เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา
|
|
|
|
|
|
|
ให้เช่า Colocation |
สติ๊กเกอร์ไลน์ |
|
|
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok เถื่อน |
Bitcoin |
เฟสบุ๊คเพจ |
-
3rd October 2013 15:56
#51
เป็นกำลังใจให้ครับผม อ่านไป 1 บทสนุกดีเเต่ถ้าจะให้ดีผมว่าทำพื้นหลังเป็นสีดำได้จะดีมากเลยครับคือผมนั่งจ้องนานๆเเล้วมันปวดตาอ่านนานๆไม่ได้
-
-
3rd October 2013 16:28
#52
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
_SaBasTaiN_
เป็นกำลังใจให้ครับผม อ่านไป 1 บทสนุกดีเเต่ถ้าจะให้ดีผมว่าทำพื้นหลังเป็นสีดำได้จะดีมากเลยครับคือผมนั่งจ้องนานๆเเล้วมันปวดตาอ่านนานๆไม่ได้
ขอบคุณมากๆเลยครับ
แล้วพื้นหลังที่ว่านั่นทำไงเหรอครับ
หมายถึงทำตัวหนาก็ใช่มั้ยครับ
ที่ผมทำได้ตอนนี้คงแค่ทำตัวอักษรใหญ่น่ะครับ
ขออภัยในความไม่สะดวก
ฮ่าฮ่าฮ่า
-
-
3rd October 2013 16:38
#53
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
black jack sdppd
ขอบคุณมากๆเลยครับ
แล้วพื้นหลังที่ว่านั่นทำไงเหรอครับ
หมายถึงทำตัวหนาก็ใช่มั้ยครับ
ที่ผมทำได้ตอนนี้คงแค่ทำตัวอักษรใหญ่น่ะครับ
ขออภัยในความไม่สะดวก
ฮ่าฮ่าฮ่า
ตามนี้ลิ้งด้านล่างนี่เลยครับเลื่อนลงมาล่างๆหน่อยของคุณ aehrocker
http://www.jokergameth.com/board/showthread.php?t=30110
-
-
6th October 2013 17:38
#54
บทที่ 14 สุขสงบที่หายไป
ควรทำในสิ่งที่เราทำได้แม้ว่ามันจะยากมาก แต่ถ้าเราทำได้ เราก็ต้องทำได้ ผมอยู่ที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ที่แลงก์ลี่ย์ เวอร์จิเนีย แต่ผู้คนส่วนมากรู้จักในชื่อสั้นๆ ซีไอเอ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมกับเหล่านักสู้มาเหยียบที่นี่ แต่กลับพบว่ามีคนมาอยู่ที่นี่มากมาย อาคารขนาดใหญ่ถูกจัดสรรส่วนเพื่อใช้ในการเป็นที่พัก ผมอยู่ช่วงพักร้อนจึงไม่ต้องไปอยู่ในโซนทหาร ซึ่งเป็นตึกข้างๆ แต่ว่าแน่นอนผมซึ่งค่อนข้างมีชื่อเสียงกลับถูกเรียกไปใช้งาน หมดพักร้อนซะแล้ว
หลังจากที่ผมจูบส่งเอ็มม่าเข้านอน ผมรีบวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นถัดโดยใช้ฝีเท้าที่เงียบที่สุด
ผมเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูกระจกซึ่งเขียนไปติดไว้ข้างบน "ห้องประชุม" ผมเคาะประตูสองทีด้วยท่าทีเอื่อยๆ เปิดประตูและเดินเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ ซึ่งมีโต๊ะยาวกลางห้อง มีโต๊ะคอมมากมายเรียงรายอยู่และบนผนังมีจอสี่จอซึ่งแสดงข้อมูลต่างๆ ภายในห้องกำลังวุ่นวาย ผมหยุดทำความเคารพนายพันสองคนซึ่งเขาพยักหน้ารับ
"ท่านผู้พันเรียกผม เพื่อให้เข้าประจำการเหรอครับ" ผมพูดเสียงเย็นๆ ความทรงจำเลวร้ายระหว่างผมและเขาผุดขึ้นมาทันที แต่เรื่องมันก็ยาวและยากเกินกว่าจะคิดให้หมด
"เปล่าหรอก ไทเลอร์ เรามีงานที่ง่ายกว่านั้นให้นาย" ผู้พันตอบ ชายร่างใหญ่ผิวดำเข้ม ผมเกรียน แสดงความรู้สึกทางสายตาเท่านั้น เขาแต่งตัวด้วยชุดเต็มยศ "เราที่นี่รู้จักนายดีหลังปฏิบัติการ รัสเทอร์ริส"
ผมมองไปรอบห้องช้าๆ ไม่มีความรู้สึกใดๆจากคำชมเพราะผมเกลียดเขายิ่งกว่าศัตรูบางคนที่ผมยิงแบบเผาขนซะอีก ได้แต่ทำสีหน้านิ่งๆ
"เราจึงเล็งเห็นว่านายจะทำงานให้เราได้ใช่มั้ย" ผู้พันถามเสียงแน่น มองผมอย่างพินิจผมเกลียดสายตาอย่างนี้ที่สุดและเพราะเป็น รอน ผมจึงเกลียดทุกอย่างที่เขาทำโดยไม่มีเหตุผล
"งานที่ว่ามีอะไรเหรอครับ" ผมถามอาจจะดูไม่เลวร้ายเท่าไหร่ถ้าออกจากปากรอนหนึ่งในข้อดีของเขา คำไหนคำนั้น
"เมื่อเจ็ดวันที่แล้ว" คราวนี้ไม่ใช่รอนพูด แต่เป็น พันเอกเนเก้น ผู้พันสุดเฮี้ยบอีกคน เขาดูใจดีทั้งในและนอก แตกต่างจาก รอนทุกอย่างแม้สีผิวแถมเนเก้นยังดูดีอีกด้วย "วันจันทร์ที่แล้วน่ะ" งั้นนี้ก็วันอังคารน่ะสิ ผมลืมดูวันที่ไปแล้ว แทบไม่ได้นึกถึง ถ้างั้นวันนี้วันที่เท่าไหร่ "เกิดการโจมตีที่ทำเนียบขาว มีการบุกจากข้างนอกมาไม่ขาดสายและเราคุมตัวท่านประธานาธิบดีไว้ข้างในห้องตลอด แต่ระหว่างการเคลื่อนย้ายท่านกลับติดเชื้อซะเองและเริ่มต้นอาละวาด กลายเป็นการโจมตีจากภายใน สรุปคือทำเนียบขาวแตกยับ"
ท่านประธานาธิบดีตายแล้ว นี่เป็นเรื่องที่แย่มาก เหมือนเสาหลักพังครืนลงมา ขาดคนสั่งการที่ดีพอแน่นอน ท่านเป็นคนที่เฉียบขาดมากในด้านการตัดสินใจ
"งั้น ชอว์ตัน ก็เป็นประธานแล้วเหรอครับ" ผมถาม รอส ชอว์ตัน รองประธานาธิบดี ในสมัยที่ รอส เบ็กกิน ยังเป็นประธานาธิบดี ซึ่งตอนนี้เบ็กกินเป็นผีไปแล้ว
"ใช่" ผู้พันรอนตอบ
"งั้นก็ค่อยดีมาหน่อย" ผมเผลอตอบไป ด้วยความโล่งใจ
"สงบปากสงบคำไว้หน่อย ไม่มีใครอยากได้ยินเรื่องการเมืองหรอกนะตอนนี้" ผู้พันรอนดุ
"ครับผมขออภัย"
"งานของนายคือสืบว่าใคร เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด" ผู้พันรอนบอก ผมรู้สึกเหมือนถูกหลุมดำดูด 'มืดมนและสิ้นหวัง' นี่นะเหรอ 'งานง่าย' ที่ว่า
"มันไม่ง่ายเลยนะครับ" ผมพยายามขัดขืน ในสถานการณ์แบบนี้ให้มาเล่นตำรวจจับโจรอยู่เหรอ
"เรามีเบาะแสสำคัญให้นายอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง" ผู้พันเนเก้นให้ความมั่นใจ ช่วยได้เยอะเลย ให้ตายเถอะ
"แล้วถ้าจับได้ ท่านจะทำอะไร จับแขวนตะแลงแกรงกลางสาธารณะรึไง" ผมเหน็บแนม
"ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ" ผู้พันรอนตวาดคนทั้งห้องหันมามอง แต่กลับเป็นตัวผู้พันเองที่รู้สึกเสียหน้า
"ผมอยู่นอกเวลางานครับท่าน จนกว่าผมจะตกลงท่านกรุณาปฏิบัติกับผมเหมือนประชาชนทั่วไปด้วย" ผมเสียบกลับ ผู้พันรอนเหมือนโดนตบดังฉาด "และตอนนี้ผมรับงานนี้"
"ขอบคุณมาก ผู้กอง" ผู้พันเนเก้นจับมือกับผม รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เขาก็เป็นหนึ่งในวีรบุรุษสงคราม เรียกได้ว่าเคียงบ่าเคียงไหล่เจมส์ รอน มาตลอด
"ร้อยโท วินด์เชสเตอร์ ล่ะครับ" ผมถามผู้พันเนเก้น เมื่อนึกถึงเพื่อนรักเพราะตั้งแต่มาที่นี่ ยังไม่ได้คุยกันเลย
"เขามีภารกิจต้องทำที่ลอนดอน" ผู้พันรอนตอบ "นายหาคู่หูได้แต่ต้องไม่ใช่เจ้าหน้าที่ภายใน ทุกคนมีหน้าที่"
"ครับ" ผมรับคำสั้น มองหน้ารอนอย่างสงสัย "แล้วเรื่องเบาะแสล่ะครับ" ผมถามทั้งสองคนเพราะต้องการรู้ทุกอย่าง
"โอ้ เข้าเรื่องสักที" ผู้พันเนเก้นรู้สึกกระตือรือร้นขึ้น เขานำผมไปที่โต๊ะกลมขนาดเล็กที่มี แล้วนั่งกันคนละฝั่ง "เราได้เบาะแสว่า โซเวียตา อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด" สิ้นคำว่า โซเวียตา ความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับสงครามเหมือนจะพุ่งชนสมอง ชื่อของ โคเลียม วีนอสกี้ ผุดขึ้นอีกครั้ง ผู้นำผู้ก่อการร้ายของรัสเซีย มหาโหดที่ถูกผมเป่ากะโหลกสมองกระจุย แขนซ้ายกระตุกเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องนั้นเพราะสมองของมันกระเด็นมาโดนแขนของผม
"โซเวียตาเนี่ยนะ" ผมเถียง "มันตายไปพร้อมกับผู้นำของมันแล้ว"
"ใช่ แต่เรื่องนี้มันเป็นก่อนที่วีนอสกี้จะตาย" ผู้พันเนเก้นบอกท่าทางใจเย็น
"ว่ากันว่านี่เป็นแผนสองของพวกมัน" ผู้พันรอนพูดบ้าง แผนสอง แผนอะไร อาวุธชีวภาพเชื้อโรคสายพันธ์ใหม่เหรอ ทำไมถึงเกิดเรื่องนี้ กฎหมายได้ออกมาแล้วว่าห้ามประเทศใดๆยุ่งเกี่ยวกับอาวุธชีภาพ
"รัสเซียแหกกฎข้อที่ว่าห้ามผลิตอาวุธชีวภาพ" ผมคราง "รัสเซียจะประกาศสงครามงั้นเหรอ"
"ไว้นายหาตัวการมาได้เรื่องทุกอย่างก็จะคลี่คลาย" เนเก้นบอก
"แล้วผมควรจะเริ่มที่ไหน" ผมถาม
"ปักกิ่ง" ผู้พันรอนแจ้ง ทำไมต้องปักกิ่งหรือว่าจีนก็จะร่วมมือกับรัสเซียด้วย เรื่องนี้ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าสงสัย แต่ว่ารัสเซียและจีนก็เป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่หนักมากๆนี่นา
"ทำไมต้องเป็นปักกิ่ง" ผมถาม "นี่เป็นสงครามหรือเปล่า"
"ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล นี่มันเรื่องของการก่อการร้าย ข้อเรียกร้อง เป็นเรื่องที่มีลับลมคมในระหว่างสองรัฐบาล" รอนอธิบาย งั้นก็จริงที่ว่าโซเวียตาได้ดีเพราะมีรัฐบาลรัสเซียหนุนหลัง
"งั้นจะมาขอร้องผมทำไม คุณมีเจ้าหน้าที่ซีไอเอเก่งๆมากมาย" ผมแย้งพลางเคาะโต๊ะอย่างใจเย็น "คนที่มีความสามารถมากกว่าผมน่ะ ใช้พวกเขาสิหรือไม่ก็พวกสารวัตรทหา-"
"นายผิดแล้ว" ผู้พันเนเก้นตัดบท "มันไม่เหมือนในหนังที่นายดูแล้วเห็นว่าสายลับซีไอเอ เป็นคนที่มีทักษะด้านการต่อสู้ สิงห์ปืนไฟหรอกนะ แบบนั้นน่ะเราไม่ได้มีมากขนาดนั้น" เขาหยุดให้ผมได้คิดตาม "ทุกคนมีหน้าที่หมด เขาไม่ได้มีความสามารถแบบชกต่อยเก่งอย่างเดียว คนที่ไม่มีสิ่งที่ต้องทำที่นี่ ก็ต้องประสานงานเดินทางไปตามที่ต่างๆ เพื่อวางแผนในการช่วยเหลือและการเจรจาเพื่อความสัมพันธ์อันดีงามทางการทูต" ความสัมพันธ์อันดีงามทูตงั้นเหรอ ตัวเองยังจะไม่รอดอยู่แล้ว แต่ก็เถอะ เรื่องการเมือง เราอย่าไปยุ่งจะดีที่สุด
"แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี" เนเก้นพูดต่อ "เราได้ส่งมือพระกาฬไปแล้วคนหนึ่งเพื่อสืบเรื่องนี้และคอยวางแผนช่วยเหลือตามจุดต่างๆ"
"เขาอยู่ไหนเหรอครับ" ผมถามรู้สึกอยากรู้ แต่ถ้ามาเรียกใช้ผมแบบนี้ผลก็เดาได้ไม่ยาก เนเก้นส่ายหัวช้าๆ
"หายสาบสูญ"
"ผมอยากรู้เรื่องของเขา"
"งั้นก็ลองดู" เนเก้นผลักแท็ปเล็ตมาให้ ผมเปิดดูก็พบว่ามันได้เข้าหน้าที่มีข้อความเขียนเอาไว้อยู่แล้ว
บันทึกการทำงาน เควิน สไตร์เกอร์
10 มิถุนายน 2013
ผมถูกส่งตัวไปมอสโคพร้อมลูกทีมที่ถูกฝึกมาอย่างดีอีก 6 คนเพื่อสืบเรื่องวีนอสกี้ หวังว่าจะมีอะไรบ้างนะ ตื่นเต้นเลยทีเดียว
12 มิถุนายน 2013
ถ้าไม่นับบรรยากาศที่วุ่นวาย ที่นี่สวยเลยทีเดียว สักวันผมจะพาลินดามาเที่ยวที่นี่ ลินดา สไตร์เกอร์และเบอร์แมนด์ทุกคน
14 มิถุนายน 2013
ผมไม่รู้ว่ามันเป็นยังไงกันแน่ กาเรล (ที่ปรึกษาฝ่ายขวา โซเวียตา) บอกว่าวีนอสกี้ไม่เกี่ยวอะไรกับอาวุธชีวภาพแต่เป็นลูกของเขา หน้าอย่างวีนอสกี้ยังมีเมียได้ ยังไงก็ตามแต่ ก่อนที่ผมจะได้ถามต่อ กาเรลก็กระโจนมากัดผม ดีที่หลบทัน มันแปลกตรงที่ว่า เขาไม่ได้ถูกกัด
17 มิถุนายน 2013
เราอยู่ลอนดอนครับ ผมต้องขออภัยที่ไม่ได้แจ้ง สัญญาณมันล่ม นี่หาที่บันทึกได้ก็บุญโข รายงานครับตอนนี้ลูกทีมผมเหลือ 3 คนแล้ว ทุกคนจิตใจย่ำแย่ ไม่รู้จะอยู่ต่ออีกนานแค่ไหน
เราได้รับเบาะแสของที่ปรึกษาฝ่ายซ้าย ซึ่งผมเองก็พึ่งรู้นี่แหละว่ามี มันอาจจะเป็นเบาะแสของทายาทวีนอสกี้ก็ได้
23 มิถุนายน 2013
เจอบ้านของผู้ต้องสงสัยแล้ว นี่อาจจะเป็นบันทึกครั้งสุดท้ายแต่ถ้ารอดชีวิตจะกลับมาบันทึกต่อ ฝากความคิดถึงถึงลินดาด้วยนะ
ผมละสายตาจากข้อความมามองหน้าผู้พันทั้งสอง เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก เชื้อไวรัสระบาดและลูกของวีนอสกี้ นี่มันอะไรกัน
"ผมควรจะไปลอนดอนใช่มั้ย" ผมถาม รอนส่ายหัว
"ไม่ เราได้รับสัญญาณจากเขา เป็นสัญญาณสั้นๆ เมื่อวันที่ 26" รอนหยุดเล็กน้อย "เมื่อสองวันที่แล้วน่ะ" ถ้างั้นวันนี้ก็วันที่ 28 "น้ำเสียงเขาเหมือนพึ่งรู้อะไรมา" รอนมองหน้าเนเก้น เขารับช่วงต่อ
"เขาตะโกนอะไรสักอย่างที่เราแปลความได้ว่าปักกิ่ง"
"แสดงว่าผมต้องไปปักกิ่งใช่มั้ย" ผมถาม ทั้งคู่พยักหน้า
"โชคดีที่ที่โน่นมีหนึ่งในปฏิบัติการรุกฆาตอยู่" เนเก้นบอก "น่าจะช่วยอะไรได้บ้าง"
"แล้วจะให้ผมไปวันไหน"
"มะรืนนี้ เป็นวันที่สายการบินว่างอยู่" รอนชี้แจง "เราจะจองตั๋วไปเมืองจีนให้นาย แต่ในระหว่างนี้ให้นายอยู่ที่นี่ช่วยวิเคราะห์สถานการณ์ก่อน มีอะไรมากมายที่น่าสงสัย"
"ตามมานี่สิ เรามีอะไรจะให้ดู" เนเก้นพูดขึ้นและพาผมออกจากห้องปฏิบัติการและเดินยาวออกไปอีกห้อง ซึ่งดูเหมือนห้องแล็บวิจัยอะไรสักอย่าง
"ไม่นึกว่าซีไอเอจะมีอะไรอย่างนี้ด้วย" ผมพึมพำ
"ใช่ เราดัดแปลงห้องน่ะ" เนเก้นตอบ
ภายในห้องเป็นห้องแบบห้าเหลี่ยมครึ่งแรกของห้องเหมือนจะเป็นส่วนที่ไว้ใช้ทดลองเพราะข้างในมีซอมบี้ตัวหนึ่งกำลังทุบกระจกอย่างบ้าคลั่ง ครึ่งหลังของห้องคงจะเป็นส่วนวิจัยเพราะมีหน้าจอพลาสม่าขนาดใหญ่สามจอติดแขวนอยู่ข้างหน้า คอมพิวเตอร์และคนที่ใส่ชุดกาวน์อยู่เสียครึ่งห้องอยู่เต็มไปหมด ตอนนี้เนเก้นก็เดินไปอีกฝั่งของห้องแล้วคุยกับนักวิจัยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"สวัสดีครับท่านผู้พัน" คนที่ดูเหมือนนักวิทยาศาสตร์ออกมาต้อนรับ ผู้พันพยักหน้าตอบ "นี่ใครเหรอครับ" เขาถามพลางเลิกแว่นสายตาขึ้น
"บุคคลพิเศษน่ะ" รอนตอบเน้นเสียงด้วย ยังไงกันล่ะเนี่ย
"เราไม่สามารถให้ใครมาดูนี่ได้นะครับ ท่านบอกเอง" เขาแย้ง
"เขาเป็นผู้รอดชีวิตที่มีสติครบสามสิบสองนะสิ" รอนตอบอีกครั้ง ควรจะซึ้งสินะ
"จริงเหรอครับ" นักวิทยาศาสตร์ทำเสียงสูงเหมือนชั่งใจ "เดาเลยว่ามันคงพุ่งเข้ามาหาคุณเหมือนเห็นแม็คโดนัลด์ฟรีเลยสินะ"
"อันที่จริงเคเอฟซีน่ะ อร่อยเหมือนกัน" ผมเสนอ "ก็แค่ออกความเห็น" ผมยักไหล่เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งคู่
"ผมศาสตราจารย์ด็อกเตอร์กรอสลิ่ง เวลล์" เขายื่นมือมา "เรียกผมว่าเวลล์ก็ได้"
"ผมร้อยเอกดีน คา ไทเลอร์" ผมจับตอบ "เรียกผมว่าดีนก็ได้"
"โอเค แนะนำตัวกันเสร็จแล้วสินะ" รอนขัด "ด็อกเตอร์ตอนนี้การวิจัยถึงไหนแล้ว"
"ก็ไม่คืบหน้าครับเราแค่รู้ว่าช่วงแรกที่ติดเชื้อมันจะวิ่งเร็วมากเพราะยังแข็งแรงอยู่ แต่เมื่อขาดอาหารปรสิตจะอ่อนกำลังลงน่ะครับ"
"เดี๋ยวนะ ปรสิตเหรอ" ผมถามด้วยความสงสัย ถ้าเป็นปรสิตละก็อาจจะมีทางรักษาก็ได้ "ปรสิตอะไรเหรอครับ"
เวลล์ถูมืออย่างตื่นเต้นเหมือนพบที่ระบายใหม่ เขากวักมือเรียกผมให้เข้าไปใกล้ห้องทดลอง เขาส่งสัญญาณขอข้อมูลขึ้นหน้าจอที่หนึ่ง เกิดภาพร่างกายของคนในแนวนอนและมีรูปขยายของปรสิตข้างๆ
"เมื่อถูกกัดปรสิตจะเดินทางอย่างรวดเร็ว (ภาพในจอฉายตอนที่ปรสิตเดินทางผ่านปากไปสู่แขน) จากส่วนที่กัดไปสู่สมอง (ปรสิตเดินไปที่ส่วนสมองและทิ่มขาลงไปในสมอง) เมื่อถึงสมองมันฝังตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของสมองส่วนซีรีบลัมและซีรีเบลลัม เมื่อได้ฝังตัวเข้าไปแล้วมันจะกินสมองส่วนฮิปโปแคมปัส , อะมิกดาลา , นิวเคลียส แอมบิกิอัส , แนฟีเรียร์ แซลิเวรี นิวเคลียสและไฮโปทาลามัสบางส่วน"
"โว้ๆ ช้าๆหน่อย เขียนเป็นตัวอักษรก็ไม่รู้เรื่องแล้ว" ผมขัดแต่นอกจากเวลล์จะไม่สนใจแล้วเขายังดูพอใจมากขึ้นด้วย
"ส่งผลให้มันไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด" เขาเสริม
"สรุปว่าปรสิตจะฝังตัวในสมอง ทำให้มันเกิดไอพวกนี้สินะ" ผมสรุปง่ายๆ
"ใช่" เวลล์พยักหน้า "เอาล่ะ คุณรู้อะไรดีๆบ้าง" อืม จะว่าไป ผมก็ไม่ทันได้สังเกตอะไรพวกนี้ด้วยสิ
"รู้สึกว่าหลังๆมันจะวิ่งช้าลง"
"ใช่แล้ว ปรสิตพวกนี้อยู่ได้นาน แต่ถ้าไม่ได้คอเลสเตอรอลก็จะทำให้มันวิ่งช้าลง" เวลล์ยืดอก
"เอ่อ ใช่ๆ มันมองเห็นในที่มืด" ผมกระซิบช้าๆแต่ก็ทำให้ทุกคน หันมามองได้ แม้แต่เวลล์ก็ยังต้องเลิกคิ้วสงสัย
"จริงรึเปล่า" เวลล์ถามย้ำ ผมพยักหน้า ผมจำได้เหตุการณ์ในตึก "งั้นเราก็ต้องทำการวิจัยกันใหม่"
"มันเป็นยังไงเหรอ" รอนถามบ้าง
"คือมองเห็นในที่มืดแหละครับ อาจจะเป็นแบบอินฟราเรดระดับต้น" ผมอธิบาย
"หรือมันจะใช้จมูกหรือหู" เวลล์เสนอความเห็น ผมยักไหล่
"ไม่หรอก เราเคยส่งหน่วยสไนเปอร์ไปคุ้มกันคนสำคัญคนหนึ่งตอนกลางดึก" รอนเล่า "แต่เขาถูกโจมตีรอดมาได้คนหนึ่งจากห้าคน"
"มันเสียงดังเหรอ" เวลล์ถาม
"บ้าเรอะ พลซุ่มยิงไม่ทำเสียงดังหรอกน่า" รอนตะคอก ที่รอนพูดก็น่าคิด พลซุ่มยิงควรสวมชุดที่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ปฏิบัติด้วยความเงียบ ผมเองก็เกือบโดนพลซุ่มยิ่งจัดการเอาแล้ว แต่โชคดีที่กระสุนจุดสี่ห้าของผมโดนมันซะก่อน ในระยะเกือบร้อยเมตร ไม่ได้จะคุยหรอกนะ
"แต่เรื่องอาหารของมันน่ะ ผมคิดว่าเราน่าจะหาสิ่งที่เป็นจุดอ่อนได้" ผมเสนอความเห็น
"นั่นล่ะคือหน้าที่ที่นายต้องจัดการ" รอนตอบ "เอาล่ะ นายไปพักได้" รอนพูด แต่ผมรู้เลยว่ามันคือการไล่
"ครับ"
ผมเดินลงบันไดเพื่อไปห้องพักตัวเอง ระหว่างทางเดินมีห้องห้องหนึ่ง คล้ายๆห้องขัง มีซี่ลูกกรงเล็กๆอยู่ แล้วก็มีมือมาจับกรงเอาไว้ ผมหยุดเดิน
"เฮ้ พี่ชาย นายน่ะเป็นทหารใช่มั้ย" เสียงผู้ชายจากข้างในถามมา "ฉันก็เหมือนกัน ฉันเป็นพลซุ่มยิงน่ะรู้มั้ย" ผมเดินเข้าไปใกล้อย่างสนใจ
"ฉันถูกส่งตัวไปทำภารกิจของรอนน่ะรู้มั้ย ฮ่าฮ่าฮ่า" เขาหัวเราะเบาๆเหมือนคนบ้า "ภารกิจบ้าๆน่ะ"
"ฉันอยากคุยกับนาย เปิดประตูสิ" ผมบอก แล้วเขาก็เปิดประตู ตัวเขาใหญ่ประมาณร้อยเก้าสิบเซนติเมตร แต่ดวงตาเบิกโพลงและยิ้มแปลกๆ ถ้าเป็นพลซุ่มยิงจริง เขาควรจะดูเหมือนคนมีสติกว่านี้นะ
"นายต้องสนุกแน่ๆ กับนิทานภารกิจคุ้มกันคนจีน ฮ่าฮ่าฮ่า"
"โอเค เราต้องคุยกันหน่อย"
|
|
|
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย black jack sdppd : 7th November 2013 เมื่อ 19:36
-
รายชื่อสมาชิกจำนวน 3 คนที่กล่าวขอบคุณ:
-
6th October 2013 18:50
#55
บอกตรงๆเลย ผมเคยอ่านอะไรยาวๆ มากๆ ขนาดนี้เป็นครั้งแรก ตอนแรกที่เห็น กระทู้ ว่าจะไม่อ่านหรอก (ไม่ค่อยชอบอ่านอะไรเยอะๆ) แต่คุณทำให้ผมนั่งอ่านได้จนถึง บททที่ 14 นานเหมือนกันนะ นั่งอ่านทั้งวันเลยกินขนมอีก เมือนดูหนัง
อ่านเเล้วเห็นภาพเลย คุณเก่งมากเลยนะผมว่าน่าจะทำหนังสือนะ
คำว่ารักมีไว้บอกไม่ได้มีไว้เก็บแต่คนส่วนมากกลัวที่จะเจ็บเลยเลือกที่จะเก็บมากกว่าบอก
-
-
6th October 2013 19:05
#56
หลังจากนี้คงได้เวลาหยุดพักยาวอีกแล้วล่ะครับ
ฮ่าฮ่าฮ่า
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
AsLan
บอกตรงๆเลย ผมเคยอ่านอะไรยาวๆ มากๆ ขนาดนี้เป็นครั้งแรก ตอนแรกที่เห็น กระทู้ ว่าจะไม่อ่านหรอก (ไม่ค่อยชอบอ่านอะไรเยอะๆ) แต่คุณทำให้ผมนั่งอ่านได้จนถึง บททที่ 14 นานเหมือนกันนะ นั่งอ่านทั้งวันเลยกินขนมอีก เมือนดูหนัง
อ่านเเล้วเห็นภาพเลย คุณเก่งมากเลยนะผมว่าน่าจะทำหนังสือนะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใใจมากๆครับ ผมจะทำให้ดีที่สุดเลยครับ
ขอบคุณมากครับ
-
-
7th October 2013 21:11
#57
เอ่อ ช่วยทำแบบรวบตอนแบบเรื่อง TKM love... vs Zombie ได้ไหมครับ พอดีว่าผมไม่ค่อยมีเวลามานั่นหาตอนหนึ่งสองสามน่ะครับ อ่านตอนแรกไปก็สนุกดีครับ
ถ้าไม่ทำก็ไม่เป็นไรครับ
-
-
8th October 2013 11:27
#58
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
santisook01
เอ่อ ช่วยทำแบบรวบตอนแบบเรื่อง TKM love... vs Zombie ได้ไหมครับ พอดีว่าผมไม่ค่อยมีเวลามานั่นหาตอนหนึ่งสองสามน่ะครับ อ่านตอนแรกไปก็สนุกดีครับ
ถ้าไม่ทำก็ไม่เป็นไรครับ
บอกตามตรงเลยครับ อยากทำ
แต่ทำไม่เป็น แต่ว่ากำลังศึกษาอยู่ครับ
อีกนิดเดียวก็จะทำได้แล้วแหละ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
ฮ่าฮ่าฮ่า
-
-
16th October 2013 16:58
#59
บทที่ 15 เรื่องแปลกๆ
ภายในห้องที่ดูเหมือนจะเป็นห้องขังของไซม่อน ยูจีน อดีตพลซุ่มยิงที่ดูเหมือนจะตกอับหน่อยๆและสมองไม่ปกตินิดๆ มีห้องน้ำขนาดเล็กอยู่ภายในห้อง มีตู้เย็นวางตรงข้าม ใกล้ประตูมีเตียงเดี่ยวอยู่ ตรงข้ามมีโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่เปิดอยู่ ข้างๆมีชั้นหนังสือ ทั้งห้องเป็นสีขาวไม่เว้นแม้แต่เฟอร์นิเจอร์ เขาเชิญให้ผมนั่งที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ขณะที่เขาไปเอาน้ำในตู้เย็น เขาอาจจะเป็นพลซุ่มยิงจริงๆแต่ถ้าผมพบว่าเรื่องที่เขาเล่ามันไร้สาระล่ะก็ ผมจะอัดเขาให้หัวจมโถส้วมเลย
ผมเหลือบไปเห็นไฟล์งานที่หัวข้อเขียนว่า บันทึกภารกิจสิบโท ไซม่อน ยูจีน ผมเอื้อมมือไปจะจับเมาส์
"ฉันชอบอ่านมัน แม้ฉันจะจำเรื่องไม่ได้" ยูจีนพูด เขายื่นแก้วน้ำมาให้ผม ผมเขย่าเบาๆและดมดูโดยทำท่าจะดื่ม ซึ่งมันปลอดภัยดี
"คิดว่าฉันจะวางยานายเหรอ พี่ชาย" เขารู้ "ฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากหรอก" ผมมองหน้าเขา
"นายบอกว่านายมีอะไรจะเล่าให้ฉันฟัง" ผมถามเขา
"ฉันจำเป็นต้องเล่านายด้วยเหรอ" เขายียวน
"ก็นายบอกว่ามีเรื่องจะเล่าให้ฉันฟัง" เขาทำตาโตแล้วหัวเราะเบาๆ
"นายต้อง โปรดเล่าเรื่องสนุกให้ฉันฟังหน่อยสิ" เขาพูด ผมชักจะหมดความอดทน
"ฉันไม่มีเวลาทั้งวันนะ" ผมกำหมัด "ฉันยังมีแฟนที่รอฉันอยู่ ฉันไม่ได้นอนสบายบนเตียงอุ่นๆ มะรืนนี้ฉันต้องไปทำภารกิจ ถ้าแกยังไม่เลิกกวนฉันละก็ จะได้เห็นดีกัน"
"ทำไมฉันต้องเล่านายด้วย" ยูจีนถาม ผมสูดหายใจเฮือกใหญ่แล้วลุกขึ้นยืน ยูจีนยังคงนั่งอย่างสงบเสงี่ยมเหมือนจะดีใจที่ยั่วผมสำเร็จ ซึ่งก็จริงอยู่ที่ผมโกรธเพราะเรื่องไร้สาระแบบนี้
"เพราะฉันถามแกดีๆไงล่ะ ไอสารเลว" ผมใช้นิ้วจิ้มไปที่อกเขา ฉับพลัน! เขาเอื้อมมือมาจับมือที่ผมใช้จิ้มแล้วหักไปทางขวา ผมใช้มือซ้ายชกไปตามสันชาติญาณ เขาใช้มือขวากันเอาไว้และเหยียดตรงมาหมายจะชกหน้าผม ผมเบี่ยงตัวหลบไปทางขวาและใช้เข่าแทงไปที่ท้อง เขาปล่อยมือที่บิดผมอยู่ ผมเหวี่ยงหมัดซ้ายไป เขาก้มหลบได้และอัพเปอร์คัตกลับ ผมหลบโดยถอยหลัง เขาตามมาดันไหล่ผมทั้งสองข้างไปติดกำแพงเฉียดคอมพิวเตอร์นิดเดียว เขากำลังจะเปลี่ยนมือมากดคอ แต่ผมใช้หัวโขกเขา เขาผงะถอยหลัง ผมตามไปจะชกซ้ำแต่เขาเหวี่ยงหมัดมา ผมก้มหลบและต่อยเข้าไปที่ท้อง เขากุมท้อง ผมหันหลังฟาดขาไป แต่เขาจับได้และกำลังจะตัดข้อพับ ผมกระโดดม้วนตัวไปข้างหน้า ทำให้เขาเหมือนถูกกระชากไปข้างหน้าแล้วชนกับขอบผนังห้องน้ำ เขาหันหน้าเซมา ผมต่อยไปด้วยหมัดขวาแต่เขาไม่ล้มและเหวี่ยงหมัดขวาคืนมา ผมกันไว้โดยใช้แขนซ้าย เมื่อสกัดไว้ได้ ผมสอดแขนซ้ายไปใต้แขนขวาเขาแล้วเหวี่ยงเขาไปชนตู้เย็น จากนั้นก็เหวี่ยงกลับมาที่ขอบผนังห้องน้ำ หัวเขาโขกอีกครั้ง หน้าตาเขาเหมือนโทรมหน่อยๆแล้ว ผมชกซ้ำเข้าไปให้หัวเขาโขกอีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้ง เขาสลบไป เลือดติดขอบผนังหยดลงมาเป็นทางยาว อืม... อาจจะถึงตายแล้วก็ได้
ผมจับชีพจรของเขาซึ่งพบว่าไม่เต้นแล้ว แม้ผมจะไม่กลัวที่ฆ่าคนไปมากมาย แต่การมาฆ่าเพื่อนร่วมชาติในสถานการณ์อย่างนี้ ผมรู้สึกผิดและกลัวมาก ผมนั่งลงข้างๆเขาเอามือลูบหน้า หลังจากทำใจได้ผมจึงนำศพเขาไปไว้ในห้องน้ำ จัดท่าให้หัวเขาอยู่ใต้โถส้วม แต่คงปิดได้ไม่นานเพราะเลือดเขายังติดฝาผนังอยู่
ผมเดินออกจากห้องส่ายหัวไปกับการเสียเวลาไปอย่างไร้ประโยชน์แถมยังหาเรื่องให้ตัวเองเฉียดคุกด้วย แต่ผมเห็นคอมพิวเตอร์ที่ยังวางได้อยู่เหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ผมนั่งลงและดูบันทึกภารกิจสุดท้าย
11 มิถุนายน 2013
ชื่อภารกิจ : ดี 11 คุ้มกันนักการเมืองชาวจีน
เวลาปฏิบัติการ 23 : 05 น.
สถานที่ : สถานกงสุลจีน
สถานะภารกิจ : สำเร็จ
จำนวนความเสียหาย : สูญเสียลูกทีมทั้งหมด
ความรู้สึกหลังภารกิจ
ยูจีน มันน่ากลัว ไม่สิ มันน่าสยองมาก มันมาจากไหนไม่รู้ ผมเห็นมันเบนเป้าหมายจาก ชาวจีนคนนั้นแล้ววิ่งตรงมาที่เรา
เจ้าหน้าที่ คุณไม่ได้ใช้ที่เก็บเสียงเหรอ
ยูจีน พูดเป็นเล่น มันเป็นภารกิจลับ รับภารกิจโดยตรงจากผู้พันรอน
เจ้าหน้าที่ ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไร
ยูจีน ผมไม่รู้ ผมกำลังจะกลายเป็นบ้ารึเปล่า ผมรู้สึกสับสน ผมกลัว มันหาเราเจอได้แม้ในที่มืดงั้นหรือ ผมสามารถบอกได้เลย เราจะไม่มีวันชนะศึกนี้ (หัวเราะเบาๆ) การทหารของเราเป็นรองอยู่หลายขุม (หัวเราะอีกครั้ง)
สถานะผู้ปฏิบัติภารกิจ : สติไม่เหมาะจะรับงาน
ผมละสายตาจากหน้าจอ รู้เหตุผลที่ยูจีนเป็นบ้า ความสูญเสียที่รวดเร็วในค่ำคืนเดียว อีกทั้งยังเกิดขึ้นกับผู้ที่มีความมั่นใจสูง แต่ยังไงก็ตาม ไม่เห็นมันจะมีสิ่งที่เป็นเบาะแสกับผมตรงไหน แม้ว่าจะมีข้อสันนิษฐานที่รัฐบาลจีนจะเป็นผู้ที่ติดต่อกับผู้ก่อการร้าย แต่การคุ้มครองนักการเมืองหรือนักการทูตก็ถือเป็นการรักษาความสัมพันธ์อย่างดี
ผมเลื่อนหน้าจอลงไปก็พบว่ายังไม่จบ แต่ที่เหลือเหมือนจะเขียนเพิ่มเข้ามาด้วยตัวยูจีนเอง
มันแปลกกว่าที่มันเกินจะเป็น ผมเห็นทุกอย่างผ่านกล้องวาไรเบิล ยี่สิบนาทีหลังจากเริ่มภารกิจ ชาวจีนคนนั้น แบกกระเป๋าอะไรบางอย่างที่เหมือนจะมีระบบล็อคแน่นหนา มันใหญ่พอๆกับเอ็มสี่สิบเอหนึ่งของผมเลย ข้างหลังรอนวิ่งตามมาด้วยติดๆแปลได้เลยว่าทั้งคู่มาติดต่ออะไรกัน แต่ว่ามันเป็นความลับ แทบไม่มีใครรู้แม้แต่พวกเรา ผมอยากให้ใครเห็นสิ่งนี้ ผมรู้ตัวว่าผมกำลังเป็นบ้า จอร์จ กำลังโบกมือเรียกผมอยู่ ผมเห็น
นี่สิถึงจะเป็นประโยชน์แต่มันก็ไม่ปกติอย่างที่ยูจีนว่า ทั้งคู่ไปตกลงเรื่องอะไรกันถึงยี่สิบนาที ซึ่งในสถานการณ์ที่หน้าสิวหน้าขวาน จะมาทักทายถามความอยู่ดีมีสุขนั้นคงไม่ดีแน่ๆ
"สนุกมากมั้ยล่ะ ไอบัดซบ" เสียงดังขึ้นข้างหลัง ผมลุกขึ้นประจันหน้าทันที ยูจีนอยู่ข้างหลังด้วยสายตาที่กระหายเลือด
"ฉันอุตส่าห์ส่งแกไปหาจอร์จแล้วเชียว" ผมพูดแม้จะไม่รู้จักแจ็คนั้นเลยก็ตาม สายตายูจีนเปลี่ยนไปทันที เป็นสายตาที่โกรธแค้น แต่ก็เปลี่ยนเป็นสายตากระหายได้ภายในพริบตา
"แกรู้มั้ย ข้อเสียของการทำภารกิจลับคืออะไร" ยูจีนถามโดยที่ไม่ต้องการคำตอบ "เวลามีคนตาย เขาจะไม่รับผิดชอบ" เขาเว้นไว้ช่วงหนึ่ง "และแกจะต้องตายอย่างลับๆ"
"ฉันเหรอ ห่วงตัวเองก่อนดีกว่า" ผมเย้ย "ด้วยความเป็นห่วงนะ แต่แกอย่ายุ่งกับร้อยเอกดีกว่า"
"ฉันเคยล้ม ร้อยเอกมาแล้ว"
"แต่ไม่ใช่ฉันนี่ รู้มั้ย แกน่ะไม่เหมือนคนบ้าเลย"
"บ้า น่ะ มีหลายแบบ ในที่นี้คือบ้าคลั่ง" แล้วเขาก็พุ่งมาด้วยหมัดขวาแต่ช้ากว่าตอนแรกมาก ผมก้มหลับก้าวไปข้างหน้า จับที่คอเขาใช้ขาขวาดักขาเขาแล้วกดมือลง จับหัวเขากระแทกกับขอบเตียง เขานอนแน่นิ่ง แต่ยังไม่สลบ
"ชาไปหมดเลย บ้าชิบ" เขาหัวเราะ ผมนั่งลงบนเก้าอี้ "มีรูปของชาวจีนคนนั้น ในหนังสือธุรกิจขอบสีฟ้าเขียนว่า ว่าด้วยความรวย เขาเป็นคนเขียน มีประวัติของเขา นายน่าจะได้อะไรจากมันบ้าง" ตอนนี้ผมชักรู้สึกผิด
"ฉันขอโทษ" ผมกล่าวขอโทษไป
"ไม่หรอก ฉันสิต้องขอบคุณ แต่นายต้องทำมันให้จบ ฉันอยากหนีไปจากที่นี่ ตอนนี้เลย คนอย่างฉันไม่สมควรจะใช้ชีวิตอยู่หรอก" เขาหอบยังคงขยับตัวไม่ได้
"ไม่ว่ายังไง ไม่ว่านายจะสูญเสียเท่าไหร่ นายจะต้องอยู่ต่อไป ฉันเชื่อว่าทุกคนฝากความหวังในการมีชีวิตไว้กับนาย" ผมพูด
"ไม่หรอกเพื่อน ฉันมันโรคจิต ฉันสูญเสีย จิตใจฉันย่ำแย่ ฉันไม่อาจอยู่กับมันได้ นายรู้มั้ยว่าทีมฉันทุกคน ครอบครัวเขายังอยู่ฉันไม่สามารถเอาหน้าไปพบใครได้อีกแล้ว" เขาพูดน้ำเสียงเอื่อยหายใจหอบ "แถมนายยังทำกับกับฉันแบบนี้อีกและฉันยังบอกข้อมูลสำคัญให้นายด้วย นายต้องตอบแทนฉันบ้าง" ผมถอนหายใจและนั่งคุกเข่าลงข้างหน้าเขา ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันเป็นแผนของเขาที่ยั่วให้ผมโกรธเพื่อหาเรื่องไปจากที่นี่ "ฉันมันบ้า เพื่อน"
"ไม่หรอกนายไม่บ้า" ผมส่ายหัว "มันอาจจะเจ็บนิดหน่อยนะ" เขาส่ายหัวพร้อมยิ้ม
"อีกเดี๋ยวฉันก็ไม่รู้สึกแล้ว" ผมเอื้อมมือไปวางไว้ที่แก้มเขาแล้วดันไปข้างหน้าอย่างแรง เกิดเสียงดังเฮือกเป็นเสียงสุดท้าย จากนั้นก็เกิดเป็นความเงียบ ผมอุ้มเขาวางไว้บนที่นอน
"หลับให้สบายเถอะ นายทำภารกิจสำเร็จแล้ว"
ณ ตลาดเฉาหยางเหมิน
"บัดซบเอ้ย มันยังตามมาอยู่เลย" เชฟตะโกนพลางหันหลังแล้วยิงกราดใส่พวกซอมบี้ที่วิ่งไล่ตามมา มันล้มลงไปและโดนเหยียบสะดุดกันเป็นจำนวนมาก
"อ้ากกกก" เสียงจอห์นดังขึ้น เดนนิสหันไปอย่างตกใจ เห็นจอห์นล้มอยู่และซอมบี้ก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
"จอห์น !!!" เดนนิสร้องและพยายามวิ่งเข้าไปช่วย แต่อีกไม่กี่เมตรมันก็จะถึงตัวจอห์นแล้ว ถ้ายิงคงไม่ทันแน่
ปัง !!!!!
เสียงปืนขนาดใหญ่จนหูเดนนิสเต้นดังขึ้นจากด้านข้างและส่งผลให้ซอมบี้จำนวนมากล้มลงไป เดนนิสรีบพยุงจอห์นขึ้น ชายคนนั้นถือปืนลูกซองเรมิงตัน แปดร้อยเจ็ดสิบ เขาพูดภาษาจีนอะไรสักอย่าง แต่จากท่าทางเขาเหมือนให้ตามมา ด้วยเวลาที่กระชั้นชิด เขาจึงตามชายคนนั้นไปพร้อมลูกทีม
แลงก์ลี่ย์ เวอร์จิเนีย
จากที่ได้อ่านประวัติท้ายเล่มของหนังสือและที่ยูจีนเขียนเสริมไป ก็พบว่าชายจีนปริศนาคนนั้นหัวล้าน ดูมีอายุ พุงโรหน่อยๆ เขาชื่อ ลีหงฉวน รู้จักกันในชื่อ ร็อบเบน ลี เป็นนักธุรกิจที่มีตลาดครอบคลุมมาก ทั้งห้างสรรพสินค้าและอุตสาหกรรม มีสินค้าส่งออกมากมาย ไม่เคยมีประวัติเสีย แต่เคยโดนตรวจสอบโดยอัยการเรื่องสินค้าอาวุธปืนอยู่บ้าง แต่คดีนี้ก็ถูกลืมไปอย่างรวดเร็วเพราะอัยการออกมากล่าวขอโทษและบอกว่าเข้าใจผิด เขาดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องจากผู้ก่อการร้ายอยู่บ้างเพราะเขาครอบคลุมอินเทอร์เน็ตบางส่วนของจีน ซึ่งคนหรือนักธุรกิจธรรมดาไม่สามารถทำได้ ถ้าไม่จ่ายเงินราคาแพง ถึงจะรวยล้นฟ้าการทำแบบนั้นก็เป็นเรื่องยากและแทบเป็นไปไม่ได้ แต่ในวงการการเมืองเขาก็ค่อนข้างจะมีบทบาทอยู่ในฐานะพ่อของ ลีเตียวล่ง นักการเมืองหนุ่ม สื่อมวลชนกล่าวกันว่าเขาชักใยอยู่เบื้องหลังทั้งหมด
จากที่ได้เห็น ลีก็ไม่ใช่คนสำคัญที่รอนจะต้องให้เป็นภารกิจลับและต้องเข้าไปคุยด้วยแบบลับๆ ลีอาจจะเป็นผู้ที่มีเชื้อไวรัสหรือปรสิตหรือรายชื่อสำคัญที่จะติดต่อไปที่ผู้ก่อการร้าย แต่จะทำแบบลับไปทำไม แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาคิด ผมเดินกลับขึ้นไปที่ห้องปฏิบัติการเห็นเนเก้นยืนกอดอกอยู่ ผมเดินเข้าไปทำความเคารพ
"มีอะไรรึทหาร" เนเก้นถาม "นายน่าจะไปพัก ดื่มเบียร์ซักแก้ว หาหญิงสวยๆซักคน นี่รู้อะไรมั้ย ฉันว่าตอนนี้แล้วคงไม่มีใครเล่นตัวแน่นอน" ผมก็อยากจะขำแต่ว่างานต้องมาก่อน
"ไม่ใช่ครับท่าน ผมอยากได้ที่อยู่ของ ร็อบเบน ลีครับ"
"ร็อบเบน ลี นายจะอยากได้ที่อยู่ไออ้วนนั่นทำไม" เนเก้นเลิกคิ้ว
"ผมพบเบาะแสอะไรบางอย่างครับ เขาน่าจะเป็นเบาะแสสำคัญเรื่องรายชื่อได้" ผมตอบไปหวังอย่างยิ่งให้เนเก้นเห็นด้วย เขาทำหน้าครุ่นคิดก่อนโบกมือให้เจ้าหน้าที่ทำงาน
"เอาขึ้นจอหนึ่ง" เนเก้นบอก
"ครับผม" เจ้าหน้าที่คนนั้นบอก หลังจากนั้นไม่นานที่อยู่ก็ขึ้นมา "ที่อยู่ของเขาอยู่ใกล้ๆ สวนเป่ยไห่ แต่ที่หลบภัยของเขานั้นอาจจะเป็นที่พระราชวังต้องห้ามครับ"
"ขอบคุณมาก" ผมขอบคุณเนเก้น เขาพยักหน้า
"ฉันก็จะหาข้อมูลเรื่องนี้ให้เหมือนกัน นายไปพักเถอะ" เนเก้นบอก
"ท่านครับ ผมอยากให้ท่านระวัง ผู้พันรอนเอาไว้นะครับ" ผมเตือน ผู้พันดูตกใจมาก
|
|
|
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย black jack sdppd : 7th November 2013 เมื่อ 19:37
-
-
18th October 2013 15:33
#60
บทที่ 16 ลดหลั่น
ณ ตงซี
ชายชาวจีนคนนี้เป็นคนตัวสูง ซึ่งสามารถดูออกได้ในทันทีแม้เขาจะสวมเครื่องป้องกันตัวไว้ทั่วร่างกาย ใส่หมวกเหล็กใส่หน้ากากปิดหน้ามิด ที่ตัวมีชุดเกราะกันกระสุน แขนที่ที่ป้องกันศอกและเกราะทั่วแขน ขาก็มีที่ป้องกันเข่าทับกางเกงยีนส์เอาไว้ เขาสะพายเป้ที่ดูเหมือนจะตุงไปด้วยเสบียง ข้างหลังที่ตอนแรกแบกขวานเอาไว้ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นลูกซองและใช้ขวานแทน
เดนนิสและลูกทีมค่อยๆย่องตามเขาไปช้าๆ ตามซอกตึกที่ไหนสักแห่ง เมื่อถึงสุดทาง เขาพูดภาษาจีนพร้อมยื่นมือมาเป็นสัญญาณให้คอย เดนนิสหยุดพร้อมกุมปืนไรเฟิลแน่น เมื่อเขาเดินออกไปพร้อมขวานไฟ เดนนิสก็ถือปืนไรเฟิลเอ็มสิบสี่ตามไป คอยระวังหลัง แต่ภาพที่เห็นคือ เขากำลังใช้ขวานไฟฟาดฟันใส่พวกซอมบี้อยู่
ในสมรภูมิด้านหน้ามีซอมบี้อยู่นับสิบตัว ล้วนเป็นพวกที่เชื่องช้าแล้วทั้งสิ้น เขาเหวี่ยงขวานใส่ตัวที่เข้ามาทางซ้าย ฟาดไปทางขวาและมีซอมบี้ที่มากัดแขนเขาตรงที่เกราะ เขาสะบัดมันไปด้านหน้าและถีบมันกระเด็น จากนั้นก็กระโดดฟันตัวที่พุ่งมาจากด้านหลังและเขาก็ฟาดขวานจามหัวพวกมันที่เข้ามาเรื่อยๆ ไม่ยั้ง
เดนนิสพยักหน้าให้ลูกทีมของเขาเอาขวานออกไปสู้ด้วยโดยที่เขาก็ยิงช่วยเป็นหน่วยสนับสนุน กริ๊ก เสียงปืนดังภายใต้ที่เก็บเสียงส่งตัวที่กำลังจะเข้าไปหาจอห์นล้มไป กริ๊ก ตัวที่สอง กริ๊ก ตัวที่สาม เขาเปลี่ยนตำแหน่งการเล็งเพื่อช่วยชาวจีนคนนั้น กริ๊ก ใส่ตัวที่มาจากข้างหลัง กริ๊ก ตัวที่มาจากด้านข้าง
ซอมบี้ในสมรภูมิมีมากขึ้นเรื่อยซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ จอห์นจามหัวซอมบี้ที่ตรงมาจากข้างหน้าและหวุดหวิดโดนกัด เขาหลบซอมบี้ตัวที่พุ่งมาจนมันล้ม เขากระโดดเหยียบหัวมันทีเดียว สมองทะลัก พอลเหวี่ยงขวานไปทั่ว ซึ่งความแข็งแรงของเขาทำให้ซอมบี้ถูกจัดการในที่เดียว ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! เสียงขวานของเขาดังขึ้นพร้อมกันอย่างต่อเนื่องและซอมบี้ก็ล้มลงไป เชฟก็เช่นกันเขาจัดการพวกมันอย่างสะใจ
กริ๊ก
เสียงปืนทะลุหัวซอมบี้ตัวสุดท้ายในละแวกนั้น เขาออกจากจุดซุ่มยิงแล้วตรงเข้าไปหาชาวจีนคนนั้นซึ่งยืนอยู่เฉยๆและสอดส่องไปทั่ว
"นี่ขอโทษนะ ทำไมเราต้องมาสู้ตรงนี้ด้วยล่ะ" เดนนิสถามไปซึ่งเขาก็รู้อยู่แล้วว่าคงไม่ได้คำตอบเพราะชาวจีนคนนี้คงพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น
"เพราะบ้านฉันอยู่ทางโน้น" ชายจีนพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วพร้อมชี้มือไปทางฝั่งบ้านเดี่ยวที่เหมือนถูกปิดตาย
"หา นี่นายพูดอังกฤษได้เหรอ" เดนนิสถาม แต่ยังไม่ทันที่ชายจีนจะตอบ เชฟก็โพล่งขึ้นมา
"นี่นายลากเรามาให้เรามาเกือบตายเนี่ยนะ"
"ไม่เอาน่า เชฟ เขาช่วยพวกเราไว้ ถ้าไม่มีเขาป่านนี้เราตายไปแล้ว" พอลพูดอย่างเหนื่อยใจกับเพื่อนคนนี้ เขาเดินตรงไปหาชายชาวจีนคนนั้นและยื่นมือไปเพื่อขอบคุณ เขามองอยู่พักหนึ่งก่อนจะจับมือตอบ
"ใช่เชฟ นายน่ะหุบปากไว้บ้างก็ดี เราพึ่งเสียเพื่อนไปนะ" จอห์นพูด เชฟมองอย่างตกตะลึงที่เด็กอย่างเขากล้าพูดอย่างนั้น เขากำลังจะอ้าปาก แต่ถูกสายตาของเดนนิสห้ามไว้ เขาเดินไปและเตะถังขยะอย่างไม่สบอารมณ์
"ผมเดนนิส" เดนนิสแนะนำตัวเองและลูกทีมทุกคนให้ชาวจีนคนนั้นรู้จัก เขาพยักหน้าช้าๆและชั่งใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะแนะนำตัวเองบ้าง เขาถอดหน้ากากที่ติดกับหมวกออกเพื่อเผยหน้าอันเยาวว์วัยและหล่อเหลาให้ทุกคนเห็น
"ผมชื่อลีเตียวล่งหรือเรียกว่าลีเฉยๆก็ได้" เขามองหน้าทุกคนยกเว้นเชฟที่เดินไปสำรวจบ้านอื่น "ไม่มีเวลามากเรารีบเข้าบ้านเถอะ พวกมันอาจจะกำลังผ่านมาทางนี้ นี่เป็นระลอกแรก ผมว่านะ" เดนนิสพยักหน้า เขาตะโกนเรียกเชฟ
"เชฟ มาได้แล้วโว้ย ไองี่เง่า" แต่เชฟชูนิ้วกลางมาให้ เดนนิสส่ายหัว ลีหันไปถามจอห์น
"นี่เขาทำตัวงี่เง่าแบบนี้ตลอดเลยเหรอ" จอห์นยักไหล่ เชฟได้ยินแล้วพุ่งตรงเขามา
"แกอย่ามาหือดีกว่าไอตี๋" เชฟด่าแล้วชกมาอย่างรวดเร็ว แต่กลับโดนมือเดนนิสจับบิดอย่างแรงและกระชากเขาลงไปกอง
"สงบปากไว้บ้างเถอะน่า รีบมาซะ" เดนนิสตะคอกจากนั้นก็เดินตามลีไป เชฟนั่งกุมมือลงกับพื้น หน้าแดงด้วยความโกรธจัด จอห์นช่วยพยุงแขนเขาขึ้น แต่เชฟสะบัดออกและปัดแขนตัวเองเขาพึมพำว่า เขาจะอัดไอ้จีนนั่นให้คว่ำ
"นี่รู้อะไรมั้ย ถ้าเดนนิสไม่ห้ามนายไว้ จะเป็นนายนั่นแหละที่คว่ำ" จอห์นพูดและเดินจากไปแต่เชฟไม่ได้ตามไปด้วย เขาเดินตรงไปอีกบ้านที่เขาสำรวจไว้ตอนแรก "เฮ้ย จะไปไหนน่ะ" จอห์นตะโกนถาม แต่เขาไม่สนใจ
"ปล่อยไปเถอะ จอห์น ให้เขาไปสงบสติอารมณ์" พอลพูดด้วยเสียงเหนื่อยๆ
"ใช่ที่พักจะได้ไม่แตกไปมากกว่านี้ไง" เดนนิสเห็นด้วย
"แต่ --" จอห์นจะพูดต่อแต่โดนเดนนิสขัด
"มาเถอะน่า เขารู้วิธีเอาตัวรอด เขาเคยปิดคดีได้ตั้งหลายครั้ง" เดนนิสปลอบ
"ชิ ไอพวกงี่เง่า" เชฟพึมพำเบาๆ หลังจากที่เขามาในบ้านได้ มันเป็นสองชั้น ที่เมื่อเปิดประตูมาจะเป็นบันไดยาวไปถึงชั้นสอง ข้างๆเป็นห้องนั่งเล่น "อยากไปอยู่กับไอบ้านั่นก็เชิญ ฉันไม่อยู่แล้วโว้ย ไอทีมบ้าๆเนี่ย" เขาเดินไปที่ห้องครัวและหยิบเบียร์ออกมา "เชื้อฟังฉันนะ บลา บลา บลา " เขาล้อเลียนเจฟจากนั้นก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วดื่มเบียร์อย่างสบายใจ
ภายในบ้านเดี่ยวที่หลบภัยของของลีถูกตอกปิดหน้าต่างและประตูไว้อย่างแน่นหนา เขาต้องคลานเข้าที่ประตูลับที่ถูกพุ่มไม้บังอยู่ ภายในบ้านดูอบอุ่น มีเครื่องลางของจีนเยอะเหมือนกับทุกบ้าน ห้องรับแขกอยู่หน้าสุด ห้องนอนถัดไปและด้านหลังเป็นห้องครัว
"ลำบากหน่อยนะ" ลีบอก เดนนิสส่ายหัว
"ไม่หรอก แค่นี้ก็ขอบคุณจะแย่แล้ว" เดนนิสสอดส่องไปทั่วห้อง "โทษทีนะ พวกเราหิวน่ะ แต่ตามตำราบอกว่าเราไม่ควรไปทานอาหารไกลๆ เพราะงั้นเราเลยขอกินตรงนี้แล้วกัน"
"ไม่เป็นไร เฮ้ ฉันมีอาหารน่ะ เป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและปลากระป๋อง" เขาบอกขณะที่วางปืนลูกซอง ปืนพกและขวานไฟไว้บนโต๊ะ "นายจะเอามั้ย"
"ไม่ล่ะ เรามีเสบียงของเราเอง" พอลรีบพูดก่อนที่จอห์นจะอ้าปาก ลียิ้มแบบงงๆ แล้วก็เดินเข้าไปในครัว "เอาไงล่ะทีนี้ เดนนิส" พอลเริ่มประเด็น "ภารกิจของเราคือนำตัวผู้รอดชีวิตไปไว้ที่ปลอดภัย แต่นี่ผ่านมาเป็นอาทิตย์ พระราชวังต้องห้ามก็ใกล้แค่นี้และฝีมือระดับเขาทำไมถึงไม่ไปที่นั่น" เดนนิสมีสีหน้าครุ่นคิด
"นั่นน่ะสิ เขาอาจจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างหละมั้ง" เดนนิสเดา
"หรือที่นั่นจะเป็นสังคมที่โหด*****มหรือกินกันเองอะไรแบบนั้นหรือเปล่า" จอห์นเสนอความคิดเห็น
"ไร้สาระน่าจอห์น" พอลพูดแทนเดนนิส "ฉันว่าภารกิจครั้งนี้ต้องมีอะไรแอบแฝง"
"นายรู้มั้ยว่าที่พระราชวังต้องห้ามน่ะ มีคนมีชื่อเสียงอยู่เต็มไปหมด" ลีที่อยู่ๆมาจากไหนก็ไม่รู้เดินเข้ามาพร้อมอาหารกระป๋องที่มีช้อนวางอยู่ข้างใน "ฉันไม่อยากไปอยู่กับสังคมแบบนั้นหรอก" เขาพูดด้วยท่าทีราบเรียบแต่ดูมีความเย็นชา
หลังจากนั้นทุกคนก็สังสรรค์กัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เฮฮากัน จนเวลาผ่านไปจากบ่ายเป็นค่ำ แต่ทุกคนก็ยังคงพูดคุยกันอยู่ ประหนึ่งเหมือนวันเวลาปกติ
แลงก์ลี่ย์ เวอร์จิเนีย
7 : 34 นาฬิกา
"นายต้องการอย่างนี้แน่นะ" ผู้พันเนเก้นตะโกนถามผมบนดาดฟ้า ซึ่งมีเฮลิคอปเตอร์ เตรียมตัวออกบิน
"เปลี่ยนใจก็ไม่ทันแล้วครับ" ผมตะโกนตอบแข่งกับเสียงเครื่องบิน "ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี" ผู้พันเนเก้นพยักหน้า
"ตามใจแล้วกัน ติดต่อเรามาเป็นระยะนะ" เนเก้นพูด
"ผมก็ยินดีที่ได้เจอกับอะไรที่ดีกว่าสัญญาณซ่าครับ"
ณ เฉาหยางเหมิน
ฝูงซอมบี้ขนาดใหญ่ที่บ้างคลั่งและกระหายเลือดตรงไปข้างหน้านำโดยรันเนอร์ที่เดินอย่างเงียบสงบแต่รอเวลาที่จะปล่อยความคลั่งออกมา โดยที่มีตงซีเป็นจุดหมายเบื้องหน้า
ณ ตงซี
เชฟกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ ตอนนี้เขาเริ่มใจเย็นลงและนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำ เขารู้สึกผิดแต่ก็อายเกินไปที่จะเดินไปเคาะประตูหน้าของเขา เขาควรจะใจเย็นกว่านี้สักหน่อย เขารู้สึกเหมือนตัวเองโดดเดี่ยว
"เอาวะ" เชฟตัดสินใจกับตัวเองที่จะเดินไปเคาะประตูบ้านโน้นเพื่อขอโทษ เขาสูดหายใจกับตัวเองและเอื้อมมือไปจับลูกบิด
ตึง !
เสียงบางอย่างดังขึ้นด้านข้าง เขาเงียบเสียงทันที เงียบจนได้ยินแต่เสียงหายใจและเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง
ตึง !
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งและตอนนี้เขาได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากดังขึ้นข้างนอก ซอมบี้ ! ความคิดแรกที่เข้ามาในหัวของเชฟ เขาผงะถอยหลัง ต้องรีบไปเตือนเดนนิส เขาวิ่งเดินไปที่ประตูอีกครั้งและเปิดอย่างแรง
แฮ่ !!!!!!!
ซอมบี้ที่เห็นเชฟเปิดประตูออกมาก็พุ่งเข้าทับเชฟทันที เชฟใช้สัญชาติญาณผลักมันออกไปข้างๆ แต่ว่ามีอีกตัวเข้ามาทับเขาซ้ำ ตามด้วยอีกหลายๆตัว
อ้ากกกกกกกกกก
เสียงกรีดร้องสุดท้ายของเชฟดังพอที่จะทำให้หลายบ้านได้ยิน เดนนิสที่กำลังฟังเรื่องเล่าจากลีอยู่สะดุ้งขึ้นทันที ทุกคนต่างหยิบสัมภาระ อาวุธของตัวเอง เดนนิสไม่รอช้ากระโดดถีบประตูที่ถูกตีแน่นด้วยไม้พังออกภายในชั่วพริบตา
"เชฟ !!!!!" เดนิสตะโกนสุดเสียงพยายามมองหาเชฟ แต่ที่เขาเห็นกลับมีเพียงแต่ ฝูงซอมบี้ขนาดใหญ่ แต่หนึ่งในนั้นเอง ซอมบี้ที่.ส่เครื่องแบบสีดำ คอถูกกัดจนแหว่ง แขนถูกดึงจนขาด ปากฉีกห้อยน่าสยดสยอง
"เชฟ" จอห์นคราง ทันใดนั้น เชฟและรันเนอร์อีกหลายตัวที่มองเห็นผู้รอดชีวิตคนอื่นๆก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ปัง !!!!!!!
เสียงปืนเรมิงตันของลีดังขึ้นและส่งให้รันเนอร์ที่พุ่งเข้ามาในรัศมีกระเด็นถอยหลังไป
"หนีเร็วเข้า !!!" ลีตะโกนแล้วพยายามจะวิ่งแต่เมื่อเห็นท่าทางของเดนนิสและพวกเขาก็ชะงักไป
เพียะ !!!
ลีตบเดนนิสฉาดใหญ่ปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ เดนนิสที่ได้สติก็นำลูกทีมวิ่งไป เขาหันกลับไปด้านหลังเพื่อยิงสะกัด แต่รันเนอร์ที่ลุกขึ้นได้ก็วิ่งแซงซอมบี้ธรรมดามาอย่างรวดเร็วและในวินาทีนั้นมีนตัวหนึ่งที่พุ่งใส่จอห์นจนล้มลง เดนนิสหยุดและถีบมันไป แต่มีอีกตัวที่พุ่งใส่เดนนิส ลีกระชากเดนนิสให้พ้นระยะแล้วยิงรันเนอร์ตัวนั้นด้วยปืนหลายนัด จอห์นที่ยังลุกไม่ขึ้นก็โดดรันเนอร์ที่มาถึงตัวก่อนรุมกัดเขากรีดร้องอย่างทรมาน
"ไม่ จอห์น !!!!" เดนนิสและพอลกรีดร้อง แต่ที่เขาทำได้เพียงแค่ทิ้งตัวเองห่างมาจากเขาใกล้เรื่อยๆ แต่ก็ยังเห็นเขาลุกขึ้นมาและไล่ติดตามพวกเดนนิสมา
|
|
|
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย black jack sdppd : 7th November 2013 เมื่อ 19:38
-
รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:
-
21st October 2013 16:06
#61
อ่านตอนที่ 1 แล้ว
การดำเนินเรื่องถือว่าอยู่ในระดับปกติ แต่ด้านการใช้ภาษาและการบรรยายให้เห็นภาพผมว่าดีมาก
ความน่าติดตามของเรื่องก็อยู่ในระดับหนึ่งเช่นกัน
สร้างความสนุกตื่นเต้น และความเป็นตัวของตัวเองสำหรับคา และตัวละครอื่น ๆ ได้ดี
แต่ ผมอยากจะให้คุณเว้นบรรทัดบ้าง เพราะการจับบรรทัดต่อไปเพื่ออ่านมันทำยากและทำให้ผมปวดตาไม่น้อย
เพียงอ่านตอนเดียวผมก็ไม่สามารถตัดสินอะไรทั้งหมดได้
ที่พูดมานี้เป็ีนเีพียงแค่ความเห็นส่วนตัว ไม่มีเจตนาร้ายหรือสนับสนุนใด ๆ ถ้าหากผมพลาดหรือติฉินอะไรที่ทำให้เคืองโกรธก็ขออภัยด้วย
ขอบคุณสำหรับตอนที่ 1
-
-
21st October 2013 16:17
#62
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
santisook01
อ่านตอนที่ 1 แล้ว
การดำเนินเรื่องถือว่าอยู่ในระดับปกติ แต่ด้านการใช้ภาษาและการบรรยายให้เห็นภาพผมว่าดีมาก
ความน่าติดตามของเรื่องก็อยู่ในระดับหนึ่งเช่นกัน
สร้างความสนุกตื่นเต้น และความเป็นตัวของตัวเองสำหรับคา และตัวละครอื่น ๆ ได้ดี
แต่ ผมอยากจะให้คุณเว้นบรรทัดบ้าง เพราะการจับบรรทัดต่อไปเพื่ออ่านมันทำยากและทำให้ผมปวดตาไม่น้อย
เพียงอ่านตอนเดียวผมก็ไม่สามารถตัดสินอะไรทั้งหมดได้
ที่พูดมานี้เป็ีนเีพียงแค่ความเห็นส่วนตัว ไม่มีเจตนาร้ายหรือสนับสนุนใด ๆ ถ้าหากผมพลาดหรือติฉินอะไรที่ทำให้เคืองโกรธก็ขออภัยด้วย
ขอบคุณสำหรับตอนที่ 1
ขอบคุณครับ คำแนะนำ คำติ กำลังใจเป็นสิ่งที่ผมต้องการอยู่แล้ว
ผมจะนำความคิดเห็นของทุกคนไปแก้ไขครับ
แต่ว่านะ ผมว่าตอนแรกๆผมใช้ภาษาและบรรยายห่วยมากเลยนะ ฮ่าฮ่า
ตอนนี้กำลังพัฒนาฝีมือไปตามระดับ เก็บเลเวลอยู่
ยังไงก็ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ
ฮ่าฮ่าฮ่า
-
-
21st October 2013 16:19
#63
CPU : Intel Corei5 2400K /MainBoard : GIGABYTE H67M-D2-B3 /Ram : Kingston 6GB /VGA : GIGABYTE GTX550 Ti /PS : Cooler Master eXtreme Power Plus 650W
-
-
21st October 2013 16:27
#64
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
black jack sdppd
ขอบคุณครับ คำแนะนำ คำติ กำลังใจเป็นสิ่งที่ผมต้องการอยู่แล้ว
ผมจะนำความคิดเห็นของทุกคนไปแก้ไขครับ
แต่ว่านะ ผมว่าตอนแรกๆผมใช้ภาษาและบรรยายห่วยมากเลยนะ ฮ่าฮ่า
ตอนนี้กำลังพัฒนาฝีมือไปตามระดับ เก็บเลเวลอยู่
ยังไงก็ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ
ฮ่าฮ่าฮ่า
ไม่หรอกครับ ผมถือว่าดีอยู่
-
-
23rd October 2013 15:53
#65
อ่านตอนที่ 2-3 จบแล้วครับ
จะมีช่วงติดขัดไ่ม่ไหลลื่นของเนื้อเรื่องช่วงแรกของตอนที่ 2 และช่วงท้ายของตอนที่ 3 แต่ที่ีเหลือก็คงความสนุกไว้ได้ดี
ไม่รู้สึกถึงการติดขัดทางสถานการณ์แต่ก็ไม่ถึงกับได้ลุ้นจนตัวโก่งระหว่างต่อสู้
การบรรยายสถานที่ในบางช่วงยังไม่ชัดเจนพอ ผมต้องนั่นพินิจอยู่ครู่หนึ่งจึงจะสามารถจิตนาการพื้นที่ให้เหมือนมากที่สุด
มีคำผิดอยู่แต่ไม่มาก
ที่พูดมานี้เป็ีนเีพียงแค่ความเห็นส่วนตัว ไม่มีเจตนาร้ายหรือสนับสนุนใด ๆ ถ้าหากผมพลาดหรือติฉินอะไรที่ทำให้เคืองโกรธก็ขออภัยด้วย
ขอบคุณสำหรับตอนที่ 2 และ 3 ครับ
ผมตกใจเหมือนกันนะครับที่อ่านไปเห็นเนื้อเรื่องที่เกิดทางไมอามีเพราะมันเหมือนกับเรื่องที่ผมแต่งไว้เลย(ฮา)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย santisook01 : 23rd October 2013 เมื่อ 16:03
-
-
23rd October 2013 16:03
#66
มาให้กำลังใจเหมือนกันจ้า ยังอ่านไม่หมดเลยตาแฉะก่อน
-
-
24th October 2013 20:15
#67
อ่านตอนที่ 4 จบแล้วครัีบ
ถือว่าอ่านดีสนุก ตื่นเต้นมากกว่าตอนที่ 1-3 มาก และก็ทำให้น่าติดตาอยู่น้อย
ด้านภาษาก็สละสลวยเข้าใจง่ายมากขึ้น และอธิบายสถานที่และบรรยากาศได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากกว่า 3 ตอนแรกมาก
ผมสงสัยที่ว่าทำไมพ่อของตัวเอกถึงได้ออกมาบ่อยนัก
อันที่จริงผมยังจำชื่อตัวเอกไม่ได้ด้วยซ้ำ แฮะ แฮะ
ขอบคุณสำหรับตอนที่ 4 ครับ
-
-
25th October 2013 14:47
#68
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
santisook01
อ่านตอนที่ 2-3 จบแล้วครับ
จะมีช่วงติดขัดไ่ม่ไหลลื่นของเนื้อเรื่องช่วงแรกของตอนที่ 2 และช่วงท้ายของตอนที่ 3 แต่ที่ีเหลือก็คงความสนุกไว้ได้ดี
ไม่รู้สึกถึงการติดขัดทางสถานการณ์แต่ก็ไม่ถึงกับได้ลุ้นจนตัวโก่งระหว่างต่อสู้
การบรรยายสถานที่ในบางช่วงยังไม่ชัดเจนพอ ผมต้องนั่นพินิจอยู่ครู่หนึ่งจึงจะสามารถจิตนาการพื้นที่ให้เหมือนมากที่สุด
มีคำผิดอยู่แต่ไม่มาก
ที่พูดมานี้เป็ีนเีพียงแค่ความเห็นส่วนตัว ไม่มีเจตนาร้ายหรือสนับสนุนใด ๆ ถ้าหากผมพลาดหรือติฉินอะไรที่ทำให้เคืองโกรธก็ขออภัยด้วย
ขอบคุณสำหรับตอนที่ 2 และ 3 ครับ
ผมตกใจเหมือนกันนะครับที่อ่านไปเห็นเนื้อเรื่องที่เกิดทางไมอามีเพราะมันเหมือนกับเรื่องที่ผมแต่งไว้เลย(ฮา)
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
santisook01
อ่านตอนที่ 4 จบแล้วครัีบ
ถือว่าอ่านดีสนุก ตื่นเต้นมากกว่าตอนที่ 1-3 มาก และก็ทำให้น่าติดตาอยู่น้อย
ด้านภาษาก็สละสลวยเข้าใจง่ายมากขึ้น และอธิบายสถานที่และบรรยากาศได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากกว่า 3 ตอนแรกมาก
ผมสงสัยที่ว่าทำไมพ่อของตัวเอกถึงได้ออกมาบ่อยนัก
อันที่จริงผมยังจำชื่อตัวเอกไม่ได้ด้วยซ้ำ แฮะ แฮะ
ขอบคุณสำหรับตอนที่ 4 ครับ
คุณถูกแล้วครับ ผมบอกแล้วว่าสตอนนั้นมันยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซึ่งกว่าจะรู้ตัวก็ตอนได้อ่านนิยายคนอื่น(ตอนนั้นก็ล่อไป 10 กว่าบท)
บทที่แรกๆยังพอทำเนา คอยดูบทหลังๆสิ ซึ่งผมกะจะเขียนปรับปรุงใหม่ครับ อาจจะปรับภาษาและการบรรยายให้ดีขึ้น
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ผมซึ้งใจกับคุณมากเลยที่คอยอ่านให้ ขอบคุณครับ
ฮ่าฮ่าฮ่า
-
-
26th October 2013 18:41
#69
อ่านตอนที่ 6 จบแล้วครับ
ถึงแม้ว่าจะไม่ดีเท่าตอนที่ 4 ในหลาย ๆ อย่างก็ตาม แต่ก็ยังคงความสนุกไว้อยู่ล่ะครับ เพียงแต่ว่า บทต่อสู้ยังไม่มันส์เท่าที่ควร
ขอบคุณสำหรับตอนที่ 6 ครับ
-
-
27th October 2013 15:07
#70
รอตืดตามอยู่นะคร้าบบบ สนุกมากๆ ^O^
-
-
7th November 2013 19:41
#71
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
_SaBasTaiN_
เป็นกำลังใจให้ครับผม อ่านไป 1 บทสนุกดีเเต่ถ้าจะให้ดีผมว่าทำพื้นหลังเป็นสีดำได้จะดีมากเลยครับคือผมนั่งจ้องนานๆเเล้วมันปวดตาอ่านนานๆไม่ได้
ผมไล่ทำให้แล้วนะครับ ขอบคุณมากสำหรับเทคนิคดีๆ หวังว่าจะอ่านได้นานขึ้นนะครับ
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
santisook01
เอ่อ ช่วยทำแบบรวบตอนแบบเรื่อง TKM love... vs Zombie ได้ไหมครับ พอดีว่าผมไม่ค่อยมีเวลามานั่นหาตอนหนึ่งสองสามน่ะครับ อ่านตอนแรกไปก็สนุกดีครับ
ถ้าไม่ทำก็ไม่เป็นไรครับ
ต้องขออภัยที่ผมยังทำแบบนี้ไม่ได้ ขอศึกษาอีกหน่อยนะครับ
(แต่ผมว่ามันก็ไม่ได้หายากอะไร ฮ่าฮ่าฮ่า)
ฮ่าฮ่าฮ่า
-
-
1st December 2013 10:10
#72
คอมเสียครับ ตอนนีเดขียนนิยายไม่ได้เลย
แถมดูเหมือนจะเปิดไม่ได้อีกแล้วด้วย
และผมก็จำไม่ได้ว่าได้แบ็คอัพตอนล่าสุดไว้รึเปล่า
บอกได้คำเดียวได้ว่าเซ็ง
-
-
1st December 2013 10:22
#73
เยี่ยม ครับ แนวคิดดีใส่กรอบด้วยอ่านง่ายสบายตา -0-
-
-
9th December 2013 19:14
#74
วางพล็อตนิยายเพิ่มแล้วครับ วางจนจบเลย
ซึ่งดูไปแล้วมันช่างซับซ้อนหยั่งกะไม่ใช่นิยายซอมบี้
แต่ผมจะคงไว้ซึ่งแนวเอาชีวิตรอดเหมือนเดิมครับ
แต่ข่าวร้ายคือฮาร์ดดิสก์เสียแบบไม่มีวันกลับครับ
คงต้องลุ้นในแฟลชไดรฟแล้ว เซ็งครับ
(อย่าขออะไรจากฟ้าเพราะปาฏิหารย์มักจะมาหาผู้ที่สร้างมัน - DPP)
ฮ่าฮ่าฮ่า
-
-
11th December 2013 14:53
#75
อ่านตอนที่ 8 จบแล้วครับ เท่าที่อ่านมาทั้งหมดผมรู้สึกตงิดตงิดกับเจ้าวอร์คกกี้ ทอร์กกี้จริง ๆ ถ้าหากว่าคุณเปลี่ยนเป็นคำอื่นอย่างเช่นวิทยุสื่อสาร หรือเจ้าส่งสารประมาณนี้อาจจะดีขึ้นนะครับ(ไม่ต้องก็ได้เพราะมันเป็นแค่ความรู้สึกของผม)
แจ็คยิ้มอย่างน้อยก็ทำให้หน้าที่ดูพิกลของเขาดีขึ้น ผมงงหรือตรงนี้คุณพิมพ์ตกไปรึเปล่า
บทสนทนาแบบคู่รักระหว่างเอมม่ากับตัวเอกดูไร้เดียงสาไปหน่อยนะครับ(เหมือนเด็กมัธยมต้นของฝรั่งจีบกัน ถ้าเทียบกับไทยก็เด็กมหาลัย) เพราะตามวัฒนธรรมของชาวฝรั่งแล้วมันเป็นอะไรที่ซับซ้อนและอาจใช้คำหยอกเย้าที่เร้าร้อนมากกว่านี้เยอะ ด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องศึกษาบทสนทนาให้มากเวลาแต่งนิยายที่มีเรื่องแบบนี้มาเกี่ยวข้อง พูดง่าย ๆ มันทำให้ผมงง ส่วนเรื่องบรรยายกิริยาท่าทางนั้นดีมากครับ ใช้วลีไม่ซ้ำกันแถมยังไหลลื่นอ่านสนุกอีกต่างหาก
ผมว่าโอเลดขี้แยเร็วเกินไปนะ
จากข้างบนที่ว่าบทสนทนาแบบคู่รักดูไร้เดียงสาแต่บทสนทนาปกติก็ถือว่าดีครับ อยู่ในขั้นมาตรฐานของคนเขาพูดคุยกันในสถานการณ์ตึงเครียด
"กรี๊ดดดดดด" วินแคลร์กรีดร้องและหันไปยิงใส่ต้นตอของเสียงไม่ยั้ง มีตัวละครปริศนาปรากฏขึ้นมาด้วยแฮะ
ตอนช่วงตัวเอกสอนยิงปืนผมชอบนะ รู้สึกว่ามันอ่านสนุกดี แต่ก็สงสัยเล็กน้อยว่าทำไมปืนมันถึงได้มีมากและก็หลายชนิดถึงขนาดนี้
ส่วนตอนจบควรจะเพิ่มความน่าติดตามหน่อยนะครับ ที่อีกไม่นานคงจะมาสมทบ มันฟังดูแล้วเหมือนไม่แน่ไม่นอนว่าจะเกิดขึ้นหรือเปล่า
หมดแค่นี้ครับ นี่เป็นแค่คำวิจารณ์หลังอ่านจบเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอะไรแอบแฝง สู้ต่อ ๆ ไปครับไรเตอร์ ตอนที่ 9 ผมจะกลับมาอีก ขอบคุณสำหรับตอนที่ 8 ครับ
-
กฎการส่งข้อความ
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
Forum Rules