<<< New Update Screenshot Assassin creed 3 >>>>
Corner ขณะเตรียมจัดรูปแบบทัพ กับ Charles Lee ในช่วงฤดูร้อน ค.ศ. 1776
1. เปิดหน้าประวัติศาสตร์สงคราม
- การสูญเสียสิบสามอาณานิคม ในช่วงระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1760 และ 1770 ความสัมพันธ์ระหว่างสิบสามอาณานิคมและอังกฤษเริ่มตึงเครียดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความไม่พอใจในความพยายามของรัฐสภาอังกฤษที่จะปกครองและเก็บภาษีชาวอาณานิคมอเมริกันโดยปราศจากความยินยอมของพวกเขา ในเวลานั้น โดยสรุปเป็นสโลแกนที่ว่า "ไม่จ่ายภาษีหากไม่มีผู้แทน" ความไม่เห็นด้วยในการรับประกันสิทธิความเป็นชาวอังกฤษ ได้ทำให้เกิดการปฏิวัติอเมริกา และการปะทุของสงครามปฏิวัติสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1775 ในปีต่อมา ชาวอาณานิคมได้ประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา โดยได้รับความช่วยเหลือจากฝรั่งเศส สเปน และเนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกายังคงทำสงครามต่อไปจนกระทั่งชนะสงครามในปี ค.ศ. 1783
Paul Revere
- การสังหารหมู่ที่บอสตัน
การสังหารหมู่ที่บอสตันเป็นเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตของพลเมืองจำนวนห้าคนภายหลังการประทะกับทหารของสหราชอาณาจักรในวันที่ 5 มีนาคม 1770 โดยเหตุการณ์นี้เป็นเหมือนดั่งชนวนที่ก่อให้เกิดการก่อกบฏขึ้นในรัฐอาณานิคมบางรัฐของสหราชอาณาจักรในอเมริกาจนทำไปสู่สงครามประกาศอิสรภาพของอเมริกา โดยเหตุการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นโดยมีสาเหตุมาจากกองทหารของสหราชอาณาจักรที่ประจำการอยู่ในบอสตันไม่สามารถควบคุมการทะเลาะวิวาทระหว่างทหารและพลเมืองได้อีกต่อไป จนกระทั่งนำไปสู่การส่งทหารออกปฏิบัติหน้าที่เพื่อควบคุมการจราจลหลังจากถูกโจมตีจากกลุ่มคนที่ก่อการจราจล เป็นผลให้พลเมืองสามคนถูกยิงตายในการประทะกันของทั้งสองฝ่าย และพลเมืองอีกสองคนตายภายหลังเหตุการณ์นี้
(หนังสือบางเล่มกล่าวไว้ว่า การเปิดฉากยิงของทหารได้เริ่มขึ้นหลังจากที่ได้ยินเสียงปืนนัดแรกได้ดังขึ้น โดยอาจจะเป็นการกระทำของทหารของสหราชอาณาจักรเอง หรืออาจจะเป็นกลุ่มพลเมืองเพื่อทำให้เหตุการณ์ดำเนินไปสู่แตกหักก็ได้)
โดยเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นที่ คิงก์สตรีท (ที่รู้จักกันในนาม สเตทสตรีท ในทุกวันนี้) ในเช้าตรู่วันที่ 5 มีนาคม ช่างทำวิกฝึกหัด เอดวาร์ด เกอร์ริช ได้ทำการตะโกนกล่าวหานายทหารของสหราชอาณาจักร ร้อยโทจอห์น โกล์ดฟินช์ ว่าโกล์ดฟินช์ไม่ได้ทำการจ่ายค่าจ้างให้แก่เจ้านายของเกอร์ริช ซึ่งในความจริงแล้ว โกลด์ฟินช์ได้ทำการจ่ายหนี้ให้แก่เจ้านายของเกอร์ริชเรียบร้อยแล้ว จึงได้นิ่งเฉยต่อการสบประมาทนั้น แต่อีกไม่นาน เกอร์ริชก็ได้เดินจากไปก่อนที่จะกลับมาพร้อมกับเพื่อนของเขาหลังจากที่ผ่านไปได้สองถึงสามชั่วโมง เขาได้เริ่มต้นกล่าวหาร้อยโทโกล์ดฟินช์อีกครั้งพร้อมๆกันกับที่พลเมืองได้เริ่มปาบอลหิมะใส่ร้อยโทโกล์ดฟินช์ เกอร์ริชก็ยังได้ทำการกล่าววาจาหยาบคายกับพลทหารฮิวจ์ ไวท์ผู้ซึ่งออกจากสถานีประจำการมาท้าทายเด็กหนุ่ม ก่อนที่จะจบลงด้วยการใช้ปืนคาบศิลาฟาดไปที่ด้านหนึ่งของศีรษะของเด็กหนุ่ม ก่อนที่บาร์โธโลมิว บรอดเดอร์ จะเริ่มทำการโต้เถียงกับพลทหารไวท์ และทำให้ฝูงชนเริ่มสนใจต่อเหตุการณ์ความขัดแย้งนี้และขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
ในเวลาเย็นวันนั้น กลุ่มฝูงชนก็เริ่มขยายตัวเพิ่มมากขึ้นและเริ่มก่อกวนพลทหารไวท์ หลังจากที่ระฆังบนยอดหลังคาได้ดังขึ้น พลทหารไวท์ได้เดินออกจากป้อมประจำการและถอยกลับไปยังหน้าประตูที่ทำการรัฐบาล ใกล้ๆกันนั้น นายตรวจเวรประจำวัน ร้อยเอกโทมัส เพรสตันที่ได้เฝ้ามองเหตุการณ์ที่เริ่มบานปลายออกได้ทำการส่งข่าวไปขอกำลังเสริมจากกองพันพลทหารเดินเท้าที่ 29 (กองพันพลทหารแห่งวอร์เชสเตอร์ไชร์) ที่ติดดาบปลายปืนพร้อมเพื่อมาช่วยลดภาระให้แก่พลทหารไวท์ เขาและผู้ใต้บังคับบัญชา เจมส์ บาสเซทได้เดินทางตามเหล่ากองทหารนี้มาภายหลัง แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้เหตุการณ์ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่กองทหารเหล่านี้ได้เดินทางมายังป้อมประจำการ ก็ถูกกดดันโดยกลุ่มพลเรือนจำนวน 300 - 400 คนโดยประมาณที่ตีวงเข้ามาเป็นรูปครึ่งวงกลมจนต้องล่าถอยไปสมทบกับพลทหารไวท์บริเวณด้านหน้าที่ทำการรัฐบาลพร้อมกับเตรียมบรรจุกระสุน
เหล่าฝูงชนยังคงก่อกวนทหารต่อไปและเริ่มต้นปาบอลหิมะและสิ่งของขนาดเล็กเข้าใส่ทหาร พลทหารฮิวจ์ มอนท์โกเมรี่ได้ถูกฟาดด้วยไม้กระบองจนทรุดลงกับพื้น เมื่อเขาลุกขึ้นยืนขึ้นมาได้ เขาก็ได้ทำการยิงปืนคาบศิลาออกมา (ภายหลังทนายในการแก้ต่างของเขาได้กล่าวว่าเขาเพียงแต่สบถออกมาว่า "Damn you, fire!" (ขอไม่แปลละกัน...) แต่ในความจริงแล้ว ร้อยเอกเพรสตันไม่ได้ทำการออกคำสั่งให้ทหารทำการยิง ขณะที่เขากำลังยืนอยู่ด้านหน้าปืนระหว่างคนของเขาและกลุ่มผู้ก่อจราจล แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มฝูงชนก็ได้ทำการยั่วยุให้ทหารทำการยิง ก่อนที่เหล่าทหารจะเริ่มทำการยิงเข้าใส่ฝูงชน ซึ่งกระสุนของพวกเขาได้กระจายไปโดนพลเมืองสิบเอ็ดคน ซึ่งเป็นคนอเมริกันสามคน โดย ซามูเอล เกรย์ ช่างทำเชือก เจมส์ คาล์ดเวล ชาวประมง และกะลาสีเรือลูกครึ่งอเมริกัน คริสปัส แอททัคส์ ได้ตายทันทีในเหตุการณ์นั้น ส่วน ซามูเอล มาเวริคได้ถูกลูกกระสุนคาบศิลากระเด็นเข้าใส่บริเวณด้านหลังของฝูงชนและตายในเวลาสองถึงสามชั่วโมง(เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น)ต่อมา แพทริก คารร์ ผู้อพยพชาวไอริช ตายหลังจากสองสัปดาห์ต่อมา
เพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยเอาไว้ เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์แห่งสหราชอาณาจักรได้ทำการตกลงที่จะถอนทหารออกไปจากบริเวณใจกลางเมืองบอสตันไปจนถึงป้อมบน คาสเติลไอซ์แลนด์ในอ่าวบอสตัน ในวันที่ 27 มีนาคม ร้อยเอกเพรสตันและทหารอีกสี่คนที่อยู่ในที่ทำการรัฐบาลได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร
![]()
- สนามรบในสงครามที่ซาราโทกา หรือที่เรียกว่า Battle Saratoga
สงครามเริ่มต้นเมื่อปี 1777 โดยนายพลแห่งกองทัพอังกฤษชื่อ John Burgoyne ได้ต่อสู้กับกองทัพของอเมริกาคือนายพล Horatio Gates ที่หมู่บ้าน Schuylerville เป็นสงครามการปฏิรูปอเมริกา หรือที่เรียกว่า American Revolutionary War
จากนั้นเมื่อกองทัพอเมริกายึดพื้นที่แถบนี้คืนมาได้ จึงก่อตั้งเมืองซาราโทกาเมื่อปี 1788 และมีพื้นที่บางส่วนของเมืองถูกแบ่งไปเป็นเมืองอีกแห่งคือ ซาราโทกา สปริงส์ แต่ทั้งสองเมืองได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของอเมริกาว่าเคยมีการรบพุ่งกันระหว่างกองทัพสหรัฐและอังกฤษ โดยชาวอเมริกันเรียกว่าสงครามของกองทัพเสื้อแดง เนื่องจากทหารอเมริกันจะใส่เสื้อแดงในการสู้รบ
สถานที่สำคัญของซาราโทกาคือ Schuyler House เป็นบ้านของนายพล Philip Schuyler หนึ่งในทหารของคนสำคัญที่ได้ก่อร่างสร้างเมืองซาราโทกา พร้อมทั้งสร้างบ้านเพื่อใช้เป็นศูนย์บัญชากาการรบป้องกันไม่ให้กองทัพอังกฤษกลับเข้ามายึดเมืองนี้ได้อีก ซึ่งหากยึดเมืองนี้ได้จะทำให้พื้นที่ของนิวยอร์กถูกยึดไปด้วย
- สมรภูมิครั้งที่ 2
ที่อังกฤษพลาดท่าแก่ฝ่ายอาณานิคมคือสมรภูมิ ณ เมืองยอร์กทาวน์ มลรัฐเวอร์จิเนีย ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ส่งผลทางการเมืองไปยังอังกฤษด้วย ลอร์ด นอร์ธ นายกรัฐมนตรีต้องลาออกเพราะถือว่ารับผิดชอบต่อการดำเนินสงครามที่นำความปราชัยและอัปยศมาสู่อังกฤษในที่สุดอังกฤษต้องขอสงบศึกกับอาณานิคมอเมริกา และในปีค.ศ. 1783 ก็ได้มีการเซ็นสนธิสัญญาปารีสรับรองเอกราชของอาณานิคมทั้ง 13 แห่งบนทวีปอเมริกา จึงนับว่าเป็นการสิ้นสุดสงครามเพื่ออิสรภาพอเมริกัน
19 ตุลาคม พ.ศ. 2324 (ค.ศ. 1781) - กองกำลังอังกฤษนำโดยนายพล ชาลส์ คอร์นวอลลิส ยอมจำนนต่อกองกำลังฝรั่งเศส-อเมริกา นำโดยนายพล จอร์จ วอชิงตัน ในการโอบล้อมที่ยอร์กทาวน์ เวอร์จิเนีย เหตุการณ์นี้ปูทางไปสู่การสิ้นสุดสงครามปฏิวัติอเมริกา