ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ game pc โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin โหลดเกมส์ pc
ให้เช่า Colocation
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin

หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 2 หน้า 12 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
กำลังแสดงผล 1 ถึง 25 จากทั้งหมด 27
  1. #1
    ชอบดูไม่ชอบโพสต์
    วันที่สมัคร
    Aug 2011
    กระทู้
    54
    กล่าวขอบคุณ
    9
    ได้รับคำขอบคุณ: 213

    หนัง Lucy เกี่ยวกับการใช้สมองของคนและพระเจ้าหรือเทพ

    ตามหัวข้อเลยครับ หลายๆคนที่ดูหนัง Lucy หรือ รู้อยู่แล้วในทางวิทยาศาสตร์ว่า มนุยษ์เรานั้นสามารถใช้ความสามารถของ สมองให้เพียงแค่ 10%

    เลยมีข้อสงสัยมากว่าเป็นไปได้ไหมที่คนสมัยก่อนตามหลักศาสนาต่างๆ ไม่ว่าจะ พุทธศาสนา หรือ ตำนานพวกเทพที่เค้าพูดถึงกัน

    พวกท่านเหล่านั้นสามารถเข้าถึงสมองชั้นในได้และสามารถใช้สมองได้ เกือบ 100%

    ยกตัวอย่างพระพุทธเจ้าท่านนั่งสมาธิมายาวนานจนตรัสรู้ได้ การนั่งสมาธิสามารถทำให้เราเข้าถึงแกนในของสมองเราได้จริงหรือไม่ หลายๆคนคิดบ้างมั้ยว่าท่านที่สามารถมองเห็นอตีดชาติได้เป็นเพราะแกนที่ลึกลงไปของสมองที่เรายังไม่ได้ใช้งานอย่างเต็มที่

    หรือพวกเทพซุสหรือตำนานต่างๆอาจจะมีจริงเพราะพวกเค้ามีความสามารถทางสมอง (ผมคงไม่เชื่อเรื่องเทพนี้เท่าไรเพราะที่มันคงเป็นธรรมชาติมากกว่า)

    และหากเราฉลาดรู้ทุกอย่าง ความเป็นมนุษย์คงลดลงไปด้วยความที่รู้ที่มีมากพอแล้ว เหมือนองค์พระพุทธเจ้าที่ท่านปลงจากกิเลสต่างๆได้หมด

    ผมก็อยากเห็นความเห็นทุกคนเฉยๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าทุกคนมีความคิดกันแบบไหนบ้าง

  2. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  3. #2
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Sep 2011
    ที่อยู่
    .....
    กระทู้
    169
    กล่าวขอบคุณ
    1,752
    ได้รับคำขอบคุณ: 157
    ผมว่าอาจมีรถบินได้นะ 5555555555555555

  4. #3
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    471
    กล่าวขอบคุณ
    291
    ได้รับคำขอบคุณ: 417
    ผมไม่คิดว่าหากเราใช้สมองได้ 100% แล้วจะทำให้เราฉลาขึ้น ความเป็นมนุษย์ลดลง (ความเป็นมนุษย์คืออะไรหว่า 555)
    ผมมองว่ามันจะทำให้เราเรียนรู้ได้เร็วขึ้น จำได้มากขึ้น ตอบสนองได้เร็วขึ้น คิดเร็วขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้เราเป็นคนดี ไม่ได้ทำให้เราเป็นคนฉลาด ไม่ได้ทำให้เราตรัสรู้

  5. #4
    Game Reporter
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    กรุงเทพฯ
    กระทู้
    3,194
    กล่าวขอบคุณ
    1,277
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,058
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ kachanking อ่านกระทู้
    ผมไม่คิดว่าหากเราใช้สมองได้ 100% แล้วจะทำให้เราฉลาขึ้น ความเป็นมนุษย์ลดลง (ความเป็นมนุษย์คืออะไรหว่า 555)
    ผมมองว่ามันจะทำให้เราเรียนรู้ได้เร็วขึ้น จำได้มากขึ้น ตอบสนองได้เร็วขึ้น คิดเร็วขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้เราเป็นคนดี ไม่ได้ทำให้เราเป็นคนฉลาด ไม่ได้ทำให้เราตรัสรู้
    LIMITLESS !!!


  6. #5
    You're like a Dead Sea!
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Ram'53
    กระทู้
    1,837
    กล่าวขอบคุณ
    2,595
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,114
    เคยดูสารคดีจากช่อง Nat-Geo ช่วงนึงเขาก็พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ

    เห็นเขาบอกว่าร่างกายเรามันอ่อนแอเกินไป ที่จะสามารถดึงความสามารถมาใช้ได้ถึง 100% นะครับ

    (ผิดพลาดขออภัย)
    Intel Core i5-2500 CPU @3.30GHz, 8.0GB RAM, NVIDIA GeForce GT 750

  7. #6
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Sep 2011
    ที่อยู่
    กรุงเทพมหานคร
    กระทู้
    242
    กล่าวขอบคุณ
    698
    ได้รับคำขอบคุณ: 529
    สนุกแปลกๆนะหนังเรื่องนี้พึงดูจบมาผมว่าต้องเป็นคนโลกส่วนตัวสูงถึงจะดูแล้วสนุกผมไปดูคนเดียวบ้างทีก็มีช็อตที่ทำให้อ้าปากค้างได้เหมื่อนกัน
    ถ้ามีคนอย่าง Lucy อยู่นะผมว่าให้มันครองจักรวาลไปเถอะ 555555
    จะร้องไห่ก็ต่อเมื่อมันล้มเหลวจริงๆ

  8. #7
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    139
    กล่าวขอบคุณ
    609
    ได้รับคำขอบคุณ: 56
    เหมือนเคยอ่านประเด็นเรื่องการใช้งานสมองในห้องหว้ากอ เว็บพันดริป เมือนานมาแล้วนะครับ

    เขาบอกว่าเรื่องคนทั่วไปสามารถใช้สมองได้แค่ 10% จากทั้งหมดนั้น เป็นทฤษฎีของนักวิทยาศาสตร์เมื่อร้อยกว่าปีก่อนครับ

    ปัจจุบันเขาพิสูจน์ออกมาว่าคนทั่วไปใช้ความสามารถของสมองราวๆ 80-100% ครับ

  9. #8
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    829
    กล่าวขอบคุณ
    975
    ได้รับคำขอบคุณ: 908
    คือผมคิดว่าว่าหนังรื่องนี้มันทำมาจากปรัชญาของศาสนาพุทธเต็มๆเลยครับ

    นี่เป็นแนวคิดของผมเองมันอาจดูเพี้ยนๆหน่อยได้โปรด อย่าขำ หรือล้อเลียนกันนะครับ
    ประมาณว่า ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้มันไม่มีอะไรที่เป็นตัวของมันจริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ภายใต้สิ่งที่เรียกว่า"เวลา"
    เพระาฉนั้น"เวลา" จึงเป็นสิ่งเดียวที่มีอยู่จริง(เวลาเกิดจากแสง?) แล้วการที่ใช้ศักยภาพของสมองนั้น ผมเทียบได้กับการบรรลุธรรมของเหล่าพถทธสาวกในอดีต
    ยิ่งบรรลุธรรมขั้นสูงขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งทำอะไรได้หลายๆอย่าง เข้าใจหลักความเป็นจริงของจักรวาลมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง มากไปด้วยอิทธิฤทธิ์และปาฏิหารย์ ซึ่งสังเกตว่าตัวลูซี่เองนั้นหลังๆมาเริ่มจะมีความเป็นมนุษย์น้อยลง
    เปรียบได้กับการละกิเลศของคนซึ่งถ้าละกิเลศได้หมดแล้ว = ใช้สมองได้ 100 % = สำเร็จอรหันต์ ซึ่งตามหลัก ศ.พุทธบอกไว้ว่าผู้ใดหากไม่ได้บวชแล้วบรรลุธรรม ร่างกายจะรับไม่ไหวและตายไปภายในหนึ่งวัน
    ซึ่งเมื่อเราสำเร็จอรหันต์แล้วเราจะไปอยู่ในแดนที่เรียกว่า"นิพพาน" คือมไ่ได้ตายอะครับ ในหนังให้ความหมายของคำว่า "นิพพาน" เอาไว้ว่า เป็นการก้าวข้ามผ่านสิ่งที่เรียกว่า "เวลา"(แสง) ไป ทำให้เรากลายเป็นบางอย่าง
    ไม่ได้ตาย มีตัวตนแต่จับต้องสัมผัสไม่ได้ ไม่มีใครสามารถรับรู้ได้ซึ่งผมก็ตอบไมไ่ด้เหมือนกันว่ามันเป็นยังไง ผมคิดว่ามันคงเป็นจุดที่หนังเก็บไปให้คนดูช้คิดต่อเอง

    ย้ำอีกทีนะครับว่านี่เป็นปค่ "ความเห็นส่วนตัว" เท่านั้น เห็นต่างได้แต่อย่าหัวเราะเยาะความคิดของผมเลยครับ

  10. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  11. #9
    ╰☆╮╰☆╮╰☆╮╰☆╮╰☆╮
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    สิงอยู่ในเมะฮาเร็มทั่วๆไป =w=b
    กระทู้
    1,229
    กล่าวขอบคุณ
    239
    ได้รับคำขอบคุณ: 303
    เป็นหนังที่ผมว่ามันลงตัวเว้นอยู่อย่างเดียวคือมันรวบเนื้อเรื่องซะสั้นเป็นหนังอนิเมชั่น ชั่วโมงครึ่งเลย
    เป็นการเอาแนวคิดต่างๆมาผสมรวมกันจนเป็นหนังที่เรียกได้ว่า ลึกซึ้ง จริงๆ

  12. #10
    It where my Demon hide
    วันที่สมัคร
    Mar 2012
    กระทู้
    2,418
    กล่าวขอบคุณ
    2,422
    ได้รับคำขอบคุณ: 3,922
    ความเห็นของผม คนทั่วไปใช้สมองได้ราวๆ 30-40 เปอร์ครับ แล้วที่เหลือมันไปใหน มันก็ไปเป็นคำสั่งแบบออโต้ของร่างกาย จำพวกการตอบสนองต่อสิ่งเร้า อวัยวะภายใน บลาๆ ที่คนคุมไม่ได้ พวกการเดินของอาหาร ระบบประสาทต่างๆ ผมนับรวมสมองทุกส่วนนะครับ

  13. รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  14. #11
    !!{Falling Away}!!
    วันที่สมัคร
    Jan 2012
    ที่อยู่
    NakhonSawan
    กระทู้
    1,526
    กล่าวขอบคุณ
    744
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,735
    ทุกคนใช้ได้แค่ 10% แต่ก็มีพวกที่ใช้ได้เกิน10%เหมือนกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกขังอยู่ในโรงบาลบ้า -.-

  15. #12
    Flying on Winds Love..
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    In hearth all every body
    กระทู้
    1,853
    กล่าวขอบคุณ
    1,079
    ได้รับคำขอบคุณ: 4,974
    Blog Entries
    1
    ผมว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว เหมือนจะใช้สมองได้ 100% น่ะครับ

    เหมือนกับท่านรู้ทุกอย่างว่าอะไรเกิดจากอะไร
    แล้วท่านก็ย่อมปรินิพพาน เมื่อรู้หมดทุกอย่างแล้ว
    สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาร์ย ไปโลกชั้นพรหม สวรรค์ หรือแห่งใด หรืออ่านความคิดของคนใดๆได้


    สิ่งที่เหลือคือเวลา
    ADMIN @ ZEEDZAB.COM


  16. #13
    Skyfall
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    1,449
    กล่าวขอบคุณ
    1,369
    ได้รับคำขอบคุณ: 551
    Blog Entries
    1
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ ~FeaR~ อ่านกระทู้
    LIMITLESS !!!

    นึกถึงเรื่องเดียวกันเลย บางฉากซูมไปเรื่อยๆ แทบจะอ้วกตาม ตอนตัดผมตอนวิ่งเงี้ย - -"

    สปอยนิดหน่อยนะไม่ว่ากัน -.-

  17. #14
    _SaBasTaiN_
    วันที่สมัคร
    Apr 2012
    ที่อยู่
    _SaBasTaiN_
    กระทู้
    2,733
    กล่าวขอบคุณ
    4,034
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,530
    ผมชอบนะหนังเรื่องนี้หนุกดีเก็บเอามาคิดต่อได้หลากหลายรูปแบบมากเลยชอบตรงเราเก็บมาคิดต่อได้เรื่อยๆนี่เเหละเเถมนางเอกน่ารักโฮก

    ปล.ผม งง อยู่ตอนนึงตอนที่นางเอกขึ้นเครื่องบินเเล้วกินเเชมเปนเเล้วก็เหมือนร่างกายกำลังจะสลายเเล้วก็กินยาเพิ่มเข้าไปอยู่ๆก็ตัดมาฉากในโรงพยายาลเฉยเลย งง มากระหว่างตอนที่อยู่บนเครื่องบินมันเกิดอารายขึ้น[
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย _SaBasTaiN_ : 4th September 2014 เมื่อ 01:44

  18. #15
    Statesman
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Bangkok
    กระทู้
    871
    กล่าวขอบคุณ
    0
    ได้รับคำขอบคุณ: 3,515
    Blog Entries
    8
    ผมว่ามันตีความได้หลากหลายดีนะเรื่องนี้ บางฉากมันทำให้ผมนึกถึงปรัชญาสำนัก Postmodern
    บางฉากก็ชวนให้นึกถึง แนวคิดทางการเมือง ที่ทำออกมาเสียดสีที่ยึดโลก Social Media
    เช่นฉาก โทรหา ศาสตราจารย์ Morgan Freeman อันนี้ผมเห็นว่า มันเข้าล็อคกับ
    แนวคิดเรื่อง The Death of Privacy ของ R.Wacks มากๆเลยล่ะครับ และยังนัยถึงนโยบายของสหรัฐอเมริกา
    ที่ใช้ กฎ FISA ในการเข้าถึงเอเชียด้วย ฯลฯ

    หรือฉากที่พูดถึงเวลา ที่ช่วยเตือนสติเราว่า เวลา นั้นเป็นสิ่งที่ถึงเรารุ้ว่ามันมีอยู่ แต่ก็ไ่ม่สามารถควบคุมมันได้
    แต่นานวันเข้า มนุษย์ต่างหากที่ถูกควบคุมโดยเวลา ตั้งแต่ที่สร้างนาฬิกา สร้างปฏิทิน การจัดระเบียบ Scale ของเวลาขึ้น
    มนุษย์ก็ตกเป็นทาสของสิ่งที่เรียกว่า 'เวลา' ไปเลย จะทำอะไรก็ต้องมีตารางเวลา ต้องจัดว่าเวลานี้จะทำนู่น จะทำนี่ จะกินหรือจะนอน
    ประมาณทัศนะเรื่อง Homogeneous - Empty Time เลยล่ะครับ (บางคนที่ไม่เคยลองอ่านปรัชญา หรือแนวคิดทางการเมือง อาจจะงงนิดนึงนะครับ)

    และอีกหลายฉากที่มันตีความได้ ผมว่ามันตีความได้เกือบทั้งเรื่องเลยนะครับ หนัง LUCY เนี่ย


    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ pug1 อ่านกระทู้
    คือผมคิดว่าว่าหนังรื่องนี้มันทำมาจากปรัชญาของศาสนาพุทธเต็มๆเลยครับ

    นี่เป็นแนวคิดของผมเองมันอาจดูเพี้ยนๆหน่อยได้โปรด อย่าขำ หรือล้อเลียนกันนะครับ
    ประมาณว่า ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้มันไม่มีอะไรที่เป็นตัวของมันจริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ภายใต้สิ่งที่เรียกว่า"เวลา"
    เพระาฉนั้น"เวลา" จึงเป็นสิ่งเดียวที่มีอยู่จริง(เวลาเกิดจากแสง?) แล้วการที่ใช้ศักยภาพของสมองนั้น ผมเทียบได้กับการบรรลุธรรมของเหล่าพถทธสาวกในอดีต
    ยิ่งบรรลุธรรมขั้นสูงขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งทำอะไรได้หลายๆอย่าง เข้าใจหลักความเป็นจริงของจักรวาลมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง มากไปด้วยอิทธิฤทธิ์และปาฏิหารย์ ซึ่งสังเกตว่าตัวลูซี่เองนั้นหลังๆมาเริ่มจะมีความเป็นมนุษย์น้อยลง
    เปรียบได้กับการละกิเลศของคนซึ่งถ้าละกิเลศได้หมดแล้ว = ใช้สมองได้ 100 % = สำเร็จอรหันต์ ซึ่งตามหลัก ศ.พุทธบอกไว้ว่าผู้ใดหากไม่ได้บวชแล้วบรรลุธรรม ร่างกายจะรับไม่ไหวและตายไปภายในหนึ่งวัน
    ซึ่งเมื่อเราสำเร็จอรหันต์แล้วเราจะไปอยู่ในแดนที่เรียกว่า"นิพพาน" คือมไ่ได้ตายอะครับ ในหนังให้ความหมายของคำว่า "นิพพาน" เอาไว้ว่า เป็นการก้าวข้ามผ่านสิ่งที่เรียกว่า "เวลา"(แสง) ไป ทำให้เรากลายเป็นบางอย่าง
    ไม่ได้ตาย มีตัวตนแต่จับต้องสัมผัสไม่ได้ ไม่มีใครสามารถรับรู้ได้ซึ่งผมก็ตอบไมไ่ด้เหมือนกันว่ามันเป็นยังไง ผมคิดว่ามันคงเป็นจุดที่หนังเก็บไปให้คนดูช้คิดต่อเอง

    ย้ำอีกทีนะครับว่านี่เป็นปค่ "ความเห็นส่วนตัว" เท่านั้น เห็นต่างได้แต่อย่าหัวเราะเยาะความคิดของผมเลยครับ
    ผมว่าหนังมันไม่ได้จงใจสื่อว่าเป็นปรัชญาแนวไหนจริงๆ หรอกครับ มันน่าจะอยู่ที่การตีความของพวกเราเองมากกว่า แต่ผมชอบการตีความของคุณนะครับ
    ผมนึกไม่ถึงเลย ว่ามีปรัชญาพุทธอยุ่ด้วย

    ชอบกินไข่เจียว

  19. #16
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Aug 2012
    กระทู้
    2,627
    กล่าวขอบคุณ
    8,048
    ได้รับคำขอบคุณ: 8,093

  20. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  21. #17
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Bangkok
    กระทู้
    143
    กล่าวขอบคุณ
    69
    ได้รับคำขอบคุณ: 24
    สมองใช้ได้ 100% จริงๆ แต่แยกกันใช้ออกเป็นส่วนๆนะ ถ้าใช้เต็มๆ ทุกส่วนนี่คงหัวระเบิดแตกตายเหมือนเรื่อง scanner
    INTEL CORE i5-4670K @ 3.40GHz /// CORSAIR 8GB DDR3 RAM /// MSI GTX 970 Gaming /// Windows 8.1

  22. #18
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    934
    กล่าวขอบคุณ
    421
    ได้รับคำขอบคุณ: 520
    ผมคิดว่าคนเราปกติใช้สมองกับครบ100อยู่ละ ส่วนเรื่องที่ว่าคนเราใช้สมองแค่ 10% ของทั้งหมด ผมว่ามันเป็นแค่ความคิดในนิยายหรือหนังเท่านั้นแหละ

  23. #19
    Restart
    วันที่สมัคร
    May 2012
    กระทู้
    1,217
    กล่าวขอบคุณ
    904
    ได้รับคำขอบคุณ: 4,537
    ปกติคนก็ใช้สมองครบ 100% อยู่แล้วน่ะผมคิดว่างั้น แต่สมองจะแยกกันทำงานออกเป็นส่วนๆ และก็ซับซ้อนมากๆ ทำงานได้ขนาดนี้ก็สุดยอดแล้ว
    ปล. ส่วนหนังเรื่อง Lucy ผมว่่ามันเหนือโลกเกินไป ต่อให้ซูเปอร์ไซย่าก็ยังสู้ไม่ได้
    .:ll:.

  24. #20
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    993
    กล่าวขอบคุณ
    5,070
    ได้รับคำขอบคุณ: 399
    บางความเห็นรบกวนใส่ spoil ด้วยครับ 555 (ไม่ทันแล้ว)

    สมองใช้ได้ 100% ก็เหมือนกับ cpu วิ่งเต็ม speed ตลอดแหละมัั้งครับ (อยากแรงก็ต่อลงชุดน้ำ จะได้ใช้ยาวๆไม่งั้นร้อนเกิน)

    ใช้งาน 100% อาจจะบ่งบอกถึง ram เต็มเช่นเดียวกัน ทำให้เครื่องช้าลง แทนที่จะดีขึ้น

    สรุปแล้ว หากมนุษย์ใช้งานสมองได้เต็ม 100% เมื่อไรก็คงจะตายกันไปข้างนึงเหมือนที่ คห บนๆบอกครับ

    พระพุทธเจ้าเลยกล่าวถึงผู้บรรลุว่าจะไปสู่นิพพานนั่นเองหากไม่ปลงทางโลกบ้าง และต้องเดินทางสายกลางไม่จำเป้นต้องวิ่งเต็มแรงตลอดเวลา
    DIRT 3 ตำนานความเก๋าของรถซิ่งถนนลาดยาง

  25. #21
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Aug 2011
    กระทู้
    1,448
    กล่าวขอบคุณ
    0
    ได้รับคำขอบคุณ: 575
    หนังน่าสนใจนะแต่คงรอดูผ่านHBOเหมือนเดิม เรื่องพระเจ้านี้เค้าว่าจริงๆพวกนี้อาจเป็นเอเลี่ยนหรืออาจเป็นมนุษย์ข้ามกาลเวลาหรืออารยธรรมอะไรบางอย่างที่เหนือกว่ามนุษย์ในเวลานั้นคับ อีกแบบหนึ่งก็คือศาสดามันเมากัญชาแล้วเผ้อเห็นพระเจ้าแล้วสาวกมันก็เออออตามหละแหละ อีกอย่างหนึ่งถ้าเป็นแบบโบราณหลักๆก็คือปรากฎการทางธรรมชาติแล้วคนสมัยก่อนก็มองเป็นการกระทำของพระเจ้าอย่างพระพุทธเจ้านี้
    ไปศึกษาดีๆก็คือตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์เจ้าชายหนีภัยการเมืองแล้วพยายามหาวิธีกลับเข้ามามีอำนาจแค่นั้น ส่วนศาสนาอื่นๆยิว คริสตร์ อิสลาม ส่วนศาสนาอื่นไม่แน่ใจ โมเสจอาจหน้ามืดตาลายเพราะเดินทางในทะเลทรายนานไปหน่อยจนเห็นพระเจ้าหรือเปล่าไม่รู้เหมือนกัน

    เรืองสมองจำได้ในพันดริฟบอกจริงๆมันก็ทำงาน100%อะแหละแต่มันไม่ได้ทำงานในส่วนนึกคิดอย่างเดียว มันไปทำหน้าที่ในส่วนอื่นๆด้วย เช่นการเคลื่อนไหวพวกนี้เป็นต้น มันก็เลยใช้ในส่วนนึกคิดแค่20% เหมือนคอมอะแหละ ทุกวันนี้คอมต่อให้แงแค่ไหน เราก็ต้องแบ่งความแรงไปกับโปรแกรมบ้าบอมากมาย ไหนจะระบบปฎิบัติการ antivirus Driverอีก แล้วเราจะเหลือใช้เล่นเกมจริงๆเท่าไหร่หละ

  26. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  27. #22
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    1,810
    กล่าวขอบคุณ
    282
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,736
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ ZirusZa อ่านกระทู้
    ปกติคนก็ใช้สมองครบ 100% อยู่แล้วน่ะผมคิดว่างั้น แต่สมองจะแยกกันทำงานออกเป็นส่วนๆ และก็ซับซ้อนมากๆ ทำงานได้ขนาดนี้ก็สุดยอดแล้ว
    ปล. ส่วนหนังเรื่อง Lucy ผมว่่ามันเหนือโลกเกินไป ต่อให้ซูเปอร์ไซย่าก็ยังสู้ไม่ได้
    มันเป็นความคิดแบบสามัญน่ะครับ ว่าสมองทุกส่วนของคนเราควรจะใช้งานในรูปแบบ active ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันเป็นไปไม่ได้ เพราะมันมีการทำงานแบบ passive ควบคู่กันไป
    รอวันโดนแบน

  28. #23
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Mar 2012
    กระทู้
    704
    กล่าวขอบคุณ
    170
    ได้รับคำขอบคุณ: 699
    ผมเคยได้ยินมาเหมือนกัน การที่ปกติเราดึงความสามารถมันออกมาไม่หมด
    เมื่อฝึกไปเรื่อยๆ เหมือนเราจะใช้มันทำนู้นนี่ได้ดียิ่งขึ้น เช่นพวกจำ คำนวณ การเดา
    แล้วก็เหนือกว่านั้น ก็ออกแนวเว่อร์ๆเช่นรู้อนาคต แต่อันนี้ผมไม่เชื่อละ

  29. #24
    Shockolate
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Rayong , Bangkok
    กระทู้
    922
    กล่าวขอบคุณ
    352
    ได้รับคำขอบคุณ: 368
    ภาพวาด 1 ภาพ ที่ไม่รู้ว่าเป็นภาพอะไร เราเห็นแค่ 1 ใน 10 ของภาพ

    อารมณ์ประมาณนั้น คิดไงก็คิดไม่ออกว่า 100 เปอเซ็นต์เป็นยังไง อย่างมากสัก 20 หรือ 40 เปอเซ็นต์ น่าจะพอเดาออกอยู่ครับ

  30. #25
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Aug 2012
    กระทู้
    101
    กล่าวขอบคุณ
    17
    ได้รับคำขอบคุณ: 71
    เรื่องสมองจะทำงานกี่ % นี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พอจะรู้ว่าร่างกายมนุษย์เราดึงศักยภาพออกมาไม่ครบ 100% เช่น เวลาไฟไหม้บ้านตามข่าว คนตัวเล็กๆสามารถยกตู้เย็นติดออกมาด้วยโดยที่ไม่รู้ตัว หรือ ทั้งๆที่ไม่เคยยกได้ / เวลาคนดีใจอะไรมากๆแบบฉับพลัน ก็สามารถกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางสูงๆได้โดยที่ปรกติแล้วไม่เคยกระโดดได้ / หรือแม้กระทั่ง เวลาที่คุณ กลัว แบบสุดขีด ก็จะสามารถทำอะไรบางอย่างที่เกินความสามารถเพื่อเอาตัวรอดได้เหมือนกัน ~


 

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top