นักฟิสิกส์อังกฤษยืนยันทฤษฎีอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ มนุษย์สามารถเดินทางข้ามมิติเวลาได้จริง ทั้งไปสู่อนาคตหรือย้อนอดีต
ย้ำชัดไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันในนิยายวิทยาศาสตร์ ติดขัดเพียงยานพาหนะในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวย
ในการบรรยายพิเศษหัวข้อ "หลุมดำ รูหนอน และการเดินทางข้ามเวลา" ดร.จิม อัลคาลิลี นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ ผู้เขียนหนังสือชื่อเดียวกับหัวข้อบรรยาย
ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการเดินทางข้ามมิติเวลาจากปัจจุบันสู่อดีต หรือไปยังอนาคต
ว่าแนวคิดดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากทฤษฎีสัมพัทธภาพ ที่ "อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์" นักฟิสิกส์โลก ได้เสนอไว้เมื่อร้อยปีที่แล้ว
การเดินทางไปยังอนาคตเป็นสิ่งที่เป็นไปได้แน่นอน เพียงแต่เทคโนโลยีในปัจจุบันยังไม่สามารถพัฒนายานพาหนะ ที่ช่วยให้มนุษย์เดินทางด้วยความเร็วใกล้แสงได้
ซึ่งไอน์สไตน์กล่าวว่า แสงเดินทางด้วยความเร็วคงที่ และมีความเร็วสูงสุด เช่นเดียวกับ การเดินทางไปสู่อดีตเป็นไปได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวยังเป็นข้อกังขาสำหรับนักฟิสิกส์ทั่วไป เนื่องจากหากการเดินทางไปยังอดีตเป็นไปได้จริง
จะเกิดอะไรขึ้นหากผู้เดินทางกระทำการบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงอดีต
"ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดหลายเรื่องพูดถึงการเดินทางย้อนอดีต เช่น แบคทูเดอะฟิวเจอร์ และเทอร์มิเนเตอร์ แต่ในเชิงฟิสิกส์แล้ว
เปิดโอกาสให้มนุษย์สามารถเดินทางข้ามมิติของเวลาได้ ไม่ว่าจะกลับสู่อดีตหรือไปยังอนาคตก็ตาม" ดร.อัลคาลิลี
สำหรับไอน์สไตน์ เป็นนักฟิสิกส์คนแรกที่แสดงให้เห็นว่า โลกไม่ได้มีเพียงสามมิติเท่านั้น แต่ยังมีมิติของเวลาซึ่งเป็นมิติที่สี่อยู่ด้วย
แต่แนวคิดดังกล่าวเป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าคนทั่วไปจะเข้าใจได้ ยกตัวอย่าง รูปสามเหลี่ยมในเรขาคณิต ไม่ว่าจะวาดอย่างไร มุมสามมุมรวมกันต้องได้ 180 องศา
แต่ในโลกสี่มิติ ซึ่งเป็นทรงกลมนั้น หากลองลากเส้นสามเหลี่ยมพาดผ่านพื้นผิวโลก มุมสามมุมรวมกันจะเกิน 180 องศา
นอกจากนี้ แนวคิดของไอน์สไตน์เกี่ยวกับ อวกาศหรือพื้นที่ (space) มีลักษณะโค้งเนื่องจากแรงดึงดูดของมวลสาร เช่นเดียวกับ เวลาของแต่ละบุคคล
จะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับอัตราเร่ง อาทิ เวลาของคนในจรวดที่เดินทางออกจากพื้นโลกด้วยความเร็วสูง เดินช้ากว่าเวลาของคนบนโลก หรือเวลาของคนที่เดินทาง
เข้าไปในมวลที่มีแรงดึงดูดสูง อย่างเช่น หลุมดำ ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ที่หมดพลังงานแล้ว เวลาจะเดินช้ากว่าคนที่อยู่กับที่
Credit : lib.edu.chula.ac.th/