[3DS]วิกฤตหนัก "นินเทนโด" ลดเป้ากำไรประจำปีลง 82%

[Nailover]

นินเทนโดประสบปัญหาหนัก ต้องปรับลดยอดประมาณการณ์ประจำปีลงถึง 82 เปอร์เซนต์ จากยอดขายเครื่องเกมทุกเครื่องที่พร้อมใจกันตกต่ำ ประกอบกับค่าเงินเยนแข็งค่า และงบประมาณมหาศาลที่ต้องใช้สำหรับพัฒนาเครื่อง "Wii U"

หลังจากที่ผลประกอบการในช่วง 3 เดือนระหว่างเมษายนถึงมิถุนายน ปี 2011 มีผลออกมาย่ำแย่ ทางนินเทนโดก็ได้ปรับลดยอดกำไรทั้งปีลงถึง 82 เปอร์เซนต์

นินเทนโดตัดสินใจลดเป้ากำไรประจำปีงบประมาณปัจจุบันที่อยู่ระหว่างเดือนเมษายนปี 2011 จนถึงเดือนมีนาคมปี 2012 ลงถึง 81.8 เปอร์เซนต์ จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำกำไรได้ถึง 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ก็ปรับลดเหลือเพียงกำไร 260 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้านรายได้ที่จะเข้ามานินเทนโดคาดการณ์ว่าจะมีรายได้ลดต่ำลง 20 เปอร์เซนต์จากที่คาดการณ์ไว้ในทีแรก

ช่วงระยะเวลา 3 เดือนตั้งแต่เมษายนถึงมิถุนายน ปี 2011 นินเทนโดมีรายได้ 1.21 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 50 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2010 ส่งผลให้เกิดภาวะขาดทุน 328 ล้านเหรียญสหรัฐที่ขาดทุนมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเล็กน้อยซึ่งมียอดขาดทุนอยู่ที่ 324 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในช่วง 3 เดือนดังกล่าวเครื่องวีทำยอดขายได้ลดลง 49 เปอร์เซนต์เมื่อกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เครื่องเกมพกพา DS ทำยอดขายลดลง 54 เปอร์เซนต์ ด้านซอฟต์แวร์เกมพกพาบนเครื่อง DS ลดต่ำลง 46 เปอร์เซนต์ และซอฟต์แวร์เกมบนเครื่องวีลดลง 52 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

นินเทนโดสามารถขายเครื่องเกมพกพาสามมิติ "3DS" ทั่วโลกได้ 710,000 เครื่องในช่วงสามเดือนระหว่างเมษายนถึงมิถุนายน ปัจจุบัน "3DS" มียอดรวมตั้งแต่เปิดวางจำหน่าย 4.32 ล้านเครื่อง การประกาศข่าวล่าสุดก่อนหน้านี้ที่นินเทนโดจะลดราคาเครื่อง 3DS ในวันที่ 12 สิงหาคมเหลือ 169.99 เหรียญสหรัฐ(5,100 บาท) สำหรับการขายในสหรัฐ และลดเหลือ 15,000 เยน(5,700 บาท)สำหรับการเปิดขายในญี่ปุ่น ทำให้นินเทนโดยังคงตั้งเป้าที่จะทำยอดขายเครื่อง 3DS ทั่วโลกจนถึงเดือนมีนาคมปี 2012 ให้ได้ 16 ล้านเครื่อง

สถานการณ์ราคาหุ้นของนินเทนโดในปัจจุบันถือว่ามีราคาที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี จากการเปิดตัวเครื่อง "Wii U" ที่ไม่สามารถทำให้ตลาดเกมตื่นเต้นได้ รวมถึงตัวเลขผลประกอบการในช่วงหลังที่ลดต่ำลงไปมาก โดยความตกต่ำที่เกิดขึ้นทางนินเทนโดระบุว่ามีสาเหตุมาจากค่าเงินเยนที่แข็งตัวขึ้น ความตกต่ำของยอดขายเครื่องเกมและค่าการตลาดที่ต้องจ่ายออกไปรวมถึงงบมหาศาลที่ต้องใช้สำหรับวิจัยพัฒนาสินค้าใหม่อย่าง "Wii U" ที่เตรียมจะวางแผงในปี 2012
Credits : Manageronline.com และ gamespot.com

Thanks + Comments
ขอบคุณครับ