ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ Sticker Line ออกใหม่ โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin Joker Game Official Fanpage
ให้เช่า Colocation
สติ๊กเกอร์ไลน์
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin
เฟสบุ๊คเพจ

หน้าที่ 3 จากทั้งหมด 3 หน้า หน้าแรกหน้าแรก 123
กำลังแสดงผล 51 ถึง 69 จากทั้งหมด 69
  1. #51
    you're no good to me dead
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    กทม
    กระทู้
    504
    กล่าวขอบคุณ
    152
    ได้รับคำขอบคุณ: 888
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ DkTaP82 อ่านกระทู้
    ขอแสดงความคิดเห็นในมุมมองของชาวพุทธนะครับ..

    ประการแรกหลายๆท่านมีอคติกับวัดแน่นอน อาทิเช่นลักษณะวัดพระธรรมกาย หรือที่ใครๆก็ว่าลัทธิจานบิน ที่ผมหมายถึงก็คือวัดลักษณะไม่เหมือนกับวัดแถวบ้านท่านใช่หรือเปล่า ที่ต้องสร้างแบบปติมากรรมแบบไทย อย่างที่เห็นกันชินตา ข้อนี้ผมก็มีอคติอยู่มาก ไหน?โบสถ ไหนศาลา? ความเป็นจริงวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อรองรับศาสนานิกชนจำนวนมาก ถึงออกแบบมาแบบนั้น เมื่อย้อนไปสมัยพุทธกาล วัดแห่งแรกของพระพุทธศาสนาคือวัดเวฬุวันมหาวิหาร หรือ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน ที่พระเจ้าพิมพิสารถวายแกพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นอาราม ใช้ประโยชน์แก่ป่าไผ่ร่มรื่นของอุทยานแห่งนี้ ซึ้งมันเหมือนกับวัดที่ปติมากรรมแบบไทยหรือเปล่า????? ลองถามผู้มีปัญญาทั้งหลาย และลองคิดพิจรณาดูว่าสิ่งที่คุณมีอคตินั้นมีเพราะอะไร?

    ลำดับต่อมาจะพูดถึงกิจกรรมที่ส่งเสริมพุทธศาสนา ให้มองในแง่นี้ถ้าหยิบการเดินธุดงห์คงคิดว่าให้เข้าป่า บริกรรมคาถาแบบนั้นหรือ? ลองนึกภาพศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่แห่กระเดินขบวน มีแต่ให้ขอพรหลงงมงายทำไมคนถึงชอบกันนัก ทั้งๆที่เขามีกิจกรรมดีๆส่งเสริมศาสนากับมาด่า กับมาโวยวายเพราะเรื่องส่วนตัวของพวกคุณ เออประเทศไทยก็แปลกเห็นคนทำดีกันไม่ได้ ถ้าเป็นชาวพุทธจริงน่าจะเข้าใจว่า เวลาเห็นคนทำดีควรปฏิบัติอย่างไร? ควรจะยินดีชอบด้วยไม่ ผมจึงอยากให้มองเป็นกิจกรรมดีๆนะครับ

    อีกอย่างหนึ่งเท่าที่ผมดูวัดนี้เขางมงายให้ศาสนานิกชนทำบุญสร้างกุศลเพื่อเป็นทุนในชาติต่อๆไป แต่วัดที่คุณคุ้นเคยคงต้องเป็นวัดที่มีพระดังๆ ปลุกเสกมงคลวัตถุ หรือใบ้หวยขอหวยได้สินะ ถึงจะคุ้นๆ ไม่อยากพูดอะไรมาก ให้ไปศึกษาเรื่อง มงคล 38 ว่ามีอะไรบ้าง แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่คุณห้อยๆอยู่นั้นถ้าไม่ระลึกถึงคุณที่แท้จริง ก็ห้อยไปแค่นั้นแหละ ผมรับประกันได้เลย...

    อย่ามีอคติกับคนทำบุญ หรือพระที่ปัฏิบัติดีปัฏิบัติชอบครับ มันจะเป็นบาป ปล่อยวางหน่อยถ้าคนทำดีแล้วก็ยินดีชอบตาม.. อยากให้ลองเข้าถึงพระพุทธศาสนาดูก่อน ค่อยพิจรณาว่าวัดจานบินเป็นยังไง...

    เลิกกันชาวพุทธ วิสัยแต่ละคนเยอะเกินไป จนลืมใช้ปัญญามองภาพอะไรให้ชัดๆ

    ประเด็นคือ ลัทธินี้มันหาเงินโดยการหลอกคนที่ศรัทธาไงครับ
    การธุดงค์ของพระก็มีกฎอยู่ในพระวินัยชัดเจน ธุดงควัตร เป็นกิจสำหรับบรรชิตเพื่ออบรมตนเองไม่ใช่เพื่อการโปรดญาติโยม เล่นเดินกันกลางเมืองงี้เรียกว่าโปรโมตสินค้าดีไหมครับ?
    แล้วไอลัทธินี้มันบิดเบือนคำสอนพระโคดมชัดๆ จ่ายเงินจองชั้นสวรรค์มีที่ไหน และมีเรื่องอื่นๆอีกมากมายไปหาอ่านเอาเอง
    ผมก็ไม่ได้ยินดีกับทั้งวัดที่ชอบปลุกเสกของหรอก แต่คุณคิดว่าการงมงามคนให้ทำบุญเป็นเรื่องดีหรอ?
    พระพุทธเจ้ายังให้ พิจารณาคำสอนด้วยปัญญาเลย ไม่ใช่ใครพูดอะไรมาก็เชื่อไปหมด ต้องพิจารณาเป็นด้วยถึงจะนำไปใช้ประโยชน์ได้ สิ่งที่ทำให้จิตเข้าสู่นิพพานนั้น ไม่ได้เป็นเพราะบุญกรรมอย่างเดียวหรอกครับ
    สำหรับผมพยายามจะมองโลกในแง่ดีสุดๆ มองธรรมกายเป็นเพียงลัทธิ ลัทธิหนึ่งเท่านั้น

  2. รายชื่อสมาชิกจำนวน 4 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  3. #52
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Oct 2011
    กระทู้
    584
    กล่าวขอบคุณ
    460
    ได้รับคำขอบคุณ: 77
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ EviL ANgle อ่านกระทู้

    ประเด็นคือ ลัทธินี้มันหาเงินโดยการหลอกคนที่ศรัทธาไงครับ
    การธุดงค์ของพระก็มีกฎอยู่ในพระวินัยชัดเจน ธุดงควัตร เป็นกิจสำหรับบรรชิตเพื่ออบรมตนเองไม่ใช่เพื่อการโปรดญาติโยม เล่นเดินกันกลางเมืองงี้เรียกว่าโปรโมตสินค้าดีไหมครับ?
    แล้วไอลัทธินี้มันบิดเบือนคำสอนพระโคดมชัดๆ จ่ายเงินจองชั้นสวรรค์มีที่ไหน และมีเรื่องอื่นๆอีกมากมายไปหาอ่านเอาเอง
    ผมก็ไม่ได้ยินดีกับทั้งวัดที่ชอบปลุกเสกของหรอก แต่คุณคิดว่าการงมงามคนให้ทำบุญเป็นเรื่องดีหรอ?
    พระพุทธเจ้ายังให้ พิจารณาคำสอนด้วยปัญญาเลย ไม่ใช่ใครพูดอะไรมาก็เชื่อไปหมด ต้องพิจารณาเป็นด้วยถึงจะนำไปใช้ประโยชน์ได้ สิ่งที่ทำให้จิตเข้าสู่นิพพานนั้น ไม่ได้เป็นเพราะบุญกรรมอย่างเดียวหรอกครับ
    สำหรับผมพยายามจะมองโลกในแง่ดีสุดๆ มองธรรมกายเป็นเพียงลัทธิ ลัทธิหนึ่งเท่านั้น
    เออตอนพระพุทธเจ้าตั้งใจสร้างบุญ บารมี ท่าน ให้ได้แม่กระทั้งชีวิตนะครับ พระเวสสันดร เป็นตัวอย่างนะครับ แบบนี้จะด่าคนที่ ทำบุญหมดตัวซึ่งเอาแบบอย่างจะพระพุทธเจ้าได้งั้นหรือ เรื่องได้ขึ้นสวรรค์ชั้นใหนอันนี้ผมก็ไม่ทราบนะครับ - -

  4. #53
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Sep 2012
    กระทู้
    535
    กล่าวขอบคุณ
    531
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,161
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ DkTaP82 อ่านกระทู้
    ขอแสดงความคิดเห็นในมุมมองของชาวพุทธนะครับ..

    ประการแรกหลายๆท่านมีอคติกับวัดแน่นอน อาทิเช่นลักษณะวัดพระธรรมกาย หรือที่ใครๆก็ว่าลัทธิจานบิน ที่ผมหมายถึงก็คือวัดลักษณะไม่เหมือนกับวัดแถวบ้านท่านใช่หรือเปล่า ที่ต้องสร้างแบบปติมากรรมแบบไทย อย่างที่เห็นกันชินตา ข้อนี้ผมก็มีอคติอยู่มาก ไหน?โบสถ ไหนศาลา? ความเป็นจริงวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อรองรับศาสนานิกชนจำนวนมาก ถึงออกแบบมาแบบนั้น เมื่อย้อนไปสมัยพุทธกาล วัดแห่งแรกของพระพุทธศาสนาคือวัดเวฬุวันมหาวิหาร หรือ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน ที่พระเจ้าพิมพิสารถวายแกพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นอาราม ใช้ประโยชน์แก่ป่าไผ่ร่มรื่นของอุทยานแห่งนี้ ซึ้งมันเหมือนกับวัดที่ปติมากรรมแบบไทยหรือเปล่า????? ลองถามผู้มีปัญญาทั้งหลาย และลองคิดพิจรณาดูว่าสิ่งที่คุณมีอคตินั้นมีเพราะอะไร?

    ลำดับต่อมาจะพูดถึงกิจกรรมที่ส่งเสริมพุทธศาสนา ให้มองในแง่นี้ถ้าหยิบการเดินธุดงห์คงคิดว่าให้เข้าป่า บริกรรมคาถาแบบนั้นหรือ? ลองนึกภาพศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่แห่กระเดินขบวน มีแต่ให้ขอพรหลงงมงายทำไมคนถึงชอบกันนัก ทั้งๆที่เขามีกิจกรรมดีๆส่งเสริมศาสนากับมาด่า กับมาโวยวายเพราะเรื่องส่วนตัวของพวกคุณ เออประเทศไทยก็แปลกเห็นคนทำดีกันไม่ได้ ถ้าเป็นชาวพุทธจริงน่าจะเข้าใจว่า เวลาเห็นคนทำดีควรปฏิบัติอย่างไร? ควรจะยินดีชอบด้วยไม่ ผมจึงอยากให้มองเป็นกิจกรรมดีๆนะครับ

    อีกอย่างหนึ่งเท่าที่ผมดูวัดนี้เขางมงายให้ศาสนานิกชนทำบุญสร้างกุศลเพื่อเป็นทุนในชาติต่อๆไป แต่วัดที่คุณคุ้นเคยคงต้องเป็นวัดที่มีพระดังๆ ปลุกเสกมงคลวัตถุ หรือใบ้หวยขอหวยได้สินะ ถึงจะคุ้นๆ ไม่อยากพูดอะไรมาก ให้ไปศึกษาเรื่อง มงคล 38 ว่ามีอะไรบ้าง แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่คุณห้อยๆอยู่นั้นถ้าไม่ระลึกถึงคุณที่แท้จริง ก็ห้อยไปแค่นั้นแหละ ผมรับประกันได้เลย...

    อย่ามีอคติกับคนทำบุญ หรือพระที่ปัฏิบัติดีปัฏิบัติชอบครับ มันจะเป็นบาป ปล่อยวางหน่อยถ้าคนทำดีแล้วก็ยินดีชอบตาม.. อยากให้ลองเข้าถึงพระพุทธศาสนาดูก่อน ค่อยพิจรณาว่าวัดจานบินเป็นยังไง...

    เลิกกันชาวพุทธ วิสัยแต่ละคนเยอะเกินไป จนลืมใช้ปัญญามองภาพอะไรให้ชัดๆ
    อ่านแล้วขำ

    1. ใครมันจะไปมีอคติที่วัดมันไม่เหมือนชาวบ้าน คนเขาวิจารณ์เพราะลัทธินี้มันเน้นวัตถุธรรมมากไป
    เอาคำสอนมาบิดเบือนหลอกเเดกเงินคน ยิ่งบริจาคมาก ยิ่งได้บุญมาก ตำราไหนสอนครับ? เอาพระมาตั้งเยอะๆ จนกลายเป็นจานบินทอง เพื่ออะไรครับ???
    การทำแบบนี้ทำให้ยึดติดวัตถุ หรือพ้นทุกข์ มากกว่ากันครับ?
    ส่วนเรื่องวัดเวฬุวันมหาวิหารที่คุณยกมา ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย ผมบอกแล้ว ปฏิมากรรมมันไม่เกี่ยว

    2. ไอ้กิจกรรมของคุณ อย่าเรียกว่าส่งเสริมศาสนาเลยครับ เรียกว่าส่งเสริมลัทธิดีกว่า
    มีอย่างที่ไหน การทำบุญทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็มีด้วย???? อย่างนี้นักบวชที่ธุดงค์ และคนทำบุญ(?) บาปไหมครับ? ผิดหลักศาสนาไหมครับ?
    ศาสนิกชนที่ดี มีหน้าที่สนับสนุนกิจกรรมที่ทำความเดือดร้อนให้ทั้งคนในและนอกศาสนา ใช่หรือไม่?
    ป.ล. อย่ามายัดเยียดว่าคนอื่นชอบแห่ศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่อะไรของคุณ มันก็พอๆกับลัทธิจานบินแหละครับ

    3. "อคติกับคนทำบุญ หรือพระที่ปัฏิบัติดีปัฏิบัติชอบ" กลับไปอ่านข้อ 2
    อยากถามว่าการปฏิบัติชอบ ที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ยังเป็นการปฏิบัติชอบอยู่หรือไม่?

    4. ที่กล่าวมาข้อแรกจริงแท้ แต่ไอ้ข้อต่อมา ที่พูดคือต้องการหาว่าวัดอื่นก็เน้นวัตถุเหมือนวัดจานบินหรือครับ?
    อย่ามายัดเยียดว่าคนอื่นเข้าวัดแบบนั้นครับ อีกอย่างพระผมก็ไม่ห้อยครับ

    5. ผมอยากให้ผู้นับถือจานบินทุกคนเข้าถึงแก่นศาสนาพุทธ จังเลยครับ จะได้ตาสว่างกันซะที

    ป.ล. Steve Job ตายแล้วเป็นเทพบุตรกึ่งยักษ์จริงป่ะครับ??

    ถามจริงๆนะครับ ไม่ได้กวน รบกวนตอบด้วยจะเป็นพระคุณอย่างสูง

    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ tonetone1 อ่านกระทู้
    เออตอนพระพุทธเจ้าตั้งใจสร้างบุญ บารมี ท่าน ให้ได้แม่กระทั้งชีวิตนะครับ พระเวสสันดร เป็นตัวอย่างนะครับ แบบนี้จะด่าคนที่ ทำบุญหมดตัวซึ่งเอาแบบอย่างจะพระพุทธเจ้าได้งั้นหรือ เรื่องได้ขึ้นสวรรค์ชั้นใหนอันนี้ผมก็ไม่ทราบนะครับ - -
    โทษนะคับ คนที่"ทำบุญหมดตัว" เป็น มัชฌิมาปฏิปทา หรือเปล่าครับ (ทางสายกลาง ทำให้พระพุทธเจ้าตรัสรู้)
    ที่ผมศึกษาธรรมะมาเมื่อครั้งยังเด็ก รู้แค่ว่า ให้ทำบุญตามจิตศรัทธา อย่าให้ตัวเองและคนรอบข้างเดือร้อน
    สงสัยชาติหน้าผมคงตกนรก 55555+

    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ tonetone1 อ่านกระทู้
    ผมกล่างถึงคนที่ทำบุญนะครับไม่ได้หมายรวมถึงวัด อยากจะให้คนอื่นๆมองคนที่ทำบุญหมดตัวใหม่่นะครับ เพราะเขามีจุดประสงค์ในการทำบุญไม่เหมือนกับเราๆ เขาอาจจะอยากทำเพื่อไปนิพพานก็ได้นะครับ ครับน่าจะเคารพการตัดสินใจหน่อยนะครับ อีกอย่าง มัชฌิมาปฏิปทา มันไว้ใช้ตอปฏิบัติธรรม ตอนสร้างบุญ สร้างบารมี ไม่มีคำนี้ครับ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เวลาทำบุญต้อง มัชฌิมาปฏิปทา ไม่งั้น จะมีพระเวทสันดรได้อย่างไร ต้องเข้าใจ ในส่วนนี้นะครับ มันแยกกัน
    ผมไม่เคลียร์กับประเด็นที่ว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เวลาทำบุญต้อง มัชฌิมาปฏิปทา

    ไม่ได้สอนให้applyแค่กับการทำบุญ แต่ไอ้หลักการเดินสายกลาง ควรจะนำมาปรับใช้กับทุกอย่างไม่ใช่หรือ?
    ผมขอถามคำถามหนึ่ง : คนที่ทำบุญจนต้องเดือดร้อนหาเงินมาใช้หนี้ หรือหาเลี้ยงชีพต่อไปวันๆ ต้องทำงานหนัก ไม่เป็นการเพิ่มทุกข์ เพิ่มภาระให้กับชีวิต หรือครับ
    บุดด้าสอนให้คนใช้ชีวิตบนทางสายกลาง ชีวิตจะเป็นสุข

    การจะไปนิพพาน ผมถามว่าคุณใช้ชีวิตตึงเกินไป จะดับทุกข์ได้มั้ยครับ?

    ทำบุญจนตัวเองเดือดร้อน แล้วคิดว่าจะดับทุกข์ได้ เข้าใจผิดหรือเปล่าครับ?



    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ ViCtiM 2 Die 4™ อ่านกระทู้
    มาม่าหอมจอมเลย...[/COLOR][/SIZE]
    นิยามของมาม่าจะเป็นยังไงผมไม่ทราบ แต่ตราบใดที่ยังถกกันด้วยเหตุและผล ผมถือว่ามาม่ายังไม่ใส่น้ำร้อน จบ
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Blackened : 31st January 2013 เมื่อ 17:59

  5. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  6. #54
    "I'm Die Missing You"
    วันที่สมัคร
    May 2012
    ที่อยู่
    In Misery
    กระทู้
    1,173
    กล่าวขอบคุณ
    203
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,503


    มาม่าหอมจอมเลย...
    88 Waiting for the Rising of The NAZI 88

  7. #55
    Kill Me Baby
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    1,443
    กล่าวขอบคุณ
    11,069
    ได้รับคำขอบคุณ: 940
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ DkTaP82 อ่านกระทู้
    ขอแสดงความคิดเห็นในมุมมองของชาวพุทธนะครับ..

    ประการแรกหลายๆท่านมีอคติกับวัดแน่นอน อาทิเช่นลักษณะวัดพระธรรมกาย หรือที่ใครๆก็ว่าลัทธิจานบิน ที่ผมหมายถึงก็คือวัดลักษณะไม่เหมือนกับวัดแถวบ้านท่านใช่หรือเปล่า ที่ต้องสร้างแบบปติมากรรมแบบไทย อย่างที่เห็นกันชินตา ข้อนี้ผมก็มีอคติอยู่มาก ไหน?โบสถ ไหนศาลา? ความเป็นจริงวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อรองรับศาสนานิกชนจำนวนมาก ถึงออกแบบมาแบบนั้น เมื่อย้อนไปสมัยพุทธกาล วัดแห่งแรกของพระพุทธศาสนาคือวัดเวฬุวันมหาวิหาร หรือ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน ที่พระเจ้าพิมพิสารถวายแกพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นอาราม ใช้ประโยชน์แก่ป่าไผ่ร่มรื่นของอุทยานแห่งนี้ ซึ้งมันเหมือนกับวัดที่ปติมากรรมแบบไทยหรือเปล่า????? ลองถามผู้มีปัญญาทั้งหลาย และลองคิดพิจรณาดูว่าสิ่งที่คุณมีอคตินั้นมีเพราะอะไร?

    ลำดับต่อมาจะพูดถึงกิจกรรมที่ส่งเสริมพุทธศาสนา ให้มองในแง่นี้ถ้าหยิบการเดินธุดงห์คงคิดว่าให้เข้าป่า บริกรรมคาถาแบบนั้นหรือ? ลองนึกภาพศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่แห่กระเดินขบวน มีแต่ให้ขอพรหลงงมงายทำไมคนถึงชอบกันนัก ทั้งๆที่เขามีกิจกรรมดีๆส่งเสริมศาสนากับมาด่า กับมาโวยวายเพราะเรื่องส่วนตัวของพวกคุณ เออประเทศไทยก็แปลกเห็นคนทำดีกันไม่ได้ ถ้าเป็นชาวพุทธจริงน่าจะเข้าใจว่า เวลาเห็นคนทำดีควรปฏิบัติอย่างไร? ควรจะยินดีชอบด้วยไม่ ผมจึงอยากให้มองเป็นกิจกรรมดีๆนะครับ

    อีกอย่างหนึ่งเท่าที่ผมดูวัดนี้เขางมงายให้ศาสนานิกชนทำบุญสร้างกุศลเพื่อเป็นทุนในชาติต่อๆไป แต่วัดที่คุณคุ้นเคยคงต้องเป็นวัดที่มีพระดังๆ ปลุกเสกมงคลวัตถุ หรือใบ้หวยขอหวยได้สินะ ถึงจะคุ้นๆ ไม่อยากพูดอะไรมาก ให้ไปศึกษาเรื่อง มงคล 38 ว่ามีอะไรบ้าง แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่คุณห้อยๆอยู่นั้นถ้าไม่ระลึกถึงคุณที่แท้จริง ก็ห้อยไปแค่นั้นแหละ ผมรับประกันได้เลย...

    อย่ามีอคติกับคนทำบุญ หรือพระที่ปัฏิบัติดีปัฏิบัติชอบครับ มันจะเป็นบาป ปล่อยวางหน่อยถ้าคนทำดีแล้วก็ยินดีชอบตาม.. อยากให้ลองเข้าถึงพระพุทธศาสนาดูก่อน ค่อยพิจรณาว่าวัดจานบินเป็นยังไง...

    เลิกกันชาวพุทธ วิสัยแต่ละคนเยอะเกินไป จนลืมใช้ปัญญามองภาพอะไรให้ชัดๆ

    ชาวพุทธแน่หรอครับ นี้ถ้าอ่านหนังสือธรรมมะ ท่านจับใจความในสิ่งที่พระพุทธเจ้าสื่อไม่ได้เลยหรือไงกัน
    จุดมุ่งหมายสูงสุดคือการพ้นทุกข์ครับ คุณเห็นแค่คำว่าพ้นทุกข์ ใช่ไหมละ ?
    แค่ขึ้น ชื่อว่า "งมงาย" ก็ผิดมันทั้งระบบละครับ

    ผมมีการบ้านให้ทำเล่นๆ

    เอาคำว่า "งมงาย" กับ "ทุกข์" นี้ละ เอาไปคิด แค่คำสองคำ แต่มันมีความหมายอีกหลายตลบเลยนะครับ
    ถึงวันนี้คุณจะไม่เข้าใจ แต่วันหน้า คุณต้องเข้าใจแน่ๆ T T


    ปล.ผมชอบคำคมคุณมาก "ชอบหันหลังกลับทุกครั้ง.. เมื่อตอนเวลาหันหลังหนีศัตรู"
    ผมคิดว่าความหมายคงหมายถึง เมื่อยามที่เราเจอปัญหาเราตัดสินใจวิ่งหนี แต่ก็กลับหันหลังมาเผชิญกับปัญหา
    หรือว่าไม่ใช่ครับ ?
    ชีวิตผมรายล้อมไปด้วยกำลังใจและคำคมรอบกาย แต่สิ่งเหล่านั้น ไม่เคยผลักดันให้ผม "ต่อสู้" ได้เลย

  8. #56
    The Reds go on!!
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Anfield Road...!!
    กระทู้
    1,646
    กล่าวขอบคุณ
    4,450
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,649
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ tonetone1 อ่านกระทู้
    เออตอนพระพุทธเจ้าตั้งใจสร้างบุญ บารมี ท่าน ให้ได้แม่กระทั้งชีวิตนะครับ พระเวสสันดร เป็นตัวอย่างนะครับ แบบนี้จะด่าคนที่ ทำบุญหมดตัวซึ่งเอาแบบอย่างจะพระพุทธเจ้าได้งั้นหรือ เรื่องได้ขึ้นสวรรค์ชั้นใหนอันนี้ผมก็ไม่ทราบนะครับ - -
    มอบให้ได้แม้กระทั่งชีวิต ถูกครับ แต่ท่านเป็นกษัตริย์ มีเงินค้ำฟ้า แต่ก็ไม่ได้ใช้เงินเพื่อซื้อทานบารมีไงครับ นี่คือความต่าง
    ธรรมกาย จ่ายเงินมาก ยิ่งได้บุญมาก กับ พระเวสสันดร ทุ่มเทด้วยชีวิต เพื่อให้ถึงพระนิพพาน มันต่างกันชัดเจนครับ

    แล้วหลักธรรมคำสอน ก็แทบจะตรงกันข้ามกับที่พระพุทธเจ้าได้สั่งสอนมาทุกอย่าง เลยน่ะครับ...^^
    ** แซวนิดหน่อยได้ แต่อย่าดูถูกคนอื่นด้วยการเอาเรื่องของคนอื่นมาข่ม **

  9. รายชื่อสมาชิกจำนวน 3 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  10. #57
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Oct 2011
    กระทู้
    584
    กล่าวขอบคุณ
    460
    ได้รับคำขอบคุณ: 77
    ผมกล่างถึงคนที่ทำบุญนะครับไม่ได้หมายรวมถึงวัด อยากจะให้คนอื่นๆมองคนที่ทำบุญหมดตัวใหม่่นะครับ เพราะเขามีจุดประสงค์ในการทำบุญไม่เหมือนกับเราๆ เขาอาจจะอยากทำเพื่อไปนิพพานก็ได้นะครับ ครับน่าจะเคารพการตัดสินใจหน่อยนะครับ อีกอย่าง มัชฌิมาปฏิปทา มันไว้ใช้ตอปฏิบัติธรรม ตอนสร้างบุญ สร้างบารมี ไม่มีคำนี้ครับ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เวลาทำบุญต้อง มัชฌิมาปฏิปทา ไม่งั้น จะมีพระเวทสันดรได้อย่างไร ต้องเข้าใจ ในส่วนนี้นะครับ มันแยกกัน

  11. #58
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    1,542
    กล่าวขอบคุณ
    0
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,657
    ให้ผมตอบแบบไหนดี การทำบุญด้วยทรัพย์ก็มากมีด้วยทรัพย์อยู่แล้ว ถึงวัดพระธรรมกายจะเร่งให้สร้างบุญกุศลเป็นทุนไว้ เพราะยังไงมนุษย์เราใช้ว่าจะหลุดพ้นกันโดยง่าย
    ยังมีทั้งตัณหาทั้งหลายแหลทำให้คนต้องเกิดไปอีก เฉพาะนั้นความเลื่อมใสศรัทธาเหล่านั้นก็คือราคะนั้นเอง ยังคงส่งผลให้เกิดขึ้น เพราะด้วยความเลื่อมใสเหล่านั้น

    พระพุทธเจ้ากล่าวกับพระอานนท์ที่ว่า ด้วยไม่หมดราคะจะทำให้เธอนั้นไปเกิดอยู่ในเจ้าของเทวดาบนสวรรค์ 7 ครั้ง เกิดเป็นเจ้าเมืองบนโลกมนุษย์ 7 ครั้ง
    (จูฬนีสูตร ฯ - พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๐ - พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๒)

    แต่ผมมองว่าเป็นทุนที่ดีนะครับ เพราะยังไงก็เกิดในสุคขติภูมิ คุณว่าดีไหมครับ คนที่เกิดมาบริบูรณ์ด้วยทรัพย์ เพราะเขาทำบุญมาก ถึงแม้เพราะความเลื่อมใสเหล่านี้ก็ตาม
    แต่ก็ยังทำให้พวกเขานั้นไปสู่ที่ที่ดี ยังดีกว่าคิดเป็นอกุศลมีแต่จะตกอยู่ในทุกคติภูมิเท่านั้น ผมจึงบอกว่าอย่ามีอคติเลย เร่งศึกษาให้ดีดูก่อ เพราะเรื่องบางเรื่องนั้นก็มันก็เกินที่ผมจะอธิบายได้
    หรือคือผมไม่อยู่ในฐานะบอกได้ เพราะไม่ได้รู้จริง ตรัสรู้จริง

    แต่เรื่องที่ สตีปจ็อบเกิดเป็นยักษ์มีวิมารนั้น ไม่ใช่อะไรเพราะวัดพระธรรมกายจะสอนแนวทางให้เราปฏิบัติดีเป็นทุนภพใหม่ เฉพาะนั้น ที่สตีปจ็อบเกิดถูกต้องครับ อยู่ในวัฏสังสาร จัดอยู่ในสุคติภูมิ
    ถ้าตามที่หลวงพ่อกล่าว และวิมารดังกล่าวนั้นไม่ใช่อะไร ก็คือตัวบุญที่เขาสร้างนั้นแหละ มนุษย์เราเวียนว่ายอยู่ในวัฏสังสารมีมากนะครับ ที่เราควรใฝ่หาก็คือทางโลกเท่านั้น ไม่ต้องสนใจว่าเทวดามี
    สัตว์นรกมีหรอก เพราะแท้จริงไม่ให้หนทางการหลุดพ้นแน่นอน แต่ที่หลวงพ่อพูดนั้นไม่ผิดแน่นอน เพราะในพระพุทธศาสนามีกล่าวไว้วัฏสังสารมี 31 ภูมิ นี้คืออาจินไตย ขอเตื่อนไว้ว่า
    ฐานะอย่างเราไม่มีทางรู้แจ้งแน่นอน ต้องสำเร็จพระอรหันต์ผล สร้างมายังเห็นการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ ถึงจะอธิบายได้โดยไม่ผิดเพี้ยน แต่ที่ยกมาดังกล่าวนี้ก็คือ การที่บอกไว้ว่า
    ทำดีตายแล้วไปไหนแค่นั้น ให้เรามีความเลื่อมใสในการทำดี ถูกครับทำบุญไม่ใช่แค่วัดแน่นอน แต่นี้คือพื้นฐาน เมื่อเข้าวัดเราก็จะได้ฝึกสมาธิ ฟังเทศน์ฟังธรรม ได้รับแนวทางจากพุทธสาวก
    คุณว่าเป็นการดีไหม กับการเข้าวัด ลองพิจรณาดู เพราะอยู่ 1 ชาตินี้มีโอกาสเห็นธรรมได้ก็ดีนักหนาแล้ว เรามีบุญมากที่เกิด เมื่อเกิดเป็นคนก็หมั่นสร้างบุญกุศลกรรมไว้

    ขอเตื่อนว่าไม่ว่าอะไร เห็นคนทำดีแล้วก็อย่าไปติเตียนนะครับ กฏแห่งกรรมกับเรื่องพวกนี้ผมรับประกันว่ามีจริง ใครทำดีแล้วก็ยินดีตามไปเถอะ
    และใครอยากถามเกี่ยวกับธรรมะกับผมอีก เชิญถามได้นะครับ ผมอาจตอบได้ไม่หมด แต่จะอธิบายเท่าที่ฐานะผมพึ่งตอบได้เท่านั้น นอกเหนือจากการรู้แล้วไม่ได้ประโยชน์
    ไม่เป็นไปเพื่อนิพพานผมจะไม่ขอตอบแล้วกัน เพราะถ้าคุณรู้แล้วจะได้อะไร? และขอให้ทุกคนลองปฏิบัติธรรม นั้งสมาธิ ศึกษาธรรมะดู จะได้ไม่ต้องมาถกเถียงกันเพราะวิสัยแต่ละคน
    ถ้าปฏิบัติได้ก็รู้ด้วยตัวเองได้ แค่นั้นคุณก็จะเข้าใจ ผมอยากให้มองภาพการทำบุญเป็นสิ่งที่ดีเท่านั้น ลองพิจรณาดูก่อนค่อยเชื่อ...
    "ชอบหันหลังกลับทุกครั้ง.. เมื่อตอนเวลาหันหลังหนีศัตรู"

  12. #59
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    121
    กล่าวขอบคุณ
    94
    ได้รับคำขอบคุณ: 196
    ประเด็นที่สำคัญสุดๆเลยคือ เงินที่คนเขาทำบุญไปก็เขาบัญชีโล้น แล้วโล้นก็เอาไปใช้กับวัตถุสิ่งของความสดวกสบายของตัว
    เงินที่บริจาคไปไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น กลับทำให้ โล้นยึดติดกับวัตถุมากกว่าเดิม .... ถือเป็นการทำบาปไหมครับ ?

    ถ้าจะเปรียบเทียบ ก็เหมือนกับว่า ไอคนที่บริจาค ก็คือมาร ที่คอยเอาสิ่งล่อตาล่อใจ ไปประเคนให้โล้น
    เหมือนกับมาร ที่คอยมาล่อตาล่อใจ พระพุทธเจ้าตอนจะตรัสรู้ แต่พระพุทธเจ้า ท่านสติดีกว่าโล้น ทำให้ไม่หลงไปเหมือนโล้น


    ระวังนะครับ การทำบุญอาจไม่ได้บุญเสมอไป เหมือนกับการให้ปืนกับคนที่อ่อนแอเพื่อป้องกันตัว
    แต่ไอคนอ่อนแอนั้นดันเอาปินไปไล่ฆ๋าคนอื่น ไอคนที่ให้ปืน จะได้บุญไหมครับ
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เหม่อมึuเอ๋อ : 31st January 2013 เมื่อ 13:07

  13. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  14. #60
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    1,542
    กล่าวขอบคุณ
    0
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,657
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ เหม่อมึuเอ๋อ อ่านกระทู้
    ประเด็นที่สำคัญสุดๆเลยคือ เงินที่คนเขาทำบุญไปก็เขาบัญชีโล้น แล้วโล้นก็เอาไปใช้กับวัตถุสิ่งของความสดวกสบายของตัว
    เงินที่บริจาคไปไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น กลับทำให้ โล้นยึดติดกับวัตถุมากกว่าเดิม .... ถือเป็นการทำบาปไหมครับ ?

    ถ้าจะเปรียบเทียบ ก็เหมือนกับว่า ไอคนที่บริจาค ก็คือมาร ที่คอยเอาสิ่งล่อตาล่อใจ ไปประเคนให้โล้น
    เหมือนกับมาร ที่คอยมาล่อตาล่อใจ พระพุทธเจ้าตอนจะตรัสรู้ แต่พระพุทธเจ้า ท่านสติดีกว่าโล้น ทำให้ไม่หลงไปเหมือนโล้น


    ระวังนะครับ การทำบุญอาจไม่ได้บุญเสมอไป เหมือนกับการให้ปืนกับคนที่อ่อนแอเพื่อป้องกันตัว
    แต่ไอคนอ่อนแอนั้นดันเอาปินไปไล่ฆ๋าคนอื่น ไอคนที่ให้ปืน จะได้บุญไหมครับ
    ทำบุญกับพระปลอมได้ขึ้นสวรรค์ ทำบุญกับพระอรหันต์กลับตกนรก
    เป็นเรื่องจริงอิงตามหลักพุทธ
    อ่านให้เข้าใจเวลาทำบุญจะได้ไม่เคลือบแคลง
    ปรับเจตนาให้เป็น บุญย่อมสำเร็จตามประสงค์

    สามีภรรยาคู่หนึ่ง เป็นคนยากจนมาก
    หาเลี้ยงชีพด้วยการขอทาน เดินทางมาอาศัย
    อยู่ที่ศาลาแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง
    ในขณะที่พักอยู่นั้น ภรรยาซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ เกิดอาการแพ้ท้อง
    อยากจะบริโภคอาหารที่พระราชาเสวย จึงอ้อนวอนสามีให้ไปหามาให้
    บอกว่าหากมิได้บริโภคอาหารที่ต้องการนี้จะต้องตายเป็นแน่แท้
    ฝ่ายสามีผู้มีกรรมทนคำอ้อนวอนต่อไปไม่ไหว
    และเกรงว่านางจักตาย จึงคิดอุบายปลอมตัวเป็นพระภิกษุ
    และด้วยความที่ปลอมตัวมาใหม่ๆ จึงระมัดระวังตัวมาก
    ดูเหมือนเป็นผู้สำรวม เดินอุ้มบาตรไปใน
    พระราชวัง เพื่อรับบิณฑบาต

    ขณะนั้นเป็นเวลาที่พระราชาจักเสวยพระกระยาหารพอดี
    เมื่อทอดพระเนตรเห็นพระภิกษุเดินด้วยกิริยาอาการสำรวมมากเช่นนั้น
    ทรงจินตนาการว่า
    " ภิกษุนี้มีกิริยาอาการสำรวมน่าเลื่อมใสเป็นหนักหนา คงเป็นพระที่ทรงคุณวิเศษสักอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแม่นมั่น "
    จึงเกิดพระราชศรัทธา ทรงนำพระกระยาหารอันเลิศรสที่จะเสวย
    ใส่ลงในบาตรจนหมด ด้วยจิตที่เลื่อมใสยิ่ง

    เมื่อพระภิกษุปลอมรับอาหารแล้วเดินจากไป
    ด้วยความเลื่อมใสอันมีอยู่มากมายในพระทัยของพระราชา
    จึงรับสั่งอำมาตย์คนสนิทให้รีบสะกดรอยตามไป
    เพื่อให้รู้ว่าพระท่านมาจากไหน จะไปพักที่ไหน
    เพื่อว่าวันต่อไปจะนิมนต์มารับบาตรในพระราชวังอีก

    ฝ่ายพระภิกษุปลอมนั้น เมื่อได้อาหารเต็มบาตรสมความปรารถนาแล้ว
    ก็ดีใจ รีบเดินไปจนสุดกำแพงพระราชวัง
    เมื่อเห็นว่าปลอดผู้คนแล้ว จึงเปลื้องจีวรและสบงออกเป็นเพศคฤหัสถ์ตามเดิม
    แล้วนำเอาพระกระยาหารนั้น ไปให้ภรรยาแพ้ท้องบริโภคตามความประสงค์
    อำมาตย์ซึ่งสะกดรอยติดตามมาได้เห็นพฤติการณ์นั้นโดยตลอด
    ก็บังเกิดความตกใจและสังเวชใจคิดว่ามาเจอคนที่ปลอมตัวเป็นพระเสียแล้ว
    จึงเข้าไปหวังจะจับไปรับโทษ แต่ด้วยความสงสาร
    จึงทำได้เพียงขับไล่สามีภรรยานั้นไป และห้ามกลับมาที่เมืองนี้อีกเป็นเด็ดขาด

    หลังจากนั้นก็เดินทางกลับไปเฝ้าพระราชา
    พระราชาจึงตรัสถามว่า " ได้ความว่าอย่างไร บอกมาเร็วๆ พระนั้นอยู่วัดไหน ? "

    อำมาตย์จึงใช้กุศโลบายเพื่อ รักษาศรัทธาของพระราชาไว้
    กราบทูลว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ
    ข้าพระพุทธเจ้าได้สะกดรอย ตามพระรูปนั้นไป
    จนออกนอกกำแพงพระราชวัง
    พอตามไปสุดพระราชวังโน้น ท่านก็หายวับไปทันที "
    ( ในที่นี้ หมายถึงหายจากความเป็นพระกลายเป็นคฤหัสถ์ไป )
    พระราชาได้ฟังดังนั้นทรงโสมนัสมาก
    มิได้ซักความเพิ่มเติมอีก ทรงคิดเอาเองว่า
    " บุญของเราแท้ๆ ที่ได้ ถวายทานแด่พระอรหันต์ทรงคุณวิเศษ
    ท่านเป็นพระอรหันต์จริงๆ ปาฎิหาริย์หายตัวได้
    ทานที่ได้ถวายท่านในวันนี้มีอานิสงส์มาก
    เป็นทานที่ประเสริฐอย่างแน่ๆ "

    พระราชาทรงบังเกิดความปีติเบิกบานใจในบุญที่ได้ทำเป็นยิ่งนัก

    ไม่นานหลังจากนั้นพระราชาก็เสด็จสวรรคต
    ไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
    และก่อนที่จะสวรรคต พระองค์ได้ทรงกำชับเหล่าอำมาตย์ไว้ว่า
    เมื่อพระองค์สวรรคตแล้ว ให้ทำบุญอุทิศกุศลเพื่อเจาะจงพระองค์ด้วย



    ในคราวนั้นได้มีพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปหนึ่งเพิ่งออกจากญาณสมาบัติ
    ได้เที่ยวจาริกไปในพระนครเพื่อบิณฑบาต
    อำมาตย์คนเดิมได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปนั้น
    ก็ได้นิมนต์ท่านเข้าไปรับภัตตาหารในพระราชวัง
    แต่ในใจก็รู้สึกคลางแคลงสงสัยในพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปนั้นตลอดเวลา
    เนื่องจากครั้งก่อนเจอพระปลอมบวชเข้า
    จึงเกรงว่าในครั้งนี้ก็จะเป็นพระปลอมบวชเช่นกัน
    โดยหารู้ไม่ว่า ภิกษุที่ตนได้ถวายภัตตาหารอยู่นั้นคือ
    พระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้สิ้นกิเลสอาสวะแล้วสิ้นเชิง

    เหล่ามหาอำมาตย์นั้น ได้ประมาทแล้วในพระอริยบุคคลโดยไม่รู้ตัว
    เพราะบุคคลไม่อาจทราบได้ว่า
    ภิกษุรูปใดเป็นอริยะบุคคลหรือไม่เป็นอริยะบุคคลหรือเป็นผู้ทุศีล
    (เหตุเพราะว่าพระอริยะบุคคลใดก็ตาม
    ท่านจะไม่สามารถประกาศได้ว่าตนนั้นเป็นอริยะบุคคลแล้ว)

    ฉะนั้นการถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าในครั้งนี้นอกจากจะไม่เกิดกุศลแล้ว
    ยังทำให้อำมาตย์นั้นได้หนทางไปสู่อบายในโลกหน้าโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ใน ฉฬังคทานสูตร จตุตถวรรคแห่งปฐมปัณณาสก์ อังคุตตรนิกาย ว่า

    " ภิกษุทั้งหลาย ทานที่ประกอบด้วยองค์ ๖ คือ
    องค์ของผู้ให้ ๓ อย่าง
    องค์ของผู้รับ ๓ อย่าง

    องค์ของผู้ให้ ๓ อย่าง ( เจตนา ๓ ) คือ
    ๑. ก่อนให้ก็ดีใจ
    ๒. กำลังให้ก็มีใจผ่องใส
    ๓. ครั้งให้เสร็จแล้วมีความเบิกบานใจ

    องค์ของผู้รับ(ปฎิคาหก) ๓ อย่าง คือ
    ๑. เป็นผู้ปราศจากราคะ หรือปฎิบัติเพื่อความไม่มีราคะ
    ๒. เป็นผู้ปราศจากโทสะ หรือปฎิบัติเพื่อความไม่มีโทสะ
    ๓. เป็นผู้ปราศจากโมหะ หรือปฎิบัติเพื่อความไม่มีโมหะ
    ทานที่ประกอบด้วยคุณลักษณะ ๖ ประการนี้
    เป็นบุญใหญ่ นับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ ยิ่งใหญ่นัก
    เหมือนน้ำในมหาสมุทร นับหรือคำนวณไม่ได้ว่ามีขนาดเท่าใด
    ทานที่พรั่งพร้อมด้วยคุณลักษณะเหล่านี้ ย่อมเป็นที่หลั่งไหลแห่งบุญ
    หลั่งไหลแห่งกุศล นำความสุขมาให้ให้อารมณ์เลิศด้วยดี
    มีวิบากเป็นสุข เป็นไปพร้อมเพื่อการเกิดขึ้นในสวรรค์
    ( มีบุญที่สะสมไว้ดีแล้ว มากพอที่จะเกิดในสวรรค์ )
    ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ "
    ..................................................................

    พระราชาพระองค์นี้มีเจตนาทั้ง ๓ ระยะครบบริบูรณ์
    และมีความเข้าใจว่าปฎิคาหก(ผู้รับ)สมบูรณ์ด้วยองค์ประกอบ ๓
    ผลบุญที่ได้จึงมากมาย ส่งผลให้พระราชาเมื่อถึงคราวสวรรคตแล้ว
    ได้ไปบังเกิดในสุคติ โลกสวรรค์
    ยิ่งถ้าหากพระรูปนั้นเป็นพระจริง และปฎิบัติตามองค์ของผู้รับ ๓ ได้อย่างสมบูรณ์
    ผลบุญที่พระราชาได้จะมากมายมหาศาลยิ่งขึ้น
    เพราะทำทานครบองค์ ๖ ซึ่งจะให้ผลมากนับประมาณมิได้

    ให้พิจรณาด้วยครับ ว่าการทำบุญแก่นแท้คือที่ไหน ถ้าไม่ใช่ที่ใจ..
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DkTaP82 : 31st January 2013 เมื่อ 13:20
    "ชอบหันหลังกลับทุกครั้ง.. เมื่อตอนเวลาหันหลังหนีศัตรู"

  15. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  16. #61
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2012
    กระทู้
    409
    กล่าวขอบคุณ
    152
    ได้รับคำขอบคุณ: 742
    รู้สึกเบื่อๆกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ของประเทศไทยแล้วแหะ เฮ้อ.....

  17. #62
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    1,542
    กล่าวขอบคุณ
    0
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,657
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Msguzs อ่านกระทู้
    ชาวพุทธแน่หรอครับ นี้ถ้าอ่านหนังสือธรรมมะ ท่านจับใจความในสิ่งที่พระพุทธเจ้าสื่อไม่ได้เลยหรือไงกัน
    จุดมุ่งหมายสูงสุดคือการพ้นทุกข์ครับ คุณเห็นแค่คำว่าพ้นทุกข์ ใช่ไหมละ ?
    แค่ขึ้น ชื่อว่า "งมงาย" ก็ผิดมันทั้งระบบละครับ

    ผมมีการบ้านให้ทำเล่นๆ

    เอาคำว่า "งมงาย" กับ "ทุกข์" นี้ละ เอาไปคิด แค่คำสองคำ แต่มันมีความหมายอีกหลายตลบเลยนะครับ
    ถึงวันนี้คุณจะไม่เข้าใจ แต่วันหน้า คุณต้องเข้าใจแน่ๆ T T


    ปล.ผมชอบคำคมคุณมาก "ชอบหันหลังกลับทุกครั้ง.. เมื่อตอนเวลาหันหลังหนีศัตรู"
    ผมคิดว่าความหมายคงหมายถึง เมื่อยามที่เราเจอปัญหาเราตัดสินใจวิ่งหนี แต่ก็กลับหันหลังมาเผชิญกับปัญหา
    หรือว่าไม่ใช่ครับ ?
    งมงายคือ เชื่อโดยปราศจากการพิจรณาด้วยตนเอง
    ทุกข์ คือความไม่สบายกายไม่สบายใจ ร่วมไปถึงสรรพสิ่งที่มีนามทั้งหลายตั้งแต่คน สัตว์ สิ่งของ นั้นคือทุกข์ เพราะทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ดับ นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับ..

    เอาเป็นว่าผมมีฐานะเข้าใจธรรมะเท่าที่ผมสะสมบุญบารมีมา..
    "ชอบหันหลังกลับทุกครั้ง.. เมื่อตอนเวลาหันหลังหนีศัตรู"

  18. #63
    Guardianl๏rd
    วันที่สมัคร
    Aug 2011
    กระทู้
    904
    กล่าวขอบคุณ
    590
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,030
    บุญอยู่ที่ใจใช่เงินทอง ใส่มากไม่ใช่จะได้มาก
    แต่ถ้าใจให้มาก ก็จะยิ่งได้มากทวีคูณขึ้นไปนะแจ๊ะ

  19. #64
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    451
    กล่าวขอบคุณ
    73
    ได้รับคำขอบคุณ: 259
    เขาไปกันด้วยศรัทธา ไม่ได้เกณฑ์คนไปอะไรหรอกครับ แม่กับพี่สาวผมก็ไป นานๆที่จะได้ทำบุญกับพระธุดงค์สักครั้ง ถือว่าเป็นเรื่องดี ก็ไปด้วยใจบริสุทธิ์ อิ่มบุญกันถ้วนหน้า

    ส่วนพระจะทำด้วยสาเหตุอะไร แต่ก็ยังคงทำอยู่ในฐานะที่เป็นพุธศาสนา เผยแำพร่พลักคำสอนของพระพุทธเจ้า และรักษาพุทธศาสนาให้ดำรงษ์อยู่ไปตราบเท่านาน แต่หากมีการบิดเบือนหลักคำสอนของศาสนาพุทธ และทำเรื่องที่ไม่ดี ก็คงต้องมีการตรวจสอบแบบจริงๆจังๆแล้วล่ะครับ

  20. #65
    ......
    วันที่สมัคร
    Nov 2011
    กระทู้
    558
    กล่าวขอบคุณ
    367
    ได้รับคำขอบคุณ: 124
    ธุรกิจนี่มันลามไปถึงศาสนาแล้วเหรอเนี่ย เฮ้อ
    コアラ!!!

  21. #66
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    ที่อยู่
    กะลาแลนด์ 4.0
    กระทู้
    2,314
    กล่าวขอบคุณ
    1,843
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,598
    ขึ้นจานบินกัน... นะจ๊ะ

  22. #67
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    May 2012
    กระทู้
    1,455
    กล่าวขอบคุณ
    92
    ได้รับคำขอบคุณ: 720
    พักฟังเพลงกันก่อนครับ


  23. #68
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    1,095
    กล่าวขอบคุณ
    624
    ได้รับคำขอบคุณ: 885
    หลาย ๆ คนตอบได้เป๊ะมากเลยครับ ผมยังอึ้งเลยว่าคนในบอร์ดเรายังมีคนเข้าใจแก่นของพุทธศาสนาอยู่ ไม่หลงงมงายในลัทธิลวงครับ มีหลายคนเบี่ยงประเด็นว่าคนไม่ชอบเพราะวัดคล้ายจานบิน
    ซึ่งมันไม่ใช่ประเด็นเลยครับ ที่เขาไม่พอใจเพราะลิทธินี้บิดเบือนหลักธรรมไปคนละซีกโลกเลยครับ การทำบุญด้วยเงินไม่ใช่การจองที่บนสวรรค์หรอกครับ บุญกระทำได้หลายรูปแบบและการสั่งสมบุญบารมี
    ที่ดีที่สุดคือการเจริญวิปัสสนานะครับ ไม่ใช่ยัดเงินอัดฉีดลัทธิยูริ บุญก็ยังแบ่งเป็น บุญบารมีกับทานบุญนะครับ(ไม่รู้เรียกถูกเปล่า) มันไม่ได้มีอะไรตื้น ๆ แค่นั้น ศาสนาพุทธลึกซึ้งมากครับ แต่ยังมีคนที่ไม่เข้าใจ
    แล้วโดนหลอกไปมาก งมงายในสิ่งที่เป็นมิชฉาทิฏฐิ อ้อแล้วเรื่องธุดงกลางเมืองหลวงอะไรนั่น ผมเห็นภาพที่สีกาจับเท้าพระด้วยนะครับ ไม่ทราบว่านิกายไหนอนุญาตให้แตะต้องได้โดยภิกษุไม่อาบัติเหรอครับ
    จริง ๆ มันนยังมีรายละเอียดอีกมากคุยทั้งวันก็ไม่จบ มีคนเคยไปลองมาแล้ว เจออะไรเสื่อม ๆ เข้าก็รับไม่ได้ หมดศรัทธาทันที แล้วเอากลับมาเล่าสู่กันฟังก็มีแยะนะครับ เขาไม่ได้กล่าวโทษโดยไม่มีหลักฐานนะครับ
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jeditrainer : 2nd February 2013 เมื่อ 06:32

  24. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  25. #69
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Apr 2012
    กระทู้
    528
    กล่าวขอบคุณ
    54
    ได้รับคำขอบคุณ: 866
    ไม่เข้าใจจริงๆแฮะจะโรรยดอกไม้ ทำไม -0-


 

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top