ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ game pc โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin โหลดเกมส์ pc
ให้เช่า Colocation
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin

กำลังแสดงผล 1 ถึง 4 จากทั้งหมด 4
  1. #1
    слыхал! но......
    วันที่สมัคร
    Dec 2012
    กระทู้
    341
    กล่าวขอบคุณ
    61
    ได้รับคำขอบคุณ: 240
    Blog Entries
    1

    Meltdown เด็กหญิงในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์

    Meltdown เด็กหญิงในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์



    เรื่องราวของเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังประสบปัญหาชีวิต เธอจึงตัดสินใจเดินไปยังเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อหาทางออกให้กับชีวิตของเธอ

    kuma(alfred) / Owata-P / macnum10@JKG


    ตอนแต่ละตอนของเรื่องนี้จะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันหมด เพียงแต่คนละมุมมองของแต่ละคน

    ตอนที่ 1 จะเล่าถึงมุมมองของเด็กหญิงซึ่งได้เดินเข้าไปยังเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์

    ตอนที่ 2 จะเล่าถึงมุมมองของเด็กชายซึ่งได้ตามเด็กหญิงในตอนที่ 1 ไป

    ตอนที่ 3 จะเล่าถึงมุมมองของเด็กหญิงซึ่งเป็นน้องสาวของเด็กชายในตอนที่ 2

    ตอนที่ 4 จะเล่าถึงมุมมองของผู้สังเกตการณ์ ซึ่งเรียกตัวเองว่า "ครู" ของตัวละครทั้งหมด


    จบแล้วนะครับ



    ***

    ตอนที่ 1 Nuclear Reactor : ความฝันกับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์

    ในเมืองยามค่ำคืนที่แสงสาดส่องประกาย เด็กหญิงคนหนึ่งได้เดินออกมาจากมุมมืดข้างถนนเข้ามาในแสงไฟ สายตาเธอบ่งบอกว่าเธอนอนไม่หลับมาทั้งคืน เธอเดินอย่างไม่รู้สึกตัวราวกับว่าเพิ่งถูกป้ายยาสลบมาอย่างไรอย่างนั้น มือทั้งสองข้างของเธอถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างกายท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นยะเยือก

    มือของเธอกำไฟแช็กที่ไร้น้ำมันไว้ข้างหนึ่ง แต่ถึงมันจะไม่มีเชื้อเพลิง ตัวเธอเองก็รู้สึกได้แล้วว่าในร่างกายของเธอมันร้อนเหมือนกับถูกเผา ช่างต่างกับสภาพอากาศภายนอกอย่างลิบลับ

    เธอผู้นั้นเคยฝัน... ฝันมาตลอดว่าเรื่องทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเธอมันเป็นแค่ภาพลวงตา เป็นแค่คำโกหก...

    ในความฝันนั้น มีเธออยู่สองคน... เธอคนนึงเดินเข้าไปบีบคอเธออีกคนหนึ่งตอนตะวันยังคงสาดแสงจ้า และคออันบอบบางของเธอผู้นั้นก็หักงอทันที ผู้ที่ร้องไห้ซึ่งควรจะเป็นเธอที่โดนบีบคอ กลับกลายเป็นเธอที่เป็นฝ่ายบีบคอเธอเอง

    ช่างน่าละอายยิ่งนักที่ฝันของเธอผู้นั้นไม่เคยเป็นจริงเลยซักทีเดียว...

    เธอเดินเข้าไปในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ มือของเธอยังคงกำไฟแช็กอยู่ เธอยืนหยุดอยู่หน้าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ พลางคิดในใจว่าหากเธอกระโจนเข้าไปในนั้นแล้ว ตัวเธอในอนาคตจะเป็นเช่นไร

    ตัวเธอคงจะถูกล้อมรอบด้วยแสงสีน้ำเงินอันสวยงาม...

    และจากนั้น...

    ความผิดทั้งหลายที่เธอเคยก่อไว้ก็คงจะมลายสูญหายไป...

    อีก 02.18 นาที จนกว่าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์จะล่มสลาย

    ตัวเลขค่อยๆลดลงเรื่อยๆตามเวลาที่ล่วงเลยไป...


    ***

    ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงคล้ายกับคนขึ้นบันไดมาจากข้างหลังเธอ เธอนึกถึงฝันของเธออีกครั้ง...

    ฝันที่ดวงอาทิตย์ยามเย็นค่อยๆตกลงไปลับสายตา เงากระจกและประตูที่ถูกสร้างโดยแสงอาทิตย์ใต้ท้องฟ้ามึดครึ้มก็ค่อยๆหดลง เธอมองไปยังดวงอาทิตย์สีแดง มันบวมเป่งราวกับว่ากำลังร้องไห้อยู่

    เมื่อดวงอาทิตย์ยามเย็นตกไปแล้ว โลกใบนี้ก็ค่อยๆละลายไปช้าๆ

    มันคือโลกที่กำลังจะสูญหายไป...

    เธอนึกถึงเธออีกคนที่ถูกตัวเธอเองบีบคอ ท่ามกลางลมที่พัดมาจนผ้าม่านปลิวไสว มีคำพูดบางคำค่อยๆลอยออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผากของเธอ มันปลิวออกมาราวกับฟองอากาศที่ล่องละลอยไปตามกาลเวลา

    อีก 01.21 นาที จนกว่าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์จะล่มสลาย

    ตัวเลขค่อยๆลดลงเรื่อยๆตามเวลาที่ล่วงเลยไป...

    เธอผู้นั้นยังคงยืนหยุดอยู่หน้าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ภายในใจยังคงมีความคิดมากมาย ถ้าเธอกระโจนเข้าไปในนั้นแล้ว

    ความทรงจำไม่ดีที่เธอเก็บไว้ก็จะได้ละลายหายไปเป็นสีขาว...

    และจากนั้น...

    เธอก็จะรู้สึกเหมือนว่าเธอจะได้หลับเหมือนเมื่อคราวก่อนอีกครั้ง...

    เธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ...

    ***

    ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงคล้ายกับคนค่อยๆเดินเข้ามาหาเธอจากด้านหลัง เธอพลันนึกถึงฝันของเธออีกครั้ง...

    เข็มวินาทีนาฬิกาที่ห้อยอยู่บนผนัง กับเสียงพิธีกรรายการที่หัวเราะอยู่ไม่ขาด

    ทั้งๆที่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น แต่ทำไมเธอถึงมองไม่เห็น...

    ทำไมเธอถึงได้ยินแค่เสียงกึกก้องราวกับเสียงสะท้อน...

    มันชวนทำให้เธอสงสัยยิ่งนัก

    เธอได้ยินแค่จังหวะเพลงที่รวดเร็ว เป็นเสียงเพลงที่ชวนให้เธอเร้าอารมณ์ไปกับมัน...

    แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเธอกำลังต่อต้านมันอยู่...

    อย่างไรก็ตาม ในคืนนั้นเธอก็ฝันอีกครั้ง เธอฝันว่า... เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ผู้คนทั้งโลกก็จะหายไปในพริบตา และเมื่อถึงกลางดึกคืนนั้น ความอ้างว้างและความเงียบงันจะกดดันความรู้สึกเธอจนตกต่ำ...

    เธอผู้นั้นหายใจอีกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว...

    ***

    อีก 00.00 นาที จนกว่าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์จะล่มสลาย

    ตัวเลขค่อยๆลดลงเรื่อยๆตามเวลาที่ล่วงเลยไป...

    เธอตัดสินใจกระโจนเข้าไปในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ด้วยความหวังว่าเธอจะได้หลับและจะได้หายไปจากโลกนี้

    ยามเช้าที่ไม่มีเธอคงจะเป็นโลกที่แสนวิเศษมากกว่าที่เคย

    คงจะเป็นโลกที่สามารถก้าวเดินต่อไปได้หากไม่มีเธอ และมันคงจะสมบูรณ์แบบมากขึ้นหากว่ามันขาดเธอไป
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย macnum10 : 1st March 2015 เมื่อ 13:53

  2. รายชื่อสมาชิกจำนวน 4 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  3. #2
    слыхал! но......
    วันที่สมัคร
    Dec 2012
    กระทู้
    341
    กล่าวขอบคุณ
    61
    ได้รับคำขอบคุณ: 240
    Blog Entries
    1
    ตอนที่ 2 Paradichlorobenzene : พาราไดคลอโรเบนซีน


    ความยุติธรรม...

    แต่ละคนในโลกนี้ล้วนต้องการความยุติธรรม แต่เพื่ออะไรกันล่ะ?

    เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองอย่างนั้นหรอ?

    ตัวผมเองมันก็แค่ลูกหมาตัวหนึ่ง ที่ได้แต่คอยเห่าใส่ชาวบ้านเพื่อที่จะรักษาเกียรติยศของตัวเองเอาไว้ และก็เพื่อความยุติธรรมกับตัวผมเอง

    ทุกๆคนยกเว้นผมเป็นคนชั่วร้ายทั้งหมด ไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะสามารถเชื่อถือได้ จนถึงในวันนี้ผมก็ยังเห่าอยู่ นั่นคือสิ่งที่ผมเชื่อ



    แล้วโรคภัยไข้เจ็บล่ะ...

    มันก็เหมือนกับถูกอะไรบางอย่างมาควบคุมจนบางครั้งผมก็อาจจะเปลี่ยนนิสัยของตัวเองไปเลยได้

    ผมเข้าใจดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวผม แต่ถึงผมจะรำคาญมัน ผมก็ยังต้องพึ่งพามันอยู่ดี... และผมก็รู้ดีว่าในอนาคตข้างหน้านี้มันก็จะค่อยๆกัดกร่อนร่างกายและจิตใจผมอย่างแน่นอน



    แล้วการพึ่งพาผู้อื่นล่ะ...

    ผมไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้หากผมขาดมันไป ถึงแม้ว่าผมจะรู้อาการของผมดีก็ตามที ผมเพียงแค่อยากให้ทุกคนรู้ถึงในตัวตนของผม ให้ทุกคนยอมรับในตัวผม

    ผมอิจฉา... อิจฉาคนมีอนาคต... อิจฉาคนมีหน้าที่... อิจฉาคนรู้หนทาง...

    แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่ได้เกลียดพวกเขาเลย... ผมเพียงแค่อยากให้พวกเขาเข้าใจผม



    (Paradichlorobenzene)

    พาราไดคลอโรเบนซีน

    “C6H4Cl2”




    แล้วผมจะเขียนบทความนี้มาเพื่ออะไร? แล้วทำไมผมต้องตั้งชื่อว่าพาราไดคลอโรเบนซีน... แล้วพาราไดคลอโรเบนซีนคืออะไร...



    จุดหลอมเหลว 53 องศาเซลเซียส จุดเดือด 174 องศาเซลเซียส

    มีลักษณะเป็นก้อนสีขาวกลิ่นฉุน ค่อยๆระเหิดเป็นไอในอุณหภูมิห้อง

    มีกลิ่นแรงมาก จึงสามารถรับรู้ได้ง่าย

    ไอที่เกิดขึ้นมาจะสามารถดับกลิ่นและฆ่าแมลงได้




    ตอนที่ผมกำลังเขียนบทความนี้อยู่ ผมก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำเลยว่าผมกำลังเขียนอะไรลงไป...



    สารเคมี C6H4Cl2 มวลโมเลกุล 147

    มีคลอไรต์เป็นส่วนประกอบของเบนซีน

    บางทีก็เรียก 1,4-ไดคลอโรเบนซีน หรือพารา DCB

    เป็นวัตถุอันตรายประเภท 3 เลขทะเบียน 106-46-7




    ดังนั้นผมก็เลยลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกตามหาคำตอบ ถึงแม้ผมจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วก็ตามว่าไม่มีอะไรเหลือสำหรับผมหรอก

    ในเมืองยามค่ำคืนที่แสงสาดส่องประกาย ผมมองเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ใต้แสงไฟ สายตาเธอบ่งบอกว่าเธอนอนไม่หลับมาทั้งคืน เธอยืนอย่างไม่รู้สึกตัวราวกับว่าเพิ่งถูกป้ายยาสลบมาอย่างไรอย่างนั้น มือทั้งสองข้างของเธอถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างกายท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นยะเยือก

    ผมคว้าไฟแช็กที่ไร้น้ำมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงและยื่นส่งให้เธอ หวังว่ามันจะช่วยให้เธอดูอุ่นใจขึ้นมาบ้าง... เด็กหญิงคนนั้นกำไฟแช็กไว้แน่นและเดินจากไป

    แล้วผมก็เดินตามเธอ...

    ผมมองเด็กหญิงคนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า... ชีวิตเธอก็คงจะเหมือนผม... ไม่มีอนาคตใดๆรออยู่...

    ดังนั้นผมเลยก็อยากจะชวนเธอมาร้องเพลง มาเต้นรำ มาร้องตะโกน มาบ้าคลั่ง มาทำสิ่งที่ไม่เคยอยากทำ จนเราทั้งคู่ล่มสลายไปด้วยกัน

    แต่เธอก็คงจะปฏิเสธผม...

    ผมกำลังทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย...

    บางครั้งผมก็อยากจะหาที่ระบายความเครียด ความโมโห ความอัดอั้นใจที่มีมานาน สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่หาใครสักคน กล่าวหาเขาว่าเขาเป็นคนไม่ดี จากนั้นก็ฆ่าเขาซะ

    แต่ผมคงไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้น... เพราะกฏเกณฑ์ในโลกใบนี้มันฉุดรั้งผมไว้อยู่

    นั่นทำให้ผมอิจฉา เพราะผมเกลียดกฏเกณฑ์... เกลียดกฏข้อบังคับ... ผมไม่อยากถูกผูกมัด จนบางครั้งผมก็อยากจะวิ่งหนีให้ห่างออกจากมันมากที่สุด

    ดังนั้น... ผมก็เลยทำในสิ่งที่ผมอย่างทำ และลืมเรื่องผลที่จะตามมาในภายหลัง ผมเกลียดที่ถูกคนบังคับมาตลอดเวลาจนผมเริ่มอยากที่จะทำสิ่งชั่วร้ายแล้ว

    ผมค่อยๆมองความชั่วร้ายเป็นความถูกต้อง แต่ถ้าผมทำได้ ผมก็คงเลือกที่จะหนีออกจากบ้านเข้าไปใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ๆ

    เพียงแต่ความจริงมันไม่เป็นเช่นนั้น แล้วผมจะมีชีวิตไปเพื่ออะไร?

    ***

    เด็กหญิงคนนั้นเดินเข้าไปในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แล้วผมก็กำลังจะเดินตามเข้าไปเช่นกันแต่ผมดันเหลือบไปเห็นแมวจรจัดตัวหนึ่งกำลังนอนอยู่ข้างเสาไฟฟ้า ผมจึงเดินเข้าไปปลุกมัน

    ผมถามสิ่งที่ผมต้องการคำตอบกับแมวจรจัดตัวนั้น แต่ช่างน่าเสียดายนักที่แมวตัวนั้นไม่ยอมตอบอะไร มันดันมองผมด้วยสายตาดูถูกเพียงอย่างเดียว

    ถึงผมจะเกลียดกาแฟ... แต่ตอนที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ ผมก็ได้ดื่มมันจนหมดแก้ว จากนั้นผมก็มองออกไปนอกหน้าต่าง ถึงแม้ว่าดวงอาทิตย์จะยังไม่ตกดิน แต่ผมก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในตอนนี้ผมจะสามารถทำอะไรได้

    ผมกำลังคิดอยู่ว่า ถ้าผมเป็นคนชั่วร้ายโดยที่ผมคิดว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้อง ผมจะยังผิดอยู่ไหม?

    ผมยังไม่รู้ว่าความชั่วร้ายกับความถูกต้องมันเป็นสิ่งเดียวกันหรือเปล่าด้วยซ้ำไป

    แต่ในตอนนี้ ผมก็ผละสายตาออกจากแมวจรจัดตัวนั้น และเมื่อผมจะเดินเข้าในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ผมก็ถูกเด็กหญิงคนหนึ่งขัดจังหวะซะก่อน

    ผมมองไปด้านหลัง เห็นเด็กหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ใต้แสงไฟถนน หน้าตาเธอดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก แต่นั่นไม่ใช่เด็กหญิงที่ผมเพิ่งเจอเมื่อครู่หรอก เพราะเด็กหญิงคนนี้เป็นน้องสาวของผมเอง

    “พอใจหรือยัง...” น้องสาวของผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่น่าฟังนัก มือซ้ายของเธอถือขวดอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อผมเพ่งมองไปที่ขวดนั้นแล้ว ผมก็เห็นฉลากมันอย่างชัดเจน

    พาราไดคลอโรเบนซีน (Paradichlorobenzene)

    บรรจุในขวดพลาสติกสีขาว

    เป็นยาฆ่าแมลงรูปแบบเม็ดกลมที่มีพิษร้ายแรง


    “ถ้าพี่แหกกฏออกมา แล้วพี่จะทำอะไรได้?” น้องสาวของผมเดินเข้ามาใกล้

    จริงด้วยสินะ...

    ผมพลันนึกขึ้นถึงอดีตของตัวเอง เมื่อครั้นผมยังเยาว์วัยกว่านี้ ผมเคยคิดอยู่เสมอว่าผมจะใช้ความยุติธรรมเอาชนะความชั่ว และยามใดที่ผมมีความทุกข์ ผมก็จะชะล้างมันด้วยความยุติธรรมนี้ มันเป็นโล่ป้องกันและเป็นการบรรเทาความเครียดของผมอย่างดีเยี่ยม

    และแน่นอนว่าไม่มีใครรอบตัวผม หรือแม้กระทั่งน้องสาวของผม ที่จะรู้ถึงท่าทีที่โง่เขลาของผม

    เพราะการกระทำที่โง่เขลาของผมน่ะ ผมก็แค่ถูกคนบังคับให้ทำ... ผมถูกสั่งให้ทำในสิ่งที่ผิดและสิ่งที่ไม่ผิด... ด้วยความเชื่อที่ว่าเมื่อผมทำไปแล้ว... มันจะเป็นการระบายความอัดอั้นใจในตัวผม

    ผมอิจฉา... อิจฉาเบนซีน... ผมอยากจะเป็นอย่างเบนซีน...

    ***

    บทความนี้มันมีความหมายอะไรมั้ย?

    ...มันไม่มีความหมายอะไรหรอก...

    บทความนี้มันมีความผิดอะไรมั้ย?

    ...มันไม่มีความผิดอะไรหรอก...

    เบนซีนมันมีความหมายอะไรมั้ย?

    ...มันไม่มีความหมายอะไรหรอก...

    เบนซีนมันมีความผิดอะไรมั้ย?

    เพราะความหมายของบทความนี้มันก็คือ...

    เบนซีน

    ผมคิดมาเสมอว่าความถูกต้องของผมคือสิ่งที่แท้จริง เพราะฉะนั้นผมจึงไม่ยอมรับในทุกๆสิ่งที่อยู่รอบข้าง

    ทุกๆคนที่ประสบความสำเร็จล้วนเป็นคนชั่วร้ายในสายตาของผม เพราะฉะนั้นผมจึงพยายามมองหาจุดอ่อนของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา

    ...ผมจะไม่ยอมรับในทุกสิ่ง...

    เมื่อผมเริ่มคิดได้ ผมก็รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำมาทั้งหมดนั้นเป็นแค่ภาพลวงตา ทุกๆอย่างนั้นไร้ความหมาย แล้วตัวผมจะมีคุณค่าอะไรเหลืออยู่?

    ผมมองไปที่แมวจรจัดตัวนั้นอีกครั้ง มันแน่นิ่งไปแล้ว... ผมพลันนึกถึงเวลาที่ผมนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มตกดิน ผมมองเห็นแสงอาทิตย์ใต้ท้องฟ้ามึดครึ้มค่อยๆจางลงไปตามกาลเวลา ส่วนตัวดวงอาทิคย์เองก็ดูบวมเป่งราวกับว่ามันกำลังร้องไห้อยู่

    แล้วตอนนั้นผมกำลังทำอะไรอยู่น่ะ? แล้วผมจะเขียนบทความนี้ขึ้นมาทำไม?

    ผมไม่เข้าใจเลย... ไม่เข้าใจตัวเองเลยซักนิด...

    น้องสาวของผมเดินเข้ามาประชิดตัวผม ผมเลยบอกเธอว่าผมจะทำสิ่งชั่วร้ายที่ผมอยากจะทำ เพราะมันคือความสุขส่วนตัวของผม และผมก็จะทำมันต่อไปเรื่อยๆ

    จากนั้นเธอก็ยิ้มและหัวเราะออกมาเล็กน้อย... เธอหมุนปากขวด พาราไดคลอโรเบนซีน ออกและหยิบมันขึ้นมาหนึ่งเม็ด

    เธอยัด พาราไดคลอโรเบนซีน หนึ่งเม็ดมาใส่ไว้ในมือผม จากนั้นเธอก็ค่อยๆพูดออกมาอย่างช้าๆ

    “กินซะ...”

    ผมจ้องมองหน้าเธอด้วยสายตาเกลียดชัง และเธอก็จ้องมองผมด้วยสายตาแบบเดียวกัน

    จากนั้นผมก็ยัด พาราไดคลอโรเบนซีน ใส่เข้าไปในปากที่แห้งผากของเธอ เธอตอบแทนผมด้วยการนำคมมีดที่เธอแอบไว้หลังเสื้อแทงเข้าใส่ท้องผม



    ผมเป็นฝ่ายถูก และเธอเป็นฝ่ายผิด



    ถึงแม้ว่าบางครั้งผมก็อยากจะชวนเธอมาร้องเพลง มาอิจฉา มาหัวเราะ มาบ้าคลั่ง มาทำสิ่งที่ไม่เคยอยากทำ...

    แต่ผมก็จะทำสิ่งเดิมๆต่อไป เหมือนหมาที่เดินวนเวียนอยู่ในที่เดิมๆ

    ผมสะใจที่ทุกคนรอบข้างผมไม่มีความสุข ไม่ว่าจะเป็นน้องสาวของผม หรือเด็กหญิงที่เดินเข้าไปในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แล้ว

    และผมก็จะบอกกับน้องสาวของผม “มาเถอะ... มาบ้าคลั่งกันจนกว่าเราทั้งคู่จะล่มสลายไปด้วยกัน”

    แน่นอนว่าผมอิจฉาเธอเหลือเกิน... ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำมาก็เพื่อความต้องการของตัวเอง



    เพราะฉะนั้นวันนี้...



    ผมเลยถูกฝังด้วยความอ้างว้างและความเดียวดายจนไม่เหลือสิ่งใดในตัวผมอีกแล้ว...

  4. #3
    слыхал! но......
    วันที่สมัคร
    Dec 2012
    กระทู้
    341
    กล่าวขอบคุณ
    61
    ได้รับคำขอบคุณ: 240
    Blog Entries
    1
    ตอนที่ 3 Antichlorobenzene : ต่อต้าน-คลอโรเบนซีน


    ฉันจะไม่ให้อภัย...

    ฉันเกลียดเขามาก... เขาเอาแต่ใจตัวเองทุกอย่าง... เขาชอบทำลายข้าวของ... เขาชอบหมกมุ่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งราวกับคนบ้า

    ในตัวเขาน่ะ... มีแต่ความเกลียดชังเต็มไปหมด เขาไม่สนใจผู้คนที่มีแต่ความสิ้นหวัง เขาไม่เคยเคารพผู้ใด

    นั่นคือเขาในสายตาของฉัน ถึงแม้ฉันจะเป็นน้องสาวของเขา แต่ฉันก็ไม่เคยนับว่าเขาเป็นหนึ่งในครอบครัวของฉัน

    มันช่างเจ็บปวด... มันช่างน่าเศร้า... มันช่างเต็มไปด้วยความเครียด... ความกดดัน... ฉันอยากที่จะต่อต้านมัน แต่สุดท้ายฉันก็จะสูญเสียทุกสิ่งอยู่ดี

    มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน... ฉันเกลียดมันอย่างที่สุด มันช่างไร้ความหมายจนฉันอยากจะลบมันออกจากความทรงจำของฉัน

    ตอนนี้ฉันอยากที่จะขว้างทุกสิ่งทุกอย่างออกไปจากตัวฉันให้หมด จากนั้นฉันก็จะระบายทุกสิ่งที่อยู่ในใจของฉันด้วยการตะโกนกรีดร้อง

    เพราะเขามันก็แค่ไอ้ลูกหมาโสโครก ที่ขี้อิจฉาคนอื่นและเป็นที่น่ารังเกียจ

    สิ่งทุกสิ่งที่ฉันรังเกียจทั้งหมดเป็นสิ่งชั่วร้าย ฉันรังเกียจเขาที่เขานั่งอยู่บนโต๊ะทำงานนั่นมาตลอดเวลา ฉันรังเกียจเขาที่เขาเอาแต่เขียนบทความไร้สาระนั้นขึ้นมา

    ไอ้ พาราไดคลอโรเบนซีน บ้าบอนั่นน่ะ มันก็เป็นแค่ของไร้สาระที่ลูกหมาตัวนั้นเอาแต่เขียนขึ้นมาด้วยความโง่เขลา

    ทุกๆคนที่คอยปกป้องเขาอยู่เป็นศัตรู

    กลางดึกคืนหนึ่งฉันเห็นเขาวิ่งออกไปจากบ้าน ฉันจึงเดินเข้าไปที่โต๊ะทำงานของเขา มีบทความไร้สาระนั่นกับขวดอะไรบางอย่างอยู่หนึ่งขวด

    พาราไดคลอโรเบนซีน (Paradichlorobenzene)

    บรรจุในขวดพลาสติกสีขาว

    เป็นยาฆ่าแมลงรูปแบบเม็ดกลมที่มีพิษร้ายแรง


    ดังนั้นฉันจึงหยิบขวดนั่นขึ้นมาด้วยความเกลียดชัง ฉันหยิบมีดสั้นออกมาด้วยก่อนที่ฉันจะเดินออกไปจากบ้านตามพี่ชายของฉันไป

    เหอะ... เขาไม่รู้อะไรสักอย่าง แต่เขาก็ยังคงวิ่งหนีออกจากบ้านไป ความจริงที่เขาเชื่ออยู่น่ะ มันก็เป็นแค่ของปลอมๆที่คนทั่วไปสร้างกันมา เขาน่ะ... อิจฉาคนมากจนเกินไปจนสมองบ้าคลั่ง ฉันคอยมองเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไร

    คำพูดโง่ๆที่ออกมาจากปากเขาอยู่ตลอดเวลา ฉันอยากจะถามเขามากเลยว่าเพื่อจุดประสงค์อะไรกัน?

    โลกใบนี้น่ะ... กฏเกณฑ์มันไม่สำคัญหรอก เพียงแต่เขาน่ะหวาดกลัวไปเองจนไม่กล้าทำอะไร เขานี่เปราะบางจังนะ

    โรคภัยไข้เจ็บที่เขามีอยู่น่ะ... ต่อให้ฉันเข้าใจอาการนั้นเป็นอย่างดี แต่ฉันก็จะไม่ทำอะไรหรอก ฉันจะไม่บังคับเขา แต่ฉันจะค่อยๆให้เขาแตกสลายอย่างช้าๆ จนให้เขาลุกขึ้นมาไม่ได้อีก ไม่ว่าความจริงมันจะเป็นเช่นไร แต่ความโชคร้ายของเขาก็จะเป็นตัวหล่อเลี้ยงฉันให้มีชีวิตได้ต่อไป

    ฉันเคยบอกกับเขาไปว่า ฉันจะทำให้โลกใบนี้มันถูกต้องเอง ในคืนนั้นฉันจึงเดินไปหลอกลวงแมวจรจัดตัวนั้นโดยบอกว่าฉันสามารถแก้ไขโลกที่เน่าเฟะใบนี้ได้

    ความเคียดแค้นน่ะมันซ่อนอยู่ในความถูกต้อง ส่วนความถูกต้องมันก็สามารถสร้างขึ้นมาได้ทุกเวลา เขาน่ะใช้ความยุติธรรมเป็นข้ออ้างเพื่อให้เขาสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างตามใจตัวเองได้ นั่นสินะ... ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้มันก็ลอกกันมาหมดเลยนี่นา...

    ในคืนนั้น... ฉันให้สัญญากับแมวจรจัดในสิ่งที่ฉันไม่สามารถทำได้ และฝังตัวเองอยู่ภายใต้ความมืดมิดจากความต้องการส่วนตัวของฉัน ทุกคนน่ะรู้เหตุผลว่าทำไม พวกเขาเข้าใจดีอยู่แล้ว แล้วทำไมมันถึงต้องมาลงเอยที่ฉัน

    ส่วนตัวฉันนั้นมันก็เหมือนกับเหล็กที่ขึ้นสนิม และค่อยๆแตกสลายจนกลายเป็นผุยผง ถึงแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นแค่ข่าวลือปลอมๆ แต่ถ้าปล่อยเอาไว้เรื่อยๆจนมันแพร่กระจายมันก็จะกลายเป็นความจริง

    ถึงแม้ว่าทั้งหมดนั่นจะเป็นแค่คำโกหก คำหลอกลวง แต่ฉันก็ไม่สนใจหรอก เพราะถึงยังไงพวกเราก็จะเป็นฝ่ายถูกอยู่ดี เพราะฉะนั้นฉันจะนำความผิดทั้งหมดของเขาออกมา และกำจัดมันทิ้งด้วยน้ำมือของฉันเอง

    การกระทำอย่างนั้นน่ะ... ถึงมันจะทำให้ข้างในจิตใจเขาดูโล่งขึ้น แต่เขาก็คงไม่ยอมรับมันหรอก เพราะการกระทำของเขาน่ะเหมือนมัน “สัตว์”

    พวก “สัตว์” น่ะมันจะคอยตอบสนองอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า “มนุษย์” อยู่อย่างเดียว นั่นคือสิ่งที่ค่อยๆแตกสลายจากความอิจฉาและความเกลียดชังที่มีอยู่ในตัวเขา และในที่สุดการกระทำของเขาก็จะย้อนกลับมาทำลายตัวของเขาเอง

    ถึงจะใช้ความเคียดแค้นมาปกปิดการเสแสร้งนั้นแต่มันก็ไม่มีอะไรดีเลย พวกสัตว์เองก็ไม่มีเหตุผลที่จะเดินเตร็ดเตร่ไปมาเช่นกัน

    หากแม้ว่าในโลกนี้ไม่มี “มนุษย์” พวกสัตว์ทั้งหลายก็คงจะเห่าตามสัญชาตญาณของมันต่อไปอยู่ดี

    ***

    บทความนี้มันมีความหมายอะไรมั้ย?

    ...มันไม่มีความหมายอะไรหรอก...

    บทความนี้มันมีความผิดอะไรมั้ย?

    ...มันไม่มีความผิดอะไรหรอก...

    แล้วบทความ “นั้น” มันมีความหมายอะไรมั้ย?

    ...มันไม่มีความหมายอะไรหรอก...

    แล้วบทความ “นั้น” มันมีความผิดอะไรมั้ย?

    เพราะความหมายของบทความนั้นมันก็คือ...

    ท้ายที่สุดแล้ว มันจะนำไปสู่การสูญสิ้นของสิ่งมีชีวิตทุกเผ่าพันธุ์

    เขาต่อต้านจิตใจ... ต่อต้านความเคียดแค้นในคำอธิษฐานของเขาเอง เขาไม่ได้แม้แต่จะคิดเลยว่ามันน่าอับอายเพียงใด

    เขาแค่อยากจะแสดงความรู้อันโง่เขลาของตนออกมา เพราะเขาอยากให้ตัวเองดูเด่นในสายตาคนอื่น เขาจึงเอาแต่หัวเราะเยาะใส่คนอื่น จนไม่รู้ว่าตัวเขาเองถูกคนอื่นหัวเราะเยาะกลับมามากเพียงใด

    แต่จากนั้นฉันก็เริ่มคิดได้ว่าการที่เขาทำแบบนั้นไปน่ะ มันแทบไม่มีประโยชน์อันใดเลยด้วยซ้ำ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรต่อไปหรอหากเขายังมีชีวิตอยู่น่ะ...

    ตัวฉันเดินออกมาจากแสงไฟบนถนน ค่อยๆเดินตรงไปหาพี่ชายของฉันจนตัวฉันประชิดตัวเขา ฉันนำเม็ด พาราไดคลอโรเบนซีน ออกมากำไว้ในมือให้แน่น ก่อนจะเอ่ยปากถามพี่ชายของฉัน

    “พี่บอกฉันมาหน่อยสิ... พี่จะทำอะไรต่อไป?”

    พี่ชายของฉันตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่แฝงไปด้วยความเกลียดชัง

    “พี่จะทำสิ่งชั่วร้ายที่พี่อยากจะทำ เพราะมันคือความสุขส่วนตัวของพี่ และพี่ก็จะทำมันต่อไปเรื่อยๆ”

    เมื่อฉันได้ฟังแล้วฉันก็ยิ้มและหัวเราะออกมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ชวนฉันให้ฉันมาร้องเพลง มาอิจฉา มาหัวเราะ มาบ้าคลั่ง มาทำสิ่งที่ไม่เคยอยากทำด้วยกัน

    เขากำลังพูดสิ่งที่ไร้ความหมาย... ในขณะที่เขากำลังจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป นั่นคือการดิ้นรนของ “สัตว์”

    แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าความดีกับความชั่วนั้นมันแตกต่างกันอย่างไร

    เพราะฉะนั้นฉันจึงบอกกับเขาไปว่า

    “ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้แล้ว เรามาบ้าคลั่งกันเถอะ”

    และเขาก็ตอบฉันมาเช่นเดียวกัน

    “มาเถอะ... มาบ้าคลั่งกันจนกว่าเราทั้งคู่จะล่มสลายไปด้วยกัน”

    และโดยที่ฉันยังไม่ทันคาดคิด เขาก็นำเม็ด พาราไดคลอโรเบนซีน เม็ดนั้นยัดเข้าปากฉัน ฉันก็เลยนำมีดสั้นที่ฉันแอบไว้หลังเสื้อแทงเข้าไปในท้องของเขา

    ณ ช่วงเวลานั้นมันเหมือนกับว่าเวลารอบตัวได้หยุดนิ่ง เพียงแต่ฉันยังคงไม่รู้ถึงท่าทางโง่ๆของเขา

    ไม่มีทางหรอก... ฉันจะไม่ยกโทษให้เขาเด็ดขาด ฉันจะปล่อยให้เขาถูกฝังด้วยความอ้างว้างและความเดียวดายจนไม่เหลือสิ่งใดในตัวเขา

    เพราะฉัน... หยุดความรู้สึกนี้ไม่ได้อีกแล้ว

    ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเกลียดชัง ทั้งหมดนั้นมันช่างไร้ความหมายจนฉันอยากจะลบมันทิ้งไป

    แต่ฉันก็ยังทำไม่ได้เลย... แล้วฉันต้องทำอย่างไรต่อไป... ต้องยอมแพ้หรอ?... ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่สนใจมันแล้วล่ะ...

    เพราะ พาราไดคลอโรเบนซีน จะฆ่าฉันภายในไม่ช้านี้อยู่แล้ว...

    ฉันจะยกโทษให้... แล้วฉันก็จะยอมรับมัน... ถึงแม้มันจะเป็นความอิจฉาหรือรอยยิ้มก็ตามที มันเหมือนกับว่าฉันหลงไปกับมันแล้วล่ะ...

    ฉันค่อยๆเดินเข้าไปในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ค่อยๆขึ้นบันไดขึ้นไป มองเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์

    ฉันค่อยๆเดินเข้าไปหาเธอ และเธอก็มองมาที่ฉันเช่นเดียวกัน สายตาของเธอบ่งบอกว่าเธอนอนไม่หลับมาทั้งคืน เธอยืนอย่างไร้ความรู้สึกราวกับว่าเพิ่งถูกป้ายยาสลบมาอย่างไรอย่างนั้น มือข้างหนึ่งของเธอกำไฟแช็กที่ไร้น้ำมันอยู่

    “นี่ไฟแช็กของเธอหรอ...” เด็กหญิงคนนั้นถามฉัน

    “ใช่... แต่เก็บมันไว้เถอะ มันไม่มีค่าอะไรอีกแล้วล่ะ”

    ไม่ว่าจะผิดหรือจะถูก ไม่มีอะไรสำคัญแล้วล่ะ ฉันไม่อยากทำอะไรอีกต่อไปแล้ว คืนนี้ฉันเหนื่อยมามากพอแล้ว

    หากจะเปลี่ยนชีวิตที่เน่าเฟะของเรา พวกเราคงต้องไปเกิดใหม่... นั่นคือหนทางเดียว...

    “แล้วเธอจะทำอะไรหรอ?” ฉันถามเด็กหญิงคนนั้นซึ่งกำลังมองไปยังเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อยู่

    แล้วเธอก็ชวนฉันให้กระโจนเข้าไปในเตาปฏิกรณ์ไปพร้อมกัน

    ***

    อีก 00.00 นาที จนกว่าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์จะล่มสลาย

    ตัวเลขค่อยๆลดลงเรื่อยๆตามเวลาที่ล่วงเลยไป...


    “ใช้ชีวิตอย่างสัตว์เดรัจฉาน กับการเลียนแบบของมนุษย์ เธอจะเลือกอะไรหรอ?”

    เป็นคำถามสุดท้ายที่ฉันถามเธอก่อนที่เราทั้งคู่จะกระโจนลงไป

    และคำตอบของเธอก็ทำให้ฉันตกใจมากเลยทีเดียว

  5. #4
    слыхал! но......
    วันที่สมัคร
    Dec 2012
    กระทู้
    341
    กล่าวขอบคุณ
    61
    ได้รับคำขอบคุณ: 240
    Blog Entries
    1
    ตอนที่ 4 Methylbenzene : เมทิลเบนซีน


    มันเป็นเรื่องราวของ “สัตว์” ที่ถูกความริษยาเข้าครอบงำ เขาเกิดมาด้วยความน่าสมเพช ความจอมปลอม ความโง่เขลา และเขาก็ยังจะคิดว่าตัวเองนั้นสูงส่ง

    (Methylbenzene)

    เมทิลเบนซีน

    “C6H5CH3”

    มันมีชื่อย่อว่า “โทลูอีน” มีกลิ่นที่สามารถรับรู้ได้ง่ายจากธาตุไฮโดรคาร์บอน เมื่ออะตอมไฮโดรเจนของเบนซีนถูกแทนที่โดยกลุ่มธาตุเมทิล

    จะระเหยเมื่อตั้งอยู่ในอุณหภูมิห้องและไม่ติดไฟ เพราะฉะนั้นมันจึงถูกจัดตั้งขึ้นให้อยู่ในกลุ่มวัตถุอันตรายระดับ 4 หรือ “อันดับหนึ่ง เคโรซีน” เป็นวัตถุอันตรายของญี่ปุ่น ซึ่งจัดอยู่ภายใต้กฏหมายการควบคุมยาพิษที่ถือว่าผิดกฏหมาย

    เพราะมันเป็นยาพิษชนิดหนึ่ง มันจึงไม่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์เลยแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นพวกเขาทั้งสองคนจึงค่อยๆสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป

    รวมทั้ง พาราไดคลอโรเบนซีน ก็ตาม

    “ตัวตน” ของพวกเขาทั้งสองคนและเกียรติยศของพวกเขาก็เป็นแค่สิ่งของให้คนทั่วไปได้หัวเราะเยาะเย้ย เป็นแค่สิ่งของนอกทาง และในไม่ช้าพวกเขาก็จะถูกลืม

    และพวกเขาก็จะค่อยๆล่มสลายไปอย่างช้าๆ

    “ตัวตน” ของพวกเขาถูกครอบงำด้วยความเชื่อที่ผิดๆ มันช่างน่าเวทนายิ่งนัก พวกเขาตัดสินชีวิตของผู้อื่นโดยใช้ความไม่รู้ถูกผิดที่พวกเขาได้เรียนมาก็เท่านั้น

    “โทลูอีน” การระเบิดเกิดขึ้นอย่างฉันพลันจากสสารที่ไม่เคยมีมาก่อนบนโลกใบนี้ ถูกกำหนดขึ้นมาจากหญิงสาวคนหนึ่ง “C6H5CH3”

    “โทลูอีน” พวกเขาไม่เคยได้มีตัวตนเป็นของตัวเอง ได้แต่พึ่งพาคนอื่นก็เท่านั้น พวกเขาไม่ใช่มนุษย์ พวกเขาเป็นเพียงแค่ “สัตว์” ชนิดหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า “โฮโม เซเปียนส์”

    “โทลูอีน” พวกเขาไม่เคยได้นึกคิดหรือรับรู้ในความเป็นอยู่ของตนเอง ดังนั้นมันก็จะไม่เหลืออะไรให้สำหรับพวกเขา

    “ทุกอย่าง” มันก็แค่ภาพลวงตาที่สร้างโดยสิ่งที่เรียกตัวเองว่า “โฮโม เซเปียนส์” ชีวิตน่ะมันถูกสร้างขึ้นเพื่อไม่ให้ถูกเติมเต็ม แต่เพื่อให้ถูกทำลาย นั่นคือมุมมองของหญิงสาวคนหนึ่ง

    หญิงสาว... ผู้ประกาศว่าตนเป็นผู้คิดค้น “C6H5CH3” ได้ค่อยๆมองเด็กชายและเด็กหญิงซึ่งเป็นพี่น้องกันล่มสลายอย่างช้าๆต่อหน้าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์

    หญิงสาว... ผู้สอน “C6H4Cl2” ให้กับเด็กทั้งสอง จนตัวเธอเองได้รับความเชื่อมั่นมาอย่างล้นหลาม

    พวกเขาน่ะเป็นเพียงแค่หุ่นเชิด เป็นเพียงแค่ “สัตว์” ที่มองไม่เห็นความถูกต้องหรือความจอมปลอม เพียงแค่เชื่อว่าทุกสิ่งที่พวกเขาเห็นน่ะมันเป็น “ความจริง”

    และต้นตอของเรื่องทั้งหมดก็มาจากความ “อิจฉา” ของ “โฮโม เซเปียนส์”

    แต่ถึงกระนั้น ในมุมมองของพวกเขา พวกเขาก็ยังคงพึงพอใจ พวกเขามีความสุขที่ได้เหนือกว่าคนอื่น และจะต่อต้านกับผู้ที่ได้อยู่เหนือเขา

    ในสังคมของคนที่ไม่รู้จักกันและกัน พวกเขาก็ถูกกลั่นแกล้งจนไม่เหลือทุกสิ่ง และสิ่งสำคัญที่จะนำพาสังคมในโลกที่เน่าเฟะใบนี้มาล่มสลายก็คือความอิจฉาในตัวเขา

    พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเขาได้มาเกี่ยวข้องกับ “เรื่อง” นี้มาได้อย่างไร ไม่สิ... พวกเขายังไม่รู้สึกตัวเลยว่าพวกเขาได้มา “เกี่ยวข้อง” กับเรื่องนี้แล้วด้วยซ้ำ

    ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นแค่ “สัตว์” ที่ไม่ได้ทำลายแค่ตัวพวกเขาเองอย่างเดียว แต่หากปล่อยทิ้งไว้ พวกเขาจะทำลายผู้อื่นด้วย

    และในไม่ช้านี้... พวกเขาก็จะสูญสิ้นความเป็นจริง และพวกเขาก็จะทำอะไรไม่ได้นอกจากมองดูและอิจฉาผู้อื่นไปวันๆ

    พวกเขาทำเพียงได้แค่รังเกียจผู้อื่น... หรือระหวาดระแวงผู้อื่น... เพราะตัวของพวกเขาและโลกที่เน่าเฟะใบนี้ถูกแต่งแต้มโดยสิ่งที่เรียกว่า “การหลอกลวง”

    แล้วความจริงล่ะ? มันจะอยู่ที่ไหนกัน?

    ความจริงมันก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่า “โทลูอีน” หรอก

    ***

    บทความนี้มันมีความหมายอะไรมั้ย?

    เพราะความหมายของบทความนี้มันก็คือ...

    มันน่ะ... มีความหมาย

    บทความนี้... มีความหมาย

    บทความ “นั้น” ก็มีความหมาย

    ทุกๆบทความน่ะมีความหมาย เพียงแต่มันจะทำให้พวกเขาเข้าใจได้หรือไม่นั้น?

    พวกเขาแสดงนิสัยของตนออกมาจากความหยิ่งทะนงและความเห็นแก่ตัว แต่เมื่อส่องเข้าไปในภายในจิตใจของพวกเขาแล้วนั้น พวกเขาจะรู้จริงหรือไม่ว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่เป็นสิ่งที่ผิด?

    มันอาจจะเป็นหนทางเดียวที่จะกลบจุดอ่อนของพวกเขา...

    จุดอ่อนของเด็กชายคนนั้นน่ะหรอ?... เขาน่ะ... พยายามไม่ให้มีจุดอ่อนรั่วไหลออกมาต่อหน้าผู้อื่น ถึงเขาจะเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน แต่เขาเรียนไปเพื่อเหตุผลอันใดกัน?

    เพื่อที่จะหาความหมายที่แท้จริงของ “เบนซีน” หรือ?

    ผู้ที่ได้ประโยชน์น่ะไม่ใช่ผู้เรียน แต่เป็นผู้สอนเอง เธอเป็นผู้สังเกตการณ์เหตุการณ์ทั้งหมด...

    แล้วเด็กหญิงที่เดินเข้าไปในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ล่ะ เธอมีความหมายอะไรมั้ย?

    ในสายตาของเด็กชายน่ะ... เขาก็แค่อยากหาที่ระบายก็เท่านั้นเอง แต่ในสายตาของน้องสาวของเด็กชายน่ะมันไม่เป็นเช่นนั้น เธอไม่อยากให้พี่ชายทำแบบนี้อีกต่อไป เธอจึงเลือกเส้นทางนี้

    ถึงแม้ว่ามันจะทำให้พวกเขาทั้งคู่เป็น “สัตว์” ที่เต็มไปด้วยความอิจฉาแทนที่จะเต็มไปด้วยความโมโหที่บริสุทธิ์ก็ตามที

    พวกเขาจะติดอยู่ในวังวนการเสแสร้งและความอิจฉาอยู่ตลอดไปหรือไม่?

    และพวกเขาจะต้องทำอย่างไรถึงจะหลุดพ้นจากวังวนอันโหดร้ายนั้น?

    เพราะท้ายที่สุดแล้ว... คนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดก็คือผู้สังเกตการณ์ ไม่ใช่ผู้ถูกกระทำ เด็กสาวที่กระโจนเข้าไปในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์น่ะ เธอกระโจนลงไปเพราะเธอเชื่อว่าเธอควรทำ

    ไม่ใช่เพราะว่าความจริงมันเป็นเช่นไร

    แต่เด็กชายน่ะ เลือกที่จะต่อสู้กับน้องสาวของเขาเพียงเพราะว่าเขาเชื่อความจริงบางอย่าง หารู้ไม่ว่าความจริงนั้นมันถูกบิดเบือนไปมากน้อยเพียงใด

    และมันก็เกินขึ้นเช่นเดียวกันกับน้องสาวของเขา



    ในโลกที่เต็มไปด้วยความหยิ่ง ความอิจฉา ความเคียดแค้น ความต้องการส่วนตัว...

    พวกเขาทั้งหมดจะล่มสลายไปในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์โดยที่ไม่เข้าใจว่าโลกใบนี้มันทำงานเช่นไรจริงๆหรอ?

    สุดท้ายแล้ว บทความนี้มันมีความหมายจริงหรือ?... แล้วมันถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์อะไร?

    ถึงมันจะถูกสร้างโดยเด็กชายคนนั้นเพื่อเล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาเจอมาก็ตามที

    แต่โลกใบนี้ก็ยังคงสามารถก้าวเดินต่อไป บทความนี้จึงเป็นของ “ไร้สาระ”

    เป็นของ “ไร้สาระ” ในสายตาคนบางคน... รวมทั้งน้องสาวของเขาด้วย

    เพราะฉะนั้นบทความนี้จึงถูกทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานเก่าๆในห้องนอนของเด็กชาย ไม่มีใครมาหยิบปากกาเขียนมันอีก

    สุดท้ายแล้วโลกก็จะลืมถึงตัวตนของบทความนี้และผู้ที่กระโจนเข้าไปในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ถึงแม้ว่าโลกจะไม่รู้ว่าพวกเขาพยายามให้ตัวเองดูโดดเด่นขึ้นมามากเพียงใด


 

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top