ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ Sticker Line ออกใหม่ โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin Joker Game Official Fanpage
ให้เช่า Colocation
สติ๊กเกอร์ไลน์
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin
เฟสบุ๊คเพจ

กำลังแสดงผล 1 ถึง 25 จากทั้งหมด 39

Threaded View

  1. #1
    ชอบดูไม่ชอบโพสต์
    วันที่สมัคร
    Apr 2012
    กระทู้
    80
    กล่าวขอบคุณ
    15
    ได้รับคำขอบคุณ: 47

    Heated ทีมเดือดมหาประลัย

    Heated ทีมเดือดมหาประลัย / Written by: Raiden & Alathreon / Story by:Alathreon
    Action, War, Drama

    กองกำลังรับจ้างที่ทำงานให้กับผู้ว่าจ้างที่ตอบแทนโดย ค่าจ้างจำนวนมาก ไม่ว่าภารกิจนั้นจะยากเย็นแค่ไหน จะหินแค่ไหน พวกเขาจะฝ่าฟันไปให้ถึงจุดหมายจนได้ในที่สุด
    สงครามเป็นเพียงสิ่งที่พวกเขาจากลามา ชีวิตใหม่ ภารกิจใหม่ ตัวตนใหม่ คือปัจจุบันของพวกเขา และนี่คือ PMC...

    ตอนที่ 4
    ตอนที่ 5
    ตอนที่ 6
    ตอนที่ 7
    ตอนที่ 8
    ตอนที่ 9
    ตอนที่ 10
    ตอนที่ 11
    ตอนที่ 12
    ตอนที่ 13
    ตอนที่ 14
    ตอนที่ 15
    ตอนที่ 16
    ตอนที่ 17
    ตอนที่ 18
    ตอนที่ 19
    ตอนที่ 20
    ตอนที่ 21
    ตอนที่ 22
    ตอนที่ 23
    ตอนที่ 24
    ตอนที่ 25

    *รับสมัครตัวละครแล้วครับ

    ภารกิจที่ 001: Recruit
    ช่วงเวลาอาทิตย์ลาลับที่มืดมัวเต็มไปด้วยท้องฟ้าอันมืดมิดของเมืองแมนแฮทตัน ฝนที่โปรยปรายลงมาไม่มีทีท่าจะหยุดลงผู้คนมากหน้าหลายตาเดินว่อนไปมาพร้อมร่มคู่ใจ แต่ยังมีชายคน
    หนึ่งที่ไม่ได้ถือร่ม สะพายกระเป๋าเป้ทหาร เขาเดินไปตามทางเดินเรียบถนนอย่างมีจุดหมายแน่วแน่ ตึกที่สูงตระหง่ำนข้ามไป 2 ช่วงตึกคือเป้าหมายของเขามันคือที่ตั้งของ บริษัททางด้านความ
    ปลอดภัยและยุทธวิธีชั้นนำของโลก หรือในนาม “Azure Wolf PMC” เกวริล เดมอนเชฟ ชายเต็มตัวสายเลือดรัสเซีย นักฆ่าในคราบสเปซีอาลโนโวหรือชื่อที่คุ้นหูนักหนาคือ
    หน่วยปฏิบัติการพิเศษสเปซนาซ กลุ่มนักรบมือสังหารอันเลือดเย็นดั่งอากาศที่หนาวยะเยือกของรัสเซีย แต่เปล่าเลยเวลานี้ เกวริล ลาออกจากกองกำลังแล้ว
    และกำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ของกรเป็นทหารรับจ้างที่ช่ำชอง
    “สวัสดีครับ...”
    สำเนียงที่ไม่คุ้นหูของเกวริลทำให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทละสายตาจากเอกสารมาจับจ้องที่เขา สายตาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับสูงคอยจับตามองเกวริลอย่างไม่ละสายตา มือขวาของแต่ละคนปลดเซฟปืนพกที่เอวไว้เรียบร้อย ไม่แปลกที่จะมีคนอเมริกันจำนวนมากที่ยังคงหวาดระแวงชาวรัสเซียเหมือนที่ชาวรัสเซียมักจับจ้องชาวอเมริกันเป็นสายลับ
    “มีอะไรให้ช่วยค่ะ? คุณ...” ฝ่ายประชาสัมพันธ์ปริปากอย่างนอบน้อม
    “เกวริลครับ...เกวริล เดมอนเชฟ” เกวริลตอบกลับอย่างมีมารยาท
    “ค่ะคุณเกวริล ต้องการติดต่อแผนกไหนค่ะ?” หญิงสาวถามพร้อมชี้ไปที่แผนผังของตึกซึ่งระบุแผนกไว้อย่างเรียบร้อย
    “แผนก...ความปลอดภัยและยุทธวิธีพิเศษครับ” เกวริลส่งยิ้มให้สาวประชาสัมพันธ์
    “ค่ะ เชิญตามเจ้าหน้าที่ไปทางด้านขวามือของคุณเลยนะค่ะ” หญิงสาวส่งยิ้มกลับขณะส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่นำเกวริลเข้าสู่ลิฟต์
    “ทางนี้ครับคุณ” เจ้าหน้าความปลอดภัยนำทางเกวริลเข้าสู่ลิฟต์
    “ผมจะส่งคุณไปที่ชั้น 32 นะครับ” เจ้าหน้าที่กดปุ่มลิฟต์จากด้านนอก ลิฟต์ปิดตัวลงขณะที่เกวริลยืนอยู่เพียงลำพังในลิฟต์ขนาดใหญ่ “ปิ๊ง...ป่อง” เสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นเบาๆ
    ขณะที่เขาเตรียมตัวจะก้าวออกจากตัวลิฟต์นั้นเสียงตะโกนดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
    “เอามือวางไปบนหัวเดี๋ยวนี้!” กลุ่มทหารในชุดสีน้ำเงินเข้มอาวุธครบมือประทับบ่าเล็งเป้าไปที่เกวริลอย่างดุดัน “ชั้นบอกว่าให้เอามือวางไปบนหัว!” เขาตะโกนขึ้นอีกครั้ง เลเซอร์ชี้เป้าหลายตัว
    จับจี้ไปที่จุดสังหารของเกวริล
    “โอเคๆ...ที่นี่เขาต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบนี้หรือไง” เกวริลยกมือวางไว้บนหัวตามคำสั่งของกลุ่มติดอาวุธ“ในกระเป๋ามีแต่กระเป๋าเงินน่ะ ไม่มีอาวุธหรอกน่า ผมเดินผ่านเครื่องตัวโลหะมาแล้ว” เกวริลกล่าวขณะที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งค้นตัวเขา
    “ไม่มีอาวุธครับ” เขาขานตอบให้เจ้าหน้าที่อีกคนทราบ “เราคุมเป้าหมายไว้แล้ว...กำลังจะพาไปที่ห้อง” กลุ่มทหารในชุดน้ำเงินควบคุมตัวเกวริลเดินผ่านห้องโถงกว้างๆ ที่เป็นสำนักงาน
    ทั้งพนักงานบัญชีและเจ้าหน้าที่ทหารต่างจับจ้องเขาราวกับเป็นตัวประหลาด พวกเขามาถึงห้องๆหนึ่ง ฝนหยุดตกแล้ว ประตูกระจกบานใหญ่ถูกเปิดออก
    “คุณครอสครับ…นี่คือเกวริล เดมอนเชฟ” หนึ่งในทหารชุดน้ำเงินกล่าวกับชายอังกฤษในชุดสูทที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตำแหน่ง CEO เกวริลมองสำรวจในห้องมีคนอยู่อีก 4 คน มีชาย 2 นั่งบนโซฟามองสำรวจเกวริล คนนึงน่าจะเป็นคนอเมริกัน อีกคนเป็นบราซิล ที่มุมห้องมีสาวลูกครึ่งเอเชียนั่งอยู่ กับโต๊ะเอกสาร น่าจะเป็นเลขา ส่วนคนสุดท้ายสวมหน้ากากสีดำ
    “ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรกับพวกคุณนะ” เกวริลกล่าวกับชายอังกฤษที่เป็น CEO
    “งั้นนายมาทำอะไรกันล่ะ พวกรัสเซียที่ชั้นพบล่าสุดพยายามฆ่าทีมของชั้น” เขายักไหล่ทั้งสองข้าง
    “ผมมาสมัคร…เป็นเจ้าหน้าที่ทหารของที่นี่”
    ชายใส่สูทยืนขึ้นเดินไปทางชายที่สวมหน้ากากสีดำแล้วกล่าวเบาๆ “ลองดูซิ” ชายสวมหน้ากากพยักหน้า แล้วเขาก็ควัก M1911 สีดำด้านออกมาจากเสื้อโค้ท จ่อมันไปที่หัวของเกวริล
    “…นี่…” เกวริลเอ่ยออกมาเรียบๆ ชายสวมหน้ากากกำลังจะลั่นไก เกวริลออกแรงแขนทั้งหมดสะบัดตัวเองออกจากกลุ่มทหาร แล้วพุ่งไปกระแทกและปลดอาวุธชายสวมหน้ากากอย่างรวดเร็ว แล้วเล็งไปที่ชายใส่สูททันที “เฮ้ย…ไอ้รัสเซีย!!! ” ทหารชุดน้ำเงินเดือดขึ้นมา เล็งปืนไปทางเกวริลทันที แต่เกวริลกลับเหยียดแขนตึง มือจับปืนกระชับ ปลดเซฟพร้อมยิง ไม่มีความลังเลที่จะ
    เหนี่ยวไก สถานการณ์ภายในห้องเริ่มตึงเครียด…...
    “แปะ…แปะ…แปะ” เสียงตบมือเบาๆดังขึ้น ชายในสูทยิ้มอย่างพอใจ
    “ชั้นชื่อแดเนียล ครอส และชั้นคิดว่าในโลกของทหารรับจ้าง มีคน 2 ประเภท พวกมีกึ๋น กับ พวกไม่มีกึ๋น..” เขาเดินเข้ามาหาเกวริล “และชั้นก็รู้ดีว่านายเป็นพวกมีกึ๋น”
    “พวกนายออกไปได้แล้ว” ครอสกล่างกับกลุ่มทหารชุดน้ำเงิน พวกเขาวันทยาหัตกลับมาแล้วทยอยเดินออกไป หนึ่งในนั้นเดินนำกระเป๋าของเกวริลไปให้สาวเอเชียอย่างรู้งานเธอ
    มองหน้าเกวริลราวกับขออนุญาตแล้วจึงค้นกระเป๋าในนั้นมีแฟ้มเอกสารกับกระเป๋าเงินเก่าๆ
    สาวลูกครึ่งที่โต๊ะมุมห้องยืนขึ้นพร้อมกับแฟ้มนั้นในมือ เดินเข้ามาแล้วเปิดพินิจพิเคราะห์มัน “สเปซนาซ เชี่ยวชาญทุกอย่างโดยเฉพาะการฆ่า ประวัติยอดเยี่ยม ไม่เคยขึ้นศาลทหาร …..โสด” เธอหันไปทางครอส “ครอส ชั้นว่า คนแบบนี้ นับวันยิ่งหายากนะ รับๆเขาไว้เถอะ”
    “มาริ!! เธอเป็นเลขา ไม่ต้องมายุ่งหรอกน่า”
    “ไม่มีชั้นซักคน นายก็ทำอะไรไม่ได้หรอก” เธอยิ้มให้เกวริลแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ ครอสแสดงอาการหน่ายๆ “พวกนายว่าไง”ครอสเอ่ยถาม ชายสองคนบนโซฟา
    “ไม่เลว…” ชายอเมริกันพูดขึ้น
    “ชั้นชอบคนรัสเซีย” ชายบราซิลกล่าวห้วนๆ ส่วนชายสวมหน้ากากไม่ได้กล่าวอะไร
    “โอเค เกวริล….”
    “เกรฟ! ใช่!!! ต่อจากนี้ไปโค้ดของนายชื่อ เกรฟ!!! ” มาริตะโกนแทรกขึ้นมา
    “นั่นเป็นโค้ดเนม…เฮ้อ ยัยนี่…ช่างมันเถอะ เกรฟ ตอนนี้นายเป็นสมาชิกของ Azure Wolf แล้ว” ครอสยื่นกุญแจห้องให้ “ที่พักอยู่ชั้น 30 รีบๆไปนอนซะ”
    เกรฟลดปืนลง พยายามครุ่นคิดว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น “อะไรกันวะเนี่ย…” เขาพึมพำเบาๆกับตัวเอง
    “เอาปืนคืนให้เบรินซะ แล้วเอากุญแจห้องนี่ไป ก่อนที่ชั้นจะเปลี่ยนใจ” เกรฟจำต้องทำตาม ชายสวมหน้ากากรับปืนคืนไป เกรฟมั่นใจว่าชายคนนี้ต้องอ่อนให้เขาตอนปลดดอาวุธแน่ๆ
    “ชั้นต้องทำยังไงต่อ” เกรฟกำกุญแจไว้ในมือ
    “ไปเก็บของที่ห้อง แล้วพักผ่อนซะ…..เรามีงานต้องทำพรุ่งนี้” ครอสเดินออกจากห้อง“มาริ ฝากงานที่เหลือด้วยนะ!!”

    ______________________________

    ภารกิจที่ 002: Warm up
    ชีวิตใหม่ของเกรฟ หรือ เกวริล เดมอนเชฟ อดีตสเปซนาซมือดีที่ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งใน Azure Wolf PMC หนึ่งในบริษัทชั้นนำระดับโลก เขาเข้าใจดีถึงความแตกต่างระหว่างการทำงานให้กับรัฐบาลกับบริษัทธุรกิจ ทันทีที่ครอสยื่นกุญแจดอกนั้นให้ คำว่าศีลธรรมหรือความถูกต้องก็คงหมดความหมายไป แต่สำหรับชีวิตของทหารคนนึงแล้ว มันคงไม่ยากเท่าไหร่ รถเอสยูวีจอดหน้าตึกหน้าสนามบิน เสียงจอกแจกจอแจช่วยดึงเกรฟอออกจากภวังค์ แสงแดดจ้าของช่วงเที่ยงวัน ส่องสว่างผ่านกระจกรถเข้ามาแยงตาของเกรฟ บรรยากาศอันมืดมิดของห่าฝนเมื่อวานนี้ไม่มีหลงเหลืออยู่เลย มันช่างแตกต่างจากที่ที่เขาจากมากเหลือเกิน…ผู้โดยสารในรถมี 6 คน…เกรฟ ,ครอส ที่มาริสั่งให้เรียกว่า แวนดอล ,เจซซิก้า มาริ แคมป์ สาวลูกครึ่งที่ทุกคนชอบเรียกด้วยชื่อกลาง ,โคลบี้ สจ๊วต หรือโคโลเนล หนุ่มอเมริกันผู้เฉื่อยชาซึ่งเป็นพลซุ่มยิง,เบริน ชายสวมหน้ากากที่มาริกล่าวว่าเค้าไม่อยากให้ใครรู้ประวัติของเขา และสุดท้าย ราฟาเอล คอสต้า หรือ แรปป้า หนุ่มบราซิลหน้าตาใจดีซึ่งนั่งอยู่ข้างๆเกรฟ
    “ระวังจะหลงล่ะ ฮ่ะๆ” แรปป้ากล่าวยิ้มๆให้เกรฟ เขายิ้มกลับ แล้วออกจากรถตามคนที่เหลือออกไป ตอนนี้สนามบินมีผู้คนมากมายเหลือเกิน แวนดอลเดินนำทุกคนเข้าไปในตึกสนามบิน ภายในตึกสนามบินมีกลุ่มคนสวมสูทอยู่เป็นกลุ่มเล็กๆ พวกเขายืนล้อมชายวัยสี่สิบต้นๆคนนึงอยู่
    “ว่าไง…แวนดอล เจ้าหนุ่มตัวร้ายของชั้น” ไมเคิล เจค๊อบ ประธานกรรมการของ เจค๊อบ อินดัสทรี่ บริษัทเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคที่เป็นบริษัทคู่ค้ากับ Azure Wolf
    “ชั้นสบายดี ไมเคิล เอาล่ะ มาเข้าเรื่องงานกันดีกว่า” แวนดอลรวบรัดตามนิสัยของเขา
    “นายนี่ ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ …โอเคๆ” ไมเคิลกวักมือเรียกลูกน้องของเขาให้นำกระเป๋าเอกสารมาให้ใบหนึ่ง “ในกระเป๋าใบนี้ มีข้อมูลและที่อยู่ของนักวิจัยชาวฮ่องกงที่กำลังพัฒนาอุปกรณ์ให้เราอยู่”
    “กะอีแค่ไปรับของทำไมต้องจ้างพวกชั้นด้วยล่ะ?” แวนดอลถามเพื่อให้แน่ใจว่างานชิ้นนี้ คุ้มที่จะรับไหม
    “เจ้าของชิ้นนี้มันสำคัญกับเรามาก มันอาจจะทำเงินให้เราได้หลายสิบล้าน” ไมเคิลอธิบาย “ที่สำคัญชั้นรู้สึกว่าตอนนี้ ภายในบริษัทมีปัญหาภายใน ชั้นไม่อยากให้มีปัญหา”
    “พวกนายก็แค่ขึ้นเครื่องบิน ไปที่ฮ่องกง ไปหานักวิจัยคนนั้น และพาเค้ากับผลงานของเขามาสั่งที่แมนฮัตตันก็พอ” ไมเคิลยิ้ม
    “เงินล่ะ” แวนดอลหรี่ตาพูด ไมเคิลโพ้งขึ้นทันที “เออ เกือบลืมไปเลย ชั้นจะโอนเงินให้นายก่อน 3 ล้าน แล้วถ้าเสร็จงานเมื่อไหร่ ก็จะโอนให้อีก 7 โอเคมั้ย”
    “ก็ได้ๆ” แวนดอลตอบตกลง “พวกชั้นรับงาน” เกรฟสังเกตุกิริยาของทุกคน ไม่มีใครหืออืออะไรแสดงว่าพวกเขาเชื่อใจแวนดอล ซึ่งเกรฟก็ไม่ควรทำตัวแตกต่าง
    การเจรจาจบลง ไมเคิลโบกมือให้ทุกคนจากหน้าต่างประตูรถลีมูซีนคันหรูของเขา ก่อนที่มันจะแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว มาริเปิดกระเป๋าเอกสารออกดู มีแฟ้มเอกสารไม่หนามากนอนอยู่ เธออ่านมันอย่างรวดเร็ว แล้วเธอก็เก็บมันเข้าไปที่เดิม
    “เราจะไปที่ไหน?” แวนเดลถาม
    “เกาลูน” มาริยิ้มให้ทุกคน “ถ้ายิงกัน ก็มันแน่”
    ...
    สายฝนโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ท้องฟ้าที่มืดมิดประดับด้วยแสงสายฟ้าฟาดราวกับไฟคริสต์มาส ผนวกกับสภาพอพาร์ตเมนโกโรโกโสสุดแออัด ชวนให้นึกถึงหนังสยองขวัญยุคเก่า ห้องโถงที่ทอดยาวไปไกล ชวนให้นึกว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้า เสียงฝีเท้าของคน 6 คนดังกังวาล ในความมืด
    “ห้อง 476” มาริกล่าว “ใกล้จะถึงแล้วล่ะ”
    ถ้าเป็นสมัยก่อนภาพของกลุ่มคนติดอาวุธคงทำให้ประชาชนหวาดผวา แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว เพียงแค่มีตราสัญลักษร์และใบอนุญาต แม้แต่เด็กเล็กก็เข้าใจว่าพวกเขาคือ PMC เกรฟนึกคิดแค่เพียงรูปภาพสัญลักษณ์กับกระดาษเพียงใบเดียวก็เป็นตัวแบ่งแยกระหว่างโจรกับนักธุกิจได้แล้วงั้นหรือ
    “ถึงแล้ว” มาริบอกทุกคน แรปป้าเข้าไปยืนประจำตำแหน่งที่ข้างประตูทันที กระชับ HK416 ในมือแน่นปลดเซฟพร้อมยิง แวนดอลเป็นคนเปิดประตูโดยมีโคโลเนลกับเบรินคุ้มกันให้ ส่วนเกรฟคอยดูหลังให้ทุกคน งานชิ้นนี้ทำให้เกรฟรู้ “กฏ”บางอย่างอีกข้อของ PMC ถ้าคุณรู้อะไรอย่างบาง อย่าคิดว่าคนอื่นอาจจะไม่รู้ ไม่แน่นักวิจัยคนนี้อาจกลายเป็นศพไปแล้วก็ได้
    “ก็อก … ก็อก”เคาะประตูห้องเช่าเก่าๆ อย่างช้าๆ ไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีเสียงชายหนุ่มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว“มังกรมีกี่ตัว?”
    “3 ตัว แต่น่าเสียดายตายหมดแล้ว…” แวนดอลตอบรหัสกลับไป ประตูห้องถูกเปิดออกในทันที นักวิจัยชาวฮ่องกงสวมแว่น แต่งกายโทรมๆเหมือนโหมทำงานมาหลายวัน ออกมาต้อนรับพวกเขา
    “ขอบคุณสวรรค์!!” นักวิจัยใจชื่นขึ้นมาทันที “เรียกผมว่า เหล่ง แล้วกัน”
    สภาพห้องเหมือนกับพึ่งผ่านสงครามวิชาการมา แผ่นกระดาษเอกสารวางอยู่ทั่วไปหมด ขวดน้ำ จานอาหารที่ไม่ได้ล้างกองเต็มโต๊ะ คอมพิวเตอร์เกือบสิบตัวยังเปิดค้างไว้
    “เฮ้ๆ ไมเคิลไม่ได้โทรมาบอกรึไงว่าพวกเราจะมารับ?” โคโลเนลท้วงขึ้น “ดูจากสภาพแล้ว นายยังไม่ได้เก็บของด้วยซ้ำ”
    “ใช่ๆๆ เค้าโทรมาบอกผมแล้ว แต่เค้าไม่ฟังผมเลย ผมบอกเค้าว่ายังเหลือเก็บงานอีกนิด เค้าก็บอกให้เก็บของได้แล้ว” เหล่งพยายามแก้ต่างให้ ตัวเอง พลางเดินไปที่คอมพิวเตอร์แล้วทำอะไรบางอย่างกับมัน
    “เหล่ง นายต้องไปเดี๋ยวนี้เลย” แวนดอลเริ่มหัวเสีย ความอดทนเค้ามีไม่มากโดยเฉพาะกับเรื่องงาน แต่เหล่งไม่ได้พูดอะไรกลับ แต่ชูนิ้วมา 5 นิ้ว เหมือนกับบอกว่า ขออีก 5 นาที
    “ชั้นชอบคนเอเชียตรงนี้แหละ” แรปป้าแซวด้วยอารมณ์ขัน ส่วนเกรฟกับเบรินยืนอยู่ที่หน้าต่างสายลมรุนแรงบดบังทัศนวิสัยแต่ไม่ใช่กับเกรฟ เค้าฝึกรบด้วยการอยู่กับพายุหิมะมานาน และพบว่า มันไม่ต่างกันเท่าไหร่ สายตากวาดไปรอบๆจับจองการเคลื่อนไหวของทุกสิ่งแสงเรืองรองจากหน้าต่างทะลุผ่านหยดน้ำเข้า เกรฟมองไปที่ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ตึกฝั่งตรงข้าม สายตาสะดุดเข้ากับแสงแวบเล็กๆ หลายจุดตรงนั้น นัยต์เบิกกว้าง เกรฟรู้ว่ามันคืออะไร…
    “หมอบลง!!!!!!” เกรฟตระโกนดังลั่น ทุกคนตอบสนองอย่างรวดเร็วยกเว้นเหล่งที่โดนแวนดอลฉุดลงมาจนล้มขะมำ กระจกหน้าต่างแตกกระจายพร้อมกับเสียงฟ้าผ่า ห่ากระสุน 7.62 แหวกว่ายห่าฝนเข้ามา ข้าวของแตกกระจุย กระจาย เหล่งร้องเสียงหลงเพราะผลงานของเขาแหลกกระจุย
    “สไนเปอร์!!!” แวนดอลร้องออกมา เขาคิดอยู่ไว้แล้ว “เบริน โคโล่ ยิงคุ้มกันที!! เราจะพาไอ้เหล่งนี่หนี” เขาพยายามจับตัวเหล่งซึ่งตะเกียดตะกายจะไปที่คอมพิวเตอร์ให้ได้ “ผมขออีกนิดเดียว!!” แล้วเขาก็หลุดไปจนได้ “****เอ้ย!! เบริน โคโล่!!!”
    เบรินปลดเซฟ ACR แล้วไล่ยิงทีละนัด เพื่อให้โคโลเนลมีจังหวะ ฉับพลัน M14 แผดเสียงคำรามลั่นห้อง ช่วงอึดใจเดียวเงาดำๆที่มีรูปร่างเหมือนคนก็ตกลงจากป้ายโฆษณาสู่ถนนเบื้องล่าง หากแต่เพียงพลซุ่มยิงฝั่งนั้นมีมากกว่าหนึ่ง
    “เสร็จแล้วๆ” เหล่งกำแฟรชไดรฟ์สีดำเอาไว้ใน ก่อนจะโดนแวนดอลแย่งไป “เราต้องไปกันแล้ว”แวนดอลขึ้นลำกล้อง F2000 ในอ้อมแขน “เกรฟ แรปป้า ประตู มาริ มากับชั้น!!!” เนื่องจากมี
    เบรินกับโคโลเนลดูแลที่หน้าต่าง จึงทำให้พวกเขาพอจะยืนได้บ้าง เกรฟขึ้นลำกล้อง AEK971 คู่ใจของเขา มันไม่ได้ปลิดชีพใครมานานแล้ว
    “พร้อมนะ” แรปป้าที่ยืนพิงอยู่ข้างๆประตูกล่าวขึ้น ในมือมีระเบิดแฟลชอยู่ เกรฟพยักหน้า “งั้นเอาเลย!” ระเบิดแฟลชถูกโยนออกไปเสียงตระโกนจากภายนอกดังอย่างตื่นตระหนก “แฟ่บ!!!” ระเบิดแฟลชทำงานแล้ว เกรฟถีบประตูเดินออกไปโดยมีแรปป้า และกลุ่มของแวนดอลตามหลัง ศูนย์เล็งคอบราขยับไปที่หัวของศัตรูปริศนาโดยอัติโนมัติ แสงปากกระบอกปืนสว่างวาบเป็นจังหวะ พร้อมกับชีวิตที่ถูกพรากไปทีละชีวิต หนึ่ง สอง สาม….เลือดสาดกระเซ็นประดับผนังของอพาร์ตเมนเก่าเป็นลวดลายที่สวยงาม
    “เบริน โคโล่ มาได้แล้ว!!” แวนดอลร้องเตือน พวกเขารีบวิ่งรวมกลุ่มทันที แล้วไปต่ออย่างรวดเร็วโดยมีเกรฟนำหน้า ไม่ต้องมีใครต้องมาสั่งเขา เกรฟตื่นขึ้นจากภวังค์ที่น่าหน่าย จิตใจและร่างกายเดินเข้าสู่ภวังค์แห่งนักล่า…. อีกครั้ง

    ______________________________

    ภารกิจที่ 003: Muzzleflash
    แมกกาซีนอันว่างเปล่าถูกปล่อยทิ้งมาจะมืออันหยาบกร้านของเกรฟ ก่อนที่แมกกาซีนใหม่จะถูกบรรจุใส่ AEK อย่างรวดเร็ว นับจากห้องของเหล่ง ศัตรูปริศนาที่ไม่มีสัญลักษณ์หรือข้อมูลอะไรในร่างกายเลย นับยี่สิบ ช่วยอุ่นเครื่องให้เกรฟได้เป็นอย่างดี หลังจากไม่ได้ทำหน้าที่ของเขามานาน แวนดอลวางแผนเอาไว้นิดหน่อยเกี่ยวกับเรื่องการหนีแต่จากข้อมูลที่โคโลเนลสังเกตุจากกลุ่มสไนเปอร์และอาวุธยุทโธปกรณ์ของเจ้าพวกนี้ ที่เป็นอาวุธชั้นเยี่ยม บางคนพกระเบิดแฟลชหรือแม้กระทั่งพกไนท์วิสชั่น แสดงให้เห็นว่าพวกมันมีแบคอัพที่ดี และการที่จะตรงแน่วไปที่รถตู้ ที่จอดทิ้งไว้หน้าอพาร์ตเมนนับว่าเป็นแผนที่โง่บัดซบ โชคยังดีที่มีรถตู้ส่งของลายพราง FedEx ที่เตรียมไว้อีกคันจอดอยู่ในย่านตลาด ด้วยความที่ตอนนี้ พวกเขาอยู่บนชั้น 7 จึงทำให้มีเวลาคิดเล็กน้อย
    “เอาไงดีล่ะ?” แวนดอลพึมพำกับมาริ ในขณะที่คนที่เหลือคอยเผ้าระวัง
    “ชั้นเดาได้ว่า พวกมันน่ามีเป็นร้อย แต่ที่ส่งมาเพื่อมาดูเชิง” โคโลเนลแนะ “บันไดคงโดนฝ้าไว้แล้วด้วยคนส่วนมาก ประตูหลังอีก”
    “ซึ่งต้องไปทางบันไดหลักอยู่ดี” แวนดอลเสนอความเห็น “คิดยังไงกับหลังคา หรือบันไดหนีไฟ”
    “สไนเปอร์คงรออยู่แล้ว” มาริเสริมเข้ามา “บันไดหนีไฟตัดทิ้งไปเลย ส่วนหลังคาอพาร์ตเมนนี้ยังมีตึกที่สูงกว่าล้อมอยู่อีกสองตึก แต่ก็มีตึกที่ต่ำกว่าพอที่จะโดดลงไปได้ ถ้านายบ้าพอน่ะนะ”
    “สรุปคือต้องวิ่งฝ่าดงกระสุน แล้วโดดลงล่างใช่ไหมเนี่ย” เมื่อแรปป้ากล่าวออกไป ทุกคนก็พยักหน้าเบาๆ “แหม เหมือนตอนยังอยู่ที่ ริโอ เลยแฮะ..” เกรฟกับเบรินไม่ได้พูดอะไร แต่กำลังชะโงกหน้าไปดูชั้นล่างของอพาร์ตเมนแห่งนี้ ทุกๆชั้นจะมีหน้าต่างที่ห้องโถงทั้งชั้น ยกเว้นชั้น 7 ที่ทำเป็นเนื้อที่โฆษณาทำให้พวกเขาไม่ถูกสไนเปอร์ที่ตึกอีกฝั่งไล่ยิง แสงสายฟ้าสว่างวาบขึ้นอีกครั้งคราวนี้ ทำให้เกรฟเห็นเงาของกลุ่มคนกำลังวิ่งขึ้นมา ดูท่าทางพวกเขาจะไม่มีทางเลือกเสียแล้ว “พวกมันมาแล้ว” เกรฟกล่าวเรียบๆ แล้วแวนดอลก็จับเหล่งที่ตัวสั่น พูดอะไรไม่ออก วิ่งขั้นบันไดไป ทุกคนก็วิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
    แวนดอลถีบประตูเก่าๆจนหลุดออกไปอย่างง่ายดาย พื้นที่หลังคานี้ยังไม่เปิดโล่งเสียที่เดียว มันมีพื้นที่ที่เป็นสวนย่อมขนาดเล็กๆ ที่ถูกคุมด้วยเพิงสังกะสี มาริสำรวจพื้นที่ ตรงหน้าของพวกเขาที่มีสวนย่อมบังอยู่คือตึกอพาร์ตเมนขนาดสิบชั้นห่างไป 200 เมตรที่มีสไนเปอร์อยู่แน่ๆ ทางซ้ายเป็นตำแหน่งของห้องพักของเหล่ง และห่างออกไปอีกราว 300 เมตร ก็มี อพาร์ตเมน 8 ชั้นที่มีสไนเปอร์ผู้โชคร้ายหลายรายโดนโคโลเนลสอยไป และทางขวาที่เป็นจุดหมาย อพาร์ตเมน 6 ชั้น ที่ชั้นหลังคามีเพิงสังกะสี พอจะเป็นทางหนีได้ ที่สำคัญมันยังยาวไปทางย่านตลาดอีกด้วย
    “โคโล พอจะจัดการได้ไหม” แวนดอลถามโคโลเนล ซึ่งเจ้าตัวพยักหน้าตอบ
    “เกรฟอยู่กับชั้น ตาเหยี่ยวของนายน่าจะช่วยชั้นได้ดีเลยล่ะ” เกรฟแสดงท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบตกลง พร้อมกับรับกล้องส่องทางไกลแบบตาเดียวที่โคโลเนลส่งให้
    “เอาล่ะ โคโลกับเกรฟจะคอยคุ้มกันพวกเราจากที่นี้ แรปป้านายอยู่ข้างๆชั้นไว้ เราทั้งคู่จะนำหน้า มาริจับเหล่งไว้ให้ดีๆ ส่วนเบริน นายคอยดูแลหลัง” ทุกคนขานรับ ยกเว้นเหล่งที่อยู่ในอาการตื่นๆ
    โคโลเนลคอยๆเปิดหน้าต่างบานเดียวในเพิงแห่งนี้ และค่อยๆวาง m14 ลงเบาๆโชคดีที่ต้นไม้บริเวณนี้ โตกว่าต้นอื่นๆช่วยพรางทำให้สไนเปอร์ฝั่งตรงข้ามสังเกตุยากขึ้น เกรฟเช็ดกระจกหน้าต่างแล้วค่อยๆเงื้อมดู ครั้งนี้ ต่างจากครั้งที่แล้วเพราะ ฝั่งตรงข้ามไม่มีป้ายไฟโฆษณาบนดาดฟ้า มันจึงมืดสนิท เกรฟคิด ถ้าหากเขาเป็นพวกมัน......ช่วงเวลาเกือบเที่ยงคืนในเกาลูนนั้นค่อนข้างคึกคักที่เดียว ห้องพักส่วนใหญ่จะมีแสงสว่างผ่านหน้าต่างออกมา อาจเป็นเพราะติดละครหรือพึ่งทำงานเสร็จ อย่างน้อยอพาร์ตเมนทุกๆชั้นจะมีห้องที่ปิดไฟเพียงห้อง 2 ห้องเท่านั้น แต่มีบางอย่างผิดปกติ เกรฟกวาดสายตาไปที่ชั้น 10 ห้องทุกห้องมืดสนิท แต่มีหน้าต่างเปิดแหงมๆไว้
    “ชั้น 10 บริเวณกลาง” เกรฟกระซิบบอกโคโลเนล คนอื่นๆอยู่ในสภาวะพร้อมวิ่ง เมื่อไหร่ก็ตามที่โคโลเนลลั่นไกล ทุกคนจะเคลื่อนย้ายไปทันที
    “กำลังค้นหา...” โคโลเนลขยับกล้องเล็งกำลังสูงอย่างช้าๆเพื่อป้องกันการถูกตรวจพบ “เกรฟ...จากซ้ายห้องที่ 6”
    เกรฟขยับตามตำแหน่งดังกล่าว เค้าเพ่งสายตามองชั่วครู่หนึ่ง เมื่อตาสามารถปรับระยะโฟกัส เค้าก็มองเห็นทันที เงาดำๆ 2 เงาอยู่ติดๆ แสงเงาสะท้อนจากปากกระบอกปืนซุ่มยิง “แล้วเห็น...ระบุเป้าหมาย” โคโลเนลปลดเซฟปืน ปลายนิ้วชี้ขวาสัมผัสไกปืนอย่างแผ่วเบา เค้าสูดลมหายใจเข้า แล้วกดไกปืนอย่างนุ่มนวลแต่ดุดัน เสียงดินปืนระเบิดดังกังวาลภายในเพิงสังกะสี ไอความร้อนสัมผัสแก้มขวาของ
    เกรฟอย่างทั่วถึง ลูกตะกั่วหมุนควงเข้ากระทบเป้าหมายของมันอย่างแม่นยำ
    “ไปได้!!!” แรปป้าถุบประตูจนหลุดแล้ววิ่งนำออกไป ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำตามมาด้วย แวนดอลและคนอื่นๆ ขอบคอนกรีตยกสูงและป้ายโฆษณาโลหะช่วยเป็นที่กำลังให้อย่างดี
    นัยต์ตาของเกรฟเปิดกว้าง แล้วกระโจนฉุดโคโลเนลให้นอนลง ความฉงนที่มีต่อการิกระทำดังกล่าวของเกรฟ หายไปพร้อมๆกับเสียงห่ากระสุนที่ทะลวงเพิงสังกะสีอย่างไร้ความปราณี สวนย่อมใต้เพิงสังกะสีอันมืดมิดนี้ ถูกเจาะเป็นรูปพรุน แสงสว่างเล็กๆเล็ดลอดเข้ามาตามรูจุดต่างๆ เกรฟมองไปทางกลุ่มของแวนดอล ก็พบว่าพวกเขาถูกตรึงให้นอนอยู่กับที่ ทำได้แค่ชายคามองตำแหน่งแสงปากกระบอกปืนเท่านั้น
    เศษกระเบื้องกระถางต้นไม้ เศษกระจกหน้าต่าง ฝุ่นละออง ใบไม้ที่ขาดกระจุยกระจาย ร่วงหล่นลงมาปกคลุมตัวเกรฟและโคโลเนล เสียงปืนกลเงียบหายไป ทิ้งไว้แต่เพียงเสียงของสายฝนที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆ กระสุนพวกมันคงหมดและกำลังบรรจุใหม่ เกรฟกับโคโลเนลมองหน้ากัน แล้วทั้งคู่ก็หันไปมองกลุ่มข้างนอกที่กำลังเปียกปอน แวนดอลกับแรปป้าขึ้นลำกล้องปืนพร้อมกัน และพยักหน้า เบรินปรับระบบปืนไปเป็นออโต้อย่างรู้งาน สายฟ้าฟาดลงมาเป็นสัญญาณ พวกเขายืนขึ้นพร้อมกันอย่างรวดเร็ว ศูนย์เล็งจับตำแหน่งสุดท้ายของแสงปากกระบอกปืนที่เห็นเพียงน้อยนิด จากห้องพักฝั่งตรงข้าม ราวกับหมาป่าที่พึ่งโดนเหยียบหาง มันจะสวนกัด รวดเร็ว ดุดัน และถึงตาย.... แสงจากปากกระบอกปืน 5 กระบอกจากหมาป่าหนุ่มทั้ง 5 ตัว ส่งผ่านความตายไปสู่ศัตรูลึกลับอย่างแม่นยำ กระสุนปืนถูกถ่ายโอนไปรังเพลิงอย่างรวดเร็ว จน*****นแมกกาซีน เพียงชั่วอึดใจแมกกาซีนใหม่ก็ถูกบรรจุเพื่อความพร้อม แต่มันคงไม่จำเป็นต้องใช่อีกแล้ว
    “รีบไปกันเถอะ” แวนดอลโยกหัวเรียกทุกคน โดยมีมาริกับเหล่งที่ยังตัวสั่นจากการโดยยิงกด รออยู่ที่ตึก 6 ชั้น เป้าหมายการหนีของพวกเขาแล้ว พวกเขาแต่ละคนต้องกระโดดข้ามไปตึก 6 ชั้นที่อยู่ห่างไม่มากนัก
    “ไม่น่าเชื่อว่าคนรัสเซียจะตาดีขนาดนี้” โคโลเนลกล่าวกับเกรฟ “ขอบใจที่ช่วยชั้นไว้”
    “สัญชาตญาณมันพาไปน่ะ” เกรฟกล่าวยิ้มๆ เค้าเริ่มนึกถึงเพื่อนเก่าในหน่วยเก่าขึ้นมา “เอาเป็นว่า กลับแมทฮัทตัน แล้วเลี้ยงเหล้าชั้นด้วยล่ะ”
    “ได้เลย!!” โคโลเนลกระโดดข้ามตึกไป เหลือเพียงเกรฟคนเดียว
    เกรฟหันหลังเดินไปเพื่อเตรียมวิ่ง เค้าสาวเท้าอย่างรวดเร็วเพื่อวิ่งกระโดดข้ามไปตึก 6 ชั้น ทันทีที่เท้าแตะขอบคอนกรีตเค้าออกแรงอย่างสุดกำลัง สายลมและละอองน้ำปะทะเข้ากับใบหน้า ความสดชื่นเล็กๆ ขณะที่อยู่กลางอากาศ โคโลเนลรอเค้าอยู่ที่ตึกฝั่งตรงข้าม แต่ทว่าแรปป้ากลับทำสีหน้าตกใจ ปลดเซฟปืนของเค้า เกรฟพึ่งนึกขึ้นได้ แต่มันก็สายไปเสียแล้ว ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่ไหล่ซ้าย มือขวาคว้าขอบตึกไว้ได้ แต่มือซ้ายกลับไร้เรี่ยวแรง ด้วยความลื่น เกรฟไม่สามารถเกาะไว้ได้อีกต่อไป ในขณะที่ร่างกายร่วงหล่นสู่ถนนเบื้องล่าง โคโลเนลที่ถูกคุ้มกันอยู่ โผล่เข้ามาพยายามคว้ามือเกรฟไว้ แต่มันสายเกินไป “*****เอ้ยยยย!!!!!” คือคำสบถของโคโลเนลที่ไม่สามารถช่วยเกรฟได้ทัน เค้าจำต้องคว้าปืนแล้วยิงตอบโต้ศัตรูต่อไป.....
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Alathreon : 8th March 2013 เมื่อ 16:23

  2. รายชื่อสมาชิกจำนวน 8 คนที่กล่าวขอบคุณ:



 

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top