ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ Sticker Line ออกใหม่ โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin Joker Game Official Fanpage
ให้เช่า Colocation
สติ๊กเกอร์ไลน์
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin
เฟสบุ๊คเพจ

bizboyz

♥♥♥ ตำนาน Alien และ Predator ♥♥♥ ย่อแล้วนะ!

Rate this Entry
อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ bizboyz อ่านกระทู้
ตำนาน Predator : "ย้วดจา" มฤตยูนักล่าจักรวาล




"ย้วดจา(Yautja)" คำแปลกๆ แล้วเกี่ยวอะไรกับ พรีเดเตอร์(Predator) ? "ย้วดจา" ก็คือชื่อเรียกดั้งเดิมของเผ่าพันธุ์พรีเดเตอร์นั้นเอง เรียกขานกันในฉบับหนังสือการ์ตูนคอมมิค-นวนิยาย(ทำนองเดียวกับชื่อซีโนมอร์ฟของเอเลี่ยน)

ย้วดจาเป็นเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาต่างดาวที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง รูปร่างแขนขาคล้ายมนุษย์ หน้าตามีเขี้ยวกรามใหญ่ดูดุร้ายน่ากลัว เส้นผมเป็นปล้องลำคล้ายทรง Dreadlock ผิวหนังหนาหยาบมีลายคล้ายสัตว์เลื่อยคลานจำพวกพวกกิ่งกา เผ่าพันธุ์มันมีรสนิยมชื่นชอบและคลั่งไคล้การไล่ล่าเป็นชีวิตจิตใจ โดยหลักๆแล้วมันจะล่าและฆ่าเพื่อเป็นการพิสูจน์ฝีมือหรือพูดอีกอย่างว่าล่าเพื่อความบันเทิง!
ในสังคมของย้วดจาจะแบ่งเป็นแคลน(Clan)หรือเป็นก๊กเป็นเหล่าต่างๆ แต่ละแคลนจะมีผู้นำของตน โดยผู้นำก็คือย้วดจาที่กรำศึกล่ามาอย่างโชกโชน สังหารเหยื่อมาแล้วนับไม่ถ้วน พวกมันจะแยกย้ายกันไปยังดวงดาวต่างๆทุกแห่งทุกหนในห้วงจักรวาลเท่าที่มันสามารถไปถึง เพื่อแสวงหาคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งและคู่ควร มันจึงได้สมญานามว่า " มฤตยูนักล่าจักรวาล" โดยถ้ามันล่าและฆ่าได้สำเร็จก็จะทำการถลกหนังและเก็บกระดูกนำมาเป็นเครื่องประดับตกแต่งร่างกาย อีกทั้งยังคัดสรรเก็บสะสมหัวกระโหลกของเหยื่อพันธุ์ต่างๆเป็นที่ระลึก
หมายเหตุ : คำ "Predator" ฝรั่งออกเสียง "เพร็ดเดเตอร์" แต่ไทยเรานิยม "พรีเดเตอร์" เป็นคำกลางๆ เดิมหมายถึงสัตว์ที่ล่ากินสัตว์อื่นเป็นอาหาร อาจเป็น เสือ สิงโต จระเข้ แร้ง เหยี่ยว หมาป่า หมี ฉลาม มด เป็นต้น แต่เมื่อคำ “Predator” ถูกนำมาใช้เป็นชื่อเรียกเผ่าต่างดาว”ย้วดจา” ผ่านทางภาพยนตร์ คำๆนี้จึงติดปากกลายเป็นชื่อเรียกเฉพาะของย้วดจาไปโดยปริยาย(ทำนองเดียวกับคำ "Alien")

- เรายังไม่ทราบแน่ชัดว่าดาวบ้านเกิดของย้วดจาอยู่ตำแหน่งไหนของจักรวาลกันแน่? อารยธรรมบ้านเมืองจริงๆของพวกมันจะเป็นลักษณะเช่นใด? แต่เท่าที่มีข้อมูลจะพบว่าสาปัตยกรรมของพวกมันมีลักษณะทำนองเดียวกับพีระมิด! ภาพล่างนี้คือเป็นเพียงภาพสเก็ตจินตนาการและฉากแว็บหนึ่งใน AVP ภาคสอง(ซึ่งคาดว่าอาจเป็นดาวบ้านเกิดของมัน) -

ทางกายภาพย้วดจาเป็นนักปืนป่ายที่เก่งกาจ มีขนาดรูปร่างสูงใหญ่กว่ามนุษย์พอสมควร โดยเฉลี่ยสูงประมาณ 2.5-3 เมตร น้ำหนักอยู่ที่ระหว่าง 120 - 180 กิโลกรัม หูของมันแยกแยะเสียงได้ดีเยี่ยม มีกล้ามเนื้อและกระดูกที่แข็งแรงมาก สามารถใช้มือเปล่าต่อยกำแพงคอนกรีตให้พังทลายได้ อีกทั้งยังสามารถกระโดดได้สูงอีกด้วย พวกมันมีความคล่องแคล่วเป็นพิเศษในการเคลื่อนที่ผ่านที่สูงอย่างต้นไม้หรือหลังคาบ้าน การมองเห็นของย้วดจาเป็นการมองเห็นแบบจับคลื่นความร้อน มันจึงสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตได้แม้ในที่มืด และนวัตกรรมหน้ากากสุดแสนไฮเทคของย้วดจานอกจากช่วยในการหายใจให้คล่องขึ้นในถิ่นต่างดาวต่างๆแล้ว ยังสามารถช่วยในการปรับการมองเห็นเป็นโหมดต่างๆได้มากมายจึงช่วยให้มันไล่ล่าเหยื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งๆขึ้น


คงสงสัยว่าถ้ามันไล่ล่าและฆ่าเพื่อความบันเทิงแล้ว แล้วยามปกติมันกินอะไรเป็นอาหาร? คำตอบมีอยู่ในภาคการ์ตูนคอมมิค นั้นคือ มันจะล่าสัตว์เล็กๆมากินเป็นอาหาร และก็กินแบบดิบๆ!


ร่างกายของพวกมันต้องการออกซิเจนมากกว่ามนุษย์เล็กน้อย แม้บรรยากาศบนโลกจะไม่ทำให้พวกมันลำบากถึงตาย แต่ย้วดจาบางตัวที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศอาจจะต้องสวมหน้ากากไว้ตลอดเวลา จุดเด่นอีกอย่างของมันคือมันมีเลือดเป็นสีเขียวอ่อน แถมยังเรืองแสงสวยงามทีเดียว ย้วดจาเมื่อมายังโลกส่วนมากมักจะแฝงตัวอยู่ในป่าลึกแต่บางทีมันก็นึกสนุกแวะเข้ามาเล่มเกมส์ไล่ล่าในเมืองใหญ่บ้างเหมือนกัน แต่เราจะไม่สามารถเห็นตัวมันได้ง่ายนัก เนื่องจากมันมีเทคโนโลยีพิเศษที่ช่วยในการอำพรางซ่อนเร้น โดยทำให้ตัวมันโปร่งใสเกือบ100%



อาวุธยุทโธปกรณ์ของย้วดจา

- คลิปวิดีโอด้านล่าง บรรยากาศ Predator ล่าเหยื่อ : จากเกมส์ Alien VS Predator -


พวกพรีเดเตอร์มีอาวุธและอุปกรณ์ไฮเทคทั้งลับและไม่ลับมากหมายเหลือที่คณานานับได้ เราจึงมักเห็นพวกมันพกโน้นพกนี่อีรุงตุงนังเต็มไปหมด ยุทโธปกรณ์หลักๆที่เห็นคุ้นตากันอยู่บ่อยๆทั้งในภาพยนตร์ การ์ตูนคอมมิค หรือในภาควิดีโอเกมส์ ก็อาทิเช่น

หน้ากากชีวภาพ(Bio Mask) เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญชิ้นหลักที่พรีเดเตอร์ทุกตัวต้องมี ภายในหน้ากากติดตั้งอุปกรณ์เสริมไว้มากมาย ทั้งเครื่องกันแก๊ซพิษ เครื่องช่วยหายใจ เครื่องแปลภาษา เครื่องขยายเสียง เครื่องช่วยระบบการมองเห็น เครื่องตรวจจับคลื่นความร้อน ฯลฯ และหน้ากากชีวภาพนี้ยังทำงานลิงค์กับอุปกรณ์อื่นๆอีกด้วย อาทิ ปืนหัวไหล่(ในข้อถัดไป)
ปืนหัวไหล่(Shoulder Cannon) เป็นอาวุธหลักสำคัญอีกชิ้น ใช้งานคู่กับหน้ากากชีวภาพ กระบอกปืนสามารถยิงกระสุนพลาสม่าโดยมีแสงเลเซอร์ เป็นจุดสีแดงสามจุดจากหน้ากากเล็งกำหนดเป้าหมายที่ต้องการ และยังสามารถชาร์จพลังงานก่อนยิง เพื่อเพิ่มหรือลดระดับความรุนแรงได้อีกต่างหาก


จานพิฆาต(Smart Disk) แผ่นจานกลมๆเล็กกระทัดรัด ดูเผินๆคงไม่มีพิษสงอะไรมาก แต่แท้จริงมันคือหนึ่งในไม้เด็ดของพรีเดเตอร์เลยทีเดียว เมื่อขว้างออกไปจะติดตามไล่ล่าตัวเหยื่ออย่างไม่ลดละจนกว่าจะได้แตะต้องเฉือนร่างเหยื่อเป้าหมาย แถมยังมีแรงตัดที่รุนแรงมากสามารถเฉือนร่างมนุษย์หรือเอเลี่ยนให้ขาดเป็นสองท่อนได้ในครั้งเดียว แล้วจึงค่อยหมุนวกกลับไปสู่มือมือเจ้าโดยอัตโนมัติทำนองเดียวกับบูมเมอแรง
กงจักรพิฆาต(Shuriken) เป็นจักรที่มีความคมและความเร็วสูง ทำงานคล้ายๆ จานพิฆาต หรือ Smart disc แต่ในแสนยานุภาพในการเฉือนจะด้อยกว่า Smart Disk
มีดสนับแขน(Wrist Blades) เป็นอาวุธพื้นฐานที่พรีเดเตอร์ทุกตัวต้องมี มันเป็นใบมีดสองคมติดอยู่ที่หลังมือและแขน แต่ละชิ้นจะมีใบมีดประกอบอยู่ 2 หรือ 3 ด้าม และมีความยาวประมาณ 1 ฟุต


เครื่องระเบิดตัวเอง(Self-Destruct Device) เมื่อพ่ายแพ้ในการต่อสู้ หรือมีเหตุจำเป็นบางประการ พรีเดเตอร์จะเปิดแผงอุปกรณ์ตรงข้อมือซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นระเบิดเวลาและสามารถตั้งค่าควบคุมระดับรัศมีความรุนแรงได้ตามที่ต้องการ โดยระดับแรงระเบิดสูงสุดจะพอๆกับระเบิดนิวเคลียร์เลยทีเดียว
แซตคอม(Sat-Com) อุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นเครื่องตรวจหาตำแหน่ง ทำงานคล้ายกับระบบ GPS ของเรานั่นเอง แต่มันล้ำกว่ามากตรงที่สามารถแสดงเป็นภาพ 3มิติแบบโฮโลแกรมหมุนได้รอบทิศทาง
หอก(Spear ) ถือได้ว่าเป็นอาวุธจู่โจมยอดนิยมของย้วดจา ภายในถูกออกแบบให้มีกลไกยืด-หดได้ สามารถเจาะทะลุทะลวงได้แม้กระทั่งแผ่นเหล็ก ทั้งยังสร้างจากวัสดุพิเศษที่ทนต่อการกัดกร่อนของเลือดอันเป็นกรดเข้มข้นของเอเลี่ยนได้อีกด้วย ตัวหอกยังติดตั้งอุปกรณ์อำพรางโปร่งแสงส่งผลให้เหยื่อมองไม่เห็นอีกต่างหาก


และอื่นๆอีกมากมาย… Fire trap(เป็นกับดักระเบิด), EMP mine(ใช้รบกวนเครื่องมือทางกลศาสตร์ทุกชนิดในบริเวณนั้น), Sonic trap(ระเบิดชนิดนี้จะทำให้เหยื่อเป็นอัมพาต และหมดสติ เป็นกับดักที่เลือกเป้าหมายเฉพาะเจาะจง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอื่นที่อยู่ใกล้เคียง), Plasma mine (ทำลายเป้าหมายจนสิ้นซาก และเหลือไว้แต่หัวกะโหลก), Remote bomb(เป็นระเบิดแบบขว้าง มีตะขอสำหรับยึดติดกับผนัง หรือพื้น โดยจะทำงานเมื่อกระทบเป้าหมาย หรือสั่งการผ่านรีโมทที่ข้อมือของพรีเดเตอร์)…ฯลฯ

จะเห็นว่ายุทโธปกรณ์ทุกอย่างของพรีเดเตอร์ล้วนร้ายกาจเต็มไปด้วยกลไกที่ซับซ้อนล้ำสมัย จนชาวโลกเราต้องตะลึงว่าสิ่งมีชีวิตประหลาดหน้าตาเยี่ยงสัตว์ดุร้ายเช่นนี้จะมีสมองอันชาญฉลาดสร้างเครื่องมือที่ซับซ้อนขนาดนี้ได้อย่างไร และนอกจากนี้พวกมันยังมีการพกพาอุปกรณ์การแพทย์ทั้งหยูกยาไว้ในยามเจ็บไข้หรือกรณีบาดเจ็บสาหัสฉุกเฉินอีกด้วย เรียกว่ารอบคอบไม่มีขาดตกบกพร่อง เตรียมพร้อมสำหรับการล่าอย่างเต็มอัตราศึก และอีกอย่างที่มันต้องพกพาอย่างขาดเสียไม่ได้ก็คือ เครื่องทำความสะอาดกะโหลก! ไว้ทำความสะอาดทั้งกระดูกและหัวกะโหลกงามๆของเหยื่อเพื่อใช้ประดับร่างกายหรือเก็บไว้เป็นของสะสม เครื่องทำความสะอาดกะโหลกนี้จะทำงานโดยการปล่อยสารเคมีพิเศษเพื่อย่อยสลาย เนื้อ ผิวหนัง และไขมัน จนเหลือแต่กะโหลก-กระดูกที่เกลี้ยงเกลาเป็นเงางาม


ยานอวกาศของย้วดจา

ยานอวกาศของพรีเดเตอร์มีเหลากหลายรูปแบบ ถ้าเป็นยานแม่จะมีขนาดใหญ่โตอย่างน่าเหลือเชื่อ ใหญ่พอๆกับดาวดวงหนึ่งเลยทีเดียว(ที่เราเห็นในภาพยนตร์ ส่วนใหญ่เป็นแค่ระดับยานลูก) ภายในยานแม่ที่ว่านี้เปรียบได้กับเมืองหลายเมืองรวมกัน มีท่าเทียบยาน มียานลูกนับพัน รวมไปถึงที่ทำการของแคลนต่างๆ โดยมีพรีเดเตอร์นับร้อยนับพันหมุนเวียนไปมาเข้าๆออกๆกันอยู่ตลอดเวลา จะเปรียบว่ายานแม่เป็นเหมือนดาวบ้านเกิดอีกดวงของพวกมันก็ว่าได้
ยานแม่ยังเป็นศูนย์กลางให้เหล่าย้วดจาสามารถหาซื้อเครื่องมือและอาวุธใหม่ๆสำหรับการไล่ล่า ด้วยการแลกเปลี่ยนกับหัวกระโหลกงามๆที่ได้ไปล่ามา โดยเฉพาะหัวกระโหลกของเอเลี่ยนและมนุษย์จะมีค่าสูงเป็นพิเศษสามารถแลกอาวุธล้ำๆชั้นสูงได้ ยานแม่ยังเป็นโรงเรียนฝึกการต่อสู้ เป็นศูนย์บัญชาการที่รวมพลเมื่อเกิดเหตุต้องทำสงครามต่างดาวกับมนุษย์ต่างดาวเผ่าอื่นๆ และรวมไปถึงเป็นที่แลกเปลี่ยนข่าวสาร สังสรรค์ระหว่างกัน ยานแม่จะไม่เคลื่อนที่ไปจากจุดเดิมบ่อยนักถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ โดยมักจะปักหลักอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งเป็นระยะเวลายาวนานนับสิบปีหรือถึงร้อยๆปีกันเลยทีเดียว และยังมีการติดตั้งเทคโนโลยีโปร่งแสงอำพรางยานทั้งลำเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตต่างดาวอื่นๆสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าอีกด้ว


ภาษาของย้วดจา

แม้พรีเดเตอร์จะมีรูปลักษณ์หน้าตาออกไปทางสัตว์ดุร้าย แต่อย่างที่ได้ทราบกันมาแล้วว่า มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอารยธรรม มีวิทยาการเทคโนโลยีชั้นสูงขนาดที่มนุษย์โลกเราในปัจจุบันเทียบไม่ติดเลยทีเดียว และที่มองข้ามไม่ได้เป็นอันขาดคือ มันมีการประดิษฐ์ตัวอักษรเป็นของตัวเองด้วย โดยรูปแบบจะเป็นสัญลักษณ์ตัวขีดคล้ายเป็นอักษรภาพ ส่วนการออกเสียงพูด ณ ขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าพวกมันมีสำเนียงภาษาเป็นเช่นใด ในยามปกติเราจะได้ยินเฉพาะเสียงของมันที่ฟังดูคล้ายๆการกรนอยู่ตลอด และเมื่อมันขู่คำรามจะมีเสียงน่าขนพองสยองเกล้าคล้ายๆเสียงคำรามของสิงโต แต่มันก็สามารถเลียนแบบเสียงพูดของมนุษย์ได้ โดยบางตัวสามารถพูดภาษามนุษย์(ภาษาอังกฤษ)ได้อย่างคล่องแคล่ว...


ย้วดจายุคใหม่

เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไปสภาพสังคมวัฒธรรม เทคโนโลยีย่อมปรับเปลี่ยนพัฒนาไปตาม พรีเดเตอร์ก็เช่นเดียวกัน ในการ์ตูนคอมมิค หรือเกมส์เวอร์ชั่นที่ออกมาใหม่ล่าสุดในระยะหลังๆ(2009-2010) เราจะเห็นพรีเดเตอร์ในชุดแต่งแบบใหม่ๆที่ดูเท่ห์หรูมีระดับยิ่งขึ้น ยานอวกาศ อาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือก็ดูพัฒนาล้ำสมัยแปลกหูแปลกตายิ่งขึ้นเช่นกัน แต่สิ่งที่พวกมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อยก็คือ หน้าตาอันแสนโหด กับวัฒนธรรมไล่ล่าสะสมกระโหลกนั่นเอง

ตำนาน Predator : เกียรติยศศักดิ์ศรีและจรรยาบรรณนักล่า


เมื่อพิจารณารูปแบบการล่าของพรีเดเตอร์โดยภาพรวมกว้างๆแล้ว ไม่ว่าจากฉบับภาพยนตร์หรือในฉบับการ์ตูนคอมมิค ถ้าไม่นับการล่าฆ่าเพื่อกินเป็นอาหาร(ซึ่งมักเป็นสัตว์เล็กๆ) เราจะเห็นได้ว่าเหยื่อส่วนใหญ่ที่พรีเดเตอร์ไล่ล่านั้นมักเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง ดุร้าย ถ้าเป็นมนุษย์ก็ต้องเป็นผู้ที่มีการฝึกฝนในการต่อสู้มาเป็นอย่างดี เช่น ทหาร ตำรวจ นักรบ หรือคนที่มีร่างกายกำยำแข็งแกร่ง เช่น นักกีฬา หรือไม่ก็เป็นพวกพกอาวุธร้ายแรง อาทิ พวกโจร พวกแก๊งนักเลงอันธพาลกร่างๆ เป็นต้น พวกมันจะไม่ล่าผู้ที่ประเมินแล้วว่าอ่อนแอไร้ทางสู้อย่างสิ้นเชิง อาทิ เด็ก คนป่วย คนชรา และสตรีมีครรภ์ ยกเว้นกรณีไปตอแยติดตามหรือท้าทายมันมากเกินไป หรือบังเอิญเกิดโชคร้ายไปอยู่ในที่ที่เกะกะขวางทางการล่าของมัน มันอาจจะฆ่าทิ้งให้สิ้นรำคาญเอาเสียดื้อๆได้ง่ายๆเช่นกัน นี้แสดงให้เห็นว่าถึงแม้จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่โฉด*****มเลือดเย็น แต่พวกมันก็มิได้ฆ่าอย่างไม่เลือกหน้าหรือไล่ล่าอย่างเลื่อนลอยไร้หลักการเสียทีเดียวถือว่ายังมีจรรยาบรรณอยู่บ้างพอสมควร ข้อนี้ต่างจากเอเลี่ยนซึ่งเจอใครก็เป็นอันฆ่า*****น! พรีเดเตอร์ยังมีข้อปฏิบัติที่น่าสนใจอีกอย่างคือ เมื่อมันฆ่าเหยื่อได้แล้ว โดยเฉพาะเหยื่อประเภทเดินตัวตรงสองขาอย่างมนุษย์ มันจะทำการถลกหนังแล้วนำไปแขวนบนที่สูงอย่างบนต้นไม้ เสา เพดาน ฯลฯ ในลักษณะห้อยหัวบนลงมา!



และพวกพรีเดเตอร์อาจตัดศรีษะเหยื่อเพื่อเอากะโหลกไปเป็นของสะสม อันเป็นการแสดงถึงเกียรติภูมิของตนให้พวกพ้องได้ประจักษ์ ยิ่งเหยื่อดุร้ายแข็งแกร่งมากเท่าไร เกียรติยศศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจก็ยิ่งเพิ่มมากตามไปด้วยเท่านั้น แต่ในกรณีที่พรีเดเตอร์เกิดพลาดท่าบาดเจ็บสาหัส มันอาจจะใช้ไม้เด็ดขั้นสุดท้ายนั้นคือการใช้เครื่องมือพิเศษทำการระเบิดตัวตายใส่คู่ต่อสู้ให้ตายตกไปด้วยกัน หรือ ฆ่าตัวตายล้างอายเสียดื้อๆก็มี




ประเภทและชนชั้นทางสังคมของย้วดจา

การจัดแบ่งประเภทของพรีเดเตอร์ต่อไปนี้ไม่ใช่การแบ่งชาติพันธุ์หรือเชื้อสาย แต่เป็นการจัดกลุ่มกว้างๆให้เห็นภาพรวมทางชนชั้นในเชิงสังคมพรีเดเตอร์เท่านั้น ไม่ใช่หลักเกณฑ์ตายตัวและก็ไม่ได้หมายความว่าสังคมพรีเดเตอร์จะสามารถแบ่งเป็นจำพวกต่างๆได้แต่เพียงเท่านี้ เช่นเดียวกับสังคมมนุษย์ที่มีคนร้อยแปดจำพวก

- 1. Non Hunters หรือ กลุ่มที่ไม่ใช่นักล่า ถึงในสังคมของย้วดจาส่วนใหญ่จะนิยมการไล่ล่า แต่ก็ใช่ว่าทุกตัวที่ชื่นชอบเกมส์การล่าอย่างที่พรีเดเตอร์ส่วนใหญ่นิยมกัน เผ่าพรีเดเตอร์จึงถูกแบ่งเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน คือพวกล่าและพวกไม่ล่า พวกไม่ล่าหรือ Non Hunters นี้จะออกล่าบ้างเฉพาะสัตว์เล็กๆมากินเป็นอาหารเท่านั้น ถึงออกท่องเดี่ยวต่างดาวอาจล่าเล่นบ้างแต่ไม่จริงจัง จะต่อสู้รุนแรงก็เพียงป้องกันตัวเท่านั้น จะมีใจเทไปทางโอบอ้อมอารีสมานฉันท์อีกต่างหาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกนี้ไม่มีฝีมือเอาเสียเลย บางตัวคมในฝักฝึกฝนทักษะการต่อสู้เช่นกันแต่เพียงเพื่อไว้ป้องกันตัว จัดเป็นชนกลุ่มน้อยที่ถูกเหยียดหยามมองว่าไร้ค่าและมีฐานะการยอมรับทางสังคมค่อนข้างต่ำ จึงมักเป็นขัดหูขัดตาพวกที่เป็นนักล่าบางกลุ่ม จนเกิดเรื่องเป็นประเด็นสงครามระหว่างกลุ่มล่ากับกลุ่มไม่ล่า ก็มีบ้างบางโอกาส แต่ถึงกระนั้น Non Hunters ก็ยังไม่ใช่กลุ่มที่สังคมรังเกียจและได้รับการประณามที่สุดของเผ่าพันธุ์ (อ่านต่อๆไป เดี๋ยวก็รู้ว่าพวกไหน ที่สังคมรังเกียจและสะพรึงกลัว!

- พรีเดเตอร์ที่ถูกพรีเดเตอร์ด้วยกัน จับล่ามพันธนาการกับเสาเพื่อเป็นเป้าล่อเหยื่อมนุษย์ ที่ปรากฏใน Predators (ภาค 3 ปี 2010)นั้น ถือว่าอยู่ในพวก Non Hunters-


- 2. Unblooded เป็นย้วดจารุ่นเยาว์ที่ผ่านการฝึกฝนทักษะการล่าและการใช้อาวุธต่างๆมาบ้างแล้ว และเตรียมเข้าสู่พิธีบรรลุนิติภาวะ โดยพวกเขาจะต้องผ่านการล่า-ฆ่าฝูงเอเลี่ยนตัวจริงๆและรอดชีวิตมาได้ครั้งหนึ่งก่อน จึงจะได้รับการยกย่องเป็นพวก Blooded ในขั้นต่อไปอย่างเต็มตัว

- พรีเดเตอร์สามเกลอ ที่ยกขโยงกันมาใน AVP ภาค 1จัดอยู่ในกลุ่ม Unblooded -


- 3. Blooded เมื่อผ่านการทดสอบบรรลุนิติภาวะมาแล้ว ย้วดจาตนนั้นจะได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการและเต็มภาคภูมิ และถัดจากนี้พวกมันก็จะได้เริ่มต้นชีวิต ออกผจญภัยไล่ล่าไปยังดาวต่างๆในจักรวาลต่อไป แก้งค์พรีเดเตอร์ในหนัง Predators(ภาค 3) จัดอยู่ในพวกนี้ ซึ่งนอกจากมีการล่าเป็นทีมแล้วยังมีการใช้สัตว์เลี้ยงออกช่วยล่าสร้างสีสันอีกต่างหาก





- 4. Warriors ย้วดจาในกลุ่มนี้เป็นพวกนิยมความรุนแรงไล่ล่าอย่างบ้าเลือด แต่รักสันโดษ พวกเขาไม่ชอบยุ่งเกี่ยวสุงสิงกับสังคมหรือกลุ่มแคลนต่างๆ มักแยกบินเดี่ยวออกเล่นไล่ล่าแต่เพียงผู้เดียวแต่ยังมีศักดิ์ศรีประพฤติตัวอยู่ในจารีตประเพณีของสังคมย้วดจาอยู่มากทีเดียว และเมื่อเกิดสงครามกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวเผ่าอื่นๆพวกนี้อาจเข้าร่วมรบให้ความช่วยเหลือด้วย กลุ่ม Warriors นี้มักจะมีทักษะสูงส่ง และเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีอาวุธต่างๆอย่างดีเยี่ยม(ไม่งั้นคงไม่กล้าฉายเดี่ยว) พรีเดเตอร์ตัวที่ซัดกับอาร์โนลด์ใน Predator ภาคแรก จัดอยู่ในกลุ่มนี้



- 5. Honoured เป็นพวกย้วดจายอดฝีมือชั้นหัวกะทิ ย้วดจาในกลุ่มนี้ล้วนผ่านการล่ามานับร้อยๆครั้งมีประสบการณ์สูง และมักอยู่ร่วมเดินทางไล่ล่า-ติดต่อสัมพันธ์กับย้วดจาแคลนต่างๆ จะไม่แยกตัวโดดเดี่ยวอย่างพวก Warriors ยังคงมีการติดต่อประสานงานกับกลุ่มแคลนที่ตนร่วมสังกัด ส่วนฝีมือน่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกันกับ Warriors หน้ากากของพวกนี้มักจะเต็มไปด้วยรอยสลักแสดงถึงการผ่านศึกการล่ามาแล้วอย่างโชกโชน พรีเดเตอร์ตัวเขียวที่มาในหนัง AVP ภาค2 จัดอยู่ในกลุ่มนี้


- 6. Arbitrators ย้วดจาที่ทำหน้าป็นทั้งผู้พิพากษา เพชฌฆาต และเป็นตำรวจที่คอยดูแลรักษาความเรียบร้อยต่างๆ รวมทั้งคอยคุ้มกันเป็นองครักษ์อยู่เคียงข้างย้วดจาชั้น Elders หรือ King Predator ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกนักล่าฝีมือฉมังที่มาจากชั้น Honoured นั้นเอง หน้ากากและชุดของพวกมันจะดูเป็นชุดฟอร์มที่เป็นทางการ และมีตราบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นมือปราบผดุงความเรียบร้อย ภาพล่างก็คือ Arbitrator Predator ปรากฏในการ์ตูนคอมมิค ซีรี่ย์ "Bad bloods" ซึ่งลงมายังโลกเพื่อปราบพวกพรีเดเตอร์ที่นอกลู่นอกทาง



- 7. Bad bloods พรีเดเตอร์ทั่วไปที่ว่าโคตรโหดเล้ว พวกนี้ยิ่งโหดกว่า! คือ กลุ่มที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ไม่สนใจในกฎเกณฑ์และศักดิ์ศรีใดๆทั้งสิ้น มักออกไล่ล่าแบบบินเดี่ยว เป็นพวกบ้าเลือดฆ่าไม่เลือกหน้าเจอสิ่งมีชีวิตใดเป็นฆ่า*****นแหลกราน! ผู้หญิง-ลูกเล็กเด็กแดงฆ่าเรียบ! มักไปไหนมาไหนคนเดียว ฆ่าและสะสมกะโหลกแม้กระทั้งกับพวกพ้องพันธุ์ย้วดจาด้วยกันเอง แถมบางตัวยังมีฝีมือการล่าที่ร้ายกาจไม่ธรรมดาเสียด้วย เผลอๆจะร้ายกาจกว่า Arbitrators หรือ Honoured บางตัวเสียอีก พวกมันคือจุดด่างของเผ่าพันธุ์ เป็นพวกที่โดนประณาม ถูกรังเกียจอย่างที่สุด และยังเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเหล่า Arbitrators ที่ต้องคอยตามล้างตามเช็ดกับพันธุ์นอกรีตเหล่านี้

- Bad bloods ปรากฏในการ์ตูนคอมมิคซีรี่ย์ "Bad bloods" (สังเกตุได้จาก มันจะประดับหัวกระโหลกของพรีเดเเตอร์ด้วยกัน) -


- 8. Elders หรือ King คือ นักล่าในระดับสุดยอดปรมาจารย์เป็นที่เคารพ-ยกย่องอย่างสูงสุดในสังคมของเหล่านักล่าย้วดจา เรียกว่า เป็น ไอดอลซุปเปอร์สตาร์ของเผ่าพันธุ์ก็ว่าได้ มักจะได้รับการสถาปนาให้เป็นผู้นำสูงสุดของแคลนต่างๆ แต่ละตนล้วนผ่านการล่าใหญ่ๆอย่างโชกโชนมาแล้วนับพันๆครั้ง เป็นผู้ที่มั่งคั่งไปกะโหลกเหยื่อนานาชนิด ย้วดจาพวกนี้ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะมีอายุเรียกว่ากรำศึกการล่ามาอย่างยาวนาน และมักแต่งตัวเต็มไปด้วยเครื่องประดับประดาหัวกระโหลกหรูหราโดยอาจสวมผ้าคลุมสีแดง พวก King หรือ Elders ปรากฏตัวให้เราเห็นในหนังมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกใน Predator ภาค2 และอีกครั้งใน AVP ภาคแรก

- โฉมหน้า King หรือ Elder Predator -


ย้วดจาพันธุ์ประหลาด!

ย้วดจาประหลาดที่ว่าก็คือ...พรีเดเตอร์ปาง 4 กร! ปรากฏในการ์ตูนภาคพิเศษจัดทำขึ้นเพื่อเล่าเรื่องราวต่อจากหนัง Predators ภาค3 (2010) ชื่อเล่มว่า "Predators Preserve the Game" ซึ่งนับว่านี่เป็นครั้งแรก ที่ได้มีการปรากฏตัวขึ้นของพรีเดเตอร์พันธุ์นี้ มันถูกส่งมาจากยานอวกาศ(คงเป็นยานของพวกพ้องพรีเดเตอร์ด้วยกันนั้นแหละ) แต่การ์ตูนก็ไม่ได้ให้ข้อมูลว่ามันมี 4 แขนได้ยังไง เป็นพันธุ์พิเศอะไร? หรือ จะการเกิดจากการใช้เทคโนโลยีตัดต่อพันธุกรรม? หรืออะไรกันแน่...



ย้วดจาเพศเมีย

ย้วดจาเพศเมียเรียกอีกชื่อเก๋ๆว่า "Predaty" มักไม่ค่อยถูกกล่าวขานถึงกันเท่าไร...ในสังคมย้วดจาเพศเมียจะทำหน้าที่เลี้ยงดูลูกอยู่บนดาวบ้านเกิด หรือบนยานแม่ แต่อย่าคิดว่า พวกเธอไล่ล่าไม่เป็น ในสังคมของย้วดจาก็เปิดโอกาสให้ผู้หญิงเหล่านี้ได้มีโอกาสล่าเหมือนกัน ในเว็บ(ฝรั่ง)แฟนพันธุ์แท้พรีเดเตอร์ บางท่านกล่าวว่า... ย้วดจาเพศเมียแข็งแรงกว่าเพศผู้เสียอีก แคลนของเพศเมียจะประกอบไปด้วยลูกสาว แม่ และย่า-ยาย และในกลุ่มแคลนนักล่าหลายกลุ่มมีเพศเมียเป็นผู้นำ เล่นเกมส์ไล่ล่าดุเดือดไม่แพ้พรีเดเตอร์เพศชาย (แต่บางพวกก็มีอุปนิสัยไปทางรักสงบ จึงจัดอยู่ในพวก Non Hunters และคาดว่าพรีเดเตอร์เพศเมียคงจะมีการตั้งครรภ์และคลอดลูกคล้ายๆกับมนุษย์



* ยังไม่มีการปรากฏตัวของบรรดากลุ่มย้วดจาเพศหญิงแบบตัวเป็นๆฉบับภาพยนตร์ ให้เราได้เห็นแบบจะๆแสดงบทบทาทเต็มที่แม้แต่ครั้งเดียว จะมีก็แต่ภาพสเก็ตในจินตนาการและโมเดลเท่านั้น ซึ่งล่าสุดทีมงานภาพยนตร์ Predators ภาค 2010 ได้ออกแบบสเก็ตไว้ใน Concept Art (สองรูปแรก) แต่ก็ไม่ได้ปรากฏในภาพยนตร์แต่ประการใด ดาดว่าหากมีการสร้างเป็นภาคต่อๆไป คงต้องมีเพศเมียโผล่มาให้เห็นกันบ้าง(มั๊ง)





ส่วนอันนี้ภาพหาดูยาก... "พรีเดเตอร์เพศเมีย" ปรากฏใน คอมมิค ชุด Witchblade, Aliens, Darkness & Predator - Mindhunter *น่าจะเป็นชุดนี้ชุดเดียวเท่านั้นที่มี เพศเมีย แสดงบทบาทล่าให้เราเห็น เธอมาล่าแบบบินเดี่ยว ใส่ยกทรงเกราะ ชุดแต่งเท่ห์ทีเดียว ดูจากลีลาการต่อสู้ไม่ก็ธรรมดา ผิวหนังสีเขียว หุ่นเฟิมกล้ามเป็นมัดๆ(หรือจะเป็นกระเทย!) แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็ยังไม่ได้เห็นโฉมหน้า เพราะเธอไม่ได้ถอดหน้ากาก


ตำนาน Alien : จาก"Space jockey" ถีง Xenomorph "


ในเบื้องต้นโปรดทำความเข้าใจก่อนว่า ชื่อเดิมของเอเลี่ยนนั้นคือ " Xenomorph(ซีโนมอร์ฟ) " เพราะจริงๆแล้ว "Alien" เป็นคำกลางๆใช้เรียกสิ่งมีชีวิตต่างดาวทั้งหมด "Predator" ก็เป็นเอเลี่ยนชนิดหนึ่งเช่นกัน แต่เผอิญคำนี้ถูกนำมาใช้เรียกเจ้าตัวเอเลี่ยนพันธุ์ "ซีโนมอร์ฟ" ผ่านทางภาพยนตร์จนโด่งดังไปทั่วโลก เมื่อพูดถึงเอเลี่ยนเราจึงมักเข้าใจว่าคำนี้เป็นชื่อเฉพาะของซีโนมอร์ฟไปโดยปริยาย(เหมือน ผงซักฟอก "แฟ้บ" และ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "มาม่า" นั้นเอง)

เอเลี่ยนพันธุ์ซีโนมอร์ฟดั้งเดิมนั้นมิได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอย่างสิ่งมีชีวิตทั่วไป แต่เกิดจากการสร้างขึ้นด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมเชิงกลชั้นสูง ที่เรียกว่า "Biomechanics" หรือ จักรกลชีวะ! ถ้าสังเกตดีๆเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเจ้าเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟนี้มีเค้าโครงกึ่งเครื่องจักรกึ่งสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะลักษณะผิวหนังที่ดูคล้ายเป็นท่อปล้องของเครื่องยนต์ และตามตำนานผู้ที่ให้กำเนิดนวัตกรรมล้ำเลิศชิ้นนี้ก็คือ " Space Jockey (สเปซ จ๊อกกี้)" เรียกสั้นๆว่า "Jockey" หรืออีกชื่อ "The Pilot"




- คลิปวิดิโอ : วิเคราะห์รูปแบบชีวิตของเอเลี่ยน -


Space Jockey เป็นใคร มาจากไหน ?

Space Jockey คือ ชื่อเรียกสปีชี่ส์ต่างดาวโบราณเผ่าหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณ สามพันล้านปีก่อนคริสตกาล! พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิทยาการ "Biomechanics" Jockey มีรูปร่างแขนขาคล้ายมนุษย์แต่ตัวโตสูงใหญ่กว่ากันมาก ความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4-6 เมตร และมีจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าพันธุ์คือ จมูกยาวเป็นงวงคล้ายงวงช้าง ในภาพยนตร์ Alien ภาค1เราจะเห็นซากฟอสซิลของJockeyตนหนึ่งหลงเหลืออยู่ภายในซากยาน "The Derelict Spacecraft" บน "ดาว LV-426" ซึ่งอยู่ในลักษณะท่านั้งกึ่งนอนโดยร่างกายดูเหมือนแทบจะติดกลืนเป็นเนื้อเดียวกันกับแท่นที่นั้งนั้น และเมื่อสังเกตดีๆก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า รูปลักษณ์พื้นผิวทั้งภายนอกและภายในของยาน Derelict กับซากSpace jockey มีรูปแบบเป็น Biomechanics กึ่งเครื่องจักรกึ่งชีวะเช่นเดียวกันกับ Alien




ที่มาของการสร้างซีโนมอร์ฟเอเลี่ยน และจุดจบของ Space jockey กับยาน Derelict

- ซากยาน "The Derelict Spacecraft" ของ Space Jockey บนดาว "LV-426" -


ที่มาของการสร้างAlien

เริ่มจากในช่วงประมาณตอนปลายแห่งยุคที่ Space Jockey รุ่งเรืองยิ่งใหญ่อยู่นั้น Jockey เกิดความขัดแย้งสู้รบทำสงครามกับศัตรูเผ่าต่างดาวเผ่าหนึ่ง(ไม่ปรากฏชื่อว่าเป็นพวกไหน แต่คงต้องยิ่งใหญ่เกรียงไกรพอๆกัน) สงครามดำเนินยืดเยื้อกินเวลายาวนานไม่มีทีท่าว่าจะแพ้ชนะกัน เนื่องจากต่างฝ่ายต่างแข็งแกร่ง พวก Space Jockey จึงระดมพลนักวิทยาศาสตร์ชั้นหัวกระทิ ทำการวิจัยทดลองพัฒนาเพื่อสร้างอาวุธมหาประลัยอย่างลับๆบนดาวเคราะดวงหนึ่งที่ชื่อว่าดาว " Proteus" หรือ "โปรทีอุส"
และแล้วในที่สุดการทดลองค้นคว้าของพลพรรคนักวิทยาศาสตร์ Jockey ก็ประสบความสำเร็จ ปรากฏผลออกมาเป็นนวัตกรรมอาวุธมีชีวิตอันแสนอัศจรรย์พันลึก ได้รับการขนานนามเริ่มแรกว่า "Xenomorph" หรือที่พวกเรารู้จักกันดีในนามตัว "Alien" นั้นเอง โดยตั้งชื่อเรียกรุ่นแรกที่ผลิตออกมาว่า รุ่น "Prototype(โปรโตไทป์)" ซึ่งมีลักษณะชีวิตที่ค่อนข้างซับซ้อนดังนี้

1 . ซีโนมอร์ฟโปรโตไทป์ ที่เป็นตัวเต็มวัยปกตินั้น เกิดมาจากการวางไข่ของซีโนมอร์ฟนางพญา โดยนางพญาสามารถวางไข่แพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วคราวละนับพันๆหมื่นๆฟองแล้วแต่การโปรแกรมสั่งการจาก Space Jockey

2 . ไข่ทั้งหมดที่เกิดจากนางพญามีตัวอ่อนอยู่ด้านใน มันจะออกจากไข่แล้วจู่โจมฆ่าเหยื่อที่อยู่ใกล้ๆตามการโปรแกรมของ Jockey ทำการเข้าไปฝังภายในร่างเพื่อฟักตัวและออกจากร่างเหยื่อนั้นเติบโตเป็นตัวเต็มวัยปกติต่อไป โดยพวกมันจะไม่เติบโตเป็นตัวนางพญาเสียเอง นั้นหมายถึงพวกมันเป็นหมันไม่สามารถวางไข่สืบพันธุ์ได้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจาก...(ข้อถัดไป)

3 . นางพญามีโครงสร้างทางชีวะเชิงกลที่ซับซ้อนกว่าตัวตัวเต็มวัยปกติมาก จึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ จะกำเนิดเป็นตัวตนขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อมีการเพาะเชื้อและโปรแกรมคำสั่งขึ้นใหม่โดยอาศัยกลไกวิทยาศาสตร์แบบBiomechanics ซึ่งกระทำโดยนักวิทยาศาสตร์ Jockey ผู้ชำนาญการจริงๆเท่านั้น และเหตุที่มีข้อจำกัดเช่นนี้ก็หาใช่ความบกพร่องของนักวิทยาศาสตร์ Jockeyไม่ แต่ทั้งนี้เป็นความจงใจเพื่อความสะดวกในการควบคุมจำนวนของเอเลี่ยนได้ตามต้องการนั้นเอง นี่คือความหลักแหลม รอบคอบและรัดกุมของ Space jockey


รูป Alien รุ่น Prototype จะเห็นว่ารูปลักษณ์ไม่เหมือนกับเอเลี่ยนที่เราคุ้นเคย พบหลักฐานแค่รูปนี้รูปเดียวเท่านั้น

รุ่นโปรโตไทป์ เป็นรูปลักษณ์ดั้งเดิมของซีโนมอร์ฟ แรกเริ่มนั้นพวกมันมีรูปลักษณ์ที่ตายตัว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมหรือลักษณะร่างกายสีสันไปตามพันธุ์เหยื่อที่มันฟักตัว เพราะยังไม่ได้วิวัฒนาการกลายพันธุ์ (รุ่นหลังๆที่กลายพันธุ์แล้ว จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปตามDNAของเหยื่อที่มันเข้าไปฟักตัว ซึ่งเป็นรุ่นที่คุ้นเคยกันดี ดังที่ได้ปรากฎในภาพยนตร์หรือฉบับการ์ตูนคอมมิคทั่วไปนั้นเอง) รุ่นโปรโตไทป์เดิมนั้นจะเชื่อฟังคำสั่งและอยู่ภายใต้การควบคุมของ Space Jockey ทุกประการ เพราะร่างกายของมันเป็นเสมือนโปรแกรมพันธุกรรมที่เป็นไปตามการโปรแกรมคำสั่งการจาก นักวิทยาศาสตร์ Space Jockey ทำงานคล้ายๆคอมพิวเตอร์ที่ต้องป้อนคำสั่งให้กระทำการต่างๆตามที่ต้องการ ส่วนจักรกลชีวะอย่างเอเลี่ยนจะใช้รหัสพันธุกรรมเป็นตัวโปรแกรมคำสั่งแทน

เมื่อได้ Xenomorph มาแล้ว Space Jockey ก็ไม่รอช้า ทำก่อการลอบนำไข่เอเลี่ยนจำนวนนับล้านๆใบไปทิ้งไว้บนดาวของศัตรูคู่สงคราม ในเวลาไม่ช้าดาวทั้งดวงนั้นจึงเต็มไปด้วยฝูงเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟ ศัตรูคาดไม่ถึงว่าจะมีอะไรพึลึกกึกกือแถมร้ายกาจเช่นนี้ ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถูกฆ่าล้างโคตรสูญพันธุ์เสียสิ้นหมดทั้งดาวภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เผ่า Space Jockey กำชัยชนะเหนือศัตรูได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าอาวุธที่เขาสร้างขึ้นมานั้นมัน นานวันเข้ากลับมีกลไกวิเศษเกินกว่าที่ได้ออกแบบไว้แต่แรกเสียอีก และในที่สุดมันจะนำจุดจบอันโหดร้ายมาสู่พวกเขาเองด้วยเช่นกัน!


จุดจบของ Space Jockey

ในระยะเวลาไม่นานนักหลังชนะสงคราม สัญญาณหายนะได้ก่อตัวขึ้น นักวิทยาศาสตร์ Space Jockey ค้นพบว่าบางพื้นที่บนดาวบ้านเกิดของพวกเขาเองนั้น ได้เกิดการแพร่ระบาดของเอเลี่ยนอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่ไม่ได้มีการโปรแกรมให้นางพญาผลิตไข่เพิ่มและก็ไม่ได้มีการนำไข่ออกไปทิ้งไว้ภายนอกแต่อย่างใด โดยปกติตัวเอเลี่ยนและไข่จะถูกกักไว้ให้อยู่แต่เฉพาะภายในห้องควบคุมที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษเท่านั้น แสดงว่าต้องมีไข่หรือตัวอ่อนบางตัวหลุดออกไปภายนอก! และที่น่าฉงนสนเท่ห์ก็คือ เอเลี่ยนตัวอ่อนรุ่นใหม่ๆที่หลุดออกไปบางส่วนนั้นได้เกิดการกลายพันธุ์เติบโตขึ้นเป็นตัวนางพญาได้เอง มันสามารถวางไข่แพร่พันธุ์ได้เยี่ยงสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติทั่วไปไม่ต้องผ่านการโปรแกรมของ นักวิทยาศาสตร์Jockey แถมที่พิเศษไปกว่านั้นลูกๆตัวเต็มวัยรุ่นใหม่อันเกิดจากเอเลี่ยนนางพญากลายพันธุ์นั้น มันสามารถมีรูปลักษณ์เปลี่ยนไปตามDNAตัวเหยื่อที่มันเข้าไปฟักตัว!(รายละเอียดการเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปตามDNAของเหยื่อ ดูวัฏจักรชีวิตเอเลี่ยน)
สัญญาณนี้ทำให้พวกJockeyเริ่มตระหนักถึงภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น และที่ยุ่งยากหนักขึ้นไปอีกก็คือ ไม่รู้ว่าเหล่านางพญาแพร่กระจายซุกซ่อนทำรังวางไข่อยู่ที่ไหนกันบ้าง พวกมันได้ทำการวางไข่ออกมาอย่างบ้าคลั่ง! จึงส่งผลให้เกิดเอเลี่ยนซีโนมอร์ฟรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งเหมือน กรรมตามสนอง! เหล่าเอเลี่ยนรุ่นใหม่นี้ได้ไล่ล่าฆ่าประชาชนชาวJockey ล้มตายอย่างรวดเร็ว นอกจากฆ่าแล้วมันยังทำการขนร่างเหยื่อไปไว้ที่รังนางพญาเพื่อให้ไข่ของพวกมันได้ฟักตัวเติบโตแพร่พันธุ์ต่อไปอีกต่างหาก มันจึงยิ่งแพร่พันธุ์รวดเร็วเป็นทวีคูณ! เหล่าพลพรรค Space Jockey พยายามทำทุกวิถีทางที่จะควมคุมและกำจัดพวกมัน แต่โชคร้ายพวกมันมีจำนวนมหาศาลเกินกว่าจะกำจัดให้หมดไปได้ง่ายๆภายในเวลาอันสั้นเสียแล้ว แม้อาวุธยุทโธปกรณ์ของJockeyจะทันสมัยร้ายแรงสักปานใดก็มิอาจยับยั้งทำลายล้างพวกมันให้หมดไปได้ในคราวเดียว เห็นทีจะมีแค่ทางเดียวเท่านั้นคือ ระเบิดล้างดาวทั้งดวง! ซึ่งไม่ใช่ทางออกที่ดีนักเพราะจะเป็นฆ่าประชาชนพี่น้องเผ่าพันธุ์ตัวเองให้ตายไปด้วย! Jockey จึงไม่เลือกวิธีนี้ ยังคงค่อยต่อสู้ยันทัพกับเอเลี่ยนต่อไปตามกำลังที่มี

ท้ายที่สุด พวก Jockey แก้ปัญหาโดยการส่งนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำจำนวนหนึ่งโดยสารยานที่ชื่อว่า "The Derelict Spacecraft" อพยพกันอย่างฉุกละหุกไปยังดวงดาวเป้าหมายดวงหนึ่ง(ไม่มีหลักฐานว่าชื่อดาวอะไร)เพื่อจะได้รอดพ้นจากการก่อกวนของพวกเอเลี่ยน โดยได้เก็บตัวอย่างเหล่าเอเลี่ยนทั้งที่เป็นไข่ ตัวเต็มวัยและนางพญาบางส่วนที่เกิดจากการวิวัฒนาการตัวเองรุ่นหลังนั้นไปด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อไปทำการศึกษาวิจัยหาทางแก้ไขสถานะการณ์แล้วจึงกลับมารับมือจัดการกับเอเลี่ยนอย่างเร่งด่วนที่สุดต่อไป แต่สุดท้ายยานลำนั้นก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะไปถึงยังดาวเป้าหมายดังที่ได้ตั้งใจไว้ เนื่องจากเอเลี่ยนได้เกิดหลุดออกมาจากห้องควบคุมภายในยาน และทำการอาละวาดจู่โจมนักบินบังคับยานเสียชีวิตแถมตัวอ่อนได้เข้าไปฟักตัวภายในร่าง(ก็คือ Jockey ตัวที่เหลือซากฟอลซิลให้เราได้เห็นกันในหนัง alien ภาค 1นั้นเอง) เมื่อปราศจากนักบินบังคับยานอย่างกระทันหันเช่นนี้ ยานจึงเสียหลักหลุดตกไปในดาวแคระลึกลับที่ถูกตั้งชื่อภายหลังโดยมนุษย์เราว่า ดาว "LV-426" แม้พลพรรคลูกยาน Jockey คนอื่นๆที่เหลืออยู่จะสามารถรับมือต่อสู้กับเอเลี่ยนที่หลุดออกมาได้บ้าง แต่ยานได้ร่อนลงกระแทกพื้นดาวLV-426 อย่างรุนแรง ยานจึงเสียหายอย่างหนักจนไม่อาจซ่อมแซมให้ใช้การได้อย่างทันท่วงที สิ่งที่พวกเขาทำได้มีเพียงส่งคลื่นสัญญาณออกไปรอบๆดวงดาวแห่งนั้นเพื่อขอความช่วยเหลือจากยานต่างดาวอื่นๆที่อาจจะผ่านมาในวงโคจรแต่ก็ไม่เป็นผลใดๆ ในท้ายที่สุดนักวิทยาศาสตร์ชาว Space Jockey ทุกชีวิตบนยาน Derelict ก็เป็นอันต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถด้วยจักรกลชีวะมหาประลัยที่พวกตนคิดค้นและสร้างมันขึ้นมาด้วยน้ำมือของตัวเอง
ส่วน ณ ดาวบ้านเกิด เหล่า Space jockey ก็ต้องเผชิญกับจุดจบอันน่าเศร้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน เอเลี่ยนทำลายล้างทุกชีวิตจนแทบสูญพันธุ์สิ้น อารยธรรม Space Jockey ที่เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกรก็เป็นอันต้องปิดฉากล่มสลายยุติลง ณ บัดนั้นเอง คงเหลือแต่พงศ์พันธุ์อสูรกายเอเลี่ยนเท่านั้นที่เป็นใหญ่ครอบครองดาวของ Jockey และในเวลาต่อมาเอเลี่ยนกลายพันธุ์รุ่นใหม่ก็ได้ฆ่ากินเอเลี่ยนรุ่นโปรโตไทป์ดั้งเดิมที่หลงเหลือให้สูญพันธุ์เสียสิ้นไปด้วยเช่นกัน นี่จึงเป็นเหตุที่ไม่มีเอเลี่ยนรุ่นดั้งเดิมโปรโตไทป์หลงเหลือให้เราได้ดูชมกันในยุคปัจจุบันเลยแม้แต่ตัวเดียว

ย้อนกลับไปอีกรอบเมื่อครั้งที่เอเลี่ยนกลายพันธุ์รุ่นใหม่ได้แพร่พันธุ์และอาละวาดไล่ฆ่าก่อความโกลาหลไปทั่วดาวSpace Jockey ในช่วงเวลานั้นนอกจากมีการส่งยาน The Derelict ลำแรกออกจากดาวดังที่ได้ทราบกันมาแล้ว ในเวลาต่อมาก็ยังมียาน The Derelcit ลำอื่นๆรวมทั้งยานเล็กยานน้อยย่อยๆอีกหลายลำได้ทยอยกันอพยพหนีตายเพื่อออกไปหาที่พำนักแห่งใหม่ ณ ดาวดวงอื่นๆ บ้างก็มุ่งไปยังดาวอาณานิคม บ้างก็มุ่งไปยังดาวที่ตนและพวกพ้องเคยรู้จัก บ้างก็ยังไม่มีจุดหมายขอแค่ให้รอดชีวิตพ้นออกจากดาวบ้านเกิดของตนก่อนเป็นพอ แต่ปรากฏว่ายานเหล่านั้นทุกลำล้วนมีเอเลี่ยนแฝงตัวอยู่ด้วยทั้งสิ้นน้อยบ้างมากบ้างต่างกันไป แต่ที่แน่ๆคงไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกJockeyในยานเหล่านั้นจะประสบชะตากรรมเช่นใด และยานเหล่านั้นบางลำก็ได้ล่องลอยหลุดเข้าไปยังชั้นบรรยากาศจนตกลงบนดาวเคราะห์น้อยใหญ่สุดแท้แต่เส้นทางที่มันได้ล่องลอยไป ด้วยเหตุนี้นอกจากบนดาวของSpace Jockeyแล้ว เอเลี่ยนจึงยังได้กระจายแพร่พันธุ์อยู่บนดาวที่ยานได้ตกลงไปอีกด้วย

เมื่อมฤตยูนักล่าจักรวาล "พรีเดเตอร์ " ค้นพบ อสูรอวกาศ "Xenomorph"

หลังจาก Space Jockey ได้ล่มสลายไปแล้วเป็นเวลายาวนาน ณ ดาวดวงแห่งหนึ่งในแกแลคซี่อันไกลโพ้น เกิดมีสปีชี่ส์ต่างดาวสายพันธุ์ใหม่วิวัฒนาการขึ้นเป็นเผ่าพันธุ์ทรงปัญญา มีอารยธรรมอันรุ่งเรืองเกรียงไกรและมีเทคโนโลยีล้ำสมัยไม่ด้อยไปกว่า Space Jockey อันชาวโลกเราคุ้ยเคยกันดีในนาม "Predator" พรีเดเตอร์ได้ถือกำเนิดขึ้นและค่อยๆพัฒนาสร้างอารยธรรมของตนเอง ณ ดาวบ้านเกิด และเมื่อพัฒนาก้าวหน้าถึงขีดสุดจึงได้ท่องเที่ยวล่าอาณานิคมต่างดาวแถมยังนิยมเล่นเกมส์ไล่ล่า แสวงหาเหยื่อสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งไปทั่วจักรวาล มีการตั้งข้อสันนิษฐานกันว่าพวกพรีเดเตอร์คงได้ไปพบเอเลี่ยน ณ ดาวเคราะห์ดวงใดดวงหนึ่งในจักรวาลหรือไม่ก็ที่ดาวของSpace Jockeyเดิมนั่น เลยทำการลอบจับเอานางพญาบางตัวและไข่บางส่วนไปเพาะเลี้ยงเพื่อใช้ในเกมส์ไล่ล่า ณ ดาวบ้านเกิดและดาวอันเป็นอาณานิคมอื่น( ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ตำนาน Predator )



วัฏจักรชีวิตของอสูรกายอวกาศ "เอเลี่ยน"


ในทุกขั้นทุกตอนของวัฎจักรชีวิตเอเลี่ยน เป้าหมายของมันมีเพียงสองประการเท่านั้นคือ ฆ่า และ ขยายพันธุ์ ณ บัดนี้ท่านจะได้พบกับขั้นตอนวัฎจักรชีวิตอันสุดแสนซับซ้อนมหัศจรรย์พันลึกอย่างที่จะไม่มีสปีชี่ส์พันธุ์ใดในจักรวาลเสมอเหมือน

เริ่มจาก
ขั้นที่ 1: ไข่ (EGG)

ไข่ เกิดจากการวางไข่ของเอเลี่ยนนางพญาหรือราชนี(Queen) มีรูปร่างทรงกลมรี ความสูงประมาณ 2 ฟุต มีจุกรอยแยกเป็นปากตรงปลายยอดด้านบน ภายในไข่มีตัวสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า "Facehugger (เฟชฮักเกอร์)" นอนจำศีลกบดานแน่นิ่งอยู่ และตัวเปลือกไข่จะมีการผลิตน้ำเมือกซึ่งเป็นสารอาหารคอยหล่อเลี้ยงให้ตัวเฟชฮักเกอร์สามารถมีชีวิตยืนยาวต่อไปได้ ว่ากันว่ามันสามารถอยู่ได้ยาวนานนับพันปี!เลยทีเดียว โดยเมื่อใดก็ตามที่เฟชฮักเกอร์รับรู้ถึงคลื่นความร้อนของร่างกายเหยื่อไม่ว่าเหยื่อนั้นจะเป็นสิ่งมีชีวิตพันธุ์ใดก็ตาม ขอแค่มีขนาดร่างกายที่โตพอไม่เล็กเกินไป จุกปากด้านบนเปลือกไข่ก็จะเปิดออกปล่อยให้ตัวเฟซฮักเกอร์นั้นได้ดีดตัวออกมาและทำการกระโจนเข้าไปเกาะติดใบหน้าเหยื่อสิ่งมีชีวิตนั้นๆอย่างรวดเร็ว


ขั้นที่ 2 : เฟซฮักเกอร์ (FACEHUGGER)

ก็คือตัวที่ออกมาจากไข่ดังที่เกริ่นไปบ้างแล้วในขั้นไข่นั้นเอง เรียกอีกอย่างเป็นคำไทยๆว่า "ตัวเกาะหน้า" เฟซฮักเกอร์ มีผิวเป็นซิลิโคน มีเท้าเป็นนิ้ว 8 แฉก มีถุงลม 2 ข้างและมีลำท่อเป็นงวงยาวซ่อนอยู่ภายในร่างกาย การจู่โจมขอมันเริ่มจากการพยายามกระโจนเข้าไปเกาะติดบนใบหน้าตัวเหยื่อไว้อย่างมั่นคง แล้วจึงสอดท่อหรืองวงเข้าทางปากเหยื่ออย่างรวดเร็ว พร้อมตัดขาดการรับอากาศจากภายนอกทำให้เหยื่อสลบไป จากนั้นจึงปล่อยน้ำเชื้อตัวอ่อนเคลื่อนลงไปฝังตัวในทรวงอกของร่างเหยื่อนั้น เมื่อปล่อยน้ำเชื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เฟซฮักเกอร์ก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป มันจะตายและหลุดออกจากใบหน้าเหยื่อแล้วเสื่อมสภาพเน่าสลายไปเองในที่สุด ส่วนตัวเหยื่อก็จะฟื้นขึ้นอีกครั้งและสามารถมีชีวิตปกติไปได้อีกระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งเชื้อที่ได้ฝังอยู่ในร่างเติบโตแข็งแรงขึ้น…ดูขั้นต่อไป



ขั้นที่ 3 : เชสเบิร์สเตอร์ (Chestburster)


"เชสเบิร์สเตอร์" หรือ "ตัวทะลวงอก" มันคือตัวเต็มวัยของเชื้อตัวอ่อนที่ถูกฝังไว้ในโพรงทรวงอกของร่างเหยื่อในขั้นที่แล้วนั้นเอง ซึ่งปกติจะเกิดขึ้นเพียง 1 ตัวต่อ 1 คนเท่านั้น(แต่ก็มีกรณีพิเศษ หลายตัวต่อหนึ่งคนเช่นกัน ไว้จะได้รู้กันในขั้นถัดๆไป) มันจะอาศัยพลังงานและสารอาหารจากร่างเหยื่อเสมือนเป็นดั่งทารกในครรภ์มารดา เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงโดยที่ตัวเหยื่อยังมีชีวิตอยู่และภายนอกก็ดูเป็นปกติดีทุกประการ จนเมื่อมันเติมโตสมบูรณ์มีขนาดใหญ่ขึ้นประมาณแขน มีหัวที่แข็งประหนึ่งเหล็กกล้าพร้อมเขี้ยวอันแหลมคมผนวกกับพละกำลังมหาศาล มันจึงสามารถทำการเจาะทะลุทรวงอกออกจากร่างนั้นและก็หาที่ปลอดภัยเพื่อหลบซ่อนอำพรางตัว จากนั้นจะค่อยๆลอกคราบทีละชั้นๆเติบโตเป็นตัวเต็มวัยอย่างรวดเร็วต่อไป(เหมือนกับการลอกคราบของงู) ส่วนเหยื่อผู้ประหนึ่งเป็นมารดานั้นก็เป็นอันสิ้นลมเป็นศพไปตามระเบียบ



ขั้นที่ 4 : ขั้นตัวเต็มวัย ขั้นนี้แยกย่อยได้ 3 ประเภท คือ

4.1 เซโนมอร์ฟหรือซีโนมอร์ฟ (XENOMORPH) ตัวเต็มวัยแบบมาตรฐาน

คือตัวเต็มวัยอันเกิดจากการลอกคราบมาแล้วหลายครั้งจากขั้น เชซเบิร์สเตอร์ โดยจะได้รับคุณสมบัติทางพันธุกรรมหลายๆอย่างทั้งเด่นและด้อยจากร่างเหยื่อที่มันได้ใช้เป็นที่อาศัยฟักตัว อาทิเช่น ถ้าเหยื่อตัวสูงใหญ่หรือเตี้ยล่ำมันก็จะมีโครงสร้างรูปร่างตามนั้นเช่นกัน หรือถ้าหากเหยื่อเป็นสัตว์คลานสี่เท้าหรือว่ายน้ำมันก็จะสามารถคลานหรือว่ายน้ำไปไหนมาไหนได้อย่างคล่องแคล่วกว่าเอเลี่ยนที่มาจากร่างอื่นๆ หรือแม้แต่ในแง่ของสติปัญญาหากร่างเหยื่อเป็นมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาต่างดาวอื่นๆมันก็จะได้รับคุณสมบัติความเฉลียวฉลาดติดตัวตามไปด้วย แต่ทั้งนี้รูปลักษณ์โดยรวมก็ยังคงมีเอกลักษณ์ร่วมตามแบบฉบับของเอเลี่ยนมาตรฐานทั่วไป นั่นคือมีหัวเป็นโดมรียาว มีผิวหนังเป็นเปลือกแข็งสีโทนดำอันเต็มไปด้วยลักษณะท่อปล้องแง่เงี่ยง (อาจมีอมสีอื่นบ้างเช่นอมเขียว อมน้ำตาล อมน้ำเงินแต่ก็ยังคงโทนมืดดำใกล้เคียงกัน)
เอเลี่ยนตัวเต็มวัยสามารถทนทานต่อการบาดเจ็บรุนแรงทุกชนิด มันจึงไม่ตายง่ายๆแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส เลือดของมันมีสีเขียวอ่อนเป็นกรดเข้มข้นทำหน้าที่คล้ายน้ำกลั่นในหม้อแบตเตอร์รี่ที่หมุนเวียนชาร์ตพลังงานในตัวอยู่ตลอดเวลาจึงไม่ต้องหายใจแบบสิ่งมีชีวิตทั่วไป และสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ในทุกสภาพอากาศหรือแม้แต่ในสูญญากาศ และเมื่อเลือดไหลออกมาภายนอกก็สามารถกัดกร่อนทะลุทะลวงของแข็งทุกชนิดให้แหลกเหลวได้ในพริบตา
อาวุธประจำกายที่น่าสะพรึงกลัวของมันคือ ลิ้นเจาะ! ซึ่งซ่อนอยู่ภายในปาก ลักษณะเป็นท่อนยาวสามารถยืดหดหรือแข็งตัวได้ โดยส่วนปลายลิ้นเป็นหัวที่มีปากมีเขี้ยวคล้ายเป็นหน้าหรือหัวของมันซ้อนอยู่อีกหัวหนึ่ง ลิ้นเจาะนี้สามารถเฉาะทะลวงศรีษะหรือแม้แต่แผ่นเหล็กกล้าให้แตกทะลุได้อย่างง่ายดาย และมันได้ใช้ลิ้นเจาะที่มีหัวนี้เองในการเฉาะดูดกินทั้งเลือด เนื้อ มันสมองของเหยื่อเป็นอาหาร อีกทั้งมันยังมีหางปลายแหลมสามารถตวัดไปมาได้อย่างรวดเร็วใช้ทั้งฟาดและเสียบเหยื่อยามเผลอให้ตายคาที่มานักต่อนัก



4.2 ตัวเต็มวัยซีโนมอร์ฟนางพญา หรือ ราชินี (QUEEN)

เชื้อตัวอ่อนราวหนึ่งในร้อยตัวในขั้น เชซเบิร์สเตอร์ จะโตขึ้นเป็นตัวเต็มวัยนางพญา ถึงแม้ว่าพวกมันจะเริ่มต้นชีวิตในแบบที่เหมือนกับเชซเบิร์สเตอร์ทั่วไปดังที่ได้บรรยายไว้ข้างต้นทุกประการ แต่ตัวอ่อนนางพญาจะใช้เวลาในการฝังและฟักตัวอยู่ในร่างเหยื่อนานกว่าตัวอ่อนของตัวเต็มวัยมาตรฐาน นั้นคือจะอยู่นานถึงประมาณ 1 สัปดาห์ ตัวสิ่งมีชีวิตที่เป็นร่างเหยื่อนั้นจึงมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้นานขึ้นอีกหน่อย และเมื่อโตเต็มที่นางพญาจะตัวโตกว่าตัวเต็มวัยมาตรฐานประมาณครึ่งๆเลยทีเดียว โดยความสูงรวมอยู่ที่ประมาณ 15 ถึง 30 ฟุต ในขณะที่ตัวเต็มวัยมาตรฐานทั่วไปเมื่อยืนเต็มที่จะสูงประมาณ 9-12 ฟุต แถมนางพญายังมีแขนเล็กๆเพิ่มขึ้นที่หน้าอกอีกสองแขนเท่ากับมันมี 4 แขนนั้นเอง โครงสร้างส่วนหัวของนางพญามีลักษณะแตกต่างออกไปคือจะไม่เป็นโดมยาวแต่จะมีลักษณะแผ่บานเป็นแผ่นใหญ่ดูคล้ายกับหัวไดโนเสาร์พันธุ์ไทรเซอราทอปส์ และที่สำคัญจะมีเฉพาะแต่ตัวนางพญาเท่านั้นที่สามารถวางไข่ได้ มันสามารถปล่อยน้ำเมือกออกมาเป็นถุงไข่โปร่งแสงขนาดมหึมาซึ่งใช้ในการเพาะไข่ได้คราวละนับร้อยๆพันๆฟอง โดยจะมีตัวเต็มวัยแบบมาตรฐานคอยทำหน้าที่เป็นทหารปกป้องคุ้มภัยและช่วยล่าเหยื่อสิ่งมีชีวิตต่างๆมาไว้ในรังของนางพญาเพื่อได้เป็นทั้งอาหารของนางพญาเอง และสำหรับตัวเฟซฮักเกอร์ที่ออกจากไข่ได้ใช้เป็นร่างฝังเชื้อตัวอ่อนและฟักตัว-เจริญเติบโต หมุนเวียนต่อไปเป็นวัฏจักร



4.3 ! Hybrid Alien ! อสูรเลี่ยนพันธุ์ลูกผสม

เอเลี่ยนขั้นพิเศษ : ตัวเต็มวัยลูกผสม(Hybrid)
ความมหัศจรรย์อันสำคัญที่สุดของรูปแบบชีวิตอสูรกายเอเลี่ยนที่ไม่เหมือนสปีชี่ส์อื่นใดในจักรวาลก็คือ ตัวอ่อนสามารถฟักตัวในร่างเหยื่อสิ่งมีชีวิตพันธุ์ใดก็ได้ และเมื่อมันเกิดจากเหยื่อชนิดใดก็จะได้รับคุณสมบัติทางพันธุกรรมของเหยื่อนั้นผสมเข้าไปด้วย ดังได้ทราบกันแล้วในขั้นตัวเต็มวัยแบบมาตรฐานหรือขั้นซีโนมอร์ฟ
แต่เมื่อใดที่มันได้ฟักตัวจากสิ่งมีชีวิตที่มีคุณสมบัติและรูปลักษณ์ภายนอกแปลกประหลาดออกไปเป็นพิเศษ เช่นอยู่ในสัตว์เลื้อยคลานหรืออยู่ในสิ่งมีชีวิตต่างดาวประหลาดๆอื่นๆ มันก็จะมีรูปลักษณ์โดดเด่นแตกต่างจากตัวเต็มวัยมาตรฐานทั่วไปอย่างชัดเจนเป็นพิเศษจึงต้องจัดพวกมันให้อยู่ในขั้น "ลูกผสมขั้นพิเศษ" หรือ "Hybrid" โดยในขั้นไฮบริดนี้นอกจากเกิดขึ้นเองจากการฟักตัวตามธรรมชาติแล้ว ยังมีไฮบริดที่เกิดจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์โดยน้ำมือของมนุษย์หรือมนุษย์ต่างดาวอื่นๆอีกด้วย ซึ่งก็ส่งผลปรากฏให้มีรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดยิ่งขึ้นไป ตัวอย่างเอเลี่ยนไฮบริดพันธุ์ต่างๆที่เคยได้ปรากฎในภาพยนตร์ อาทิเช่น


* Dog Alien เอเลี่ยนเกิดจากร่างสุนัข ปรากฎในภาพยนตร์ Alien ภาค3 หุ่นผอมเพรียวและตัวเล็กกว่าเอเลี่ยนทั่วๆไปนิดหน่อย ทั้งมีการคลาน วิ่ง คล้ายสุนัข ตัวเป็นสีดำอมน้ำตาล เนื่องจากได้รับคุณสมบัติทางพันธุกรรมหรือ DNA จากร่างสุนัขที่มีตัวสีน้ำตาลนั่นเอง แต่ทั้งนี้ถ้ามองรูปลักษณ์โดยรวมแล้ว ก็ยังคงจัดได้ว่าเป็นเอเลี่ยนในขั้นตัวเต็มวัยซีโนมอร์ฟปกติได้อยู่


* Predalien หรือ พรีเดเลี่ยน เป็นเอเลี่ยนตัวเอกที่ปรากฎในภาพยนตร์ AVP-R หรือ AVP ภาค2 เป็นเอเลี่ยนที่ฟักตัวในร่างของพรีเดเตอร์ ส่งผลให้มันได้รับคุณสมบัติและรูปลักษณ์ของพรีเดเตอร์ผสมไปด้วย มันจึงมีลักษณะแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ถ้าอ้างอิงเฉพาะฉบับภาพยนตร์แล้ว มันเป็นเอเลี่ยนที่แข็งแกร่งและร้ายกาจที่สุดเท่าที่เคยปรากฏมาในจักรวาลเลยทีเดียว แต่หากรวมฉบับการ์ตูนคอมมิค หรือ นวนิยายและเกมส์เข้าไปด้วยแล้ว ยังมีเอเลี่ยนพันธุ์ไฮบริดอื่นๆที่น่าสะพรึงกลัวกว่าเจ้าPredalienนี้อีกมากมาย และคุณสมบัติพิเศษอันเป็นจุดเด่นที่สำคัญของพรีเดเลี่ยนก็คือ มันสามารถแพร่พันธุ์ได้เอง มันจึงเสมือนเป็นนางพญาไปด้วยในตัว(หรือจะจัดให้มันเป็น “นางพญาไฮบริด” ก็ได้) ในภาพยนตร์ได้แสดงให้เห็นว่า มันแพร่พันธุ์ด้วยการสอดลิ้นเจาะแล้วปล่อยเชื้อเข้าไปทางปากของเหยื่อมนุษย์ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเมื่อฟักตัวออกมาเป็น เชสเบิร์สเตอร์ ก็จะออกมาได้คราวละหลายๆตัวอีกด้วย(เอเลี่ยนปกติจะออกมาเพียงหนึ่งตัวเท่านั้น) โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการในขั้นวางไข่และเฟซฮักเกอร์เหมือนเอเลี่ยนนางพญาปกติแต่อย่างใด เรียกว่าลัดขั้นตอนไปสู่การปล่อยเชื้อจนเป็นขั้นเชสเบิร์สเตอร์ได้เลย แต่ยังไม่ปรากฏว่าลูกๆที่เกิดจากพรีเดเลี่ยนนี้ เมื่อโตเต็มวัยขึ้นมาจะมีลักษณะเป็นเช่นใดเพราะพวกมันโดนมนุษย์กำจัด โดยการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ล้างบางเสียก่อน


* Newborn เจ้าเอเลี่ยนไฮบริดนิวบอร์นนี่ เกิดจากการกระบวนทางวิทยาศาสตร์ฝีมือมนุษย์ โดยการตัดต่อพันธุกรรมจากตัวโคลนมนุษย์ที่ชื่อว่า "Ripley" อันเป็นนางเอกในภาพยนตร์Alien ทุกภาคนั้นเอง มันดูแตกต่างจากเอเลี่ยนแบบมาตรฐานค่อนข้างมากชนิดที่เกือบหน้ามือเป็นหลังมือ ถ้าไม่บอกอาจไม่รู้ว่าเป็นเชื้อสายเผ่าเดียวกันกับเอเลี่ยน ผิวหนังของมันเป็นผิวเนื้อคล้ายคน มันไม่มีลิ้นเจาะแบบเอเลี่ยนปกติ แต่มีพละพลังกำลังมหาศาล สามารถใช้ปากขบหัวมนุษย์ให้แหลกละเอียดได้ในชั่วอึดใจเดียว มันมีความเป็นมนุษย์ค่อนข้างสูง สังเกตดีๆจะเห็นดวงตาอันเศร้าสร้อยน่าสงสาร แต่ก็ยังคงมีสัญชาตญาณโฉดโหด*****มตามแบบฉบับของอสูรกายเอเลี่ยนอยู่อย่างเต็มเปี่ยม


* Hybrid อื่นๆ นอกจากตัวอย่างจากภาพยนตร์แล้ว ยังมีเอเลี่ยนไฮบริดรูปแบบประหลาดๆปลีกย่อยอีกมากมาย โดยเฉพาะที่ปรากฏในอยู่ภาคการ์ตูนคอมมิค ตัวอย่างเช่น


ถ้าได้อ่านหัวข้อ Space jockey มาแล้ว หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วตัว Alien ที่เกิดจาก Space jockey จะมีรูปลักษณ์อย่างไร
นี่คือตัวอย่าง Alien Hybrid ที่เกิดจาก Space jockey ปรากฎในการ์ตูนคอมมิค "Alien Apocalypse the Destroying Angels"
ตัวใหญ่โมโหฬาร มันแสนบ้าเลือดฆ่าทุกอย่างที่ขวางหน้าไม่เว้นแม้แต่ Alien พวกเดียวกันเอง




Alien ที่เกิดจากจระเข้ก็มีมาแล้ว เป็นพันธุ์จระเข้ยักษ์เสียด้วย ตัวล่างนี้นามว่า "Croc Alien"
ปรากฏในการ์ตูนคอมมิคชุด "Batman vs Aliens" อลังการงานสร้างจริงๆ




Bracken’s Terror เป็นเอเลี่ยนไฮบริดที่แปลกพิสดารที่สุด ดำรงชีวิตอยู่ในท้องทะเลบนดาว “Bracken” คาดว่าตัวเหยื่อที่มันฟักตัวคงเป็นสัตว์น้ำที่อยู่ในดาวBrackenนั้นเอง ทางกายภาพมีผิวสีดำอมน้ำเงิน มีแขนมีมือแต่ไม่มีขาแต่มีเป็นหางกับครีบแทน ตัวของมันใหญ่มากขนาดประมาณปลาวาฬ! : ปรากฎในการ์ตูนคอมมิค "Aliens : Colonial Marines"




Red Army ในส่วนรูปลักษณ์ก็ดูเหมือนกับเอเลี่ยนตัวเต็มวัยมาตรฐานทั่วไป แต่ Red Army จะมีตัวสีแดงสด มันอาศัยอยู่บนดาวที่ชื่อว่า “CLA” เป็นเอเลี่ยนปริศนา! เพราะไม่ทราบที่มาที่ชัดเจนว่า เหตุที่มีผิวสีแดงนั้นเกิดมาจากอะไรกันแน่ ระหว่างการฟักตัวจากสิ่งมีชีวิตสีแดง? หรือ จากการทดลองทางวิทยาศาตร์? หรือจะเป็นด้วยเหตุอื่นๆ ? แล้วมันยังเป็นปรปักษ์กับเอลี่ยนแบบมาตรฐานอันมีตัวสีดำอีกต่างหาก จึงได้เกิดเป็นสงครามล้างผลาญระหว่างเอเลี่ยนด้วยกันเองขึ้น สู้รบประหัตประหารกันอย่างดันดุเดือดเลือดพล่าน แต่ผลสุดท้ายชัยชนะตกเป็นของเอเลี่ยนสีดำ : ปรากฏในการ์ตูนคอมมิค "Alien : Genocide"




ลูกผสมอื่นๆอีกมาย... แต่ละตัวล้วนเต็มไปด้วยพิษสงอันร้ายกาจที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตัว
(หากสนใจรายละเอียด...หาอ่านในการ์ตูนคอมมิคนะครับ)

Tags: ไม่มี Add / Edit Tags
Categories
MY Center

Comments

  1. รูปส่วนตัว ChrisBVB22
    ยาวแท้ ฮ่าๆ อ่านก่อนๆ
  2. รูปส่วนตัว THE MIZ
    ชอบมากๆเลย เยี่ยม

    ปล.สังเกตุดีๆที่ Croc Alien แบทแมน โผล่มายังไงเนี้ยะ 55
    Updated 23rd July 2012 at 09:40 by THE MIZ
Back to top