`Hell
22nd October 2012, 23:37
http://p.s1sf.com/ns/0/ud/229/1149396/3.jpg
(ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อข่าว)
แม่ตามหาลูกชายกลับมารับมรดก กว่า 2 ล้านบาท หลังน้อยใจไม่ได้เงินไปแต่งเมีย หนีออกจากบ้านกว่า 15 ปี เผยอยากกอดลูกก่อนจะตาย
เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางละเอียด พันธ์จั่น อายุ 60 ปี อยู่หมู่ที่ 7 บ้านวัดหลวง ตำบลท่าบัว อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ตนได้แต่งงานกับสามี จนมีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ นายอนุชา พันธ์จั่น ต่อมาตนและสามีแยกทางกัน ซึ่งตนเองเลี้ยงลูกคนเดียว จนกระทั่งลูกชายโตเป็นหนุ่มขึ้น และเดินทางไปทำงานที่ กทม. จนอายุ 21 ปี ลูกชายกลับมาบ้านและขอเงินตน 5,000 บาท เพื่อจะไปแต่งงาน
แต่ตนและญาติยังมีความจำเป็น ต้องใช้เงินดังกล่าวในการลงทุน จึงยังไม่ได้ให้ ประกอบกับเงินที่หาได้ในครอบครัว ถือเป็นเงินกงสี ยังไม่สามารถแบ่งให้ลูกหลานได้ จากนั้นบุตรชายเกิดการน้อยใจ และโกรธหนีหายไป จนขณะนี้เป็นเวลา 15 ปี ซึ่งปัจจุบันลูกชายน่าจะมีอายุ 36 ปี แล้ว และยังไม่กลับบ้านมาสักครั้งเดียว
นางละเอียด กล่าวว่าตนและญาติพยายามตามหาลูกแต่ไม่รู้อยู่ไหน ตนคิดถึงลูกมาก อีกทั้งสุขภาพร่างกายไม่ดี มีโรครุมเร้า แพทย์บอกว่ามีอาการทางประสาทกำเริบ ตนเองอยากพบลูกสักครั้งก่อนตาย ซึ่งตนมีมรดก ไม่ว่าจะเป็นไร่นา ทองรูปพรรณ เงินมูลค่ากว่า 2 ล้านจะมอบให้ลูกก่อนตาย อยากให้ลูกกลับบ้านมารับมรดก และอย่าโกรธแม่อีกเลยเลย เพราะคิดถึงลูกมาก อยากกอดลูกก่อนจะตาย
ด้านนายเสนาะ ทองสัมฤทธิ์ ญาติของนางละเอียด กล่าวว่า สงสารนางละเอียดมาก หลังจากที่ลูกชายหนีหายไปไม่ติดต่อกับมา เป็น 10 ปีแล้ว ซึ่งตนก็อยากให้หลานกลับมาดูแลแม่ ซึ่งขณะนี้มีอาการป่วยทางสมอง ต้องเข้ารักตัวตัวโรงพยาบาลเป็นประจำ เพราะเกิดอาการเครียดคิดถึงแต่ลูก เห็นใครก็วิ่งเข้าไปกอดน่าสงสารอย่างมาก
ที่มา Sanook
คิดอย่างไรกันบ้างครับ ผมอ่านแล้วสะเทือนใจมาก ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้ในสังคมไทยเลย
(ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อข่าว)
แม่ตามหาลูกชายกลับมารับมรดก กว่า 2 ล้านบาท หลังน้อยใจไม่ได้เงินไปแต่งเมีย หนีออกจากบ้านกว่า 15 ปี เผยอยากกอดลูกก่อนจะตาย
เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางละเอียด พันธ์จั่น อายุ 60 ปี อยู่หมู่ที่ 7 บ้านวัดหลวง ตำบลท่าบัว อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ตนได้แต่งงานกับสามี จนมีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ นายอนุชา พันธ์จั่น ต่อมาตนและสามีแยกทางกัน ซึ่งตนเองเลี้ยงลูกคนเดียว จนกระทั่งลูกชายโตเป็นหนุ่มขึ้น และเดินทางไปทำงานที่ กทม. จนอายุ 21 ปี ลูกชายกลับมาบ้านและขอเงินตน 5,000 บาท เพื่อจะไปแต่งงาน
แต่ตนและญาติยังมีความจำเป็น ต้องใช้เงินดังกล่าวในการลงทุน จึงยังไม่ได้ให้ ประกอบกับเงินที่หาได้ในครอบครัว ถือเป็นเงินกงสี ยังไม่สามารถแบ่งให้ลูกหลานได้ จากนั้นบุตรชายเกิดการน้อยใจ และโกรธหนีหายไป จนขณะนี้เป็นเวลา 15 ปี ซึ่งปัจจุบันลูกชายน่าจะมีอายุ 36 ปี แล้ว และยังไม่กลับบ้านมาสักครั้งเดียว
นางละเอียด กล่าวว่าตนและญาติพยายามตามหาลูกแต่ไม่รู้อยู่ไหน ตนคิดถึงลูกมาก อีกทั้งสุขภาพร่างกายไม่ดี มีโรครุมเร้า แพทย์บอกว่ามีอาการทางประสาทกำเริบ ตนเองอยากพบลูกสักครั้งก่อนตาย ซึ่งตนมีมรดก ไม่ว่าจะเป็นไร่นา ทองรูปพรรณ เงินมูลค่ากว่า 2 ล้านจะมอบให้ลูกก่อนตาย อยากให้ลูกกลับบ้านมารับมรดก และอย่าโกรธแม่อีกเลยเลย เพราะคิดถึงลูกมาก อยากกอดลูกก่อนจะตาย
ด้านนายเสนาะ ทองสัมฤทธิ์ ญาติของนางละเอียด กล่าวว่า สงสารนางละเอียดมาก หลังจากที่ลูกชายหนีหายไปไม่ติดต่อกับมา เป็น 10 ปีแล้ว ซึ่งตนก็อยากให้หลานกลับมาดูแลแม่ ซึ่งขณะนี้มีอาการป่วยทางสมอง ต้องเข้ารักตัวตัวโรงพยาบาลเป็นประจำ เพราะเกิดอาการเครียดคิดถึงแต่ลูก เห็นใครก็วิ่งเข้าไปกอดน่าสงสารอย่างมาก
ที่มา Sanook
คิดอย่างไรกันบ้างครับ ผมอ่านแล้วสะเทือนใจมาก ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้ในสังคมไทยเลย