ทั้ง 2 ตัวนั้น ผู้ผลิตอ้างว่าใช้ Aspartame แทนน้ำตาล
ทำให้ไม่เกิด calories กับร่างกาย ไม่มีพลังงาน หรือพูดง่าย ๆ คือดื่มเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนสะสม
ซึ่ง หากพิจารณาตามหลักโภชนาการแล้วก็จริง เพราะมันไม่ก่อ calories ให้ร่างกายเลย
ในขณะที่ Coke ธรรมดา 1 กระป๋องให้พลังงานถึง 140 Kcal และตัว Aspartame เองก็ปลอดภัยครับ
ไม่ได้มีสารก่อมะเร็งเหมือนที่พูดกัน Aspartame นี้ไม่ควรใช้ปรุงอาการบนเตา เพราะมันจะสลายตัว
ที่อุณหภูมิประมาณ 80 องศา C โดยสลายตัวเป็น Aspartic acid และ Phenylalanine ซึ่งจะทำให้รสชาติ
อาหารเปลี่ยนไป แต่นอกนั้นไม่มีปัญหาต่อร่างกายครับ
หมายเหตุ
จากการที่ Aspartame สลายตัวให้สาร Phenylalanine นี้ ทำให้มีข้อระวังในการใช้ว่า
ห้ามมิให้ผู้ป่วยโรค Phenylketoneuria กิน Aspartame เด็ดขาด เพราะผู้ป่วยจะไม่สามารถย่อยสลาย
กรดอะมิโน phenylalanine ไปเป็น tyrosine เหมือนคนปกติ ทำให้เกิดอาการโลหิตเป็นพิษได้
ดังนั้น การดื่ม Coke zero ในคนปกติที่ปริมาณพอเหมาะจะไม่มีข้อเสียเลย แค่จะทำให้เรา "ติดหวาน" เท่านั้น
คือจากข้อมูลล่าสุดในปี 2556 องค์การด้านความปลอดภัยในอาหารยุโรป (EFSA)
มีการประกาศใน EFSA Journal 2013 ว่าไม่พบหลักฐานใดสนับสนุนว่า Aspartame นั้น
จะก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพ เช่น ก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ หรือ เป็นสารก่อมะเร็งในระดับ DNA ได้ครับ
เรื่องการ "โยง" Aspartame กับปัญหาทางสุขภาพต่าง ๆ นั้น จะมีกระแสมากมายในช่วงปี 2012 - 13 ครับ
โดยพวก NGO (อีกแล้ว) และสื่อหลาย ๆ สำนัก ดังนั้น ทาง EFSA จึงต้องออกมาประกาศในเรื่องดังกล่าว
เรื่องของสารเคมีใน Aspartame คือ phenylalanine , methanol และ aspartic acid นั้น
ได้มีการพยายามวิจัยว่าอันตรายหรือไม่ ซึ่งกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยก็จะมีข้อมูลว่าสารทั้ง 3 ตัวนี้
มีผลในการก่อมะเร็ง และ อาจทำให้เกิดความผิดปกติในสมอง แต่ทาง EFSA ก็ได้อ้างงานวิจัย
ที่มีมานานแล้วครับ โดยสรุปรวมอยู่ใน EFSA Journal 2013 ที่ว่านี้ มีใจความว่า
สารทั้ง 3 ตัวก็มีปรากฏในธรรมชาติเสียด้วยซ้ำ คือมีในผัก ผลไม้ นี่เอง โดยสาร 3 ตัวนี้
ในงานวิจัยก็ระบุชัดเจนว่าให้รับเข้าร่างกายได้ไม่เกิน 40 มิลลิกรัม / น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
ซึ่งอย่างใน Coke เนี่ย หากจะอันตรายจากสารใน Aspartame ก็จะต้องกิน Coke zero
มากถึงวันละ 240 กระป๋องเลยทีเดียว
REF :
http://www.efsa.europa.eu/en/efsajournal/doc/3496.pdf
CR : Partita , มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้ายังไม่เชื่อ ลองอ่านดูในวิกิครับ อันนี้ผมไปหามาเพิ่มเอง
Safety and approval controversies :
Aspartame
has been found to be safe for human consumption by more than ninety countries worldwide,[27][28]
with FDA officials describing aspartame as "one of the most thoroughly tested and studied
food additives the agency has ever approved" and its safety as "
clear cut",[29]
but has been the subject of several controversies,
hoaxes[3] and health scares.[30]
Safety and health effects :
The safety of aspartame has been studied extensively since its discovery with research that includes animal studies, clinical and epidemiological research,
and postmarketing surveillance.[38] Aspartame is one of the
most rigorously tested food ingredients to date.[39] Peer-reviewed
comprehensive review articles and independent reviews by governmental regulatory bodies have analyzed the published
research
on the safety of aspartame and have found aspartame is safe for consumption at current levels.[8][38][40][41]
Aspartame has been deemed safe for human consumption by over 100 regulatory agencies in their respective countries,[41]
including the UK Food Standards Agency,[42] the European Food Safety Authority (EFSA)[43] and Health Canada.[44]
หวังว่าจะเป็นประโยชนนะครับผม