ฮิตเลอร์มุ่งมั่นจะสร้างอาณาจักรไรช์ที่ 3 ให้อยู่ได้นานถึง 1,000 ปี เพื่อสนองความใฝ่ฝันที่แสนสวย เขามีโครงการสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ชนิดพิเศษหลายโครงการ เช่น จานบินขึ้นลงตามแนวดิ่งที่สามารถบินได้เร็วเหนือเสียง, จรวดนำวิถียิงจากระยะไกล, เครื่องบินทิ้งระเบิดสมรรถนะสูง และระเบิดปรมาณู เป็นต้น ฮิตเลอร์สามารถทำโครงการได้สำเร็จเพียงบางโครงการเท่านั้น อาณาจักรไรช์ที่ 3 ของเขาก็ล่มสลายลงภายในระยะเวลาอันสั้นเมื่อกองทัพรัสเซียบุกเข้ายึดกรุงเบอร์ลิน
ก่อนที่ฮิตเลอร์จะยิงตัวตาย เขามีคำสั่งให้หน่วยเอสเอสทำลายโครงการที่เขาได้ทำสำเร็จแล้วให้สิ้นซาก เพื่อไม่ให้รัสเซียนำพิมพ์เขียวจากโครงการของเขาไปใช้ประโยชน์ อย่างไรก็ดี เมื่อคนของเอสเอสได้นำพิมพ์เขียวและจานบินทั้งหมดเผาทำลายที่กลางลานสนามบินปราก-จีเบลล์ ทหารรัสเซียสามารถยึดจานบินเครื่องต้นแบบได้หนึ่งลำ ส่วนโครงการจรวด วี2 และแบบพิมพ์เขียวก็ถูกทหารรัสเซียยึดเอาไปพัฒนาเป็นจรวดสกัด (SCUD) ขีปนาวุธนำวิถีที่ทำให้สหรัฐอเมริกากลัวจนขนหัวลุก เกิดวิกฤติที่เกือบก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 เมื่อรัสเซียแอบนำจรวดสกัดไปติดตั้งจ่อจมูกสหรัฐอเมริกาไว้ที่คิวบาในสมัยประธานาธิบดีเคเนดีซึ่งเป็นคนหนุ่มรูปหล่อและมีอายุน้อยที่สุดในบรรดาประธานาธิบดีทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา เขาได้ยื่นคำขาดต่อรัสเซียให้ถอนจรวดสกัดออกไปจากคิวบาภายใน 24 ชั่วโมง มิฉะนั้นสหรัฐอเมริกาจะใช้ระเบิดปรมาณูถล่มรัสเซียให้แหลกลาญทันที รัสเซียยอมถอนจรวดสกัดกลับเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม และนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ฟิเดล คัสโตร ผู้นำคิวบาก็กลายเป็นคู่แค้นของสหรัฐอเมริกาจนมีการทำลายล้างกันหลายครั้งหลายหน แต่คัสโตรก็รอดตายมาจนถึงวันนี้ และเขาได้ยุติบทบาททางการเมืองโอนอำนาจบริหารให้กับน้องชายหลายปีแล้ว
จรวดสกัดของรัสเซียเป็นขีปนาวุธระยะไกลของค่ายคอมมิวนิสต์ในยุคสงครามเย็น เมื่อคอมมิวนิสต์ล่มสลายลงหลายประเทศได้นำจรวดสกัดมาพัฒนาจนมีประสิทธิภาพสูงสามารถยิงไปได้ไกลมากขึ้น เช่น เกาหลีเหนือได้พัฒนาจนสามารถยิงจรวดสกัดไปถึงสหรัฐอเมริกา ซึ่งผมจะนำเรื่องจรวดสกัดของจริงที่ยิงจากกรุงแบกแดดไปยังกรุงริยาดในสงครามอ่าวเปอร์เซียมาเล่าในเรื่องพาไปชมซาอุดิอาระเบีย หลังจากจบอนุกรมเรื่องพาไปชมเยอรมันครับ
โครงการจานบินเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1941 โดยนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญของเยอรมัน 3 คน คือ Schriever, Habermohl, Miethe และวิศวกรจากอิตาลีอีก 1 คน คือ Bellonzo เมื่อสงครามยุติลง กองทัพสหรัฐอเมริกาได้นำตัว Schriever และ Miethe ไปเป็นนักโทษในค่ายกักกันที่สหรัฐอเมริกาเพื่อทำงานเกี่ยวกับจานบินภายใต้ชื่อว่า Operation Paperclip ส่วน Habermohl หน่วยข่าวกรองทางทหารสหรัฐอเมริกาได้รายงานว่าถูกรัสเซียจับตัวไป
สนามบินปราก-จีเบลล์ เป็นจุดศูนย์กลางของโครงการจานบิน โดยการสนับสนุนทางด้านเทคนิคจากสโคดาที่สร้างเครื่องบินรบให้กับกองทัพอากาศเยอรมัน
ในปี ค.ศ. 1942 คามม์เลอร์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ออกแบบค่ายกักกันยิวทั้งที่เอาชวิตซ์และค่ายอื่น ๆ ในวอซอร์ รวมทั้งห้องรมแก๊สที่สามารถสังหารยิวได้วันละ 10,000 - 60,000 คน และเตาเผาศพยิวที่ไร้วิญญาณจากห้องรมแก๊ส รายละเอียดการสังหารยิวผมจะนำมาให้ชมในตอนที่ 3 ครับ
เนื่องจากคามม์เลอร์เป็นนายทหารอาวุโสและรับผิดชอบงานลับที่ขึ้นตรงกับฮิตเลอร์และฮิมม์เลอร์ ชื่อเสียงของเขาจึงไม่ค่อยปรากฏให้เป็นที่รู้จักของนักประวัติศาสตร์มากนัก งานสำคัญ ๆ ของคามม์เลอร์ได้แก่ การออกแบบและก่อสร้างโรงงานใต้ดินที่สามารถป้องกันการโจมตีทางอากาศ สำหรับผลิตเครื่องบิน จรวด และเครื่องยนต์เจ็ต, เขาเป็นผู้ออกแบบและก่อสร้างห้องทดลองจรวดใต้ดินแห่งแรกของโลก, การออกแบบและก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่ของเอสเอส และงานสำคัญของอาณาจักรไรช์ที่ 3 รวมทั้งการก่อสร้างถนนเพื่อให้กองทัพเยอรมันบุกตะลุยเข้าไปในรัสเซีย, ควบคุมการสร้างและค้นคว้าจรวด วี2 และขีปนาวุธข้ามทวีป เอ9/10, ควบคุมการยิงจรวด วี1 และ วี2 ติดลูกระเบิดไปยังเป้าหมายที่ลอนดอน, ควบคุมสั่งการและประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาวุธลับทั้งหมดกับทุกหน่วยงานของอาณาจักรไรช์ที่ 3
การทดสอบจานบินเครื่องต้นแบบครั้งแรกเริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1943 ตัวจานบินมีความกว้าง 40 ฟุต สร้างด้วยอลูมิเนียม สามารถยกตัวขึ้นจากพื้นสนามบิน 1 เมตร และบินไปได้ไกล 300 เมตร
ฮิตเลอร์ได้ตั้งความหวังไว้ว่าจานบินของเขาสามารถใช้เป็นยุทโธปกรณ์สนับสนุนการรบได้อย่างกว้างขวาง
จานบินรุ่นล่าสุดมีความกว้าง 42 เมตร สามารถบินขึ้นสู่ท้องฟ้าในแนวดิ่ง 12,400 เมตร ภายในเวลา 3 นาที และมีความเร็วทางแนวนอน 2,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 4,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
คุณคงหายสงสัยจากข่าวลือที่เผยแพร่ต่อ ๆ กันมาว่า จานบินเป็น UFO ของมนุษย์ต่างดาว ความจริงมันคือยุทโธปกรณ์ลับที่ฮิตเลอร์สร้างขึ้นมาเพื่อคุ้มครองอาณาจักรไรช์ที่ 3 ให้ยั่งยืนยาวนานนั่นเอง
สายลับสหรัฐอเมริกาเพิ่งเห็นโฉมและได้ถ่ายรูปจานบินของเยอรมันเป็นครั้งแรกที่ปรากเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1945 และหลังจากนั้นไม่กี่เดือน สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ยุติลง ฮิตเลอร์ได้สั่งให้หน่วยเอสเอสทำลายพิมพ์เขียวและเครื่องต้นแบบจานบิน โครงการจานบินของเยอรมันก็ยุติลงพร้อมกับฮิตเลอร์ยิงตัวตาย กองทัพสหรัฐอเมริกาและรัสเซียได้จับเอาตัวนักวิทยาศาสตร์เยอรมันไปพัฒนาโครงการบินและอวกาศของตนเอง
จานบินที่เห็นว่อนกันอยู๋ทั่วโลกนั้นอาจจะไม่ใช่ของใครที่ไหนของอเมริกานั้นเองเพราะยึดโครงการมาจากเยอรมัน
สำหรับโครงการสร้างขีปนาวุธนั้น คามม์เลอร์ได้ก่อสร้างโรงงานไว้ใต้ดินสามารถป้องกันการโจมตีทางอากาศ โดยใช้แรงงานทั้งหมดจากค่ายกักกันยิว นี่คืออุโมงค์ทางเข้าไปสู่โรงงานผลิตจรวด วี1 และ วี2
โครงสร้างของจรวด วี1
จรวด วี1 ยิงจากฐานยิงของเรือดำน้ำ และ วี1 ขณะบินไปสู่เป้าหมาย
จรวด วี1 ขณะลำเลียงออกมาจากโรงงานผลิต และเมื่อประกอบปีกเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เจ้าหน้าที่กำลังเติมเชื่อเพลิงให้กับจรวด วี1
ย่านธุรกิจกลางกรุงลอนดอน ผลลัพธ์ของจรวด V 1
จรวด วี1 เป็นจรวดนำวิถีรุ่นแรก มีขนาดเล็กน้ำหนักเบา ต่อมาได้พัฒนาเป็น วี2 มีขนาดใหญ่และยิงได้วิถีไกล
จรวด วี2 ผ่าให้ดูโครงสร้างภายใน
ห้องประกอบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ดูเอาละกันว่ามีกี่อัน
การประกอบเครื่องยนต์เข้ากับตัวจรวด ใช้แรงงานยิวจากค่ายกักกัน แต่แรงงานเหล่านี้ไม่มีโอกาสรอดชีวิตกลับไปคุยให้เพื่อนฟังว่าได้เข้ามาทำงานในโรงงานสร้างอาวุธลับของนาซี
เครื่องยนต์ที่ประกอบเข้ากับตัวจรวดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
แผนผังการทำงานของเครื่องยนต์จรวด วี2
โครงการเครื่องบินรุ่น เอ็มอี 163 ได้เริ่มต้นผลิตขึ้นเมื่อต้นปี ค.ศ. 1941 ในชื่อรุ่นแรกว่า เอ็มอี 163 เอ
ต่อมาในวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1941ได้รับการปรับปรุงให้เป็นรุ่น เอ็มอี 163 บี
เครื่องบินต้นแบบเอ็มอี 163 บี ใช้เครื่องยนต์จรวด มีความเร็วเมื่อบินสุดทางวิ่ง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถบินไต่เพดานที่ความสูง 12,000 เมตรด้วยมุม 80 องศา ภายในเวลา 3 นาที และมีความเร็ว 880 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รูดี้เป็นผู้ขับเครื่องบินเครื่องต้นแบบ กล้องถ่ายรูปที่ติดไว้บนศีรษะเพื่อจับภาพแผงหน้าปัดเครื่องวัดต่าง ๆ สำหรับนำมาวิเคราะห์ปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องบิน
เครื่องบินทิ้งระเบิดไร้คนขับซึ่งยังไม่ทันได้สร้าง ฮิตเลอร์แพ้สงครามและได้ยิงตัวตายหนีความผิดฐานเป็นอาชญากรสงคราม
ฮิตเลอร์มีโครงการลับที่สุดเป็นการสร้างระเบิดปรมาณูอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรง ขณะที่กำลังดำเนินการอยู่นั้นไอสไตน์ได้ทราบข่าวลับที่สุดเรื่องนี้ เขาได้เขียนจดหมายบอกประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และได้เสนอตัวสร้างระเบิดปรมาณูให้กับสหรัฐอเมริกา เขาและนักวิทยาศาสตร์สหรัฐอเมริกาได้สร้างระเบิดปรมาณูขึ้นมาถล่มญี่ปุ่น 2 ลูก ลูกแรกชื่อ The Little Boy เป็นระเบิดปรมาณูทำจากยูเรเนียม 235 ได้หย่อนลงที่เมืองฮิโรชิมาในวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 เวลา 09.15 น. มีผู้เสียชีวิตทันที 70,000 คน และเสียชีวิตจากกัมมันตภาพรังสีในเวลาต่อมาอีกไม่ต่ำกว่า 100,000 คน แต่ญี่ปุ่นยังไม่ยอมแพ้ ดังนั้นในวันที่ 9 สิงหาคม เวลา 11.02 น. สหรัฐอเมริกาได้นำระเบิดปรมาณู The Fat Man ที่ทำจากพลูโตเนียมไปหย่อนลงที่เมืองนางาซากิ เพื่อยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 มีผู้เสียชีวิตทันที 40,000 คน และเสียชีวิตในเวลาต่อมาจากกัมมันตภาพรังสีอีกมากกว่า 130,000 คน ญี่ปุ่นเมื่อโดนระเบิดปรมาณูลูกที่ 2 จึงยอมแพ้สงครามอย่างไม่มีเงื่อนไข ผมจะนำรายละเอียดมาเล่าในอนุกรมพาไปชมญี่ปุ่นครับ
นี่คือโครงสร้างระเบิดปรมาณูของฮิตเลอร์ ซึ่งเป็นต้นแบบระเบิดปรมาณูชิ้นแรกของโลก