สวยแปลกตา.. ภาพถ่ายอินฟราเรด

[Speedy-K.O.]

เทคนิคการถ่ายภาพอินฟราเรด(จากเว็บเครดิต)

เทคนิคการถ่ายภาพอินฟราเรด
หลายท่านคงเคยเห็นภาพของวิวทิวทัศน์ที่มีใบไม้ที่ขาวโพลน และมีลักษณะเป็นเหมือนภาพขาวดำกันมาบ้าง ในช่วงแรกๆที่ผมมองภาพลักษณะนี้ ผมนึกว่าเป็นภาพของหิมะที่ตกลงมาบนต้นไม้ซะอีก แต่มาหลังๆก็พอจะรู้ว่าเป็นลักษณะการถ่ายภาพ Near IR เรามาดูความหมายของคำนี้ก่อนดีกว่าครับ


โดยปกติแสงจะเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่น ~10 นาโนเมตรถึง ~400 นาโนเมตรเรียกว่า รังสีอัลตราไวโอเล็ต (Ultraviolet) ความยาวคลื่น ~400 นาโนเมตร ถึง ~700 นาโนเมตร เรียกแสงที่ตามองเห็น (Visible Light) ส่วนที่มีความยาวคลื่นแสงเกินกว่าที่เรามองเห็นได้ ที่มีความยาวคลื่นแสงระหว่าง ~700 นาโนเมตร ถึง ~1,300 นาโนเมตรเรียก Near Infrared ส่วนที่สูงกว่านี้ก็จะเป็น Infrared ที่มีความยาวคลื่นแสงสูง และเป็นคลื่นวิทยุ (Radio Wave) ดังนั้นการถ่ายภาพ Near IR คือการถ่ายภาพที่มีความยาวคลื่นสูงกว่าแสงที่ตามองเห็น

เนื่องจากการถ่ายภาพ Near IR เป็นการบันทึกภาพที่ไม่ใช่เกิดจากแสงที่ตามองเห็น ดังนั้นอาจจะต้องมีอุปกรณ์พิเศษกันซักหน่อย ซึ่งก็คือ Filter IR โดย Filter ดังกล่าวจะทำอนุญาตให้ Infrared ผ่านได้แต่จะป้องกันไม่ให้แสงที่ตามองเห็นผ่าน ทำให้กล้องสามารถบันทึกได้เฉพาะส่วนที่เป็น Infrared หลายๆท่านที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ IR อาจจะนำกล้องไปดัดแปลงให้เก็บได้เฉพาะส่วนที่เป็น Infrared เท่านั้นแต่ในที่นี่จะบอกเทคนิคการถ่ายภาพที่ใช้ Filter IR เป็นหลักนะครับ เรามาดูเทคนิคการถ่ายภาพ IR กันดีกว่า


โฟกัสแบบแมนนวล
เนื่องจากเมื่อเรานำกล้องถ่ายภาพปกติมาถ่ายภาพ IR จะทำให้จุดโฟกัสของกล้องไม่ตรงกับตำแหน่งที่เคยถ่ายภาพปกติ โดยจะมีระยะโฟกัสที่สั้นลง ดังนั้นเราควรทำการโฟกัสภาพก่อนที่จะใส่ Filter IR เข้าไปยังหน้าเลนส์หลังจากนั้นปรับระบบโฟกัสของภาพให้เป็นแบบแมนนวล เพื่อไม่ให้จุดโฟกัสเปลี่ยนเวลาเรากดถ่ายภาพอีกครับ ถ้าเราใช้ระบบ Auto อาจจะทำให้การโฟกัสภาพผิดพลาดได้นะครับ


ปรับเป็นระบบแมนนวล
เพื่อความสะดวกในการถ่ายภาพเราควรปรับระบบกล้องเป็นแบบแมนนวล โดยส่วนใหญ่การถ่ายภาพ IR จะเป็นการถ่ายภาพวิวเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นเพื่อให้ภาพมีความชัดลึกควรปรับรูรับแสงให้ค่อนข้างแคบ แต่อย่าให้แคบเกินไปนะครับเพราะอาจจะทำให้คุณภาพของภาพลดลงจาก Diffraction อาจจะปรับไว้ประมาณ F8 ส่วนความเร็วชัตเตอร์นั้น เนื่องจากแสงที่สามารถทะลุผ่าน Filter IR นั้นมีค่อนข้างน้อย (เฉพาะแสง IR) และจากการปรับรูรับแสงที่แคบทำให้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำลงอย่างเป็นได้ชัดซึ่งคงไม่มีข้อกำหนดว่าต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์เท่าใด ดังนั้นคงต้องลองปรับความเร็วชัตเตอร์กันดูนะครับ ไม่ให้ภาพสว่างหรือมืดจนเกินไปก็พอครับ


เลือกถ่ายในช่วงเวลาที่มีแดดจัด
เมื่อมีแสงแดดจัด ปริมาณแสง IR จะมีค่อนข้างมากเช่นกัน ดังนั้นการถ่ายภาพ IR จะต้องอาศัยวันที่มีแสงแดดจัดไว้ก่อนนะครับ จะทำให้มีโอกาสได้ภาพ IR ได้มากขึ้น ส่วนวันที่ไม่ค่อยมีแดดเราก็ถ่ายภาพประเภทอื่นไปก่อนก็ได้ครับ


ใช้ขาตั้งกล้องดีกว่า
การถ่ายภาพ IR โดยเฉพาะการใช้ filter IR จะทำให้ปริมาณแสงเข้าสู่กล้องได้น้อยลง จึงจำเป็นต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ช้าลงด้วย ดังนั้นขาตั้งกล้องจะช่วยทำให้เราได้ภาพที่คมชัดมากขึ้น การถือกล้องด้วยมือด้วยการใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำจะทำให้กล้องสั่นไหวได้ง่าย ดังนั้นใช้ขาตั้งกล้องดีกว่าครับ


ปรับภาพอีกครับกับโปรแกรมแต่งภาพ
ภาพที่ได้จากการถ่ายภาพโดยใช้ Filter IR จะมีลักษณะออกเป็นสีแดง ถ้าใครชอบสีภาพแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเอาไปปรับแต่งในโปรแกรมแต่งภาพนะครับ แต่ใครที่อยากได้ภาพที่ใบไม้เป็นเป็นสีขาว หรืออยากได้ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าก็อาจจะต้องใช้เทคนิคการแต่งภาพนิดนึง ผมคงไม่ได้บอกถึงวิธีแต่งภาพในที่นี้ ลองหาอ่านเพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆดูนะครับ

การถ่ายภาพ IR เป็นอีกลักษณะของการถ่ายภาพ ที่ได้ภาพที่มีลักษณะเฉพาะตัว แปลกตาไม่เหมือนใคร แต่ผู้ที่สนใจภาพลักษณะนี้อาจจะต้องอาศัยอุปกรณ์เช่น Filter IR หรือเลือกที่จะดัดแปลงกล้องถ่ายรูปซึ่งเมื่อดัดแปลงแล้วไม่สามารถนำไปถ่ายภาพลักษณะอื่นได้นะครับ ดังนั้นก่อนจะซื้อ Filter IR มาใช้ หรือการนำกล้องไปดัดแปลงลองดูภาพ IR จากแหล่งต่างๆก่อนว่าเราชอบจริงๆหรือเปล่านะครับ ถ้าชอบจริงๆก็ลองถ่ายกันได้เลยครับ ขอให้ได้ภาพสวยๆสมใจนะครับ





ที่มา: http://108thinks.blogspot.com/2013/1...l#.Uyghxvl_uqE

Credit : http://board.postjung.com/753328.html

[Aultaisen]

ภาพสวยสุดๆ ได้เห็นภาพที่ตาคนเราไม่สามารถมองเห็นได้ เลยทำให้ได้ภาพแปลกตามากๆ

[pongtpongt]

นึกว่าโลกแฟนตาซี