ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ game pc โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin โหลดเกมส์ pc
ให้เช่า Colocation
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin

หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 2 หน้า 12 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
กำลังแสดงผล 1 ถึง 25 จากทั้งหมด 36
  1. #1
    ?
    วันที่สมัคร
    Dec 2011
    ที่อยู่
    ชนบท
    กระทู้
    924
    กล่าวขอบคุณ
    218
    ได้รับคำขอบคุณ: 15,182

    โครงการลับของสหรัฐอเมริกา : โครงการ HAARP อาวุธมหาประลัยหรือเหตุภัยธรรมชาติ??

    [X-file Story] : HAARP โครงการลึกลับ หรือ เหตุของภัยธรรมชาติ???




    เว็บหลัก : http://www.haarp.alaska.edu/


    หลังจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิที่เพิ่งผ่านพ้นไป พร้อมกับได้คร่าชีวิตผู้คนบนโลกไปถึงเกือบ๓๐๐๐๐๐ ชีวิต หลายฝ่ายได้ตั้งคำถามกันว่า อะไรกันแน่คือสาเหตุของภัยพิบัติครั้งนี้

    บ้างเชื่อว่าเป็นเพียงปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น บ้างก็ตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นผลจากการที่มนุษย์ได้ตักตวงทรัพยากรและทำลายธรรมชาติไปอย่างมาก มายมหาศาลเป็นเวลาช้านาน จนโลกขาดสมดุล




    นอกจากนี้ยังมีผู้คนอีกกลุ่ม ที่แม้จะเห็นด้วยว่าการทำลายสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะการปล่อยสารพิษที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์โลกร้อนนั้น เป็นสาเหตุสำคัญอันหนึ่งที่นำไปสู่สภาพดินฟ้าอากาศวิปริตทั่วโลก แต่ทว่า ไม่พอเพียงที่จะใช้อธิบายปรากฏการณ์พิสดารทางธรรมชาติต่างๆ ที่ เกิดขึ้นพร้อมๆ กันในช่วงไม่นานมานี้
    พวกเขาเชื่อว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่ทราบแหล่งที่มา ซึ่งเริ่มปรากฏตัวขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และได้ทวีความรุนแรงขึ้นในเดือนธันวาคมปีที่แล้วต่างหาก คือสาเหตุที่แท้จริงของความวิปริตทั้งปวง ทั้งนี้ฝ่ายหนึ่งคาดว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี้มีที่มาจากการระเบิดในอวกาศที่ ห่างไกลของดาวที่เรียกว่าซูปเปอร์โนวา แต่อีกฝ่ายเชื่อว่า เกิดจากอาวุธใหม่ที่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้น พวกเขาเหล่านี้มีหลักฐานอะไร


    ยุคแห่งวิปริตทางธรรมชาติ

    เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้เอง องค์กรสหประชาชาติได้จัดการประชุมขึ้น ณ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่นเพื่อหาทางแก้ไขผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น มากอย่างน่าตกใจ รายงานของที่ประชุมดังกล่าวระบุว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาประชากรโลกกว่า ๒.๕ พันล้านคน ต้องประสบกับภัยภิบัติทางธรรมชาติ เป็นจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นกว่าในช่วงทศวรรษก่อนถึง ๖๐% และในจำนวนผู้บาดเจ็บและล้มตาย กว่าครึ่งเกิดจากอุทกภัยและแผ่นดินไหว
    ไม่เพียงแต่แนวโน้มการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นใน ระยะยาวเท่านั้น แต่ทว่าเป็นที่น่าประหลาดว่าในปี ๒๕๔๗ จำนวนภัยพิบัติทางธรรมชาติดูเหมือนจะเพิ่มจำนวนและความรุนแรงขึ้นอย่างผิด ปรกติ
    ทั้งนี้บริษัทมิวนิก รี บรรษัทธุรกิจประกันภัยเสริม(reinsurance) รายใหญ่ที่สุดของโลก ระบุในรายงานชื่อ "ภัยพิบัติทางธรรมชาติ" ประจำปี ๒๕๔๗ ว่า เป็นปีหายนะของธุรกิจประกันภัยทั่วโลกจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั้งปีกว่า ๕๖๐ ครั้ง
    ทางบริษัทประเมินความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภัยพิบัติ ในปีที่แล้ว ว่ามีมูลค่าทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า ๕ ล้านล้านบาท มากกว่ามูลค่าความสูญเสียที่เกิดในปี ๒๕๔๖ กว่าหนึ่งเท่าตัว ทั้งนี้ยังไม่รวมความเสียหายที่เกิดจากคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม
    ยิ่งไปกว่านี้ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา มิได้มีแต่กรณีการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิขึ้นเป็นครั้งแรกในมหาสมุทรอินเดีย เท่านั้นที่เป็นเหตุการณ์ผิดปรกติทางธรรมชาติ ทว่ามีเหตุการณ์แปลกประหลาดอื่นๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย อาทิ

    วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๗ เกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่ทราบแหล่งที่มา วัดความรุนแรงได้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ไหลเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก ยัง ผลให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ มนุษยชาติ กล่าวคือทำให้พื้นที่กว่า ๒๒๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตรในประเทศจีน ถูกหมอกหนาปกคลุมในวันถัดมา จนทำให้การคมนาคมแทบทั้งหมดต้องหยุดชะงักลง และยังเกิดเหตุการณ์หมอกหนาจัดปกคลุมพื้นที่มหาศาลขึ้นอีก ๒ ครั้งในวันที่ ๑๔ และ ๒๑ เดือนเดียวกันในประเทศจีนและอินเดียตอนเหนืออีกด้วย






    ผลของพลังงานแม่เหล็กอันไม่ทราบที่มานี้ยังส่งผลให้เกิด ปรากฏการณ์พิสดารอื่นๆ อีกทั่วซีกโลกเหนือ เช่น เกิดลมพายุที่มีความรุนแรงเทียบเท่าพายุเฮอริเคนในผรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ แคนาดา รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งส่งผลให้อุณหภูมิลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในหลาย พื้นที่อีกด้วย
    เดือนสิงหาคมและกันยายน เฮอริเคนอเล็กซ์ ไอแวน ฟรานซิส ชาลี และ จีน เฮอริเคนถึงสี่ลูกกับอีกหนึ่ง พายุโซนร้อนได้ก่อตัวขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ในแถบแคริบเบียนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ยังผลให้มีผู้คนหลายพันคนใน ๖ ประเทศต้องถึงแก่ชีวิต และอีกหลายแสนคนต้องปราศจากที่อยู่อาศัย
    เดือนสิงหาคมที่จีน เกิดพายุไต้ฝุ่นรานามิน พายุที่มีความรุนแรงที่สุดในรอบ ๔๘ ปีทำให้มีผู้เสียชีวิต ๑๖๔ คน บาดเจ็บกว่า ๑,๘๐๐ คน และคาดว่าถึงกว่า ๑๓ ล้านคนได้รับผลกระทบ




    เพียงในระยะเวลา ๕ เดือนหลังของปีที่แล้ว มีรายงานการเห็นลูกไฟอุกาบาตมากกว่าถึง ๕๐ ครั้ง ทั่วโลก ในขณะที่สมาคมอุกาบาตของสหรัฐระบุว่าแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการเห็นลูกไฟอุ กาบาตเกินกว่าเพียงปีละไม่กี่ครั้ง
    หน้าร้อนปี ๒๕๔๗ ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับพายุไต้ฝุ่นมากครั้งที่สุดเป็นประวัติการณ์ เฉลี่ยแล้วหนึ่งลูกทุกสัปดาห์ตลอดฤดูกาล
    มีนาคมเป็นครั้งแรกที่มีพายุเฮอริเคนก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ ทำลายทฤษฎีที่เชื่อว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดพายุเฮอริเคนก่อตัวขึ้นในบริเวณนี้ ด้วยลมพายุความเร็วถึง ๑๕๐ ก.ม.ต่อช.ม. ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตนับสิบคนในประเทศบราซิล
    นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ผิดธรรมชาติต่างๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นทั่วไปตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เช่น ร้อนที่สุด หนาวที่สุด ฝนตกมากที่สุด แล้งที่สุด ภูเขาไฟปะทุขึ้นพร้อมกัน แผ่นดินไหว ลมพายุรุนแรง ฯลฯ


    ธรรมชาติวิปริตเกิดจากทฤษฎีโลกร้อนจริงหรือ

    ผู้คนทั่วไปมักเชื่อคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ว่า ความผิดปรกติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้มีต้นตอมาจากการเผาผลาญพลัง งานฟอสซิลและทำให้เกิดก็าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประกอบกับการปล่อยสารซีเอฟซีที่ทำลายชั้นโอโซน ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกจนอุณหภูมิโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ
    ทว่าคำอธิบายข้างต้นหาได้เป็นที่ยอมรับเป็นเอกฉันท์ในวงการ วิทยาศาสตร์ไม่ ตรงกันข้ามยังมีการโต้แย้งกันถึงข้อบกพร่องในทฤษฎีเรือนกระ จกและทฤษฏีโลกร้อนตลอดมา




    ทฤษฎีเรือนกระจกนั้น ข้อบกพร่องอยู่ที่ เหตุใดรูโหว่ในชั้นบรรยากาศโลกจึงไม่เกิดขึ้นเหนือพื้นที่ที่มีสถิติการ ปล่อยสารซีเอฟซีเป็นจำนวนมาก อาทิ เหนือเมืองใหญ่และเขตอุตสาหกรรมต่างๆ แต่กลับไปเกิดขึ้นยังบริเวณขั้วโลกทั้งสองด้าน
    ทั้งนี้ ทีมวิจัยของอังกฤษได้รายงานเมื่อปลายปีที่แล้วว่าชั้นโอโซนในบริเวณขั้วโลก ใต้มีปริมาณโอโซนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวถึง ๑๐%
    ในส่วนของทฤษฎีโลกร้อนนั้น ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่บริเวณผิวพื้นโลกและ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศระดับล่างและกลาง ในช่วง ๒๐ปีมานี้ พิสูจน์ว่าทฤษฎีนี้ผิดพลาด เนื่องจากพบว่า ในช่วงเวลาเดียวกันอุณหภูมิที่ผิวพื้นโลกสูงขึ้นจริงแต่อุณหภูมิในชั้น บรรยากาศกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหากทฤษฎีโลกร้อนถูกต้องแล้ว อุณหภูมิทั้งสองบริเวณนี้จะต้องสูงขึ้นเช่นเดียวกัน


    คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่ทราบที่มา: กุญแจไขปริศนา

    นักวิทยาศาสตร์ตรวจพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (รังสีแกมม่า) นี้ได้ในบริเวณขั้วโลกเหนือเป็นครั้งแรกเมื่อกว่า ๕ ปีมาแล้ว และหลังจากเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ก็ได้พบว่าปริมาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนความถี่และความ รุนแรง
    ท้องฟ้าในบริเวณขั้วโลกเหนือที่ปรกติมืดมิดตลอดเวลาในช่วงฤดูหนาว ปัจจุบันกลับมีแสงสว่างเกิดขึ้นเป็นประจำ "ขอบฟ้าถูกยกสูงเหมือนกับชูขึ้น ด้วยมือของพระเป็นเจ้า" นายเดวิดสันกล่าว เขาเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของ รัฐบาลแคนาดาซึ่งประจำการอยู่ที่สถานีตรวจสอบอากาศเมืองเรซาลูดเบย์ ทวีปอาร์คติก





    นักวิทยาศาสตร์หลายฝ่ายเชื่อว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าลึกลับนี้คือต้นเหตุของความวิปริตทั้งมวลที่เกิดขึ้นตลอด หนึ่งปีที่ผ่านมา
    ทั้งนี้ มีงานวิจัยของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐที่พบว่า อิทธิพลรังสีแกมม่าสามารถทำให้เกิดรูโหว่ในชั้นโอโซน โลกเย็นลง ฝนกรดและการเกิดเมฆหมอกได้
    ผลของงานวิจัยนี้ได้ถูกยืนยันอีกครั้งโดยการค้นพบของทีมนัก วิทยาศาสตร์เยอรมันจากสถาบันนิวเคลียร์ฟิสิกส์แมกส์ แพลงค์ สถาบันเลื่องชื่อของโลกในปี ๒๕๔๕
    ไม่เพียงแต่รังสีแกมม่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงทาง ภูมิอากาศเท่านั้น แต่ด้วยคุณสมบัติที่เป็นพลังงานแม่เหล็กจึงส่งผลต่อสนาม แม่เหล็กโลก และอาจสามารถกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิดได้อีกด้วย
    ผลการศึกษาของทีมนักวิทยาศาสตร์ประจำสถาบันภูมิฟิสิกส์ประเทศ จอร์เจีย จากการเก็บข้อมูลเปรียบเทียบเป็นเวลา ๓๐ ปี จากปี ๒๕๐๑ ; ๒๕๓๑ สรุปว่าปฏิกิริยาระหว่างโลกกับสนามพลังงานแม่เหล็กเป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้น ให้เกิดแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงสูงกว่า ๖ ริกเตอร์ขึ้นไป
    ในส่วนของจำนวนดาวตกที่เพิ่มขึ้นมากผิดปรกติในปีที่แล้วก็ เช่นกัน แม้จะยังไม่มีผลงานวิจัยในด้านนี้อยู่เลยก็ตาม แต่นักวิทยาศาสตร์คนสำคัญของโลกหลายคนก็เริ่มตั้งข้อสันนิษฐานว่า มีความเป็นไปได้ที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอาจเกี่ยวข้องกับจำนวนดาวตกที่เพิ่ม ขึ้น


    คลื่นพลังงานแม่เหล็กเหล่านี้มาจากไหน

    ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดถึงที่มาของคลื่นพลังงานแม่เหล็กลึกลับซึ่งยังคง สร้างความวิปริตทางธรรมชาติทั่วโลกในขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์ส่วนหนึ่งคาด ว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี้น่าจะมาจากการระเบิดของซุปเปอร์โนวาหรือดาวฤกษ์ที่ กำลังจะดับสูญชื่อ SN1987a เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นห่างจากโลก ๑๒,๐๐๐ ล้านปีแสงเมื่อปี ๒๕๓๐ การระเบิดครั้งนั้นถือเป็นการระเบิดที่รุนแรงที่สุดในจักรวาลเป็นอันดับ ๒ รองจากการระเบิดที่เรียกว่าบิ๊กแบงในปี ๒๕๔๐ "การระเบิดของดาว SN1987a ปลดปล่อยพลังงานอภิมหาศาลในหนึ่งวินาที เทียบได้กับพลังงานของดาวฤกษ์ทั้งหมดในจักรวาลรวมกัน" สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงาน ทั้งนี้คาดว่าโลกจะสามารถแลเห็นการระเบิดนี้ได้ก่อนปี ๒๕๕๓




    ทั้งนี้ ยังมีนักวิทยาศาสตร์อีกส่วนหนึ่งที่เชื่อว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าปริศนานี้ มีที่มาจากในโลกนี้เองและเกิดจากการกระทำของมนุษย์ หลายฝ่ายชี้ชัดมายังอาวุธในโครงการของกองทัพสหรัฐที่มีชื่อว่า "ฮาร์พ" (High Frequency Active Auroral Reseach Program)
    ฮาร์พเป็นส่วนสำคัญในยุทธศาสตร์การริเริ่มป้องกันทางทหาร ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือที่รู้จักกันในชื่อโครงการสตาร์วอร์ ฮาร์พถูกริเริ่มขึ้นในยุคของประธานาธิบดีเรแกน โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อศึกษา "การใช้ไอโอโนสเฟีย(ชั้นบรรยากาศระดับบน) เพื่อเป้าหมายของกระทรวงกลาโหม"




    นายอีสแมน เจ้าของลิขสิทธิ์เทคโนโลยีที่ใช้ในโครงการนี้ กล่าวถึงฮาร์พว่า "สามารถรบกวนระบบโทรคมนาคมทั้งหมดในพื้นที่ขนาดใหญ่มากบนโลก...เบี่ยงเบนทิศ ทางหรือทำลายจรวดและเครื่องบิน...ปรับเปลี่ยนภูมิอากาศ..."
    ดอกเตอร์เมกิช นักวิทยาศาสตร์ผู้หนึ่งที่ติดตามโครงการฮาร์พ อธิบายถึงการทำงานของอาวุธนี้ว่า ฮาร์พ "อาศัยเทคโนโลยีการส่งคลื่นวิทยุพลังมหาศาลในการยกบริเวณชั้นบรรยากาศส่วนบน ของโลก( ไอโอโนสเฟีย )ขึ้น โดยเล็งพลังงานไปยังพื้นที่บนชั้นบรรยากาศและเผาบริเวณนั้นจนร้อน( หลอมละลายจนกลายเป็นเสมือนจานพลาสม่าขนาดยักษ์ที่สามารถรับส่งคลื่นได้) จากนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็จะสะท้อนกลับมายังโลกและทะลุทะลวงทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทั้งที่มีชีวิตและไม่มี"





    อะไรที่ชี้ว่าเทคโนโลยีในการบังคับดินฟ้าอากาศมีจริง

    หลักฐานที่น่าเชื่อถือที่สุดอยู่ที่การยอมรับเกี่ยวกับเทคโนโลยีในการบังคับ ดินฟ้าอากาศของบุคคลสำคัญ สถาบันและองค์กรชั้นนำระดับโลกต่างๆ อาทิ
    เอกสารชื่อ "กองทัพอากาศสหรัฐ ๒๐๐๕" ที่ประกาศใช้ในปี ๒๕๓๙ ได้ระบุเป้าหมายในอนาคตของกองทัพอากาศสหรัฐว่า "การเปลี่ยนแปลงดินฟ้าอากาศจะเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคงทั้งใน และระหว่างประเทศและสามารถทำได้แบบเอกภาคี...มันเป็นไปได้ทั้งเชิงการรุกและ รับหรือกระทั่งในการข่มขู่ศัตรู...ความสามารถในการทำฝน หมอก และพายุ หรือเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนอกโลก...และการสร้างดินฟ้าอากาศต่างๆ นี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีแบบบูรณาการซึ่งสร้างเสริมศักยภาพให้กับ สหรัฐหรือลดทอนศักยภาพของศัตรู..."
    จริงอยู่ที่ข้อความข้างต้นนี้เป็นเพียงเป้าในอนาคต แต่ก็ หมายถึงว่า ก่อนหน้าการประกาศ สหรัฐได้ทำเริ่มลงทุนพัฒนาและทดลองเทคโนโลยีการควบคุมดินฟ้าอากาศเป็นประจำ มาเป็นเวลาช้านาน จนกว่าจะมั่นใจได้ว่าสามารถบรรลุภาระกิจที่ตั้งไว้ได้
    ปี ๒๕๓๙ สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานคำพูดของนายวิเลียม โคเฮน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐในขณะนั้น ที่กล่าวเกี่ยวกับการก่อการร้าย ณ มหาวิทยาลัยจอร์เจียตอนหนึ่งมีใจความว่า "การป้องกันเกี่ยวกับอาวุธที่ไม่ธรรมดาจะ ต้องเพิ่มมากขึ้น เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายพัฒนาอาวุธเคมีและเชื้อโรคและกรรมวิธีทางพลังงานแม่ เหล็กที่สามารถเปิดรูโหว่ในชั้นโอโซนหรือกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหวหรือภูเขา ไฟระเบิดได้"
    เป็นไปได้หรือที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายจะสามารถค้นคิดอาวุธร้ายแรงเหล่านี้ได้ ด้วยตัวเอง เพราะตลอดมาพวกเขามีศักยภาพเพียงการลอกเลียนและประยุกต์อาวุธ ขึ้นจากเทคโนโลยีที่มีบรรดาประเทศมหาอำนาจได้ค้นคิดพัฒนาและใช้การได้จริง แล้วทั้งสิ้น
    ปี ๒๕๔๔ วุฒิสมาชิกสหรัฐจากรัฐโอไฮโอนาย เดนิส คูชินิชได้ เสนอร่างกฎหมายเลขที่ HR 2977 ว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธในอวกาศ ตอนหนึ่งของร่างนี้กล่าวถึง "อาวุธทางภูมิอากาศหรืออาวุธทางรอยเลื่อนของชั้นแผ่นดิน" เป็นไปได้หรือที่ผู้ที่เป็นถึงวุฒิสมาชิกสหรัฐจะกล้าเสนอกฎหมายนี้หาก ปราศจากหลักฐานข้อเท็จ จริงเกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธเหล่านี้
    นอกจากบุกคลสำคัญและองค์กรของสหรัฐเองจะกล่าวถึงการพัฒนาและทดลองอาวุธที่ เปลี่ยนแปลงดินฟ้าอากาศแล้ว บุคคลสำคัญและองค์กรในระดับโลกต่างๆ ก็ได้เคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้อาวุธนี้มาแล้วด้วย




    ที่ประชุมใหญ่องค์กรสหประชาชาติประจำปี ๒๕๔๐ ได้มีการลงนามในอนุสัญญา "การห้ามใช้เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศเพื่อการทหารและการ รุกราน ที่สร้างผลกระทบอย่างกว้างขวาง ยาวนานและรุนแรง" ทั้งนี้นิยามของ "เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนดินฟ้า อากาศ" หมายถึง "เทคโนโลยีที่จงใจดัดแปลงกระบวนการทางธรรมชาติ การเคลื่อนไหว องค์ประกอบโครงสร้างของโลกรวมถึงชั้นบรรยากาศต่างๆหรืออวกาศ"


    หลักฐานที่ชี้ถึงแสนยานุภาพของฮาร์พ

    ในปี ๒๕๔๖ สมาชิกของคณะกรรมาธิการถึงสี่คณะของสภาสูงสุดรัสเซียหรือสภาดูม่า และสมาชิกสภาทั้งหมด ๙๐ ท่าน ได้ร่วมกันลงชื่อในรายงานเสนอต่อประธานาธิบดีวลาดีเมีย ปูติน องค์กรสหประชาชาติและประเทศสมาชิก องค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ผู้นำและรัฐสภาของทุกประเทศ องค์กรทางวิทยา ศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและสื่อมวลชนชั้นนำของโลก เพื่อเรียกร้องให้ประชาคมโลกมีมติห้ามสหรัฐทดลองอาวุธที่มีแสนยานุภาพสูง นี้ ในรายงานนี้ปรากฏข้อความดังนี้ "ภายใต้โครงการฮาร์พ สหรัฐกำลังสร้างอาวุธใหม่ทางธรณีฟิสิกส์ซึ่งอาจสามารถส่งอิทธิพลต่อชั้น บรรยากาศใกล้โลกด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง"
    "แสนยานุภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้ อาจเทียบได้กับการเปลี่ยนแปลง จากอาวุธมีคมสู่อาวุธปืนหรือจากอาวุธธรรมดาสู่อาวุธนิวเคลียร์"
    รายงานนี้ยังระบุอีกว่าสหรัฐกำลังสร้างอาวุธฮาร์พนี้ในพื้นที่ ๓ แห่ง แห่งแรกที่รัฐอะลาสก้าสหรัฐอเมริกา แห่งที่สองที่กรีนแลนด์ และที่สามในประเทศนอร์เว ทั้งนี้สหรัฐเตรียมที่จะเริ่มทดลองอย่างเต็มที่ ได้ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๔๖

    ( ปัจจุบันมีอยู่ 5 เครื่อง ได้แก่
    - อยู่ในอเมริกา 3 เครื่อง
    - อยู่ในยุโรป 1 เครื่อง
    - อยู่ในรัฐเซีย 1 เครื่อง )







    ที่ตั้ง : http://maps.google.co.th/maps?hl=th&...2&z=15&iwloc=A


    "เมื่ออุปกรณ์ทั้งหมดได้ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศจาก อะลาสก้า นอร์เว และกรีนแลนด์ ความแม่นยำในการกำหนดเป้าหมายพร้อมกับอานุภาพอันมหัศจรรย์ จะนำไปสู่ความสามารถอันแท้จริงในควบคุมชั้นบรรยากาศใกล้โลก" รายงานของสภาดูม่าสรุป
    ก่อนหน้านี้ในปี ๒๕๔๑ คณะกรรมมาธิการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความมั่นคงและนโยบาย การทางทหาร ก็ได้เคยร้องเรียนต่อรัฐสภาสหภาพยุโรปจากกรณีที่สหรัฐปฏิเสธ ครั้งแล้วครั้งเล่าในการเปิดเผยข้อมูลและอนุญาตให้องค์กรอิสระระดับนานาชาติ เข้าไปตรวจสอบโครงการฮาร์พ อีกทั้งยังเรียกร้องให้รัฐสภายุโรปร่างสนธิ สัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมจากกิจกรรมทางการทหารด้วย
    ทั้งนี้ สหรัฐประกาศว่า ปัจจุบันโครงการฮาร์พกำลังอยู่ในชั้นตอนสุดท้ายของการขยายกำลังส่ง และคาดว่าจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ให้ใช้การได้เต็มที่ในไม่กี่ปีปีข้างหน้านี้

    ..............................................................................................................


    ดร.โรซาลี เบอร์เทล นักวิทยาศาสตร์และนักนิวเคลียร์ผู้มีชื่อเสียง ได้เขียนหนังสือเรื่อง Planet Earth : The Latest Weapon of War (2000)



    เธอกล่าวว่ากองทัพถูกปล่อยให้รอดไปจากความรับผิดชอบในการสร้างมลภาวะแก่สิ่ง แวดล้อมและความหายนะทางด้านนิเวศน์ ได้ยกตัวอย่างสงครามเวียตนาม สงครามอ่าวและการทิ้งระเบิดของกลุ่มประเทศนาโต้ในโคโซโว
    สงครามเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทำลายชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น แต่มันยังได้ทำให้ผืนดินบริเวณกว้างขวางแปดเปื้อนไปเป็นเวลาหลายปี



    ดร.เบอร์ เทล กล่าวว่า ไฟน้ำมันที่ลุกไหม้เป็นจำนวนหลายร้อยบ่อในระหว่างสงครามอ่าวคือ ?เหตุการณ์มลภาวะที่เลวร้ายที่สุดที่มนุษย์สร้างขึ้นในประวัติศาสตร์? และมันนำไปสู่หายนะทางด้านสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศทั่วโลก
    นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้ทำนายถึงลมมรสุมรุนแรงอันเนื่องจากการเกิดภาวะโลกร้อนขึ้น ฝนกรด พายุหนักและน้ำท่วมรุนแรงทั่วโลก
    ?ใน เวลาที่ผ่านมา ไต้ฝุ่นขนาดใหญ่ได้ถล่มบังคลาเทศเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม คร่าชีวิตคนไปมากกว่า 100,000 คน...นักวิทยาศาสตร์โซเวียตได้รายงานถึงฝนกรดระดับสูงในรัสเซียตอนใต้ ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นถึงควันและหิมะทึบในปากีสถานและอินเดียตอนเหนือ? เธอกล่าว ?

    นักบินอวกาศบนยานกระสวยแอตแลนติสได้รายงานว่าโลกถูกปกคลุมด้วยหมอกควันเป็น จำนวนมาก...นักศึกษาวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์ของจีนได้อ้างว่าเมฆหนาทึบจาก ตะวันออกกลางก็มีส่วนรับผิดชอบต่อน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศเหล่า นั้น? ดร.เบอร์เทล กล่าวไว้ในหนังสือของเธอ
    ในยุโรปก็มีรายงานว่าถูก พายุหนักพัดกระหน่ำ ?มีน้ำท่วมหนักจากบาวาเรียไปจนถึงเชคโกสโลวาเกียโดยมีผู้เสียชีวิตหลายคน ฟาร์มหลายแห่งถูกทำลายและสะพานหลายแห่งถูกน้ำพัดทำลายไป เส้นทางรถไฟทั่วออสเตรเลียจมอยู่ใต้น้ำและแม่น้ำดานูบมีระดับสูงสุดเท่าที่ เคยบันทึกไว้? เธอกล่าว

    ในทั้งสองครามอ่าวและสงครามในโคโซโว กระสุนปืนใหญ่เคลือบยูเรเนียมได้ถูกกองกำลังสหรัฐและนาโต้ใช้เป็นจำนวนมาก มายมหาศาลซึ่งทำให้แผ่นดิน อากาศ และน้ำแปดเปื้อน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ในระยะยาว เช่นเดียวกับในเวียตนามที่กองทัพสหรัฐจงใจทำลายสิ่งแวดล้อมและทำให้ผืนดิน นับล้านเอเคอร์ต้องเปรอะเปื้อนไปด้วย ?สารสีส้ม? และสารพิษอื่นๆ
    แต่ขอบ เขตของความเสียหายนี้ก็ไม่อาจเปรียบเทียบได้กับความหายนะที่กองทัพสามารถ ทำลายโลกใบนี้ได้ การทดลองอย่างกว้างขวางที่กองทัพโดยเฉพาะสหรัฐได้กระทำมาในช่วงหลายทศวรรษ นี้รวมถึงการทดลองกับชั้นโอโซน การเปลี่ยนแปลงอากาศและการใช้เทคโนโลยีคลื่นเพื่อตรวจสอบภายใต้โลกล้วนแล้ว แต่เป็นการเตรียมตัวเพื่อทำสงครามที่จะมีขึ้นในศตวรรษที่ 21 นี้ทั้งสิ้น




    การทดลองและการศึกษาวิจัยทางด้านบรรยากาศเหล่านี้ มิใช่เป็นแค่เพียงการค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์อันน่าตื่นเต้น อวกาศจะเป็นสมรภูมิต่อไปในวันข้างหน้า หมายความว่าทหารกำลังนำสงครามขึ้นสู่อวกาศ พวกเขาจะสู้กันในอวกาศ เธอกล่าว

    เนื่องจากการศึกษาวิจัยทางทหารเป็นความลับ มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจผลที่จะติดตามมา ดร.เบอร์เทล กล่าว ในตอนต้นปี 1946 ในมหาสมุทรแปซิฟิก การทดสอบทางด้านบรรยากาศนิวเคลียร์โดยสหรัฐและต่อมาโดยสหภาพโซเวียตและ อังกฤษได้ทำลายสภาพแวดล้อมเสียหายอย่างหนัก

    ดร.เบอร์เทล กล่าวว่า การระเบิดของนิวเคลียร์ขนาด 300 เมกะตันระหว่างปี 1945 และ 1963 ได้ทำลายชั้นโอโซนไปประมาณ 4%
    ถึง แม้ว่าช่องโหว่โอโซนแรกเริ่มที่จะดีขึ้นในปี 1980 แต่ในปี 1986 นักวิทยาศาสตร์พลเรือนก็ได้ออกมาพิสูจน์ยืนยันถึงการเกิดช่องโหว่โอโซนที่ สองในแอนตาร์กติก



    นักวิทยาศาสตร์ได้ประมาณว่าการสูญเสียโอโซนไป 1% จะทำให้รังสีอุลตราไวโอเลตสามารถหลุดมาถึงโลกมากกว่า 1-3% ซึ่งจะทำให้อัตราการเป็นมะเร็งที่ผิวหนังเพิ่มขึ้นและมีผลต่อรูปแบบของชีวิต ทั้งหมด เธอกล่าว
    ในปี 1990 การทดลองทางทหารของสหรัฐด้วยจรวดพลังงานนิวเคลียร์ได้เพิ่มขึ้นและการปล่อย พลูโตเนียมขึ้นสู่อวกาศได้กลายเป็นกิจกรรมประจำ ภารกิจทางด้านอวกาศที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์เหล่านี้เป็นอันตรายอย่างสูง เพราะพลูโตเนียมสามารถกระจายไปทั่วพื้นที่อันกว้างขวางของโลกหากเกิด อุบัติเหตุเพียงครั้งเดียว ดร.เบอร์เทลกล่าวว่าอุบัติเหตุครั้งใหญ่ทางอวกาศและเป็นครั้งแรกซึ่งมีผลต่อ โลกเกิดขึ้นในเดือนเมษายน 1964 เมื่อจรวด SNAP-9A ของสหรัฐถูกสั่งทำลายและพลูโตเนียมจำนวน 17,000 คูรีที่ถูกนำขึ้นไปได้กระจายไปทั่วขั้วโลก พลูโตเนียมเหล่านี้ยังคงสามารถมีให้เห็นได้ในดินและในกระดูกของคนและสัตว์



    ใน ค.ศ.1997 มีจรวด SNAP-9A อยู่ในวงโคจร แต่ละลูกมีพลูโตเนียมอยู่ 17,000 คูรีและจรวดแต่ละลูกก็มีแผนที่จะปล่อยพลูโตเนียมเหล่านี้ออกมาเมื่อเสร็จ ภารกิจแล้วเหมือนกับในกรณีของจรวดเมื่อปี 1964 เธอกล่าวเตือน

    เนื่องจากแผนการอวกาศเหล่านี้ถูกปกปิดไว้เป็นความลับ คนทั่วไปจึงไม่รู้ถึงอันตรายของโครงการนี้โดยเฉพาะเมื่อ ประวัติศาสตร์ของแผนการอวกาศนี้ถูกเริ่มขึ้นมาด้วยความหายนะ อาวุธสงครามในสหัสวรรศใหม่นี้จะรวมถึงการใช้โลกใบนี้เป็นอาวุธอย่างหนึ่งโดย การควบคุมอำนาจของกระบวนการทางธรรมชาติเพื่อสงคราม

    ในที่ประชุมสาธารณสุขของประชาชนในเดือนธันวาคมปี 2000 ที่กรุงดาคา บังคลาเทศ ดร.เบอร์เทลได้เปิดให้ผู้ฟังต้องตกใจและแทบไม่เชื่อว่า อาวุธล่าสุดของกองทัพสหรัฐคือโลกใบนี้เอง...และอากาศจะเป็นหนึ่งในอาวุธ ทำลายร้ายแรงที่สุดในปี 2025

    ดร.เบอร์เทล กำลังอ้างถึงวิธีการที่แผ่นดินไหวและเกิดพายุทอร์นาโดที่ถูกสร้างขึ้นสามารถ สร้างความหายนะให้แก่ประชาชนและชาติต่างๆได้อย่างไร ตามหนังสือของเธอ อาวุธแม่เหล็กไฟฟ้า มีความสามารถที่จะส่งการระเบิดและผลกระทบอื่นๆ เช่น การก่อให้เกิดแผ่นดินไหวข้ามทวีปไปยังเป้าหมายที่ถูกคัดเลือกไว้บนโลกใบนี้ ได้ด้วยระดับพลังที่เท่ากับการระเบิดนิวเคลียร์ครั้งใหญ่

    ใน 40 ปีที่ผ่านมา กองทัพสหรัฐได้ทำการทดลองบนชั้นบรรยากาศของโลกหลายครั้งโดยการใช้คลื่นและ สารเคมี ความพยายามที่จะควบคุมอากาศโดยการควบคุมทางด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการทดลองนี้ รวมถึงการใช้แสงเลเซอร์และสารเคมีเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะสามารถทำลายชั้น บรรยากาศเหนือศัตรูได้หรือไม่ สามารถที่จะสร้างความเสียหายให้แก่พืชผลและสุขภาพของมนุษย์โดยรังสีอุลตรา ไวโอเลตของดวงอาทิตย์ได้หรือไม่ ทั้งหมดนี้กองทัพสหรัฐได้ทดลองมาแล้ว สารเคมีอย่างเช่นแบเรียมและลิเธียมได้ถูกปล่อยออกมาเหนือชั้นโอโซนซึ่งสร้าง แสงที่สามารถมองเห็นและเมฆเทียมที่สว่างขึ้นมาให้เห็นได้ในอเมริกาเหนือ ระหว่างทศวรรษ 1980 และในตอนต้นทศวรรษ 1990

    สารเหล่านี้ล้วนเป็นอันตราย ที่สุดต่อชั้นโอโซน และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีต่อบรรยากาศของโลก ดร.เบอร์เทลกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศของโลกจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอากาศและสภาพ อากาศ อีกวิธีการหนึ่งก็คือการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ต่ำในการทดลองเปลี่ยน แปลงอากาศ คลื่นเหล่านี้สามารถผ่านเข้าไปยังผืนโลกที่แข็งและในมหาสมุทรและได้ถูกกอง ทัพใช้เพื่อตรวจสอบบรรยากาศเบื้องบนและโครงสร้างภายในของโลก คลื่นความถี่ต่ำเหล่านี้สามารถที่จะนำมาใช้เพื่อก่อให้เกิดผลทางด้านกลไกและ ความสั่นในระยะไกลทั่วโลก พวกเขาสามารถที่จะควบคุมอากาศ สร้างพายุและฝนตกหนักเหนือพื้นที่ใดก็ได้
    คลื่นเหล่านี้มีศักยภาพที่จะ ทำให้เกิดการเคลื่อนของแผ่นดิน มันสามารถที่จะไปรบกวนภูเขาไฟและแผ่นเปลือกโลกซึ่งจะย้อนกลับมามีผลต่อสภาพ อากาศได้ เธอกล่าว

    ตัวอย่างเช่น เป็นที่รู้กันว่าแผ่นดินไหวมีปฏิสัมพันธ์กับบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ (บรรยากาศที่อยู่สูงขึ้นไปจากพื้นโลกประมาณ 50-373 ไมล์) ความจริงแล้ว แผ่นดินไหวหลายครั้งที่เกิดขึ้นในปีหลังๆนี้เกิดขึ้นหลังจากปรากฏการณ์ บางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ ดร.เบอร์เทลกล่าว




    บางตัวอย่างในหนังสือของเธอมีทั้งแผ่นดินไหวที่ถัง ชานในจีนซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 28 กรกฎาคม 1976 และทำให้มีคนเสียชีวิตถึง 650,000 คน เหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งนั้นเกิดขึ้นหลังการทดลองคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ ต่ำเพื่อทำให้บรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ร้อนขึ้นมาโดยสหภาพโซเวียต อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือแผ่นดินไหวที่ซานฟรานซิสโก ดร.เบอร์เทลกล่าวว่าในวันที่ 12 กันยายน 1989 มีการตรวจจับคลื่นอุลตราความถี่ต่ำได้ในแคลิฟอร์เนีย คลื่นเหล่านี้เพิ่มความแรงขึ้นและในที่สุดก็หายไปในวันที่ 5 ตุลาคม แต่ต่อมาในวันที่ 17 ตุลาคมก็ปรากฏขึ้นอีกด้วยสัญญาณที่แรงจนเลยมาตรวัดไป หลังจากนั้นอีกสามชั่วโมงก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้น





    ความจริงแล้ว หนังสือพิมพ์วอชิงตันไทม์สในเดือนมีนาคม 1992 ได้กล่าวว่าตัวเซนเซอร์ดาวเทียมและที่ภาคพื้นดินได้ตรวจจับคลื่นวิทยุลึกลับ หรือกิจกรรมทางไฟฟ้าและแม่เหล็กได้ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในแคลิ ฟอร์เนียนตอนใต้ อาร์มีเนีย ญี่ปุ่นและแคลิฟอร์เนียเหนือระหว่างปี 1986 และ 1989

    แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในลอสแองเจลิสเมื่อวันที่ 17 มกราคม 1994 ก็เกิดขึ้นหลังจากที่มีคลื่นวิทยุผิดปกติและเสียงโซนิกบูมสองครั้ง ความบังเอิญอันแปลกประหลาดเหล่านี้ยังไม่ได้มีการอธิบาย....มันดูเหมือนมี ความเป็นไปได้อย่างสูงที่แผ่นดินไหวเหล่านี้บางครั้งจะเกิดขึ้นจากการกระทำ ของมนุษย์ ไม่ใช่พลังทางธรรมชาติ ดร.เบอร์เทล กล่าว

    ในปี 1997 รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่องค์การก่อการร้าย ได้ข่มขู่ว่าจะใช้วิธีการแบบธรรมชาติที่พวกตนสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ การสร้างแผ่นดินไหวและการทำให้ภูเขาไฟระเบิดจากทางไกลโดยการใช้คลื่นแม่ เหล็กไฟฟ้า



    แต่ ดร.เบอร์เทล กล่าวว่า กองทัพมีนิสัยชอบกล่าวหาคนอื่นว่ามีความสามารถที่ตนเองมีอยู่ ดร.เบอร์เทลบอกว่าการทดลองของหทารในบรรยากาศของโลกนี้มีให้เห็นเพิ่มขึ้นใน อากาศแปรปวนทั่วโลก ระหว่างทศวรรษ 1960 และ 1990 อัตราหายนะภัยทางธรรมชาติครั้งใหญ่ได้เพิ่มขึ้นถึง 10% เธอบอกว่าปรากฏการณ์เอลนิโนในปี 1997-1998 ซึ่งถูกมองว่าเป็นสภาพอากาศผิดปกติทั่วโลกนั้นเกิดขึ้นหลังจากการรบกวนอย่าง รุนแรงและความไม่สมดุลทางด้านบรรยากาศปีหนึ่งก่อนหน้านั้น

    ในปี 1996 ดร.เบอร์เทล ได้อธิบายว่าการเกิดน้ำท่วมอย่างหนักในอนุทวีปอินเดียมีผลต่อเนปาล อินเดียและบังคลาเทศซึ่งส่งผลให้คนนับล้านต้องไร้ที่อยู่ ในจีน น้ำท่วมได้ฆ่าคนไปหลายร้อยคนในขณะที่อีกหลายหมื่นคนต้องสูญเสียบ้านและ ทรัพย์สินของตน ขณะเดียวกัน แคนาดาก็ต้องประสบภาวะฝนตกหนัก น้ำท่วม ทอร์นาโด พายุลูกเห็บและพายุฟ้าผ่า สภาพอากาศที่ผิดปกติเหล่านี้ทั้งหมดล้วนทำลายทรัพย์สิน ปศุสัตว์และชีวิต หิมะตกหนักที่ไม่เคยเห็นในหลายศตวรรษก็เกิดขึ้นในอาฟริกาใต้ซึ่งทำให้เกิด การขาดแคลนอาหารอย่างหนักและทำให้หลายคนต้องเสียชีวิตเนื่องจากความ หนาวอย่างรุนแรง




    ระหว่างวันที่ 19 กรกฎาคม แผ่นดินไหวได้เกิดขึ้นที่เทือกเขาแอลป์ของฝรั่งเศส ออสเตรีย อิตาลีตอนใต้ อินเดียตะวันออกเฉียงเหนือ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย คาบสมุทรคัมชัทกาและเมกซิโกตอนใต้ ส่วนในนิวซีแลนด์ได้มีภูเขาไฟระเบิดเกิดขึ้น มีรายงานแผ่นดินไหวในเคนยา เยอรมัน เกาะกรีก ตุรกี สุมาตรตอนเหนือ บาหลี ฟิลิปปินส์ตอนกลาง เกาะเหนือของนิวซีแลนด์ ญี่ปุ่นตะวันออก ชิลีตอนกลาง เอลซัลวาดอร์และหมู่เกาะอาเลนเทียน ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในวันที่ 26 กรกฎาคม เธอรายงาน

    ขณะที่บางเหตุการณ์ในปี 1996 อาจเป็นการกระทำของพระเจ้า แน่นอน ปริมาณและความรุนแรงของมันเป็นสิ่งปกติ เธอกล่าว เนื่องจากบรรยากาศของโลกมีความสัมพันธ์กับสภาพอากาศ มันจึงไม่น่าประหลาดใจที่จะพบว่ากิจกรรมทางทหารมีผลต่อรูปแบบอากาศของท้อง ถิ่นและภูมิภาค ดร.เบอร์เทลเขียนไว้

    ความจริงแล้ว การที่กิจกรรมทางทหารสามารถทำให้อากาศแปรปวนได้โดยอุบัติเหตุหรือโดยเจตนาใน ฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสงครามทางธรณีวิทยานั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับโลก ใบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรามีความรู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับ วัฏจักรทาง ธรรมชาติของโลกและผลของกิจกรรมที่มนุษย์ทำขึ้นบนโลกเพื่อคาดการณ์ล่วงหน้า ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมนุษย์ไปแทรกแซงมันยิ่งไปกว่านั้น การคาดการณ์ดังกล่าวก็อาศัยประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติของโลกเราและไม่มีความ หมายอะไรต่อการทดลองอันสุ่มเสี่ยงบนระบบโลกส่วนใหญ่ในบรรยากาศชั้นบนและใต้ โลก เธอกล่าว






    และต่อมา...


    จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว 7.0 ริกเตอร์ เขย่าเฮติ เมื่อวันที่ 12 มกราคม
    สังหารชีวิตพลเรือนไปราว 100,000 ถึง 200,000 คน
    และในขณะที่เฮติกำลังมองหาความช่วยเหลือขั้นพื้นฐานจากทั่วโลก

    ทางการได้ยอมรับว่าภัยคุกคามที่อันตรายที่สุดสำหรับผู้รอดชีวิต
    คืออาการบาดเจ็บที่ไม่ได้รับการรักษาและโรคติดต่อที่เริ่มระบาดไปทั่ว

    ตามหลังเหตุแผ่นดินไหว ความช่วยเหลือด้านมนุษยชนถูกส่งมาจากทั่วทุกมุมโลก
    อย่างไรก็ตามเฮติกลับต้องประสบความปัญหาด้านความรุนแรงและปล้นชิงสิ่งของ
    เหตุเพราะความช่วยเหลือไม่เพียงพอต่อประชาชนผู้ไร้ที่อยู่อาศัยหลายแสนคน

    มีข่าวออกมาว่า ฮูโก ชาเวซ ผู้นำเวเนซุเอลากล่าวว่าเหตุแผ่นดินไหวครั้งกระหายเลือดนี้
    เกิดขึ้นตามหลังการทดสอบ "อาวุธแห่งแผ่นดินไหว" ใกล้ชายฝั่งเฮติ
    อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้แจกแจงแหล่งข่าวที่ใช้กล่าวหาสหรัฐฯครั้งนี้



    สื่อมวลชนของเวเนซุเอลา รายงานว่าแผ่นดินไหวเขย่าเฮติ
    "อาจเกี่ยวเนื่องกับโครงการ HAARP ระบบที่สามารถก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
    ของสภาพอากาศอย่างรุนแรงและแบบไม่คาดฝัน"



    คราวนี้ลองไปดู การตรวจวัดหรือบันทึกการทำงานของเครื่อง HAARP ที่ตั้งอยู่ที่ Alaska ครับ ก็ไปเจอบางอย่างดูแล้วน่าสนใจทีเดียว ลองเข้าเวบของ HAARP ที่อลาสก้า แล้วทำตามขั้นตอนตามนี้ครับ


    * เวบไซท์ของอลาสก้า HAARP http://www.haarp.alaska.edu/
    * คลิกเข้าไปที่ On-Line Data ที่เมนูด้านบน
    * จะไปยังหน้า Data Index ซึ่งเป็นตัวเลขและกราฟเพื่อตรวจวัดและบันทึกในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งสามารถดูย้อนหลังได้ครับ
    * กราฟบันทึก 4 ตัวแรกน่าสนใจครับ ลองเข้าไปที่กราฟแต่ละตัว โดยการคลิกที่ตัวกราฟได้เลยครับ คือ Magnetometer, VHF Classic Riometer, HAARP HF Ionosonde และ Induction Magnetometer ***เน้นที่ตัวนี้ครับ จะมีทั้งเสียงด้วย
    * เมื่อเข้าไปแล้ว จะเป็นสถานะการตรวจวัดค่าต่างๆ ณ ปัจจุบัน ให้ลองถอยกลับโดยการคลิกที่ Back หรือ Previous ไปวันที่ 9 หรือ 10 มกราคมที่ผ่านมาครับ ซึ่งจะเป็นรูปเส้นกราฟที่ปรกติ
    * แล้วค่อยๆ คลิก Next หรือ Forward กราฟจะเปลี่ยนเป็นช่วง 24 ชั่วโมง ของวันถัดมาครับ
    * ลองคลิกมาจนถึงวันที่ 10-11-12 มกราคมที่ผ่านมา หรือใส่วันที่ๆ ต้องการดู(ตามแบบที่เค้ากำหนด = 20100111 )ในกรอบด้านล่าง แล้วกด Enter
    * เหตุการณ์แผ่นดินไหวในเฮติเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 มกราคม เวลา 16:53:10 (เวลาท้องถิ่น) ลองดูกันครับว่าช่วงเวลาก่อนและกำลังเกิดแผ่นดินไหว เจ้าเครื่อง HAARP มีความเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่
    http://en.wikipedia.org/wiki/2010_Haiti_earthquake

    อันนี้เพียงแต่มีคนตั้งข้อสงสัยครับ ส่วนคำตอบขอให้ทุกท่านค้นหา เชื่อในสิ่งที่เห็นและหลักฐานข้อมูลต่างๆ ที่กำลังทยอยออกมาจะดีกว่าครับ.......

    ..............................................................................................................

    ผู้ค้นพบเทคโนโลยี HAARP " หรือ High Frequency Active Aurora Research Project


    เขาคือ Dr.Nicoli Tesla (นิโคไล เทสล่า) เป็นชาวเซิร์บย้ายถิ่นฐานมาที่รัฐนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ในช่วงปี 1950 แต่โครงการนี้จริงๆ เริ่มต้นในช่วงทศวรรษปี 1900 และถูกพัฒนาอย่างจริงจังจนเป็นผลสำเร็จโดย ดร.เทสล่า โดยการสนับสนุนเงินทุนจากนายธนาคาร "ชั่ว" ที่ชื่อ J.P. Morgan นั่นเอง จึงทำให้เทคโนโลยีถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดด้วยการสร้างภัยพิบัติต่างๆ เพื่อทำลายมนุษยชาติด้วยกันเอง ในคลิปแรกจะแสดงการทำงานของ Tesla Coil ซึ่งเป็นการงานวิจัยเพื่อจำลองและสร้างปรากฏการณ์ "ฟ้าผ่า" ขึ้น




    เรา มาดูกันครับว่า ดร.เทสล่า เป็นใคร มีความเป็นมาอย่างไร แล้วมีขีดความสามารถขนาดไหน ซึ่งถือได้ว่า ดร.เทสล่า เป็นบิดาแห่งการสื่อสารและพลังงานแบบไร้สายทั้งหมดก็ว่าได้ครับ




    วีดีโอนี้จะอธิบายถึงหลักการ ทำงานของ เครื่อง HAARP ครับ เปรียบง่ายๆกับเครื่องดนตรีเช่นกีต้าร์ หรือเปียโน ที่จะสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเมื่อเราเล่นที่โทนเสียงต่ำๆ ครับ และเค้าใช้หลักการเดียวกันนี้ในการสำรวจแร่ธาตุในดินต่างๆ เช่นน้ำมัน ทองคำ และอื่นๆ โดยการส่งคลื่นเสียงความถึ่ต่ำประมาณ 30 วัตต์ ลงไปในชั้นหินต่างๆ เมื่อคลื่นเสียงนี้ไปกระทบกับแร่ธาตุเหล่านั้น ก็จะตอบสนองในระดับที่ต่างๆ กัน เค้าก็จะบอกได้ว่าเค้าเจออะไรจากการสำรวจนั้นๆ











    อีกอย่างนึงคือเราจะสังเกตุ ได้ถ้าเค้าใช้เครื่อง HAARP ยิงไปที่ไหน มันจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ออโรร่า (Aurora) ขึ้นบริเวณนั้นๆ ครับ คือพลังงานนับพันล้านวัตต์จากเครื่อง HAARP จะไป "เผาไหม้" และ "ทำลาย" ชั้นบรรยากาศบริเวณนั้นๆ แล้วทำให้เกิดกลุ่มเมฆมีสีสันเหมือนกับรุ้งขึ้นบนท้องฟ้าบริเวณนั้น ซึ่งก็คือ ออโรร่านั่นเอง แล้วดูวีดีโอนี้ครับว่าเกิดอะไรขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเมืองไซฉวน ของจีนก่อนที่จะมีแผ่นดินไหวครั้งเลวร้ายที่สุดวัดความสั่นสะเทือนได้ถึง 7.8 ริคเตอร์ วีดีโอนี้ถูกถ่ายเก็บไว้ได้โดยบังเอิญโดยชาวบ้านคนหนึ่งซึ่งเห็นปรากฏการณ์ การประหลาดบนท้องฟ้าครับ 30 และ 10 นาทีก่อนเกิดเหตุวิปโยคครับ




    และในวีดีโอนี้อดีตรัฐมนตรี คลังของญี่ปุ่น เค้าออกมายอมรับครับว่า ประเทศเค้าถูกภัยคุกคามจาก "เครื่องสร้างแผ่นดินไหว" หรือ HAARP ครับ เค้าจึงต้องยอมให้ประเทศที่ทำกับเค้าควบคุมระบบการเงินทั้งหมดของญี่ปุ่น เพราะเค้าต่อต้านไม่ได้ ฟังแล้วสลดใจมากครับ ผู้สัมภาษณ์ชาวอเมริกันคนนี้ ก็พยามยามที่จะเอาเรื่องนี้กลับมาเพื่อจะมาเปิดโปงว่าใครเป็นคนทำครับ เค้าก็สู้มาตลอดเพื่อเรื่องนี้ครับ

    .............................................................................................................

    จากในเวปและในเอกสารที่มีระบุ องการณ์ HAARP ออกมาบอกว่าตั้งแต่เข้าสู่ปี 2000 จะเริ่มมีการใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ ทําลายมวลมนุษยชาติ โดยจะเหลือแต่เพียงพวกคนรวยที่เตรียมตัวย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่.... โดยอาจจะต้องปล่อยให้โลกพินาศไปด้วยภัยธรรมชาติที่มาจากอาวุธเทคโนโลยีเหล่า นี้ คิดค้นโดย นิโคล่า เทสลา ชาวนิวยอร์ค นอกจากจะใช้เครื่องมือทางการทหารก่อความวุ่นวายด้วย ภัยพิบัติ ปลอมๆต่างๆ ยังมีแผนไม่ลงนามในสนธิสัญญาเกียวโต เพื่อลดภาวะปรากฏการณ์เรือนกระจก นอกจากนี้ ยังจงใจปล่อยควันพิษ สารเคมี ให้ระเหยไปมากๆในชั้นบรรยากาศโลก เพื่อทําลายมวลมนุษยชาติ โดยคิดว่า พวกตัวเองจะรอดเป็นกลุ่มสุดท้าย และอพยพไปอยู่ที่... โดยการร่วมมือของ.... คอยจับตาเศรษฐกิจจีนดีๆ ปีนี้พุ่งสูงมาก อาจจะสูงจนเงินดอลล่าห์แทบไร้ค่า เพราะจีนเล่นแต่เงินยูโร เมื่อถึงตอนนั้น จะมีแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ทําลายจีนแน่ๆ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ตอนปี 97 เศรษฐกิจฮ่องกงเจริญมากจากการค้าขายอาหาร
    จู่ๆทําไมเกิดโรคไข้หวัดนกขึ้น มา ทําไมจู่ๆฮ่องกงเดี้ยง จีนก็โดน ทําไมสหรัฐฯมียา วัคซีนป้องกันไข้หวัดนกมากที่สุดในโลกและมีการเตรียมมา10ปีแล้ว

    " แต่กระนั้นเรื่องที่เล่ามาทั้งหลายเหล่านี้อาจจะมีข้อมูลที่เท็จหรือจริง บ้าง แต่เราควรใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ด้วยตัวของเราเอง อาจจะเป็นการเปิดโลกให้กล้วงกว่าเดิมก็ว่ากันไป เหตุและผลทุกอย่างมันอาจจะเกื้อหนุนกันได้ในทุกๆเรื่อง แต่ใครเล่าจะรู้ เราๆ ก็เป็นแค่คนธรรมดาที่ทำงานต้อยๆ ทั้งวัน เค้าทำอะไรไปถึงไหนแล้วก็ยังไม่รู้ พรุ่งนี้จะอยู่พรุ่งนี้จะไป ก็ยังไม่รู้ ผมจึงขอเตือนสติทุกท่านให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ใช้เหตุและผลเป็นหลัก เพื่อความสุขในชีวิตปัจจุบันเราเองครับ "

    ...อีกเรื่องนึง อาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คาใจผมมาหลายปีแล้ว ทำไมประเทศไทยเห็นมีข่าวทุกปีว่าเด็กไปแข่งได้เหรียญโอลิมปิกอย่างนั่นอย่าง นี้ แต่ความเจริญก้าวหน้าทางด้าน วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ยังย่ำอยู่กับที่ครับ อีกกี่ปีเราจะตามญี่ปุ่นทัน อีกกีปีจะรู้ทันสหรัฐ ...เป็นคำถามที่ง่าย แต่ไม่ต้องการคำตอบครับ ขอบคุณ


    ขอบคุณที่มา : http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=304349
    http://www.chomrom.com/description.aspx?q_sec=94302749

    http://topicstock.pantip.com/chalerm.../A8394254.html
    http://atcloud.com/stories/75282
    http://atcloud.com/stories/76598
    http://www.chonburi33.com/index.php?...nowledge&id=43
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย T : O : P 22 : 29th January 2012 เมื่อ 18:47


  2. #2
    สมาชิกใหม่
    วันที่สมัคร
    Jan 2012
    กระทู้
    4
    กล่าวขอบคุณ
    0
    ได้รับคำขอบคุณ: 0
    ยาวมากๆเดี๋ยวค่อยกลับมาอ่าน

  3. #3
    ถูกระงับใช้งาน (Banned)
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    2,433
    กล่าวขอบคุณ
    626
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,759
    เหอๆถามว่าเมื่อไหร่จะทันหรอให้บอกไหมอยากรู้หลังไมค์(ก่อนจะหลังไมค์ถามตัวเองก่อนรับความจริงที่คุณไม่เคยรู้ได้ไหม ?)

  4. #4
    .:: NetHack ::.
    วันที่สมัคร
    Aug 2011
    ที่อยู่
    Pak Kret
    กระทู้
    1,111
    กล่าวขอบคุณ
    497
    ได้รับคำขอบคุณ: 375
    คลิปดูไม่ได้อ่ะครับ
    Steam : Blackwolf

  5. #5
    ?
    วันที่สมัคร
    Dec 2011
    ที่อยู่
    ชนบท
    กระทู้
    924
    กล่าวขอบคุณ
    218
    ได้รับคำขอบคุณ: 15,182
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ RES_PAUL อ่านกระทู้
    เหอๆถามว่าเมื่อไหร่จะทันหรอให้บอกไหมอยากรู้หลังไมค์(ก่อนจะหลังไมค์ถามตัวเองก่อนรับความจริงที่คุณไม่เคยรู้ได้ไหม ?)
    ผมก็รู้เเล้วเเหละครับ เเค่รอเวลาเท่านั้น อิอิ

  6. #6
    ?
    วันที่สมัคร
    Dec 2011
    ที่อยู่
    ชนบท
    กระทู้
    924
    กล่าวขอบคุณ
    218
    ได้รับคำขอบคุณ: 15,182
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ maxonline17 อ่านกระทู้
    คลิปดูไม่ได้อ่ะครับ
    ก็ดูได้ปกติ นิ ครับ ถ้าดูไม่ได้ ลอง กด ที่ด้านขวา ดูบน Yuotube อะ ครับ

  7. #7
    ชอบ....เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    my home or my office
    กระทู้
    377
    กล่าวขอบคุณ
    36
    ได้รับคำขอบคุณ: 385
    ถ้าไม่เชื่อ จะโดนด่าว่าโง่ และดักดานมั้ย
    I believe I can't fly. Because I not have anything to fly

  8. #8
    ?
    วันที่สมัคร
    Dec 2011
    ที่อยู่
    ชนบท
    กระทู้
    924
    กล่าวขอบคุณ
    218
    ได้รับคำขอบคุณ: 15,182
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ oniwaga อ่านกระทู้
    ถ้าไม่เชื่อ จะโดนด่าว่าโง่ และดักดานมั้ย

    ไม่มีใครไปว่าอะไรคุณหรอก ครับ เเล้วเเต่การใช้ จักรยาน เอ๊ย! วิจารณญาณในการอ่าน

  9. #9
    กันดั้ม บึ้มม
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    3,757
    กล่าวขอบคุณ
    898
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,473
    สหรัฐผิดอย่างเดียวอะดิ งี้
    ไม่ค่อยได้เล่น เจอกันใน Steam : G0ck7
    ไม่ก็ Origin : nakabbbbb (เล่น BF1 กัน) ครับ

  10. #10
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    301
    กล่าวขอบคุณ
    13
    ได้รับคำขอบคุณ: 44
    รูปดาวเทียมนั่นดูวุ่นวายมากเลย

    ปล.เหมือนจะเป็นทฤษฎีสมคบคิดนะเนี่ย
    -| " _ Y o u ' l l _ N e v e r _ W a l k _ A l o n e _ " |-

  11. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  12. #11
    Man Of Steel
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    DC Comics
    กระทู้
    637
    กล่าวขอบคุณ
    1,369
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,603
    - หาทางตีอเมริกาอีกแล้วสิน่ะ... กระแสแรงจริงๆ แต่ข้อมูลบางอย่างก็เป็นเรื่องจริงน่ะครับ... แต่ผมว่าไม่ใช่อเมริกาน่ะสาเหตุหลักน่ะ จริงๆแล้ว..... !#%$&^&$&^****-# 84220317 ตั้งหาก !!!

    แต่ก็เป็นไปได้เพราะช่วง สงครามเย็นอเมริกาทำทุกอย่างให้มีของที่ดีที่สุดเป็นอาวุธป้องกัน.... บางอย่างคนอย่างเราก็ไม่ควรไปรู้หรอกครับ...

  13. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  14. #12
    ชอบดูไม่ชอบโพสต์
    วันที่สมัคร
    Nov 2011
    กระทู้
    95
    กล่าวขอบคุณ
    825
    ได้รับคำขอบคุณ: 7
    มีเรื่องราวเกี่ยวกับArea 51มั๊ยครับ

  15. #13
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Sep 2011
    กระทู้
    203
    กล่าวขอบคุณ
    499
    ได้รับคำขอบคุณ: 36
    ก็ ว่า กัน ไป

  16. #14
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Mar 2012
    กระทู้
    932
    กล่าวขอบคุณ
    2,126
    ได้รับคำขอบคุณ: 903
    เกลียดสหรัฐเลยพอรู้ว่ามันลองบ้าๆไปมั่ว

  17. #15
    Nothing
    วันที่สมัคร
    Nov 2011
    กระทู้
    1,738
    กล่าวขอบคุณ
    0
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,050
    ผมว่ามันคล้าย ไอที่เป็นฟ้าผ่า ใน redalert 2 นะ

  18. รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  19. #16
    ถูกระงับใช้งาน (Banned)
    วันที่สมัคร
    Aug 2011
    กระทู้
    1,117
    กล่าวขอบคุณ
    3,442
    ได้รับคำขอบคุณ: 4,732
    มาอีกแล้ววว

  20. #17
    — The Twilight Saga —
    วันที่สมัคร
    Aug 2011
    ที่อยู่
    # Bangkok,Thailand
    กระทู้
    1,319
    กล่าวขอบคุณ
    823
    ได้รับคำขอบคุณ: 3,591
    เดี๋ยวกลับมาอ่านน่ะ

  21. #18
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    1,041
    กล่าวขอบคุณ
    1,755
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,900
    ถ้าสงครามโลกครั้งที่ 3 มีจริง การใช้ HAARP เป็นอาวุธสังหารคืออะไรที่อันตรายที่สุด
    เพราะเราจะไม่ทราบต้นเหตุว่ามาจากที่ไหน

    Skrillex !

  22. #19
    ถูกระงับใช้งาน (Banned)
    วันที่สมัคร
    Aug 2011
    ที่อยู่
    System of Live operation
    กระทู้
    2,025
    กล่าวขอบคุณ
    2,831
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,021
    อย่าโทษแต่คนรอบตัว หัดโทษตัวเองซะมั่ง

    ปล.อเมริกาไม่ได้ผิดไปซะทุกอย่าง ^^

  23. #20
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Thailand
    กระทู้
    151
    กล่าวขอบคุณ
    117
    ได้รับคำขอบคุณ: 62
    ติดตามกันต่อไป แต่ เดียวนี้ อาวุธ ร้ายแรง แบบ ******เลย ครับ -*-

  24. #21
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Aug 2011
    กระทู้
    312
    กล่าวขอบคุณ
    570
    ได้รับคำขอบคุณ: 116
    5 5 5 เริ่มมาแล้ว อย่าไปเครียดเลยครับบ

  25. #22
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Oct 2011
    กระทู้
    599
    กล่าวขอบคุณ
    333
    ได้รับคำขอบคุณ: 155
    ถ้าเป็นจริงมันก็เห็นแก่ตัวมากอะ

  26. #23
    The Grand Magus
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    3,292
    กล่าวขอบคุณ
    2,942
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,458
    - - อ่านแล้วจะหลับ ยาวจริงๆ

  27. #24
    ถูกระงับใช้งาน (Banned)
    วันที่สมัคร
    Jan 2012
    ที่อยู่
    Dorm Men 4 CMU
    กระทู้
    399
    กล่าวขอบคุณ
    1,078
    ได้รับคำขอบคุณ: 266
    อีกเรื่องนึง อาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คาใจผมมาหลายปีแล้ว ทำไมประเทศไทยเห็นมีข่าวทุกปีว่าเด็กไปแข่งได้เหรียญโอลิมปิกอย่างนั่นอย่าง นี้ แต่ความเจริญก้าวหน้าทางด้าน วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ยังย่ำอยู่กับที่ครับ อีกกี่ปีเราจะตามญี่ปุ่นทัน อีกกีปีจะรู้ทันสหรัฐ ...เป็นคำถามที่ง่าย แต่ไม่ต้องการคำตอบครับ ขอบคุณ
    เหตุผลของมัน คือ ที่ประเทศอื่นๆเขามีเงินค่าวิจัยให้นักวิทยาศาสตร์ มีสถานที่ที่ทำวิจัยเฉพาะ มีเงินเดือนที่สูงเทียบเท่าหมอ

    แต่ลองมาดูที่ประเทศไทย คนที่สอบได้โอลิมปิกต่างๆแทบจะไม่มีใครเรียนวิทยา ไม่มีงบสนับสนุน
    คนส่วนใหญ่ที่เรียนวิทยาศาสตร์ จะออกไปทำงานโรงงาน เป็นครูตามโรงเรียนมากกว่าเป็นนักวิจัย
    เพราะที่ไทยไม่มีสถานที่ที่มีงานรองรับ เงินเดือนน้อยมากๆ

  28. รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  29. #25
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    1,475
    กล่าวขอบคุณ
    26
    ได้รับคำขอบคุณ: 789
    ไอกัน อีกแล้ว เมื่อไหร่จะมี ประเทศอื่น มาจัดการ ซะที

    รัสเซีย นี่ คงเอาไม่อยู่ เห็นเทคโนโลยี เมกันแล้ว แบบว่า เหนือ อะ หรือ เราไม่ค่อยรู้ว่าเทคโนโลยี รัสเซียมี อะไร บ้าง เห็นแต่ของ เมกัน


 

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top