ตอนที่ 3 Antichlorobenzene : ต่อต้าน-คลอโรเบนซีน
ฉันจะไม่ให้อภัย...
ฉันเกลียดเขามาก... เขาเอาแต่ใจตัวเองทุกอย่าง... เขาชอบทำลายข้าวของ... เขาชอบหมกมุ่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งราวกับคนบ้า
ในตัวเขาน่ะ... มีแต่ความเกลียดชังเต็มไปหมด เขาไม่สนใจผู้คนที่มีแต่ความสิ้นหวัง เขาไม่เคยเคารพผู้ใด
นั่นคือเขาในสายตาของฉัน ถึงแม้ฉันจะเป็นน้องสาวของเขา แต่ฉันก็ไม่เคยนับว่าเขาเป็นหนึ่งในครอบครัวของฉัน
มันช่างเจ็บปวด... มันช่างน่าเศร้า... มันช่างเต็มไปด้วยความเครียด... ความกดดัน... ฉันอยากที่จะต่อต้านมัน แต่สุดท้ายฉันก็จะสูญเสียทุกสิ่งอยู่ดี
มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน... ฉันเกลียดมันอย่างที่สุด มันช่างไร้ความหมายจนฉันอยากจะลบมันออกจากความทรงจำของฉัน
ตอนนี้ฉันอยากที่จะขว้างทุกสิ่งทุกอย่างออกไปจากตัวฉันให้หมด จากนั้นฉันก็จะระบายทุกสิ่งที่อยู่ในใจของฉันด้วยการตะโกนกรีดร้อง
เพราะเขามันก็แค่ไอ้ลูกหมาโสโครก ที่ขี้อิจฉาคนอื่นและเป็นที่น่ารังเกียจ
สิ่งทุกสิ่งที่ฉันรังเกียจทั้งหมดเป็นสิ่งชั่วร้าย ฉันรังเกียจเขาที่เขานั่งอยู่บนโต๊ะทำงานนั่นมาตลอดเวลา ฉันรังเกียจเขาที่เขาเอาแต่เขียนบทความไร้สาระนั้นขึ้นมา
ไอ้ พาราไดคลอโรเบนซีน บ้าบอนั่นน่ะ มันก็เป็นแค่ของไร้สาระที่ลูกหมาตัวนั้นเอาแต่เขียนขึ้นมาด้วยความโง่เขลา
ทุกๆคนที่คอยปกป้องเขาอยู่เป็นศัตรู
กลางดึกคืนหนึ่งฉันเห็นเขาวิ่งออกไปจากบ้าน ฉันจึงเดินเข้าไปที่โต๊ะทำงานของเขา มีบทความไร้สาระนั่นกับขวดอะไรบางอย่างอยู่หนึ่งขวด
พาราไดคลอโรเบนซีน (Paradichlorobenzene)
บรรจุในขวดพลาสติกสีขาว
เป็นยาฆ่าแมลงรูปแบบเม็ดกลมที่มีพิษร้ายแรง
ดังนั้นฉันจึงหยิบขวดนั่นขึ้นมาด้วยความเกลียดชัง ฉันหยิบมีดสั้นออกมาด้วยก่อนที่ฉันจะเดินออกไปจากบ้านตามพี่ชายของฉันไป
เหอะ... เขาไม่รู้อะไรสักอย่าง แต่เขาก็ยังคงวิ่งหนีออกจากบ้านไป ความจริงที่เขาเชื่ออยู่น่ะ มันก็เป็นแค่ของปลอมๆที่คนทั่วไปสร้างกันมา เขาน่ะ... อิจฉาคนมากจนเกินไปจนสมองบ้าคลั่ง ฉันคอยมองเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไร
คำพูดโง่ๆที่ออกมาจากปากเขาอยู่ตลอดเวลา ฉันอยากจะถามเขามากเลยว่าเพื่อจุดประสงค์อะไรกัน?
โลกใบนี้น่ะ... กฏเกณฑ์มันไม่สำคัญหรอก เพียงแต่เขาน่ะหวาดกลัวไปเองจนไม่กล้าทำอะไร เขานี่เปราะบางจังนะ
โรคภัยไข้เจ็บที่เขามีอยู่น่ะ... ต่อให้ฉันเข้าใจอาการนั้นเป็นอย่างดี แต่ฉันก็จะไม่ทำอะไรหรอก ฉันจะไม่บังคับเขา แต่ฉันจะค่อยๆให้เขาแตกสลายอย่างช้าๆ จนให้เขาลุกขึ้นมาไม่ได้อีก ไม่ว่าความจริงมันจะเป็นเช่นไร แต่ความโชคร้ายของเขาก็จะเป็นตัวหล่อเลี้ยงฉันให้มีชีวิตได้ต่อไป
ฉันเคยบอกกับเขาไปว่า ฉันจะทำให้โลกใบนี้มันถูกต้องเอง ในคืนนั้นฉันจึงเดินไปหลอกลวงแมวจรจัดตัวนั้นโดยบอกว่าฉันสามารถแก้ไขโลกที่เน่าเฟะใบนี้ได้
ความเคียดแค้นน่ะมันซ่อนอยู่ในความถูกต้อง ส่วนความถูกต้องมันก็สามารถสร้างขึ้นมาได้ทุกเวลา เขาน่ะใช้ความยุติธรรมเป็นข้ออ้างเพื่อให้เขาสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างตามใจตัวเองได้ นั่นสินะ... ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้มันก็ลอกกันมาหมดเลยนี่นา...
ในคืนนั้น... ฉันให้สัญญากับแมวจรจัดในสิ่งที่ฉันไม่สามารถทำได้ และฝังตัวเองอยู่ภายใต้ความมืดมิดจากความต้องการส่วนตัวของฉัน ทุกคนน่ะรู้เหตุผลว่าทำไม พวกเขาเข้าใจดีอยู่แล้ว แล้วทำไมมันถึงต้องมาลงเอยที่ฉัน
ส่วนตัวฉันนั้นมันก็เหมือนกับเหล็กที่ขึ้นสนิม และค่อยๆแตกสลายจนกลายเป็นผุยผง ถึงแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นแค่ข่าวลือปลอมๆ แต่ถ้าปล่อยเอาไว้เรื่อยๆจนมันแพร่กระจายมันก็จะกลายเป็นความจริง
ถึงแม้ว่าทั้งหมดนั่นจะเป็นแค่คำโกหก คำหลอกลวง แต่ฉันก็ไม่สนใจหรอก เพราะถึงยังไงพวกเราก็จะเป็นฝ่ายถูกอยู่ดี เพราะฉะนั้นฉันจะนำความผิดทั้งหมดของเขาออกมา และกำจัดมันทิ้งด้วยน้ำมือของฉันเอง
การกระทำอย่างนั้นน่ะ... ถึงมันจะทำให้ข้างในจิตใจเขาดูโล่งขึ้น แต่เขาก็คงไม่ยอมรับมันหรอก เพราะการกระทำของเขาน่ะเหมือนมัน สัตว์
พวก สัตว์ น่ะมันจะคอยตอบสนองอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า มนุษย์ อยู่อย่างเดียว นั่นคือสิ่งที่ค่อยๆแตกสลายจากความอิจฉาและความเกลียดชังที่มีอยู่ในตัวเขา และในที่สุดการกระทำของเขาก็จะย้อนกลับมาทำลายตัวของเขาเอง
ถึงจะใช้ความเคียดแค้นมาปกปิดการเสแสร้งนั้นแต่มันก็ไม่มีอะไรดีเลย พวกสัตว์เองก็ไม่มีเหตุผลที่จะเดินเตร็ดเตร่ไปมาเช่นกัน
หากแม้ว่าในโลกนี้ไม่มี มนุษย์ พวกสัตว์ทั้งหลายก็คงจะเห่าตามสัญชาตญาณของมันต่อไปอยู่ดี
***
บทความนี้มันมีความหมายอะไรมั้ย?
...มันไม่มีความหมายอะไรหรอก...
บทความนี้มันมีความผิดอะไรมั้ย?
...มันไม่มีความผิดอะไรหรอก...
แล้วบทความ นั้น มันมีความหมายอะไรมั้ย?
...มันไม่มีความหมายอะไรหรอก...
แล้วบทความ นั้น มันมีความผิดอะไรมั้ย?
เพราะความหมายของบทความนั้นมันก็คือ...
ท้ายที่สุดแล้ว มันจะนำไปสู่การสูญสิ้นของสิ่งมีชีวิตทุกเผ่าพันธุ์
เขาต่อต้านจิตใจ... ต่อต้านความเคียดแค้นในคำอธิษฐานของเขาเอง เขาไม่ได้แม้แต่จะคิดเลยว่ามันน่าอับอายเพียงใด
เขาแค่อยากจะแสดงความรู้อันโง่เขลาของตนออกมา เพราะเขาอยากให้ตัวเองดูเด่นในสายตาคนอื่น เขาจึงเอาแต่หัวเราะเยาะใส่คนอื่น จนไม่รู้ว่าตัวเขาเองถูกคนอื่นหัวเราะเยาะกลับมามากเพียงใด
แต่จากนั้นฉันก็เริ่มคิดได้ว่าการที่เขาทำแบบนั้นไปน่ะ มันแทบไม่มีประโยชน์อันใดเลยด้วยซ้ำ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรต่อไปหรอหากเขายังมีชีวิตอยู่น่ะ...
ตัวฉันเดินออกมาจากแสงไฟบนถนน ค่อยๆเดินตรงไปหาพี่ชายของฉันจนตัวฉันประชิดตัวเขา ฉันนำเม็ด พาราไดคลอโรเบนซีน ออกมากำไว้ในมือให้แน่น ก่อนจะเอ่ยปากถามพี่ชายของฉัน
พี่บอกฉันมาหน่อยสิ... พี่จะทำอะไรต่อไป?
พี่ชายของฉันตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่แฝงไปด้วยความเกลียดชัง
พี่จะทำสิ่งชั่วร้ายที่พี่อยากจะทำ เพราะมันคือความสุขส่วนตัวของพี่ และพี่ก็จะทำมันต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อฉันได้ฟังแล้วฉันก็ยิ้มและหัวเราะออกมาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ชวนฉันให้ฉันมาร้องเพลง มาอิจฉา มาหัวเราะ มาบ้าคลั่ง มาทำสิ่งที่ไม่เคยอยากทำด้วยกัน
เขากำลังพูดสิ่งที่ไร้ความหมาย... ในขณะที่เขากำลังจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป นั่นคือการดิ้นรนของ สัตว์
แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าความดีกับความชั่วนั้นมันแตกต่างกันอย่างไร
เพราะฉะนั้นฉันจึงบอกกับเขาไปว่า
ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้แล้ว เรามาบ้าคลั่งกันเถอะ
และเขาก็ตอบฉันมาเช่นเดียวกัน
มาเถอะ... มาบ้าคลั่งกันจนกว่าเราทั้งคู่จะล่มสลายไปด้วยกัน
และโดยที่ฉันยังไม่ทันคาดคิด เขาก็นำเม็ด พาราไดคลอโรเบนซีน เม็ดนั้นยัดเข้าปากฉัน ฉันก็เลยนำมีดสั้นที่ฉันแอบไว้หลังเสื้อแทงเข้าไปในท้องของเขา
ณ ช่วงเวลานั้นมันเหมือนกับว่าเวลารอบตัวได้หยุดนิ่ง เพียงแต่ฉันยังคงไม่รู้ถึงท่าทางโง่ๆของเขา
ไม่มีทางหรอก... ฉันจะไม่ยกโทษให้เขาเด็ดขาด ฉันจะปล่อยให้เขาถูกฝังด้วยความอ้างว้างและความเดียวดายจนไม่เหลือสิ่งใดในตัวเขา
เพราะฉัน... หยุดความรู้สึกนี้ไม่ได้อีกแล้ว
ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเกลียดชัง ทั้งหมดนั้นมันช่างไร้ความหมายจนฉันอยากจะลบมันทิ้งไป
แต่ฉันก็ยังทำไม่ได้เลย... แล้วฉันต้องทำอย่างไรต่อไป... ต้องยอมแพ้หรอ?... ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่สนใจมันแล้วล่ะ...
เพราะ พาราไดคลอโรเบนซีน จะฆ่าฉันภายในไม่ช้านี้อยู่แล้ว...
ฉันจะยกโทษให้... แล้วฉันก็จะยอมรับมัน... ถึงแม้มันจะเป็นความอิจฉาหรือรอยยิ้มก็ตามที มันเหมือนกับว่าฉันหลงไปกับมันแล้วล่ะ...
ฉันค่อยๆเดินเข้าไปในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ค่อยๆขึ้นบันไดขึ้นไป มองเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
ฉันค่อยๆเดินเข้าไปหาเธอ และเธอก็มองมาที่ฉันเช่นเดียวกัน สายตาของเธอบ่งบอกว่าเธอนอนไม่หลับมาทั้งคืน เธอยืนอย่างไร้ความรู้สึกราวกับว่าเพิ่งถูกป้ายยาสลบมาอย่างไรอย่างนั้น มือข้างหนึ่งของเธอกำไฟแช็กที่ไร้น้ำมันอยู่
นี่ไฟแช็กของเธอหรอ... เด็กหญิงคนนั้นถามฉัน
ใช่... แต่เก็บมันไว้เถอะ มันไม่มีค่าอะไรอีกแล้วล่ะ
ไม่ว่าจะผิดหรือจะถูก ไม่มีอะไรสำคัญแล้วล่ะ ฉันไม่อยากทำอะไรอีกต่อไปแล้ว คืนนี้ฉันเหนื่อยมามากพอแล้ว
หากจะเปลี่ยนชีวิตที่เน่าเฟะของเรา พวกเราคงต้องไปเกิดใหม่... นั่นคือหนทางเดียว...
แล้วเธอจะทำอะไรหรอ? ฉันถามเด็กหญิงคนนั้นซึ่งกำลังมองไปยังเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อยู่
แล้วเธอก็ชวนฉันให้กระโจนเข้าไปในเตาปฏิกรณ์ไปพร้อมกัน
***
อีก 00.00 นาที จนกว่าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์จะล่มสลาย
ตัวเลขค่อยๆลดลงเรื่อยๆตามเวลาที่ล่วงเลยไป...
ใช้ชีวิตอย่างสัตว์เดรัจฉาน กับการเลียนแบบของมนุษย์ เธอจะเลือกอะไรหรอ?
เป็นคำถามสุดท้ายที่ฉันถามเธอก่อนที่เราทั้งคู่จะกระโจนลงไป
และคำตอบของเธอก็ทำให้ฉันตกใจมากเลยทีเดียว