เพื่อนๆเคยถามตัวเองไหมว่า ทำไมนักเรียนไทยต้องผมสั้น
วันนี้เวลาเที่ยงคืนกว่าๆ อยู่ๆก็สงสัย เอ่ ทำไมนักเรียนต้องหัวเกรียนด้วยนะ
เหอะๆเลยเซิร์ทเข้าไปหาข้อมูลดูได้ข้อมูลมาดังนี้
ประเทศไทยรับทรงผมทรงนักเรียนทั้งเครื่องแบบต่างๆ จากญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ซึ่งในช่วงสงครามนั้นเกิดเหาระบาดมาก ประชาชนจึงนิยมตัดผมสั้นเกรียน
(ไม่มีอะไรจริงๆ เหตุผลมีแค่นี้ เหาระบาดในไทย แล้วตอนนี้ยังระบาดอยู่รึป่าว ? (เฉพาะใน ช ))
แล้วเคยสงสัยไหมว่า?ทำไมไม่ยกเลิกกฎนี้สักที? ตอนวัยรุ่นก็อยากผมยาวเน่อะ ไม่ต้องยาวมากก็ได้
รองทรงก็ยังดี ก็เลยไปหาข้อมูลมาอีกนิดหน่อย
เพื่อนๆเชื่อรึเปล่าที่บางโรงเรียนบังคับให้ไว้ผมสั้นเนี่ย ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ !!!
เดี๋ยวจะแยกให้ดูเป็นข้อๆให้ดู
1.ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เพราะการเลือกทรงผมไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพผู้อื่น
ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน
(เห็นด้วยนะ หัวก็หัวของเรา ใช่ว่าผมเราไปขึ้นบนหัวคนอื่นซะเมื่อไหร่^^)
--------------------------------------------------------------------------
2.ไร้ซึ่งความจำเป็น เดิมกฎทรงผมเป็นกฎของทหารเพื่อใช้ปลูกฝังการเชื่อฟังคำสั่ง
ปลูกฝังอำนาจนิยมและเพื่อความสะดวกในการดูแลรักษา
แต่การปลูกฝังอำนาจนิยมทำให้เด็กมีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อบ้านเมืองและนักเรียนนักศึกษา
ไม่ต้องรีบร้อนในชีวิตประจำวัน สามารถดูแลทรงผมได้
--------------------------------------------------------------------------
3.การใช้กฎทรงผมบังคับเป็นการสร้างภาพลักษณ์เสมือนมีวินัย
เนื่องจากระเบียบวินัยที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการบังคับให้ทำแต่หากเป็นการกระทำออกมาด้วยจิตสำนึก
---------------------------------------------------------------------------
4.ทำให้เยาวชนคิดไม่เป็นว่าสิ่งที่ทำอยู่ผิดหรือถูก ได้แต่รับคำสั่งไปวันๆ (ทำเหมือนเด็กเป็นหุ่นยนต์)
---------------------------------------------------------------------------
5.ส่งเสริมให้เยาวชนไม่รักษาสิทธิ เนื่องจากการเลือกทรงผมเป็นสิทธิอันชอบธรรมของบุคคลนั้นๆ
แต่สถานศึกษากลับเพิกเฉยและตั้งกฎระเบียบอันเข้มงวด ทำให้นักเรียนไม่สามารถรักษาสิทธิของตัวเอง
ได้นับวันก็จะมีแต่คนหมดหวัง หมดอาลัย ทั้งที่เป็นสิทธิของบุคคลนั้นๆ
-----------------------------------------------------------------------------
6.ปลูกฝังให้เยาวชนละทิ้งเหตุผล เยาวชนหลายคนมีคำถามอยู่ในใจ
แต่เมื่อได้รับคำตอบว่า"มันเป็นกฎ" หรือ "เธอไม่พอใจที่จะทำตามกฎ ก็ไม่ต้องเรียน"
ซึ่งไม่ใช่คำตอบที่ดีของคนที่มีการศึกษาและกำลังให้การศึกษาต่ออนุชนรุ่นหลัง
เพราะแสดงถึงความไร้เหตุผลอย่างยิ่งยวดส่วนคนที่ยึดมั่นในเหตุผลและรอคอยคำตอบก็จะถูกมองเป็นพวกก้าวร้าว
แล้วจะค่อยๆ ถูกหล่อหลอมเป็นพวกยอมรับกฎโดยที่ไม่รู้เลยว่าเพราะอะไร
เดินไปโดยปราศจากเป้าหมาย เป็นส่วนจากการทิ้งเหตุผลของผู้ใหญ่
----------------------------------------------------------------------------------
7.เป็นการส่งเสริมให้ใช้อำนาจโดยมิชอบ
จากการที่เยาวชนซึมซับการใช้อำนาจของครูของเขาที่ใช้อำนาจอย่างไร้เหตุผลให้เขาตัดทรงผมสั้นโดยไม่มีเหตุผล
เขาจะทำตามโดยใช้อำนาจอย่างผิดๆ ทำร้ายคนอื่น
-------------------------------------------------------------------------------------
8.ทำให้เกิดการเหยียดหยามดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
บางคนอาจได้ยินผู้ใหญ่ด่าว่าไว้ผมยาวเหมือนฮิปปี้จะไปเป็นนักเลงหรือ
นั่นคือการเหยียดหยาม ความเป็นคนไม่ได้อยู่ที่ทรงผม จะเป็นคนดี จะสั้นยาวก็ไม่มีปัญหา
-------------------------------------------------------------------------------------
9.ทำให้ชื่อเสียงของโรงเรียนเป็นสิ่งจอมปลอมและมองข้ามชื่อเสียงที่แท้จริงไป
คือคุณภาพของนักเรียนไม่ได้อยู่ที่ทรงผม แต่อยู่ที่คุณภาพของการศึกษาเรียนรู้และคุณภาพจิตใจ
-------------------------------------------------------------------------------------
10.ปลูกฝังให้เยาวชนไม่ยอมรับความคิดเห็นผู้อื่น หรือขาดความมั่นใจในตัวเองไปเลย
จากที่เห็นได้ว่าเยาวชนต้องการหลุดจากแอกของกฎทรงผม แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
เพราะผู้ใหญ่ไม่รับฟังความคิดเห็น เยาวชนจะถูกหล่อหลอมให้เชื่อมั่นความคิดตัวเองมากเกินไปจนไม่ฟังความคิดเห็นผู้อื่น
ซึ่งเป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตย หรืออีกทางหนึ่งสูญเสียความมั่นใจ ทำอะไรก็ผิด
เหตุผลดีแค่ไหนก็เท่านั้น เป็นอันตรายกับระบอบการปกครองเช่นกัน
-------------------------------------------------------------------------------------
ส่วนทางด้านกระทรวงศึกษาธิการแถลงข้อดีของกฎทรงผมนักเรียน สรุปได้ว่า สะอาด เรียบร้อย ป้องกันเหาได้
เสียค่าใช้จ่ายน้อยในการตัดผม ทรงสุภาพเหมาะสมกับวัย แต่ยังไงเสียก็ขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญอยู่ดี
ซึ่งนักเรียนสามารถฟ้องร้องในแง่ของการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ แต่ไม่มีกล้าใครทำ จึงเป็นกฎตายตัวไปจนทุกวันนี้