Valve ออกมาบอกว่า Vulkan เหนือกว่า DirestX 12 ไม่มีเหตุผลเลยที่จะต้องสนใจ DX12 !
น่า จะกลายเป็นประเด็นใหญ่ในอีกไม่ช้าหลังจากนี้ไป เมื่อหนึ่งในทีมผู้พัฒนาเกมจากค่าย Valve เจ้าของเกมดังในระดับตำนานมากมายอย่าง
Counter strike, Half Life หรือในยุคนี้ก็ต้อง Dota 2 ที่มีจำนวนผู้เล่นมากในอันดับต้นๆของโลก และจัดเป็นเกมที่มีรางวัลในการแข่งขันสูงที่สุดในโลกก็ว่าได้ ออกมาพูดถึง
เกี่ยวกับ API ตัวใหม่สองตัวที่เปิดตัวมาพร้อมๆกันในปีนี้คือ DirectX 12 และ Vulkan ในงาน SIGGRAPH ที่ผ่านมา กับที่ทั้งคู่นั้นต่างก็เป็น API ในแบบที่เรียกว่า low-level
ที่จะมีระบบการทำงานที่ใกล้ชิดกับฮารืดแวร์มากขึ้นทั้งในส่วนของ CPU และ GPU โดยให้คำพูดที่สรุปได้ใจความสั้นๆว่า..
มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เราจะต้องสร้างเกมให้มีส่วนเกี่ยวหรือยุ่งเกี่ยวกับ DirectX 12 เพราะว่า Vulkan เป็น API ที่มีความเหนือกว่า
สำหรับคำพูดทั้งหมดของ Dan Ginsburg ทีมผู้พัฒนาเกมจากค่าย Valve ได้กล่าวไว้ทั้งหมดว่า
นอก เสียจากว่าคุณจะกระตือรือร้นมากพอหากต้องการที่จะปล่อยเกมที่ใช้ DirectX 12 ภายในปีนี้ แต่ผมขอยืนยันว่า จริงๆแล้วมันไม่ได้มีความจำเป็นหรือเหตุผลใดๆเลยที่จะต้องสร้างเกมด้วยการ
ใช้ DirectX 12 เพราะ Vulkan นั้นเป็นเหตุผลของทั้งหมด ด้วยที่ว่ามันจะสามารถทำงานได้อย่างครอบคลุมในทุกๆแพลทฟอร์ม ไม่ว่าจะ Windows 10, Windows 7, Windows 8 หรือแม้แต่ Linux
รวมถึงในระดับของตัวฮาร์ดแวร์ด้วย ถ้าหากพูดถึง Mantle มันเป็น API ที่ทำงานได้เพียงบนแพลทฟอร์มเดียวจากผู้ผลิตรายเดียวเท่านั้น ซึ่งยังไม่นับรวมไปถึง IHVs ที่เราได้ยินมาว่าจะรองรับ Vulkan ด้วยเช่นกัน
จาก ข่าวนั้นก็ได้วิเคราะห์ไว้เล็กน้อยว่า อย่างไรก็ตามมันก็เป็นที่น่าสังเกตเล็กน้อยสำหรับการที่ Dan Ginsburg ออกมากล่าวถึง Vulkan
ในลักษณะนี้เพราะเขาก็ถือเป็นหนึ่งในทีมที่มีการทำงานร่วมกับ Khonos Group ผู้พัฒนา Vulkan API แต่ในอีกด้านสำหรับ Dan Ginsburg ตัวเขาเองก็อยู่ในฐานะที่มีความน่าเชื่อถือ
ซึ่งจากคำพูดที่เขากล่าวออกมานั้น มันก็น่าสนใจไม่น้อยเพราะมันน่าจะบ่งบอกได้ถึงความสำเร็จของ Vulkan นั้นน่าจะไปได้สวย
ZoLKoRn Say : ไม่รู้ละครับว่าใครจะเหนือกว่ากันระหว่าง DirectX 12 หรือ Vulkan แต่ที่แน่ๆไม่ว่าใครจะดีกว่าอย่างไร
สุดท้ายแล้วก็ส่งผลดีต่อผู้บริโภคหรือนักเล่นเกมอย่างเราๆท่านๆ ที่จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ที่มีความน่าสนใจมากขึ้น แต่กับการที่ทาง Valve
ออกตัวแรงขนาดนี้กับ Vulkan API มันก็น่าคิดจริงๆแหละครับว่า
มันจะดีจริงตามที่ออกมาโม้ซะลั่นอย่างที่ว่าหรือเปล่า หากว่าเป็นจริงตามคำโม้แล้วละก็ DirectX 12 อาจจะมีงานเข้าจริงๆก็ได้
เพราะเมื่อดูจากเกมที่จะเปิดตัวในปีนี้รวมทั้งในปีหน้าสำหรับช่วงต้นปีนั้น โดยมากแล้วก็จะยังเป็นเกมที่ทำงานบนพื้นฐาน DirectX 11 แทบทั้งสิ้น จากจุดนี้ก็น่าคิดไม่น้อยเช่นกัน
เพราะแม้ว่า Windows 10 จะเพิ่งเปิดตัว แต่ถ้ามองให้ลึกๆ Windows 10 ใช่ว่าจะใช้เวลาสร้างขึ้นมาแค่ 1-2 สัปดาห์ เป็นไปไม่ได้เลยที่ทาง Microsoft และทางผู้ผลิตเกมจะไม่มีการคุยกันเลย
แล้วเหตุใด ทำไม ถึงเรายังไม่เห็นมีค่ายเกมใหญ่ๆออกมาโปรโมทเกมตัวเองอย่างเป็นจริงเป็นจัง สำหรับ DirectX 12 เลย ?
Pascal ยังมาไม่ถึงแต่ NVIDIA ยืนยันแล้ว Volta เจอกันแน่นอนในปี 2018 !
อย่าง ที่ผมชอบพูดอยู่บ่อยๆสำหรับคำว่า ตลาด GPU หรือการ์ดจอนั้นไม่เคยสงบนิ่ง ซึ่งจนถึงทุกวันนี้มันก็น่าจะยังใช้ได้อยู่ต่อไป
และหากมองกันในเวลานี้บรรดาคอเกมทั้งหลายที่เริ่มจะมองถึงการ์ดจอในอนาคต หรือในช่วงปีหน้านั้น หากเป็นแฟน NVIDIA ก็คงจะเริ่มให้ความสนใจหรือค้นหาข้อมูลของ GPU
ในรหัส Pascal ที่ล่าสุดก็เริ่มมีข่าวต่างๆออกมาให้ได้ติดตามกันมากขึ้น และทาง NVIDIA ก็ได้ออกมาพูดถึงเกี่ยวกับ Pascal ด้วยตนเองบ้างแล้วว่า มันจะมาพร้อมกับ HBM2 อย่างแน่นอน
และจะไม่มีปัญหาการขาดแคลนชิบแรมของ HBM อีกด้วย กระนั้นเรื่องราวทั้งหมดก็ยังมาไม่ถึง แต่สิ่งที่อยู่ไกลออกไปอีกหนึ่งเจเนเรชันสำหรับภาคต่อของ Pascal ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวบ้างแล้วเช่นกัน
NVIDIA ได้ออกมายืนยันแล้วว่า GPU ในยุคต่อไปหลังจาก Pascal จะเป็นคิวของ GPU ที่มาในรหัสพัฒนาที่ชื่อว่า Volta ซึ่งเจ้า Volta นั้นจะถือได้ว่าเป็นของใหม่ทั้งหมดจริงๆ
เป็นการเปลี่ยนแปลงจาก Maxwell ไปโดยสิ้นเชิง เดิมทีนั้นทาง NVIDIA ได้มีการวางแผนเอาไว้ว่า Volta จะปล่อยออกมาในช่วงปี 2017 แต่ล่าสุดในงานแถลงข่าวที่มีขึ้นในญี่ปุ่นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ทาง NVIDIA ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนช่วงเวลาโดยยืดการเปิดตัวสำหรับตลาดทั่วไปออกไปเป็นปี 2018 แทน แต่สำหรับในตลาด HPC หรือ High Performance Computing
นั้นจะปล่อยออกมาก่อนในช่วงปี 2017
สำหรับ Volta GPU นั้นทาง NVIDIA ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลในเชิงลึกออกมามากนัก แต่สิ่งที่พอจะทราบจากข้อมูลที่เคยเปิดเผยออกมาคือ
มันจะเป็น GPU ที่ทาง NVIDIA ได้ตั้งใจออกแบบมาให้ใช้แรมในแบบ stacker ที่เรียกกันว่า HMC (Hybrid Memory Cube)
(เป็นเทคโนโลยที่ทาง Micron Technology คิดค้นเอาไว้) แต่กระนั้นมีการคาดการณ์กันว่าทาง NVIDIA น่าจะเปลี่ยนมาใช้งานเทคโนโลยี HBM แทนเพราะเมื่อดูจากโครงสร้างแล้ว HMC
จะทำงานได้ช้ากว่า HBM ในส่วนของจุดเด่นอีกอย่างของ Volta ก็จะเป็นเรื่องของการใช้พลังงาน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ได้รับการมุ่งเน้นในยุคนี้ซึ่งทาง NVIDIA เคลมเอาไว้ว่า
มันจะมีอัตราการใช้พลังงานที่ลดลงไปกว่า 5 เท่าตัวจาก GPU ในยุคปัจจุบันสำหรับตลาด HPC อย่าง NVIDIA Tesla หรือพูดง่ายๆว่า
ประสิทธิภาพต่อวัตต์นั้นจะสูงขึ้นเป็นอย่างมากนั่นเอง
Sharp เตรียมปล่อย TV ในระดับ 8K เดือนหน้า ด้วยราคากว่าหกหลัก $US !!!
จอ ภาพในระดับ 4K หลายๆคนยังไม่ได้ลองไม่ได้สัมผัสกันเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าล่าสุดนั้นหนึ่งในผู้ผลิตจอภาพรายใหญ่ของโลกสัญชาติญี่ปุ่นที่มีชื่อ
ว่า Sharp ออกมาให้ข่าวว่า เตรียมจะปล่อย LCD TV ที่มีความละเอียดในระดับ 8K หรือ Resolution 7680x4320pixel ในเดือนหน้านี้แล้ว ด้วยจอภาพในขนาด 85 นิ้ว
ส่วนราคานั้นบอกได้เลยว่ากระอักไปตามๆกัน เพราะมันมีราคาสูงถึง $125,000US คิดเป็นเงินไทยก็แค่ 4,375,000 บาทเท่านั้นเอง !
สำหรับ การวางตลาดหรือเปิดตัวจอภาพในระดับ 8K จากทาง Sharp นั้นจริงๆแล้วก็ยังไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ตลาดทั่วไปแต่อย่างใด (เพราะคงไม่มีใครซื้ออย่างจริงจังแน่นอน)
เพียงแต่จะมุ่งเน้นไปที่ตลาดองค์กรที่จำเป็นต้องใช้งาน ส่วนในอีกเหตุผลนั้นเพื่อทำการแสดงศักย์ภาพสู่สาธารณชนเพราะสถานีโทรทัศน์ NHK จะมีการทดลองออกอากาศด้วย
ภาพในระดับ 8K ในช่วงปีหน้า และคาดว่าจะกลายเป็นมาตรฐานทั่วไปของการออกอากาศภายในปี 2020 นี้
นำ ข้อมูลเกี่ยวกับการรับชมจอภาพในขนาดต่างๆว่า ที่แต่ละความละเอียดและขนาดของจอภาพที่ใช้นั้น เราควรใช้ระยะในการดูห่างออกไปขนาดไหนเพื่อให้ได้ภาพที่มีคุณภาพที่สุด
เพราะอย่างเช่นว่า หากภาพที่มีความละเอียดน้อย แล้วเปิดกับจอภาพที่มีความละเอียดเยอะและจอภาพที่มีขนาดใหญ่ หากเราดูใกล้ๆเราก็จะเห็นว่าภาพมันแตกหรือเป็นเหลี่ยมๆ
หรือหากเป็นจอภาพที่มีขนาดใหญ่มากๆ หากนั่งดูใกล้เกินไปเราก็จะไม่สามารถเห็นภาพได้ทั่วทั้งจอ แต่ถ้าหากไกลไปสำหรับจอภาพที่มีความละเอียดสูงมาก
เราก็จะไม่เห็นรายละเอียดเล็กๆในภาพได้
เมื่อ ดูจากกราฟด้านบน ขอยกตัวอย่างจากจอภาพในแบบ 4K หากเป็นจอภาพที่มีขนาดประมาณ 30 นิ้ว จุดที่เหมาะสมในการมองคืออยู่ในช่วงประมาณ หนึ่งฟุตกว่าๆห่างจากจอภาพ
ซึ่งก็ถือว่าเป็นระยะปรกติของการใช้งานจอภาพในแบบ PC monitor แต่หากว่ามันเป็น LCD TV ที่มีขนาดประมาณ 50นิ้ว ระยะการมองที่ดีที่สุดจะอยู่ในช่วงประมาณ 2.5ฟุตถึง 7 ฟุต
คือต้องไม่ใกล้ไปกว่า 2.5ฟุตและไม่ห่างไปกว่า 7ฟุต เพราะด้วยที่ว่ามันมีความละเอียดสูงมากนั่นเอง และหากเป็นจอภาพที่ความละเอียดในช่วง Full HD หรือ 1080p นั้น กรณีจอภาพในขนาด 40นิ้ว
ระยะการมองจะอยู่ในช่วงที่ไม่ใกล้ไปกว่า 5ฟุต และไม่ห่างไปกว่า 7.5ฟุต (หมายเหตุ. ระยะ 3.3 ฟุตจะมีระยะเท่ากับ 1 เมตรโดยประมาณ) คราวนี้จากสเกลในภาพด้านบน
ก็น่าจะช่วยให้เราใช้ในการเลือกซื้อ LCD TV ได้ดีขึ้นนะครับ ประเมินว่าห้องที่เราจะใช้ในการดู TV นั้นกว้างขนาดไหน จะต้องนั่งห่างเพียงไร หากต้องการใช้งานให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ยกเว้นในกรณีที่ว่า ใหญ่ไว้ก่อน อันนี้ก็แล้วแต่ความพอใจของแต่ละคนไป
AMD อาจจะงานเข้าอีกรอบสำหรับ FURY X จากกรณี CoolerMaster แพ้คดี Asetek
AMD ช่วงเวลานี้ดูเหมือนว่าทำอะไรก็ไม่ถูกที่ถูกทางไปเสียหมด ไม่ขอย้ำซ้ำย้ำซ้อนแล้วนะครับว่ามีเรื่องอะไรบ้าง แต่หากใครที่อยากทราบก็ใช้งานช่อง Search
หรือค้นหาของเว็บไซต์(มุมบนขวา)แล้วค้นดูนะครับว่าช่วงนี้ AMD ประสบกับปัญหาอะไรบ้าง ล่าสุดกับ AMD Radeon R9 FURY X ที่ขาดตลาดอย่างหนักมาตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
ด้วยปัญหาการขาดแคลนชิบ และดูท่าว่าจะเริ่มเข้าที่เข้าทางในช่วงหลังจากนี้ แต่ก้กำลังจะประสบกับปัญหาใหม่เข้ามาแทรกอีกครั้ง
สำหรับปัญหาที่ว่า นี้เกิดจากระบบระบายความร้อนที่ทาง AMD เลือกใช้งานซึ่งผลิตโดย CoolerMaster และปัญหาที่ว่านี้ไม่ใช่จากเรื่องเสียงรบกวนที่เคยพบเจอมาก่อนหน้านี้
เพราะว่าในเวลานี้ทาง CoolerMaster นั้นได้แพ้คดีต่อทาง Asetek เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ในส่วนของตัวปั๊มน้ำ และระบบระบายความร้อนด้วยน้ำในแบบ All in one
ทั้งหมดจากทาง CoolerMaster จะไม่สามารถจำหน่ายได้ในตลาดสหรัฐอเมริกา ดังนั้นมันก็อาจจะส่งผลโดยตรงต่อ FURY X ด้วยเช่นกันเพราะใช้ปั๊มจากทาง CoolerMaster
หากว่ามันมีการครอบคลุมหรือเข้าข่ายไปด้วย
เรื่องของการละเมิดลิ ขสิทธ์ทาง Asetek นั้นไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่หรือครั้งแรกในวงการ All in one water cooling ซึ่งทาง Asetek
ได้มีการฟ้องร้องมาแล้วหลายครั้งไม่ว่าจะ Corsair, Swiftech หรือแม้แต่ CoolIT เช่นเดียวกัน
ZoLKoRn Say : เวลานี้ยังไม่มีคำยืนยันว่าคดีการฟ้องร้องและแพ้คดีของทาง CoolerMaster ในครั้งนี้นั้นจะส่งผลรวมถึง R9 FURY X จากทาง AMD ด้วยหรือไม่
หากว่าส่งผลรวมอยู่ด้วยก็เท่ากับว่า AMD จะงานเข้าเต็มๆ จะไม่สามารถขาย Radeon R9 FURY X ในตลาดสหรัฐฯได้ในทันที ซึ่งทางเดียวที่จะขายได้ก็คงต้องเปลี่ยนผู้ผลิตหรือเปลี่ยนระบบระบายความ
ร้อนใหม่ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย และถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็หมายความว่า FURY X ก็จะหายไปจากตลาดสหรัฐฯอีกครั้ง หรือล่าช้าไม่มีขายไปอีกครั้ง เราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่ามันจะเป็นอย่างไร
ส่วนตลาดในโซนอื่นๆนั้นไม่ได้มีการกล่าวถึงคาดว่าน่าจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเวป www.itfree4u.com