กำเนิดมนุษย์บรรพบุรุษโลก
กำเนิดมนุษย์บรรพบุรุษโลก
กำเนิดมนุษย์บรรพบุรุษโลก : มนุษย์ยุคใหม่สืบสายพันธุ์มาจากบรรพบุรุษกลุ่มเล็กๆ ในแอฟริกาเพียง 2,000 คน เมื่อ 70,000 ปีก่อน แล้วค่อยๆ กระจายจนมีประชากรทั่วโลกมากถึง 7,000 ล้านคน ในปัจจุบัน และได้ปรับเปลี่ยนรูปร่าง หน้าตา ตามสภาพแวดล้อม
ข้อมูล teen.mthai.com อ้างอิง สำรวจโลก , Skin Color Distribution Around the World ,en.wikipedia.org
กำเนิดมนุษย์บรรพบุรุษโลก
มนุษย์ ( Homo sapiens ) ถือกำเนิดบนโลก มากว่า 200,000 ปี แต่ มนุษย์ เกือบสูญพันธุ์เมื่อ 70,000 ปีที่แล้ว เนื่องจากเกิด ระเบิดของภูเขาไฟขนาดยักษ์ ( Super Volcano ) ชื่อ Toba ที่สุมาตราเหนือ อินโดนีเซีย ทำให้เกิดฝุ่นปกคลุมทั่วโลก และเกิดยุคน้ำแข็งนานกว่า 7 ปี ทำให้มนุษย์ล้มตาย เหลือเพียงกลุ่มเล็กๆ เพียงประมาณ 2,000 คน ที่แอฟริกา ในภาพ ผลจากการระเบิดทำให้เกิด ทะเลสาป Toba ความยาว 100 ก.ม. กว้าง 30 ก.ม. ลึก 500 เมตร
Super Volcano ที่ทำให้มนุษย์ ( Homo sapiens ) เกือบสูญพันธุ์เมื่อ 70,000 ปี ที่แล้ว
แตกต่างจากภูเขาไฟทั่วไป คือ Super Volcano จะไม่มีปล่องภูเขาไฟให้เห็นเหมือนภูเขาไฟทั่วไป แต่มันจะซ่อนตัวอยู่ลึกใต้พื้นดิน ยากต่อการตรวจพบ Super Volcano เกิดจากบ่อหินละลายขนาดยักษ์ ( Magma Chamber ) ที่สะสมเป็นเวลาหลายพัน หลายหมื่น ปี ทับถมหนาหลายสิบกิโลเมตรใต้พื้นโลก
เมื่อเกิดการประทุขึ้น มันจะพ่นหินละลายออกสู่ผิวโลกด้วยความเร็วสูง Magma ที่สะสมอยู่ใน Magma Chamber ใต้ดินจะถูกพ่นออกมาและหมดไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เปลือกโลกที่อยู่ข้างบนยุบตัวลงไป เกิดเป็นหลุมขนาดยักษ์ เหมือนกับหลุมที่เกิดจากการพุ่งชนของอุกกาบาต
ภูเขาไฟ St. Helens
ความแรงของ Super Volcano ที่ระเบิดครั้งล่าสุด ที่ Toba สุมาตรา เมื่อ 70,000 ปีที่แล้ว ที่เกือบทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ มีความแรงกว่าการระเบิดของภูเขาไฟ St. Helens กว่า 10,000 เท่า ส่งเถ้าถ่านไปไกลถึง 2,500 ไมล์ บดบังแสงอาทิตย์ มีฝุ่นหนาถึง 35 ซ.ม. อากาศทั่วโลกลดลงเหลือ 21 องศา เกิดฝนสีดำที่เป็นกรด, 3 ใน 4 ของพืชที่อยู่ตอนเหนือของบรรยากาศโลกตาย
ความหวัง 2,000 คน กำเนิดมนุษย์บรรพบุรุษโลก
หลังจากที่รอดพ้นจากการระเบิด Super Volcano ครั้งล่าสุด ทำให้เหลือมนุษย์รอดเพียงแค่ 2,000 คน เท่านั้น หลังจากนั้น มนุษย์คนแรกเดินทางออกจากแอฟริกา เมื่อ 70,000 ปี ที่แล้ว เขาได้ทิ้ง DNA ไว้ในร่างกายของพวกเราทุกคน โดยการตามรอย DNA ของผู้คนกว่า 500,000 คนทั่วโลก เราสามารถตามรอยบรรพบุรุษของเราได้ ทำให้เห็นว่ามนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ มีจุดกำเนิดมาจากที่เดียวกันคือ แอฟริกา โดยต่อมาได้แยกย้ายไปตามเส้นทางต่างๆ เพื่อตั้งรกรากในทุกส่วนของโลก
การเดินทางครั้งแรกของมนุษย์
เมื่ออากาศเริ่มดีขึ้นหลัง 70,000 ปีที่แล้ว เผ่าพันธุ์มนุษย์กลุ่มเล็กๆ ที่เกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้วได้เริ่มออกเดินทางออกจากแฟริกา กลุ่มแรกที่เดินทางข้ามมายัง Eurasia (ทวีปยุโรป และทวีปเอเซียในปัจจุบัน) พวกเขาเดินทางผ่าน Bab-al-Mandab Strait ที่แยก Yemen ออกจาก Djibouti มนุษย์กลุ่มนี้เดินทางค้นหาแผ่นดินใหม่ๆ ผ่านชายฝั่งทะเลมาทางอินเดีย เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และข้ามไปถึง ออสเตรเลีย เมื่อ 50,000 ปีที่แล้ว และนี่คือ มนุษย์กลุ่มแรกที่เดินทางผจญภัยออกนอกแอฟริกา
แผนที่เส้นทางการขยายเผ่าพันธุ์มนุษย์
เมื่อประมาณ 50,000 ปีที่แล้ว บรรพบุรุษของเรากลุ่มที่ 2 ได้ออกเดินทางจากแอฟริกา มุ่งหน้าขึ้นไปสู่แผ่นดินด้านในทวีป สู่ตะวันออกกลาง และเอเชียกลางตอนใต้และได้ใช้พื้นบริเวณนี้เป็นฐานที่มั่นในการขยายอาณาจักรไปทางเหนือของเอเซีย ยุโรป และที่อื่นไกลกว่านั้น (กลุ่มแรกเดินทางลัดเลาะไปตามแนวชายฝั่งทะเลสู่อินเดีย)
เส้นทางอพยพของชาวพื้นเมืองอเมริกัน
ประมาณ 20,000 ปีที่แล้ว กลุ่มชนเล็กๆ ที่เป็นนักล่าในเอเชียมุ่งสู่เอเชียตะวันออกทางด้านอาร์คติคในช่วงที่แผ่นน้ำแข็งสูงที่สุด (Glacial) ระดับน้ำทะเลในยุคนั้นต่ำกว่าปัจจุบันนี้ 100 เมตร แผ่นน้ำแข็งทั้ง 2 ทวีปเชื่อมกัน กลายเป็นสะพานระหว่างเอเชียกับอเมริกาเหนือ (บริเวณอลาสก้าในปัจจุบัน) แถบอเมริกาเหนือตอนบนในยุคนั้น มีแผ่นน้ำแข็งปกคลุม พวกเขาเดินทางต่อ ลงมาตั้งรกรากที่อเมริกาเหนือแห่งนี้ กลายเป็นชนเผ่าอินเดียนแดง (ชาวอเมริกาส่วนใหญ่ในปัจจุบันคือชาวยุโรปอพยพ ที่เข้ามาตั้งรกรากเมื่อกว่า 250 ปีที่แล้ว) ประมาณ อีกประมาณ 15,000 ปีที่แล้ว พวกเขาจึงเดินทางมาถึง อเมริกาใต้ (กลายมาเป็นชาวอินคา ชาวบลาซิล เม็กซิโกในปัจจุบัน)
Ice Age Columbus: Who Were the First Americans
การเปลี่ยนแปลงพันธ์ธุกรรม
ชาวยุโรปพึ่งกลายสภาพสีผิวจากสีดำมาเป็นสีขาวเมื่อประมาณ 5,500 ปีที่ผ่านมา เกิดจากเปลี่ยนจากล่าสัตว์มาทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์และเพาะปลูกแทน เนื่องจากอยู่ในร่มมากขึ้น ได้รับแสงน้อยลง ทำให้ผลิตวิตามินดีได้น้อยลงไปด้วย ผิวหนังของมนุษย์จึงได้วิวัฒนาการให้เป็นสีอ่อนเพื่อรับแสงได้มากขึ้น แม้แต่ในเวลากลางคืนการได้รับแสงอัลตร้าไวโอเล็ตก็สามารถนำไปผลิตวิตามินดีได้ (ในเวลากลางคืนมนุษย์ที่มีผิวสีอ่อนจะรับแสงอัลตร้าไวโอเล็ตได้ดีกว่าผิวสีคล้ำ) มนุนย์ต้องการวิตามินดีเพื่อรักษาภาวะสมดุลของระดับแคลเซียมในเลือดและในกระดูก
เมื่อ 500 ปีที่แล้ว ก่อนเกิดการอพยพผู้คนต่างถิ่นทั่วโลกอย่างทุกวันนี้ มนุษย์ผิวสีจะอยู่ค่อนไปทางใต้ ใกล้เส้นศูนย์สูตร (equator) ส่วนสีผิวอ่อน จะอยู่ทางตอนเหนือของโลก ไกลจากเส้นศูนย์สูตร มีความความสัมพันธ์กันอย่างชัดเจนระหว่างการกระจายสีผิวของมนุษย์กับความเข็มข้นของแสง (ยิ่งใกล้เส้นศูนย์สูตรแสงยิ่งเข็มข้น ผิวยิ่งคล้ำ ไกลออกไปจากเส้นศูนย์สูตร สีผิวจะอ่อนลงตามภาพ)
อ้างอิงจาก http://teen.mthai.com/variety/57963.html