ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ game pc โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin โหลดเกมส์ pc
ให้เช่า Colocation
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin

กำลังแสดงผล 1 ถึง 3 จากทั้งหมด 3
  1. #1
    Administrator
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    2,561
    กล่าวขอบคุณ
    1,672
    ได้รับคำขอบคุณ: 6,349
    Blog Entries
    1

    การขึ้นลงของหุ้น เกิดจากอะไร

    ถ้าใครได้อ่านบทความก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับการ เลือกหุ้นยังไงดี และได้รับคำแนะนำว่าให้เลือกหุ้นที่มีการกระพริบมากกว่าตัวอื่น ในวันนี้เราจะมาดูว่าการกระพริบที่ว่านี้หมายถึงอะไร



    หุ้นที่เราเลือกมาเป็นตัวอย่างในวันนี้ก็คือ TASCO ในมุมมองของนักเล่นเกมนั้น เราจะมองแค่ว่าหุ้นนี้มีค่าหรือมีราคาในปัจจุบันเท่าไร (จากตัวอย่างคือ 26 บาท ต่อหุ้น) ในช่วงแรกๆนี้ ขอให้มองเพียงเท่านี้ก่อน เราจะไม่มองลึกไปกว่านี้ ว่าหุ้นนี้คือหุ้นของบริษัทอะไร ทำอะไร รายได้เท่าไร มีการบริหารงานกำไรหรือขาดทุนอย่างไร (จะอธิบายมุมมองแบบนี้อีกครั้งในบทความต่อๆไปว่า ทำไมถึงให้มองแค่ราคาหุ้นเท่านั้น)

    จากตัวอย่างหุ้น TASCO ราคาของมันจริงๆแล้วไม่ใช่ 26 บาท แต่ราคาที่แท้จริงของมันคือ 26.00 บาท และ 26.25 บาทต่างหาก ราคาของมันสามารถเป็นไปได้ทั้ง 2 ราคา การจะเป็นราคาไหน ขึ้นอยู่กับว่าจะมีใครยอมซื้อหรือยอมขายเท่าไรในตอนนั้น เช่นถ้า A อยากจะซื้อ TASCO ราคาถูก เขาจะพยายามซื้อในราคาที่ต่ำกว่าหรือเท่ากับ 26.00 บาท ถ้าเราสังเกตที่ตัวเลขแถวด้านซ้ายมือ ที่เรียกว่า Volume Bid จะเห็นว่ามีคนที่ต้องการซื้อ TASCO อยู่เหมือนกัน จะมีรายการแสดงให้ดูว่า มีคนต้องการซื้อในราคาที่เท่าไรกันบ้าง จำนวนกี่หุ้น เช่นในตอนนี้มีคนต้องการซื้อ TASCO ที่ราคา 26.00 บาทเป็นจำนวนทั้งหมด 2,027,500 หุ้นเป็นต้น นั่นหมายถึงว่า หาก A ต้องการซื้อ TASCO ในราคาถูกที่ 26.00 บาทเหมือนกัน A จะต้องเข้าแถวเพื่อรอซื้อหุ้นตัวนี้ หลังจากคิวที่ 2,027,500 หุ้นเป็นต้นไปนั่นเอง แต่ถ้า A ต้องการซื้อ TASCO โดยที่ไม่ต้องการเข้าแถวรอหรือต่อคิว A จำเป็นต้องซื้อหุ้นในราคาแพง นั่นคือจะต้องซื้อในราคา 26.25 บาท A ก็จะได้หุ้นทันที



    ในส่วนของผู้ที่มีหุ้นนี้อยู่แล้ว และต้องการจะขายหุ้น TASCO พวกเขาก็จะมีแนวทางการคิดคล้ายๆกันนั่นคือ ในณ.ตอนนี้ หุ้น TASCO จะมีอยู่ 2 ราคาคือ 26.00 และ 26.25 หาก B ต้องการขายให้ได้ราคาแพง B จะต้องขายในราคา 26.25 บาท ซึ่งถ้าหากสังเกตตัวเลขที่อยู่ในแถวด้านขวามือ หรือที่เรียกว่า Volume Offer จะเห็นว่ามีคนรอขายหุ้นอยู่แล้วเหมือนกัน เช่นมีคนต้องการขาย TASCO ที่ราคา 26.25 บาท เป็นจำนวน 209,700 หุ้น หาก B ต้องการขายในราคาแพง (26.25 บาท) เขาจะต้องไปต่อแถว และมีคิวที่ 209,700 เป็นต้นไป เขาถึงจะขายหุ้นที่มีอยู่ได้ และหาก B ต้องการขายหุ้นให้แพงกว่านี้อีกเช่น 26.50 บาท B จะต้องไปเข้าแถวต่อจากจำนวนหุ้น 132,700 หุ้นเป็นต้นไป (อย่าลืมว่าตัวเลข 209,700 คือตัวเลขในณปัจจุบันในขณะนั้นเท่านั้น หากมีคนต้องการขายที่ราคา 26.25 บาท จำนวนตัวเลข 209,700 ก็จะเพิ่มขึ้น B จะขายหุ้นของตัวเองได้ จำเป็นต้องให้ตัวเลขในแถวราคา 26.25 บาทหมดลงก่อน) แต่ถ้า B ต้องการขายหุ้นให้ได้ทันที เขาจะต้องขายในราคาถูก นั่นคือที่ราคา 26.00 บาทนั่นเอง เขาจะขายได้โดยที่ไม่ต้องรอคิว


    อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่า หุ้นมี 2 ราคา ราคาถูก(ซ้ายมือ) และราคาแพง(ขวามือ) ถ้าตัวเลขด้านขวามือมีน้อย แสดงว่ามีคนต้องการขายน้อยหรือมีความต้องการซื้อหุ้นนี้มาก ถึงแม้ว่าหุ้นนี้จะแพง คนก็ยังเต้องการซื้ออยู่ และหากมีคนซื้อมากๆเข้า ก็จะทำให้ตัวเลขด้านขวามือลดลงมากกว่าตัวเลขด้านซ้ายมือ เมื่อมีคนต้องการมาก ตัวเลข Volume Offer ทางขวามือก็จะลดลงไปเรื่อยๆ และเมื่อลดลงไปจนหมด ราคาถัดไป (26.50บาท) ก็จะถูกเลื่อนขึ้นมาแทนที่ และในตอนนั้นเอง ราคาของหุ้นก็จะกลายเป็นราคาในช่วง 26.25 และ 26.50 แทน นั่นคือหุ้นมีราคาที่เพิ่มขึ้น

    แต่ถ้าตัวเลขในแถวทางซ้ายมือมีค่าน้อยๆ นั่นแสดงว่ามีคนต้องการซื้อหุ้นน้อยหรือมีความต้องการขายหุ้นนี้มากกว่าปกติ เพราะถึงแม้ว่าจะขายได้ในราคาถูกก็ยังมีคนขายออกมา โดยที่ไม่อยากต่อแถว หุ้นที่มีลักษณะนี้ จะมีจำนวนตัวเลขในแถวด้านซ้ายมือน้อยกว่าตัวเลขด้านขวามือมากๆ และเมื่อไรมีคนขายหุ้นออกมาในราคาถูกมากๆ จนทำให้ตัวเลข Volume Bid น้อยลงจนหมด ราคาถัดไป (25.75 บาท) ของทางฝั่งซ้ายมือก็จะถูกเลื่อนขึ้นมาแทนที่ และในตอนนั้นเอง ราคาของหุ้นก็จะกลายเป็นราคาในช่วง 25.75 และ 26.00 แทน นั่นก็หมายถึง หุ้นตัวนี้มีราคาที่ลดลงนั่นเอง

    การกระพริบที่กล่าวถึงในหัวข้อ เลือกหุ้นยังไงดี นั้นก็หมายถึงการเปลี่ยนแปลงของจำนวนหุ้นที่อยู่ในช่องด้านซ้ายมือ (Volume Bid) และจำนวนหุ้นที่อยู่ในช่องด้านขวามือ (Volume Offer) หากหุ้นมีการกระพริบบ่อยๆ แสดงว่ามีความต้องการซื้อและต้องการขายหุ้นมาก หุ้นประเภทนี้จึงมีแนวโน้มที่จะมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสูงกว่าหุ้นตัวอื่น จึงเป็นเหตุผลเพื่อสนับสนุนให้เราเฝ้าสังเกตหุ้นตัวนั้น และหาจังหวะในการเข้าซื้อหรือขายหุ้นต่อไป

    การสังเกตตัวเลขทางฝั่งราคาต่ำซ้ายมือ (Volume Bid) และตัวเลขทางฝั่งราคสูงขวามือ (Volume Offer) เป็นเพียงตัวแปร 1 ในหลายๆอย่างที่จะช่วยให้เราคาดการณ์ได้ว่า หุ้นนี้มีโอกาสขึ้น หรือลง ยังมีอีกหลายตัวแปรที่จะต้องนำเอามาประกอบกัน ซึ่งจะกล่าวถึงในบทความต่อไปครับ
    -- งดให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้ ภาษาไทย ไม่ถูกต้อง --
    ฟอรั่มใหม่ BUY-SELL-TRADE ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า


  2. รายชื่อสมาชิกจำนวน 8 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  3. #2
    สมาชิกเต็มตัว
    วันที่สมัคร
    Jul 2016
    กระทู้
    7
    กล่าวขอบคุณ
    1
    ได้รับคำขอบคุณ 1
    ขอบคุณครับ

  4. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  5. #3
    สมาชิกใหม่
    วันที่สมัคร
    Dec 2016
    กระทู้
    1
    กล่าวขอบคุณ
    2
    ได้รับคำขอบคุณ: 0
    ขอบคุณครับ


 

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top