....น้ำทะเลในมหาสมุทรโลกนี้แบ่งเป็นสองส่วน(ไม่นับที่อยู่ริมฝั่งตะวันตกของกาเลียอัสและฝั่งตะวันออกของโอลิมเปีย) กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ด้วยมหาสมุทรอันแสนกว้างใหญ่สองส่วนนี้เองได้แบ่งแผ่นดินออกเป็นสามส่วน ทอดยาววนเป็นวงรอบพอดี วงที่หนึ่งอยู่ทางซ้าย ดินแดนนี้มีนามว่า “กาเลียอัส” วงที่สองอยู่กึ่งกลางโลกพอดี ดินแดนนี้มีนามว่า “สุวรรณภูมิ” วงที่สามอยู่ทางขวามือ ดินแดนนี้ มีนามว่า “โอลิมเปีย” แต่ละดินแดนมีขนาดกว้างใหญ่ มีน้ำมหาสมุทรกั้นแผ่นดินแต่ละส่วนของโลกเอาไว้ ไม่มีใครเคยข้ามน้ำข้ามทะเลได้ มนุษย์ต่างอาศัยและดำรงชีวิตตามภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมที่ตนอยู่




- ดินแดนกาเลียอัสนั้น มีสภาพแวดล้อมชุ่มชื้น มีฝนตกปรอยๆตลอดวัน มีฤดูฝนเป็นฤดูเดียว ในช่วงกลางปีฝนจะตกหนักที่สุด ทำให้เกิดน้ำท่วมตามแผ่นดิน บ้านของมนุษย์ชาวกาเลียอัสนี้ มีใต้ถุนสูง ช่วงเวลาน้ำท่วม จะสร้างแพล่องไปมาหาสู่กัน แทนการเดินด้วยเท้า ภูเขาเยอะ ที่ราบลุ่มมีมากมาย ต้นไม้มีเพียง ๑ ใน ๓ ของแผ่นดิน จึงเป็นเหตุให้แผ่นดินกาเลียอัสมีแหล่งน้ำมากมาย ลักษณะมนุษย์ที่นี่มีผมยาวสีแดงตาคม ผิวขาว ลักษณะผู้ชายจะตัวสูงใหญ่จนถึงอ้วน กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ไว้หนวดเครายาว กล้าหาญ มุทะลุ ดุเดือด และชอบท้าทาย ส่วนพวกนักเลงอันธพาลจะชอบยกระดับตัวเองด้วยการกระโดดน้ำไปสู้กับจระเข้ เพื่อจับมาทำเป็นอาหาร แล้วทำชุดห่มเท่ห์ๆ ด้วยความเชื่อที่มีมานมนานตั้งแต่บรรพบุรุษว่า ชายชาวกาเลียอัสคนใดมีเกร็ดหนังจระเข้ห่มกายจะถือว่าเป็นชายชาตรี อบอุ่น กล้าหาญและอ่อนโยนมีความเป็นผู้นำ ดังนั้นนักรบกาเลียอัสจะใส่ชุดที่ทำมาจากหนังจระเข้(ในยุคนี้ส่วนมากจะเป็นนักรบอันธพาลพวกมากลากไป นักรบกาเลียอัสจึงมีเยอะตั้งแต่เขตเมืองบูสขึ้นไปทางเหนือ ไม่ใช่ลักษณะสมัยโบราณที่นับถือกันมา) ถือค้อนที่มีด้ามเป็นขวานเป็นอาวุธ ลักษณะผู้หญิงตัวอวบอึ๋ม มีน้ำมีนวล เต่งตึงทั้งหน้าอกและก้น สูงใหญ่จนถึงอ้วน เก่งเรื่องการประดิษฐ์ประดอย ทำแพล่องให้ผู้ชายได้ สามารถแร่เนื้อจระเข้เพื่อเอาหนังมาทำชุดให้นักรบชาย นิสัยเป็นกันเอง แต่ใจดีเป็นพิเศษกับคนที่นางรัก



- ดินแดนสุวรรณภูมินั้น มีสภาพแวดล้อมแบบร้อนชื้น มีอากาศแจ่มใสแสงแดดส่องให้เห็นทุกวัน มี ๒ ฤดู คือฤดูร้อนและฤดูฝน ในช่วงปลายปีจะเป็นฤดูฝน และช่วงต้นปีถึงกลางปีจะเป็นฤดูร้อน เพราะมีแสงแดด และน้ำฝนนี้เอง ที่ให้ทั้งความอบอุ่นและชุ่มชื้นแก่แผ่นดิน ทำให้ดินแดนสุวรรณภูมินั้นอุดมสมบูรณ์ ป่าไม้ทึบหนา ชาวสุวรรณภูมินิยมสร้างบ้านด้วยไม้ชั้นดีในแผ่นดิน ตกแต่งก่อสร้างอย่างงดงาม หลังคาโค้งเว้า ตรงปลายหงอนชี้ขึ้นฟ้า มีภูเขาล้อมรอบแผ่นดินเสมือนกำแพงป้อมปราการป้องกันชั้นดี ชาวสุวรรณภูมินับถือราชสีห์ให้เป็นเจ้าป่า เป็นสัญลักษณ์ของผู้นำและความศักศิทธิ์ ลักษณะมนุษย์ที่นี่ มีผมยาวและตาสีดำผมดกดำยาวอยู่บนศรีษะ มีผิวสีเหลืองจนถึงสีแทนคล้ำสวยงามเหมือนน้ำผึ้ง ตานิดจมูกหน่อย ลักษณะผู้ชายจะตัวสูงกำยำแข็งแรงสง่างามหน่วยก้านดี มีผมยาวสีดำขลับเงางามสลวย นิยมเกล้ามวยผม ไว้ตรงกลางศรีษะ ชายผมด้านหลังปล่อยยาวลงมาถึงกลางหลัง ไม่ชอบไว้หนวดเครา จะไว้เฉพาะตอนชรา ไว้แต่หนวดมิไว้เครา มีนิสัยกล้าได้กล้าเสีย ใจดี อ่อนโยน กล้าหาญ และมีมารยาทดูสง่าผ่าเผย(กลับกันก็มีนักเลงอันธพาลอยู่ไม่น้อยทีเดียว) ลักษณะผู้หญิงจะอรชรอ้อนแอ้น ทรวดทรงองเอวน่าสัมผัส หน้าอกหน้าใจเต่งตึง ก้นงอนเด้ง ท่อนขาอวบอึ๋มหน้ากัดน่าแซะ มีนิสัยอ่อนโยน อ่อนหวาน รักสวยรักงาม มีเมตตาโอบอ้อมอารี ชอบทำอาหาร ถักผ้าพับผ้า มือไม้อ่อนนุ่ม เนื้ออมชมพูดูสุขภาพดีเลือดลมไหลเวียนคล่อง เมื่อมีคู่ครองจะรักและถวายตัวและชีวิตให้กับคนรักของนางได้ แต่งตัวสวยงามใส่ผ้าถุงมีลวดลายตระการตา แม้แต่ผ้าเกาะอกของนาง ก็มีลวดลายสวยงามตระการตาเช่นกัน (ต่างจากผู้หญิงชาวกาเลียอัส ที่นุ่มห่มเพียงเสื้อขนสัตว์ไว้ปิดบังเท่านั้น เรียกง่ายๆว่า นุ่งน้อยห่มน้อยนั่นเอง แต่พวกนางก็มิได้ใจร้ายขนาดแข่งกันล่าสัตว์มาทำเครื่องนุ่มห่มหรอก)



- ดินแดนโอลิมเปียนั้น มีสภาพแวดล้อมหนาวเย็น มีแสงแดดส่องลงมาบ้างในบางวัน มี ๓ ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว ฤดูร้อนจะอยู่ผสมช่วงกับฤดูฝนตั้งแต่กลางปีถึงปลายปีทำให้บรรยากาศเย็นสบาย ส่วนตั้งแต่ต้นปีถึงกลางปีนั้นจะเป็นฤดูหนาว ในช่วงกลางฤดูหนาว อากาศจะเย็นลงอย่างรวดเร็ว จนเกิดหิมะตกปกคลุมดินแดนจนถึงหมดฤดู เมื่อฤดูร้อนมาถึงหิมะก็จะละลายกลายเป็นไอน้ำให้ความชุ่มชื้นอีกด้วย แผ่นดินโอลิมเปียนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้แผ่นดินสุวรรณภูมิเลย ชาวโอลิมเปียให้ความเคารพนับถือกับหมีเป็นอย่างมาก เคยมีคำกล่าวมาแต่โบราณกาลว่า ผู้นำหนึ่งคนเปรียบเสมือนหมีสิบตัว(แค่ตัวเดียวก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว) ดังนั้นผู้นำจึงเกิดได้ยาก ผู้นำที่มีอำนาจสยบทุกสิ่งอย่างได้ ชาวโอลิมเปียเป็นคนที่มีคุณธรรม ผู้คนดีชั่วคละเคล้ากันไปเฉกเช่นเดียวกับสุวรรณภูมิและกาเลียอัส นักเลงอันธพาลมีมากมายเหมือนเป็นค่านิยม(มีมันทุกแผ่นดิน) กระนั้นชาวโอลิมเปีย ก็นิยมพกดาบติดตัว เป็นดาบยาวมีสองคม ส่วนดาบของชาวสุวรรณภูมินั้น จะเป็นดาบความยาวระดับกลางๆ ด้ามจับสวยงามมีลวดลายตระการตา แต่กลับกันชาวกาเลียอัสจะใช้ค้อนสันขวานที่มีการใช้พละกำลังเข้าห้ำหั่นกันมากกว่าใช้ศิลปะการต่อสู้ปะทะกัน(ส่วนมากจะเป็นพวกนักเลงกาเลียอัส ว่ากันตามจริงเนื้อแท้ศิลปะการต่อสู้ด้วยขวานของชาวกาเลียอัสสวยงามไม่แพ้คมดาบเลยละ) ลักษณะผู้คนชาวโอลิมเปียมีผมยาวสีบรอนซ์ทอง ตาโตสวย นัยตาสีฟ้า ผิวขาว มีเลือดฝาด แก้มออกสีชมพูนิดๆ จมูกโด่งพอดีหน้า โครงหน้าคมสันคล้ายชาวกาเลียอัส แต่ชาวกาเลียอัส จมูกจะโด่งน้อยกว่าชาวโอลิมเปีย ชาวสุวรรณภูมิจมูกจะโด่งน้อยกว่าสองแผ่นดินนี้ ลักณะผู้ชายที่นี่สูงใหญ่และสูงกำยำแข็งแรงหน่วยก้านดี ผมยาวสีบรอนซ์ทองเป็นเกลียวคลื่นอยู่บนศรีษะ เมื่อเข้าสู่วัยกลางคนจะไว้หนวดเคราสีทองงามๆบนใบหน้า มีนิสัยกล้าหาญ อ่อนโยน และเมตตา(พวกนิสัยไม่ดีก็เยอะปะปนกันไป) ผู้ชายที่นี่แต่งตัวสบายๆ เป็นผ้าชั้นดีสีสันสวยงามแต่ไม่มีลวดลายตระการตาเหมือนชาวสุวรรณภูมิ ลักษณะผู้หญิงจะมีทรวดทรงองเอวสวยงาม นมเป็นนม ก้นเป็นก้น เต่งตึงกระชับเด้งทุกสัดส่วน สูงอวบอึ๋มน่าเย้ายวนใจ มีนิสัยใจดี ชอบออกไปเดินเก็บพืชผักธัญญาหารในป่ามาทำอาหาร เรื่องปรุงอาหารพวกนางเป็นเลิศ สาวๆแห่งโอลิมเปียชอบขี่ม้า พวกนางนิยมแต่งกายด้วยเสื้ออาภรณ์สวยงามมีลวดลาย แต่ไม่ตระการตาเท่าชาวสุวรรณภูมิ พวกนางใส่ผ้าสายเดี่ยวปิดหน้าอก นั่นทำให้พวกนางดูเซ็กซี่เร่าร้อนจริงๆ(เห็นแล้วมันช่างน่านัก)

นี่คือแผ่นดินทั้งสามที่ถูกมหาสมุทรกั้นขวางเอาไว้ แต่ละแผ่นดินก็มีพื้นที่กว้างใหญ่มิใช่เล็กๆทอดยาวเป็นวงวนบรรจบครบหนึ่งวงพอดี ซึ่งนี่เป็นสิ่งยืนยันว่าโลกใบนี้มันช่างกว้างใหญ่เกินจะโอบกอดไว้ได้ โลกใบใหญ่ โลกที่เป็นที่มาของตำนานอันยิ่งใหญ่ มหากาพย์เรื่องนี้เกิดขึ้น ณ โลกใบนี้
โลกที่ถูกขนานนามว่า “ไตรภพ”
Facebook : https://www.facebook.com/LAKornkumphan/