Steins;Gate
เพื่อเป็นการแก้ตัวจากรีวิวเอริโอ้ที่เผลอปลดปล่อยจิตสังหารลงในงานเขียนมากไปหน่อย คราวนี้ก็จะบรรจงเขียนให้ดีๆและเข้าใจได้ในสำนวนแบบเป็นกลาง และอาจจะช่วยตอบคำถามคาใจของคนที่คิดจะดูแต่ยังลังเลให้ตัดสินใจได้สักที เริ่มกันเลยดีกว่าครับ
สไตน์เกทโปรเจคต่อเนื่องจากคาออสเฮดของค่ายไนโตรพลัส (Nitroplus นี่ทำมาขายหนักเหลือกัน ขนาด Patch SoniComi มันยัง... -.-) ที่ทำอนิเมจากเกมค่ายตัวเองทีไรก็ไม่รุ่งเสียที อย่างกับว่าเอารายได้ขายเกมค่ายตัวเองมาถลุงเล่นเสียอย่างนั้น หากผู้อ่านนึกไม่ออกว่ามีอนิเมเรื่องไหนบ้างที่ไนโตรพลัสมีเอี่ยวก็ไม่ต้องห่วงครับ ทางเราได้จัดการลิสต์ชื่อพร้อมคำอธิบายสั้นๆไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
Demonbane อภิมหาสงครามหุ่นโคตรมหาเทพทะลุจักรวาล -เจ๊ง-
Chaos;HEAD ไซไฟจริงจัง(เขาว่างั้น) ที่ได้อาจารย์ซามุทมาเป็นคาราดีไซน์ -เจ๊ง-
Phantom นักฆ่า ดราม่า ปืน และสาวๆ -เจ๊ง-
Blasreiter ไม่ได้ดูสักตอนไม่รู้จะพูดยังไง -เจ๊ง-
Togainu no Chi ไม่ได้ดูแต่รู้ว่ามาจากเกมอย่าโอ้ยแถมdvdยังโดนยกเลิกผลิตเพราะยอดห่วย -โคตร เจ๊ง-
Madoka Magica เมื่ออุโรบุจิเขียนบทแล้วให้อ.อุเมะออกแบบตัวละคร -โคตร รุ่ง-
Fate/Zero เมื่ออุโรบุจิเขียนบทเฟทแล้วให้ทีมรัคเคียวทำอนิเม -มันไม่เจ๊งหรอก-
สไตน์เกทนี่เป็นเรื่องแรกในค่ายที่เป็นอนิเมแล้วไม่เจ๊งครับ แถมขายดีซะด้วย อาจจะไม่เท่ามาโดกะหรือเฟทซีโร่(ที่ยังไม่ออก) ซึ่งสองชื่อหลังนั้นก็ไม่อยากนับเท่าไหร่เพราะมันมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวเยอะตรงที่มันไม่ได้มีที่มาเหมือนกันกับพวกชื่อดำที่เจ๊งไป 5 เรื่องข้างบน จึงเป็นเรื่องน่ายินดีว่าในที่สุดก็ขายได้ซะที
ลายเส้นต้นฉบับจากเกมภาคXbox360ที่ออกในปี 2009 นั้นเป็นลายเส้นของ Huke ที่ทุกคนรู้จักจากผลงานสร้างชื่ออย่าง
Black Rock Shooter ที่ลายเส้นและการใช้สีไม่เอื้อกับการเป็นอนิเมสักเท่าไหร่ ดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคแรกที่ทำให้คิดว่าอนิเมทำมาก็คงแป๊กเพราะเส้นสู้ต้นฉบับไม่ได้ (ดีไซน์ต้นฉบับกับดีไซน์อนิเมไปคนละทางก็เป็นสาเหตุให้อนิเมบางเรื่องเจ๊งอนาถตั้งแต่ยังไม่ฉายนะ) แต่เมื่อ BRS เจ้าของลายเส้นเดียวกันได้เป็นอนิเมขึ้นมาเสียก่อนก็พอเห็นทางสว่าง
และถึงแม้ว่าจะเป็นคนละค่ายกับที่รับ BRSไปทำ แต่ค่าย
white fox ที่รับงานอนิเมชั่นโปรดักชั่นของสไตน์เกทเป็นลำดับสองของค่ายถัดจาก
คาตานะกาตาริ (อนิเมะคุณภาพสูงฉายเดือนละตอนที่โดนลิขสิทธิ์ไทยโดยdexเรียบร้อย)ไปนั้นกลับผลิตงานฉายทีวีออกมาได้อลังการอย่างกับทำเดือนละตอน (schedule ดีงานไม่มีเบี้ยว) แม้กระทั่งบรรยากาศทึบๆทึมๆที่ติดอยู่ในลายเส้นต้นฉบับก็ยังกลายเป็นโทนสีบังคับที่ปรากฎอยู่ในทุกฉากของภาคอนิเม ดังนั้นผู้ชมจะไม่ได้เห็นอะไรสีลูกกวาดเลยนอกจากตอนเฟริสเนี๊ยวๆออกโรง
ส่วนของเนื้อเรื่องนั้นเน้นไปที่ทฤษฎีการเดินทางข้ามเวลาด้วยไทม์แมชชีน และดำเนินเรื่องราวเหล่านั้นอยู่บนฉากหลังอย่างอากิบะศูนย์กลางแห่งความโมเอะ(คืออะไรไปหาอ่านเอาเองนะ)
โอคาเบะ รินทาโร่ เช่าห้องว่างด้านบนร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าไว้เป็นแลปวิทย์สำหรับสร้างสรรค์อุปกรณ์เพี้ยนๆต่างๆพร้อมกับเพื่อนๆสมาชิกอีกสองคนคือ
ชิอินะ มายูริ และ
ฮาชิดะ อิทารุ
----------------------------------------------------------------------------------------------------
28 กรกฎาคม 2010 โอคาเบะ รินทาโร่ และ
มาคิเสะ คุริสึพบกันครั้งแรกในงานสัมมนาเรื่องไทม์แมชชีน ไม่นานก่อนการปรากฎขึ้นของดาวเทียมลึกลับบนอาคาร และการเสียชีวิตของคุริสึในวันเดียวกัน
วินาทีที่เมลจากมือถือของโอคาเบะที่มีใจความเตือนถึงเหตุร้ายที่เกิดขึ้นถูกส่งออกไป โลกทัศน์รอบตัวของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมืองที่เคยมีผู้คนที่เดินสัญจรไปมาคับคั่งในช่วงเวลากลางวันกลับกลายเป็นหมู่ตึกร้างว่างเปล่า
และดาวเทียมลึกลับบนยอดอาคารสัมมนาที่เคยตั้งอยู่อย่างเรียบร้อย บัดนี้กลับทะลุเข้าไปในตัวตึกเสียครึ่งหนึ่ง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
28 กรกฎาคม 2010 โอคาเบะ รินทาโร่ ยังคงเล่นพิเรนทร์อยู่ในแลปแม้จะเป็นเวลาเที่ยงวันเข้าไปแล้ว ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวว่ามีบางสิ่งเปลี่ยนไปจากเดิมจากรายงานข่าวโทรทัศน์ที่พูดถึงดาวเทียมลึกลับ งานสัมมนาที่ถูกยกเลิก สิ่งไม่ชอบมาพากลนี้คืออะไร ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่ามันเคยเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขามาก่อน
เมลที่เขาส่งหาดารุก่อนหน้านี้ กลับปรากฎอยู่บนโทรศัพท์โดยระบุวันรับว่า
23 กรกฎาคม ก่อนหน้ามาคิเสะ คุริสึจะถูกฆาตกรรมถึง 5 วัน
และคุริสึที่ตายไปต่อหน้าเขาครั้งหนึ่งแล้ว ก็กลับมาปรากฎตัวให้เห็นอีกครั้ง แบบไร้รอยแผล
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นความบังเอิญในความบังเอิญที่เงื่อนไขการส่งเมลข้ามเวลาในตอนนั้นได้ครบองค์เป็นครั้งแรก ข้อความจากอนาคตที่เดินทางกลับไปสู่อดีตนั้นได้เปลี่ยนแปลงบางสิ่งจนทำให้การตายของมาคิเสะ คุริสึ ถูกยกเลิก และเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ที่ก้าวเดินไปสู่ยุคมืดของมนุษยชาติ
นอกจากการเปลี่ยนแปลงอดีตของมือถือไมโครเวฟ(ชื่อชั่วคราว)ที่เสมือนเป็นการเบี่ยงเบนเส้นเหตุการณ์ไปจากเดิมแล้ว ในช่วงกลางเรื่องยังมีอุปกรณ์อีกชิ้นที่มีความสามารถในการโยกย้ายสติของผู้ใช้ไปสู่อดีตโดยไม่มีผลในการเบี่ยงเบนตำแหน่งเส้นเหตุการณ์ไปจากเดิม(เจ้าของบล๊อกเห็นว่าย้อนแบบนี้มีความหมายเหมือนการซื้อเวลา) การใช้งานเครื่องมือทั้งคู่นี้ยังดำเนินอยู่ในสมมติฐานที่ว่าการเดินทางข้ามเวลาสามารถกระทำได้เพียงการย้อนหลัง เพราะอนาคตนั้นเปลี่ยนแปลงไปทุกวินาทีและทุกการกระทำ
แต่ไม่มีใครบอกได้ว่าอนาคตที่เต็มไปด้วยความหวังนั้น จะกลับคืนมาได้ด้วยวิธีการเช่นใด
เมื่อการแก้ไขสิ่งผิดพลาดในอดีต กลับทำให้อนาคตตกลงสู่ความมืดมน
อดีตก็ส่วนอดีต อนาคตก็ส่วนอนาคต
ให้อภัยกับทุกสิ่งกันอีกสักครั้งเถอะ
(ประโยคหลังจาก Ar ciel Ar dor ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ใช้กับสไตน์เกทแฮะ ฮา)
สไตน์เกทในฉบับอนิเมนั้นตัดทอนศัพท์เทคนิคและรายละเอียดปลีกย่อยจากเกมไปไม่ใช่น้อย เพื่อให้เนื้อเรื่องกระชับและเข้าใจได้ง่ายขึ้น เจ้าของบล๊อกเคยลองพยายามดูคลิปเล่นสมัยที่ออกฉบับ xbox360 แต่เจอกำแพงคันจิมหาโหดแถมเป็นศัพท์ประหลาดๆที่อ้างทฤษฎีนู่นนี่เต็มไปหมดจึงต้องยอมถอยไปก่อน ไม่คิดว่าจะได้รับชมเป็นฉบับอนิเมเหมือนกัน ที่พิมพ์มาทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะบอกว่า ถ้าอยากปวดหัวเพิ่ม ให้ลองไปหาภาคเกมมาเล่นกันดูครับ(มีpatch เหมือนคาออสเฮดด้วยนะ) ตอนที่เขียนอยู่นี้เหมือนอนิเมจะเข้าสู่ช่วงติดเทอร์โบทะลวงบทที่เหลือแล้ว (จากที่ใช้เวลาช่วงแรกเดินเรื่องอย่างกับอนิเมกินลมชมอากิบะ ให้แฟนคลับคอยลุ้นว่าตอนหน้ามันจะต้องสนุกแน่ๆอยู่หลายตอน) เนื้อหาที่เป็นของเหล่าตัวประกอบจึงโดนทอนซะเหลือตอนเดียว เพื่อเหลือที่ไว้ให้นางเอกและผู้ร้ายตัวจริง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แนะนำตัวละคร
ชื่อ : Okabe Rintarou(ชื่อจริง)/Hououin Kyouma(นามแฝง)
CV : Miyano Mamoru
ชื่อ : Makise Kurisu
CV : Imai Asami
ชื่อ : Shiina Mayuri
CV : Hanazawa Kana
ชื่อ : Hashida Itaru/Barrel Titor
CV : Seki Tomokazu
ชื่อ : Amane Suzuha/John Titor
CV : Tamura Yukari
ชื่อ : Urushibara Ruka
CV : Kobayashi Yuu
ชื่อ : Feris Nyannyan(นามแฝง)/Akiha Rumiho(ชื่อจริง)
CV : Momoi Haruko >>ผลงานที่ผ่านมา
ชื่อ : Kiryuu Moeka(ชื่อจริง)/Shining Finger(นามแฝง)
CV : Goto Saori