ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ game pc โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin โหลดเกมส์ pc
ให้เช่า Colocation
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin

กำลังแสดงผล 1 ถึง 3 จากทั้งหมด 3
  1. #1
    สมาชิกเต็มตัว
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    11
    กล่าวขอบคุณ
    12
    ได้รับคำขอบคุณ: 29

    มงคลที่ ๑๑.การบำรุงบิดามารดา


    "ต้นไม้ที่ได้รับการดูแลให้น้ำให้ปุ๋ย ไปบำรุงลำต้นจนสมบูรณ์
    เมื่อถึงเวลา ไม่ยอมออกดอกออกผล ก็ต้องโค่นทิ้ง

    คนที่ได้รับการเลี้ยงดูจนเติบใหญ่
    แต่ไม่ยอมตอบแทนคุณพ่อแม่ก็เป็นคนหนักแผ่นดิน
    ทองคำแท้หรือไม่โดนไฟก็รู้ คนดีแแท้หรือไม่ ให้ดูตรงที่เลี้ยงพ่อแม่
    ถ้าดีจริง ต้องเลี้ยงพ่อแม่ ถ้าไม่เลี้ยง แสดงว่าดีไม่จริง เป็นพวกทองชุบ ทองเก๊"


    พระคุณของพ่อแม่


    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอุปมาว่า ถ้าบุตรจะพึงวางบิดามารดาไว้บนบ่าทั้งสองของตน
    ประคับประคองท่านอยู่บนบ่านนั้น ป้อนข้าวป้อนน้ำและให้ท่านถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่านั้นเสร็จ
    แม้บุตรจะมีอายุถึง ๑๐๐ ปี และปรนนิบัติท่านไปจนตลอดชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทนพระคุณท่านไม่หมด


    ยังมีผู้อุปมาไว้ว่า หากเราใช้ท้องฟ้าแทนกระดาษ ยอดเขาพระสุเมรุแแทนปากกาน้ำในมหาสมุทรแทนหมึก
    เขียนบรรยายคุณของพ่อแม่ จนท้องฟ้าเต็มไปด้วยอักษร ภูเขาสึกกร่อนจนหมด
    น้ำในมหาสมุทรเหือดแห้งก็ยังบรรยายคุณของพ่อแม่ไม่หมด


    บิดามารดาเป็นผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของบุตร สรุปโดยย่อคือ


    ๑.เป็นต้นฉบับทางกาย แบบเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำให้ของทั้งหลายในโลกมีค่าสูงขึ้น


    ตัวอย่างเช่นก้อนดินเหนียวธรรมดา ถ้าหากนำมาใส่แบบพิมพ์แล้วพิมพ์เป็นตุ๊กตา
    ก็ทำให้ดินก้อนนั้นมีค่าขึ้นมาเป็นเครื่องประดับบ้านเรือนได้ดินเหนียวก้อนเดียวกันนี้
    หากได้แบบที่ดีกว่าขึ้นมาอีกเช่นแบบเป็นพระพุทธรูปก็จะเห็นได้ว่าคุณค่าของดินเหนียวก้อนนี้ทรงคุณค่ามากยิ่งขึ้น
    ผู้คนได้กราบไหว้บูชา จะเห็นได้ว่าคุณค่าของดินเหนียวก้อนนี้ขึ้นอยู่กับแแบบที่พิมพ์นั่นเอง


    ในทำนองเดียวกัน การเกิดของสัตว์ เช่นเป็น ช้าง มัา วัว ควาย ฯลฯ
    แม้จะมีปัญญาติดตัวมามากสักปานใดก็ไม่สามารถทำความดีได้เต็มที่ โชคดีที่เราได้แบบเป็นคน
    ซึ่งเป็นโครงร่างที่ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งหลาย เหมาะในการทำความดีทุกประการ
    พระคุณของพ่อแม่ในการเป็นต้นแบบทางกายให้เรา ก็นับว่ามีมากเหลือหลายแล้วยิ่งท่านอบรม
    เลี้ยงดูเรามาเป็นต้นแบบทางใจให้ด้วย ก็ยิ่งมีพระคุณมากเป็นอเนกนันต์


    ๒.เป็นต้นแบบทางใจ ให้ความอุปการะเลี้ยงดู ฟูมฟัก ทะนุถนอมอบรมสั่งสอน ปลูกฝังกิริยามารยาท
    ให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ลูก

    สมญานามของพ่อแม่

    สมญานามของพ่อแม่นั้น กล่าวกันว่าท่านเป็นทั้งพรหมของลูก เทวดาคนแรกของลูก
    ครูคนแรกของลูก และเป็นพระอรหันต์ของลูก ซึ่งอธิบายได้ดังนี้

    -พ่อแม่เป็นพรหมของลูก เพราะเหตุที่มีพรหมธรรม ๔ ประการ ได้แก่

    ๑. มีเมตตา คือ มีความปรารถนาดีต่อลูกไม่มีที่สิ้นสุด
    ๒. มีความกรุณา คือ หวั่นใจในความทุกข์ของลูกและคอยช่วยเหลือเสมอไม่ทอดทิ้ง
    ๓. มีมุทิตา คือ เมื่อลูกมีความสุขสบาย ก็มีความปลาบปลื้มยินดีด้วยความจริงใจ
    ๔. มีอุเบกขา คือ เมื่อลูกมีครอบครัวสามารถเลี้ยงตนเองได้แล้ว ก็ไม่วุ่นวายกับชีวิตครอบครัวลูกจนเกินงาม และหากลูกผิดพลาดก็ไม่ซ้ำเติม แต่กลับคอยเป็นที่ปรึกษา ให้เมื่อลูกต้องการ

    -พ่อแม่เป็นเทวดาคนแรกของลูก เพราะคอยปกป้องคุ้มกันภัยเลี้ยงดูลูกมาก่อนผู้มีความปรารถนาดีคนอื่น ๆ
    -พ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก เพราะสั่งสอนอบรม คำพูดและกิริยามารยาทให้ลูกก่อนคนอื่น ๆ
    -พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก เพราะมีคุณธรรม ๔ ประการ ได้แก่

    ๑. เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ลูก ท่านได้ทำภารกิจอันทำได้แสนยาก ได้แก่การอุปการะเลี้ยงดูลูก ซึ่งยากที่จะหาคนอื่นทำแก่เราได้อย่างท่าน
    ๒. เป็นพระเดชพระคุณมาก ปกป้องอันตราย ให้ความอบอุ่นแก่ลูกมาก่อน
    ๓. เป็นเนื้อนาบุญของลูก มีความบริสุทธิ์ใจต่อลูกอย่างแท้จริงเป็นผู้ที่ลูกควรทำบุญต่อตัวท่าน
    ๔. เป็นอาหุไนยบุคคล เป็นผู้ควรแก่การรับของคำนับ และการนมัสการของลูก

    คุณธรรมของลูก

    เมื่อพ่อแม่มีพระคุณมากมายปานนี้ ลูกจึงควรมีคุณธรรมต่อท่าน
    คุณธรรมของลูกเริ่มที่รู้จักคุณพ่อแม่ คือ รู้ว่าท่านดีต่อเราอย่างไร
    สูงขึ้นไปอีกคือตอบแทนคุณท่าน

    ในทางศาสนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสบรรยายคุณธรรมของลูกไว้อย่างสั้น ๆ
    แต่จับความไว้ได้อย่างครบถ้วน คือคำว่า "กตัญญู กตเวที"

    คุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นลูกรวมอยู่ใน ๒ คำนี้

    กตัญญู หมายถึง เห็นคุณท่าน คือ เห็นด้วยใจ ด้วยปัญญา
    ว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณต่อเราอย่างแท้จริง ไม่ใช่สักแต่ว่าปากท่องพระคุณพ่อแม่ปาว ๆ ไปเท่านั้น

    คุณของพ่อแม่ดูได้จากอุปการะ คือ ประโยชน์ที่ท่านทำแก่เรามีอะไรบ้างที่แตกต่างจากคนอื่น
    ตามธรรมดาของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อจะอุปกาะใครเขาต้องเห็นทางได้ เช่น เห็นหลักทรัพย์
    หรือดูนิสัยใจคอ ต่อเมื่อแน่ใจแล้วว่าอุปการคุณของเขาจะไม่สูญเปล่า จึงลงมือช่วยเหลือ
    แต่ที่พ่อแม่อุปการะเรานั้นเป็นการอุปการะโดยบริสุทธิ์ใจจริง ๆ ไม่ได้มองถึงหลักประกันใด ๆ เลย
    เราเองก็เกิดมาตัวเปล่าไม่มีหลักทรัพย์แม้แต่เข็มเล่มเดียวยัง ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าอวัยวะร่างกายจะใช้ได้ครบถ้วนหรือไม่
    ยิ่งนิสัยใจคอแล้วยิ่งรู้ไม่ได้เอาทีเดียว โตขึ้นมาจะเป็นอย่างไร จะเป็นคนอกตัญญูหรือไม่ไม่รู้ทั้งนั้น
    หนังสือสัญญาการรับปากสักคำเดียวระหว่างเรากับท่านก็ไม่มี แต่ทั้ง ๆที่ไม่มี
    ท่านทั้งสองก็ได้โถมตัวเข้าช่วยเหลือเราจนสุดชีวิต ที่ยากจนก็ถึงกับกู้หนี้ยืมสินคนอื่นมาช่วย
    เรื่องเหล่านี้ต้องคิดดูด้วยเหตุผลอย่าสักแต่คิดด้วยอารมณ์เท่านั้น
    การพิจารณาให้เห็นคุณของพ่อแม่ด้วยใจอย่างนี้แหละเรียกว่า"กตัญญู"
    เป็นคุณธรรมเบื้องต้นของผู้เป็นลูก ยิ่งพิจารณาเห็นคุณท่านมากเท่าไร
    แสดงว่าใจของเราเริ่มใสและสว่างมากขึ้นเท่านั้น

    กตเวที หมายถึง การทดแทนพระคุณของท่าน ซึ่งมีงานที่ต้องทำ ๒ ประการ คือ

    ๑.ประกาศคุณท่าน
    ๒.ตอบแทนคุณท่าน

    การประกาศคุณท่าน หมายถึง การทำให้ผุ้อื่นรู้ว่า พ่อแม่มีคุณแก่เราอย่างไรบ้าง มากน้อยเพียงใด
    เรื่องนี้มีคนคิดทำอยู่มากเหมือนกัน แต่ส่วนมากไปทำตอนงานศพ คือ เขียนประวัติสรรเสริญคุณพ่อแม่ในหนังสือแจก
    การกระทำเช่นนี้ก็ถูก แต่ถูกเพียงเปลือกนอกผิวเผินนัก ถ้าเป็นการกินผลไม้ก็แค่เคี้ยวเปลือกเท่านั้น
    ยังมีทำเลที่จะประกาศคุณพ่อแม่ที่สำคัญกว่านี้ คือ ที่ตัวเรานี่เอง

    คนเราทุกคน คือ ตัวแทน ของพ่อแม่ตนทั้งนั้น เลือดก็แบ่งมาจากท่านเนื้อก็แบ่งมาจากท่าน
    ตลอดจนนิสัยใจคอก็ได้รับการอบรมถ่ายทอดมาจากท่าน
    ความประพฤติของตัวเรานี่แหละจะเป็นเครื่องประกาศคุณพ่อแม่อย่างโจ่งแจ้งที่สุด
    หากพิมพ์ข้อความไว้ในหนังสือแจกว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นคนตั้งอยู่ในศีลในธรรม
    แต่ตัวเราเองประพฤติสำมะเลเทเมา คอร์รัปชั่นทุกครั้งที่มีโอกาสศีลข้อเดียวก็ไม่สนใจรักษา ก็ผิดที่ไป
    สดุดีคุณพ่อแม่ว่าเป็นคนดี สุภาพเรียบร้อยแต่ตัวเราผู้เป็นลูกกลับประพฤติตัวเป็นนักเลงอันธพาล
    อย่างนี้คุณค่าของการสรรเสริญพ่อแม่ก็ลดน้ำหนักลง

    กลายเป็นว่ามอบหน้าที่ในการกตเวทีประกาศคุณพ่อแม่ให้หนังสือทำแทน ให้กระดาษ ให้เครื่องพิมพ์
    ให้ช่างเรียงพิมพ์แสดงกตเวทีแทน แล้วตัวเรากลับประจานพ่อแม่ของตัวเอง
    อย่างน้อยที่สุดก็ประจานแก่ชาวบ้านว่าพ่อแม่ของเราเลี้ยงลูกไม่เป็นประสา

    พ่อแม่ของใครใครก็รัก เมื่อรักท่านก็ประกาศคุณความดีของท่านซิประกาศด้วยความดีของตัวเราเองตั้งแต่เดี๋ยวนี้
    ยิ่งท่านยังมีชีวิตอยู่ การประกาศคุณของเราจะทำให้ท่านมีความสุขใจอย่างยิ่ง
    ส่วนใครจะประพันธ์สรรเสริญคุณพ่อแม่พิมพ์แจกเวลาท่านตายแล้ว
    นั่นเป็นประเด็นเบ็ดเตล็ดจะทำก็ได้ไม่ทำก็ไม่เสียหายอะไร

    ไม่ว่าเราจะตั้งใจประกาศคุณท่านหรือไม่ ความประพฤติของเราก็เป็นตัวประกาศคุณท่านหรือประจานท่านอยู่ตลอดเวลา
    คิดเอาเองก็แล้วกันว่าเราจะประกาศคุณพ่อแม่ของเราด้วยเกียรติยศชื่อเสียง
    หรือจะใจดำถึงกับประจานผู้บังเกิดเกล้าด้วยการทำตัวเป็นพาลเกเรและประพฤติต่ำทราม

    การตอบแทนคุณท่าน แบ่งเป็น ๒ ช่วง คือ

    ๑.เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็ช่วยเหลือกิจการงานของท่านเลี้ยงดูท่านตอนเมื่อยามท่านชรา ดูแลปรนนิบัติการกินอยู่ของท่านให้สะดวกสบายและเอาใจใส่ช่วยเหลือเมื่อท่านเจ็บป่วย
    ๒.เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ก็จัดพิธีศพให้ท่าน และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านอย่างสม่ำเสมอ
    แม้เราจะตอบแทนพระคุณท่านถึงเพียงนี้แล้ว ก็ยังนับว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับพระคุณอันยิ่งใหญที่ท่านมีต่อเรา
    ผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีต้องการจะสนองพระคุณท่านให้ได้ทั้งหมด พึงกระทำดังนี้

    ๑.ถ้าท่านยังไม่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็พยายามชักนำให้ท่านตั้งอยู่ในศรัทธาให้ได้
    ๒.ถ้าท่านยังไม่ถึงพร้อมด้วยการให้ทาน ก็พยายามชักนำให้ท่านยินดีในการบริจาคทานให้ได้
    ๓.ถ้าท่านยังไม่มีศีล ก็พยายามชักนำให้ท่านรักษาศีลให้ได้
    ๔.ถ้าท่านยังไม่ทำสมาธิภาวนา ก็พยายามชักนำให้ท่านทำสมาธิภาวนาให้ได้
    เพราะว่าการตั้งอยู่ในศรัทธาการให้ท่าน การรักษาศีล การทำสมาธิภาวนา เป็นประโยชน์โดยตรง และเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่ตัวบิดามารดาผู้ประพฤติปฏิบัติเองทั้งในภพนี้ ภพหน้า และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งคือ เป็นหนทางไปสู่พระนิพพาน


    อานิสงส์การบำรุงบิดามารดา


    ๑.ทำให้เป็นคนมีความอดทน
    ๒.ทำให้เป็นคนมีสติรอบคอบ
    ๓.ทำให้เป็นคนมีเหตุผล
    ๔.ทำให้พ้นทุกข์
    ๕.ทำให้พ้นภัย
    ๖.ทำให้ได้ลาภโดยง่าย
    ๗.ทำให้แคล้วคลาดภัยในยามคับขัน
    ๘.ทำให้เทวดาลงรักษา
    ๙.ทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญ
    ๑๐.ทำให้มีความเจริญก้าวหน้า
    ๑๑.ถ้ามีลูกก็จะได้ลูกที่ดี
    ๑๒.ทำให้มีความสุข
    ๑๓.ทำให้เป็นตัวอย่างอันดีแก่อนุชนรุ่นหลัง

    Credit : www.palungjit.com

  2. รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  3. #2
    สมาชิกเต็มตัว
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    11
    กล่าวขอบคุณ
    12
    ได้รับคำขอบคุณ: 29

    หลักและวิธีการที่เอาดีกับบิดามารดา โดย หลวงพ่อพุธ ฐานิโย


    บิดา-มารดา เป็นบุคคลที่บุตรธิดาควรปฏิบัติเพื่อเอาดีกับท่านทั้งสอง เพราะว่าท่านเป็นพระของเรา เป็นพระเหนือหัวเรา

    พระพุทธเจ้าทรงยกย่องบิดามารดาว่า

    เป็นพระพรหมของลูก...
    เป็นพระอรหันต์ของลูก...
    เป็นเนื้อนาบุญของลูก...

    ผู้ที่จะให้ดีด้วยความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง คือ พระอรหันต์องค์นี้ บิดาบารดามีแต่ความหวังดีต่อบุตรที่ตนให้กำเนิด ไม่มีบิดามารดาคนใดที่จะไปอิจฉาริษยาบุตรธิดาของตน ดังนั้น ท่านจึงสมควรแล้วที่จะเป็นพระพรหม

    เขาเขียนรูปพระพรหมไว้ ๔ หน้า เขาเขียนโกหก ความจริงพระพรหมไม่มี ๔ หน้า ๔ ตาอะไรหรอก มีหน้าเดียวเหมือนมนุษย์นี่แหละ แต่ว่าพระพรหมท่านมีคุณธรรม ๔ อย่างคือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ท่านก็เลยเขียนเป็นปริศนาเอาไว้เป็นรูปพระพรหม ๔ หน้า

    พรัหมาติ มาตาปิตะโร...
    บิดามารดา ชิ่อว่าเป็นพระพรหมของลูก

    คือท่านเป็นผู้มีน้ำใจเมตตา เปี่ยมไปด้วยความรักความปรารถนาดี เต็มไปด้วยความกรุณา คิดที่จะช่วยจะเหลือบุตรธิดาของตนให้พ้นจากความทุกข์ยากลำบาก มีความพลอยยินดีในเมื่อบุตรธิดาของตนได้ดี มีความสบายใจ เบาอกเบาใจเมื่อบุตรธิดาของตนได้ดีมีสุขอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้น จึงสมควรแล้วที่ท่านจะได้นามว่าพระพรหม

    บิดามารดาเป็นผู้มีใจบริสุทธิ์สะอาดต่อบุตรธิดาของตน ท่านไม่มีความอิจฉาตาร้อน ไม่เบียดเบียน ข่มเหง ไม่รังแกเรา มีแต่ประคับประคองให้เราได้ดำรงชีพอยู่อย่างเป็นสุขและให้ได้ดิบได้ดีด้วยความบริสุทธิ์ใจ ดังนั้น ท่านจึงสมควรแล้วที่จะเป็นพระอรหันต์ของลูก

    พ่อแม่เป็นบุพการี พ่อแม่เป็นบุรพาจารย์ พ่อแม่เป็นผู้ผลิตเราขึ้นมา เป็นผู้เลี้ยงดูเรามา และเป็นผู้อบรมสั่งสอนให้เรารู้จักดีชั่ว

    พระเจ้าพระสงฆ์กับพ่อแม่มีค่าเท่ากัน เราจะได้มาพบหน้าพระเจ้าพระสงฆ์ก็เพราะพ่อแม่ให้เกิด เรารู้จักพระเจ้าพระสงฆ์ก็เพราะพ่อแม่สั่งสอน เราจะรู้จักทำบุญสุนทานก็เพราะพ่อแม่เป็นผู้สอน เป็นผู้พาทำ ดังนั้นพ่อแม่จึงเป็นครู

    พ่อแม่เป็นผู้ให้เกิด เป็นผู้เลี้ยงดู เป็นผู้ให้วิชาความรู้ เป็นผู้ให้ทรัพย์สมบัติ เป็นผู้ให้น้ำจิตน้ำใจทุกอย่าง เพราะฉะนั้น ใครยังมีพ่อแม่อยู่ รีบอุปถัมภ์อุปัฏฐาก รีบทำบุญกับท่าน อย่าปล่อยให้ท่านลำบาก

    บิดามารดาเป็นบุคคลที่บุตรธิดาควรให้ความเคารพ บูชา ยกย่อง เราควรปฏิบัติต่อบิดามารดาของเราทุกเช้าค่ำวันคืน
    เรามีมือสองข้าง ก่อนจะยกไหว้คนอื่น ให้ประคองไหว้พ่อแม่ของเราก่อน ก่อนจะออกจากที่หลับที่นอนให้กราบหมอนสามทีประนมมือขึ้นเหนือหว่างคิ้ว อธิษฐานจิตว่า เราขอกราบไหว้บิดามารดาของเรา แล้วจึงค่อยไปไหว้คนอื่น

    ถ้าหากมีกำลังกาย กำลังความคิด สติปัญญาใด ๆ ที่พอจะช่วยอนุเคราะห์ด้วยการรับใช้หรือการทำอะไรให้ถูกอกถูกใจ ก็หยิบยื่นให้พ่อแม่ก่อน

    ถ้าเรามีทรัพย์สมบัติสิ่งของ ก่อนที่จะหยิบยื่นให้ใครต่อใคร ควรจะประเคนให้บิดามารดาของเราก่อนอื่น ซึ่งเป็นการเลี้ยงดูบิดามารดาของตน

    บางทีเราอาจจะศรัทธาในพระเจ้าพระสงฆ์ มีของดี ๆ ขนไปให้พระเจ้าพระสงฆ์ฉันหมด แต่พ่อแม่ปู่ย่าตายายปล่อยให้อด ก่อนอื่นนี่ต้องนึกถึงพ่อถึงแม่เสียก่อน ส่วนนี้จะใส่บาตรให้พระ ส่วนนี้จะให้พ่อแม่รับประทาน

    การทำบุญ เมื่อไม่มีโอกาสไปทำบุญกับวัดกับวากับพระสงฆ์ ก็ให้ทำบุญกับพ่อแม่ปู่ย่าตายายของตนเอง

    ดังนั้น ใครจะทำบุญสุนทาน ใครจะทำอะไร ใครจะให้อะไรแก่ใคร ควรจะคิดถึงพ่อแม่เป็นอันดับหนึ่ง อย่าปล่อยให้พ่อแม่ต้องลำบากยากเข็ญ ไปทำบุญแต่ที่อื่น ไม่รู้จักทำบุญกับพ่อแม่ก็ไม่มีความหมาย เพราะเราเป็นผู้แล้งน้ำใจต่อพ่อแม่ ขาดความกตัญญูกตเวที

    ความกตัญญูกตเวทีเป็นคุณธรรมพื้นฐานให้เกิดคุณงามความดี คนที่จะรู้จักว่าผู้อื่นดีได้ก็ต้องรู้จักว่าพ่อแม่ตัวเองดีกว่าใครทั้งหมด พ่อแม่ถึงจะเป็นขี้เหล้าเมายา เล่นการพนัน เป็นนักเลงโต ศักดิ์ศรีของความเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยังมีโดยสมบูรณ์ ไม่ขาดตกบกพร่อง

    บิดามารดาของตนเป็นผู้มีพระคุณอันล้ำเลิศ การสนองความต้องการของบิดามารดาในทางที่ถูกที่ชอบ เมื่อบิดามารดากล่าวอบรมสั่งสอน หรือมีคำสั่ง เมื่อท่านบอกว่า "อย่านะลูก" เราต้องหยุดทันที "อย่า" แล้วต้องหยุดทันที

    เมื่อเราเจริญเติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาวพอที่จะมีคู่รักคู่ใคร่ ถ้าหากไม่เป็นที่ชอบใจของบิดามารดา ท่านไม่เห็นดีเห็นชอบด้วย เราควรเลือกเอาบิดามารดาของเราไว้ก่อน
    “เพราะบิดามารดาของเราเป็นผู้มาก่อน คนรักมาทีหลัง”
    ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ที่บิดามารดาจะทิ้งบุตรธิดาของตนโดยไม่มีเหตุผล มีแต่บุตรธิดาเท่านั้นที่ทอดทิ้งบิดามารดา

    ดังนั้น การเลี้ยงดูบิดามารดาของเรา การเลี้ยงน้ำใจเป็นเรื่องสำคัญ คือ หมายความว่า เมื่อท่านบอกว่า "อย่า" แล้วหยุดทันที

    สาธุชนผู้ปฏิบัติได้ตามที่กล่าวมานี้ ได้ชื่อว่าเป็นผู้ดำรงไว้ซึ่งคุณธรรม คือความกตัญญูกตเวทีซึ่งเป็นคุณธรรม เป็นเครื่องหมายของคนดี

    มาตาปิตุอุปัฏฐานัง การอุปัฏฐากเลี้ยงดูบิดามารดา
    เอตัมมังคะละมุตตะมัง เป็นมงคลอันสูงสุด

    มาตาเปติ ภะรัง ชันตุง การเลี้ยงดูบิดามารดา มีอานิสงส์ทำให้ผู้ปฏิบัติตายแล้วไปเกิดเป็นพระอินทร์

    กุเล เชฎฐา ปะจายินัง ผู้มีความเคารพนบนอบต่อผู้หลักผู้ใหญ่ในวงศ์ตระกูล มีอานิสงส์ตายแล้วไปเกิดเป็นพระอินทร์

    เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงย้ำนักย้ำหนาว่า การอุปัฏฐากเลี้ยงดูบิดามารดาเป็นมงคลอันสูงสุด มงคล ก็หมายถึงสิ่งที่ดีงามในชีวิตของเรา ผู้มีความรู้สึกสำนึกในพระคุณของบิดามารดา ย่อมเป็นผู้มีกาย วาจา สงบเรียบร้อย ใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความกตัญญูกตเวที รู้จักบุญคุณของผู้มีพระคุณ
    นี่คือหลักและวิธีการที่เอาดีกับบิดามารดา

    พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย)
    วัดป่าสาลวัน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา


    Credit : www.palungjit.com

  4. #3
    สมาชิกเต็มตัว
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    11
    กล่าวขอบคุณ
    12
    ได้รับคำขอบคุณ: 29

    มาตาปิตุ อุปฏฺฐานํ เอตมฺมํคลมุตฺตมํ กรบำรุงบิดามารดาเป็นมงคลอันสูงสุด

    บำรุงมารดาบิดา (มาตาปิตุ อุปัฏฐานัง)

    การบำรุงมารดาบิดา เป็นคุณธรรมของบุตร เพื่อทดแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ ที่มารดาบิดาเป็นผู้ให้แก่บุตรมาก่อน โดยสรุป คือ.

    ๑. เป็นผู้ให้กำเนิด มารดาบิดาให้ชีวิตความเป็นคนแก่บุตร โดยเป็นต้นแบบทางกาย ก่อกำเนิดในครรภ์มารดา กินอาหารจากท้องของมารดาประมาณ ๑๐ เดือน มารดาต้องทนทุกข์ทรมานขณะคลอดอย่างสาหัส กว่าลูกจะคลอดเป็นคนโดยปลอดภัย

    ๒. เป็นผู้อุปการะเลี้ยงดู มารดาบิดาเลี้ยงบุตรตั้งแต่คลอดจนเติบใหญ่ด้วยน้ำนมจากเต้าของมารดา และด้วยทรัพย์ที่มารดาบิดาช่วยกันหามาได้ สำหรับคนบางคน มารดาบิดามิได้เลี้ยงดู ผู้ที่เลี้ยงดูก็เป็นผู้มีพระคุณรองจากมารดาบิดา เพราะถ้ามารดาบิดาไม่ให้กำเนิด ผู้เลี้ยงดูคงไม่มีโอกาสเป็นผู้มีพระคุณแก่เรา

    สมญานามของพ่อแม่

    ๑. เป็นพรหมของบุตร เพราะมีธรรมของผู้ใหญ่ ๔ ประการ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
    ๒. เป็นเทวดาของบุตร เพราะสอนให้บุตรละอายบาป และเกรงกลัวต่อบาป
    ๓. เป็นครูคนแรกของบุตร เพราะสอนบุตรทุกเรื่องตั้งแต่แรก เกิดก่อนเข้าโรงเรียน
    ๔. เป็นพระอรหันต์ของบุตร เพราะ
    - เป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุตร
    - เป็นผู้ปกป้องอันตรายและให้ความอบอุ่นแก่บุตร
    - เป็นผู้ที่ลูกควรทำบุญต่อท่าน
    - เป็นผู้ควรแก่การเคารพ กราบไหว้ของบุตร

    คุณธรรมของลูกต่อมารดาบิดา คือ กตัญญู กตเวที
    กตัญญู : เห็นคุณท่านว่าให้กำเนิดเราเลี้ยงดูเรา
    กตเวที : ตอบแทนคุณของท่านตั้งแต่เดี๋ยวนี้

    ผลดีของการบำรุงมารดาบิดา
    ๑. ทำให้เป็นคนมีความอดทน
    ๒. ทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญ เจริญก้าวหน้า
    ๓. เป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุตรทำให้บุตรเลี้ยงเราตอบ
    ๔. ทำให้เป็นผู้สมควรที่จะได้รับทรัพย์มรดก

    บุตรพึงบำรุงมารดาบิดา ด้วยสถาน ๕
    ๑. ท่านได้เลี้ยงมาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ
    ๒. ทำกิจของท่าน
    ๓. ดำรงวงศ์สกุล
    ๔. ประพฤติตนให้เป็นคนควรรับทรัพย์มรดก
    ๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่านมารดาบิดามีคุณต่อบุตรมากมายมหาศาล แม้ว่าบุตรจะวางท่านไว้บนบ่าและเลี้ยงดูท่านไปจนตลอดชีวิต ก็ยังนับว่าตอบแทนพระคุณท่านไม่หมด

    การตอบแทนของบุตรที่มีคุณค่าสูงสุด คือ
    ๑. ทำให้ท่านมีศรัทธาในพุทธศาสนา
    ๒. ทำให้ท่านยินดีในทานและบริจาค
    ๓. ทำให้ท่านรักษาศีลเป็นนิจ
    ๔. ทำให้ท่านทำสมาธิภาวนาเป็นนิจ เพราะ ทาน ศีลภาวนาเป็นทางไปสู่ นิพพาน

    “ทองแท้หรือไม่โดนไฟก็รู้ คนดีแท้หรือไม่ให้ดูตรงที่การเลี้ยงดูพ่อแม่
    การเลี้ยงพ่อแม่ที่สมบูรณ์ ต้องเลี้ยงให้พ่อแม่มีความสุขทั้งกายและใจ”


    Credit : www.palungjit.com


 

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top