Bethesda เผยให้ทราบแล้ว ความต้องการสเป็คของ Fallout 4
น่า จะเป็นอีกหนึ่งเกมฟอร์มยักษ์ของปีนี้ที่คอเกมหลายคนอาจจะเฝ้ารอจะเล่นกัน อยู่ สำหรับเกมดังจากค่าย Bethesda
สำหรับเกมที่ชื่อว่า Fallout ที่เวลานี้ก็เดินทางมาถึงภาคที่ 4 แล้ว และสำหรับเกมนี้ก็นับเป็นอีกหนึ่งเกมที่ได้รับการกล่าวถึง
พูดถึงกันไม่น้อยจากงานเกมที่ผ่านมาตลอดทั้งปีนี้ และสิ่งหนึ่งที่ร้อนแรงไม่แพ้ตัวเกมก็คือ ของสะสมที่ทาง Bethesda
ปล่อยออกมาให้บรรดาแฟน Fallout 4 ได้สะสมนั้นที่เรียกกันว่า Pip-Boy กับไอเท็มในตัวเกมที่ทำเป็นของจริง
ซึ่งก็ขายดีเกินคาดหมดตลาดไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า Fallout 4 ได้รับการจับตามมองจากแฟนเกมเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดทางต้น สังกัดก็ได้ออกมาเผยข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการสเป็คของเกม Fallout 4 ให้คอเกมได้เตรียมตัว เตรียมเครื่องสำหรับเล่นเกมนี้
ซึ่งเมื่อดูจากภาพรวมแล้วก็พูดได้ว่าเอาเรื่องอยู่เหมือนกันทั้งสเป็คขั้น ต่ำและสเป็คแนะนำ โดยเฉพาะในเรื่องของความจุแรมที่ขั้นต่อก็ต้องการมากถึง 8GB
ส่วนระบบปฏิบัติการหรือ OS นั้นยุคนี้น่าจะเป็นเรื่องปรกติไปแล้วที่เราจะเห็นว่าจะโดนบังคับด้วย OS ในระดับ 64bit เท่านั้น
และสำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับตัวสเป็คทั้งหมดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ลองไปชมกันครับ
Recommend requirements สเป็คแนะนำ
- OS: 64-bit
- Processor (Intel): Intel i7 4790 or AMD FX-9590
- Memory: 8GB RAM
- Hard Drive: At least 30 GB of free space
- Graphics card (NVIDIA): nVidia GeForce GTX 780
- Graphics card (AMD): AMD Radeon R9 290X
Minimum requirements สเป็คขั้นต่ำ
- OS: 64-bit
- Processor (Intel): Intel i5 2300 or AMD Phenom II X4
- Memory: 8GB RAM
- Hard Drive: At least 30 GB of free space
- Graphics card (NVIDIA): nVidia GeForce GTX 550 Ti
- Graphics card (ATI): ATI Radeon HD 7870
สำ หรับสเป็คที่เห็นนั้นดูไปดูมาแล้วก็เรียกได้ว่าน้องๆ Star Wars Battlefront เลยก็ว่าได้เพียงแค่ว่าตัวแรมในส่วนของสเป็คแนะนำยังเป็น 8GB
เท่านั้นแต่ในส่วนของซีพียูละการ์ดจอนี่ก็เล่นเอาหนาวๆไปตามกันเลยทีเดียว แม้กระทั่งสเป็คขั้นต่ำเองยังต้องการซีพียูในระดับ i5 ด้วยซ้ำไป
ซึ่งก็น่าจะชัดเจนว่าเกมนี้มีความต้องการซีพียูอย่างน้อยๆ 4 คอร์ขึ้นไป
เกม นี้ทาง Bethesda จะเปิดตัวพร้อมกันทั่วโลก นับตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของแต่ละประเทศ หรือเข้าวันที่ 10 พฤษจิกายนปุ๊ปก็เปิดตัวหรือมีให้ดาวน์โหลดทันที
แต่กระนั้นก็จะอ้างอิงเวลาตามประเทศสหรัฐฯหรือ 12:01 EST ดังนั้นในเอเซียเราก็จะเป้นเช้าวันที่ 11 พฤษจิกายน (ก็คือหลังเที่ยงคืนวันที่ 10 พย.)
แต่สำหรับญี่ปุ่นนั้นจะต้องรอออกไปอีกหนึ่งสัปดาห์เลยทีเดียว ใครที่รอเล่นกันอยู่ก็เตรียมสเป็คไว้ให้พร้อมเลยนะครับ
มาแล้ว ! ผลทดสอบ Star Wars Battlefront Beta ถึงทีสาวก AMD ได้ยิ้มออก !
ไม่ ขอร่ายอะไรให้สิ้นเปลืองเวลา สิ้นเปลืองนิ้ว(แทนที่จะเป็นน้ำลาย)กับเรื่องราวการทดสอบเกมใหม่ล่าสุดจาก ค่าย EA ที่เพิ่งจะปล่อย Beta
ให้ได้ลองเล่นกันหมาดๆสำหรับ Star Wars Battlefront และเมื่อปล่อยออกมาปุ๊ป Guru3D.com ก็จัดให้ปั๊ปกับผลการ Benchmark
เปรียบเทียบด้วยการ์ดจอในโมเดลยอดนิยมในยุคนี้จากทั้งสองค่าย โดยเริ่มต้นจากระดับกลางในโมเดล GTX 960 ลากยาวไปจนถึง FURY X สำหรับฝั่ง NVIDIA
นั้นงานนี้ไม่มี Titan X เข้าร่วมวงด้วยแต่อย่างใด (สงสัย guru3d.com ไม่อยากทำร้ายจิตใจชาวการ์ดแดง) เลือกมาเพียง GTX 980 Ti เท่านั้น
แต่ก็ถือว่าเป็นมวยที่น่าติดตามมากแล้วล่ะครับ เพราะระหว่าง GTX 980 Ti และ FURY X มันคือคู่แข่งกันจริงๆ เป็นการ์ดที่อยู่ในระดับเดียวกัน
เอาล่ะว่าจะไม่ยาวแล้วเชียว แต่ก็ยาวอีกจนได้ ถ้าอย่างนั้นเราไปชมผลการทดสอบและบทวิเคราะห์กันเลยครับ
ก่อนจะไปว่ากันที่ผลทดสอบ เราลองมาดู Gameplay ที่ทาง Guru3d ได้มีการบันทึกมาให้ดูกันก่อนสักหน่อยละกัน
โดยจากวิดีโอที่บันทึกมาให้ดูนั้นใช้การ์ดจอ Radeon R9 380 ที่มีแรม 2GB ตามสเป็ค minimum ของตัวเกมที่ต้องการพอดี และทางผู้ทดสอบก็ได้บอกเล่าว่า
ในวิดีโอนั้นทดลองเล่นที่ความละเอียด 1080P แต่ทว่าการ์ดตัวนี้สามารถเล่นที่ QHD หรือ 2560x1440P ได้อยู่ด้วยเฟรมเรตในช่วง 40fps โดยเฉลี่ย
ก็ถือว่าทำได้ดีพอตัว จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงของผลทดสอบเลยนะครับ
สเป็คที่ใช้ทำการทดสอบนั้น ก็เป็นสเป็คเดิมๆของทาง guru3d ที่เขาใช้ทดสอบการ์ดจอมาโดยตลอด
ซึ่งซีพียูนั้นก็เหลือๆเพราะใช้ Core i7 5960X@4.4GHz แรมไม่ได้บอกว่าวิ่งอยู่เท่าไหร่และใช้ Windows 10 ในการทดสอบ
ส่วนการตั้งค่าในตัวเกมก็เลือกที่ Ultra สำหรับกราฟิก, Motion blur 50%, Field of View 55, Resolution scale 100%
ผลทดสอบข้างล่างก็เป็นผลใน แบบ Overall สำหรับค่าเฉลี่ยของ fps ที่ออกมาตามระดับความละเอียดที่ทดสอบทั้งหมด 3 ระดับ
คือ Full HD(1920×1080), QHD(2560×1440) และ UHD(3840×2160)
ผล ที่ออกมานั้นก็น่าจะทำให้แฟนๆการ์ดค่ายแดงยิ้มออกได้บ้างแล้ว ด้วยประสิทธิภาพของ FURY X ที่สามารถยึดหัวแถวเอาไว้ได้
แต่ถึงแม้จะยึดหัวแถวความแรงที่ออกมาก็ไม่ได้ต่างกันมากมายอะไร มีความแตกต่างกันเพียง 3fps เท่านั้น และทำได้ดีในช่วงความละเอียดสูงๆอย่าง UHD
ส่วนถ้าหากมามองกันที่การ์ดในรุ่นรองๆลงมาอย่าง R9 390X และ GTX 980 ดูเหมือนว่า 390X จะกินเรียบในทุกระดับความละเอียดและให้ผลที่เหนือกว่า 2-4fps
สำหรับที่ความละเอียดสูงๆส่วนที่ความละเอียดในระดับ Full HD นั้นผมขอถือว่าไม่แตกต่างแล้วกันนะครับ ส่วนการ์ดในโมเดลอื่นๆก็ลองไล่ดูกันเอาเองเลยแล้วกันครับ
จากนั้นเราก็ไปต่อกันด้วยอีกหนึ่งบททดสอบที่น่าสนใจมากๆเกี่ยวกับตัวเกม สำหรับการกินแรมหรือใช้พื้นที่แรมของการ์ดจอ
กับ การเล่นที่ความละเอียดสูงๆนั้นดุเหมือนว่าเกมนี้ซดแรมได้ใจไม่น้อย เรียกว่า 4GB นี่แทบจะไม่พอ เพราะมันขยับขึ้นไปติดเพดานเลยทีเดียว
ส่วนถ้าเป็นที่ความละเอียดในช่วง QHD ก็ถือว่าอยู่ในช่วงที่พอยอมรับได้บ้าง กับการใช้แรมในช่วงประมาณ 3GB ซึ่งก็น่าจะพอดีกับการ์ดหลายๆตัวที่มีแรมติดตัวมาในช่วง 3-4GB
และหากเป็นการใช้งานหรือเล่นกันที่ความละเอียดแค่ Full HD นั้นดูแล้วสบายใจได้เลยครับ เพราะมันใช้แรมแค่ประมาณ 2GB เท่านั้น แต่
ก็อย่าลืมด้วยว่าถ้าการ์ดจอมีแรมแค่ 2GB ก็เท่ากันว่ากินไปจนหมด
สรุป
ดูๆไปแล้วสเป็คที่ทาง EA เรียกร้องมานั้นจะจริงแท้ทุกประการ หากดูจากผลการทดสอบของทาง Guru3d ที่ออกมาให้เห็น
ซึ่งถ้าอยากจะเล่นให้มันส์และภาพเนียนๆในแบบ Ultra Setting นั้นก็คงต้องใช้การ์ดอย่างน้อยๆ GTX 970 หรือ R9 290X ขึ้นไปจริงๆ
ซึ่งก็ตรงตามรายการของ EA พอดีเป๊ะๆ แต่หากเป็นการเล่นด้วยความละเอียดในช่วง Full HD นั้นเพียงแค่ R9 380 หรือแม้แต่ R9 285 ก็ยังพอไหว
เพราะหากดูจากเฟรมเรตโดยเฉลี่ยที่ออกมาก็อยู่ในช่วง 60fps แต่ทั้งนี้เราก็ไม่รู้ว่าเฟรมเรตในช่วงต่ำสุดนั้นอยู่ในช่วงไหน ก็เลยทำให้ประเมินได้ไม่ชัดเจนนัก
หรือถ้าหากยอมลดคุณภาพของภาพลงมาบ้างนิดๆหนอยๆประมาณว่า Custom Graphic ปนๆกันไปสลับกันไป Ultra บ้าง High บ้างก็คงไม่มีปัญหาใดๆสำหรับ R9 380
ดังนั้นโดยรวมแล้ว Star Wars Battlefront กับการใช้สเป็คหรือกินสเป็ค น่าจะพูดได้ว่ามันก็ไม่ได้กินโหดอย่างที่เราเคยจินตนาการเอาไว้ แต่มันก็ไม่ได้ว่าไม่โหด
เพราะตามที่บอกไปว่าถ้าจะเอาชัวร์แบบปรับสุดนี่ก็ต้อง GTX 970 หรือ R9 290X ซึ่งตัวการ์ดก้ยังมีราคาในช่วงแตะหมื่นอยู่เลย แต่ถ้าสำหรับใครที่เล่นเกมให้เป็นเกม
เล่นเพื่อความมันส์แล้วนั้น การืดระดับไหนๆก็เล่นได้แหละ ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคนไป ตามนั้น !!!
EA เผยแล้วความต้องการสเป็คของ Star Wars Battlefront ถึงยุคแรมระบบ 16GB แล้วซินะ !
EA เผยข้อมูลที่คอเกม PC ทั้งหลายต่างก็เฝ้ารอกันอย่างใจจดใจจ่อ สำหรับเรื่องของความต้องการสเป็คในการเล่นเกม Star Wars Battlefront
บนแพลทฟอร์ม PC เพราะหากเป็นแพลทฟอร์มคอนโซลนั้นคงไม่มีใครสงสัยด้วยที่มันโดนบังคับด้วยตัว ฮาร์ดแวร์อยู่แล้ว และสำหรับความต้องการสเป็คที่ทาง EA
เผยข้อมูลออกมาในครั้งนี้ก็น่าจะเป็นการให้แฟนเกมที่รอจะเล่น Beta ตามที่ทาง EA ได้ประกาศออกมาว่าจะเริ่มปล่อยในวันที่ 8 ตุลาคมนี้หรือ อีกสองวันข้างหน้า
ได้เตรียมตัวกันให้พร้อมรับมือกับเกมที่จะปล่อยออกมา สำหรับตัวสเป็คที่ออกมานั้นก็ถือว่าแอบโหดนิดๆโดยเฉพาะกับ
สเป็คในระดับแนะนำที่แนะนำมาว่าควรมีแรมในระบบมากถึง 16GB และที่สำคัญสำหรับการทดลองเล่นในเวอร์ชัน Beat ที่กำลังจะปล่อยออกมานั้น
จะต้องมีอินเตอร์เนตเชื่อมต่อด้วยเท่านั้นถึงจะได้ลองเล่น เพราะจะมีให้ลองเพียงแค่ในเวอร์ชันออนไลนืเพียงอย่างเดียว
โดยในรายละเอียดทั้งหมดก็ตามรายการด้านล่างเลยนะครับ
Minimum requirements สเป็คขั้นต่ำ
- OS: 64-bit Windows 7 or later
- Processor (Intel): Intel i3 6300T or equivalent
- Memory: 8GB RAM Hard Drive: At least 40 GB of free space
- Graphics card (NVIDIA): nVidia GeForce GTX 660 2GB
- Graphics card (ATI): ATI Radeon HD 7850 2GB
- DirectX: 11.0 Compatible video card or equivalent
- Online Connection Requirements: 512 KBPS or faster Internet connection
Recommend requirements สเป็คแนะนำ
- OS: 64-bit Windows 10 or later
- Processor (Intel): Intel i5 6600 or equivalent
- Memory: 16GB RAM
- Hard Drive: At least 40 GB of free space
- Graphics card (NVIDIA): nVidia GeForce GTX 970 4GB
- Graphics card (AMD): AMD Radeon R9 290 4GB
- DirectX: 11.1 Compatible video card or equivalent
- Online Connection Requirements: 512 KBPS or faster Internet connection
คง ได้เห็นนะครับว่าความต้องการของสเป็คทั้งสองระดับนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่ที่น่าแปลกก็คือในระดับแนะนำนั้นตัว OS
หรือระบบปฏิบัติการได้แนะนำไว้ว่าควรเป็น Windows 10 ในขณะที่ตัวเกมเองจะยังคงทำงานบนพื้นฐาน API DirectX 11.1 เท่านั้นเอง
และจากจุดนี้เองที่น่าจะเป็นส่วนหนึ่งจนทำให้มีความต้องการแรมเป้นจำนวนมาก ขึ้น ที่ระบุเอาไว้ว่าควรมีแรมมากถึง 16GB เลยทีเดียวเชียว
สำหรับ ใครที่รอเล่นเกมนี้กันอยู่ก็ลองสำรวจสเป็คตัวเองกันดูนะครับว่าพร้อมลุยหรือ ยัง หรือถ้ายังไม่พร้อมจริงๆไว้รอ Beta ปล่อยออกมาในวันที่ 8 ตุลาคมนี้
ก็ทดลองกับระบบที่ตนเองมีอยู่ก่อนก็ได้ ก่อนที่จะตัดสินใจอัพเกรดสเป็คของตนเอง ส่วนกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Star Wars Battlefront
ยังไม่มีการประกาศเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด โดยมันจะเปิดตัวในวันที่ 17 พฤษจิกายนนี้พร้อมกันทุกแพลทฟอร์มสำหรับ PC, PS4 และ Xbox One
EA เปิดให้ดาวน์โหลด Star Wars Battlefront Beta ฟรี ! ผ่าน Origin แล้วจ้า !!!
ข่าว คราวอันนี้คงจะไม่มีเนื้อหาอะไรมากมาย เพียงแค่คาบข่าวมาบอกกันว่า EA เปิดให้ดาวน์โหลด Star Wars Battlefront ในเวอร์ชัน Beta
ได้มาลองเล่นกันฟรีๆแล้วผ่าน Origin สำหรับใครที่เป็นสมาชิกของ Origin กันอยู่แล้วก็เข้าไปดาวน์โหลดมาลองเล่นกันได้เลยนะครับ
หรือหากใครที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ เพียงแค่ทำการสมัครสมาชิก็มีสิทธิ์ดาวน์โหลดได้ทันทีเช่นเดียวกัน
และอย่าลืมนะครับว่า Star Wars Battlefront Beta นั้นทาง EA จะเปิดให้ดาวน์โหลดกันได้จนถึงวันที่ 11 ตุลาคมนี้เท่านั้น
ไม่ต้องรอ อย่าคิดว่าเดี๋ยวค่อยมาโหลด ลืมแล้วจะอดลองนะครับ
สำหรับใครที่ดาวน์ โหลดแล้ว ติดตั้งลองเล่นแล้ว ก็นำข้อมูลหรือรายละเอียด ความรู้สึกต่างๆจากการลองเล่นจากสเป็คที่ตนเองมีอยู่มาแบ่งปันบอกเล่าสู่กัน
ฟังบ้างนะครับ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆคนอื่นๆต่อไป
Download : https://www.origin.com/
Star Wars Battlefront PC กราฟิก Low setting vs Ultra setting
เมื่อ วานนี้ทาง EA ก็เพิ่งจะปล่อยข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการสเป็คของ PC สำหรับเกม Star Wars Battlefront ไปเป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งผลตอบรับที่ออกมานั้นก็เป็นที่โอดครวญกันไม่น้อย หากใครที่ยังไม่มราบว่าไฉนถึงกับต้องโอดครวญก็ลองไปตรวจสอบข้อมูลสเป็คขั้น
ต่ำและสเป็คแนะนำได้จาก>>ที่นี่<< ส่วนสิ่งที่เราจะนำมาฝากให้ได้ชมกันในวันนี้ ก่อนที่จะไปดาวน์โหลด Beta ที่ทาง EA
จะเริ่มปล่อยให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ ตรงนี้ก็ลองมาดูรายละเอียดของกราฟิกจากตัวเกมกันสักนิดว่ามันมีความสวยงาม
น่าสนใจขนาดไหน ซึ่งทาง Cannyland ได้โพสให้ได้ชมกันบน Youtube ของตนเอง
กับการปรับรายละเอียดเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆระหว่าง Low setting และ Ultra Setting
ซึ่งมันจะมีความแตกต่างกันมากน้อยขนาดไหน ลองไปชมกันครับ
จากที่ได้เห็นไม่รู้ว่าแต่ละท่านมีความคิดเห็นรู้สึกอย่างไรกันบ้างนะ ครับ แต่สำหรับผมแล้วนั้นเรียกว่าแตกต่างอย่างชัดเจน (แน่นอนอยู่แล้วใครๆก็เห็น)
สำหรับในความแตกต่างที่ว่าก็คือ ในด้านรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นผิวต่างๆ (ไม่นับรวมที่มันเบลอๆ) ที่เราจะเห็นว่ารายละเอียดนั้นจะหายไปมากเมื่อปรับเป็น Low Setting
แต่ถ้าถามถึงภาพรวมแล้วนั้น ผมเองก็คงยังมีความเห็นว่าแม้จะเป็น Low setting มันก็ยังดูดีไม่น้อย เพราะเวลาที่เล่นกันจริงๆแล้วเราคงไม่ได้มีเวลามาจับผิดเหมือนอย่างที่เราดู
จากในวิดีโอข้างบนแน่นอน เพียงแต่เอฟเฟคบางอย่างเท่านั้นที่จะหายไป เช่นสะเก็ดระเบิดต่างๆ จริงมั๊ยละครับ
สำหรับใครที่มีแอคเคาท์ ของ Origin และติดตั้ง Origin อยู่ เวลาประมาณบ่าย 3 โมงเย็น(ตามเวลาประเทศไทย)ทาง EA ก็จะเริ่มเปิดให้สามารถ Pre-download
ตัว Star Wars Battlefront ได้ก่อนแพลทฟอร์ม Console หรือก่อนที่จะเปิดให้ดาวน์โหลดโดยตรงผ่านหน้าเว็บไซต์ www.StarWarsBattlefront.com ในวันพรุ่งนี้
ใครที่สเป็คพร้อมก็รอโหลดกันได้เลยนะครับ มีเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็จะได้ลองกันแล้วน่ะครับ
Cyberpunk 2077 จะเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่กว่า The Witcher 3 แน่นอน CD Projekt Red กล่าว !
The Witcher 3 นับเป็นอีกหนึ่งเกมที่ประสบผลสำเร็จไปอย่างสวยหรูเป็นอย่างมากสำหรับตลาดเกม ในปีนี้
หลังจากที่มียอดขายถล่มทลายกว่า 6 ล้านชุดในเวลาเพียง 6 สัปดาห์เท่านั้น และไม่ว่าใครที่ได้เล่นได้สัมผัสกับ Witcher 3 ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
ของเขาดีจริง, เกมนี้เจ๋งจริง, เกมเขาดีมาก และคำพูดอื่นๆอีกมากมายที่เป็นเชิงบวกแทบทั้งสิ้น และด้วยการประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในครั้งนี้แน่นอนว่ามันจะต้องสร้าง
ความกดดันให้กับทางต้นสังกัด CD Projekt Red ไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับเกมตัวต่อไปที่ทางค่ายจะปล่อยออกมาในอนาคต
หนึ่งในเกมที่มีการพูดถึงกันในเวลานี้ก็คือ Cyberpunk 2077 นั่นเอง
สำหรับ Cyberpunk 2077 ทาง CD Projekt Red เคยออกมาพูดครั้งหนึ่งแล้วว่าจะไม่ขอพูดอะไรเกี่ยวกับเกมนี้อีกจนกว่าจะถึง ปี 2017
ตามช่วงเวลาที่ทาง CD Projekt Red ได้วางแผนเอาไว้ แต่ล่าสุดก็ยอมเปิดปากเผยข้อมูลบางส่วนออกมาจากหนึ่งในทีมพัฒนาเกมเกี่ยวกับ
ด้านเอฟเฟคที่ชื่อว่า Jose Teixeira ในการให้สัมภาษณ์กับทาง MCV โดย มีเนื้อหาโดยสรุปได้ว่า
สำหรับ The Witcher 3 นั้นถือได้ว่าเป็นเกมแรก
ที่เราทำในแบบ open World อย่างเต็มรูปแบบ และหลายๆอย่างที่ปรากฎก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถถ่ายทอดออกมาได้งด งามอย่างเป็นธรรมชาติ
ในขั้นตอนของการทำงานั้นเราได้เรียนรู้ได้ประสบการณ์อะไรดีๆมากมาย และในเกมต่อไปอย่าง Cyberpunk 2077
นั้นมันก็จะได้รับอะไรจากการเรียนรู้ในครั้งนี้มากมายมันคือสิ่งที่ผม รับประกันได้เลย
เราได้เห็นได้แก้ปัญหาในสิ่งที่เราไม่เคยรู้ไม่เคยพบเจอ จึงทำให้ผมมีอะไรที่คิดออกมากมายว่าต้องการจะเปลี่ยนแปลงหรือมีอะไรที่จะนำ
ไปใช้ในงานต่อไปให้ดีขึ้น และผมก็กล้ารับรองอีกเหมือนกันว่าทุกๆคนในสตูดิโอก็ได้รับอะไรมากมายจากสิ่ง ที่เขาทำมาเช่นเดียวกัน
และสิ่งที่ผมทำอยู่ในเวลานี้หรือในครั้งต่อไป ผมสามารถทำในสิ่งที่แตกต่างออกไปได้ ผมเชื่อว่าผมจะทำได้ดีกว่า
ZoLKoRn Say : จากคำพูดของทีมพัฒนาที่ออกมากล่าวนั้น อาจจะดูว่าไม่ได้มาบอกอะไรที่ชัดเจนโดยตรงเกี่ยวกับเกมเลยแม้แต่น้อย
แต่หากมองให้ลึกสัมผัสถึงความรู้สึกหรืออารมณ์ของคำพูดที่ออกมานั้น เราจะรู้สึกได้ถึงพลังความมุ่งมั่นและความมั่นใจสำหรับงานชิ้นต่อไป
ซึ่งไม่ว่ามันจะยากเพียงไร แต่หากมีสองสิ่งนี้อยู่ด้วยกันคือ ความมุ่งมั่นและมั่นใจแล้วล่ะก็ ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลอย่างแน่นอน
ดังนั้นจึงประเมินไว้ได้เลยว่า Cyberpunk 2077 นั้นยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างกว่า The Witcher 3 อย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนจะประสบความสำเร็จได้อย่างสวยงามอีกครั้งหรือไม่นั้น ก็เป็นโจทย์ที่ไม่สามารถตอบได้ในเวลานี้แน่นอน
จนกว่ามันจะได้พิสูจน์ตัวเอง เสียก่อน เมื่อเวลานั้นมาถึงเรามารอดูกันครับ
Ubisoft ยืนยันว่า Far Cry Primal เป็นเพียง Far Cry ภาคพิเศษเท่านั้น
บาง ท่านอาจจะได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเกมดังอีกหนึ่งเกมที่อดีตนั้นเคยขึ้นชื่อ ว่าเป็นเกมที่ซดสเป็ค PC เป็นอย่างมากสำหรับเกมที่ใช้ชื่อว่า FarCry
ที่เวลานี้ก็ดำเนินมาถึงภาค 4 เข้าไปแล้ว แต่ล่าสุดจากข่าวที่ออกมานั้น หลายๆท่านที่ได้พบเห็นอาจจะเริ่มงงๆว่า FarCry ภาคใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวนั้นมันอะไรกันแน่
มันคือ FarCry จริงๆหรือเปล่า ? ด้วยเนื้อหาที่มันจะแตกต่างไปจากทั้งสี่ภาคที่เคยผ่านมาอย่างสิ้นเชิง
เพื่อ ลดข้อสงสัยที่เกิดขึ้นกับบบรดาแฟนๆ FarCry ทาง Ubisoft ก็ได้ออกมาให้คำตอบอย่างชัดเจนแล้วว่า FarCry ภาคใหม่ที่จะมาในชื่อ Far Cry Primal
เป็นแค่เพียงเกมในเวอร์ชันพิเศษหรือภาคพิเศษเท่านั้นเอง และจะเป็นเกมในแบบ standalone เวอร์ชันเดี่ยวๆแบบภาคเดียวจบ (แต่ไม่แน่ หากมันฮิตเวอร์ก็อาจจะมีภาคต่อ)
ซึ่งยืนยันว่ามันจะไม่ใช่ FarCry 5 อย่างแน่นอน จากคำกล่าวของ Jean-Christophe Guyot ผู้อำนวยการสร้างของเกมนี้ และยังมีคำพูดเกี่ยวกับเนื้อหาของเกมว่า
การย้อนยุคถือเป็นการกำหนดรูปแบบที่สมบูรณ์แบบของ Far Cry จากเดิมที่ Far Cry เราได้จัดวางเกมไว้ในโลกที่เรารู้จัก กับโลกที่ไม่สนใจในกฎหมาย
ดังนั้นการย้อนยุคหรือกลับไปในยุคหินจึงเป็นอีกหนทางที่เราเลือก เพราะมันยุคเริ่มต้นของมนุษย์ เป็นยุคที่มนุษย์เริ่มมีการแบ่งกั้นเขตแดนเพื่อถือครองพื้นที่หรือแสดงความ
เป็นเจ้าของ เป็นช่วงเวลาที่ล่าเพียงเพื่อความอยู่รอด และนั่นก้เป็นการเริ่มต้นของความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ด้วยกันอีกด้วย รวมทั้งความขัดแย้งที่มีขึ้นต่อธรรมชาติรอบตัว
สำหรับที่มาที่ไปของ Far Cry Primal นั้นมีคำพูดจากผู้อำนวยการผลิตของ Ubisoft ได้บอกมาว่า มันเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
หลังจากทีมของเรามีไอเดียเข้ามาเสนอเกี่ยวกับ Far Cry กับความยืดหยุ่นของตัวเกม โดยทีมของเราได้พูดเกี่ยวกับการย้อยยุค แล้วเราก็ตอบกลับไปว่า
ไหนลองว่ามาซิ! และเมื่อได้รับฟังไอเดียทั้งหมดแล้วก็ตระหนักขึ้นมาทันทีว่า มันเป็นความคิดที่ดีมากเลยทีเดียว
สำหรับกำหนดการเปิดตัวจะปล่อยออก มาในช่วงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ปีหน้าสำหรับแพลทฟอร์ม PS4 และ Xbox One
ส่วนบนเวอร์ชัน PC จะเปิดตัวให้หลังมาอีกหนึ่งเดือนในช่วงเดือนมีนาคม
ZoLKoRn Say : เรียกว่าครบเครื่องจริงๆสำหรับ Far Cry ถ้าใครทันภาคแรกก็เริ่มต้นกันด้วยการพาออกทะเล ภาคต่อมาตะลุยทะเลทราย
ภาคสามนี่ก็พาเที่ยวเกาะเริ่มมีการล่าสัตว์ ภาคสี่ก็มีสัตว์ป่ามายุ่งเกี่ยวมากขึ้น ส่วนภาคที่ห้าจะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ภาคพิเศษนี่ถูกใจคนที่ชอบเข้าป่าล่าสัตว์อย่างแน่นอน
เพราะย้อนกลับไปไกลถึงยุคหินกันเลยทีเดียว ส่วนในเรื่องของการสู้รบกันเองระหว่างเผ่าคราวนี้เราก็คงได้ใช้ธนู ใช้ขวาน ท่อนไม้ทุบตีกัน
ก็น่าจะสนุกไปอีกแบบเปลี่ยนอารมณ์ทันสมัยกลับไปแบบบุกเบิกบ้าง ส่วนที่ออกมาบอกว่าเป็นเพียงเกมภาคเดียวจบนั้น อันนี้ผมว่าไม่แน่หรอกครับ
ตามเหตุผลที่ให้ไปที่ว่านั่นแหละครับถ้ากระแสดี ตอบรับล้นหลาม แน่นอนว่าคงจะมีภาคต่อ ก็รอดูกันต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเวป www.itfree4u.com