สถาบันวิจัย Legatum Institute กรุงลอนดอน ในประเทศอังกฤษ เปิดเผยผลการสำรวจความสุขของประชากรในแต่ละประเทศ ซึ่งประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลก 5 อันดับแรกได้แก่
ชาวนอร์เวย์เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2549 มีจำนวน 101,920 คน ปี พ.ศ. 2550 จำนวน 110,076 คน ปี พ.ศ. 2551 จำนวน 127,976 คน และปี พ.ศ. 2552 จำนวน 151,572 คน ซึ่งมีสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรนอร์เวย์ซึ่งมีจำนวน 4.8 ล้านคน ในขณะที่เมื่อปี พ.ศ. 2552 มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปท่องเที่ยวนอร์เวย์จำนวนประมาณ 8,000 คน
แหล่งท่องเที่ยวที่ชาวนอร์เวย์นิยม คือ แหล่งท่องเที่ยวชายทะเลของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดภูเก็ต ปัจจัยที่ ทำให้ชาวนอร์เวย์นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย คือ ความสามารถสนองตอบต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวนอร์เวย์ในการท่องเที่ยวประเภทหาดทราย ชายทะเลของไทย และการที่ไทยมีค่าครองชีพที่ไม่สูง
เมื่อกลางเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 การบินไทยได้เปิดเส้นทางบินตรงไทย นอร์เวย์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์และนักธุรกิจ ด้วยเครื่องแอร์บัส 340-500 ประกอบด้วยชั้นธุรกิจ 60 ที่นั่ง ชั้นประหยัด 42 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 113 ที่นั่ง โดยในปัจจุบัน บินออกจากนอร์เวย์ทุกวัน ใช้เวลาบินราว 10 ชั่วโมงครึ่ง
2.เดนมาร์ก
ประเทศเดนมาร์ก เป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มแสกนดิเนเวีย มีอากาศหนาวตลอดทั้งปี (มีหนาวมากกับหนาวน้อย อุณหภูมิต่ำสุดเมื่อปี 2553 ประมาณ -20 องศาเซลเซียส โดยมีช่วงฤดูหนาวยาวนานถึง 6 เดือน) เดนมาร์กเป็นประเทศที่มีพื้นฐานมาจากเกษตรกรรม ซึ่งปัจจุบันก็มีทั้งการเพาะปลูก และเลี้ยงสัตว์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่เป็นที่รักรู้จักในเรื่องของฟาร์มโคนม และโด่งดังในเรื่องตำนานของชาวไวกิ้ง หรือเหล่านักรบที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนเรือ ก่อนจะอพยพมาสร้างถิ่นฐานบนภาคพื้นทวีป แถบแสกนดิเนเวียในปัจจุบัน สำหรับค่าครองชีพในเดนมาร์กนั้น ค่าอาหารมื้อหนึ่งตกอยู่ที่ประมาณ 570 บาท น้ำเปล่าแบบขวดลิตร ประมาณ 81 บาท นมลิตรละ 36 บาท ค่าขนส่งสาธารณะตั๋วหนึ่งเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 122 บาท
3.ฟินแลนด์
ประเทศฟินแลนด์ (Finland) มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐฟินแลนด์ เป็นประเทศในกลุ่มนอร์ดิก ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป เขตแดนด้านตะวันตกเฉียงใต้จรดทะเลบอลติก ทางด้านใต้จรดอ่าวฟินแลนด์ ทางตะวันตกจรดอ่าวบอทเนีย ประเทศฟินแลนด์มีชายแดนติดกับประเทศสวีเดน นอร์เวย์ และรัสเซีย สำหรับหมู่เกาะโอลันด์ที่อยู่ห่างจากชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้นั้น อยู่ภายใต้การปกครองของฟินแลนด์ แต่เป็นเขตปกครองตนเอง เคยถูกรัสเซียยึดครองและเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซีย
ฟินแลนด์มีประชากรเพียง 5 ล้านคน ในพื้นที่ 338,145 ตารางกิโลเมตร นับว่ามีประชากรที่เบาบาง แต่มีดัชนีการพัฒนามนุษย์ตามสถิติของสหประชาชาติ พ.ศ. 2549 อยู่ในลำดับที่ 11 ฟินแลนด์เคยเป็นส่วนหนึ่งของสวีเดนหลายศตวรรษ หลังจากนั้นก็อยู่ภายใต้จักรวรรดิรัสเซียจนถึงปี พ.ศ. 2460 ปัจจุบันฟินแลนด์เป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย
ภาษาฟินแลนด์เป็นหนึ่งในภาษาราชการไม่กี่ภาษาของสหภาพยุโรป ที่ไม่ได้มีต้นกำเนิดเป็นกลุ่มภาษาอินโด-ยูโรเปียน ร่วมกับภาษาเอสโตเนีย ภาษาฮังการี และภาษามอลตา
4.ออสเตรเลีย
เที่ยวออสเตรเลีย ดินแดนแห่งเมืองจิงโจ้
ประเทศออสเตรเลีย เป็นประเทศซึ่งประกอบด้วยแผ่นดินหลักของทวีปออสเตรเลีย เกาะแทสเมเนีย และเกาะอื่นๆในมหาสมุทรอินเดีย แปซิฟิก และมหาสมุทรใต้ ประเทศเพื่อนบ้านของออสเตรเลียประกอบด้วย อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี และติมอร์ตะวันออกทางเหนือ หมู่เกาะโซโลมอน วานูอาตู และนิวแคลิโดเนียทางตะวันออกเฉียงเหนือ และนิวซีแลนด์ทางตะวันออกเฉียงใต้
5.นิวซีแลนด์
ชาวนิวซีแลนด์ เป็นคนรักธรรมชาติ และตื่นตัวในเรื่องสภาพแวดล้อม ถึงกับประกาศให้ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นเขตปลอดนิวเคลียร์ประเทศแรกในโลก ชาวนิวซีแลนด์ ได้รับการกล่าวขานและยอมรับว่า มีอัธยาศัยและมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม ชาวนิวซีแลนด์มีไมตรี มีความเป็นกันเองเสมอ แม้ในภาคธุรกิจ เปิดรับความคิดผู้อื่น มีอารมณ์ขัน ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ชาวนิวซีแลนด์ ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ชาวกีวี" ปัจจุบัน ประเทศนิวซีแลนด์ มีประชากร (หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ชาวกีวี) ประมาณ 4 ล้านคน 75% ของประชากรอาศัยอยู่ทางเกาะเหนือ และประชากรประมาณ ล้านคนอาศัยอยู่ในโอ๊คแลนด์ และด้วย นโยบายของรัฐบาล ที่สนับสนุนให้ผู้มีความรู้ ความสามารถ อพยพจากประเทศต่างๆ เข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศนิวซีแลนด์ได้ จึงมีส่วนทำให้ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นสังคมที่ประกอบไปด้วยผู้คนจากหลายชาติ หลายภาษา นอกจากนี้ยังมีนักศึกษา จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก เดินทางเข้าประเทศนิวซีแลนด์เพื่อการศึกษาต่อในระดับต่างๆ ทั้งในหลักสูตรระยะสั้น และระยะยาว กว่า 30,000 คนต่อปี ภาษาที่ใช้เป็นภาษาทางราชการคือ ภาษาอังกฤษ
ส่วนตัวผมอยากไปใช้ชีวิตอยู่ประเทศออสเตรีย
ประเทศออสเตรีย ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกประจำปี 2009 จากผลการสำรวจของ Mercer เมือง ดังกล่าวมีความเข้มแข็งและมั่นคงทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการเมือง เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า แสนโรแมนติกเมืองหนึ่งของโลก กรุงเวียนนา ยังได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งดนตรีคลาสสิก อมตะของโลก ซึ่งนักแต่งเพลงคลาสสิกไม่ว่าจะเป็น บีโธเฟ่น โมสาร์ท, ชูเบอร์ก, บราห์ม หรือ โยฮัน สเตราส์ ล้วนมาจากที่นี่