บทความ : เหตุผลง่ายๆทำไมบางค่ายเกมส์ไม่อยากใช้ Steam !!!
เป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่า Steam !!! เป็นเครือข่ายและแหล่งรวมเกมส์แบบ Digital Download และมีผู้ใช้ถึงหนึ่งล้านคน แต่ทางกลับกันค่ายเกมส์ต่างๆที่รู้กันกลับมาพัฒนาเครือข่ายของกันมากขึ้น เป็นเพราะอะไรมาดูกันครับ
เหตุผลข้อแรก : ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
Steam เป็นเครือข่ายแหล่งรวมเกมส์แบบ Digital Download สำหรับนักพัฒนาที่อยากขายเกมส์ของตนเองแต่ไม่สามารถหาตลาดขายเกมส์แบบ Digital Download ดังนั้น Steam จึงเป็นตลาดนัดให้เช่าพื้นที่สำหรับนักพัฒนาเกมส์ แต่สำหรับค่ายที่มีจุดยืนและมีช่องทางเครือข่ายขายเกมส์แบบ Digital Download ที่แข็งแรงดังนั้น Steam จึงไม่จำเป็น ยกตัวอย่าง ค่าย Blizzard คุณจะไม่มีทางเห็นค่ายนี้ใช้ Steam พวกเขามีเครือข่าย Battle.Net อยู่แล้ว พวกเขาเน้นพัฒนาเกมส์เอาใจฐานแฟนเกมส์ของตนเอง ขายเกมส์ได้ตลอดจึงไม่จำเป็นต้องใช้ Steam ในขนาดที่เจ้าของ Steam กลับไม่ใส่ใจฐานแฟนเกมส์เท่าที่ควร แถมยังใช้มุขตลกแห่งทศวรรษของวงการเกมส์ (จนรู้สึกอยากเอาชะแลงเสียบก้นเจ้าของ Steam สัก3ที โทษทีซาดิษไปหน่อยครับ 555+)
เหตุผลข้อสอง : มันไม่ซัพพอร์ตกับเกมส์ของตนเอง
แม้ว่า Steam ดีแค่ไหนแต่มันไม่ได้สมบูรณ์ไปทุกอย่าง Nobody Perfect นักพัฒนาเกมส์ค้นพบว่าระบบภายในเกมส์บางอย่าง Steam มันไม่ซัพพอร์ตกับเกมส์ของตนเองซึ่งมันยุ่งยากแล้วจะต้องมานั่งแก้ไขแล้วทำไมไม่สร้างระบบของตัวเอง ถ้าเป็นระบบของตนเองนักพัฒนาสามารถพัฒนาและดูแลอย่างที่ต้องการ ลดการพึ่งพา Software จากภายนอก ซึ่งมีช่องโหว่และยังมีข้อบกพร่อง แต่หันมาพัฒนา Software ของตนเองเป็นเหตุผลปกติตามองค์กรใหญ่หลายจะพัฒนา Software ของตนเองกัน สุดท้ายก็ตรงกับสำนวนว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตามเหตุผลข้อแรก เราจะเห็นได้จากค่าย EA ซึ่งมาพัฒนา Origin ตั้งแต่สมัย BF3 แทนซึ่งเหตุผลหลักคือระบบ Battle Log ของเกมส์ BF3 กับ Steam มันไม่ซัพพอร์ตจึงหันมาพัฒนา Origin แทนและดึงผู้เล่นหันมาใช้ Software ของค่ายตัวเองด้านทาง UbiSoft แต่ก่อนขายเกมส์ผ่าน Steam แต่ต้องเล่นผ่าน Uplay อยู่วันยังค่ำ UbiSoft ก็เลยเอาเกมส์ของตัวเองขายผ่าน Uplay ไปเลยดีกว่าเช่นกันในอนาคตค่ายเกมส์หันมาทำแบบกันมากขึ้น
เหตุผลข้อสุดท้าย : เราไม่ต้องการให้ Steam เข้าผูกขาด
Steam เป็นเครือข่ายแหล่งรวมเกมส์แบบ Digital Download และมีผู้ใช้ถึงหนึ่งล้านคนไปแล้ว แน่นนอนว่าค่าย Valve ตัวแสบที่พัฒนา Steam สามารถสร้างหากำไรมากกว่าเกมส์ที่ตัวเองขาย ชนิดที่เรียกอยากเลิกพัฒนาเกมส์ก็ทำได้ไม่แคร์แฟนเกมส์ ไม่แคร์ใคร แน่นอนว่าก็มีค่ายต่างๆอยากหากำไรเหมือนกัน ต้องขอบคุณ Valve ที่สามารถพลันดัน Steam เป็นเครือข่ายและแหล่งรวมเกมส์แบบ Digital Download จนประสบความสำเร็จแต่ว่า Steam ดีแค่ไหนแต่มากเกินไปก็กลายการคลอบงำผูกขาดซึ่งมันเป็นเรื่องไม่ดีในด้านธุรกิจวงการระบบเครือข่ายและธุรกิจแบบ Digital Download ผู้สร้าง Minecraft ชี้อันตรายหากปล่อย Steam ครองตลาดเกม Digital PC ซึ่ง Markus Persson (Notch) เจ้าของสตูดิโอ Mojang ผู้สร้างเกม Minecraft ออกมาเปิดเผยถึงความเสี่ยงที่ปล่อยให้ระบบ Steam ของ Valve ยึดครองตลาดเกม Digital PC เอาไว้แต่เพียงผู้เดียว ชี้การมีคู่แข่งอย่าง Origin ถือเป็นเรื่องดีแต่มันยังมีข้อบกพร่อง แม้ว่าเขาชอบ Steam ก็ตาม เป็นเรื่องปกติที่ค่ายเกมส์อื่นเริ่มหันมาเป็นคู่แข่งมากขึ้นในด้านธุรกิจ สำหรับพวกคุณคิดยังไงกันครับ
Credit: จขกทเขียนเองครับ
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
สาระเพิ่มเติ่มรู้หรือไม่!? Steam คือโปรแกรมที่คิดจะครองโลก(เกมส์) จากเว็บ OS
สำหรับใครที่เล่นเกม PC ในยุคปัจจุบันถ้าให้พูดถึง Steam ก็คงจะหนีไม่พ้นผู้ให้บริการการจำหน่ายเกมดิจิตอลที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ Steam ในปัจจุบันเริ่มมีผลกระทบต่อการเล่นเกมของพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน ซึ่งถ้าใครเล่นเกม PC สมัยนี้อย่างน้อยก็ต้องมี ID Steam เป็นของตัวเองแน่นอนเป็นอย่างน้อย ยิ่งช่วงที่ผ่านมา Steam ได้มีการปรับโซน พร้อมเพิ่มค่าเงินไทย นั้นเป็นส่วนทำให้ชาวไทยเราสามารถเข้าถึงเกมแท้ราคาถูกได้ง่ายยิ่งขึ้นไปอีก (เสียเงินง่ายขึ้นมาก) แต่อะไรคือส่วนที่บอกว่า Steam คือโปรแกรมที่คิดจะครองโลก(เกม)? เรามาค่อยๆ ดูกันดีกว่า
ส่วนตัวผู้เขียนยังไม่ได้ตกเป็นทาส Steam แต่อย่างใด
1.การเติบโตอย่างรวดเร็ว
Steam เป็นโปรแกรมที่มีมานานมากๆ แล้ว ผมยังจำได้ตั้งแต่สมัยแรกๆ Steam เป็นโปรแกรมที่บัดซบมาก มันค้างได้ง่ายเกือบทุกครั้งที่ผมเปิดเครื่อง บัคกระจายบางทีมันก็ซ่อนตัวเองต้องรีเครื่องถึงจะขึ้นมาใหม่หรือบางทีก็ไม่รันเกมกว่าจะปิดเปิดรีเครื่องให้เข้าเกมได้แทบจะร้อง
เห็นหน้าจอแบบเก่าแล้วปวดใจ
ซึ่งหลังจากการพัฒนามาอย่างยาวนาน Steam ในปัจจุบันถือว่าเป็นโปรแกรมที่ดีมากๆ มีความเสถียร เมื่อเกิดปัญหาก็สามารถแก้ได้ นอกจากนั้นยังมีการพัฒนาต่างๆ อีกเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบ Achievement (เพราะสมัยก่อนบัดซบมากไม่มีอะไรเลย) การแลกเปลี่ยนไอเทมหรือเกม ระบบสะสมของต่างๆ ซึ่งระบบต่างๆ เหล่านั้นเป็นส่วนช่วยทำให้ Steam มีชุมชนเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ Steam ยังมีการอัพเดตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่าง music ก็ช่วยเพิ่มบรรยากาศในการเล่นโดยการเปิดเพลงผ่าน Steam ได้เลย
โฉมหน้าของศาสดาผู้คิดจะครองโลก(เกมส์) :P
2.การสะกดจิตผ่านหน้าจอ
ทุกๆ ฤดู Steam มักจะปล่อยคลื่นพลังสะกดจิตอันโหดร้ายออกมา ซึ่งพลังเหล่านั้นเกิดกระทบกันของเกมต่างๆ จนเกิดเป็นคลื่นเสียงอัลตร้าโซนิค (ว่าไปนั้น) เอาจริงมันก็แค่การเทกระจาดเกมลดราคาอย่างบ้าคลั่งเท่านั้นเอง แต่แค่นั้นทำให้คนหลานคนยินยอมที่จะเสียเงินกับเกมต่างๆ เป็นอย่างมากราคาสุดแสนถูกนั้นเอง (แม้ว่าบางเกมซื้อมาจะไม่ได้เล่นก็เถอะ) ซึ่งพลังสะกดจิตนี้ก็เกิดจากการร่วมมือกันของ Steam และค่ายเกมต่างๆ นั้นเป็นอีกข้อที่บอกถึงความสำเร็จของ การตลาดแบบ Steam
ใครได้เล่นเกมนี้บ้างสนุกดีนะ
3.ถีบผู้ให้บริการอื่นทิ้งไป
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ Steam สามารถก้าวมาเป็นผู้ให้บริการเกมได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีผู้ให้บริการรายย่อยอื่นๆ อีกต่อไป ดูง่ายๆ เกมออนไลน์ในปัจจุบันหลายต่อหลายตัวเปิดให้บริการผ่าน Steam ซึ่งสามารถเปิดให้บริการได้ในหลายๆ ภูมิภาคพร้อมกัน และนับวันก็ยิ่งมีเกมมาเปิดผ่าน Steam เยอะมากขึ้นเรื่อยๆ และถ้ามีการจัดการหน่อยก็สามารถใช้ในการเปิดเกมในระดับภูมิภาคได้ด้วยการตัดแปลงตัวเกม ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เกม Wakfu ซึ่งถือว่าเป็นเกมออนไลน์ที่สามารถโหลดเกมโดยตรงหรือโหลดผ่าน Steam ซึ่งถ้าโหลดผ่าน Steam ในเขตนี้เราก็จะตรงเข้าสู่เซิฟ SEA ในทันที ซึ่งการเปิดช่องทางใหม่ๆ นี้ก็ได้ช่วยให้คนสามารถเข้าถึงเกมได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นแทบไม่จำเป็นจะต้องมาเปิดบริษัทลูกรายย่อยหรือดีลบัตรและวิธีเติมเงินต่างๆ เพราะว่า Steam มีให้บริการพร้อมหมดแล้วยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เกม Wakfu ซึ่งถือว่าเป็นเกมออนไลน์ที่สามารถโหลดเกมโดยตรงหรือโหลดผ่าน Steam ซึ่งถ้าโหลดผ่าน Steam ในเขตนี้เราก็จะตรงเข้าสู่เซิฟ SEA ในทันที ซึ่งการเปิดช่องทางใหม่ๆ นี้ก็ได้ช่วยให้คนสามารถเข้าถึงเกมได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้นแทบไม่จำเป็นจะต้องมาเปิดบริษัทลูกรายย่อยหรือดีลบัตรและวิธีเติมเงินต่างๆ เพราะว่า Steam มีให้บริการพร้อมหมดแล้ว
4.ก้าวสู่พื้นที่ใหม่ๆ
ใครคิดว่าโถ่ ยังไง Steam มันก็จบแค่ PC ละวะ ตรงนี้ขอเบรคก่อนเลยเพราะอย่าลืมว่า Steam ยังมีโครงการอื่นๆ อีกมากมายที่ Steam ยังไม่ได้ปล่อยออกมา ทั้งเครื่องเล่น Steam , Steam OS และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้เราคงจะได้เห็นกันในอีกไม่กี่ปีนี้แล้ว มาถึงตอนนี้อาจจะพอเห็นภาพในอนาคตกันบ้าง ว่าทำไม Steam ถึงจะพยายามครองโลก เพราะตอนนี้ก็สำเร็จเอาไปซะเกือบจะครึ่งทาง(หรือเกินครึ่งไปแล้วไม่รู้) เอาเป็นว่าเรามาดูกันต่อไปว่า Steam จะเป็นยังไงต่อไปว่าแต่นี้มันใกล้ฤดูหนาวเข้ามาเรื่อยๆ แล้วสินะ
Credit:http://www.online-station.net