงิ่นไปยัง ที่เก็บของ ที่เขาหมายความไว้ สถานที่ที่พูดถึงเป็นห้องห้องหนึ่งในบ้านปูนหลังนี้ ความกว้างแทบจะกินครึ่งหนึ่งของบ้านเสียด้วยซ้ำ ประตูเหล็กที่เป็นทางเข้าถูกลั่นดาลไว้อย่างแน่นหนาราวกับต้องการพิทักษ์ ของ ที่อยู่ข้างในเป็นอย่างดี...หรืออยากปิดตายไม่ให้ใครได้สัมผัสมันอีกเลย
ร่างผอมเกร็งค่อยๆหยิบเอากุญแจออกมาไขทีละดอกละดอก เมื่อสิ้นดอกสุดท้ายห้องมืดก็ค่อยๆเปิดออก เจ้าของบ้าน สบตากับผู้มาเยือนแล้วจึงค่อยๆปิดประตูและเดินหลบไปอีกทางหนึ่ง
เขา เองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เพียงแต่เดินเข้าไปข้างในห้องนั้น....ห้องที่เขาแสนจะคุ้นเคยราวกับเป็นสวนหลังบ้าน สวนที่เขาไม่คิดจะกลับมาอีกครั้ง
หลับตาและเอื้อมมือขวาออกไป ปล่อยให้ปลายนิ้วไล้อยู่กับผิวคอนกรีตจนสัมผัสถึงปุ่มนูนของสวิทซ์ไฟ เพียงสัมผัสเบาๆไฟสีส้มก็สว่างจ้าออกมา จมูกเชิดขึ้น สูดอากาศหายใจรับเอากลิ่นที่แสนจะหอมหวานในอดีต....กลิ่นของน้ำมันปืน !
เมื่อลืมตาขึนมา ภาพทุกอย่างยังคงเหมือนกับครั้งสุดท้ายที่เขาออกไปจากห้อง พื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสเต็มไปด้วยอาวุธสงครามทุกอย่างเท่าที่จะจินตนาการออกแขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ (*2)
ทางขวามือ มีตู้เหล็กที่เก็บกล่องกระสุนและอะไหล่ปืนพกทุกขนาดไว้ ถัดมาตรงกลาง เป็นปืนพกที่จัดวางไว้ในราง มีทั้งปืนพกขนาด 9 มม.ไปจนถึงขนาด .357 มม. ทางซ้ายมือเป็นราวแขวนปืน ที่มีทั้งปืนกลเบา ปืนเล็กกล ปืนเล็กยาว และลูกซองขนาดต่างๆแขวนอยู่ เยื้องมาอีกเล็กน้อยเป็นหุ่นที่สวมใส่ชุดเครื่องแบบเก่าของเขา
สายตาคู่คมมองพิจารณาอย่างพออกพอใจก่อนจะล้วงเอารูปภาพใบหนึ่งออกมาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นจึงถอดเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำออก แล้วปลดเสื้อเกราะกันกระสุนที่หุ่นมาสวมใส่กับเสื้อยืด มันยังคงกระชับเข้ากับรูปร่างของเขา จากนั้นจึงบรรจงเลือกปืน Glock 19 (*3) ออกมาขึ้นลำเปล่าๆสามถึงสี่ครั้งเพื่อตรวจสอบกลไกการทำงาน ก่อนจะยกปืนขึ้นเล็งที่บริเวณเป้าเล็งอีกข้าง และลั่นไกออกมาอย่างบรรจง
แช๊ะ ! เข็มแทงชนวนทำงานอย่างซื่อสัตย์ที่สุดกระบอกแรกผ่านไป เขาก็เสียบปืนกระบอกแรกเข้ากับซองปืนพกที่เสื้อเกราะ หลังจากนั้นหยิบปืนพกรุ่นเดียวกันขึ้นมาตรวจสอบเช่นเดียวกัน
ผลเป็นที่น่าพอใจเขาจึงเสียบปืนอีกกระบอกเข้าที่ซองอีกข้างนำซองกระสุนประจำปืนออกมาแปดซองวางบนโต๊ะ พร้อมกับเดินไปหยิบปืน M4 คู่ใจที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น กล้องช่วยเล็งแบบ Red dot , ด้ามจับปืน (Hand Grip) , ไฟฉายติดปืน (*4) เขาตรวจเช็คทุกชิ้นส่วนของปืนอย่างละเอียดลออที่สุด แม้จะมีปืนทั้งสามกระบอกแล้ว แต่ก็ยังคงไม่เพียงพอสำหรับภารกิจนี้อยู่ดี คิดได้ดังนี้จึงกราดสายตาหาอาวุธอีกสักอย่างจนไปสะดุดเข้ากับปืนลูกซอง
ไวเท่าความคิด มือข้างซ้ายฉกปืนลูกซองเรมิงตั้นแบบโยนลำ (Pump Action) ตัดพานท้ายสั้น (*5) ออกมากระชากขึ้นลำเสียงสนั่น จากนั้นจึงเอาลูกซองวางไว้บนโต๊ะเช่นเดียวกันกับปืนทั้งสามกระบอกที่อยู่ก่อนหน้านี้ เมื่อได้ปืนครบตามที่ต้องการแล้ว ก็คัดเลือกกระสุนที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดของแต่ละประเภทมากำไว้ในมือข้างขวา นิ้วโป้งบรรจงยัดมัจจุราช 9มม.ลงไปในซองกระสุนปืนพกทั้งแปดทีละนัดละนัดอย่างใจเย็น .
พลันสายตาไปสบเข้ากับรูปถ่ายใบเล็กในกรอบตั้งโต๊ะ เป็นรูปถ่ายของหญิงสาวสองคนที่เปรียบเสมือนชีวิตจิตวิญญาณและแก้วตาดวงใจ คือภรรยาและลูกสาวที่แสนดีของเขานั่นเอง ในภาพที่ฉากหลังเป็นท้องทะเลที่มีดวงตะวันกำลงจะลับโลกไปทั้งสองสาวสวมกอดและส่งยิ้มให้กับคนหลังกล้องอย่างมีความสุข เป็นรอยยิ้มที่สุดแสนจะบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เป็นรอยยิ้มที่เติมเต็มทุกอย่างให้แก่เขา ไม่นานมานี้กลับถูกพรากไปจากชีวิตด้วยอำนาจมืดที่แม้แต่ผู้พิทักษ์กฎหมายยังต้องยอมก้มหัวให้.....ไอ้เสี่ยโชติ!
ใช่แล้ว ! เป็นมันนั่นเอง ไอ้เจ้าพ่อยาเสพย์ติดในพื้นที่ภาคเหนือทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องการค้ามนุษย์และทำผิดกฎหมายทุกอย่าง มีสมุนและชุมโจรเป็นของตัวเอง แต่ทว่าอำนาจกฏหมายที่เปรียบดังดาบคมที่มอบให้เจ้าหน้าที่รัฐในการปกป้องประชาชนกลับหันด้านเพื่อพิทักษ์ไอ้ระยำขายชาติและหันคมเข้าสู่ประชาชนแทน มีประชาชนมากมายในพื้นที่ที่ถูกข่มเหงรังแก และหนึ่งในนั้นก็เป็นครอบครัวของเขา......
แต่เดิมเขาเคยเป็นนักรบตำรวจในชุดปฏิบัติการพิเศษ ทำงานรับใช้กฏหมายและความยุติธรรมมามากมาย แต่เมื่อถึงเวลาที่เริ่มมีครอบครัว ภรรยาที่แสนดี และลูกสาวที่น่ารัก เขาจึงเข้าใจถึงคำว่า ครอบครัวที่ตอบโจทย์ที่โหยหามาทั้งชีวิต และได้ลาออกจากการรับราชการมาทำงานธุรกิจส่วนตัวเล็กๆน้อยๆใกล้บ้านเพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับทั้งสองดวงใจของเขาให้มากกว่าเดิม แต่ไม่นานอิทธิพลของเสี่ยโชติก็เริ่มเข้ามาแผ่เงาอยู่ในพื้นที่จังหวัดของเขา โดยที่หญิงสาวรูปร่างดีหลายๆคนต่างหายไปอย่างลึกลับ แต่ไม่มีใครสามารถตามหาตัวผู้กระทำผิิดได้เลย และภรรยาของเขาเองซึ่งเคยเป็นอดีตนางงามจังหวัดมาก่อนก็เป็น 1 ในเป้าหมายของมัน มันคงจะกระทำไปแล้วหากแต่ยังติดที่เขาซึ่งเป็นก้างขวางชิ้นใหญ่
3 สัปดาห์ก่อน
เป็นวันเกิดของเขาแถมฝนตกอย่างหนักหน่วงราวกับฟ้ารั่ว เขาจึงมาทำงานที่ร้านเพียงลำพัง ปล่อยให้ทั้งสองสาวทำเซอร์ไพร์สอะไรสัอย่างสองอย่าง เมื่อถึงเวลากลับก็ปิดร้านตามปกติและขับรถบิ๊คไบค์คันโปรดรีบฝ่าฝนกลับบ้านพลางคิดไปว่าวันนี้จะได้รับอะไรเป็นของขวัญในวันเกิด แต่แล้วเมื่อกลับบ้าน ของขวัญที่เขาได้รับกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาแทบจะอยากให้เป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิต!
ห้องรับแขกถูกรื้อค้นและทำลายจนแทบจำสภาพไม่ได้ บนโต๊ะกินข้าวมีร่างขาวโพลนเปลือยเปล่าของภรรยาเขานอนแน่นิ่งอยู่ ตามร่างกายมีรอยฟกช้ำ รอยมีดเฉือนอยู่หลายแห่ง
อร สามี รีบปราดเข้าไปประคองร่างบางไว้ในอ้อมกอดมือคลำไปที่จุดชีพจรก็พบว่ายังคงเต้นแผ่วๆ ไม่กี่อึดใจเปลือกตาก็ค่อยๆเปิดขึ้นอย่างช้าๆ
คุณ....คุณคะ เสียงหวานนุ่มเอ่ยออกมาแผ่วเบา นัยน์ตาคู่สวยเอ่อไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว
ใคร คุณบอกมา ใครมันทำอะไรคุณ
แล้วไอล่ะ ไอรดาลูกเราล่ะ? เขารีบยิงคำถามออกมามือทั้งสองข้างเขย่าร่างบาง
เสี่ยโชติค่ะ...ดูแลลูกสาวเราด้วยนะคะ อรพยายามหายใจด้วยแรงทั้งหมดที่มี ดวงตาเริ่มมองหาชายที่รักอย่างเลื่อนลอยเธอเลื่อนมือมากุมมือหนาของอีกฝ่ายไว้แล้วพูดต่อ ขอโทษนะที่ปกป้อง...ปกป้องไอไม่ได้ หลังจากนั้นมือที่กุมก็เลื่อนหลุดออกตกลงบนโต๊ะไม้เช่นเดิม ถอนลมหายใจแผ่วเบา และจากไปตลอดกาล...
อร อร ไม่ ไม่ ไม่!!! เขากู่ร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่งานของเขายังไม่จบ เขากำลังจะปล่อยมือเธอแล้วลุกไปตามหาลูก แต่เหมือนมีอะไรสักอย่างที่ให้ต้องก้มมองที่มือของคนรัก ภาพที่เห็นคือนิ้วเรียวงามชี้ไปที่ห้องนอนของเขานั่นเอง
ไวเท่าความคิดจึบรีบพุ่งเข้าไปยังห้อง ภาพที่เห็นยิ่งทำให้เขาปวดร้าวแทบตายทั้งเป็น ลูกสาววัยสิบขวบที่เป็นดั่งของรักของหวงถูกพรากลมหายใจไปก่อนผู้เป็นแม่ ซ้ำยังโดนกระทำย่ำยีมากกว่าผู้เป็นแม่เสียอีก
ไอ...ไอลูกพ่อ โถ่ เขากวมกอดร่างไร้วิญญาณของลูกสาวไว้แนบอกก่อนจะมองไปยังมีดเล่มหนึ่งที่ปักอยู่ข้างหัวเตียงนอน
กูจะตามล่าพวก***เองไอ้สัตว์นรก!
ต่อมาเขาดำเนินการเข้าแจ้งความ แต่เรื่องราวก็ยังคงเงียบ มีสำนักข่าวสองสามที่มาสัมภาษณ์ ถ่ายรูป ลงเป็นข่าวพอเป็นพิธีวันสองวันเรื่องก็เงียบไป วันเวลาผ่านไป หัวใจเขายิ่งร้อนรนราวกับไฟเผาไหม้ หลังจากนั้นได้มีจดหมายขู่ฆ่าหากจะดำเนินการตามกฏหมายต่อและเจ้าหน้าที่รัฐก็ไม่ได้สนใจใยดีอะไรเลย เมื่อกระบวนการยุติธรรมมันใช้ไม่ได้ มันก็ต้องใช้กฎตาต่อตา ฟันต่อฟัน!
ความคิดของเขาได้หยุดลงเมื่อจำนวนกระสุนในมือได้หมดไป ร่างสูงจึงเสียบซองกระสุน 9 มม.เต็มปรี่เข้าที่ช่องเก็บซองกระสุนติดเสื้อเกราะใกล้กับปืนพกทั้งสองกระบอก เสร็จแล้วจึงปลดเสื้อเกราะสีดำออกพับเก็บเป็นกระเป๋าเป้ใบย่อมๆ แยกชิ้นส่วนปืน M4 ไว้ในกระเป๋าเจมส์บอนด์ (*6) สีดำให้ง่ายต่อการพกพา ปืนลูกซองสะพายซ่อนไว้ในเสื้อแจ๊กเก๊ตสีดำ ส่วนซองกระสุนปืนยาวนั้นติดกับเข็มขัดสนาม (*7)ที่สวมใส่ต่างหากได้ถูกปกปิดสายตาโดยชายเสื้อแจ๊กเก็ตเช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันการมองเห็นและง่ายต่อการหยิบใช้เปลี่ยนกระสุนเป็นอันดับแรก เสียบมีดเล่มที่เจอคู่กับลูกสาวเขาไว้ที่บั้นเอว หลังจากนั้นใช้เวลาไม่กี่นาทีนาทีในการผูกรัดมัดตึงเพื่อจัดให้ทุกอย่างเข้าที่ทะมัดทะแมงกับตัว เขายืนมองรูปถ่ายใบเดิมอีกสักครู่ก่อนจะเปลี่ยนไปมองรูปภาพชายวัยกลางคนรูปร่างท้วม ผมสั้น ตาหยีใส่แว่นตากรอบบางๆบนใบหน้า สวมใส่เสื้อสูท เน็คไทด์ล้ายนักธุรกิจหรือผู้ทรงอิทธิพล คนคนนี้คือเสี่ยโชติผู้เป็นเป้าหมายของเขานั่นเอง
เมื่อปลดปล่อยความคิดไปสักพัก ก็เดินออกมาจากห้องเก็บของโดยมีสัปเหร่ออินนั่งรอสูบบุหรี่รออยู่แล้ว
จะไปแล้วเหรอชุน? เฒ่าเจ้าของบ้านเอ่ยขึ้นเบาๆจนเหมือนพูดกับตัวเองเสียมากกว่า ร่างสูงที่ยืนตรงหน้าพยักหน้าน้อยๆแล้วจึงตอบ
ครับลุง งานนี้น่าจะไปนานหน่อยครับ ขอบคุณที่ดูแลทุกอย่างให้ผมครับ
ดูแลตัวเองด้วยล่ะ อย่าประมาทเชียว พ่อขี้เกียจจะมาทำศพให้ สัปเหร่อเฒ่าพูดอีกครั้ง แต่ ชุนก็เดินออกไปจากบ้านโดยไม่ได้ตอบอะไร
ข้างนอกชายคาฝนยังคงลงเม็ดหนาอย่างต่อเนื่อง แต่แค่เพียงฝนไม่สามารถหยุดตัวเขาได้ วันนี้มันจะยังไม่ตาย แต่เขาจะสั่งสอนให้มันรับรู้ ว่ามันพรากเอาชีวิตลูกเมียเขาไป ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตมันก็จะโดนแบบนี้เช่นเดียวกัน เขาจะสั่งสอนบรรดาสมุนของมันก่อน แล้วค่อยมาจัดการมันทีหลัง!
โยม โยมอรชุน เสียงเรียกของพระรูปเดิมดังฝ่าสายฝนมา ก็ปรากฏหลวงพ่อเดินกางร่มตรงดิ่งมาหาเขาด้วยกริยาท่าทางสำรวม คนถูกเรียกจึงหันหลังไปหา
ครับ?
อาตมารู้ว่าโยมจะไปที่ไหน แต่อาตมาจะบอกว่าไฟแห่งความแค้นของโยมดับได้ที่ใจของโยมเองนะ
มันจะดับได้ก็ต่อเมื่อชีวิตของไอ้เสี่ยโชติดับลงไปแล้วต่างหากล่ะครับ
ถ้าอย่างนั้น โยมก็จะถูกดึงเข้าสู่วังวนความแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด อรชุนนิ่งเงียบสักอึดใจ เดินไปสวมหมวกกันน๊อก ควบมอเตอร์ไซด์แล้วพูดตอบ
ถ้าอย่างนั้นผมขอลาครับ แล้วจึงกดปุ่มสตาร์ทรถบิดกลับทางเดิมด้วยความเร็วสูงสุดจนไม่ได้เห็นว่าหลวงพ่อกำลังพูดว่าอะไร
ไอ้เสี่ยโชติ กูจะทำให้***รู้สึกถึงความกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ !
จบตอน.
จากผู้เขียน :
เรื่องที ่1 เรื่องสั้นจะลงทุกวันพุธกับวันอาทิตย์นะครับ(หรืออาจจะเร็วกว่านั้น) จะมีอยู่ 5 ตอนด้วยกัน
เรื่องที่ 2 ขอรบกวนคอมเม้นต์ติชมเหมือนเดิมนะครับ จะได้นำไปปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไปครับ
เรื่องที่ 3 ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้ครับ